ทำยังไงถึงจะไม่ขี้เกียจคะ?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย หัวมัน, 10 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    อะไรเป็นเหตุให้คนเราขี้เกียจ
    ทำยังไงถึงจะสละทิ้งความขี้เกียจ ทำกิจการงานต่างๆ ด้วยความรื่นเริง มีชีวิตชีวา มีแรงบันดาลใจ และมีพลังชีวิตเยอะๆ คะ?
     
  2. ตั้งฉาก

    ตั้งฉาก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2013
    โพสต์:
    495
    ค่าพลัง:
    +573
    มองโลกให้สดใส มีเมตตาอารีย์

    จะทำอย่างงั้นได้ ตัวเรา ต้องสะอาดทั้งนอกทั้งใน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2015
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    จิตมัน ติดรสอร่อยจากธรรมที่เรียกว่า " การติดนอน "

    เพลินกับการ ถ้อถอยแล้วหย่อนใจ ผละออกจากอิทธิบาท

    ในบางคน อาจจะเป็นเรื่อง " กรรมมันมาขวาง " เหตุก็เพราะ
    เวลาใครทำอะไร " เราชอบเข้าไปขัด " เพื่อความสุขส่วนตัว
    ไม่ใช่ " ทักท้วง " แบบ ธรรมสากัจฉา ...แบบนี้ เวลาเรา
    จะดำริ มุ่งมั่นทำอะไร ศรัทธาจะมีท้อ หรือโดนขวางด้วยเหตุ
    ไม่คาดคิดเสียก่อน

    วิธีแก้......ไม่มี เพราะ ส่วนใหญ่ สิ่งเหล่านี้เป็น ความพอใจ
    ความไม่พอใจในอดีต อดีตเราจึงไปแก้ไม่ได้

    วิธีรับมี คือ รับรู้ไปตรงๆในวิบาก รู้ไปซื่อๆ ด้วยจิตตั้งมั่น เป็นกลาง
    ต่อการเห็น อุปกิเลส วิบาก ที่ปรากฏ

    รู้แล้วได้อะไร จะเห็นจิต ที่พิจารณาสภาพธรรมเหล่านั้นด้วย "อุเบกขา"

    ถ้า อุเบกขานั้นเป็นญาณ(มีความโปร่งโล่งสบายท่ามกลาง ม่าน หมอก ที่ถ่าโถม)
    ไม่ใช่ อารมณ์ปรุงแต่ง(มีความคับข้อง หนักแน่น แข็งกระด้าง ซึมๆ มึนชา )


    ถ้า อุเบกขานั้นเป็นญาณ ให้หน่งเหนี่ยว ยกขึ้นเห็น อุเบกขา เป็นธรรมที่มีอยู่ในจิต

    ยกเห็นบ่อยๆ จิตจะเกษมจากการทำอารมณ์ต่างๆที่ทำเพื่อเข้าไปแก้จิต(ผิด -- ไปข่ม
    กิเลส ข่มผัสสะ ย่อมไม่ใช่ทาง )

    ยกเห็นบ่อยๆ จิตจะเกษมจากการ " ทำอารมณ์ต่างๆ "

    ยกเห็นบ่อยๆ จิตจะเกษมจากการ "โยคะ"

    ยกเห็นบ่อยๆ จิตจะเกษมจากการ "สมถะ"

    ยกเห็นบ่อยๆ จิตจะเกษมจากการ "โยคะ" ได้ก็จะพบว่า จิตนั้นมี ปัญญาญาณ

    พอเห็น ปัญญาญาณ ......ปิติ5 ปัสสัทธิ สุขจากการทำสมถะจำนวนมากแต่ไม่
    ใช่เพื่อเอาอามิส(การกดข่มกิเลสจากสมถะกองนั้น)

    พอเห็น ปัญญาญาณ ......ปิติ5 ปัสสัทธิ จิตจะเดิน สติปัฏฐานสี่ แทงตลอดไป
    โพฌชงค์7 แล้วจดจ่ออยู่ที่ มรรค8

    พอเห็น มรรค8 จะทราบว่า ตนสามารถเดินไปลำพังได้ เพราะมี มิตรแท้ คือ มรรค8
    ประจำจิต เป็นปัจจัยไปทุกภพ ทุกชาติ จนกว่าจะ นิพพาน สิ้นภพ สิ้นชาติ


    พุทธบริษัท ในธรรมวินัยนี้ สงบ แต่ ร่าเริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2015
  4. chura

    chura เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    688
    ค่าพลัง:
    +1,971
    ตื่นให้เช้า ตั้งเวลาปลุกแล้วลุกขึ้นทันที เช่นปลุกตีสี่ ตีห้า แล้วแต่เราตั้งเวลา
    เมื่อได้ยินเสียงปลุกแล้ว อย่าอิดออดขอนอนต่อเวลา การลุกขึ้นทันทีที่เราได้
    ยินเสียงนาฬิกาปลุกนี่แหละจะทำให้จิตค่อยๆตื่น มีพลังชีวิต สดชื่น ตื่นตัว...
    ตื่นมาแล้วถ้ายังง่วงก็ให้ มองแสงจากหลอดไฟ หรือจำภาพความส่วางยามเช้า
    พระอาทิตย์ขึ้นไว้ในใจ แล้วน้อมนึกให้อยู่ในใจให้แนงสว่างช่วยไล่ความง่วงได้
    แล้วก็เดินจงกรม สวดมนต์ นั่งสมาธิ เจริญสติภาวนา เสร็จแล้วก็แผ่บุญจากการภาวนา
    ไปให้ทั่วๆทำแบบนี้ได้ทุกๆวัน จะสังเกตุตัวเองได้ว่า จิตใจมันตื่นตัว ร่าเริง ไม่หดหู่
    ซึมเซา เซื่องๆ...

    ทำบุญ เน้นสร้างห้องน้ำ ห้องสุขา ที่เป็นที่ปลดทุกข์ ก็น่าจะช่วยแก้เรื่องจิตหดหู่
    ทุกข์ใจลงได้ครับ ทำบุญทุกครั้งอย่าลืมอุทิศบุญให้ทั่วๆน๊ะ...
     
  5. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ทำไม่ง่ายครับ ถึงจะมีหลักพูดตามหลักที่ว่า

    พึงยกจิต ในสมัยที่ควรยก พึงข่มจิต ในสมัยที่ควรข่ม พึงประคองจิต ในสมัยที่ควรประคอง

    อะไรเป็นเหตุให้คนเราขี้เกียจ

    ความรู้สึกเบื่อๆเซ็งๆชีวิต ไม่อยากได้ใคร่ดี เป็นเหตุให้นึกขี้เกียจได้

    โกสัชชะ ความเกียจคร้าน เป็นกิเลสตัวหนึ่ง พึงเปลี่ยน (ยกจิต) ให้เป็นวิริยะ ความขยันหมั่นเพียร เมื่อคิดขยัน ความขี้เกียจก็หายไป :) (หลักจิตวิทยา)

    พึงปลุกปลอบจิตใจ คิดบวกลบคูณหาร ว่าเออ ตอนนี้เรายังแข็งแรงอยู่นะ ควรขยันทำงานเก็บเงินไว้หาทรัพย์ไว้ วันหน้าจะได้สบาย อีกเท่านั้นปีๆๆๆเราแก่ เจ็บ ทำงานไม่ไหวจะได้มีเงินซื้ออาหารกิน มีเงินไว้รักษาตัว จะไม่ต้องนอนห้องคนไข้อนาถา คิดให้เห็นความจริงของชีวิตจิตใจซึ่งเปลี่ยนไปเปลี่ยนได้
     
  6. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    มนุษย์เป็นสัตว์ที่ขี้เกียจที่สุดในโลก กล่าวคือชอบสบายมนุษย์จึงสร้าวสรรสิ่งต่างๆมากมายเพื่อความสุขสบายในการดำรงชีวิตเพื่อพการนอนที่เป็นสุขที่สุด การจะละความเกียจคร้านได้นั้นต้องรู้จักตนหมั่นทำตนให้มีประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นเมื่อก่อนเป็นคนชอบนอนนอนวันละ8-10ชั่วโมงแต่เดียวนี้นอนวันละไม่เกิน4ชั่วโมงเป็นอย่างมาก วิธีการคือใหม่ๆหมั่นทำจิตตนคิดอยู่เสมอว่าเราต้องตายแน่ๆถึงเวลานั้นจะได้นอนไม่ต้องตื่นอีกแล้วตอนนี้กิจที่ต้องทำยังทำไม่เสร็จเลยเดียวตายก่อนจะแย่จะไม่มีโอกาสได้ทำจึงมีความตั้งมั่นขึ้นมาพอง่วงก็เตือนตัวเองว่าเดียวก็ได้นอนยาวแล้วยังไม่ต้องรีบนอนหรอกก็ไปล้างหน้าทำตนให้สดชื่นขึ้นพอง่วงอีกก็คิดอีกแล้วทำอีกพอหลังๆมันเริ่มไม่ง่วงแล้วมันเริ่มตื่นแล้วที่นี้ปัญหาเกิดละกลายเป็นคนนอนไม่หลับละซิ55555เพราะมันไม่อยากนอนแล้วจนในที่สุดต้องภาวนาแล้วพักในขณะภาวนาบ้างพอได้สติก็จับใหม่หลังๆเลยปกติถึงเวลาว่างก็หลับทีละชั่วโมงบ้างสองชั่วบ้างแต่มีสติที่สดชื่นขึ้นไม่ไปใส่ใจกับความเกียจคร้านมันก็จบไม่มีอะไรทำกิจที่ต้องทำให้เสร็จก็แค่นั้นถึงเวลาต้องทำอะไรก็ทำไปตามหน้าที่ก็แค่นั้นลองทำจิตดูเมื่อชนะจิตตนได้จะมีความสุขที่สุดจะเป็นอิสระไม่มีใครมาบังคับบัญชาให้ต้องทำสนองมันอีกพอเอาชนะมันได้ก็จะต้องตั้งสติให้ดีอย่าประมาทเด็ดขาดไม่งั้นแพ้มันทันทีต้องเริ่มใหม่ค่อยๆทำไปจะเอาชนะมันได้ในที่สุด สาธุ
     
  7. โฆษกสายแก้ว

    โฆษกสายแก้ว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +20

    :cool: ให้เห็นโทษของความเกียจคร้านก็จะเป็นเครื่องกระตุ้นให้ขยันได้

    พุทธดำรัส:-ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้แต่อย่างเดียว ที่เป็นเหตุให้อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดเกิดขึ้น หรืออกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วเสื่อมไป เหมือนความเป็นผู้เกียจคร้าน ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเมื่อบุคคลเกียจคร้านแล้ว อกุศลธรรมที่ยังไม่เกิดย่อมเกิดขึ้น และกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมไป”

    บาลีแห่งเอกธรรม

    หมายเหตุ:-เอาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตการงานทางโลกได้เหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2015
  8. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +3,083
    เท่าที่คิดได้มี
    1.อุปสรรคชีวิต ทำให้ท้อถอย จนทำให้เหมือนเกียจคร้าน
    2.คาดผิด ว่าทำแล้วจะไม่ได้ผลตามที่คิด จึงไม่ทำ
    3.อุปนิสัยส่วนตัว อันเกี่ยวเนื่องจากผลของกรรม
    4.ไม่รู้ ขาดปัญญา ไม่รู้ว่าจะทำอะไร ทำยังไง

    ขอถามหัวมันว่าชอบข้อไหน
     
  9. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เห็นว่ามันทุกข์
    และคนเราขีเกียจได้แค่ที่ละเรื่อง
    จริงๆขี้เกียจเป็นของดีก็ได้
    ถ้าเราทราบว่า มีทุกข์ในขี้เกียจทุกครั้ง
    และคนเราขี้เกียจได้ทีละหนึ่งขี้เกียจเท่านั้น

    ขี้เกียจที่สองคืออุปปาทาน
    ที่สาม สี่ ห้า หก หรือมากกว่านี้คืออุปปาทานทั้งหมด
     
  10. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    นำคาถาหลายๆหลายๆมุมลงหน่อย


    “รู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์แก่ชีวิตตน ก็ควรรีบลงมือทำ” (สํ.ส.15/281/81)

    “ผลประโยชน์ทั้งปวง ตั้งอยู่ที่หลัก ๒ ประการ คือ การได้สิ่งที่ยังไม่ได้ และการรักษาสิ่งที่ได้แล้ว” (ไม่ประมาท ๒ ด้าน คือ ในการสร้างสรรค์ และในการรักษา)

    “ในเวลาที่ควรลุกขึ้นทำงาน ไม่ลุกขึ้นทำ ทั้งที่ยังหนุ่มแน่นมีกำลัง กลับเฉื่อยชา ปล่อยความคิดให้จมปลัก เกียจคร้าน มัวซึมเซาอยู่ ย่อมไม่ประสบทางแห่งปัญญา” (ขุ.ธ.25/30/52)

    “เมื่อยังหนุ่มสาว พรหมจรรย์ก็ไม่บำเพ็ญ ทรัพย์ก็ไม่หาเอาไว้ ครั้นแก่เฒ่าลง ก็ต้องนั่งซบเซา เหมือนนกกระเรียนแก่ จับหงอยอยู่กับเปือกตมที่ไร้ปลา”
    “เมื่อยังหนุ่มสาว พรหมจรรย์ก็ไม่บำเพ็ญ ทรัพย์ก็ไม่หาเอาไว้ ครั้นแก่เฒ่าก็ได้แต่นอนทอดถอนถึงความหลัง เหมือนดังลูกศรที่เขายิงตกไปแล้ว หมดพิษสงฉะนั้น” (ขุ.ธ.25/21/36)

    “ภิกษุทั้งหลาย ตระกุลเหล่าหนึ่งเหล่าใดก็ตาม ที่ถึงความเป็นใหญ่ในโภคะสมบัติ จะดำรงได้ยืนนาน ด้วยเหตุ ๔ สถาน หรือสถานใดสถานหนึ่ง กล่าวคือ รู้จักแสวงหาสิ่งพินาศสูญหาย ปฏิสังขรณ์สิ่งที่ชำรุดทรุดโทรม รู้จักประมาณในการกินการใช้ และตั้งสตรีหรือบุรุษผู้มีศีลให้เป็นใหญ่” (องฺ.จตุกฺก. 21/258/336)

    “เป็นคนควรหวังเรื่อยไป บัณฑิตไม่ควรท้อแท้ เราเห็นประจักษ์มากับตนเอง เราปรารถนาอย่างใด ก็ได้สมตามนั้น” (ขุ.ชา. 27/51/17; 1854/362 ฯลฯ)

    “ภิกษุทั้งหลาย เราประจักษ์คุณค่าของธรรม ๒ ประการ คือ ความไม่สันโดษในกุศลธรรมทั้งหลาย และความไม่ระย่อในการบำเพ็ญเพียร ฯลฯ โพธิอันเรานั้นได้บรรลุด้วยความไม่ประมาท ความลุโล่งโปร่งใจ อย่างเยี่ยมยอด อันเรานั้นได้บรรลุด้วยความไม่ประมาท” (องฺ.ทุก.20/251/64)

    “ภิกษุ ยังไม่ถึงความสิ้นอาสวะ อย่าได้นอนใจ เพียงด้วยความมีศีลและวัตร ด้วยความเป็นผู้ได้เล่าเรียนศึกษามาก ด้วยการได้สมาธิ ด้วยการอยู่วิเวก หรือแม้แต่ด้วยการประจักษ์ว่า เราได้สัมผัสเนกขัมมสุขที่พวกปุถุชนไม่เคยได้รู้จัก” (ขุ.ธ.25/29/51- เนกขัมมสุข อรรถกถาว่า หมายถึงสุขของพระอนาคามี)

    “เตรียมกิจสำหรับอนาคตให้พร้อมไว้ก่อน อย่าให้กิจนั้นบีบคั้นเมื่อถึงเวลาต้องทำเฉพาะหน้า” (ขุ.ชา.27/1636/328)

    “พึงระแวงสิ่งที่ควรระแวง พึงป้องกันภัยที่ยังไม่มาถึง ธีรชนตรวจตราโลกทั้งสอง เพราะคำนึงภัยที่ยังไม่มาถึง” (ขุ.ชา.27/545/136; 1092/231)
     
  11. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    คือจะมีวิธีแก้ ขี้เกียจแบบอวิชชา คือให้อวิชชากินขี้เกียจเข้าไป
    อันนี้เสียโอกาศ ให้เห็นทุกข์ในขี้เกียจดีกว่าแบบ มันคนละโลกกันเลย

    และมีแบบไปกินแรงคนอื่น ด้วยไสยะ อันนี้ก็ดีในยุกแรกๆ
    ทันที่ที่กินจนชิน เราจะเข้าไปล่วงเกินคนประพฤติธรรมในที่สุดเพราะขวางทางกินแรงของเรา
    วิธีที่ดีกว่า คือเห็ฯทุกข์ ในทุกขี้เกียจ และอุทิศกุศลทันทีที่มีโอกาศ

    เช่นขี้เกียจอุทิศกุศล
    เราขี้เกียจได้แค่อันเดียว เราไม่ขี้เกียจอุทิศกุศล สอง ครั้ง
    เราเห็ฯทุกข์ในขี้เกียจมาหลายชั่วโมงเราขี้เกียจอุทิศกุศล
    จำได้หมด จดเอาไว้มี ขี้เกียจ และมีทุกข์ข้างใน สามร้อยกว่าขี้เกียจ

    แต่ในใจเรามีเหลือขี้เกียจเดียว

    ในโลกจริงแมงมุมเดินบนน้ำเพราะแรงตึงผิวของน้ำ แมงมุมขยุมแปดขาบนผิวน้ำเดินบนน้ำได้

    แต่ในความคิด เรามีขี้เกียจมากมาย แต่เราขี้เกียจได้แค่อันเดียว แมงมุมขี้เกียจต้องเดินบนน้ำด้วยขาแค่ข้างเดียวเท่านั้น

    ถ้าเดินแบบโลกจริงแม่งมุมจะจมน้ำตาย

    ในโลกจริงลูกเหล็กของกาลิเลโอตกพื้นพร้อมกัน
    ในโลกความคิด มันตกไม่พร้อม มีลูกใดลูกหนึ่งตกก่อน
     
  12. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เราตื่นจากการหลับในตอนเช้า มีเรื่องในหัวให้เราคิดมากมาย
    มันจะหาทางจับเป็ฯคู่ๆ หาเหตุที่เราจะลุกจากที่นอน และหาเหตุที่จะไม่ลุก
    ถ้าเราเห็ฯทุกข์ที่ทะยานอยากที่จะลุก และทะยานอยากที่จะไม่ลุก

    เราจะเหลือขี้เกียจอยู่ขี้เกียจเดียวเท่านั้น

    ขี้เกียจเป็ฯของใครก็ไม่ได้ ยึดเอาไว้เองก็ไม่ได้
    ยัดให้ใครขีเกียจก็ไม่ได้

    อย่าเป็ฯทาสไสยะศาสตร์เลย ถอนมันไปเลยดีกว่า
    ในที่สุดเราจะใช่ไสยะกินแรงคนอื่น
    และจะเข้าขวางการภาวนา วิปัสนา อย่างรุนแรงมาก

    ผลกรรมจากการใช่ไสยะจะเข้าทำลายกำลังภาวนาอย่างร้ายกาจ

    บางคนถึงขนาดยอมให้อวิชชากินขี้เกียจ

    ผมไม่เอาทั้งสองแบบ
    ให้เห็ฯทุกข์ในขี้เกียจ แล้วรวบยอดอุทิศกุศลเมื่อ มีสถานที่สงบๆ
     
  13. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ถ้าผมใช่วัตถุอาถรรพ์ที่เป็ฯไสยะ
    เกือบทั้งหมดจะใช้คาถาจักรพรรดิ์ปลุก แล้วอุทิศกุศลเท่านั้น

    พอเราสนิทกะวัตถุนั้นมากๆ
    เวลาเราพก ถ้ามีคนใช่ไสยะชุดที่เค้ารู้จักเค้าจะเตือนเราเลย
    บางทีบอกเราแต่เช้าเลย บอกกอ่นจะโดนของชุดนี้เป็นชม.
    เราก็หาทางอารมธนาบารมีพระรัตนตรัย อุทิศกุศลรอรับแขกผู้มาเยือน
     
  14. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    เกรงใจกะว่าจะไม่ถาม คือ พยายามอ่านๆทำความเข้าใจเอง แต่อ่านแล้วก็ไม่เข้าใจ ว่าคุญบุญยงพูดถึงเรื่องถึงอะไร
     
  15. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    ถูกทุกข้อจ้า :'(

    แล้ว hastin ไม่มีวิธีรักษาโรคขี้เกียจบ้างเหรอ? :d
     
  16. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    @ คุณบุญยง

    ขยันเหลือเกิน น้ำเย็นๆ ซักแก้วมั๊ยคะ? (f)




    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2015
  17. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    @ มาจากดิน

    ขอบคุณที่ช่วยถาม จริงๆ อยากรู้เหมือนกัน
     
  18. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,946
    เข้าใจว่า
    สะอาดข้างใน นี้คือมีศีลเป็นปกติ
    ส่วนสะอาดข้างนอก นี้คือ การมีสุขอนามัยที่ดี ร่างกายสะอาด รวมถึงไม่มีโรคภัย

    หรือยังมีความหมายอื่นๆ อีกคะ?
     
  19. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    อวิชชาจะประกอบตัวกันประมาณนี้
    ไม่รู้ว่าไม่รู้ ไม่รู้ว่ารู้ รู้ทั้งรู้ รู้ว่าไม่รู้
    เหมือนที่เราตื่นนอนแต่ยังไม่ลุกจาก ที่นอน
    เราจะความญหาเหตุผล เพราะอวิชชา มีความพึงใจคือฉันทะ กะราคะคือยางเหนียว
    พอใจคือพอใจที่จะลุกจากที่นอน และพอใจที่จะไม่ลุก ทั้งสองอย่างก็จะมียางหนึบหนับ
    คือดูดเราให้ลุกจากที่นอน และดูดเราติดที่นอน

    ตอนเราควาญหาเหตุที่จะตื่นจากที่นอน มันจะประกอบเหตุและผลกัน
    เช่นไม่รู้ว่าไม่รู้ รู้ทั้งรู้ ไม่รู้ว่ารู้ รู้ว่าไม่รู้

    แต่จะพยายามหาสาเหตุให้กะขี่เกียจลุก และขี่เกียจนอน เท่าไหร่

    ในที่้สุดคนเราจะขี้เกียจได้ทีละขี้เกียจเท่านั้น
    ณ ขณะหนึ่งๆ ขี้เกียจที่เป็ฯธรรมารมณ์ จะจับคู่กะมะโน
    ธรรมารมณืจะเป็นอายตนะนอก มะโนจะเป็ฯอายตนะใน
    ได้ที่ละหนึ่งคู่เท่านั้น
     
  20. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    เราก็จะพยายามยึดโยงแรงทั้งที่จะดูดให้เราลุกจากที่นอน
    และดูดให้เรานอนต่อเหมือนมะแลงมุมเดินบนน้ำ

    เพราะกลไกธรรมชาติของร่างกาย เวลาเรากิน นอนเดิน วิ่งเล่นกีฬา
    เรามักจะโดนสอนให้ใช้แรงพร้อมๆกันยกจะมีแรงมาก

    แมงมุมมะโนตัวนี้ก็จะใช้แปดขาแต่ความคิดเวลาอุปปาทานจะอุปปาทานได้อย่างกะตะขาบเป็ฯพันขา
    ผลักใจเรามะโนเราให้ลูก และดูดมะโนเราให้ไม่ลุก

    จะเกิดดุลยะภาพ เราจะสะตันตัวเองอยู่บนที่นอนนานมากทั้งๆที่ไม่จำเป็ฯเลย
     

แชร์หน้านี้

Loading...