ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

ไม่อยู่อาทิตเดียวต้องตามอ่านอีกเยอะเลยครับ

 

ทำไม สิงห์รีบตาย เอ๊ย! ตายเรร็วจัง น่าจะมีวิชาสอนให้เป็นอมตะด้วยนะ เรียนรู้และมีวิชาได้ขนาดนี้ รีบมาตาย น่าเสียดาย มาเกิดใหม่ก็ลืม แล้วก็ต้องเริ่มกันใหม่ทุกชาติ ก็น่าเบื่อนิ เกิดใหม่บางคนก็จำได้กระปิดกระปอย ติดๆดับๆ ต้องเียนรู้ใหม่มันทุกชาติไป เป็นอมตะกันซะให้เข็ด เอ๊ยให้เบื่อไปเลย เอ๊...แต่ถ้าไม่เบื่ิอ แล้วเกิดหลงไปสารพัด ก็น่ากลัวภัยที่จะเกิดแก่สรรพสัตว์อีก ทั้งภัยแก่จิตตนเองอีก กลายเป็นปีศาจอรสูกายฯ ชิมิๆ เดาๆเอา เฮ้ออออ (ขออนุญาติ ถอนหายใจหน่อยนะ จขก)(f)

 

เพราะชาตินั้น ทำ mission complete แล้ว ชนะ โลภะ (ความหลงในตำแหน่ง ชื่อเสียง เกียรติยศ )
นึกถึงประโยชน์ส่วนรวม มากกว่าชีวิตตนเอง

แต่แพ้(game over) ตัณหา กามรมณ์ และทำบาปเยอะ ซ้ำๆ ทำเรื่องเดิมๆ กาเม

หมดบุญ คือ คำไทยโบราณ

อันผลกรรมนั้น ย่อมทำให้ส่งผลไปเกิดเป็นพระธิดานาคี ปุ๊บเลย

ฝันจ๊ะฝัน

 

ตายจากชาย ชาติที่เป็นสิงห์ มาเกิดเป็นพระธิดานาคี เลยไหม
ตายจากชาย มาเกิดเป็นหญิงเลยอย่างงี้
ไม่ทราบว่าชาติที่เกิดเป็นพระธิดานาคี นิสัยใจคอเป็นอย่างไร
เหมือนผู้ชายไหม?

 

ไม่มีเลยจ๊ะ เกิดแบบหญิงครบถ้วน
ออกแนวมารยาหญิง ออเซาะ ฉอเลาะ กริยาเป็นหญิง
เพราะจำอดีตไม่ได้เลยแม้แต่ชั่วขณะจิต
มันเป็นชาติที่ต้องรับกรรม

ส่วนพวกที่เกิดมาผิดเพศ เช่น ตัวเป็นชายกายเป็นหญิง
ก็มาจากศีลข้อสาม เป็นส่วนมาก แต่คนละแบบคนละพวก
เรื่องกฏแห่งกรรมช่างซับซ้อน ยอกย้อน เกินกว่าจะอธิบายเล่นๆได้

เราคิดว่าที่เราจำได้ในชาตินี้ หรือจะเรียกว่าชอบฝัน
เพราะเรารับกรรมไปเกือบหมดแล้ว กรรมหนักๆ สองสามชาติติด
แม้แต่ชาตินี้ ครึ่งชีวิตแรก ก็รับกรรมไป กว่าจะเริ่มฝัน มันก็ผ่านไปหมดแล้ว
รู้เพื่อเห็น เห็นเพื่อวาง

เหมือนที่ว่ามีฤทธิ์ มีมนต์ มีกสิณทั้ง 10 กอง
แต่ก็คงหลุดพ้นไปไม่ได้ ถ้าไม่วาง

ถ้าไม่ช่วยเหลือคนอื่นบ้าง.....

 

พูดดีมากเรย...พวกรับกรรม..สมนาน่ามัน อิอิ คนล้มอย่าข้าม ต้องกราทืบซ้ำ อิอิ เอาให้มันสำนึก ให้ได้

 

บรรยากาศที่นี่ดีมาก ฝนเหมือนจะตก นึกถึงเพลงเบาๆขึ้นมา

คนคิดริษยาอิจฉาตาร้อนมักนอนไม่หลับ คนคิดดีนอนพับหลับผลอยอร่อยไปเลย

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=GgESsF48-AI]เพลงสากลแปลไทย Way Back Into Love - Hugh Grant & Harley Bennett (Lyrics & ThaiSub) - YouTube[/ame]

 

สิงห์นั้นนอนราบไปกับพื้นถ้ำ

หลับตาลง รู้สึกถึงความร้อนจากเหล็กไหลที่วิ่งไปตามร่าง

แล้วในจิตก็ภาวนา เตโช กสิณัง

พลันบังเกิดลูกไฟในจิตสิงห์

แต่ไฟนั้นกลับไม่เปลี่ยนเป็นสีขาวดวงสว่าง

กลับเป้นแค่ไฟสีส้มแดง

ลูกไฟนั้นค่อยๆลุกโชติช่วงขึ้น

แต่ก็หรี่ลงอีก ยังคงไม่สม่ำเสมอ

ราวกับจะมอดดับในบางครั้ง

 

สิงห์พยายามเพ่งจิตให้ไฟลุกโชติช่วงขึ้น

ให้ไฟสูงขึ้นแต่ก็ไม่สำเร็จ

มันโชคช่วงแค่นิดเดียว แต่กลับหรี่ลงราวจะดับหลายครั้ง

ได้ยินเสียงขรัวอินทร์ว่า

ลูกเอ๋ยกำลังสมาธิเจ้ายังไม่ดีนัก

แต่ก็พอมีทาง ด้วยฤทธิ์ของเหล็กไหล

ที่จะดูดความร้อนในกายลูก พ่อจักสอนเตโชกสิณให้ลูก

เป็นเตโชกสิณเพื่อทำลายล้างทุกธาตุ ให้สมกับเป็นกสิณไฟ

แม้มันผู้ใด สำเร็จอาโปกสิณ ก็จักดับไฟของลูกไม่ได้

แม้มันผู้ใด สำเร็จปฐวีกสิณ มันก็จักดับไฟของลูกไม่ได้

ไฟที่พ่อจะฝึกให้ลูก คือ ไฟนรกโลกันตร์

 

หากข้อความที่เขียนต่อไปนี้ ทำให้ผู้ฝึกเตโชกสิณไม่พอใจ

ขออภัยด้วย เป็นเพียงแค่นิทาน ของคนคนหนึ่งค่ะ

 

ฉับพลันในนิมิตของสิงห์ก็เกิด ลมพัดขึ้น ลมนั้นมาจากทิศด้านล่าง
พัดไปที่ฐานของไฟ ไฟก็ลุกขึ้นทันที ลมพัดอย่างต่อเนื่อง
ไม่นานไฟในจิตของสิงห์ก็ลุกโชติช่วง

สิงห์รู้สึกร้อน จนเหงื่อแตกไปทั่วทั้งร่าง
รู้สึกถึงหินกรวดเล็กน้อยที่นอนทับอยู่ใต้ตัว ร้อนระอุ
ความร้อนของสิงห์แผ่ไปตามพื้นที่นอนอยู่

ลมนั้นพัดอย่างต่อเนื่อง แล้วก็สงบลม
ไฟที่ลุกก็หดเล็กลง
เหลือเพียงดวงไฟ เท่าฝ่ามือ

 

จงจำคำพ่อไว้

ไฟหนุนลม ลมหนุนไฟ ไฟเกิดลม ลมเกิดไฟ

 

แล้วสิงห์ก็เห็นภาพ ภาพของลม (ลักษณะเหมือนไอแดด ใสเหมือนน้ำ
แต่พริ้วไหวได้)

ภาพนั้นเห็นชัดเจน ทุกจังหวะที่ลมพัด
ลมสอดแทรกเข้าไปในเปลวไฟ
ไฟโหมขึ้น เพราะเปลวลมที่เข้าไปสอดแทรก
ไฟลุกจากลม ลมลุกจากไฟ
วัฏจักรนี้ต่อเนื่อง และไม่ต้องเพ่ง
จิตแบ่งหน้าที่ทำงาน โดยไม่ต้องมีคำภาวนาอีกต่อไป

สิงห์น่าจะธาตุขันธ์แตก ในกายมนุษย์
แต่ด้วยฤทธิ์ของเหล็กไหลบริสุทธิ์
เหล็กไหลในกายที่ราวกับมีชีวิต
ต่างถ่ายพลังออกทาง มือ เท้า จุดเหนือว่างคิ้วของสิงห์
กระหม่อม และท้ายทอย
โดยเฉพาะส่วนกระหม่อมของสิงห์ ราวกับมีท่อลมเย็นไหลเข้าออกตลอด

มิใช่ไหลออกยังไหลรับพลังงานจากอากาสธาตุเข้ามา
รับพลังเย็นจากปฐวีธาตุ เข้าไปซึมซาบ
ร่างกายของสิงห์ที่ได้แช่ยา ว่าน ในพิธีคงกระพัน
จึงยังไม่ได้เกิดการระเบิดธาตุ
หากไม่มีเหล็กไหล จิตกำหนดไม่ทัน หรือเสียสมาธิเพียงเสี้ยวเดียว
อาจเกิดสิ่งที่เรียกว่า ไฟไฟม้จากในร่าง
หรือเลือดลุกเป็นไฟ แต่ในกรณีสิงห์เลือดได้ผสมกับเหล็กไหล
จึงลดวัฏจักรนั้นได้

 

เสียงขรัวอินทร์กล่าวว่า นี่ไม่ใช่ไฟที่ร้อนที่สุดที่พ่อจักสอนลูก
แต่เพลานี้ พ่อจักสอนการถ่ายเทพลังงานให้ลูก

เมื่อไฟดวงนี้ขยายขึ้น จงนึกถึงเหล็กไหลในร่าง
ให้มีจิตเดียวกัน จงมองพลังจากกลางตัวของลูก
เลื่อนไหลไปให้ครบทั้งมือแลเท้า แล้วดึงกลับมาที่หว่างคิ้ว
แลัวดันกลับที่ท้ายทอย
จากนั้นให้ไหลขึ้นไปที่กระหม่อม

จงรับรู้ถึงอากาศที่อยู่เหนือหัว
แล้วดึงเข้ามาผ่านกลางกระหม่อม
ให้ความเย็นจากลม เข้ามาหล่อเลี้ยง
แม้หากเจ้าร้อนมาก จงผันผายพลังงานร้อนนั้น
เข้าออกผ่านทางปลายนิ้วมือนิ้วเท้า
แล้วค่อยรวมพลังเข้าสู่กลางกาย อีกครั้ง

หมุนเวียนธาตุในตัวให้สมดุล

จากนั้นจึงจะฝึกไฟที่แท้จริงได้

 

เขียนไปร้อนไป ทุกจุดที่เล่า พักก่อนนะ โดยเฉพาะท้ายทอย

@หมอ suwi ขอน้ำหน่อย

หมอที่หมอแซวนี่ รู้ใช่มั้ย ว่าเราอยากฝึกไฟเช่นนี้

แล้วมันมีจริงมั้ยน้อ

 

ขอบคุณค่ะที่แนะนำ แต่ดูท่าจะต้องฝึกอีกนาน ฝีมืออนุบาลอยู่เลยค่ะ ฝึกดูลมหายใจไปก่อน แค่นี้ก้อยากละ บางทีก้อลืม แต่ก้อดีนะคะ ทีนี้รู้ละว่าควรฝึกไปทางไหนยังไง

 

ถ้าร้อนอย่านึกถึงน้ำ ให้นึกถึงน้ำแข็งในช่อง ฟีซ ของ ตู้เย็นสิครับ

หรือ นำน้ำเย็นมาเทไส่แก้ว แล้ว สัมผัสความเย็น เอามือจับแก้วให้ความเย็นไหลเข้าร่างกายให้ทั่วครับ

อิอิ กสิณน้ำแข็ง ไง

 

ปฐวีกสิณน่ะเหรอ เสกของให้แข็ง
ทำให้ลอยได้ ใช่ไหม

 

มีหลายคน ชอบพูดคำว่า...ระลึกนึกถึง อารมณ์ หรือสภาวะนั้นๆ มาทรง มาเป็นอารมณ์

แต่คนที่จะทำได้จริงๆ..คงมีน้อยนะ

 

เอาใจ รู้......