ขออุบายให้จิตเข้าวิมุตติหน่อยค่ะ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 18 พฤศจิกายน 2015.

  1. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ตรงที่ข้าพเจ้าเห็น...โลกแยกออกมีแต่ความว่างไปหมด....
    ข้าพเจ้าจึงรู้ว่า ไม่มีอะไรต้องยึดมั่นถือมั่นอีกแล้ว...
    ้เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างไม่มี ไม่สำคัญ . อะไรก็ได้ ยังไงก็ได้ สบายย
     
  2. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    อันนี้เอาเป็นธรรมนะ....ใช้อยู่
    เวลาอยากได้อะไร...ให้เข้าไปดูหยิบจับสัมผัสแล้วดู
    อืม

    ดูแล้วถอยออกมา. และก็เดินออกมา
    ใช้ไปทำอะไร...คิด
    ใช้ได้กี่ครั้ง...คิด
    ประโยชน์ของมันขนาดใหน...คิด
    มีเงินในกระเป๋าเท่าไหร่....คิด
    เงินในกระเป๋านี้....อะไรที่รอจ่าย....คิด
    ..........
    หายอยาก.....
    กลับบ้าน............
    ไปทำสิ่งที่ควรทำก่อน
     
  3. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231

    พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามการครองเรือนก็จริงอยู่
    แต่ฟังจากเจ้าของกระทู้แล้ว ดูเหมือนเขาต้องการหาทางหลุดพ้นจากกิเลส
    ซึ่งก็เป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่า ผู้ต้องการเจริญสมาธิ และวิปัสสนานั้น ต้องเว้นขาดจากกาม
    แต่ถ้ายังต้องเป็นที่ระบายอารมณ์จากสามีอยู่อย่างนี้มันก็ขัดขวางการปฏิบัติ
    เพราะทันที่ที่ถูกเร้าโลมและร่วมกำหนัดนั้น ทุกสิ่งที่ปฏิบัตมาย่อมกลายเป็นสูญ
    ต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่หมด
    ทางเดียวของผู้ต้องการปฏิบัติให้ถึงวิมุตติในชาตินี้คือ ต้องครองพรหมจรรย์ ทั้งกาย/และใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2015
  4. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ถ้าอยู่กับแฟน
    ให้แยกนอน วันโกน วันพระ ชวนกันถือศิลปฏิบัติธรรมนะคะ
    จูงกันไปนะคะ ถ้าใช่ ก็ไปต่อ ถ้าไม่ใช่
    ถนนทุกเส้นมีทางแยกเสมอ
    เมื่อถึงเวลา..
    ก็ถึงเวลาคะ
    ทำวันนี้ให้ดีที่สุดคะ
     
  5. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    มันเสื่อม และมันหายไปจริง และเหลือ 0 จริงๆ ลุงกล้วยแมวสนับสนุน
    ความเห็นนี้
     
  6. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ต้องเว้นขาดนิรันดร.....ไม่ใช่เฉพาะวันสำคัญๆ
     
  7. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505

    เขียน ๒๑.๕๐


    ไม่จริงก็ลิงขี่เสือ ไม่เชื่อก็เสือขี่ลิง หึหึหึ

    ทุกกฏย่อมมีข้อยกเว้น
    ประตูมิได้มีเพียงบานเดียว
    โลกมิได้มีแต่เพียงสีขาวและสีดำ

    ในสนามรบนั้น ย่อมมีการใช้กลอุบายได้เสมอ
    ก่อนจะถึงการรบครั้งใหญ่ ต้องมีการรบย่อยๆ ก่อน
    แพ้บ้าง ชนะบ้าง แกล้งแพ้ หรือใช้แผนลวงต่างๆ มีแยะ

    ในการรบแต่ละครั้ง จะดีกว่า ถ้าตั้งเป้าหมายเพียงหนึ่ง ที่ต้องการ
    ถ้ายังมีไอเท็มไม่ครบถ้วน จะต้องเสียเบี้ยเสียม้าเสียเรือไปบ้าง ก็ต้องยอม
    เพื่อแลกกับเป้าหมายที่ต้องการเพียงหนึ่ง ถ้ายังแจ๋วไม่พอ ก็ต้องเลือกใช้กลยุทธนะ เนอะ

    แถมหน่อยละกัน เค้าเพิ่งเข้ามาเมื่อตอนบ่ายอ่ะ
    จาก นักรบแสง... ไม่รู้หน้าไหน ความตอนหนึ่งว่า

    ...หรือว่าเป็นมุซาชิ ผู้เริ่มริ กลยุทธ์แปลกตา
    คัมภีร์ห้าห่วงนั่นหนา เคยอ่านผ่านตา นานมาลืมเลือน



    กระต่ายป่า แห่งหมู่บ้านในนิทาน / คัมภีร์แห่งห่วงทั้งห้า

    .
     
  8. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ผมขอประท้วงครับท่านประทาน...
    ผมไม่อยาก..ดูชอลคกับกระดานดำ
    ขอเป็น...คุณทองแดงฉบับปฐมฤกษ์ทก่อนฉายจริงได้มั๊ยครับ...
    ขอบคุณครับบ...
     
  9. zhayun

    zhayun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +425
    จริงๆ ผมว่า ต่อให้ครองเรือน หรือไม่ครองเรือน มันไม่สำคัญหรอก

    จากที่ผมได้เคยฟังหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ท่านสอน

    ผู้หญิงบางคนพอได้ ปฏิบัติธรรม ก็เขียนจดหมายมาถึงท่านว่า ต้องการเข้าพระนิพพาน

    ไม่ต้องการเกิดแล้ว เบื่อเหลือเกิน

    แต่พอผ่านไป ไม่เกิน 1 ปี ผู้หญิงคนนั้นแต่งงาน อยู่คนเดียวเบื่อ ก็เลยขออยู่เป็นคู่ละกันว่าจะเบื่อไหม

    พอแต่งงานมีคู่ก็รู้สึกเบื่อ ก็เลยมีลูก อยู่เป็นคู่เบื่อ ก็เลยขอมีลูกดูว่าจะเบื่อไหม

    อย่างนี้ท่านเรียกว่า เบื่อไม่จริง เบื่อๆอยากๆ



    และท่านก็กล่าวว่า มีลูกศิษย์ท่านหนึ่ง ขออนุญาติยกนามของท่านมา นะครับ

    คือ คุณรัชนี แม้ท่านจะครองเรือน ท่านมีสามี และมีลูก

    แต่ท่านก็สามารถฝึกมโนมยิทธิได้ และท่านก็สามารถบรรลุเป็นพระอริยเจ้าได้

    ท่านครองเรือนก็จริง แต่จิตท่านมีพระนิพพานเป็นอารมณ์

    หากท่านตายในวันใด ท่านก็ขอเข้าพระนิพพาน

    ท่านไม่หวงอะไรในโลกอีก ท่านไม่หวงในร่างกาย ท่านไม่หวงในสามี ท่านไม่หวงในลูก

    แต่ท่านก็ไม่ได้เลิกกับสามี ท่านก็ปฏิบัติตนไปตามหน้าที่เท่านั้น



    นี่ก็เป็นกรณีศึกษาอย่างนึง ที่ผมอยากจะบอกว่า

    ท่านอย่าเพิ่งใจร้อน ให้ท่านปฏิบัติธรรมไปตามกำลังไปเรื่อยๆก่อน

    เมื่อกำลังใจถึงระดับใด กำลังใจมันจะละกามตามกำลังเอง



    อย่างเช่น เมื่อท่านบรรลุ พระโสดาบัน แม้ท่านจะมีความต้องการในกามอยู่ก็จริง

    แต่ก็อยู่ในกรอบของศีล และมีพระนิพพานเป็นอารมณ์



    เมื่อท่าน บรรลุ เป็นพระสกิทาคามี ท่านจะมีเพิ่มมาคือ กุศลกรรมบท10

    ความต้องการในกามจะลดน้อยลงมาก นานๆมากจะเกิดมาที



    เมื่อท่าน บรรลุเป็น พระอนาคามี จิตท่านจะไม่ต้องการในกามแล้ว

    แม้ครองเรือนอยู่ ก็อยู่คนละห้อง ไม่เสพกาม ไม่อยู่อย่างคู่ครอง อยู่แบบเพื่อนเท่านั้น

    และก็ยังคงทำหน้าที่ ที่เคยทำต่อไป



    เมื่อท่านบรรลุเป็น พระอรหัน จิตละกิเลสจนหมดสิ้น

    ถ้าไม่บวซ ก็ต้องเข้าพระนิพพานในคืนวันนั้น



    ผมอยากให้ท่านพิจารณาดูจิตท่านจริงๆ ว่าจิตท่านตอนนี้อยู่ระดับไหน

    อยู่ในระดับ เบื่อๆอยากๆ หรืออยู่ในระดับพระอริยะเจ้าขั้นใด

    ท่านก็ทำตามกำลังใจของท่านไป ทำไปเรื่อยๆ ทำไปทุกวันตามกำลังใจ

    สะสมไปจนกำลังใจถึงระดับใด กำลังใจจะละกิเลสไปตามระดับขั้นนั้นๆครับ

    สะสมไปเรื่อยๆ สะสมทุกวัน จนกำลังใจเต็ม ท่านก็สามารถเข้าสู่วิมุตติธรรมตามที่ท่านปรารถนาครับ



    ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ นะครับ สู้ๆครับ
     
  10. zhayun

    zhayun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +425
    หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ท่านจะแนะนำเสมอว่า

    เวลาปฏิบัติกรรมฐาน ให้ใช้ วิปัสสนากรรมฐาน และ สมถะกรรมฐาน ควบคู่กัน

    ท่านไม่ให้แยก ว่าเวลานี้ปฏิบัติ สมถะ เวลานี้ปฏิบัติ วิปัสสนา



    หลวงพ่อท่านแนะนำอย่างนี้ว่า

    เวลาเริ่มปฏิบัติ ให้เริ่มพิจารณาในวิปัสสนาก่อน ว่าร่างกายนี้ มันไม่เที่ยงจริงไหม

    ว่าร่างกายนี้ มันเป็นทุกข์จริงไหม ว่าร่างกายนี้ มันต้องสลายตัวจริงไหม

    ร่างกายนี้เป็นของเราจริงไหม เวลาแก่บังคับให้ไม่แก่ได้ไหม

    เวลาป่วยบังคับให้ไม่ป่วยได้ไหม เวลาร่างกายจะพังจะบังคับให้ร่างกายไม่พังได้ไหม

    ถ้าดูร่างกายนี้ไม่ชัด ก็ไปดูร่างกายอื่นดูว่า เที่ยงไหม เป็นทุกข์ไหม และต้องสลายตัวจริงไหม



    จากนั้นท่านก็ให้ ระลึกลมหายใจเข้าออก พร้อมภาวนาพุทโธ

    ถ้าหากภาวพุทโธพร้อมระลึกลมหายใจ แต่จิตต้องการจะคิด ก็ให้พิจารณาในวิปัสสนาไป

    ถ้าหาก พิจารณาร่างกาย แล้วฟุ้งซ่าน ไม่อยากคิด ก็ให้ระลึกลมหายใจไป



    ทำแบบนี้สลับกันไป หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ท่านให้คำแนะนำมาอย่างนี้ครับ
     
  11. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๑๕.๑๗

    สงสัยรหัสจะยากไปรึไงหว่า มีหลายคนไม่เข้าใจอ่ะ เดาเอานะ
    บ้างก็ขี้เกียจไปตามหา ว่ามุซาชิคือใคร มีอะไรสำคัญ
    ทำไมต้องไปค้นหา ความรู้ที่เค้าทิ้งไว้ ให้แก่โลก
    ไม่เข้าใจเล้ย ว่าประยุกต์สู่วิถีแห่งพุทธะได้

    เราแค่ถามอากู๋ ด้วยคำว่า "คัมภีร์แห่งห่วงทั้งห้า"
    ก็ได้หน้าเวบ ที่เก็บงำความรู้ไว้ให้ แนะนิดนะ
    เลือกให้สามหน้าละกัน สรุปความพอได้

    ��ػѭ�Ңͧ�٫Ҫ��� ������������ǧ (1) - Daily News - Manager Online

    ������� 5 ��ǧ �Զ������ثҪ�

    Happinessss: คัมภีร์ 5 ห่วง


    สำหรับพวกที่ยึดติด กับคำว่าเส้นทางตรงแหน๋ว เส้นเดียวที่ยึดไว้แน่น
    ก็ไม่รู้ว่ามันจะรีบร้อนอะไรกันนักหนา แล้วก็ใช่ว่าจะไปได้เร็วกว่าใคร
    ถ้ามันง่ายและตรง ก็คงไม่ต้องมาถกเถียงกันเยอะแยะ และงงงัน

    มันมีคนแค่จำนวนหนึ่งแค่นั้น ที่เหมาะสมกับเส้นทางนั้น ในชาตินี้น่ะนะ เนอะ
    แต่คนส่วนใหญ่ ไปไม่ได้ถึงไหนหรอก ด้วยเส้นทางนั้น ได้แค่วกไปวนมา

    แต่ถ้ามีความรู้ด้านอื่นผสมปนเปไปด้วย ให้หลากหลาย มากล้นหนทาง
    ก็อาจทำให้การเข้าใจในหลักธรรม ได้ง่ายขึ้น ด้วยมุมมองที่มากกว่า

    คิดบ้างป่าว ว่าพุทธะน่ะนะ ก่อนจะสำเร็จ ท่านมีพื้นฐานอะไรมาบ้าง
    มากมายหลากหลายเพียงใด ความรู้ตั้งกี่อย่าง ประกอบกันเข้ามา

    ธรรมมะคือธรรมชาติ ธรรมชาติคือความหลากหลาย ใครจะเถียง วะ


    กระต่ายป่า แห่งเกาะนาฬิเกร์ / นักรบแสงในตำไม่นาน

    .
     
  12. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียน ๑๕.๔๐

    เอ้า..พอดีช่วงนี้มีโปรโมชั่นพิเศษ ๕๕๕

    แถมให้อีกอันละกัน เพื่อให้ตรงกัน กับคำร้องขอของ จขกท.
    ว่า "ขออุบายให้จิตเข้าวิมุตติหน่อยค่ะ"
    ได้จ๊ะ จัดให้นะจ๊ะ หึหึหึ

    เคล็ดความอันสำคัญ ล้ำค่าอีกอัน ที่เราคิดค้นไว้ใช้งานนั้น
    คือเคล็ด "ย้อนศร" นั่นเอง คำไทยแท้ๆ สั้นๆ แต่ได้ใจความ

    ท่านทั้งหลายคงพอจะทราบ ความหมายของคำว่า "วิมุตติ"
    ว่าหมายความว่าอะไร มีอาการอย่างไร จิตใจเป็นไง ในสภาวะนั้น

    ทีนี้ก็เพียงแค่ทำจิตให้เข้าสู่สภาวะ "ติ๊ต่างว่า" หรือ "สมมุติว่า" นั่นเองอ่ะ
    ให้ติ๊ต่างว่า เราทำได้แล้ว ถึงสภาวะเช่นนั้น แล้วก็ทำจิตตามแบบนั้น
    ทำให้เหมือนนะ ให้ต่อเนื่อง ให้รู้ตัวตลอดตลอด อย่าให้เคลื่อน

    ต้องใช้สติมากหน่อยล่ะ ถ้าใครมีไม่แยะ ก็ต้องใช้ติ๊ต่างว่า สองชั้น ๕๕๕
    คือติ๊ต่างว่าสติแยะก่อนน่ะนะ ก็ยากขึ้นอีกนิดนึงนะ เนอะ หึหึหึ

    แรกๆ ก็ควบคุมให้เป็นวิมุตติ ในเวลาสั้นๆ ในเวลาที่ควบคุมอะไรๆ ได้หมด
    แบบนักวิทย์ เวลาทำการทดลองน่ะ เค้าจะควบคุมเงื่อนไขอื่นๆ ไว้หมด
    ให้เหลือแต่สิ่งที่จะทำการทดลอง เพื่อให้ค่าความคลาดเคลื่อนมีน้อยๆ

    ทดสอบดู ว่าอะไรที่ยาก ตรงไหน อย่างไร แคะข้อมูลออกมาให้ดี
    แล้วนำมา ประเมิน ประมาณ ประมวล ผลลัพธ์ที่ได้ แค่ไหน อย่างไร
    หาข้อผิดพลาด มาแก้ไข ปรับปรุง พัฒนา แล้วทำการทดลองต่อไปเรื่อย

    เพิ่มเวลาให้ยาวนานขึ้น หรือปล่อยให้เงื่อนไขบางอย่างเกิดขึ้น
    เพื่อเพิ่มอุปสรรค และความยากลำบากให้จิตวิมุตตินั้นๆ ว่าทนได้ป่ะ
    ยังสามารถคงทน ต่อสภาวะเช่นนั้นได้ไม๊ อย่างไร ฝึกฝนและค้นหาเรื่อยไป

    จิตวิมุตติ แม้จะติ๊ต่างว่า อันนั้น ก็จะมีความก้าวหน้าขึ้นได้เรื่อยแหละ ขอบอก
    เคยตั้งชื่อเทคนิคนี้ไว้ว่า "รีเวอร์ส ออสโมสิส" น่ะนะ เนอะ
    คิดค้นไว้ตั้งเกือบยี่สิบปีก่อน ตอนฝึกอยู่ที่เกาะนาฬิเกร์

    ก็หวังว่า น่าจะมีหลายคน ที่มีจินตนาการ มากพอนะ
    ที่จะสามารถนำเทคนิคนี้ ไปใช้งานให้ได้ผลดีดี
    ช่วยลดระยะทาง ที่จะไปสู่ประตูทางออกได้


    กระต่ายป่า แห่งหมู่บ้านในนิทาน / ดร.ดิเรก ผัวประภาพี่ประไพ

    .
     
  13. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    เคยอ่านเรื่องมูซาชิ และติดตามอ.สุวินัยค่ะ เดี๋ยวคงต้องกลับไปรื้อความรู้เก่าๆหน่อยแล้ว ^0^
     
  14. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๑๖.๒๑

    นั่นไง โป๊ะเชะ นี่ขนาดไม่มีเจโตนะเนี่ย หึหึหึ
    ถ้าเคยเป็นลูกค้าของ อ.สุวินัย ก็คงเข้าใจได้ง่าย
    เราก็เคยเป็น ซื้อมาอ่านเกือบครบทุกเล่มเลย ขอบอก

    เคยสมัครเป็นสมาชิกชมรมมังกรธรรม ปีนึงด้วยอ่ะ


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  15. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ได้คำอธิบายชัดเจนมากๆค่ะ ขอบคุณนะคะ ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวกับแฟนว่าจะเลิกหรือไม่เลิก ขอแค่ข้าน้อยปฏิบัติต่อเนื่องไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง (ยังไงคนทุกคนก้อต้องพลัดพรากจากเราไปในวันใดวันนึงอยู่ดี)
     
  16. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ขอบคุณค่ะ งั้นจะได้ทำสลับกันไปเลย ถ้าทำวิปัสสนาได้เลย ก้อจะทำเลยค่ะ
     
  17. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231

    การแต่งงานมีผลกับการปฏิบัติธรรมจริงหรือไม่ เรามาลองเทียบดูจาก
    สถิติสาวกคนสำคัญๆ ในพระพุทธศาสนากัน

    พวกที่แต่งงานมีคู่ครอง

    ๑.ท่านอนาถบิณฑิกะเศรษฐี มีครอบครัว ดำรงภาวะโสดาบันตลอดอายุขัย
    ทั้งที่ได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่าเป็นอุบาสกที่เลิศที่สุด มีโอกาสได้
    ฟังธรรมจากพระพุทธองค์มากที่สุด แต่ไม่ปรากฏประวัติว่า ได้เลื่อนขั้นภูมิธรรม

    ๒.นางวิสาขา มีครอบครัว ได้รับยกย่องจากพระศาสดาว่าเป็นอุบาสิกที่เลิศที่สุด
    มีโอกาสใกล้ชิดและฟังธรรมจากพระศาสดามากที่สุด ดำรงภาวะพระโสดาบัน
    ตลอดอายุขัย

    ๓.พระเจ้าปัสเสนทิโกศล เป็นพระเจ้าแผ่นดินเมืองสาวัตถี
    เป็นพราะราชาจึงต้องมีครอบครัว ดำรงภาวะโสดาบันตลอดอายุขัย

    ๔.พระนางมัลลิกาเทวี ชายาของพระเจ้าปัสเสนทิโกศล มีครอบครัว
    ดำรงภาวโสดาบันตลอดอายุขัย

    ๕.พระเจ้าพิมพิสาร เจ้าแผ่นดินมคธ มีครอบครัว ดำรงภาวะโสดาบันตลอดอายุขัย

    ๖. พระนางสามาวดี มเหสีของพระเจ้าอุเทน มีครอบครัว ดำรงภาวะโสดาบัน
    ตลอดอายุขัย

    ๗.ท้าวสักกะเทวราช สถานะมีครอบครัว ได้บรรลุเพียงโสดาบัน(ไม่ทราบป่านนี้ได้เลื่อนภูมิธรรมแล้วหรือยัง)

    นี้คือสถิติของอริยบุคคลที่ภายหลังได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วยังครองเรือนต่อไป
    ไม่ปรากฏว่ามีใครได้เลื่อนภูมิธรรมขึ้นอีก

    ส่วนต่อไปนี้คือ สถิติของอริยบุคคลที่ภายหลังได้ดวงตาเห็นธรรมแล้ว
    ภูมิธรรมยังเลื่อนขึ้น

    ๑.พระอัญญาโกณฑัญญะ สถานภาพเป็นนักบวช ภายหลังได้ดวงตาเห็นธรรมแล้ว ยังได้บรรลุพระอรหันต์ด้วย

    ๒.พวกท่านพระยสกุลบุตร ก็เช่นเดียวกับพระอัญญาโกณฑัญญญะ

    ๓.ท่านพระสารีบุตร พระโมคคัลานะ ดำรงเพศนักบวช
    ภายหลังได้ดวงตาเห็นธรรมแล้ว ได้บรรลุพระอรหันต์ในเวลาต่อมา

    ๔.ท่านพระอานนท์ ภายหลังได้ดวงตาเห็นธรรมแล้ว ต้องคอยอุปัฏฐากพระศาสดา จนแทบไม่มีเวลาทำความเพียร
    กว่าท่านจะได้บรรลุพระอรหันต์ ก็ภายหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว

    ๕. บุตรสาวของท่านอนาถบิณฑิกะเศรษฐี ได้บรรลุถึงชั้นสกิทาคามี
    เสียชีวิตขณะยังโสต

    ๖.ฉัตตะปาณิ อุบาสก บรรลุอนาคามี ท่านทรงอุโบสถศีลโดยปกติภาวะของ
    อนาคามี ไม่ต้องสมาทาน

    ๗.หญิงอุบาสิกาคนหนึ่ง ปฏิบัติธรรมเมื่อแก่แล้ว ตัวเองเป็นม่าย
    ไม่มีสามี ได้บรรลุอนาคามี ทำให้รู้จิตรู้ใจพระภิกษุทุกรูปที่ไป
    อยู่ในย่านนั้น สามารถรู้ได้ว่าภิกษุต้องการอะไร ก็จัดของถวายได้ตามต้องการ
    ภิกษุส่วนมากได้รับการอุปัฏฐากจากอุบาสิกานั้น พอออกพรรษาก็ได้
    บรรลุพระอรหันต์กันหมด มีเพียงภิกษุบางรูปที่กลัวและหนี
    พระพุทธเจ้าทรงแนะนำอุบายให้สำรวมความคิด ภายหลังจึงได้
    บรรลุพระอรหันต์

    ๘.พระนางมหาปชาบดีโคตมี ได้ดวงตาเห็นธรรมแล้ว
    ภายหลังมาขอบวชเป็นภิกษุ จึงได้บรรลุอรหันต์

    จากสถิติการเปรียบเทียบนี้ จะเห็นได้ว่า ผู้ได้ดวงตาเห็นธรรมแล้ว
    ถ้ายังขืนครองเรือนต่อไป ก็ต้องเป็นโสดาบันตลอดชีวิต

    มีเพียงผู้ที่หันมาถือพรหมจรรย์เท่านั้นที่เลื่อนภูมิธรรมได้

    ดังนี้ จึงพอจะทำให้สันนิษฐานได้ว่า การถือพรหมจรรย์(เป็นโสด=เลิกเสพเลิกยินดีในกาม)
    หรือการครองเรือน(มีผัวมีเมีย=ยังเสพกาม)มีผลต่อการปฏิบัติธรรมจริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2015
  18. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    จากสถิติตัวอย่างข้างบน
    แสดงให้เห็นว่า การครองเรือน(มีผัวมีเมีย=ยังเสพกาม ยังยินดีในกาม)
    เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการปฏิบัติเพื่อบรรลุธรรมจริง

    ในปฐมเทศนา(ธรรมจักกัปปวัตนสูตร)
    พระพุทธเจ้าทรงยกทางสุดโต่งสองสาย ที่ผู้หวังความพ้นทุกข์ควรหลีกเลี่ยง คือ
    ๑.กามสุขขัลลิกานุโยค ความประพฤติตัวให้พัวพันด้วยสุขในกาม(ยังเสพกาม ยังยินดีในกาม)
    ๒.อัตตกิลมัตถานุโยค การทรมานตัวเองให้ลำบากเปล่า

    สองเส้นทางนี้ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ ผู้ปรารถนาการพ้นทุกข์(ในชาตินี้)ต้องหลีกเลี่ยง
    ทางทั้งสองสายดังกล่าว

    หากยึดถือตามหลักการนี้แล้ว การครองเรือนเป็นอุปสรรคต่อการปฏิธรรมเพื่อความหลุดพ้นจริง
    (เว้นไว้แต่ผู้ปฏิบัติไม่ได้หวังความหลุดพ้นในชาตินี้ การครองเรือนก็ไม่ถือเป็นอุปสรรค)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2015
  19. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียนกลอนมนตราเสร็จ ๑๙.๔๗

    ตะกี้ ช่องเพลงเก่าที่ลายเซ็น เค้าเปิดเพลงเพื่อกระตุกใจอ่ะ
    เพลงเก่า ที่มีกลอนของท่านสุนทรภู่ ทำให้ใจกระตุก
    กายกระดก ขาก็กระดิก ขึ้นมานั่งสมาธิโดยไว

    ใจก็ย้อนเข้าไปในจิต ควานหาตัวแก้รหัส ว่าอะไรเอ่ย หึหึหึ
    จนกลอนมนตราบทนี้คลอดออกมา เป็นกลอนเก่า สามปีก่อน
    ตอนที่โดนเรียกตัว จากกรุงเทพ ไปเชียงใหม่ สองสามวัน
    แล้วมาที่สวนโมกข์ ไชยา ให้มาเรียนพิเศษเพิ่มเติมน่ะ เนอะ

    แล้วพอสองเดือนผ่านไป ก็สงสัยว่าคงจบคอร์สแล้ว ก็เลยเบื่อมากกก
    บ่นอยู่หลายวัน จน "ฝั่งโน้น" เค้าคงรำคาญ ทนไม่ไหว เลยอนุมัติ
    ให้เราย้ายที่ได้ รอจนต้นปี ก็มีคนโทรไปหา ให้เรามารักษาเค้า ลองดูดิ๊

    ก็เป็นลูกค้าในเวบนี้แหละ โทรไปหา ส่งค่ารถไปให้ด้วย พันสอง จำได้
    ก็เลยมาอยู่ที่วัดนี้ อยู่ไปอยู่มา ก็เกือบสามปีแล้ว เบื่อมากขึ้นทุกที อีกแล้วอ่ะ

    คงจบคอร์สหมดแล้ว "ฝั่งโน้น" แถวนี้ คงไม่มีอะไรจะสอนแล้ว ล่ะมั้งนะ เนอะ
    ตอนนี้ก็ว่าอีกไม่กี่วัน จะลาหยุดซักหลายวัน ไปทบทวนซะหน่อย ถ้าจะดี
    ยังไม่แน่ใจเลย ว่าต่อไปจะต้องรับบทอะไรอีก เฮ้อ...จะหนุกกว่านี้ไม๊หว่า

    เอ...ตอนร่างโพสท์นี้ ทำที่กระทู้ "ขออุบายให้จิตเข้าวิมุตติหน่อยค่ะ"
    แต่เขียนไปเขียนมา จะส่งที่โน่น คงไม่เหมาะ ไม่ควร ไม่ดี แน่เลยอ่ะ
    เอาไปใส่กระทู้ นักรบแสง...ดีกว่า ไม่ได้เข้าไปนานแล้ว เนอะ
    คิดถึงมาหลายวันแล้ว กะลังหาโอกาสเข้ากระทู้อยู่ พอดีเลย อีกแล้วอ่ะ หึหึหึ

    แต่กลอนมนตราบทนี้ เอาไปใส่ที่โน่นได้นะ ไม่รู้ใครรอรับอยู่ นิ
    อาจจะจำได้ถูกไม่หมดรึป่าวหว่า ไม่เป็นไรนะ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงล่ะ ๕๕๕

    ขี้เกียจไปค้นในกระทู้ นักรบแสง...ไม่รู้อยู่หน้าไหนแล้วอ่ะ
    แต่น่าจะประมาณเดือน มค.หรือ กพ. ปี 2013 น่าจะใช่นะ
    เพราะอยู่รับมือปี 2012 ที่สวนโมกข์ อ๋อ..อย่างนี้นี่เอง หึหึหึ



    ...ถึงเวลา เปลี่ยนฉาก จากสวนโมกข์
    มุ่งเป็นหมอ เลาะโรค ร้างลาร่าง
    และหลบหลีก ลับเร้น เน้นอำพราง
    สะสมสร้าง พลังตน เทพดลไป

    ...ให้ฝึกฝน ปราณตน จนแกร่งกล้า
    ให้ก้าวหน้า ตามวิถี ที่ฝึกฝน
    ให้...ทำกิจ แก้กรรม กับผู้คน
    ให้หายจน หายเบื่อ เมื่อว่างงาน

    ...เขียนตำรา ท่าฝึก อันลึกล้ำ
    เรื่องลมปราณ สรรค์สร้าง มาอย่างไหน
    เริ่มเรียนรู้ หนึ่งสอง ลองอย่างไร
    รู้อันใด จดไว้ ใช้สอนคน

    ...ไม่ต้องกั๊ก ต้องกอด คลอดให้เกลี้ยง
    ไม่ต้องเกี่ยง ต้องกัก เก็บไว้หนอ
    ไม่ต้องผ่า พุงเจ้า เอาเปิดพอ
    ไม่ต้องรอ อาราย ร่ายคัมภีร์

    ...เมื่อผ่านพ้น พุทธะ พระพุทธ์ได้
    โยนทิ้งไป ใดพุทธ์ หยุดคิดถึง
    อรหันต์ ซ้ายขวา อย่าคำนึง
    เลิกคิดถึง พุทธ์ใด ไร้ราคา

    ...มนต์สรรเพ ธรรมมา และนาลัง
    เจ้าเคยฟัง จำได้ ใช่ไม๊หนา
    เลิกใส่ใจ ในธรรม อันล้ำค่า
    โยนวาจา แห่งพุทธ์ ให้หลุดลอย

    ...เมื่อเวลา ไหลเลื่อน ให้เดือนล่อง
    เมื่อเจ้าจ้อง มองใจ ให้วางเฉย
    เมื่อได้ยิน ลืมสิ้น ให้หมดเลย
    เมื่อนั้นเอย จิตว่าง ให้วางใจ

    ...ไม่ต้องคิด ฟุ้งซ่าน ร่านร้อนตน
    ไม่ดิ้นรน ร้อนเร่า เฝ้าใฝ่ฝัน
    ไม่ฟุ้งเฟ้อ เพ้อหา อะไรกัน
    ไม่เมามัน เหมือนหนึ่งบ้า เป็นน่าอาย

    ...ไม่เมาเหล้า แล้วเจ้า อย่าเมารัก
    เจ้าจงหัก ห้ามจิต คิดไถล
    ทุ่มฝึกเข้า เช้าสาย ทุกหายใจ
    แค่ฝึกไป ให้ประจำ ทุกค่ำคืน



    อ้อ..ตรงเนี้ย ให้...ทำกิจ แก้กรรม กับผู้คน
    สงสัยว่า การทำกิจ แก้กรรม กับผู้คน คงหมดคดีเก่าแล้วล่ะมั้ง นะ
    ตอนที่พิมพ์ มันเลยปิ๊ง แล้วแว๊บตรงนี้อยู่พักนึง น่าจะใช่นะ เนอะ

    อืม...คิดไปคิดมา เอาใส่มันทั้งสองกระทู้เลยดีกว่า นิ
    เออ...ไม่รู้จะตัดต่อยังไง เอาใส่มันทั้งสองกระทู้เลยดีกว่า เนอะ


    สุนทรทู่ / ฟังเพลงสตริงเก่าออนไลน์ ต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง (ช่องที่เปิดเพลงให้ฟังอ่ะ แต๊งค์หลาย)

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2015
  20. zhayun

    zhayun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +425
    ผมขอค้าน ข้อนี้ เพราะ พระเจ้าปเสนทิโกศล ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านจึงไม่สามารถเป็นพระอริยะเจ้าได้



    ท่านลืมพระนางรูปนันทา หรือเปล่า ท่านเป็นฆราวาส ท่านได้ฟังเทศน์ของพระพุทธเจ้า ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระอรหัน

    ในตอนนั้น พระนางรูปนันทา เป็นมเหสีของพระเจ้าปเสนทิโกศล ได้ฟังเทศน์ของพระพุทธเจ้าจบเดียวก็บรรลุเป็นพระอรหัน

    พระพุทธเจ้า ถามพระเจ้าปเสนทิโกศลว่าต้องการให้ พระนางรูปนันทา นิพพานในวันนี้ หรือต้องการให้อยู่ต่อด้วยการบวชเป็นภิกษุนี

    พระเจ้าปเสนทิโกศล ต้องการให้พระนางอยู่ต่อ จึงอนุญาติให้พระนางบวช เป็นภิกษุนี



    ของอย่างนี้มันอยู่ที่กำลังใจของแต่ละคน

    แม้ฆราวาส ก็สามารถบรรลุ เป็นพระอรหันได้

    ในสมัยพุทธกาล ก็มีเยอะที่ได้ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้า แล้วได้บรรลุเป็นพระอรหันในวันนั้น แล้วบวชเป็นภิกษุ

    อย่างเช่น พระมหากัจจายนะ เป็นต้น



    การเป็นฆราวาส แล้วได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน นั้นถือเป็นของดี

    อย่างน้อยก็ปิดอบายภูมิได้ ตายไปก็ไปชั้นดุสิต ถ้าได้ฟังเทศน์จากพระพุทธเจ้าจบเดียวก็ สามารถบรรลุเป็นพระอรหันได้

    ท่านอย่าคิดว่า พระโสดาบัน เป็นของเล็กน้อย

    ท่านไปดูภิกษุ ภิกษุนี ในสมัยพุทธกาล ก็ไม่ได้บรรลุเป็นพระอริยะเจ้าได้ทุกท่านซะหน่อย

    ภิกษุ ภิกษุนี ในสมัยพุทธกาลที่ไม่ได้บรรลุเป็นพระอริยะเจ้าก็มีมาก

    เพราะคนที่ไม่ได้ครองเรือน ก็ใช่ว่าจะบรรลุเป็นพระอริยะเจ้าได้





    ของอย่างนี้มันอยู่ที่กำลังใจของแต่ละคนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2015

แชร์หน้านี้

Loading...