เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ภาพวาดของคุณน้องYear of the Catสวยงามมากทั้งสองภาพค่ะ
    สมองซีกขวาทำงานคล่องตัวแล้ว(rose)
     
  2. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    คุณค่าของอารมณ์

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า อารมณ์เป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดสำหรับการถือกำเนิดเป็นมนุษย์ หากปราศจากอารมณ์ มนุษย์จะปราศจากการติดต่อสื่อสาร ปราศจากการให้-การรับ และปราศจากการถ่ายทอดทั้งปวง โลกจะเป็นโลกอยู่ไม่ได้หากมนุษย์ปราศจากอารมณ์

    นอกจากนี้ท่านอาจารย์อนาลัยยังกล่าวอีกว่า เราควรจะเรียนรู้ที่จะใช้อารมณ์ไปในทิศทางที่สร้างสรรค์ ไม่ใช่เรียนรู้ที่จะเก็บกดอารมณ์ เพราะอารมณ์เป็นปัจจัยที่เป็นพลังผลักดันให้เกิดการถ่ายทอดข้อมูลความรู้ ร่วมกับจินตนาการและความรู้สึกนึกคิด

    เรามักตีความหมายแทบจะทุกสิ่งทุกอย่าง-อย่างจำกัดด้วยการแยกประเภทว่า สิ่งใดถูก-สิ่งใดผิด ซึ่งทำให้ดูเสมือนว่าเรามีทางเลือกเพียงสองทางคือ ทางที่ถูกหรือทางที่ผิด-เท่านั้น แท้ที่จริงแล้วเรามีทางเลือกมากมายเป็นอนันต์-ปราศจากขีดจำกัด เพราะการสร้างสรรค์ทั้งหลายปราศจากขีดจำกัด หากเราเรียนรู้ที่จะเห็นเพียงความแตกต่าง และชื่นชมกับความแตกต่างเหล่านั้นด้วยการค้นหาสิ่งสร้างสรรค์อันหลากหลายในความแตกต่างนั้นๆ เราไม่ได้มีเพียงแค่คนดี-คนชั่ว คนผิด-คนถูก คนสวย-คนขี้เหร่ เพียงสองประเภทในโลก หากแต่โลกและจักรวาลของเราเป็นมิติทางกายภาพที่มั่งคั่ง เต็มไปด้วยความหลากหลายอันปราศจากขีดจำกัด

    เราไม่อาจตัดสินได้อย่างเด็ดขาดและตรงไปตรงมาเสมอไปว่า สิ่งใดถูกต้องหรือสิ่งใดผิด เพราะความละเอียดอ่อนในสาระมีมากมาย เช่นเดียวกับการมีสีเทาหลาย shade หรือหลากหลายความเข้มของสี ซึ่งอยู่ระหว่างสีดำที่เราเชื่อว่าดำสนิทกับสีขาวที่เราเชื่อว่าขาวสนิท
    [​IMG]

    หากปราศจากสีขาว-สีดำก็ไร้ความหมาย หากปราศจากสีดำ-สีขาวก็ไร้ความหมาย สีเทาอันหลากหลายที่อยู่ระหว่างสีดำและสีขาวล้วนเป็นจุดอ้างอิงให้เราตระหนักได้ว่า เราอยู่ไกลหรือใกล้ความดำความขาวมากน้อยเพียงใด

    [​IMG]
    หากเราเปรียบความดีหรือความถูกต้องกับสีขาว ความชั่วหรือความผิดกับสีดำ แทบจะกล่าวได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ล้วนเป็นสีเทาต่าง shade ไม่มีบุคคลใดที่เป็นสีขาวสนิทซึ่งเกิดมาไม่เคยทำความผิด ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม และไม่มีบุคคลใดที่เป็นสีดำสนิทซึ่งเกิดมาไม่เคยทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม

    แม้แต่พายุ ภูเขาไฟระเบิดหรือภัยพิบัติเช่น Tsunami ซึ่งดูเสมือนว่าเป็นส่ิงที่เลวร้าย แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ผลสืบเนื่องบางอย่างที่เกิดขึ้นตามมา กลับกลายเป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ และเป็นไปในทิศทางที่ดีกว่าเดิม การทำลายล้างตามธรรมชาติ กลับกลายเป็นการสะสางหรือทำความสะอาดให้กับธรรมชาติที่ถูกทำให้สกปรกเสื่อมโทรม การสูญเสียชีวิตของผู้คนจำนวนมาก กลับทำให้มนุษย์แสดงออกซึ่งความเอื้ออาทร ความเมตตา และช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เกิดการร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกันของผู้คนต่างชาติ ต่างภาษา

    กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าสิ่งที่ดูเสมือนจะเลวร้าย ไร้ความปรานี และไร้ความดี เป็นปัจจัยเหนี่ยวนำให้มนุษย์เรากลับคืนสู่ภาวะอันเป็นแก่นแท้ของจิตวิญญาณ คือ ความเมตตา ก่ีช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และความเป็นหนึ่งเดียวได้เสมอ

    เราสามารถตัดสินได้ว่าอารมณ์หนึ่งๆที่ผุดขึ้นมานั้น เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีได้จากผลลัพธ์ว่า อารมณ์นั้นเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์หรือทำลายล้าง ณ จุดนั้นๆ และผลสืบเนื่องที่จะตามมา

    บางครั้งเราอาจพบว่า ณ ขณะจิตหนึ่งๆ เราไม่อาจตั้งอยู่ในอารมณ์ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีได้ เพราะประสบการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทำให้เราต้องทำในสิ่งจำเป็นที่ทำให้ไม่อาจรู้สึกดีได้ ณ วินาทีนั้น ยกตัวอย่างเช่น หากเราพบว่าลูกของเรา พี่ น้อง เพื่อน ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือแม้แต่ผู้บังคับบัญชา ฯลฯ กำลังทำในสิ่งที่ผิดหรือไร้คุณธรรม การที่เราจะเอ่ยปากว่ากล่าวตักเตือน สั่งสอน หรือยับยั้งเขา อาจเป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องตกอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัว โกรธ เกรงกลัว แต่การที่เราไม่เอ่ยปากว่ากล่าวตักเตือน สั่งสอนหรือยับยั้งเขา ก็ทำให้เราต้องตกอยู่ในอารมณ์ที่รู้สึกไร้พลังอำนาจ อึดอัดใจ หรือแม้กระทั่งรู้สึกผิด

    เราจะทราบได้ไม่ยากว่าอารมณ์หนึ่งๆที่ผุดขึ้นมาขณะนั้น เป็นอารมณ์ที่สร้างสรรค์หรือทำลายล้าง เพราะเมื่อใดก็ตามที่จิตวิญญาณของเราสร้างสรรค์ เราจะมีอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่ดีเสมอ พูดง่ายๆได้ว่า - รู้สึกดี รู้สึกอิ่มเอิบ รู้สึกถึงอิสรภาพและมีความรู้สึกที่คล้องจองกับความปรารถนา รู้สึกถึงพลังอำนาจ แม้ว่าขณะที่เราจะต้องทำการว่ากล่าว ตักเตือน สั่งสอนหรือยับยั้งอาจนำมาซึ่งความรู้สึกที่ยากลำบาก แต่หากเราได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ในที่สุดอารมณ์ของเราจะกลับคืนสู่สมดุลย์ ที่ทำให้เรารู้สึกดีได้ดังเดิม และผลสืบเนื่องที่เกิดขึ้นตามมาย่อมหนุนเนื่องให้เราตั้งอยู่ในความรู้สึกที่ดีต่อไปหรือดียิ่งกว่าเดิม

    เมื่อใดก็ตามที่เรารู้สึกไม่ดี รู้สึกสูญเสีย หวาดกลัว ขาดแคลน ไร้พลังอำนาจ รู้สึกถึงการไม่เป็นอิสระและมีความรู้สึกที่ไม่คล้องจองกับความปรารถนา เราจะตระหนักได้ว่าอารมณ์ที่เราตั้งอยู่นั้นเป็นอารมณ์ที่ไม่สร้างสรรค์ และหากเราไม่ตัดสินใจทำในสิ่งที่คล้องจองกับความปรารถนา ผลสืบเนื่องที่จะตามมาก็จะทำให้เรามีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อไปอีก หรือรู้สึกไม่ดียิ่งไปกว่าเดิม

    เรามักจะเกรงว่าอารมณ์ของเราจะทำให้เราปรารถนาในสิ่งที่เราไม่สมควรได้รับ ทำให้เราเอารัดเอาเปรียบผู้อื่น หรือตัดสินใจทำในสิ่งที่เป็นพิษเป็นภัยต่อตนเองและผู้อื่น จนกระทั่งทำให้เราไม่กล้าที่จะทำตามอารมณ์ และเราก็ลงเอยด้วยความรู้สึกไร้พลังอำนาจ

    หากเราตระหนักได้ถึงกลไกธรรมชาติของอารมณ์ที่ว่า การเลือกที่จะทำไปตามอารมณ์เพราะมันจะทำให้รารู้สึกดี มีความสุขและอิ่มเอิบ และมีพลังอำนาจ อารมณ์นั้นย่อมเป็นอารมณ์สร้างสรรค์ที่ไม่เคยทำร้ายใคร เพราะอารมณ์นั้นๆเป็นแก่นแท้ของจิตวิญญาณที่เสมอเหมือนกับต้นกำเนิดของจักรวาล ซึ่งเป็นอารมณ์ที่ตั้งอยู่บนรากฐานของการให้-การรับที่สมดุลย์ การการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันและความเป็นหนึ่งเดียวเสมอ

    ให้คุณน้องขจรวรรณหยุดสำรวจความรู้สึกของตนเองสักนิดว่า อารมณ์ของเราในขณะนั้นเป็นไปเพื่อการสร้างสรรค์หรือทำลายล้าง หากมันเป็นไปเพื่อการสร้างสรรค์ มันย่อมทำให้คุณน้องรู้สึกถึงพลังอำนาจที่คล้องจองกับความปรารถนา ทำให้รู้สึกดี รู้สึกเสมือนได้รับพร ให้คุณน้องศรัทธาว่าเรากำลังใช้อารมณ์ไปในทิศทางอันสร้างสรรค์ เพราะเมื่อเรารู้จักใช้อารมณ์ไปในทิศทางสร้างสรรค์เสมอๆ

    เราจะตระหนักว่า ไม่ว่าเราจะทำอะไร เราจะชอบใช้อารมณ์ของเราสร้างสรรค์เสมอ เช่นเดียวกับที่พวกเราชาวห้องวิทย์นำอารมณ์มาสร้างสรรค์ภาพวาดที่งดงามมากขึ้นทุกวัน เพราะมันเป็นกลไกสร้างสรรค์ตามธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับจิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง หากใครทักว่า "ทำอะไรชอบใช้อารมณ์" เราอาจจะแอบตอบในใจ(เงียบๆนะคะ)ได้ว่า (rose)ขอบคุณค่ะสำหรับคำชม(rose)
     
  3. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ขอสนับสนุนคุณน้องเด็กโชว์พาวค่ะ และขอตอบคุณน้องขจรวรรณเรื่องการใช้อารมณ์อีกนิดนึงว่า การตั้งอยู่ในอารมณ์และความรู้สึกที่ดี ย่อมจะเหนี่ยวนำสิ่งต่างๆที่เป็นไปในทิศทางที่สร้างสรรค์ ซึ่งคล้องจองกับอารมณ์นั้นๆ มาสู่เส้นทางแห่งความเป็นไปได้ ในโลกแห่งความเป็นจริงของเราเสมอ ตามกฏแห่งการดึงดูดของจักรวาล(rose)
     
  4. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    อ่าน eBook ได้ฟรี - โนวา อนาลัย ขยายความธรรมชาติของชาติ

    ขอเชิญแวะไปอ่านเล่มหนึ่ง โนวา อนาลัย ขยายความธรรมชาติของชาติภพได้ที่
    http://www.novaanalai.com/novaanalai/Index.html

    อ่าน eBook ได้ฟรีทั้งเล่มค่ะ(rose)
     
  5. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    Donor

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวถึงจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ในปัจจุบันชาติไว้ว่า อาจเป็นคนรักคนใกล้ตัว หรือเป็นบุคคลที่เราเกลียดที่สุดก็ได้ หรือเป็นบุคคลที่เราไม่เคยรู้จักใกล้ชิด เช่น บุคคลที่เป็นผู้บริจาคอวัยวะ กับผู้รับบริจาค แม้จะรู้จักหรือไม่รู้จักกันมาก่อนเลยในชีวิต ก็ล้วนเป็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ในปัจจุบันชาติของกันและกัน ซึ่งมีการให้-การรับไม่ทางตรงก็ทางอ้อมเสมอ

    ในนัยนี้ พี่นักเขียนเข้าใจว่า การติดต่อสื่อสาร การถ่ายทอดแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพเป็นไปอยู่แล้วตามธรรมชาติทั้งยามตื่นและยามฝัน เราสัมผัสรู้หรือเข้าถึงข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพของจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ในปัจจุบันชาติของเราได้เสมอ ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อกันโดยไม่ต้องรู้จักกันยามตื่น แต่หากยามตื่นมารู้จักกันเมื่อใด เราจะรู้สึกได้ถึงสัมพันธภาพที่มีมายาวนาน ในความฝัน ในโลกอื่น มิติอื่น ที่เราได้สื่อสารแลกเปลี่ยนกันมายาวนาน

    เมื่อบุคคลหนึ่งที่ได้รับบริจาคอวัยวะมา เขาได้รับบริจาคอวัยวะที่มีจิตวิญญาณ เพราะจิตวิญญาณสถิตย์อยู่ในทุกอนูของสรรพสิ่งทั้งหลาย ทั้งที่เราเรียกว่าเป็นสิ่งมีชีวิต เช่น มนุษย์ สัตว์ พืช หรือสิ่งที่เราเรียกว่าไม่มีชีวิต เช่น น้ำค้าง สายรุ้ง แสงแดด สายลม เกล็ดหิมะ ก้อนหิน ตะปู

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า จิตวิญญาณ คือ ข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพที่ถ่ายทอดได้ด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ในนัยนี้พี่นักเขียนเข้าใจว่า หากเราจะกล่าวว่าอวัยวะส่วนที่ได้บริจาคไปนั้น มีข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ ที่ถ่ายทอดด้วยอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดติดไปด้วยก็คงจะไม่ผิด จึงน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เราเข้าใจได้ว่า เหตุใดบุคคลผู้รับบริจาคอวัยวะจึงแสดงออกซึ่งอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด ที่คล้ายคลึงกับเจ้าของเดิมของอวัยวะนั้นๆ

    บุคคลผู้บริจาคและรับบริจาคอวัยวะ เป็นจิตวิญญาณต่างร่างแต่ร่วมวัตถุประสงค์ในปัจจุบันชาติของกันและกัน ซึ่งมีการติดต่อสื่อสาร มีการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้และความทรงจำข้ามชาติภพ ซึ่งเป็นไปอยู่แล้วตามธรรมชาติทั้งยามตื่นและยามฝันในระดับจินตภาพ เมื่อได้รับอวัยวะซึ่งประกอบด้วยเซลล์ที่มีข้อมูลความรู้และความจำข้ามชาติภพของมันมาด้วย ก็น่าจะเรียกได้ว่าได้รับการติดต่อสื่อสาร หรือมีการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนข้อมูลความรู้ และความทรงจำข้ามชาติภพอีกระดับหนึ่งคือระดับกายภาพ คือมาพร้อมกับอวัยวะนั้นๆอีกด้วย
    [​IMG]
    สามีของพี่นักเขียนในวัยเด็กไม่เคยเล่นกีฬามาก่อนเลย เป็นเด็กผอมแห้งแรงน้อย แต่เมื่ออายุ 20 ปีได้รับการผ่าตัดหัวใจและต้องถ่ายเลือดจนหมดตัว ปรากฏว่าเขากลายเป็นคนที่แข็งแรง กลายเป็นนักกีฬามหาลัย นักกีฬาทีมชาติ และในที่สุดได้เป็นตัวแทนนักกีฬาทีมชาติไทยไปแข่งขันกีฬาฟันดาบ Olympic ที่ Montreal ประเทศ Canada ใครๆในครอบครัวของเขาพากันกล่าวว่า เขาเป็นเสมือนบุคคลใหม่เพราะบุคลิกภาพของเขาเปลี่ยนไปหมด จนแทบจะไม่มีอะไรเหมือนคนเดิมเลย และสิ่งที่น่าคิดคือ ความจำในวัยเด็กก่อนอายุ 11 ปีของเขาก็หายไปจนแทบจะไม่เหลือร่องรอย นอกจากบางสิ่งบางอย่างที่พอจะระลึกได้ จากรูปถ่ายจำนวนหนึ่งเท่านั้น(rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2008
  6. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    มีความคิดอย่างนี้เหมือนกันครับ คนเรามักจะชอบตัดสินว่าสิ่งใดเป็นสีดำหรือสีขาว แต่ zip ก็คิดว่าทุกคนนั้นมีแต่สีเทา จะมีแต่ว่าเทาน้อยขนาดนี้ถึงจะพอเรียกได้ว่าเป็นสีขาว เทาเยอะขนาดนี้จึงจะเรียกได้ว่าเป็นสีดำ

    ที่คิดได้ก็เพราะว่าเคยไปลองหัดคัดพลอยเล่นๆ ตอนนั้นเค้าลองให้คัดแยกสีพลอยบุษราคัม แล้วพบว่าเป็นการยากที่จะแยกว่าพลอยสีเหลืองเม็ดนี้อยู่ในเฉดสีใด พอเอาไปอยู่ในกลุ่มที่ออกสีส้ม ก็พบว่าส้มไม่พอ พอเอาไปอยู่ในกลุ่มสีเหลือง ก็พบว่าส้มไปนิด สุดท้ายก็จะได้กลุ่มพลอยหลายกลุ่มมาก เหลือง เหลืองส้มนิดๆ เหลืองส้มกลางๆ เหลืองค่อนไปทางส้ม เหลืองเขียวนิดๆ เหลืองเขียวกลางๆ เหลืองค่อนไปทางเขียว เพราะว่ามีความคิดว่าสีของพลอยมันน่าจะคงที่คือมีสีไหน ก็น่าจะมีสีนั้นไปเหมือนๆ กันทั้งกลุ่ม เช่นสีเหลือง 70% สีส้ม 30% ก็จะมีแต่พลอยที่มีสีอย่างนี้เหมือนกันทั้งกลุ่ม ไม่คิดว่ามันจะมีหลากหลายเฉดสีแตกต่างกันไปในแต่ละเม็ด

    สุดท้ายคนที่สอนคัดก็บอกว่าให้จัดเอามารวมกลุ่มกันให้มีแค่เหลือง เหลืองส้ม เหลืองเขียว ก็พอ ไม่ต้องแบ่งแยกสีอะไรเยอะขนาดนั้นหรอก สีใกล้ๆ กันก็เอามารวมกันได้

    ก็เลยมาคิดได้ว่า คนเราก็คงเป็นอย่างนี้เหมือนกัน ถ้าสมมติว่าเหลืองส้มเป็นคนดี เหลืองเขียวเป็นคนไม่ดี ถ้าจะพยายามจัดแยกเป็นแค่สองกลุ่ม คือเหลืองเขียว กับเหลืองส้ม ก็จะพบว่า ในกลุ่มเหลืองเขียว ก็จะมีเหลืองเขียวหลายเฉด และในกลุ่มเหลืองส้มก็เช่นกัน ถ้าเราจะจัดแค่สองกลุ่ม ก็จะมองข้ามไปว่า มันยังมีเฉดสี เขียวอ่อน เหลืองอ่อนอีก ทำให้เรามองข้ามเฉดสีเหล่านี้ไป

    การที่คนเราพยายามจะจัดกลุ่มคนเป็นคนดี เป็นคนไม่ดีก็เช่นกัน ในแต่ละกลุ่มที่คนเราพยายามจะจัดเข้าไป ก็จะมีคนดีน้อย คนดีปานกลาง คนดีมาก คนไม่ดีน้อย ไม่ดีปานกลาง ไม่ดีมาก ซึ่งการจะจัดให้มีแค่สองกลุ่มก็ดูจะเป็นการยัดเยียดไปไม่น้อย และมองข้ามความจริงไปที่ว่า คนเรามีหลากหลายเหมือนเป็นเฉดสีเทา เหมือนเป็นเฉดสีพลอย การจัดกลุ่มทำได้อย่างมากก็แค่ว่า เราจะเอาช่วงสีนี้ เหลืองส้ม 0-20% อยู่กลุ่มนี้นะ เหลืองส้ม 20-50% ก็อยู่กลุ่มนี้นะ

    ดังนั้นภาพที่เราเคยชินว่ามีแต่ขาวกับดำ มันเป็นไปได้ยาก

    จากความคิดนี้ก็เลยเกิดเป็นรูปนี้ขึ้นมา วาดไว้ประมาณเดือนกันยาปีที่แล้ว เป็นการเอาภาพสีๆ นึง แต่หลายเฉดสีมาทำเป็นรูป เพราะคิดว่าสังคมเรา คนเราก็เป็นแบบนี้แหล่ะ มีกลุ่มคนหลายๆ เฉดสีอยู่ด้วยกัน ไม่มีดำสนิท ไม่มีขาวสนิท มีแต่เฉดสีที่ว่าค่อนข้างไปทางไหนเท่านั้นเอง

    "สีสีนึงมีหลายเฉดสี เหมือนกับคนแบบแบบนึงก็มีหลายรูปแบบ
    ถ้าสีเหลืองแทนคนดี คนดีก็มีหลายรูปแบบ เหมือนสีเหลืองที่มีหลายเฉดสี
    เรามักจะเคยชินกับการจัดกลุ่ม
    ขาวเป็นขาว ดำเป็นดำ เหลืองก็คือเหลืองอย่างเดียว
    แต่ในชีวิตจริง เหลืองก็มีหลายเฉดสี คนในกลุ่มนึงก็มีหลายรูปแบบ"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • no4.jpg
      no4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.1 KB
      เปิดดู:
      169
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2008
  7. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    T

    โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติไม่มีสิ่งอื่นใดสถิตย์อยู่ นอกจากความรู้ การถ่ายทอดและการเรียนรู้ ประสบการณ์ทั้งหลายในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติเป็นไปเพื่อการเรียนรู้โดยเฉพาะ

    เราจะเผชิญกับครูบาอาจารย์ที่มาปรากฏในรูปกายต่างๆ แต่ถ้าหากเรายังคงยิดติดกับความเชื่อในแง่ลบเกี่ยวกับการแบ่งแยก เรา-เขา การต่อสู่แก่งแย่ง การเป็นศัตรู สงคราม ฯลฯ ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า เราก็จะต้องรับมือกับมันเพราะมันจะปรากฏในโลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติ แต่ไม่ใช่ปรากฏเพราะมันมีจริงหรือเป็นจริง แต่ปรากฎเพราะเราเชื่อว่ามันมีจริง หากเราตระหนักได้ว่า มันปรากฎขึ้นจากความเชื่อของตนเอง เราก็สามารถทำให้มันสลายไปได้ด้วยการตระหนักว่า เราสร้างมันขึ้นมาด้วยความคิดและความเชื่อของตนเอง และทำให้มันสลายไปได้ด้วยวิธีการเดียวกัน

    อย่ากลัวนะคะ ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกค่ะ หากเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงหลากมิติในภวังค์สมาธิ หรือความฝัน ให้ตั้งจิตก่อนจะก้าวล่วงไปสู่ว่า ขอไปพร้อมกับครูบาอาจารย์ผู้ปกปักรักษาและเมตตาให้ความรู้เราค่ะ คุณจินต์จะพบแต่ความรักความอบอุ่นที่หาใดเปรียบเสมือนมิได้

    หากตระหนักได้ในธรรมชาติของการเกื้อกูลกันของจิตวิญญาณ และความเป็นหนึ่งเดียว โลกของจิตวิญญาณเป็นเสมือนโลกที่มีแต่อารมณ์รักและอารมณ์ขัน แต่เต็มไปด้วยความคมคาย เฉียบแหลม

    T คือถุงทองหรือคะ
    พี่นักเขียนมีชื่อเล่นขึ้นต้นด้วยตัว T พอดีเลย แต่ไม่ใช่ถุงทองนะคะ(rose)
     
  8. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    พี่นักเขียนก็เข้าใจไปในทิศทางเดียวกับคุณ zip ค่ะว่า เมื่อเราจดจ่อกับธาตุหนึ่งๆ จิตวิญญาณของเราก็กลายเป็นหนึ่งเดียวกับธาตุนั้นๆ เพราะ
    จิตวิญญาณจดจ่อกับภาวะใด จิตวิญญาณมีชีวิตอยู่-เป็นอยู่-ดำเนินไปเป็นภาวะนั้นพร้อมด้วยรูปกายที่คล้องจองกับภาวะนั้น ตามคำกล่าวของท่านอาจารย์อนาลัย

    อาจารย์สอนสมาธิลัทธิเต๋มท่านหนึ่ง เคยสอนให้พี่นักเขียนฝึกสมาธิด้วยการเพ่งกสิณไฟ โดยให้นำเทียน 9 เล่มมาปักไว้ในกระถาง ควั่นแบ่งตามขวางให้เป็น 7 ส่วน แล้วให้นั่งเพ่งไปวันละส่วน พอเทียนละลายหมดส่วนก็พอ เพ่งไป 7 วันจนหมดเล่ม

    เมื่อเพ่งวันแรกเห็นเทียน 9 เล่ม เพ่งไปวันที่สองก็เห็นเพียงสามเล่มบ้าง เพ่งวันที่สามเห็นเพียงเล่มเดียว ทำเช่นนั้นจนครบ 7 วันตามที่อาจารย์ท่านให้ฝีก ปรากฏว่าตลอดสัปดาห์นั้นดื่มน้ำยังกับอูฐ แต่ไม่ทราบว่าน้ำหายไปไหนหมด แถมน้ำหนักก็หายไปด้วยอีกหลายกิโล

    สมัยนั้นพี่นักเขียนไม่เข้าใจอะไรมาก จึงไม่อาจอธิบายประสบการณ์ของตนเองได้ แต่มาวันนี้พี่นักเขียนเข้าใจประสบการณ์นี้เช่นเดียวกับที่คุณ zip กล่าวถึงค่ะ

    คุณ zip ใช้สีได้เก่งมาก สีเหลืองหลายเหลืองนั้นทำให้คิดถึง painting ของ Van Gogh เขามักแต้มสีมากมายหลายสีในส่วนที่เขาอยากจะ paint สีฟ้า แต่รวมแล้วก็ยังเห็นเป็นสีฟ้า ส่วนผิวหนังของคนซึ่งเป็นสีเนื้อ น่าจะเป็นสี tone ชมพูหรือสีเนื้อ แต่กลับมีสีฟ้าแต้มอยู่ด้วย
    [​IMG]
    แต่ painting ของVan Gogh กลับดูงดงามมีชีวิตชีวา ทำให้คิดว่าใบหน้าของคนเราและสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกมีสิ่งที่ซ่อนเร้นมากมายนะคะ บางคนอาจจะมีสีเหลืองต่างๆเหลืองอย่างที่คุณ zip อุปมาอุปมัยกับสีของบุษราคัม ซึ่งหากเราไม่แยกประเภทว่าเหลืองไหนงาม เหลืองไหนไม่งาม แต่ยอมรับความแตกต่างทั้งหมดว่าเป็นความงามอันหลากหลาย โลกของเราคงสวยงามเหมือน painting หลากฟ้า ของ Van Gogh หรือ painting หลากเหลืองของ Zipper
    [​IMG]
    จดบันทึกความฝันเป็นสีสวยๆอย่าง painting ของคุณ zip ก็ทดแทนอารมณ์ที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้มากมายทีเดียวค่ะ พี่นักเขียนก็มีสมุดบันทึกความฝันเล่มที่มีแต่ภาพวาด กับ painting ล้วนๆ ตั้งชื่อไว้ว่า Ineffable Journal หมายถึง บันทึกที่ปราศจากคำบรรยาย หรือ บันทึกที่บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้ วันไหนค้นเจอหน้าที่พอจะมาโชว์ได้จะ scan มา post ค่ะ(rose)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • no4.jpg
      no4.jpg
      ขนาดไฟล์:
      7.3 KB
      เปิดดู:
      2,817
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2008
  9. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ขอบคุณมากครับพี่นักเขียน ช่วงนี้เค๊กอร่อยเป็นพิเศษ...
    ชิ้นนึงย้อนอดีต+อึกชิ้นล้ำอนาคต เค๊กถูกใจทั้งสองแบบเลยครับ


    [​IMG][​IMG]

    เอาเค็กของ Falkman มาแบ่งกันทานที่ห้องวิทย์อีกชิ้นครับ
    ทานเยอะๆครับ ไม่พอเดี๋ยว Cloning มาอีก อิอิ
    พี่ Mountain พาไปเลี้ยง MK ด้วย..วันเกิดปีนี้สนุกมากครับ
    และที่สำคัญที่สุดคือหาของขวัญไปให้คุณแม่ด้วยครับ+


    [​IMG][​IMG][​IMG]
    ขอบคุณเค๊กอวกาศจากพี่เม้าด้วยครับ หมุนติ้วเลย

    [​IMG]
    ขอบคุณเค๊กสวยๆชองพี่เฉลยมากครับ ขอเป่าเทียนล่ะนะ

    [​IMG]
    ของคุณคุณขจรวรรณกับเค๊กสีขาวน่าทานอีกชิ้นครับ
    ขอบคุณทุกคนครับ แบ่งๆกันทานแล้วระวังอ้วนด้วยนะครับ อิอิ

    (||)(||)(||)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2008
  10. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ขอบคุณค่ะพี่นักเขียนที่ช่วยขยายความเกี่ยวกับการใช้อารมณ์ ทำให้ขจรวรรณเริ่มทบทวนการกระทำที่ผ่าน ๆ มาแล้วก็รู้สึกถึงพลังอำนาจที่คล้องจองกับความปรารถนา เป็นอิสระ และรู้สึกดี ถึงแม้บางครั้งอาจแสดงกิริยาที่ทำให้ผู้อื่นไม่ชอบใจไปบ้าง ก็คิดว่าสักวันหนึ่งเค้าจะเข้าใจให้สิ่งที่เราแสดงออกไป และปรับตัวมาในทิศทางของเราค่ะ..
    (deejai) (deejai) (deejai)
     
  11. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    เรื่องนี้พี่นักเขียนอธิบายได้สอดคล้องกับอาจารย์ทางพลังจักรวาลค่ะ แต่อาจารย์ไม่ได้อธิบายละเอียดลึกแบบพี่นักเขียน อาจเป็นเพราะข้อจำกัดทางด้านภาษาที่ใช้ในการสื่อสารกันก็เป็นได้ค่ะ จึงทำให้ไม่เข้าใจดีพอ จึงขอขอบคุณพี่นักเขียนมาก ๆ เลยนะคะที่ช่วยขยายความให้ฟังค่ะ..
    (good) (good) (good)
     
  12. VeggieGuy

    VeggieGuy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    3,942
    ค่าพลัง:
    +4,262
    happy birthday

    สุขสันต์วันเกิดด้วยคนครับ คุณ Mead
     
  13. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ขอ Happy Birth Day ย้อนหลังด้วยนะคุณ Mead แค่เค้กคงไม่ต้องแล้วล่ะ ตอนนี้มีหลายก้อนจนกินไม่ไหวแล้ว

    ขอบคุณครับสำหรับคำชมครับพี่นักเขียน อ่านแล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย แต่คงเอาไปเทียบกับภาพของแวนโก๊ะไม่ได้หรอก ของเค้ามีฝีมือมากกว่า ภาพนั้นมีอีกอย่างนึงก็คือที่ดูเหมือนวาดไม่เสร็จนั้น เป็นเพราะว่าตอนนั้นรู้สึกว่าไม่อยากให้ภาพดูเหลี่ยมๆ เป็นสี่เหลี่ยม เลยปล่อยที่ว่างทิ้งไว้ให้เหมือนกรอบรูป

    อ่านเรื่องเปลี่ยนอวัยวะมีผลต่อนิสัย เลยนึกไปถึงการบริจาคเลือด ถ้าการรับอวัยวะของคนอื่นมันมีผลจริง การที่ได้รับเลือดจากคนอื่นมาก็คงจะมีผลด้วย แต่คงจะมีผลไม่นานเพราะนานๆ ไปเลือดเก่าก็ถูกทำลายไป แล้วก็สร้างเลือดใหม่ขึ้นมาแทน อย่างนี้เวลาบริจาคเลือดก็คงต้องคิดให้เลือดดีๆ ของเราออกไปสินะ แทนที่บางคนจะชอบพูดเล่นๆ ว่าเอาเลือดชั่วออก
     
  14. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    จะลองหาเรื่องประมาณว่าการตีความฝันโดยใช้จิตวิเคราะห์ เผื่อจะได้เป็นแนวทางในการตีความสัญลักษณ์ในความฝัน ก็ไปเจอบทความนี้ แก้ปัญหาชีวิตผ่านฝัน

    ก็เขียนดีนะ มีเขียนประมาณว่าฝึกฝัน การจดบันทึกความฝัน การตีความ ในส่วนของการจดบันทึกฝันเขียนคล้ายๆ ที่พี่นักเขียนใช้เลย

    ในส่วนของการตีความฝันเค้าเขียนไว้ว่า


    3. แยกแยะสัญลักษณ์ ที่ปรากฏอยู่ในความฝัน ทั้งสิ่งของ สัตว์และคน เช่น บันได ตะกร้า และชายร่างใหญ่ ล้วนเป็น สัญลักษณ์ ที่ต้องทำก็คือค้นหาว่าสัญลักษณ์หมายความว่าอย่างไรสำหรับตัวเรา ให้ความรู้สึกต่อเราอย่างไร
    เช่นฝันว่าฟันหลุด สำหรับคนหนึ่งอาจหมายถึงรู้สึกแก่ขึ้น หรือมีความเปลี่ยนแปลงสู่จังหวะใหม่ในชีวิต แต่อีกคนหนึ่งอาจจะเป็นสัญลักษณ์ของการไม่สามารถควบคุมความสัมพันธ์ด้านความรัก

    หลังจากวงกลมสัญลักษณ์ที่เกิดขึ้นในความฝัน ให้จดความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับสัญลักษณ์นั้นกำกับไว้ด้วย ถ้าสัญลักษณ์คือบุคคล ถามตัวคุณเองว่าคุณรู้สึกอย่างไรกับเขา แล้วเขาเป็นอย่างไร ขี้อาย ตรงไปตรงมา หรือเห็นแก่ตัว บางทีคนในฝันอาจจะหมายถึงเหตุการณ์ก็ได้ เช่น การเดินทาง การทะเลาะกัน
    เขียนทุกๆ สิ่งลงไปโดยไม่ต้องกลั่นกรอง และไม่ต้องพยายามค้นหาความหมายของสัญลักษณ์มากเกินไป ถ้ามันไม่ได้ให้ความรู้สึกจะแจ้ง ใส่ใจกับรายละเอียดที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกดีกว่า

    ตัวอย่างการตีความฝัน

    ชายคนหนึ่งไปปรึกษานักจิตวิทยาด้านวิเคราะห์ความฝัน ระยะหลังมานี้เขามักหดหู่ ตั้งแต่ไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์กับแฟนสาวได้ เขามีความสุขที่มีเธออยู่ด้วย เพราะเธอมีทั้งความอ่อนโยนและอ่อนไหว เป็นคนไวต่อความรู้สึก แต่เธอไม่มีความสุข ในที่สุดก็ทิ้งเขาไปโดยให้เหตุผลว่าเขาเป็นคนแข็งกระด้างไม่เห็นอกเห็นใจคนอื่น หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนตัวเองแต่เปลี่ยนคนรักไปเรื่อยๆ แต่ละครั้งยิ่งมีปัญหาเพิ่มขึ้น ซึ่งต้นเหตุก็เพราะความเป็นคนแข็งกระด้างที่ไม่รับรู้ถึงความรู้สึกของคนอื่นนั่นล่ะ เขาจมอยู่ในความทุกข์อยู่คนเดียว ทำงานไปวันๆ เขาบอกนักวิเคราะห์ความฝันว่าตั้งแต่เลิกกับแฟนคนแรก เขาก็ฝันซ้ำๆ กันหลายครั้ง แตกต่างในรายละเอียดเล็กน้อย

    เขาฝันว่าอยู่ในเมืองคล้ายๆ เมืองร้าง มีอพาร์ตเมนต์สูงๆ หลายหลัง หลังหนึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งติดอยู่ในนั้นเพราะมันทรุดโทรม ลิมฟต์ก็เสีย รอบๆ มีแมวจรจัดเป็นขี้เรื้อนนับพันๆ ตัว
    ความฝันสะท้อนความสัมพันธ์ของเขาต่อผู้หญิง แมวเป็นสัญลักษณ์ของผู้หญิง ซึ่งความจริงเขาเป็นคนเกลียดแมว ในฝันพวกมันอดอยาก ไม่ได้รับการดูแล บรรยากาศในฝันหมายถึงอารมณ์และความทุกข์ในของเขาเอง

    จากการวิเคราะห์ความฝัน สภาพของเมืองที่เขาฝันสะท้อนนิสัยแข็งกระด้างของตัวเขา ทำให้เขาคิดได้ในที่สุด ช่วยให้มองเห็นว่า แฟนคนแรกพูดถูก เพียงแต่เขาฟังเธอหรือฟังความฝันของเขา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มกราคม 2008
  15. ronnie07

    ronnie07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +193
    HAPPY BIRTHDAY หัวหน้าห้องคนเก่งของพวกเรา

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • alien.jpg
      alien.jpg
      ขนาดไฟล์:
      49.1 KB
      เปิดดู:
      97
  16. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ขอบคุณครับคุณวิหก คุณซิปฯ คุณVeggieGuy
    คงรู้กันหมดทั้งเวปพลังจิตแล้ว อิอิ
    แบ่งเค๊กกันไปทานนะครับ

    [​IMG][​IMG][​IMG]
     
  17. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    [​IMG]
    ดูภาพคุณซิปฯแล้วจินตนาการบรรเจิดมากไม่ต้องบรรยายใดๆ
    ภาพบางภาพมีอะไรมากมายกว่าที่คิดจริง แค่สีเหลืองสีเดียว
    มีศิลปินชื่อ Syd Mead (Futurist Artis) ศิลปินในตำนานท่านหนึ่ง
    ใช้สีเก่งมากๆ ทั้งวัสดุผิวมันวาว องค์ประกอบ มิติอันซับซ้อน แนวคิดในอนาคต
    ด้วยสีที่กลมกลืนลงตัวมาก กว่าจะได้ขนาดนี้หลายปีเหมือนกันครับ
    ดูภาพจากวัยเด็กตอน3 ขวบ- 6 ขวบ กับตอนนี้ 60 ขวบ อิอิ ฝีมือไปไกลมากๆ

    [​IMG]
    3ขวบ

    [​IMG]
    6ขวบ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2008
  18. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของขจรวรรณนี่ ถ้าฝันว่าฟันหลุดทีไร มักจะสูญเสียญาติผู้ใหญ่ทุกทีเลยค่ะคุณ Zip สงสัยต้องคิดใหม่ทำใหม่แล้วสิคะเนี่ย.. :(
     
  19. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ยินดีต้องรับเข้าสู่ห้องวิทย์ค่ะคุณกระเทียม รอคุณกระเทียมเข้ามาคุยกับพวกเราตั้งหลายวันแล้วล่ะ ช่วงนี้ขจรวรรณก็กำลังศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับกระเทียมอยู่เลยค่ะ สงสัยต้องขอความช่วยเหลือจากคุณกระเทียมซะแล้วสิคะ.. อิอิ เกี่ยวกันมั้ยคะเนี่ย..

    ส่วนภาพคุณ Mead นี่สงสัยต้องให้เจ้าตัวเค้ามาเฉลยเองค่ะ ขจรวรรณก็ยังไม่เคยเจอตัวจริงเสียงจริงเหมือนกัน แต่ดูจากลักษณะท่าทางแล้วน่าจะเป็นคนที่มีพลังอำนาจในตัวเองสูงทีเดียวค่ะคุณกระเทียม แวะเข้ามาคุยกันบ่อย ๆ นะคะ.. เผื่อจะได้นำความรู้มาแลกเปลี่ยนกันบ้างค่ะ..:cool:
    (f) (f) (f)
     
  20. JINTAWADEE

    JINTAWADEE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,559
    ค่าพลัง:
    +4,728
    เพราะตัวเรามีความเชื่อเกี่ยวกับบางอย่าง เพียงแค่ได้ยินเสียง จินตนาการของเราก็สร้างภาพขึ้นมาจากจิตใต้สำนึกของตัวเราเอง
    งั้นเดี๋ยวลองใหม่ค่ะ ช่วงนี้ยอมรับเลยว่ากลัว ตั้งใจไม่อยากฝันแบบเดิม มันก็ไม่ฝันจริง ๆ แต่พอนึกถึงคำของอาจารย์ "ถ้าเธอกลัวความฝัน เธอกลัวตัวเธอเอง" งั้นคราวนี้ดิฉันจะถามชื่อเลย ฮ่า ๆๆ (สู้ ๆๆ) ;)

    เพิ่งฝันเห็นงูตัวใหญ่มารัดขาตัวเอง ต้องเรียกคนมาดึงออกให้ ถ้าเป็นสมัยก่อนนะ จินตวดีต้องนึกว่าได้เนื้อคู่อีกแล้ว แน่ ๆ เลย อิอิ แต่พอเรียนเรื่องความฝัน ขืนตีแบบนี้ได้โดนไม้เรียวอาจารย์แน่ ๆ เลย จับความรู้สึกแล้ว ต๊ายจินตวดีรู้สึกกลัวมันอะ ขนาดจะจับจะมองยังไม่กล้าเลย สรุป ดิฉันก็ยังกลัวอยู่ดี
     

แชร์หน้านี้

Loading...