กิเลสอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์หรือไม่

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 25 สิงหาคม 2015.

  1. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    สนตี ehวีเน่า(เอา FC มากวัดจับไว้) ไปไกลๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2015
  2. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    อุ้ยย์!!! ทู้กูเหม็นหมด
     
  3. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241

    ตามเห็น จิตที่เป็นกลางต่อสังขาร ทั้งปวง ( ไม่ว่าดี หรือ จั่ว หรือ กลางๆ ) ไว้ด้วย นะฮับ

    จิตจะค่อยๆ เข้าฐาน แม้นจะอยู่ท่ามกลาง สิ่งปฏิกูล สิ่งไม่ดำไม่ขาว


    จิตที่มีศีล จิตมันโน้มไปทางกุศล เป็นกลางเข้าไปเรื่อยๆ ได้ไม่ยาก และ เป็นไปเอง


    ความเป็นไปเองของจิตที่ไม่ห่างศีล(ไม่ห่างฌาณ) หากยกเป็น บัญญัติธรรมโวหาร
    สวยๆ ก็จะกล่าวกันว่า " ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม " ธรรมจักร
    หมุนโดย................ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับ การดลบันดาล การเจตนา การเชื่อมต่อกับอะไรๆ
     
  4. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    พอดีว่างๆ โดยความเห็นผมนะ
    ผมว่าแล้วแต่นะ ว่าจะมอง จะอาศัยช่วงจังหวะที่กิเลสดับไปให้เป็น
    ประโยชน์ได้แบบไหนบ้าง

    1.
    ����ûԮ�������� �� - �����Ը����Ԯ�������� �

    2.
    หรือจะมองอย่างที่พระพทุธเจ้ากล่าวทำนองว่า สิ่งใดเกิดขึ้นเพราะเหตุย่อมดับเพราะหมดเหตุก็ได้ (ส่วนเหตุของกิเลสต่างๆอ่านล่างๆเอา)

    หรือ ตามที่พระพุทธเจ้าอธิบายถาม พระราหุล ก็ได้ครับ กล่าวถึง อายตนะ ภายใน ภายนอก 6 โดยอย่างย่อ รวมถึงขันธ์ 5 โดยความเป็นสิ่งไม่เที่ยง
    "ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือ หนอที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา"
    ตามใน ราหุลสูตร
    จะเห็นได้ว่ามีกล่าวไปถึง ใจ ธรรมารมณ์ มโนวิญญาณ มโนสัมผัส
    ����ûԮ�������� �� - ����ص�ѹ��Ԯ�������� ��


    หรือตามใน อนัตตลักขณสูตร ก็ได้ครับ ซึ่งจะกล่าวถึงความไม่เที่ยงในขันธ์ 5 (ถ้างงว่ากิเลสกับขันธ์5 เกี่ยวไรกันด้วย ก็อ่านล่างๆ)
    ����ûԮ�������� � - ����Թ�»Ԯ�������� �

    3.หรือสรุปรวบยอดเหมารวมไปเลย ว่าเป็น "ทุกข์" เป็นสิ่งที่เป็นเหตุให้เกิด "ทุกข์" แบบใน วชิรสูตรเป็นต้น
    สมมุติ ถ้าสิ่งที่เรียกว่ากิเลส(บางจำพวก) เช่น โลภ โกรธ นั้นเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิด ตัณหา อุปทาน ต่างๆนาๆตามมา ก็เท่ากับว่าทำให้เราเป็นทุกข์เป็นร้อนดิ้นรน กระวนกระวาย กระเสือกกระสน เป็นทุกเวทนา ถ้าสรุปง่ายๆก็ คือทุกข์ จริงมั้ยละ ?

    แล้วถ้าอ่าน ราหุลสูตร กับ อนัตตลักขณสูตร โดยละเอียด ก็จะเห็นประโยคที่ว่า
    "สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือ หนอที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา"
    ถ้าพิจรณาดีๆก็คือ ไตรลักษณ์ นั่นเอง ก็แสดงว่า ทุกข์ในไตรลักษณ์ ครอบคลุมทั้งหมด ไม่ว่าจะในขันธ์5 ซึ่งโยงไปเป็นทุกข์ในอริยสัจ4ก็ได้ หรือจะ ทุกข์ ในส่วนที่เป็นเวทนาก็ได้ (สุข ทุกข์ เฉย)
    ����ûԮ�������� �� - ����ص�ѹ��Ԯ�������� ��
    รวมไปถึงในอายตนะ ภายใน ภายนอก ไรพวกนี้เป็นต้น
    ประมาณว่า ศาสานาพุทธสอนให้เรียนรู้เข้าใจเรื่องทุกข์ เพื่อให้ไปถึงที่สุดแห่งทุกข์
    ก็ประมาณนี้แหละ

    เพราะเอาจริงๆนิยามว่ากิเลสมันกว้างและเยอะมาก (อ่านอธิบายล่างๆเอาอีกทีละกันครับ)
    ถ้ามองง่ายๆว่าเป็น ตัณหา ความอยาก อารมณ์ หรือการที่ไปยึดมั่น อันเป็นเหตุให้เกิด ทุกข์ ขึ้นมา ก็น่าจะง่ายกว่า

    อันนี้นิยามเกี่ยวกับคำว่าทุกข์
    �鹾��ҹء���ط���ʹ� ��Ѻ�������Ѿ��


    อันนี้ กิเลสวัตถุ ๑๐ ถ้าอ่านดีๆจะเห็นได้ แค่นิยามของ โลภะ(ความโลภ)ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความอยาก ทะยานอยาก (ตัณหา)ตามมา ดูแล้วก็ยากที่จะดับได้จริงๆนะ แค่โลภะตัวเดียว เหตุเกิดของมันเยอะซะเหลือเกิน
    และท้ายๆก็มีเกี่ยวโยงกับ เวทนาขันธ์ วิญญาณขันธ์ ด้วย

    ถ้าลองคิดๆดูก็เหมือนกับ ว่าเราเมื่อเรามีความโลภเกิดขึ้นมา เราก็ต้องทะยายอยากดิ้นรนเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมา พอได้สิ่งนั้นมาเราก็ยึดว่าสิ่งนั้นเราได้มาเราหามาได้ เราเป็นเจ้าของ เผลอๆต้องคอยดูแลรักษาเป็นกังวลอีก
    ก็คือความโลภตัวเดียว ทำให้เกิด ตัณหา อุปทาน ทำให้เกิดเป็นทุกข์ ตามมาได้เลย
    ����ûԮ�������� �� - �����Ը����Ԯ�������� �
     
  5. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ฟางว่านตอบว่า ไม่ได้กล่าวอย่างนั้น ทีนี้อยากบรรลุธรรมเร็วฟังทางนี้ ฝึกละสักากายทิฏฐิทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย(ไม่ถนัด) ทางใจ หรือทางจิต
     
  6. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    แก้คำผิด ที่ถูก สักกายทิฏฐิ
     
  7. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    การกินเหล้าทำให้จิตขุ่น ฟางว่านนานๆกินที
     
  8. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    เหล้า นานนานกินที แต่กินทั้งทีก็ต้องกินนานนานนาน

    ถ้าจะประพฤติศีล ๕ ให้จริงจังต้องจัดการที่ข้อ ๕
    ก่อนเลยฮะ

    แต่เรื่องพรรค์นี้ เมื่อหมดเวรหมดกรรมไม่ต้องมี
    ใครเตือน ก็หยุดเอง ลุงแมวไม่มีใครเตือนจริงจัง
    เลยต้องใช้เวรใข้กรรมอยู่นานนะฮะ เพราะคิดว่า
    เท่ห์ว่าสนุกว่าเป็นคนมีสังคมดี คิดผิดทั้งนั้น
    เปลืองทั้งเงินทั้งสุขภาพ.....สงสารตัวเองครับ
     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    ตกนรก
     
  10. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ควรทำกรรมดีนะ ทำดีเป็นปรกตินิสสัย คิดดี พูดดี ทำดี ไม่มีเจตนาที่ไม่ดี ดำเนินตามทางมรรค8 ดียิ่ง
     
  11. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ธรรมอย่างหนึ่งที่ขัดขวางความเจริญในพระธรรมวินัยพระอริยะคือความไม่พอใจ เราจะต้องไม่มีความไม่พอใจเลย ละคลายด้วยการทำสมาธิอานาปานสติ และผ่อนอารมณ์ความไม่พอใจด้วยรู้จักตั้งสติระงับโกรธ ระงับความไม่พอใจ ต้องทำจิตใจให้ไม่มีความไม่พอใจเลย
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เข้าเป้า แล้วครับ

    แต่.....

    ไม่ใช่ไป " ไปตั้งสติระงับโกรธ " ไปตั้งเจตนาจะ ไม่เอาความไม่พอใจ

    การไปตั้งเจตนาว่า จะไม่เอา " ความไม่พอใจ " มันก็คือ การไม่พอใจ ความไม่พอใจ

    เป็นลักษณะ การ วนซ้ำ ของ " วิภวตัณหา "


    ที่ถูกคือ เวลาจิตมันเกิด " ความไม่พอใจ " ให้ยกขึ้น เป็น สิ่งถูกรู้ถูกดู

    อะไรก็ตาม ที่เรายกขึ้นเป็น สิ่งถูกสังเกตุ ....เหมือน เรามองผู้เล่นบอลในสนาม

    ถามว่า " ความไม่พอใจ " ที่วิ่งวุ่นรับส่งลูกในสนาม ใช่ คนที่ ยืนสังเกตุอยู่ห่างๆ ไหม

    ถามว่า " ความไม่พอใจ " ที่วิ่งวุ่นรับส่งลูกในสนาม ใช่ คนที่ ยืนสังเกตุอยู่ห่างๆ ไหม

    ถามว่า " ความไม่พอใจ " ที่วิ่งวุ่นรับส่งลูกในสนาม ใช่ คนที่ ยืนสังเกตุอยู่ห่างๆ ไหม

    อะไรที่ถูกสังเกตุได้ ไม่ว่า สิ่งนั้นจะเป็นอะไร แม้นจะเป็น จิต ของผู้สังเกตุ ก็ตาม
    สิ่งนั้นวิ่งไปวิ่งมา สัดส่ายไปมา แสดงความบังคับบัญชาไม่ได้ ผู้รู้ ผู้สังเกตุอยู่
    พึงสำคัญว่า นั่นคือ " ตน " หรือเปล่า

    ดูให้ห่างๆ ออกมาจาก " ความโกรธ " แค่นี้ ก็เห็น สภาวะก้าวข้าม ก้าวพ้น
    ไม่ฉวยจิตโกรธ จิตโลภ จิตหลง ขึ้นมาเป็น ตนได้ ไม่มากก็น้อย
     
  13. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    พระพุทธเจ้าบอกว่าถ้ารู้ว่ากิเลสเกิดขึ้นให้รีบดับให้ไว้ให้เอาสติมาระลึกอยู่ที่กาย ไม่ใช่ไปดูมันอาการของมันปล่อยให้มันสร้างภพก่อชาติต่อไป. เปรียบเหมือนไฟที่ลุกอยู่บนหัวให้รีบดับ ไม่ใช่ปล่อยให้ไฟไหม้หัว บันไดเลย
     
  14. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
  15. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    สัตว์โลกที่ไม่ได้บ่มเพาะปัญญามามากพอ จะเอาอะไร
    ไปดับกิเลสในทันที

    พระพุทธองค์ทรงตรัสแก่..ผู้ใด
    ....ที่ไหน....เมื่อไร
    ต้องยกมาเป็นชุดนะจ๊ะ
    จึงจะเข้าใจได้ตรงตามธรรม
     
  16. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ลึกซึ้งไร้เทียมทาน เพราะบ่งบอก
    ถึงความสามารถสร้างไมตรีกับกิเลสเป็นอย่างดี
     
  17. romanof3

    romanof3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +68
    ไม่ค่อยได้อ่านคอมเมนต์ท่านอื่น ครับ แต่วิธีที่ใช้อยู่นี้ คือ ทรงศีลให้ครบอย่าบกพร่องครับ ( ทำทานเมื่อมีโอกาส ด้วยเป็นกำลังเสริม การให้ทานฝึกจิตให้สละออก จะทำให้เราปล่อยว่างได้ง่าย ) เมื่อไหร่ว่างจากการงานแล้ว ก็นั่งสมาธิครับก่อนนอนก็ได้ จะทรงสมถะหรือ วิปัสสนาก็ตาม ตามแต่ท่านถนัดจากนั้นก็พิจารณาสังขารรูปขันธ์ ของเรามาจากไหน และต่อไปจะเป็นอย่างไร สงเคราะห์ลง ในอนิจจังทุกขัง อนัตตา ให้ทำเป็นประจำ ไม่ต้องไปพิจารณาหัวข้อธรรมใดๆมาก เน้นให้ศีลบริสุทธิ์ ครับหากศีลเราพร่องไประหว่างในชีวิตประจำวันก็สมาทานศีลใหม่ตอนทำสมาธินั้นละ และอธิษฐานว่า เราจะทรงศีลให้ดีที่สุด แค่นี้พอ อย่างคาดหวังให้วิเศษวิโส ประเภทว่าจะไม่ผิดพลาดเลยหากไม่เคยปฏิบัติแล้วมาหักดิบ กิเลสยิ้มครับ เมื่อไหร่พลาดพลั้งผิดศีล ระหว่างดำเนินชีวิตจะมีตัวแทรกมาว่า เราทำไม่ได้ปฏิบัติไม่ได้ เป็นตัวบันทอนกำลังใจ นี่ละกิเลสมันรอเราเผลอครับ ต่อมาเมื่อท่านทำอย่างที่ผมกล่าวข้างต้นทุกวันๆแล้ว จิตจะทรงกำลัง ไม่ว่าจะทรงสมถะหรือ ทรงวิปัสสนา ตามที่ท่านถนัดหรือทำต่อเนื่อง กิเลสคือ ความโลภ โกรธ หลง หรือ ราคะ จะไม่ปรากฏ เพราะอะไร เพราะมันรู้ว่าเรามีกำลังพอจะฆ่ามันได้แล้ว มันจึงหลบ นักปฏิบัติส่วนมากพอมาถึงระดับนี้ใจจะทะนงว่าตนปฏิบัติธรรมดีแล้ว ..แต่จริงๆกิเลสมันแค่หลบไปครับ ต่อมาให้พิจารณาสงเคราะห์ในสังโยชน์ข้อ 1- 3 ว่าทำครบไหม เอาให้ได้ 3 ข้อ พยายามทำให้ครบเต็มกำลังใจคือ ให้อธิษฐานว่าจะทำให้ดีที่สุด ลองทำดูสักระยะทีนี้กิเลสจะออกมาแล้วครับ มันจะส่ง มาว่า แน่เหรอใช่เหรอ ทำได้เหรอ เราดีพอเหรอ เป็นต้น อย่างตกใจหรือ ลงกลยอมแพ้ ให้ทรงกำลังใจในศีล และ จุดหมายที่เราทำ คือ ละสังโยชน์ ข้อ 1- 3 ให้ได้ ตอนนี้วิปัสสนาญาณต้องนำมาใช้ หาเหตุและผล สู้ครับสู้กับกิเลสตัวนี้ ด้วยเหตุและผล ทำไมต้องทรงศีล ทำไมต้องละสังโยชน์ให้ได้ ตอบตัวเองให้ได้ครับ ว่าท่านมีจุดมุ่งหมายอะไรในการปฏิบัติ หากปฏิบัติเพื่อสงบ ก็ไม่จำเป็นต้องไปต่อ แค่สมถะที่สงบแล้ว หากต้องการปฏิบัติเพื่อละกิเลสท่านต้องสู้ต่อกับมัน ( ต่อไปนี้เป็นข้อคิด พระเดชพระคุณหลวงตามหาบัวครับ ตอนที่สู้อยู่นั่นกิเลสมันออกมาอย่าไปกล้วให้สู้โดยอธิษฐานว่า จิตเราเปรียบเหมือนไฟ กิเลสเหมือนเชื้อไฟ หากมีเชื้อไฟที่ไหน ไฟจะตามไปเผาพลาญให้สิ้น เผาพลาญด้วยความจริง สัจจธรรมจริง) คือ ร่างกายเราจะต้องตาย เมื่อตายแล้วสังขารก็ดับสูญ ร่างก็ดับสูญ สิ่งนี้หรือ ที่กิเลสจะอยากให้เรามีไว้ สิ่งนี้หรือ ที่ดิ้นอยากได้อยากเป็น สิ่งนี้หรือ ที่เราจะเอา เอาซากเน่าๆนี้หรือ เกาะไว้ จะมาหลอกเราไม่ได้ เราไม่เอา แม้แต่กิเลสเองก็ไม่เอาซากเน่าๆเช่นกัน ทุกสิ่งเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และ เราทรงศีลปฏิบัติมาโดยตลอด เราทำทานมาโดยตลอด เพื่อเราจะไปพระนิพพานเท่านั้น หากจะมายับยั้งไม่ให้เราถึงความดี ก็ให้หาอะไรมาบอกว่าสิ่งที่มายั่วยวนเรานั้นดีกว่า ถ้ามีให้แสดงออกมา ออกให้ หมด เพราะที่ผ่านมาโลภ โกรธ หลง มิใช่เหรอ ที่ทำให้เราเสียใจ เราร้องให้เป็นทุกข์ แม้แต่สังขารร่างกาย ที่ปรุงแต่งก็เป็นทุกข์ นี่เหรอสิ่งที่บอกว่าดี บอกว่าสมควรแก่ตัวเรา กิเลสเอย นี้มันเลวทั้งนั้นที่ให้มา การที่มาขวางเรา จะทำให้ฉิบหายทั้งเราทั้งท่าน ฯ ( พอสังเขป//ท่านต้องใช้ปัญญาสู้ครับ// ) // หลังจากที่สู้กับไปเรื่อยๆ หากเราชนะ มันจะถอยครับ ( ถอยไปตั้งรับ มันยังไม่ยอมรับจริงๆหรอกครับ ) หากเราสู้แพ้ ก็ให้เราทรงกำลังใจใหม่ ครับหาคำตอบว่าเราปฏิบัติเพื่ออะไร ทำไมถึงสู้ไม่ได้ จะบอกใบ้ว่า 1) เพราะท่านกำลังใจไม่พอ / พละ 5 ไม่พอ ให้เริ่มกระบวนการใหม่แต่ต้น 2). เพราะท่านไม่มีเป้าหมายว่าปฏิบัติเพื่ออะไร เพราะอาจจะยังไม่เห็นทุกข์จริงๆ นั้นเอง อันนี้ต้องใช้เวลาเมื่อไหร่เข้าใจคำว่าทุกข์จริงๆ จะตั้งอารมณ์ใจใหม่ขึ้นมาเอง แต่ห้ามทิ้งศีลและทาน การปฏิบัติบังคับไม่ได้ ต้องตามเวลาแต่ละบุคคลเป็นปัจจัตตัง ครับ หากท่านมีกำลังใจทรงตัว สามารถละสังโยชน์ได้ ข้อ 1 - 3 และไม่หวั่นไหวใดๆแล้ว ( ไม่หวั่นไหวคือ ศีลทรงได้ครบ , มีเป้าหมายว่าปฏิบัติเพื่อพระนิพพานคือ จะถึงหรือไม่ เราไม่สนเราจะทำเพื่อไปนิพพานอย่างเดียว ) ก็จะก้าวสู่ความเป็นอริยะบุคคล คือ พระโสดาบัน , พระโสดาบันนั้น หลวงพ่อฤาษีท่านว่าละกิเลสได้เปราะหนึ่ง คือ รู้ตัวว่าตัวเองยังมีโลภะ โทสะ โมหะ ครบอยู่ แต่จะไม่กระทำออกมาหากทำให้ผิดศีลผิดธรรม ผู้อื่น,ตนเองเดือดร้อน และขัดต่อคำสอนพระพุทธเจ้า จะไม่ทำเด็ดขาด อันนี้เป็นกำลังใจพระโสดาบัน ครับ โมทนาสาธุ
     
  18. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ก็ต้องสะสมให้มากๆในเรื่องสุตตะนะ. จะได้มีภูมิปัญญาที่จะต่อสู้กับกิเลส. แต่ถ้าขี้เกลียดเอาง่ายๆก็ปักใจลงไปในอนิจจัง ท่องให้คล่องปากขึ้นใจ. แทงตลอดอย่างดีด้วยทิฎฐิ. แค่นี้ก็หวังได้ซึ่งอรหัตถผล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2015
  19. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    จะต้องเป็นบัวเหล่าไหนอยู่ก่อนหรือเปล่า......ที่จะตามฟังbigtoo กะพวกมาเทศน์บ่อยๆ ทู้นู้นที ทู้นี้ที ห้างโน้นที ห้างนี้ทีแล้วก็นั่งรออรหัตผล

    กล้วยไข่ว่าในบัว ๔ เหล่านี้ ฟังบิ๊กตู่เทศน์จนตายไปข้างหนึ่งก็ยังไม่ได้อรหัตผลทั้งคนเทศน์คนฟัง นะจ๊ะ
     
  20. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    พระองค์แสดงเรื่องความแตกต่างของมนุษย์ตามความจริงที่ได้สะสมมา. ผู้มีธุลีในดวงตาน้อยก็พอที่จะเข้าใจธรรมะที่พระองค์แสดงได้. ผมก็ไม่มีญานที่จะรู้ใครมีธุลีในดวงตาน้อยที่พอจะรับฟังพระสัทธรรมของพระองค์ได้เข้าใจหรอกนะ. แต่อย่างน้อยก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วที่ผมเคยนำเสนอธรรมะของพระองค์แก่ผู้คน. และก็เคยได้ยินคำขอบคุณกลับมาว่า. ครอบครัวผมเป็นนี้ชีวิตคุณ. และอีกท่านนึงกล่าวว่าครอบครัวเราโชคดีที่ได้รับการแนะนำทางสว่างให้. และอีกท่านหนึ่งบอกว่าพบความหลุดพ้นเพราะผม. คุณจะไม่มีโอกาสได้ยินคำแบบนี้เลยถ้าคุณไม่ได้นำเสนอ. คำที่ออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์(พุทธวจน) แค่นี้ผมก็ถือว่าคุ้มแล้วนะที่ได้ทำหน้าที่สาวกของพระองค์ต่อมวลมนุษย์ตามกำลัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2015

แชร์หน้านี้

Loading...