ขอเสียงผู้สนใจธรรมะที่อยู่กับคู่โดยไม่มีเรื่องทางกามหน่อยค่ะ

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 17 พฤษภาคม 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ไม่ได้ทะลึ่งตึงตังอะไรค่ะ ออกจะอายด้วย =^. ^= อยากทราบว่ามีจริงๆมั้ย เพราะดิฉัน ต้องการมีคู่ แต่ไม่ต้องการมี... ค่ะ อยากสร้างบารมีด้านเนกขัมมะ ถ้าทำได้ แม้ไม่ได้ไปบวชพราหมณ์อยู่วัด ยังแต่งตัวแต่งหน้า แต่อยากทราบว่าในสังคมปัจจุบันยังมีอยู่อีกมั้ย ที่ทั้งคู่ต่างรักกันดีปรารถนาดีต่อกัน เป็นกัลยาณมิตรอยู่เคียงข้างกัน มีศีล สัทธา จาคะ ปัญญาเท่ากัน มีอะไรก้อปรึกษากัน ทำงานร่วมกันได้ ช่วยกันทำงานบ้าน ไปวัดด้วยกัน สนทนาธรรมกันได้ ต่างสนับสนุนเป้าหมายในชีวิตของอีกฝ่าย ดิฉันเคยอ่านเจอในพันทิพว่ามีคู่นึงคบกัน7ปี ก้อไม่... กัน น่าประทับใจและโรแมนติกมากค่ะ

    ดิฉันว่าอีกสักพักจะลองอธิษฐานขอดู เพราะผิดหวังมาตลอดเลย เรื่องความรัก -_-
     
  2. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ดิฉันคงใกล้สิ้นวาสนากับวิญญาณที่อยู่ต่างภพแล้ว เพราะทุกข์มากๆเนื่องจากมีความยึดไว้มาก เค้าไม่ค่อยมาเข้าฝันแล้ว ยังไงก้อเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ เพราะอยู่กันคนละภพ เศร้าจัง ร้องไห้หนักมาก
     
  3. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ถ้าคนธรรมดายังคบกันได้แบบไม่มีกาม คนมีธรรมก้อน่าจะคบกันได้ในแบบเดียวกันเช่นเดียวกัน
     
  4. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    เรื่องการมีคู่ แต่ไม่มีกามรมณ์น่าจะยากเพราะเป็นเรื่องผิดธรรมชาติของมนุษย์

    อีกประการหนึ่งเซ็กก็ไม่ใช่เป็นสิ่งชั่วร้าย ถ้าเราสามารถควบคุมให้อยู่ในขอบเขตได้ ดังนั้นจึงไม่ควรไปคิดอะไรที่นอกเหนือธรรมชาติ

    จขกท. น่าจะมีปัญหาที่ยังหาคู่แท้ของตนเองไม่เจอ อาจจะเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะพบกัน หรืออาาจะเป็นไปได้ว่าสัญญากับใครไว้ แต่เค้าไม่ทันได้มาเกิดในชาตินี้จึงทำให้ต้องผิดหวังตลอดมา

    ตราบใดที่ยังอยู่ในเพศฆราวาส อยู่ในสังคม ต้องทำมาหาเลี้ยงชีพ การมีครอบครัวเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ต้องเลือกหาคนดีตามหลักสมชีวิตาธรรม ๔ นะครับ

    แม้จะต้องยอมรับว่าผู้ชายดีๆในโลกนี้มีน้อยมาก (ด้วยหลายสาเหตุ/ปัจจัยที่ทราบกันดี) ก็ขอให้คิดเสียว่าถ้าเราเป็นคนดีจริงอย่างที่ตั้งปฏิภาณไว้
    สักวันหนึ่งโชคชะตาคงพาไปพบคนดีแน่นอน แต่จะช้า/เร็วคงบอกได้ยาก

    ก็ขอให้หมั่นรักษาความดีแห่งตนเองไว้ เพราะขึ้นชื่อว่าเพชรแท้สักวันต้องมีเรือนทองมารองรับ ครับ :cool:
     
  5. พงษ์สนั่น

    พงษ์สนั่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    288
    ค่าพลัง:
    +336
    ผมอยู่ในกำลังใจที่ไม่ได้ ละกาม แต่ผมก็เห็นโทษของการอยู่ร่วมกันระหว่าง ชาย/หญิง
    หากเราคิดจะประพฤติพรหมจรรย์ ผมมองว่าเป็นการประมาทเกินไปเพราะสตรีเป็นข้าศึก
    ต่อพรหมจรรย์ชาย และชายก็เป็นข้าศึกต่อพรหมจรรย์หญิง และขนาดกำลังใจดำๆแบบผม
    เมื่อเห็นสตรีที่ตั้งใจจะประพฤติพรหมจรรย์หรือผ้าขาว ผมยังต้องแสดงความยินดีกะเขา
    และทิ้งระยะห่างไว้เพื่อความเหมาะสม แล้วระดับผู้ชายที่ถือพรหมจรรย์เขาจะมา
    เสนอแนะคุณหรอว่ามาอยู่ประพฤติพรหมจรรย์กันใหม ในทางกลับกันเขาจะทิ้งระยะห่าง
    ซะไกลเลยแล้วสำรวมอินทรีย์ด้วยความระมัดระวังในข้าศึกที่มีต่อพรหมจรรย์เขา
    คุณนวลปรางก็ลองใตร่ตรองดูดีๆนะ
     
  6. Tanakorn

    Tanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +1,537
    คนดีย่อมพบกับคนดี

    บุญบารมีสูง ย่อมได้คู่บุญบารมีที่เสมอกันสักวัน
     
  7. chattrg

    chattrg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    4,337
    ค่าพลัง:
    +13,239
    ขอให้เจอคู่แท้
    มีธรรมะเสมอกัน ครับ

     
  8. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    ดูประวัติ นางวิสาขา มหาอุบาสิกา ครับ...

    ทุกเรื่องในโลก มีคำตอบในพระไตรปิฏก
    อยู่ที่ว่า เราจะค้นไปจนเจอหรือไม่เท่านั้น

    แล้วเมื่อรู้แล้ว จะทำอย่างไรต่อไปกับชีวิตตนเอง
     
  9. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    46,931
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,043
    พระมหากัสสปะเถระ
    ท่านพระมหากัสสปะ เป็นบุตรกปิลพราหมณ์ กัสสปโคตร ในบ้านมหาติฏฐะ จังหวัดมคธรัฐ มีชื่อว่า ปิปผลิ เรียกตามโคตรว่ากัสสปะ พออายุครบ ๒๐ ปี ได้ทำการอาวาหมงคล (แต่งงาน) กับนางภัททกาปิลานี อายุ ๑๖ ปี เป็นบุตรีพราหมณ์โกสิยโคตร เมืองสาคละ จังหวัด มคธรัฐ พราหมณ์ผู้เป็นบิดา พร้อมกับนางพราหมณีผู้มารดา ก็ปรึกษากันหาภรรยาให้แก่บุตรของตน จึงมอบสิ่งของมีเงินและทอง เป็นต้นให้แก่พราหมณ์ ๘ คน แล้วส่งไปเพื่อให้แสวงหาหญิงที่มีลักษณะดีงาม มีฐานะเสมอกันกับสกุลของตน พราหมณ์ทั้งแปดคน รับสิ่งของทองหมั้นแล้วก็เที่ยวแสวงหาไปจนกระทั่งถึงเมืองสาคละ

    ในพระนครนั้น มีธิดาของพราหมณ์โกสิยโคตรคนหนึ่ง ชื่อว่า ภัททกาปิลานี อายุ ๑๖ ปี รูปร่างสะสวยงดงามสมกับเป็นผู้มีบุญ พราหมณ์เหล่านั้นครั้นได้เห็นแล้ว จึงเข้าไปสู่ขอกับบิดามารดาของนาง เมื่อตกลงกันแล้วจึงมอบสิ่งของทองหมั้น กำหนดวันอาวาหมงคล และส่งข่าวให้กปิลพราหมณ์ได้ทราบ ส่วนปิปผลิมาณพเมื่อได้ทราบดังนั้น ไม่ได้มีความประสงค์ที่จะแต่งงานเลย จึงเข้าไปในห้องเขียน จดหมายบอกความประสงค์ของตนให้นางทราบ "นางผู้เจริญ จงได้สามีที่มีชาติและโคตร โภคสมบัติเสมอกับนาง อยู่ครอบครองเรือน เป็นสุขเถิด ฉันจักออกบวช ต่อไปภายหลังนางจะได้ไม่ต้อง้ดือดร้อน" ครั้นเขียนเสร็จแล้ว มอบให้คนใช้นำไปส่ง แม้นางภัททกาปิลานี ก็มีความประสงค์เช่นเดียวกัน จึงได้เขียนจดหมายเช่นนั้นให้คนใช้นำมา คนถือจดหมายทั้งสอง มาพบกันระหว่างทาง ต่างไต่ถามความ ประสงค์ของกันและกันแล้วจึงฉีกจดหมายออกอ่าน แล้วทิ้งจดหมายฉบับนั้นเสียในป่า เขียนจดหมายมีเนื้อความ แสดงความรักซึ่งกัน และกันขึ้นมาใหม่แล้วนำไปให้คนทั้งสอง

    ครั้นกาลต่อมา การอาวาหมงคลเป็นการสำเร็จเรียบร้อย โดยคนทั้งสองไม่ได้มีความประสงค์ สักแต่ว่าอยู่ร่วมกันเท่านั้น ไม่ได้ถูก ต้องกันเลย แม้จะขึ้นสู่เตียงนอนก็ไม่ได้ขึ้นทางเดียวกัน ปิปผลิมาณพขึ้นข้างขวา นางภัททกาปิลานีขึ้นข้างซ้าย เมื่อเวลานอนตั้งพวง ดอกไม้สองพวงไว้กลางที่นอน เพราะกลัวร่างกายจะถูกต้องกัน ถึงกลางวันก็ไม่ได้มีการหัวเราะยิ้มหัวต่อกันเลย เพราะฉะนั้นจึง ไม่มีบุตรหรือธิดาด้วยกัน สกุงของสามีภรรยาคู่นี้มั่มีมาก มีการงานเป็นบ่อเกิดแห่งทรัพย์มาก มีคนงานและพาหนะสำหรับใช้งานก็มาก ครั้นต่อมาบิดามารดาเสียชีวิต ปิปผลิมาณพได้ครองสมบัติ ดูแลการงาน สืบทอดจากบิดามารดา สามีและภรรยาต่างก็มีความเห็นร่วม กันว่า ผู้อยู่ครองเรือนต้องคอยนั่งรับบาปเพราะการงานที่ผู้อื่นทำไม่ดี จึงมีใจเบื่อหน่าย พร้อมใจกันจะออกบวช ได้แสวงหาผ้ากาสายะ ถือเพศเป็นบรรพชิต ออกบวชมุ่งหมายเป็นพระอรหันต์ในโลก สะพายบาตรลงจากปราสาทหลีกหนีไป ปิปผลิเดินหน้า นางภัททกาปิลานี เดินหลัง พอถึงทางแยกแห่งหนึ่งจึงแยกจากกัน ปิปผลิเดินไปทางขวา ส่วนนางภัททกาปิลานีเดินไปทางซ้าย จนบรรลุถึงสำนักของ นางภิกษุณี ภายหลังได้บวชเป็นนางภิกษุณี และได้บรรลุพระอรหัตตผล ส่วนปิปผลิเดินทางไปพบสมเด็จพระบรมศาสดา ซึ่งประทับ อยู่ที่ใต้ร่มไทร ซึ่งเรียกว่า พหุปุตตนิโครธ ในระหว่างกรุงราชคฤห์และเมืองนาลันทาต่อกัน มีความเลื่อมใสเปล่งวาจาประกาศว่า พระศาสดาเป็นครูของตน ตนเป็นสาวกของพระศาสดา

    พระศาสดา ทรงอนุญาตให้เป็นภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ด้วยการประทานโอวาท ๓ ข้อว่า
    ๑. กัสสปะ เธอพึงศึกษาว่า เราจักเข้าไปตั้งความละอายและความเกรงใจไว้ในภิกษุที่เป็นผู้เฒ่าและปานกลางอย่างดีที่สุด
    ๒. เราจักฟังธรรมซึ่งประกอบด้วยกุศล เราจักตั้งใจฟังธรรมนั้นแล้วพิจารณาเนื้อความ
    ๓. เราจักไม่ละสติ ที่เป็นไปในกาย คือพิจารณาเอาร่างกายเป็นอารมณ์

    ครั้นประทานโอวาท แก่พระมหากัสสปะอย่างนี้แล้วเสด็จหลีกหนีไป ท่านพระกัสสปะได้ฟังพุทธโอวาทแล้ว ก็เริ่มบำเพ็ญเพียร ในวันที่ ๘ นับจากวันที่อุปสมบทมา ก็ได้สำเร็จพระอรหัตตผล ตามปกติท่านพระมหากัสสปะนั้นถือธุดงค์ ๓ ข้อ คือ ถือทรงผ้าบังสุกุล จีวรเป็นวัตร ถือเที่ยวบิณฑบาตเป็นวัตร และถืออยู่ป่าเป็นวัตร ด้วยเหตุนั้นพระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องว่า "เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ผู้ทรงธุดงค์" อานิสงส์แห่งการถือธุดงค์ของท่านมีปรากฏดังนี้ คืทอ สมัยหนึ่ง พระบรมศาสดาเสด็จประทับอยู่ ณ พระเวฬุวัน ทรงรับสั่ง ให้ท่านเลิกการธุดงค์ ท่านไม่ยอมเลิก แล้วแสดงคุณแห่งการถือธุดงค์ ๒ ประการ คือ
    ๑. เป็นการอยู่เป็นสุขในบัดนี้
    ๒. เพื่ออนุเคราะห์ประชุมชนในภายหลัง จักได้ถือเป็นทิฏฐานุคติ คือ ปฏิบัติตาม

    พระบรมศาสดา ก็ประทานสาธุการว่า ดีละ ดีละ เธอปฏิบัติเพื่อประโยชน์สุขแก่ชนส่วนมาก เธอจงทรงผ้าบังสุกุลจีวร เธอจงเที่ยว บิณฑบาต เธอจงอยู่ในป่าเถิด ทรงสรรเสริญว่าเป็นผู้มักน้อนสันโดษ ภิกษุทั้งหลายเรียกท่านว่า พระมกากัสสปะ นอกจากนี้ท่านยัง มีคุณความดีมีพระบรมศาสดาทรงยกย่องหลายสถาน เช่น
    ๑. ทรงรับผ้าสังฆาฏิของท่านไปทรง (ห่ม) ประทานผ้าสังฆาฎิของพระองค์ให้แก่ท่าน ตรัสว่ามีธรรมเป็นเครื่องอยู่เสมอด้วย พระองค์ และทรงสรรเสริญว่า เป็นผู้มักน้อย สันโดษ ตรัสสอนภิกษุทั้งหลายให้ถือเป็นตัวอย่าง
    ๒. กัสสปะเข้าไปในตระกูล ชักกายและใจห่าง ประพฤติตนเหมือนเป็นคนใหม่ ไม่คุ้นเคย ไม่คะนองกาย วาจา ใจในตระกูล เป็นนิตย์ จิตไม่ข้องอยู่ในตระกูลเหล่านั้น เพิกเฉยแล้วตั้งจิตเป็นกลางว่า ผู้ใคร่ลาภก็จงได้ลาภ ผู้ใคร่บุญก็จงได้บุญ ตนได้ลาภแล้วมีใจฉันใด ผู้อื่นก็มีใจฉันนั้น
    ๓. กัสสปะมีจิตประกอบไปด้วยเมตตากรุณา ในเวลาแสดงธรรมแก่ผู้อื่น
    ๔. ทรงสั่งสอนภิกษุให้ประพฤติชอบ โดยยกเอาท่านพระมหากัสสปะเป็นตัวอย่าง

    ท่านพระมหากัสสปะ นั้นดีแต่ในการปฏิบัติ หาพอใจในการสั่งสอนภิกษุสหธรรมิกไม่ ธรรมเทศนาอันเป็นอนุสาสนีของท่านจึงไม่มี คงมีแต่ธรรมภาษิตเนื่องมาจากธัมมสากัจฉา (การสนทนากันในเรื่องธรรมะ) กับเพื่อนสาวกบ้าง กล่าวทบทวนพระพุทธดำรัสบ้าง ในขณะพระบรมศาสดายังทรงพระชนม์อยู่ ดูท่านจะไม่เด่นนัก เป็นเพียงพระสาวกผู้ใหญ่รูปหนึ่งเท่านั้น มาปรากฏเป็นพระสาวก สำคัญเมื่อพระบรมศาสดาทรงปรินิพพานแล้ว คือ ในเวลานั้นท่านเป็นพระสังฆเถระ พอถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระแล้วได้ ๗ วัน ท่านประชุมสงฆ์เล่าถึงการที่ภิกษุชื่อว่า สุภัททะ ผู้บวชเมื่อแก่ กล่าวคำมิดีมิชอบต่อพระธรรมวินัยในคราวเมื่อเดินทางจากปาวานคร ปรึกษาหารือในทางที่จะทำสังคายนา รวบรวมพระธรรมวินัยตั้งไว้เป็นแบบฉบับ พระสงฆ์ก็ยินยอมเห็นพร้อมด้วย ท่านจึงเลือกภิกษุผู้ทำสังคายนาได้ ๕๐๐ องค์

    การทำสังคายนาในครั้งนั้น ทำที่ถ้ำสัตตบรรณคูหา แห่งเวภารบรรพต กรุงราชคฤห์ พระมหากัสสปะเป็นประธาน ได้พระอุบาลี และพระอานนท์เป็นกำลังสำคัญในการวิสัชนาพระวินัย พระธรรม (พระสูตร และพระอภิธรรม) ตามลำดับ ได้พระเจ้าอชาตศัตร ูเป็นศาสนูปถัมภก ทำอยู่ ๘ เดือนจึงสำเร็จ เรียกว่า ปฐมสังคายนา เมื่อท่านทำสังคายนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้อยู่ที่พระเวฬุวนาราม ในกรุวราชคฤห์ ไม่ประมาท ปฏิบัติธรรมเป็นนิตย์ ดำรงชนมายุสังขาร ประมาณได้ ๑๒๐ ปี ท่านก็ปรินิพพาน ณ ระหว่างกลาง กุกกุฏสัมปาตบรรพตทั้ง ๓ ลูก ในกรุงราชคฤห์

    ����ѵԾ�оط���ǡ - Dhammathai.org
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. ros

    ros เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +218
    ดีใจมากที่เจอกระทู้นี้เพราะดิฉันก็มีปัญหาเรื่องนี้เหมือนกัน เพราะสามีเจ้าชู้มากเราจึงหมดอรมณ์ในเรื่องเพศฝักใฝ่ในเรื่องธรรมะแต่ตอนนี้สามีป่วยทั้งกายและิต ดิฉันดูแลให้จนถึงป้อนนำ้ป้อนเข้า อาบนำ้ ดิฉันก็รู้ว่ามีความสุขดี ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ก็จะดูแลกันจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง แต่เมื่อเวลาเขาเกิดอารมณืขึ้นมาเขาชอบทำตาหวานและกรุ้มกริ่ม พยายามมาลูบไล้ ดิฉันจักกะจี้และรำคาญ และพยายามสอนเขาว่าให้คิดถึงในสิ่งที่ดีๆ เขาก็จะโกรธทำหน้าตาเครียด ดีที่หมอให้ยาปรับอารมณ์มา ไม่งั้นถ้าจะโดนอีกหลาย ทำไมคนป่วยถึงได้คิดเรื่องนี้ได้คะ ขนาดเดินก็ยังไม่ค่อยไหวเลย จะทำยังไงดิฉันก็ยังเป็นปถุชนอยู่ยามที่เขาป่วยดิฉันเต็มใจดูแลเขาตลอด แต่เวลาเขามีอารมณ์ขึ้นมา ดิฉันก็เกลียดเขามาก มีใครแนะนะให้บ้างค่ะช่วยด้วยเถอค่ะ งานบ้านก็ต้องทำ เงินก็ต้องหาใช้ ไหนจะต้องมาดูคนป่วยอีก ถ้าคนป่วยไม่มีอารมณ์นี้เกิดขึ้นดิฉันก็สู้ไหวค่ะ
     
  11. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,947
    อยู่โดยไม่มีคู่น่าจะสร้างบารมีด้านเนกขัมมะได้ดีกว่านะ หากรักทางนี้จริงๆ
    ชีวิตคนโสดก็เป็นทางสะดวกอยู่แล้ว จะหาภาระใส่ตัวทำไม ทำตนให้วุ่นวายทำไม
     
  12. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +2,226
    รู้จักคำว่าเพื่อนมั้ย? เพื่อนสนิท?
     
  13. Tanakorn

    Tanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +1,537
    อยู่ตัวคนเดียวดีที่สุด สัปปายะ
     
  14. TheVisionMind

    TheVisionMind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2014
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +2,226
    ผมเพิ่งมาค้นพบว่า ทุกคนต้องการที่พึ่ง
    แม้แต่คนที่ชอบอยู่ตัวคนเดียวก็ตาม ก็ยังต้องการพึ่งพระธรรม

    ดังนั้น ถ้ายังอยู่กับโลก ก็ต้องผลัดการเป็นที่พึ่งให้กันและกัน
    ชีวิตก็ดำเนินผ่านพ้นอุปสรรคระหว่างทางต่างๆ ไปได้
     
  15. พามมะวดี

    พามมะวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,857
    ที่ว่าสนใจธรรมะนั้น
    สนใจธรรมะใน ระดับไหนเอยยยย..........

    ถ้าเส้นทางธรรมของฆารวาส ที่เป็นแนวๆนักภาวนา
    มุ่งตรงไม่กลับมาเกิดอีกนั้น ไม่มองผู้ชาย
    จิตใจต้องแน่วแน่เด็ดเดี่ยวพอสมควร
    ยืนด้วยลำแข้งของตนเองให้มากที่สุด


    "ตน-เป็น-ที่-พึ่ง-แห่ง-ตน "

    -----------------------------------
    มีเพื่อนคู่นึงสนใจธรรมะทั้งคู่ แต่งงานกัน ต่างคนต่างมุ่งที่จะบวช
    ต่างฝ่ายต่างทำงานเก็บเงินเพื่อให้พ่อแม่ของตน
    ตั้งเป้าว่าให้เงินพ่อแม่ถึงระดับที่พ่อแม่ไม่ลำบากแล้ว จะบวช
    ทั้งสองคนนี้ยังคงทำงานและปฏิบัติธรรม
    เรานี้ได้พบคู่นี้ที่วัดเสมอๆ เมื่อเข้าวัด สามีแยกไปเป็นอุบาสก
    ภรรยาแยกไปเป็นอุบาสิกา การใช้ชีวิตอยู่ที่บ้าน จะแยกกันนอน
    คู่นี้มีความตั้งใจที่จะบวชมาก จิตใจงดงามด้วยกันทั้งคู่

    นี้คือคู่ที่เราได้เห็นว่ามีแบบนี้

    -----------------------------------
    ขอให้ประสบแต่ความสุข พบคู่ที่ตรง Spec
    สมปรารถนาค่ะ
     
  16. ros

    ros เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +218
    เมื่อไหร่เราจะมีวาสนาแบบนี้มั่งหนอ
     
  17. พามมะวดี

    พามมะวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,857

    ---------------------
    : )
     
  18. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ไม่อยากมีเซ็กส เพราะเห็นว่าไม่จำเป็นต่อการพ้นทุกข์ นวลอยากมีคู่บารมีมาร่วมบุญด้วย ไม่อยากสร้างบุญไปนิพพานคนเดียว เช่น ใส่บาตรคนเดียว ไม่มีคนคุยธรรมะ อยากมีคู่ที่มีส่วนร่วมในทุกอย่างของชีวิตเรา งานที่เราทำ กิจวัตรของเรา อยากมีคนมาร่วมทุกข์ร่วมสุข ร่วมยินดีเมื่อเราประสบความสำเร็จ ฯลฯ อาจมีเซ็กสบ้างถ้าอีกฝ่ายต้องการ เพราะนวลยังไม่ใช่พระอนาคามี แต่ใจนวลรุ้สึกว่า เมื่อเรารักปรารถนาดีต่อกัน เป็นมิตรกัน ไม่ทิ้งกัน เราสามารถหาความสุขร่วมกันจากสิ่งอื่นได้ ที่ไม่ใช่เซ็กส ทุกคนลองย้อนถึงสมัยวัยรุ่นสิคะ เวลาชอบใคร แค่คิดถึงเค้า ทำอะไรก้อแฮปปี้ไปหมด ที่เค้าเรียกว่าช่วงโปรโมชั่น คือนวลค่อนข้างโรแมนติก แน่นอนว่าร่างกายคนเรามีแต่สิ่งเน่าเหม็น แต่การมีคู่ชีวิตที่ดีจะทำให้เราไปถึงจุดมุ่งหมายได้อย่างมีความสุขมากขึ้นสำหรับนวล นวลอยากออกแบบให้ชีวิตคู่ของตัวเองเต็มไปด้วยเรื่องราวเซอร์ไพรส์ตลอดเวลา แต่มีหลักการครองเรือนโดยยึดธรรมะเป็นแก่น
     
  19. โมทนาman

    โมทนาman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    5,665
    ค่าพลัง:
    +6,165
    นิพพานต้องไปคนเดียวนะ
    อิอิ
     
  20. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,293
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ลุงสาม. พระโสดาบันมีความรักได้ค่ะ ^@^ คิคิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...