มีนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งวิชาการ อยากถามคนปฏิบัติธรรมอย่างเราในภาษาวิทยาศาสตร

​

.
มีนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งวิชาการ อยากถามคนปฏิบัติธรรมอย่างเราในภาษาวิทยาศาสตร์ ถามแบบวิทยาศาสตร์มาก้อตอบวิทยาศาสตร์กลับ และผมเห้นว่ามีประโยชน์เลยก้อปมา
.
สิ่งที่ไม่มีชีวิตก่อเกิดสิ่งที่มีชีวิตได้มั้ย ถ้านักวิทยาศาสตร์จะตอบว่าได้
- เหมือนหนอนเกิดจากสิ่งเน่าเสีย
- เหมือนเกิดสัตว์เซลล์เดียวที่เกิดในตอนที่โลกใบนี้มีทะเลใหม่ๆและสัตว์เซลเดียวเหล่านั้นก้อวิวัฒนาการเป้นสัตว์หลายชนิดในปัจจุบัน
.
.
แต่จริงๆแล้วในเอกภพนี้มันไม่มีสิ่งมีชีวิตหรอก
1 เอกภพก่อเกิดพลังงานที่เสียดสีกันจนระเบิด(big bang)
2 พลังงานที่เคลื่อนจากระเบิดจับกันเป้นก้อนกลายเป้นสสารน้อยใหญ่ สสารใหญ่ก้อกลายเป้นดาว หลายดาวลอยมาโคจรไกล้กันเป้นกลุ่มหลายกลุ่ม กลายเป้นจักรวาลหลายจักรวาล แต่จักรวาลก้อลอยออกห่างกัน สสารที่ยังเหลือก้อกลายเป้นเศษฝุ่นจักรวาล พลังงานที่ไม่จับกลุ่มเป้นสสารก่อยังคงเป้นพลังงานยุ
(อ้าว สรุปว่าสสารก่อเกิดจากพลังงานรึเนี่ย ใช่ครับ อะตอมคือส่วนเล้กสุดของสสาร ลองแยกส่วนอะตอมของสสารดูสิ อะตอมที่ถุกแยกส่วนจะกลายเป้นพลังงาน เคยมีการทดลองละในวิชาควอนตั้มฟิสิก)
3 เวลาผ่านไปหลายล้านปี ในหนึ่งจักรวาลก้อมีหลายดาวที่มีสสารที่เป้นของแข็ง อากาศ ความชื้น อุณหภูมิที่พอเหมาะและพลังงาน ทั้งหมดจะทำปฏิกิริยากันจนก่อกำเนิด"สิ่งที่เหมือนมีชีวิต"ขึ้นมา เพราะสิ่งที่ไม่มีชีวิตจริงๆแล้วมันก่อเกิดสิ่งมีชีวิตไม่ได้หรอก อย่างมากสิ่งที่ไม่มีชีวิตก้อก่อเกิด"สิ่งที่เหมือนมีชีวิต"เท่านั้น
4 สิ่งที่เหมือนมีชีวิตก้อก่อเกิดการขยายพันธ์เรื่อยมา จนเกิดเป้นลูกหลานหลายรุ่นของสิ่งที่เหมือนมีชีวิตนั้น
5 มาเจาะลึกแค่สิ่งที่เหมือนมีชีวิตที่ประกอบด้วยกายจิต
จิตก้อคือพลังงาน กายก้อคือสสาร ทั้งพลังงานทั้งสสารมันเป้นสิ่งไม่มีชีวิต แต่กายจิตที่เป้นสิ่งไม่มีชีวิตนั้น ก้อทำงานร่วมกันเหมือนว่ามีชีวิต
6 จนมาถึงสิ่งที่เรียกว่าตัวเรานิละ ก้อประกอบด้วยกายจิตเหมือนกัน จิตก้อคือพลังงาน กายก้อคือสสาร ทั้งพลังงานทั้งสสารมันก้อเป้นสิ่งไม่มีชีวิตยุละ แต่กายจิตที่เป้นสิ่งไม่มีชีวิตนั้นก้อทำงานร่วมกันเพื่อเล่นไปตามบทเหมือนว่ามีชีวิต จนเหมือนว่าตัวเรามี
.
กายจิตที่เป้นสิ่งไม่มีชีวิตแต่เล่นไปตามบทเหมือนว่าตัวเรามี

 

รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา

 

สิ่งที่เป้นตัวเราไม่มี มีแต่สิ่งที่เล่นไปตามบทเหมือนว่ามีชีวิต แล้วถุกเรียกว่าตัวเรา

 

อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา
บัณฑิตย่อมฝึกฝนตนเอง

อตฺตาหิ อตฺตโน นาโถ
ตนแล เป็นที่พึ่งแห่งตน

อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย
ชนะตนเองนั่นแหละดี​

แปลว่า พุทธศาสตร์ บอกตัวเรามี แล้วบอกบทให้ผู้มีตัวตนทั้งหลายได้ทำมากมาย เพื่อความดับทุกข์นัยตัวตนจ้า .... แปลต่อไปว่า... ถ้าเชื่อวิทยาศาสตร์ ก็พึงทำไปตามนั้น ถ้าเชื่อพุทธศาสตร์ ก็พึงทำไปตามนี้แล....

 

ผมเชื่อทั้งสองแหละ ว่าแต่ท่านมีเฟสปะ ขอแอดหน่อย
ผม wasan piromrat