ใครเป็นพระอริยะบุุคคล

ติดคิดเยอะไปป่าว จะสงบทั้งทียังคิดมากลากสัญญามาแบ่งชั้นวรรณะ ตามรู้ทันความหลงสัญญาสังขารให้ทันดีกว่าครับ ภาวนาติดคิดให้ฝึกรู้ทัน นั่นแหละทาง

 

แสดงว่าไม่กล้าอ่านข้อความที่ผมจะยกมาให้คุณอ่านหล่ะสิ ... ถ้าผมไม่พอรู้อะไรมาบ้างคงไม่กล้ามาพูดตำหนิพวกคุณที่เอาข้อธรรมสูง ๆ มาแปลเป็นของต่ำ ๆ แน่นอนเพราะผมก็มีหิริโอตตัปปะอยู่ ... ว่าไงหล่ะครับ อยากรู้มั้ยว่าสงบที่แท้จริงท่านหมายถึงอะไร? ทำไมจึงบอกว่าสุขอื่นยิ่งกว่านั้นไม่มี ... หรือคุณจะหยุดและสงบไปนั่นก็ดีแน่สำหรับคุณเพราะการตู่ การตำหนิว่าผู้อื่นคิดมากโดยตนเองยังไม่เห็นเลยว่าคนนั้นเขาคิดมากจริงรึป่าวมันจะเป็นบาปหน่ะสิถ้าไม่เป็นจริง ... ผมไม่ได้พูดให้ด้วยอคติอันใด พูดตามข้อความที่เราพิมพ์สนทนาโต้ตอบกันเท่านั้น หวังว่าคงจะเข้าใจนะครับไม่ได้กล่าวออกนอกประเด็นคำถามคำตอบเลย หวังว่าคงจะเข้าใจกันนะครับ (^_^)

 

ความจริงข้อความจบความหมายโดยตัวมันเองอยู่แล้ว แต่คุณฟุ้งซ่านไปเอง อยากยก ยกมาเลยครับ ว่ากันไป ไม่มีปัญหาครับ

 

หมดเวลาซะแล้วครับ ... เก็บไว้ตอบกับคนอื่นดีกว่า (^ ^)

 

Originally Posted by วรณ์นิ
ถ้าคุณคิดว่า ที่ผมพูดมาคือถูก..งั้นผมขอถามคุณต่อ..ดังนี้..ช่วยตอบและอธิบายให้ชัดเจนด้วยนะครับ

1.การที่คุณพูดว่า ไม่คิดปรุงแต่งให้เกิดสังขารใหม่ได้เนี่ย...คุณจะจัดการกับมันอย่างไร วิธีไหน ด้วยการเข้าใจ ในพระธรรมตัวไหน

2.ในส่วนของอันเก่ามันติดมายังมีอยู่..คุณจะมีวิธีจัดการกับมันอย่างไร วิธีไหนครับ

ซึ่งในข้อ1..ถ้าผ่านไม่ได้...เรื่องการเอาชนะความคิด...ก็ไม่ต้องตอบข้อ2 มานะครับ

ต่อข้อ 1 นะคะ
วิธีไหน ด้วยความเข้าใจ
มันไม่มีอะไร ไม่เห็นว่ามีตัวตนเขา ตัวตนเรา ทั้งเขาเราและสรรพสิ่ง
เป็นสิ่งเดียวกันคือ ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม มันไม่มีอะไร มันว่างจากตัวตน

พระสูตร

อนัตตลักขณสูตร
����ûԮ�������� � - ����Թ�»Ԯ�������� �

อาพาธสูตร
����ûԮ�������� �� - ����ص�ѹ��Ԯ�������� ��

 

คุณก็ตอบมาได้ดีทีเดียว...แต่ผมไม่ต้องการคำตอบแบบนี้
คุณตอบแบบอื่น ที่คนอื่นอ่านแล้ว ทำตามได้ เข้าใจได้ง่ายๆ กว่านี้มั้ยล่ะ

ไม่เบาเลยนะ...ตอบยังกะตนเองเป็นศาสดาพูดกับสาวก เลยเชียว

 

ที่เข้ามาคุยในกระทู้นี้เพราะเห็นขัดแย้งกันกับคำว่า ตัด ตัดโน่น ตัดนี่
แต่เมื่อได้คุยแล้ว ก็เป็นเพียงการใช้คำแล้วทำให้คนอื่นเข้าใจไปคนละทาง
แต่ความหมายคือสิ่งเดียวกัน

 

การใช้คำ การใช้สมมุติบัญญัติ...มันสำคัญนะ
เพราะ..คำ ที่ครอบคลุม...คำที่อธิบาย สภาวะ คำที่อธิบาย นามธรรม ออกมาตรงได้และจริง

มันจึงสำคัญต่อคน ....รับฟัง

 

ก็คุณไม่เห็นบอกอย่างนั้น คุณบังคับให้ตอบแบบนี้ไม่ใช่หรอ

 

ก็ อยากดูก่อนว่า..คุณจะตอบแบบ ตามใจตนเอง หรือเห็นใจคนอื่น...ไง

คุณตอบ แบบ ตามใจตนเอง...แต่ไม่เห็นใจคนอื่น

 

ทำไมคิดว่า....ผมไปบังคับคุณ แบบนั้นแบบนี้...ผมถามเอาทั้งหมดที่คุณรู้..ไม่ไช่เอา แค่ มุมใดมุมหนึ่ง
ให้ตอบทั้งหมด(ครอบคลุม).ไม่ปิดบัง.

 

ชี้บอกทาง...คลุมเครือไม่ได้ ต้องชัดเจน แจ่มแจ้ง..ให้ผู้ถูกชี้ไปคิดเอาเองอีก..มันก็ ป้ายบอกทาง..ที่ เชื่อไม่ได้...ป้ายยังต้อง รับผลกรรม

 

คุณจะต้อง ให้แฟนของทุกคนตายจริงๆ..เขาถึงจะเข้าใจงั้นหรือครับ
แล้วแฟนคุณ ตายมาแล้ว หรือไม่...มันต้อง บังคับให้ แฟนคนอื่นตาย ด้วยหรือครับ

จึงจะเข้าใจ ในสิ่งที่คุณ กล่าวมา

 

ขอโทษแล้วกันค่ะที่เข้าใจผิดคิดว่าคุณบังคับ และตอบเพียงบางมุม
ถ้าตอบทั้งหมด คงจะยาวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
มีคนอื่นทำอยู่แล้วเยอะแยะค่ะ
เข้าชี้เฉพาะจุดที่มีความขัดแย้งกันเท่านั้นค่ะ

 

คุงกิฟิกาป เข้าก้ตอบตรงแว้ว

ไม่ได้คลุมเครือ จักหน่อย

น้าจอง หาโคนไม้ เรือนว่างไม่เปน

วันๆ เอาแต่ เมี จะไปรู้อะไร

 

555+

 

ย่อใจความทั้งหมดด้วยปัญญาของคุณ จนเหลือ แค่ บรรทัดเดียวสองบรรทัด ได้..จะยิ่งดี....มันต้องครอบคลุม ในใจคนที่มาอ่านครับ

 

เกิดขึ้น...ตั้งอยู่...ดับไป...

พระตถาคต..ทรงชี้เหตุแห่งธรรมนั้น...เหตที่เกิด เหตุที่ตั้งอยู่ เหตุที่ดับไป

ครอบคลุม เบื้องต้น ท่ามกลาง และ ที่สุด...จึงเรียกว่า..แจ่มแจ้ง

 

คุณวงกลมจุดๆ คุณต้องไปฝึกปฏิบัติให้ได้อย่างคุณก๊าดกิ๊ปฯ ด้วยซ้ำ ไม่ใช่จะมาถามๆ แล้วก็จำเอาไปเลียนแบบ ทำอารมณ์ตามนะ มันไม่ได้หรอก ธรรมะเขาต้องปฏิบัติเอง ให้รู้เองเห็นเองจริงๆ ไม่ใช่ลอกเลียนกิริยาอาการกันได้ซะที่ไหน เป็นไปไม่ได้หรอก

 

ไปไกลๆ..หน่อยได้มั้ย....นิวรณ์