จิตวิปลาส

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย จิตสิงห์, 29 ธันวาคม 2014.

  1. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    เล่าเรื่องจริงสมัยอยู่พม่าให้ฟัง

    ที่วัดมีพระนานาชาติมาปฏิบัติธรรม ไม่เว้นแม้สายมหายาน

    ที่นั้นมีพระเกือบ 700 รูป เวลาบิณฑบาตรต้องเข้าแถวถือตามลำดับพรรษา

    พระเจ้าถิ่นจะให้เกียติพระชาวต่างชาติโดยการให้รับบิณฑบาตรก่อน แต่ก็เรียงตามพรรษาเช่นกัน

    เนื่องจากการรอรับบาตรต้องใช้เวลานาน และท้ายแถวมักได้อาหารไม่พอฉัน

    ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพระสายมหายานจะอยู่ท้ายแถวพระต่างชาติ เป็นเพราะระเบียบวางไว้อย่างนั้น

    ต่อมา กลุ่มพระมหายานรวมตัวไปเรียกร้องเจ้าหน้าที่

    ว่าตนควรได้อยูหน้าแถว เพราะตนบำเพ็ญเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า

    ทางวัดจึงจัดประชุมกันเรื่องนี้ ได้ข้อสรุปว่า เพราะท่านบำเพ็ญสิ่งที่ยิ่งใหญ่

    ให้ผู้อื่นพ้นก่อน ตนพ้นทีหลัง เรื่องการรับอาหารไม่ควรนำมาเป็นปัญหา


    ส่วนตัวแล้ว วิสัยพุทธภูมิเขาไม่เอามาอวดกัน

    อีกอย่าง ความเมตตา ต้องเป็นไปทั้ง๓ คือ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม

    มีทุกข์ขิตสัตว์เป็นอารมณ์ นี่เป็นคุณสมบัติ

    ส่วนภูมิความรู้นั้น ศึกษาพระไตรปิฏกเรื่องเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์ดู ว่าเหมือนสมัยนี้รึเปล่า
     
  2. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    อย่าพึ่งไปไกล เอาต้นทางก่อน เพราะปัญญาเกิด เห็นถูกได้ ต้องเริ่มจากต้นทาง

    ที่โยมกล่าวมา ไม่ใช่สติปัฏฐาน

    เรื่องธาตุ ๔ ควรระลึกลงที่สภาวะธาตุ ความร้อน ความแข็ง ความเย็น อาการเคลื่น ผลัก


    อาการของนาม ลักษณะคิด ลักษณะเวทนา ฯลฯ เหล่านี้ไม่ขาดแคลนเลย

    ถ้ามาทางอานาปานสติ การน้อมนิมิตกำหนดรูปกลาปไม่ใช่อย่างนั้น
     
  3. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    จิตไม่เที่ยง

    สังขารทั้งหลายไม่เว้นนิพพาน เป็นอนัตตา
     
  4. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ไม่มีนิพพาน ไม่มีผู้เข้านิพพาน
     
  5. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    จิตมีธรรมชาตรู้

    รู้ทางตา เรียกว่า จักขุวิญญาณ เกิดขึ้น ดับไป

    รู้ทางหู เรียกว่า โสตวิญญาณ เกิดขึ้นดับไป

    รู้ทางใจ เรียกว่า มโนวิญญาณ เกิดขึ้นดับไป

    ทุกอย่างอาศัยเหตุปัจจัยประชุมกัน ธรรมจึงเกิด

    อุปมา กองไฟที่ไหม้กระดาษ ลามไปไหม้หญ้า ลามไปไหม้ต้นไม้ ลามไปไหม้ป่า ลามไปไหม้บ้าน

    ถามว่าไฟกองเดียวกันหรือคนละกอง

    แน่นอน ไฟไหม้หญ้าจักกล่าวว่าไฟหญ้า มิใช่ไฟฟืน

    ไฟฟืนมิใช่ไฟป่า ไฟป่ามิใช่ไฟบ้าน มันเป็นคนละสิ่งกัน คนละปัจจัยกัน

    ทีนี้ การจะกำหนดรู้จิตนั้น ไม่ได้หมายรู้ที่มโนอย่างเดียว

    ควรกำหนดรู้ การเห็น ได้ยิน รู้กลิ่น รู้รส รู้สัมผัสด้วย เพื่อดับสักกายทิฏฐิ ไม่ติดในนามรูป

    ข้อนี้มีกล่าวไว้หลายพระสูตรมาก
     
  6. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    เป็นสำนวนเฉยๆ ความหมายเดียวกับ จิตรู้จิต

    ให้โยมเอกอธิบาย เรื่องจิต ๒ขณะ ๓ ขณะ ช่วงข้ามโคตรภูดู เห็นยกมาโพสอยู่
     
  7. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    หลวงพี่ครับ มโนมยิทธิ เขาเห็นนิพพาน เห็นพระอริยะเห็นพระพุทธเจ้าในนิพพานเยอะแยะนะครับ ธรรมกายก็เห็นเมืองแก้วเมืองนิพพานกันนะครับ

    หลวงพี่ แสดงแบบนี้ ขัดแย้งกับ พวกเขาเหล่านั้นนะครับ

    อย่างน้อย ที่พวกเขาเห็น มันน่าจะมีความจริงบ้างสิครับ หรือหลวงพี่ มีเหตุผลใดมา หักล้างครับ ว่า ไม่มีใครเข้านิพพานครับ แล้วพระพุทธเจ้าท่าน กล่าวถึงพระนิพพาน เพื่อสิ่งใดกันครับ

    นิมนต์หลวงพี่ ขยายปัญญาด้วยครับ
     
  8. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    นิพพานมี ๒

    กิเลสนิพพาน

    และขันธนิพาน ดับสนิทพ้นจากขันธ์๕ ไม่มีการเกิด ย่อมไม่มีการตาย
     
  9. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    ถ้าจิตเป็นธรรมชาติรู้ สมมุติไม่มีกายสัตว์ ไม่มีอายตนะ จิตรู้ที่ว่านี้ มันรู้ได้แค่ไหนกันล่ะครับ

    กายใจเป็นอายตนะรู้ธรรมชาติโลก แล้ว รู้ของอายตนะเป็น ธรรมชาติรู้มั้ยครับ

    ระหว่างจิต กับอายตนะกายใจ อันไหนที่มีหน้าที่รู้ธรรมชาติครับ
     
  10. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    นิพพานมี สองแบบ คือ หนึ่งนิพพานตอนมีชีวิตเรียกว่าดับอวิชชาได้

    สองกายใจนิพพานคือตายลงหลังจากดับอวิชชาได้นั่นเอง

    แค่นี้ครับ
     
  11. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    นิพานเป็นสภาวะ

    คำว่านิพพาน เป็นบัญญัติใช้เรียกกัน

    นิพพานไม่มีบัญญัติ แม้จะเรียกชื่ออื่นๆก็เป็นเรื่องให้ค่า ติดในบัญญัติ

    เมื่อนิพพานเป็นสภาวะ แล้วจะมีผู้เข้านิพพานได้อย่างไร

    ผู้เข้านิพพานก็เป็นสภาวะ

    หากยังยึดในตัวตนว่าเป็นผู้เข้านิพพาน ความยึดนั้นก็เป็นบรมอัตตา นิพานจึงเป็นอัตตาขึ้นมา

    โดยความหมาย สุญญตา เป็นเช่นนี้
     
  12. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    จิตต้องอาศัยวัตถุในการรู้

    จิตเกิดทางตา รู้ทางตา

    ตา เห็น เป็นโลกหนึ่ง มีแต่เห็นสี ตาได้ยินไม่ได้ คิดไม่ได้

    จำได้ก็เป็นสภาวะหนึ่ง รู้สึกชอบไม่ชอบก็เป็นสภาวะหนึ่ง เป็นโลกๆหนึ่ง


    หากไม่มี ตา หู ลิ้น จมูก กาย ก็เป็นเรื่องรู้ทางใจ คือรู้อารมณ์ นามธรรม

    ถามต่อว่า แล้วผู้ตาบอดแต่กำเนิด กับผู้ตาบอดภายหลัง เหมือนหรือต่างกัน
     
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,421
    ค่าพลัง:
    +3,204
    กราบนมัสการค่ะ

    เป็นการศึกษา พร้อมกับปฏิบัติมาบ้าง นำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากหลายทางที่เกิดขึ้น
    กับกายใจ จึงรู้และเข้าใจว่า....

    สิ่งที่เกิดให้เห็นขณะจิตเป็นสมาธิขณะสงบมากจะเห็น ดวงนั้นเกิดขึ้นเสมอ แต่
    ไม่ได้สงสัยว่าคือ อะไร จนมาอ่านวิชาธรรมกายของหลวงพ่อสด กล่าวไว้ว่า
    สิ่งนั้นคือ ธาตุทั้งหก อันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง ที่เกิดเป็นรูปและนาม
    หรือ กายและใจ

    ซึ่งมนุษย์ประกอบด้วยสองส่วน คือ กาย และ ใจ
    กาย ประกอบด้วยธาตุหลักทั้งสี่ ซึ่งเราเห็นเป็นรูปธรรมได้
    และภายในกายก็มีอากาส (ช่องว่าง)
    ซึ่งต้องมีใจ หรือ นามธรรม ที่อยู่ภายใน ที่เป็นอารมณ์รู้สึกที่มาจาก
    เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ ถ้าเรียกขันธ์ว่าเป็นกอง เป็นดวง
    ก็จะเป็น ดวงรู้สึก ดวงจำ ดวงนึกคิด ดวงเห็น ซี่งถ้าเรารับรู้ได้ทางอายตนะ และทางสัมผัส เรียกว่า มโนสัมผัส
    โดยมีการรับรู้ทางอายตนะภายนอกภายในเช่นกระทบทางตา ที่เรียกจักขุ เป็นผู้รับ
    มีวิญญาต เป็นผู้รู้ เป็นจักขุวิญญาณ โดยผ่านทางมโนวิญญาณ
    มโนวิญญาณ รับและรู้ ที่เรียกว่า การรับรู้ทางอายตนะ จะเกิดจาก เห็น รู้ จำ คิด
    คือ การปรุงแต่งของนามขันธ์ แล้วเกิด ความคิด อารมณ์และความรู้สึก ได้แสดงออก
    ทางกาย วาจา ใจ

    ที่แน่เป็นความรู้ที่เข้าใจมานะคะ และเผอิญไปตรงกับหลวงพ่อสดกล่าวไว้
    ประกอบ คือ มนุษย์ที่ประกอบด้วย กายเป็นสิ่งที่อยู่ภายนอก และ ใจ
    เป็นสิ่งที่อยู่ภายใน ภายในร่างกายและใจ จะต้องประกอบด้วยอากาส
    ส่วนที่ว่าวิญญาณธาตุ หรือ ผู้รู้ หรือ อุปาทานขันธ์ หรือ ตัวที่เป็นตน(อัตตา)
    ล้วนมาจากขันธ์ทั้งห้า ที่เรียกว่าอุปาทานขันธ์ การเห็น การนึกคิด การจำได้หมายรู้
    หากไม่มีมโนวิญญาณแปลความหมาย จะไม่รู้เลยว่าสิ่งที่รู้นั้นคืออะไร ก็คือ
    ให้ความหมายว่า วิญญาณทีเป็นดวงข้างในนั้นคือ ผู้รู้ ที่นำไปสู่การเกิดภพ
    อะไรคือการมีภพ คือ กรรม กรรมมาจากอะไร ก็มาจากตัวคิดทีออกมาจากใจ
    ใจที่ประกอบด้วย เวทนา สัญญา สังขาร ที่อยู่ในวิญญาณนะคะ

    วงนอกธาตุทั้งสี่ประกอบเป็นกาย วงในสุด คือ วิญญาณธาตุ (ใจ)
    ช่องว่างระหว่าง สองวงนั้น คือ อากาสธาตุ

    งง ไหมคะ เขียนไปเขียนมาก็ชักงงเหมือนกันคะ กราบนมัสการคะ

    ขออโหสิกรรมนะคะ ถ้าพาดพิงถึงหลวงพ่อท่าน แล้วแปลความหมายผิดไปจาก
    เจตนารมย์ของท่าน
     
  14. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เวลาเกิด คำถามแบบนี้ หรือ รู้สึกได้แบบนี้ ในจิต คราวหน้า
    แนะนำว่า ให้กำหนดรู้เห็นสภาวะชื่อ " สุดขอบโลก สุดขอบจักรวาล "

    ถ้า กำลังสติดี กิเลสไม่ครอบงำง่าย ก็จะ แนะนำให้ ให้กำหนดรู้เห็นสภาวะชื่อ
    " สุดเขตขันธ์ " หรือ " สภาวะใช้ขันธ์แสวงหานิพพาน "

    ถ้า กำลังสัมปชัญยะดีมากๆ กิเลสไม่ครอบงำง่าย ก็จะ แนะนำให้ ให้กำหนดรู้
    เห็นสภาวะชื่อ " เอาถาดทองไปรองเยี่ยว " หรือ " เจ้าเงาะ "

    ก็พิจารณาเอา ตามกำลังความสามารถ จิตตั้งมั่น ถ้า จิตตั้งมั่นมากๆ เราก็จะ
    ประเคน ถ้อยคำไปตาม ความสามารถในการ ทน ต่อการเพ่ง พิสูจน์กิเลส

    ************************************************


    กลับมาเรื่อง ธรรมะ ที่คุณปรารภแล้ว ทราบทั่วถึงพอใช้ คือ จิต มโน วิญญาณ
    คือ สิ่งเดียวกัน .........อย่า แยก !!

    การ แยก แปลว่า คุณกำลัง บัญญัติ ธรรมที่พระพุทธองค์ไม่ได้ บัญญัติ

    ถ้าเอา ตามพระพุทธองค์บัญญัติ จำให้ขึ้นใจ อย่าให้ตกไปจากใจ
    ก็ต้อง " จิต มโน วิญญาณ ปัณฑระ ฯ " คือ สิ่งเดียวกัน

    เป็น สิ่งเดียวกันที่ มีปัจจัยจาก สังขาร

    เว้นจาก สังขาร " จิต มโน วิญญาณ ปัณฑระ ฯ " จะเกิดไม่ได้ เด็ดขาด

    *********************************************

    จะเห็นว่า หากทรงจำไว้ได้ ทรงธรรมของพระพุทธองค์ไว้ได้ จะไป ทะลึ่ง
    ไปบอกว่า " นิพพาน(จิตเดิมแท้ รหัสพ้อรหัสแม่) มีปัจจัยจาก สังขาร "
    ( โดย ครั้งนี้ หมายเอาการทะลึ่ง บัญญัติจิตเดิมแท้ ที่เหมือนกับว่า ไม่ได้มี
    ปัจจัยเกิดจาก สังขาร )

    *************************************

    ถ้าไม่ บัญญัติสิ่งที่พระพุทธองค์ไม่ได้บัญญัติ แน่นอนเลย มันจะ ตัน

    จะไม่เกิดการ บัญญัติว่า " จิต " จะบัญญัติไม่ได้ หากบัญญัติว่า
    จิต แน่นอนเลยว่า ไปเอา สังขารมาเป็นปัจจัยในการบัญญัติ 1000%
    หรือ เอา ถาดทองไปรองหมาเยี่ยว แน่นอน

    ทีนี้ หากไม่บัญญัติแล้วมันเหลืออะไร .......

    ตรงจุดนี้ คนที่เขาปฏิบัติ เขาจะไม่ สงสัย

    ส่วนคนที่ เข้าใจว่า ธรรมคือการพยักหน้าเข้าใจ ในภาษา ก็จะ
    ทนไม่ได้ จนไปงัดคำว่า " สูญ " มาปรักปรำธรรม

    หรือเข้าทำนอง ขุดตน เพราะ กล่าวตู่ธรรม กล่าวตู่ตถาคต

    บัญญัติสิ่งที่พระพุทธองค์ไม่ได้บัญญัติ

    นะ

    ธรรมะ กุศลที่ถึงพร้อม หรือ อนุปาทิเศษนิพพาน เนี่ยะ มันเข้าถึง ด้วยการปฏิบัติ

    ไม่ใช่ เอาขันธ์5 ไปรองรับ นิพพาน ด้วยอาการ กล่าวโน้น กล่าวนี้ อะ กู เข้าใจ
    แล้วอ้างลอยๆว่า ที่กูพยักหน้าเข้าใจลอยๆไปก่อน เป็นการ นิพพานด้วยยังมีขันธ์5
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มกราคม 2015
  15. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    เอิ่ม .......

    แล้ว เรื่องพยายามเอา ถ้อยคำใหม่ๆ แปลกๆ ของพวกที่ ฝึกฌาณ
    มา สวมทับ ทำท่าว่า กูมีความรู้ในทางธรรม

    คุณคร้าบ คุณอย่าไปทอย่างนั้น มันไม่เข้ากัน ยิ่งทำ ยิ่งขี้เท่อ คนเขา
    ยิ่งดูออกว่า คุณมั่วซั่ว จับ แพะ ไปชนกับ โปรโตซัว ( ยิ่งกว่า ชนแกะ )

    คือ มันต่างกันมาก ระหว่าง คนที่ไม่เคยประกอบสมาธิ ทำฌาณ อ้าง
    ตนว่าใช้ปัญญาล้วนๆ แล้ว ยังทะลึ่งไป ควักเอาคำของพวกเล่นฌาณ
    มา สวมเขา หลอกตบตาว่า กูเข้าใจธรรมะลึกซึ้ง ....................


    โอยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
     
  16. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    ในสติปัฏฐานมีอยู่หลายวิธี ในการเข้าถึงมรรค

    ลองเทียบเคียงดูว่า แนวทางปฏิบัติ ตรงหรือสอดคล้องพุทธพจน์หรือไม่

    มีการกำหนดรู้ ขันธ์ ธาตุ อายตนะ อินทรีย์ อริยสัจ ปฏิจสมุปบาทหรือไม่

    สภาวะไม่ใช่ปัญญา แต่ปัญาจะเกิดได้ต้องอาศัยสภาวะในการพิจารณา

    ทีนี้ สภาวะธรรมมีอยู่ตลอดเวลา ระลึกได้ตลอดเวลา จนประจักษ์รู้นามรูปอย่างแจ่มแจ้ง คลายสักกายทิฏฐิได้

    ก็เพราะอารมณ์แสดงออกทางกาย วาจา ใจ นั้น

    สติและปัญญา สามารถกำหนดได้เป็นขันธ์ต่อขันธ์ ธาตุต่อธาตุ เห็นอาการที่ไม่เหมือนกันเลย

    เห็นความแตกต่างระหว่างรูปธรรมและนามธรรม ไม่ปะปนกัน

    ปัญญาที่แยกนามรูป กำหนดถูกตัว ถูกสภาวะ จนจำลักษณะต่างๆได้

    ตรงนี้ทำให้แม่นยำในการกำหนดที่เหตุทุกข์ เหตุที่เร่าร้อน ความกอดรัด ยึดมั่นในอารมณ์ที่เสพได้

    ปัญญาเมื่อรู้ชัดในสภาวะ รู้เหตุ รู้วาง มันรู้แล้วรู้เลย
     
  17. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    จะเห็นว่า แม้จิตเองยังต้องอาศัย อายตนะกายใจเป็นเครื่องมือในการผัสสะ ดังนั้น ตัวรู้จริงๆ ตัวผัสสะจริงๆคือ อายตนะทั้งหก คือกายใจ ส่วนจิตคือ อุปทานขันธ์ล้วนๆ ถามว่า วิญญาณ เกิดมีในผัสสะของอายตนะ ทุกคนอ่านมาทุกคนอยู่แล้ว

    แล้วถ้าถามว่า ในจิตรู้ มีวิญญาณมั้ย ก็ในเมื่อจิตรู้ มันรับรู้วิญญาณที่เกิดจากอายตนะมาก่อนหน้านั้น ดังนั้นถือว่า วิญญาณที่อยู่ในจิตถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นสัญญาความจำที่ถูกยึดมั่นถือมั่นเอาไว้ก่อนแล้ว จิตสร้างวิญญาณเองไม่ได้หรอก แค่วิญญาณที่เคยรู้มาเท่านั้น

    ส่วนที่หลวงพี่ถามว่า ตาบอดนั้น ไม่ไช่ประเด็นครับ เพราะความจริง เราจะเอาอายตนะห้า มาแบ่งแยกความแตกต่างและข้อสรุปมาเป็นมาตรฐานไม่ได้ เพราะอายตนะที่หก คือใจนั้น ต่างหากครับ คือที่รวมลงของอายตนะทั้งห้า

    แต่ตาบอดแต่กำเนิด แล้วจะเอามาวัดกับคนไม่ตาบอด มันย่อมต่างกัน ที่กรรมเก่าส่งผลมา ดังนั้น ถ้ายกตัวอย่างมา ก็หาข้อสรุปที่สุดไม่ได้ เพราะ กรรมมันบังคำตอบสุดท้ายอยู่ครับ
     
  18. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    สติปัฏฐานคือมรรคครับ ฝึกเพื่อผล


    คำว่าความแม่นยำในการกำหนดทุกข์ คำนี้ ยังไม่เป็นมรรคครับ

    คำว่ารู้แล้ว รู้เลย จึงเป็นมรรคครับ
     
  19. หนึ่งจิต

    หนึ่งจิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,928
    ค่าพลัง:
    +4,388
    สิ่งที่เกิดในตน ให้สงบเองจะรู้เอง ไม่ต้องคิด ไม่ต้องไปอ่านคำของคนอื่นมาประกอบในการทำความเข้าใจหรอกนะ เพราะความเข้าใจของคนอื่น ไม่ไช่ความเข้าใจของตัวเรา
     
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,421
    ค่าพลัง:
    +3,204

    ท่านจะคิดอย่างไรก็ตามพระราชหฤทัยท่านเถิดคะ

    เพราะสิ่งที่ข้าพเจ้าประสบด้วยตนเองแล้ว ก็คือ กรณีที่เหมือนหลวงตาบัว
    บอกไว้ว่า พระธรรมที่ผุดมาเป็นคำ ๆ ออกมาให้รู้ความจริงของปรมัตถ์
    ที่ท่านกล่าวไว้เรื่องจุดหย่อมของผู้รู้ แต่ของข้าพเจ้าเป็นความจริงของ
    ปรมัตถ์เรื่อง เรื่องราวที่ผ่านมาในอดีตเปรียบดังสุญญกาศ และ
    ความว่างในธรรมชาติ มีสภาวะรู้ที่แม้แต่ธรรชาติก็ไม่มี จึงไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร
    คือ รู้สภาวะสุญญตา

    ข้าพเจ้าไม่รู้จะพูดเล่นไปเพื่ออะไร ที่นำมากล่าวก็ไม่ได้มาอวดภูมิ แต่ก็เพื่อ
    ให้ผู้มีสติปัญญาลองพิจารณาความจริงแค่นั้นเอง เชื่อหรือไม่ก็สุดแท้แล้วแต่
    วาสนาของท่านนั้น และข้าพเจ้าไม่ได้ยืนยันถึงความถูกต้องว่าสิ่งที่ข้าพเจ้า
    กล่าวนั้นจริง เพราะข้าพเจ้ายังไม่ใช่พระอรหันต์ ผู้ที่ท่านประสบมาด้วยตนเอง
    จะรู้ว่าที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้นั้นคืออะไร เพียงแค่แลกเปลี่ยนธรรมกันเท่านั้นเอง
    และข้าพเจ้าก็ยังไม่ใช่ พระโพธิสัตว์
     

แชร์หน้านี้

Loading...