เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 16 กันยายน 2014.

  1. jj85

    jj85 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,754
    ค่าพลัง:
    +7,607
    ขอบคุณครับผม ส่วนตัวคิดว่าได้ อยู่ที่กำลังใจเรา (หรือเปล่า )แต่เวลาทาแล้วรู้สึกมั่นใจดีนะครับแป้งหลวงปู่บุดดา :cool::cool:
     
  2. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112

    ผมไม่มีพระคำข้าวหรอกครับ แหะๆ มีพระหางหมากรุ่นพิเศษที่ไปเช่าบูชาจากบ้านสายลมอยู่องค์เดียว เอาไว้ใส่ตอนนอนครับ :cool:
     
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,698
    เล่าเรื่องพระพุทธรูป

    ใครมีพระพุทธรูปอยู่ที่บ้าน จะเป็นพระอิฐ พระปูน พระทองเหลือง พระแก้วก็ดี อย่านึกว่าไหว้แล้วพระพุทธเจ้าไม่รู้

    มันมีเรื่องๆหนึ่งอยู่ที่วัด มีคนมาขอพระพุทธรูปข้างโบสถ์ที่วัด พอขอไปแล้วพระพุทธเจ้ามาบอกกับหลวงพ่อว่า “ต่อไปนี้ใครมาขอฉันไป คุณอย่าให้นะ ไอ้พวกนี้มันไม่ไหว้ฉันหรอก มันเอาไปหากิน”

    พระพุทธเจ้าแม้จะปรินิพพานแล้ว ใครจะกราบท่าน ไหว้ท่าน ท่านรู้ สังเกตดู หลวงพ่อจะกราบพระอิฐพระปูนข้างวัดก็ช่างเถอะ เรางี้อาย ท่านกราบแบบนอบน้อม ยกมือแต่ละครั้งเหมือนกับว่าท่านไหว้พ่อไหว้แม่จริงๆ เห็นใครกราบพระไม่สวยเท่าหลวงพ่อเลย เราต้องอายเลยท่านกราบด้วยใจจริงๆ


    (จาก ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 146 เมษายน 2536 หน้า 107)


    การส่งจิต

    ผู้ถาม : ในเรื่อง "มโนมยิทธิ" คือวันนี้ผมคิดว่าจะส่งจิตไปถึงเขา แต่ว่ายังไม่ส่ง จะส่งอีก 3 อาทิตย์ แต่ทำไมเขาถึงรับได้ครับ

    หลวงพ่อ : คือว่าเรื่องของจิต มันทำงานเอง ไม่ต้องคุมหรอก ถ้าการควรเกิดขึ้นมันทำเลย ความรู้สึกทางร่างกายนี้หยาบกว่า

    ความเป็นทิพย์ของจิตเขาทำงานตามหน้าที่ ไม่ต้องใช้เวลาหรอก เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน อย่างไป จุฬามณี ต้องใช้เวลาหรือเปล่า นึกปั๊บก็ถึงเลย

    มันมีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่ง บางคนเขาไม่ได้ทำกรรมฐาน บางทีเราไปถึงเทวดาก็ดี พรหมก็ดี นิพพานก็ดี เราเจอะภาพเขาได้ ตัวเองเขาไม่รู้ ตัวนอกเขาไม่รู้ แต่ตัวในเขาทำงาน


    (จาก ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 248 พฤศจิกายน 2544 หน้า 60)


    การแต่งตัวสวย

    ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ การแต่งตัวสวยๆ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสังคม อย่างนี้เรียกว่าเป็นพวก ราคจริต หรือเปล่าคะ?

    หลวงพ่อ : อันนี้เป็นถือว่าเป็น ราคจริต

    ความจริงการแต่งตัวนี่นะ แต่งตัวปกติ เขาไม่ถือว่าเป็น ราคจริต และเราก็ไม่ถือว่าขาดศีล 8 ถ้าสังคมนี้เขาแต่งตัวแบบนี้ เพื่อไม่ให้เก้อเขิน เราก็แต่งตัวแบบนั้น เราทำเพื่อความเหมาะสม

    ไอ้แต่งตัวเพื่อ ร าคจริต มันต้องเรียบร้อยเป็นพิเศษ ถ้าเป็นบ้าน อะไรนิดอะไรหน่อยต้องสะอาดหมด ทุกอย่างต้องเรียบร้อย

    แต่ ราคจริต เขาไม่ตำหนิว่าเลว ถือว่าเลวไม่ได้นะ คือเขาเป็นคนชอบสวยชอบสะอาด แต่บางคนคิดว่าคนที่มี ราคจริต เป็นคนมักมากในกามารมณ์ก็ยุ่งซิ มันคนละเรื่อง

    คือ ราคจริต แค่รักสวยรักงาม รักความสะอาดเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับกามารมณ์ บางคนเขาสวยแสนสวย แต่ก็ไม่ยุ่งอะไรมากเป็นไปตามกฏธรรมดา

    ตัวอย่างพระลูกชายนายช่างทอง เป็นคนสวยด้วย เป็นคนหนุ่มด้วย เป็นคนรวยด้วย พระสารีบุตร ท่านเข้าใจว่าเป็นคนที่มี ราคจริต ท่านจึงให้กรรมฐาน อสุภกรรมฐาน ท่านเลยไม่ได้อะไร แต่เนื้อแท้จริงๆ ท่านเป็นคน โทสจริต

    พอไปหาพระพุทธเจ้า ท่านให้เพ่งโลหิตกสิณ เดี๋ยวเดียวก็ได้ฌาน 4 อีกเดี๋ยวเดียวก็ได้เป็นอรหันต์ นี่คนละเรื่องเลย ใช่ไหม

    ผู้ถาม : ตอนแรกเข้าใจว่าอย่างนั้นค่ะ ก็นึกเสมอว่า ตัวเองยังเป็นพวก ราคจริต แล้วก็ยังตัด ราคจริต ไม่ได้ ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ


    (จาก ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 247 ตุลาคม 2544 หน้า 78)


    ลูกศิษย์สมบูรณ์แบบ

    ผู้ถาม : กระผมปฏิบัติตามคำแนะนำของหลวงพ่อ แต่ว่าไม่ค่อยมีโอกาสได้ใกล้ชิดสนิทสนมหลวงพ่อ อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นลูกศิษย์สมบูรณ์หรือเปล่าขอรับ ?

    หลวงพ่อ : คำว่าลูกศิษย์จริงๆ อยู่ใกล้หรืออยู่ไกลไม่สำคัญ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำถือว่าเป็นลูกศิษย์สมบูรณ์แบบ ถ้าอยู่ใกล้ดื้อก็ไม่ถือว่า เป็นลูกศิษย์

    ดูตัวอย่างพระพุทธเจ้าที่ท่านตรัสกับพระอานนท์

    "อานันทะ ดูก่อนอานนท์ ในสมัยที่ตถาคตมีชีวิตอยู่ก็ดี หรือนิพพานแล้วก็ตาม บุคคลใดมีชีวิตอยู่ แล้วเกาะสังฆาฏิของตถาคตอยู่ แต่ว่าบุคคลนั้นไม่เคยเจริญพุทธานุสสติกรรมฐาน ก็ถือว่าบุคคลนั้นไม่เห็นตถาคตเลย

    ถ้าตถาคตมีชีวิตอยู่ก็ตาม นิพพานไปแล้วก็ตาม ถ้าบุคคลใดเจริญพุทธานุสสติกรรมฐานเป็นปกติ ตถาคตถือว่าบุคคลนั้นเกาะสังฆาฏิของตถาคตอยู่"

    คำว่าลูกศิษย์จริงๆ ก็ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำ ไม่เกี่ยวกับการอยู่ใกล้อยู่ไกล ถ้าอยู่ใกล้ไม่ปฏิบัติตามก็ตามกันไปไม่ได้ คนหนึ่งอยู่นิพพาน คนหนึ่งอยู่อเวจี

    ผู้ถาม : มีเหมือนกันหรือครับ ?

    หลวงพ่อ : เยอะเลย อย่างพระเทวทัต ไงล่ะ

    ผู้ถาม : อย่างนี้ใครปฏิบัติไม่ดีก็...

    หลวงพ่อ : ก็ช่วยอะไรไม่ได้ จะดีจะชั่วอยู่ที่ผลการปฏิบัติ ไม่ใช่เรื่องของคนสอน คนสอนแล้วไม่ปฏิบัติตามก็ไม่มีผล ใช่ไหม

    อย่างพระเทวทัตเป็นพี่เขย เป็นพี่พระนางพิมพา บวชแล้วได้อภิญญา 5 เหาะเหินเดินอากาศได้ ในที่สุดปฏิบัติชั่วก็ไปอเวจีมหานรก

    ฉะนั้นการเป็นลูกศิษย์ลูกหาไม่ได้อยู่ใกล้หรืออยู่ไกล

    ไกลแสนไกลถ้าปฏิบัติตามก็เหมือนอยู่ใกล้ตัว

    คนที่อยู่ใกล้แต่ไม่ปฏิบัติตามก็เหมือนกับคนไม่เห็นกันเลย


    (จาก ธัมมวิโมกข์ ปีที่ 5 ฉบับที่ 40 หน้า 68-69)


    เถียงกันเรื่องนิพพาน

    ผู้ถาม : เรื่องนิพพานนั้นลูกต้องเถียงคอเป็นเอ็นกับพวกที่ไม่เชื่อถือ โดยให้เหตุผลว่านิพพานมีจริงนะ เขาก็บอกว่า นิพพานสูญ นิพพานว่าง ไม่มีอะไรเกิดอีกต่อไป เถียงกันอย่างนี้ไม่สิ้นสุด ลูกอยากจะหาเหตุผลจากหลวงพ่อ เพื่อไปต่อสู้กับพวกนี้สักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ : (หัวเราะ) อย่าไปเถียงเขาเลย สิ่งที่ไม่สามารถจะหยิบมาให้เห็นกันได้น่ะ มันไม่ใช่วัตถุ เถียงกันไปมันก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อเขาไม่เชื่อก็แล้วไป ไม่ต้องคุยกันให้มันเหนื่อย หมดเรื่องหมดราว ถ้าขืนเถียงไปก็แค่นั้น อารมณ์ก็ขุ่นมัว จิตใจก็เศร้าหมองไม่ได้เกิดประโยชน์ เขาดับก็ดับไป เขาสูญก็สูญไป ถ้าเราไม่ดับไม่สูญเราก็อยู่ก่อน "นิพพานัง ปรมัง สุญญัง" เขาแปลว่า "นิพพานเป็นธรรมว่างอย่างยิ่ง" คือว่างจากความชั่วทุกอย่าง ราคะก็ไม่มี โลภะก็ไม่มี โทสะก็ไม่มี โมหะก็ไม่มี มันหมดตัว ความชั่วไม่เหลือ ความชั่วเหลือนิดหน่อยจะไปนิพพานไม่ได้ จิตสะอาดจริงๆ

    ผู้ถาม : แล้วเวลาที่พระอรหันต์ก็ดี พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ดีเข้านิพพานแล้ว จิตยังเกิดต่อไปหรือว่าสูญหายไปครับ?

    หลวงพ่อ : จิตก็คืออทิสสมานกาย ภาษาหนังสือเราเรียกว่าจิต จริงๆ แล้วก็เป็นกายๆ หนึ่ง เขาเรียกว่ากายทิพย์ก็แล้วกัน ถ้าจากเทวดาขึ้นไปเรียกว่ากายทิพย์นะ ถ้าจากอบายภูมิเรียกกายทิพย์ไม่ได้ เขาจึงใช้ศัพท์ว่า "อทิสสมานกาย" แปลว่า กายที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเนื้อ เป็นนามธรรม ถามว่านามธรรมนั้นมีเมืองไหม ก็มี เมืองเป็นนามธรรมเหมือนกัน อย่างเทวดาเราก็เขื่อว่าเทวดามี ไม่สูญ ใช่ไหม เราก็เชื่อว่าพรหมมี ไม่สูญ แต่ใครไปจับเทวดากับพรหมมาให้ดูซิ แต่เราก็ไม่สามารถจะเอาเทวดาหรือวิมานของเทวดามาให้ดูได้ เพราะเขาเป็นนามธรรม

    นิพพานก็เหมือนกันเป็นนามธรรมที่ละเอียดกว่าชั้นพรหม นามธรรมนี่มันละเอียดไม่เท่ากัน อย่างคนกับสัตว์นี่มีร่างกายหยาบ ไปถึงขั้นเปรต เปรตนี่กายละเอียดกว่าคน แต่หยาบกว่าเทวดา ถ้าเปรตหรือผีไม่ต้องการให้เราเห็น เราก็จะเห็นไม่ได้ ถ้าเปรตหรือผีต้องการให้เราเห็นเราจึงเห็นได้ ทีนี้ไปถึงเทวดา ถ้าเทวดาไม่ต้องการให้เปรตหรือผีเห็น เปรตหรือผีก็เห็นไม่ได้เหมือนกัน พรหมร่างกายละเอียดกว่าเทวดา ถ้าพรหมไม่ต้องการให้เทวดาเห็น เทวดาก็เห็นไม่ได้ ทีนี้พระอริยเจ้าที่เข้าพระนิพพานร่างกายละเอียดที่สุด คือว่าพรหมก็จะไม่สามารถเห็นได้ถ้าไม่ต้องการให้เห็น แตกต่างกันแบบนี้นะ

    รวมความว่านามธรรมเขามีจริง แต่ว่าถ้าคุยกับนามธรรมก็ใช้นามธรรมด้วยกัน คือ ใช้จิต คือทำจิตให้เป็นทิพย์ คืออทิสมานกาย ทำให้เป็นทิพย์เสีย แล้วก็ไปเที่ยวเมืองทิพย์ ทิพย์ต่อทิพย์มันเห็นกันได้


    (จาก ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 165 ธันวาคม 2537 หน้า 54-55)



    เล่าเรื่องพระพุทธรูป

    ใครมีพระพุทธรูปอยู่ที่บ้าน จะเป็นพระอิฐ พระปูน พระทองเหลือง พระแก้วก็ดี อย่านึกว่าไหว้แล้วพระพุทธเจ้าไม่รู้

    มันมีเรื่องๆหนึ่งอยู่ที่วัด มีคนมาขอพระพุทธรูปข้างโบสถ์ที่วัด พอขอไปแล้วพระพุทธเจ้ามาบอกกับหลวงพ่อว่า “ต่อไปนี้ใครมาขอฉันไป คุณอย่าให้นะ ไอ้พวกนี้มันไม่ไหว้ฉันหรอก มันเอาไปหากิน”

    พระพุทธเจ้าแม้จะปรินิพพานแล้ว ใครจะกราบท่าน ไหว้ท่าน ท่านรู้ สังเกตดู หลวงพ่อจะกราบพระอิฐพระปูนข้างวัดก็ช่างเถอะ เรางี้อาย ท่านกราบแบบนอบน้อม ยกมือแต่ละครั้งเหมือนกับว่าท่านไหว้พ่อไหว้แม่จริงๆ เห็นใครกราบพระไม่สวยเท่าหลวงพ่อเลย เราต้องอายเลยท่านกราบด้วยใจจริงๆ


    (จาก ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 146 เมษายน 2536 หน้า 107)


    การส่งจิต

    ผู้ถาม : ในเรื่อง "มโนมยิทธิ" คือวันนี้ผมคิดว่าจะส่งจิตไปถึงเขา แต่ว่ายังไม่ส่ง จะส่งอีก 3 อาทิตย์ แต่ทำไมเขาถึงรับได้ครับ

    หลวงพ่อ : คือว่าเรื่องของจิต มันทำงานเอง ไม่ต้องคุมหรอก ถ้าการควรเกิดขึ้นมันทำเลย ความรู้สึกทางร่างกายนี้หยาบกว่า

    ความเป็นทิพย์ของจิตเขาทำงานตามหน้าที่ ไม่ต้องใช้เวลาหรอก เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน อย่างไป จุฬามณี ต้องใช้เวลาหรือเปล่า นึกปั๊บก็ถึงเลย

    มันมีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่ง บางคนเขาไม่ได้ทำกรรมฐาน บางทีเราไปถึงเทวดาก็ดี พรหมก็ดี นิพพานก็ดี เราเจอะภาพเขาได้ ตัวเองเขาไม่รู้ ตัวนอกเขาไม่รู้ แต่ตัวในเขาทำงาน


    (จาก ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 248 พฤศจิกายน 2544 หน้า 60)


    การแต่งตัวสวย

    ผู้ถาม : หลวงพ่อคะ การแต่งตัวสวยๆ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสังคม อย่างนี้เรียกว่าเป็นพวก ราคจริต หรือเปล่าคะ?

    หลวงพ่อ : อันนี้เป็นถือว่าเป็น ราคจริต

    ความจริงการแต่งตัวนี่นะ แต่งตัวปกติ เขาไม่ถือว่าเป็น ราคจริต และเราก็ไม่ถือว่าขาดศีล 8 ถ้าสังคมนี้เขาแต่งตัวแบบนี้ เพื่อไม่ให้เก้อเขิน เราก็แต่งตัวแบบนั้น เราทำเพื่อความเหมาะสม

    ไอ้แต่งตัวเพื่อ ร าคจริต มันต้องเรียบร้อยเป็นพิเศษ ถ้าเป็นบ้าน อะไรนิดอะไรหน่อยต้องสะอาดหมด ทุกอย่างต้องเรียบร้อย

    แต่ ราคจริต เขาไม่ตำหนิว่าเลว ถือว่าเลวไม่ได้นะ คือเขาเป็นคนชอบสวยชอบสะอาด แต่บางคนคิดว่าคนที่มี ราคจริต เป็นคนมักมากในกามารมณ์ก็ยุ่งซิ มันคนละเรื่อง

    คือ ราคจริต แค่รักสวยรักงาม รักความสะอาดเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับกามารมณ์ บางคนเขาสวยแสนสวย แต่ก็ไม่ยุ่งอะไรมากเป็นไปตามกฏธรรมดา

    ตัวอย่างพระลูกชายนายช่างทอง เป็นคนสวยด้วย เป็นคนหนุ่มด้วย เป็นคนรวยด้วย พระสารีบุตร ท่านเข้าใจว่าเป็นคนที่มี ราคจริต ท่านจึงให้กรรมฐาน อสุภกรรมฐาน ท่านเลยไม่ได้อะไร แต่เนื้อแท้จริงๆ ท่านเป็นคน โทสจริต

    พอไปหาพระพุทธเจ้า ท่านให้เพ่งโลหิตกสิณ เดี๋ยวเดียวก็ได้ฌาน 4 อีกเดี๋ยวเดียวก็ได้เป็นอรหันต์ นี่คนละเรื่องเลย ใช่ไหม

    ผู้ถาม : ตอนแรกเข้าใจว่าอย่างนั้นค่ะ ก็นึกเสมอว่า ตัวเองยังเป็นพวก ราคจริต แล้วก็ยังตัด ราคจริต ไม่ได้ ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะ


    (จาก ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 247 ตุลาคม 2544 หน้า 78)


    ลูกศิษย์สมบูรณ์แบบ

    ผู้ถาม : กระผมปฏิบัติตามคำแนะนำของหลวงพ่อ แต่ว่าไม่ค่อยมีโอกาสได้ใกล้ชิดสนิทสนมหลวงพ่อ อย่างนี้จะเรียกว่าเป็นลูกศิษย์สมบูรณ์หรือเปล่าขอรับ ?

    หลวงพ่อ : คำว่าลูกศิษย์จริงๆ อยู่ใกล้หรืออยู่ไกลไม่สำคัญ ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำถือว่าเป็นลูกศิษย์สมบูรณ์แบบ ถ้าอยู่ใกล้ดื้อก็ไม่ถือว่า เป็นลูกศิษย์

    ดูตัวอย่างพระพุทธเจ้าที่ท่านตรัสกับพระอานนท์

    "อานันทะ ดูก่อนอานนท์ ในสมัยที่ตถาคตมีชีวิตอยู่ก็ดี หรือนิพพานแล้วก็ตาม บุคคลใดมีชีวิตอยู่ แล้วเกาะสังฆาฏิของตถาคตอยู่ แต่ว่าบุคคลนั้นไม่เคยเจริญพุทธานุสสติกรรมฐาน ก็ถือว่าบุคคลนั้นไม่เห็นตถาคตเลย

    ถ้าตถาคตมีชีวิตอยู่ก็ตาม นิพพานไปแล้วก็ตาม ถ้าบุคคลใดเจริญพุทธานุสสติกรรมฐานเป็นปกติ ตถาคตถือว่าบุคคลนั้นเกาะสังฆาฏิของตถาคตอยู่"

    คำว่าลูกศิษย์จริงๆ ก็ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำ ไม่เกี่ยวกับการอยู่ใกล้อยู่ไกล ถ้าอยู่ใกล้ไม่ปฏิบัติตามก็ตามกันไปไม่ได้ คนหนึ่งอยู่นิพพาน คนหนึ่งอยู่อเวจี

    ผู้ถาม : มีเหมือนกันหรือครับ ?

    หลวงพ่อ : เยอะเลย อย่างพระเทวทัต ไงล่ะ

    ผู้ถาม : อย่างนี้ใครปฏิบัติไม่ดีก็...

    หลวงพ่อ : ก็ช่วยอะไรไม่ได้ จะดีจะชั่วอยู่ที่ผลการปฏิบัติ ไม่ใช่เรื่องของคนสอน คนสอนแล้วไม่ปฏิบัติตามก็ไม่มีผล ใช่ไหม

    อย่างพระเทวทัตเป็นพี่เขย เป็นพี่พระนางพิมพา บวชแล้วได้อภิญญา 5 เหาะเหินเดินอากาศได้ ในที่สุดปฏิบัติชั่วก็ไปอเวจีมหานรก

    ฉะนั้นการเป็นลูกศิษย์ลูกหาไม่ได้อยู่ใกล้หรืออยู่ไกล

    ไกลแสนไกลถ้าปฏิบัติตามก็เหมือนอยู่ใกล้ตัว

    คนที่อยู่ใกล้แต่ไม่ปฏิบัติตามก็เหมือนกับคนไม่เห็นกันเลย


    (จาก ธัมมวิโมกข์ ปีที่ 5 ฉบับที่ 40 หน้า 68-69)


    เถียงกันเรื่องนิพพาน

    ผู้ถาม : เรื่องนิพพานนั้นลูกต้องเถียงคอเป็นเอ็นกับพวกที่ไม่เชื่อถือ โดยให้เหตุผลว่านิพพานมีจริงนะ เขาก็บอกว่า นิพพานสูญ นิพพานว่าง ไม่มีอะไรเกิดอีกต่อไป เถียงกันอย่างนี้ไม่สิ้นสุด ลูกอยากจะหาเหตุผลจากหลวงพ่อ เพื่อไปต่อสู้กับพวกนี้สักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ

    หลวงพ่อ : (หัวเราะ) อย่าไปเถียงเขาเลย สิ่งที่ไม่สามารถจะหยิบมาให้เห็นกันได้น่ะ มันไม่ใช่วัตถุ เถียงกันไปมันก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อเขาไม่เชื่อก็แล้วไป ไม่ต้องคุยกันให้มันเหนื่อย หมดเรื่องหมดราว

    ถ้าขืนเถียงไปก็แค่นั้น อารมณ์ก็ขุ่นมัว จิตใจก็เศร้าหมองไม่ได้เกิดประโยชน์ เขาดับก็ดับไป เขาสูญก็สูญไป ถ้าเราไม่ดับไม่สูญเราก็อยู่ก่อน "นิพพานัง ปรมัง สุญญัง" เขาแปลว่า "นิพพานเป็นธรรมว่างอย่างยิ่ง"

    คือว่างจากความชั่วทุกอย่าง ราคะก็ไม่มี โลภะก็ไม่มี โทสะก็ไม่มี โมหะก็ไม่มี มันหมดตัว ความชั่วไม่เหลือ ความชั่วเหลือนิดหน่อยจะไปนิพพานไม่ได้ จิตสะอาดจริงๆ

    ผู้ถาม : แล้วเวลาที่พระอรหันต์ก็ดี พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ดีเข้านิพพานแล้ว จิตยังเกิดต่อไปหรือว่าสูญหายไปครับ?

    หลวงพ่อ : จิตก็คืออทิสสมานกาย ภาษาหนังสือเราเรียกว่าจิต จริงๆ แล้วก็เป็นกายๆ หนึ่ง เขาเรียกว่ากายทิพย์ก็แล้วกัน ถ้าจากเทวดาขึ้นไปเรียกว่ากายทิพย์นะ ถ้าจากอบายภูมิเรียกกายทิพย์ไม่ได้ เขาจึงใช้ศัพท์ว่า "อทิสสมานกาย" แปลว่า กายที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเนื้อ เป็นนามธรรม

    ถามว่านามธรรมนั้นมีเมืองไหม ก็มี เมืองเป็นนามธรรมเหมือนกัน อย่างเทวดาเราก็เขื่อว่าเทวดามี ไม่สูญ ใช่ไหม เราก็เชื่อว่าพรหมมี ไม่สูญ แต่ใครไปจับเทวดากับพรหมมาให้ดูซิ แต่เราก็ไม่สามารถจะเอาเทวดาหรือวิมานของเทวดามาให้ดูได้ เพราะเขาเป็นนามธรรม

    นิพพานก็เหมือนกันเป็นนามธรรมที่ละเอียดกว่าชั้นพรหม นามธรรมนี่มันละเอียดไม่เท่ากัน อย่างคนกับสัตว์นี่มีร่างกายหยาบ ไปถึงขั้นเปรต เปรตนี่กายละเอียดกว่าคน แต่หยาบกว่าเทวดา ถ้าเปรตหรือผีไม่ต้องการให้เราเห็น เราก็จะเห็นไม่ได้ ถ้าเปรตหรือผีต้องการให้เราเห็นเราจึงเห็นได้

    ทีนี้ไปถึงเทวดา ถ้าเทวดาไม่ต้องการให้เปรตหรือผีเห็น เปรตหรือผีก็เห็นไม่ได้เหมือนกัน พรหมร่างกายละเอียดกว่าเทวดา ถ้าพรหมไม่ต้องการให้เทวดาเห็น เทวดาก็เห็นไม่ได้ ทีนี้พระอริยเจ้าที่เข้าพระนิพพานร่างกายละเอียดที่สุด คือว่าพรหมก็จะไม่สามารถเห็นได้ถ้าไม่ต้องการให้เห็น แตกต่างกันแบบนี้นะ

    รวมความว่านามธรรมเขามีจริง แต่ว่าถ้าคุยกับนามธรรมก็ใช้นามธรรมด้วยกัน คือ ใช้จิต คือทำจิตให้เป็นทิพย์ คืออทิสมานกาย ทำให้เป็นทิพย์เสีย แล้วก็ไปเที่ยวเมืองทิพย์ ทิพย์ต่อทิพย์มันเห็นกันได้


    (จาก ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 165 ธันวาคม 2537 หน้า 54-55)


    เรื่อง กรรมบท 10



    ลูกศิษย์ : ทีนี้ ถ้าพูดตลก กรรมบถ 10 ขาดไหม ศีลขาดไหม


    หลวงพ่อ : คือไม่ชนกับศีล ศีลไม่ขาดนะ เขาตลก จะหาว่าพูดไร้สาระยังไม่ได้นะ ตลกเพื่อความรื่นเริง ไม่มีอะไรเลย ทำใจคนอื่นให้ชุ่มชื่น ไม่มีอะไร

    พระพุทธเจ้าท่านเคยทำ พระสารีบุตรท่านเคยทำ พระสาวกหลายองค์เคยทำ ต้องทำถ้าสมาคมนี้จะเหงาเกินไป ก็ต้องทำให้เกิดความรื่นเริง แต่ไม่ผิดศีล ผิดธรรม

    ลูกศิษย์ : ...........

    หลวงพ่อ : นั่นเขารวมคำแล้ว เขารวมคำๆ ไว้นะ นั่นเขารวมไว้ในกลุ่ม มันไม่เป็นไร เขาพูดตลกคะนอง เขาพูดทำให้คนอื่นหัวเราะ เขาทำให้จิตใจเราชุ่มชื่น แต่ใจเขาเองน่ะเขาจะรู้ ถ้าเขาพูดดีน่ะ ใจเราสบาย อย่าลืมนะ

    ลูกศิษย์ : ...........

    หลวงพ่อ : ลามก ก็คนที่ลามกเขาก็ชอบนี่ เขาก็พูดให้ชอบ แกงต้มให้คนกิน ก็ต้องทำตามแต่ละคนใช่ไหม คนนี้กินเค็มชอบเค็ม เราทำเปรี้ยวเขาก็กินไม่ได้ เขาชอบเปรี้ยว เราทำเค็มเขาก็กินไม่ได้ ต้องทำให้เหมาะสม

    คนลามกก็ชอบภาษาลามกไม่เป็นไร คือไม่ได้โกหก ไม่โกหก ไม่สร้างความสะเทือนใจให้เกิดแก่เขานะ ทำใจให้สบาย ใช่ไหม

    แล้วประการที่ 2 เขาไม่ได้สร้างความแตกร้าวให้เกิดแก่ใคร อันนี้โทษเขาไม่ได้หนู อย่าหาว่าเขาบาป ผิด ถ้าถามผิดศีลข้อไหน บอกผิดทุกข้อ คือไม่ชนศีล ศีลไม่ขาด ศีลไม่ช้ำนะ หือหมอ ถ้าชนศีล ชนแรง ศีลขาด ชนเบา ศีลช้ำ เดี๋ยวมีเวลา 15 นาที

    ลูกศิษย์ : ...........

    หลวงพ่อ : หน้าบึ้งน่ะดี ไม่ทำชาวบ้านเขากลุ้ม เวลาไม่พูดด้วยช่างมัน บึ้งได้บึ้งไป จะได้หมดเรื่องหมดราว แกอยากบึ้งแกนั่งเฉยๆไปหมดเรื่อง ก็ไม่ต้องพูดกัน

    ลูกศิษย์ : ...........

    หลวงพ่อ : เขาไม่ได้ต้องการให้ชอบนี่ แต่คนชอบบึ้งอาจจะมีนะ อย่างน้อยที่สุด ตัวเขาเองเขาชอบ (หัวเราะ) มีหนึ่งคนคือเขาชอบบึ้ง หน้าบึ้งเกินไป ก็สุดแล้วแต่อารมณ์คน

    ทางที่ดีแล้วไม่ควรจะฝึก จิตใจมันเศร้าหมองนะ ถ้าเราหัวเราะได้อย่างน้อยที่สุด แกก็จะได้ชุ่มชื่น ใช่ไหม หัดหัวเราะให้มากดีกว่า มันทำลายโทสะไปในตัว หัวเราะได้ ยิ้มได้ ใจชุ่มชื่นมากกว่า


    (จากหนังสือ รวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 10 หน้า 295-296)


    พื้นฐานกรรมฐาน

    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับ การเจริญพระกรรมฐาน ต้องมีพื้นฐานอะไรบ้างครับ ?

    หลวงพ่อ : พื้นฐานเหรอ ถ้าเป็นผู้ชายต้องมีกางเกง "พื้นฐานจริงๆ ก็มีศรัทธาความเชื่อ ตัวนี้ตัวเดียว พระศาสนาเรา ถ้าไม่มีความเชื่อเสียอย่างเดียว ไม่มีอะไรเป็นผล และต้องใช้ปัญญาร่วมด้วยนะ"

    เขาแนะนำกันมาเราคิดดู มันควรหรือไม่ควร แต่อีกสิ่งที่เป็นฤทธิ์ มันเกินวิสัยที่เราจะคิด

    อย่างฤทธิ์ของ วิชชาสาม

    ฤทธิ์ของ อภิญญา

    ฤทธิ์ของ ปฏิสัมภิทาญาณ

    นี่เราคิดไม่ได้ เพราะขืนคิดบ้า คิดยังไงมันก็ไม่ลงตัว มันจะเหมือนกับที่เราคิดไม่ได้ เราจะตัดความสามารถของฤทธิ์ก็ตัดไม่ลง

    อย่าง "วิชชาสาม" มี "ทิพพจักขุญาณ" ถือว่า "มีฤทธิ์ทางใจ" ตามธรรมดาเราไม่สามารถเห็นสิ่งของที่ลี้ลับได้ใช่ไหม แต่ถ้าเขาได้ "ทิพพจักขุญาณ" คุณไม่มีอะไรหนีเขาเลย วางโลกไหนก็รู้ได้ทุกโลก นี่ถ้าเขารู้จักใช้นะ

    ที่ฝึกไปแล้วไม่รู้จักใช้นี่เยอะ 90 เปอร์เซ็นต์ เศษๆหน่อยๆ เอาไปแล้วไม่รู้จะใช้อะไรดีบางทีก็ปล่อยบูดไปเลย มีเยอะแยะจริงๆ

    แล้วถ้าทำได้แล้วเขาต้องฝึกซ้อม ทำอยู่เสมอๆ ได้ง่ายเกินไปเลยปล่อยหายเลย อย่างนี้มีเยอะแยะ


    (จาก ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 274 มกราคม 2547 หน้า 55-56)


    ตัดกิเลสรวบรัด

    ผู้ถาม : หลวงพ่อเจ้าขา จะมีวิธีรวบรัดอย่างไรจึงจะทำให้กิเลสหดตัวเร็วเจ้าค่ะ ?

    หลวงพ่อ : หดตัวนี่ทำไม่ยากนะ ใช้เตาใหญ่ เตาเท่ากระทะนะ เอาเหล็กวางทำขาเข้า เอาถ่านใส่ข้างล่าง เราไปนอนข้างบน กิเลสค่อยๆหดไปทีละน้อย ๆ (หัวเราะ)


    ถ้าถามอย่างนี้ก็ตอบได้ แต่มันทำไม่ได้ คำตอบที่พระพุทธเจ้าท่านตอบอยู่แล้วคือ

    1. การให้ทาน เป็นปัจจัยตัดความโลภ

    2. รักษาศีล มีเมตตา กรุณา 2 อย่างนะ เป็นปัจจัยตัดความโกรธ

    3. การภาวนา พิจารณาขันธ์ 5 ว่าไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เป็นการตัดความหลง

    พระพุทธเจ้าสอนแล้วนะ ทำเอาก็แล้วกัน

    ผู้ถาม : ไอ้ที่ปฏิบัติอย่างหนึ่ง ปากพูดอย่างหนึ่งนี่มันไม่ตรงกัน มันยังไงครับ?

    หลวงพ่อ : ไอ้นั่นเป็นของธรรมดานะ ในเมื่อกิเลส ตัณหา อุปาทาน อกุศลกรรม ยังสิงอยู่มาก มันก็ทำจิตให้แปรปรวนได้ ก็ต้องค่อยๆข่มมัน เพื่อให้จิตทรงตัวนี่เป็นการข่ม ในเมื่ออารมณ์มันชินเป็นฌาน ขณะมันเป็นฌานมันก็ยังกวนอยู่


    แต่ขณะใดที่ทรงฌานมันก็เข้าไม่ได้เป็นพักๆ ไม่ช้านานเท่าไรก็เกิดอาการเพลีย พอปัญญาเกิดขึ้นก็ค่อยๆตัด พังไปเอง


    (จาก ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 84 กุมภาพันธ์ 2531 หน้า 10-11)




    เรื่อง สมาธิ

    "มีคำถามว่า สมาธิแบ่งออกได้หลายแบบ หลายวิธีการ แต่ละวิธีมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่าให้ถือกำหนดลมหายใจ บ้างก็ว่าให้คิดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง บ้างก็ว่าคือการมองเข้าไปในสิ่งที่เป็นอยู่จริง


    อยากทราบว่าแท้ที่จริงแล้ว สมาธิคืออะไร และมีข้อควรปฏิบัติอย่างไร และจะถือหลักใดในการปฏิบัติ"

    เอ้อ สมาธิยกไปก่อน คุยถึงเรื่องกินก่อน คือคนกินข้าวนี่ กินข้าวก็อิ่มใช่ไหม กินก๋วยเตี๋ยวก็อิ่ม กินขนมปังก็อิ่ม กินกาแฟก็อิ่ม กินให้อิ่มเพื่อต้องการไม่ให้ร่างกายหิว ร่างกายมันหิวถึงกินใช่ไหม สมาธิก็เหมือนกัน ทำเพื่อต้องการให้จิตสงบ


    เพราะฉะนั้นจะจับภาพพระก็ดี จะภาวนา นะมะ พะธะ ก็ดี จะรู้ลมหายใจเข้าออกก็ดี เป็นอุบายอย่างหนึ่งให้จิตสงบ ฉะนั้น คนทุกคนนี่จริตไม่เหมือนกัน คือนิสัยของคนไม่เหมือนกัน บางคนก็ชอบสีเขียว บางคนก็ชอบสีแดง ใครพอใจสีไหนก็เอาสีนั้น ทีนี้การภาวนา ใครชอบอย่างใดก็เอาอย่างนั้น

    พระพุทธเจ้าจึงสอนกับคนทุกคนที่มีจริตทุกจริตได้หมด ฉะนั้นถึงแยกแยะการภาวนาให้ตรงกับนิสัยกับจริตของคน ภาวนาแบบไหนก็ไม่ผิด ขอให้จิตเป็นสมาธิก็แล้วกัน ถ้าภาวนาแบบไหนถ้าไม่มีสมาธิก็แสดงว่าผิดแล้ว ผิดทางเพราะสมาธินี่มีแค่ขณิกสมาธิ นี่จิตก็เริ่มสุขแล้ว ถ้าภาวนาไปจิตฟุ้งซ่านต้องหยุดหรือเครียดต้องหยุด แสดงว่าผิดทาง แค่เข้าไปถึงประตูนี่มันยังไม่เข้าทาง เข้าไปชิมหน่อยเดียวมันยังไม่สุข นี่แสดงว่าผิดแล้ว ผิดทาง ต้องหยุด กลับมาตั้งหลักใหม่

    อย่างอานาปานุสสติ อย่างนี้เป็นต้น อานาปาฯ คือรู้ลมหายใจเข้าออก รู้ลมหายใจนะ แต่เรากลัวมันจะไม่รู้ เอ๊ะ มันไม่รู้สักทีวะ สูดซะแรงๆ บางทีก็เกร็งลม คือรินลมน่ะ กลัวลมจะออกไม่เป็นธรรมชาติ รินออกรินเข้า หนักเข้าเหนื่อย เหนื่อยก็เครียด แสดงว่าผิดแล้ว พระพุทธเจ้าให้รู้ลมหายใจเข้าออกเฉยๆ หรือภาวนาควบไปด้วย

    แต่คนเราถ้าฝึกใหม่ๆ คล้ายกับมันจะแน่นหน้าอกไปหมด ตึงประสาทไปหมด แสดงว่าผิด ค่อยๆ รู้เข้ารู้ออกก่อน หยาบสุดต้องรู้เข้ารู้ออกเฉยๆก่อน ถ้าต่อไปถึงจะรู้อ้อ มันเข้าไปถึงไหนแล้ว มันออกไปถึงไหนแล้ว ต่อไปมันจะรู้ มันเข้าไปถึงนั่นมันละเอียด อ้อ เห็นสายลมแล้ว จิตก็จะเริ่มเบา จิตก็จะสุขขึ้น สุขแสดงว่าถูกทางแล้ว ถ้าเครียดต้องหยุด

    การปฏิบัติธรรมนี่จะยากอยู่ช่วงสมาธิต้นๆ เท่านั้นเอง ฉะนั้นที่ถามว่า ภาวนาอย่างไร อะไรอย่างไร คือว่าให้พอกับจริตของคน ใครชอบอย่างไรให้เอาอย่างนั้นนะ หลวงพ่อสอนนะ แต่สำนักบางสำนักอื่นเขาสอนให้ภาวนาพุทโธก็ดี หรือภาวนาอย่างใดอย่างหนึ่งก็ดี ก็ภาวนาก็ไม่ผิด แต่ว่ามันเหมือนกับอะไรล่ะ


    อย่างวัดท่าซุง หรือหลวงพ่อของเรานี่มีแกง 40 หม้อ เลือกกินเอา แต่วัดอื่นมีแกงหม้อเดียว เราจะเลือกกินเอาร้านไหนก็แล้วแต่ กินอิ่มเหมือนกันนี่ แต่เราไปเลือกเอา กรรมฐานคือกรรมฐาน 40 ข้อ ชอบใจตัวไหนก็เอา

    “เอาเป็นว่าตอบข้อหนึ่ง ก็คือ สมาธิคืออุบาย เครื่องสงบใจ ทำให้ให้สงบ ควรจะปฏิบัติอย่างไร ก็บอกว่ากรรมฐาน 40 น่ะ ไปเลือกเอาเถอะ


    ทีนี้เขาถามว่า แล้วจะยึดหลักใดในการปฏิบัติ หรือว่าต้องให้ไปอ่านกรรมฐาน 40 เสียก่อน แล้วค่อยมาคุยกันใหม่”

    คือพื้นฐานจริงๆ แล้วนี่ท่านให้เอาอานาปาฯ เป็นหลักไว้ อานาปาฯ นี่เป็นต้น ตัวนี้ทำให้สงบง่ายขึ้น ถ้าได้ตัวนี้แล้วตัวอื่นจะง่ายขึ้น อานาปาฯ นี่เป็นกรรมฐานที่ละเอียด แล้วก็เป็นหลักใหญ่ ถ้าจับกสิณแล้วอานาปาฯ ไม่ทรง ก็จะทรงตัวยาก ถ้าได้อานาปาฯ เสียแล้ว ตัวอื่นจะง่ายหมด

    ไอ้ตัวอานาปาฯ มันตัวลบคลื่น จะจับกสิณสีแดงก็ต้องมาลงที่ศูนย์อานาปาฯ นี่ จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว สีอะไรได้ อานาปาฯ คล่องเสียมันก็เปลี่ยนง่าย อานาปาฯ คือลบอารมณ์ฟุ้งซ่าน

    “ทีนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเคยปรารภว่า ในกรรมฐาน 40 หรือว่า ถ้ารวมมหาสติปัฏฐานสูตรเป็น 41 นี่ เป็นกรรมฐานพิจารณาเสียตั้ง 29 เป็นกรรมฐานภาวนาแค่ 11


    คือ อานาปาฯ กับกสิณ 10 เป็นกรรมฐานภาวนา ในขณะที่อื่นๆนี่ ไม่ว่าจะเป็นอนุสสติก็ดี จะเป็นพรหมวิหาร 4 จะเป็นอะไรก็ตามแต่เถิด เป็นกรรมฐานพิจารณา ทีนี้แม้แต่กรรมฐานพิจารณาก็ต้องตั้งต้นที่อานาปาฯ ใช่ไหมครับ หรือว่าอย่างไรครับ”

    ใช่ๆ ท่านบอกว่าถ้าไม่มีอานาปาฯ อย่างอื่นไม่ทรงตัว

    “อย่างเช่นว่าจะเอาตัวเมตตาเป็นบทกรรมฐานอย่างนี้ จะพิจารณาเมตตาอย่างเดียวไม่ได้ ต้องตั้งต้นที่อานาปาฯ เสียก่อน พอกำลังใจนิ่งดีแล้ว ทีนี้ก็จะพิจารณาได้ทะลุปรุโปร่งใช่ไหมครับ”

    แต่บางอย่างท่านก็ให้คิดพิจารณาเสียก่อน พิจารณาจนจิตเย็นแล้ว อ่อนดีแล้ว อย่างเช่นหลวงปู่ปานสอนให้หลวงพ่อใช่ไหม หลวงพ่อชอบอิทธิฤทธิ์นี่ ชอบฤทธิ์ชอบเดช โอ๊ย...แกจะให้มีอภิญญาทรงตัวแกต้องพิจารณาเสียก่อนว่า


    เออ...ร่างกายนี่มันไม่เที่ยงนะ มันต้องตายนะ พิจารณาให้จิตยอมรับ หลวงพ่อก็เออ... จะให้มีฤทธิ์มีเดชใช่ไหม ก็ต้องพิจารณาตรงนี้ ที่แท้หลวงปู่ปานสอนวิปัสสนาญาณให้เสียจนชุ่มหมดแล้ว พอสมาธิทรงตัวมันก็ง่าย หลวงปู่ปานฉลาดกว่าหลวงพ่อ

    “เอ๊ะ แต่ได้ข่าวว่าท่านพระครูปลัดฯ ท่านเจ้าอาวาสนี่ท่านก็ชอบฤทธิ์ชอบเดชอยู่ไม่ใช่หรือครับ”

    ชอบ...โอ้โห ชอบจังเลย ชอบจนเขี้ยวเหี้ยนหมดเลย ไม่ได้สักอย่าง มันเป็นบุพกรรมต้องชอบสุกขวิปัสสโก คือตัวเองมันเกี่ยวกับกลัวจะตายเสียก่อน กลัวจะไม่ได้อะไรสักอย่างเลย คือมันเป็นคนคิดมากอยู่อย่างว่า ไอ้ที่เรารู้มันจริงหรือเปล่า บางทีมันก็จริงมั่ง บางทีก็ไม่จริงมั่ง เราก็ เอ๊ มันจะเสียเวลาเสียแล้ว

    “ชักจะมีมรณานุสสติ ว่าอย่างนั้นเถอะ”

    ใช่ กลัวจะเสียเวลาเกินไป สอง กลัวเราจะเสียพระเสียก่อน เลยต้องตัดออกไปให้หมด


    (่จากหนังสือ ที่ระลึกงานกตัญญูกตเวทิตามงคล หน้า 128-131)

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2019
  4. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,698
    BFzhDqjrPY4pXrrFNyH9iF8qmWS5TKbfeXHdj9GLXXTHMY65IE_MbYq3agcaViue.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2019
  5. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,698
    BFzhDqjrPY4pXrrFNyH9iE_6upENg7wxrJPVvyek1gFC_EgRIOBdPWxSFMcjyf0J.jpg BFzhDqjrPY4pXrrFNyH9iEBunWTtVIsAW_8Gsb_TAF0edIOb4RWb-fTdYZkfCR8O.jpg BFzhDqjrPY4pXrrFNyH9iGkmA-DlvI0SsAxle5gTbeIB-hxj4bAt1R-n6Qv0noiZ.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2019
  6. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437
    น้อมกราบสมเด็จองค์ปฐม หลวงปู่ปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    สวัสดีพี่วรรณ พี่ปู คุณน๊อต และทุกๆท่าน

    [​IMG]
     
  7. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,698
    เรื่องหลวงพ่อตายแล้วยิ่งเฮี้ยนมาก/เรื่องผ้ายันต์กันเพลี้ยกระโดด/เรื่องเงินงอก/เรื่องทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]

    (จากธัมมวิโมกข์ เดือนมีนาคม 2538 หน้า 76-88)
     
  8. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,698
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/DaTa/man_04_115-1-1.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/DaTa/man_04_115-1-1.jpg" border="0" alt=" photo man_04_115-1-1.jpg"/></a>
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,698
    BFzhDqjrPY4pXrrFNyH9iJpqrwsjhDyjGfGMtLvPTHIyF98C-PN_Gj4blxg6kgxM.jpg BFzhDqjrPY4pXrrFNyH9iNyf9pHxGBNrzQZ_BdeJNibvGipUhJ6NpFJtxTB11xFo.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2019
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,698
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Doc2015/%2056%20%206.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Doc2015/%2056%20%206.jpg" border="0" alt=" photo 56 6.jpg"/></a>

    (จากธัมมวิโมกข์เดือนกันยายน 2556 หน้า 6)

    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Doc2015/DSC_0014_8.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Doc2015/DSC_0014_8.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0014_8.jpg"/></a>
     
  11. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437
    ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับคาถาเงินล้านมากครับพี่วรรณ
    ขอบคุณที่หามาให้อ่านกันเสมอ:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤษภาคม 2016
  12. Norr

    Norr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +127,437
    " บุญจากการฟังธรรม ระหว่างวัน "

    [​IMG]
     
  13. อุทยัพ

    อุทยัพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    3,564
    ค่าพลัง:
    +18,112

    น้อมกราบหลวงพ่อครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      13 KB
      เปิดดู:
      822
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,698
    ยารักษามะเร็ง (คนละสูตรกับในหนังสือสมบัติพ่อให้นะครับ)
    [​IMG]
    [​IMG]

    (จากธัมมวิโมกข์ พฤศจิกายน 2536 หน้า 98-99)


    ยาสมุนไพร ไพล กับ การบูร รักษาโรคเกาต์

    [​IMG]
    [​IMG]

    (จากธัมมวิโมกข์ พฤษภาคม 2548 หน้า 12-13)



    คุณสมบัติว่านสบู่เลือด

    [​IMG]

    (จากธัมมวิโมกข์ พฤศจิกายน 2536 หน้า 54)
     
  15. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,698
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/S__6201351.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/S__6201351.jpg" border="0" alt=" photo S__6201351.jpg"/></a>
     
  16. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,698
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  17. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,698
    หลวงพ่อสนทนาเรื่องน้ำมันชาตรีในบทข้างล่างนี้ในวันอาสาฬบูชาศุกร์ที่ 26 กรกฏาคม 2534 ซึ่งเป็นวันพิธีพุทธาภิเษกน้ำมันชาตรี ที่ศาลา 2 ไร่ เวลาประมาณ 19.00 น.

    หลวงพ่อแนะนำไว้ว่าใช้ทาก็ได้ ใช้กินก็ได้ ควรทาก็ทา ควรกินก็กิน ถ้าทานน้ำมันชาตรีต้องทานไม่น้อยกว่าหนึ่งช้อนกาแฟในหนึ่งวัน

    สามารถรักษาเอดส์ รักษามะเร็งได้ ลองอ่านกันดูครับ


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 12 หน้า 502-504)
     
  18. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,698
    ผลพระคาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้าของตาแจ่มครับ

    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับรวมเล่ม ปีที่ 1 * 2523 * 1-8 หน้า 415-421)
     
  19. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,698
    [​IMG]
    [​IMG]

    พระคำข้าวรุ่น 1 มีเกศา ของพี่ Cobraa ครับ
     
  20. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,698
    [​IMG]

    พระบรมรูปเสด็จพ่อกรมหลวงชุมพร ด้านหน้าพระจุฬามณี วัดท่าซุง

    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/DSC04746.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/DSC04746.jpg" border="0" alt=" photo DSC04746.jpg"/></a>
    <a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/DSC04753.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/DSC04753.jpg" border="0" alt=" photo DSC04753.jpg"/></a>
     

แชร์หน้านี้

Loading...