เรื่องเล่า ตื่นนอน ตอนสายๆ

ขอบพระคุณมากค่ะ คุณหมอสุวิ ;41

 

เทียนพรรษา

ดิฉันศิรธัสสรณ์ นอยเฮ้าส์ ขอร่วมบุญเทียนพรรษา 1 คู่ เป็นจำนวณเงิน 750 บาท
ขออานิสงค์ของบุญนี้จงตามติด ติดตามข้าพเจ้าไปทุกภพทุกชาติ คิดหวังในหน้าที่การงานขอให้สมความปรารถนาและไม่มีอุปสรรค อย่าให้มีโรคภัยไข้เจ็บให้ต้องทนทุกข์ทรมาณ ขอให้ชีวิตตั้งแต่นี้ต่อไปมีแต่ความสุขความเจริญตราบสิ้นอายุขัยด้วยเทอญ

 

สาธุค่ะ เดี๋ยวจะรวบรวมรายชื่อและทำแจ้งไว้หน้าเว็บนะคะ (หากว่ามีหลายๆ คนนะคะ 555)

 

ขออนุญาตขึ้นข้อความซ้ำอีกครั้งนะคะ

เพื่อนกะทิเธอฝากมาบอกว่า โครงการนี้จะปิดรับร่วมทำบุญในวันอังคารที่ 5 ก.ค. 2559 ค่ะ

ผู้ใดสนใจทำบุญเจริญพระพุทธศาสนาในถิ่นไกล ขาดแคลน ก็เชิญร่วมกุศลตามแต่จิตศรัทธานะคะ

เราขอบคุณแทนเพื่อนของเราด้วยค่ะ

 

กะทิเธอ ขอกล่าว "สาธุ" กับคุณ ศิรธัสสรณ์ นอยเฮ้าส์ และ วันเพ็ญ ชัยเขื่อนขันธ์ ที่ได้ร่วมถวายเทียนพรรษา ต่ออายุเจริญพระพุทธศาสนากันค่ะ

กะทิเธอไม่ได้ไปร่วมภายในงานบุญครั้งนี้ด้วย แต่เพื่อนก็ส่งรูปมาให้ ไปดูภาพบรรยากาศในงานถวายเทียนพรรษากันค่ะ

ปล.เพื่อนสนิทและน้องเขยของเพื่อนกะทิเธอ ทั้ง 2 คนนี้ เป็นคนชอบถ่ายภาพค่ะ ภาพที่พวกเขาถ่าย จึงออกมาสวย ด้วยมุมมองการถ่ายภาพของเขา พวกเขาสนุกกับการถ่ายภาพมาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ปลายแล้ว ฝีมือดีทั้งคู่ค่ะ

 

ขออนุญาตคัดลอกธรรมทาน เรื่องการสวดมนต์ให้พ่อ แม่
ไปpost ให้ในกลุ่มไลน์ ได้ใหมคะคุณกะทิ

โมทนาสาธุค่ะ
สุชาดา

 

เมื่อปีที่แล้วได้ชักชวน ให้ทุกๆท่านร่วมกันสวดพระรัตนปริตร เพื่อระงับภัยพิบัติ
และเราก็ผ่านช่วงนั้นมาได้
วันนี้ มีร่องรอยหลายอย่างที่หมอสุวิสัมผัสเจอ
เบ็ญจภูติ คราวนี้มาทั้งขาวและดำ สลับกันมาท่องเที่ยวในเมือง แบบเที่ยวทั่วไทย โดยเฉพาะแถวๆภาคใต้ มีค่อนข้างหนาแน่น
และคราวนี้หมอกลับพบพวกเขาเจาะจง ลงมือกับพวกพระภิกษุเป็นพิเศษในหลายๆวัด หลายๆพื้นที่

หมอจึงมาชวนพวกท่าน สวดพระปริตรนี้กันอีก

https://youtu.be/kfN9j-s9ZUg (แบบคาราโอเกะ ง่ายหน่อย)
https://youtu.be/V5u9RAr4hHw รัตนสูตรขับโดยคนอินเดีย

 

นี่คืออีกคาถาหนึ่งสำหรับพวกเราใช้ภาวนา เพื่อปกป้องภัยภิบัติต่างๆ

พระครูวิลาศกาญจนธรรม(หลวงพ่อเล็ก สุธัมมปัญโญ)
วัดท่าขนุน วันที่ 09/07/59
เมื่อวันดังกล่าว หลวงพ่อทำพิธีเป่ายันต์เกราะเพชร และเล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง

พระอาจารย์กล่าวว่า " ท่านที่รับขุนแผนเกราะเพชรไปแล้ว
คาถาปลุกพระ อาตมาอุตสาห์ศึกษามาจากสายหลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว
ก็คือพระคาถาหัวใจขุนแผน หนุนด้วยธาตุ ๔ แต่ปรากฏว่าใช้งานไม่ได้

พระท่านให้ใช้พระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วยนะโมพุทธายะ ก็คือ
อิติปาระมิตาติงสา
อิติสัพพัญญูมาคะตา
อิติโพธิมะนุปปัตโต
อิติปิโสจะเตนะโม (ต่อด้วย)
นะโมพุทธายะ

ปีนี้ภัยธรรมชาติของบ้านเราจะรุนแรง โดยเฉพาะเรื่องของน้ำท่วม สามารถขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ให้ผ่อนจากหนักเป็นเบาได้ ด้วยการภาวนาพระคาถานี้ไว้ทุกวัน อธิษฐานภาพพระให้ครอบตัวเรา หรือว่าบ้านเรือนของเรา หรือว่าคนในครอบครัวของเราเอาไว้ทุกวัน

ภัยธรรมชาติเหล่านี้จะว่าไปแล้ว ก็เกิดจากกรรมเก่าในอดีตที่พวกเราได้สร้างเอาไว้ ถึงเวลาแล้วตามมาทัน ก็เหลืออยู่อย่างเดียวก็คือผ่อนหนักให้เป็นเบาเท่านั้น โดยเฉพาะญาติโยมที่บ้านเรือนอยู่ปักษ์ใต้ ปีนี้ให้ระมัดระวังเรื่องน้ำท่วมให้จงหนัก ถ้าเป็นอาตมาเอง สักปลายกันยาต้นตุลา จะย้ายหนีไปอยู่ที่อื่นชั่วคราว อยากจะท่วมก็ท่วมบ้านไปว่างั้น

อย่าลืมที่พระท่านสั่งไว้นะจ๊ะ ให้ภาวนาพระคาถาบารมี ๓๐ ทัศ ต่อด้วยนะโมพุทธายะ อธิษฐานภาพพระครอบตัวเรา หรือบ้านเรือนของเรา หรือว่าครอบครัวของเราไว้ทุกวัน เราจะผ่อนหนักเป็นเบาหรือจากเบาเป็นหายได้ขนาดไหน ก็ขึ้นอยู่กับสมาธิจิตของเราและความเลื่อมใสในคุณพระศรีรัตนตรัย

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสามารถบอกกล่าวกันได้ทุกครั้ง บางอย่างถึงท่านบอกมาอาตมาก็ไม่สามารถจะบอกต่อได้ บางอย่างท่านบอกมาร้อยนึงสามารถบอกได้แค่สิบ ยี่สิบเท่านั้น เพราะว่าเกี่ยวเนื่องด้วยวาระกรรมของคนหมู่มาก และเป็นเช่นนั้นท่านทั้งหลายที่มีโอกาสได้รับรู้รับทราบ ก็แปลว่าถึงกรรมของเราจะหนัก ก็มีโอกาสผ่อนหนักเป็นเบาได้ แต่ว่าต้องขยันภาวนาเอาไว้ทุกวัน

อาตมาก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าอยู่ๆ ลิ้นแตกพูดไม่ชัด อาจจะเป็นเพราะไม่อยากให้บอกใครก็ได้

 

นิทานพลังอธิษฐานของกะทิ ตอน ต้องธรณีสารกับแม่และผู้อุปถัมภ์ เพียงเพราะการใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปให้


(ทั้งหมดที่เกิดจากการเขียนเล่านิทานเรื่องนี้ทั้งปวง มีเหตุเพื่อเป็นธรรมทาน บุญใดหากบังเกิดขึ้นจากการที่ข้อเขียนนี้เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน ข้าพเจ้าขอน้อมถวายบูชาบุญนี้นั้นแด่องค์ผู้มีพระภาคเจ้าในพระพุทธศาสนา และขอบุญที่น้อมถวายบูชาเป็นไปเพื่อการขอขมากรรมต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ กฏแห่งกรรม และแม่ แม่ป้า(แม่บุญธรรมของข้าพเจ้า ) ฯลฯ ที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินไว้ด้วยความโกรธไม่พอใจทั้งปวง ขออาถรรพ์แห่งธรณีสารที่ติดอยู่ ในธาตุ และขันฑ์ ทั้งรูปและนามของข้าพเจ้า จงเป็นโมฆะ และสลายไปเถิด)


นอกจากกะทิเธอจะมีแม่เคยเลี้ยงดูในวัยทารกแล้ว ก็ยังมีแม่บุญธรรมที่อุ้มชูกะทิ แม่บุญธรรมมีอาชีพที่ต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศบ่อย เมื่อ 40 ปีก่อนนั้น อะไรๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคมนาคมการสื่อสารระหว่างประเทศเป็นเรื่องไกลตัว ดังนั้นสินค้าต่างๆ แทบทุกอย่างจากต่างประเทศเป็นอะไรที่แปลกและน่าลองในสายตาคนไทย ในช่วงนั้นสิ่งที่แม่บุญธรรมมองเห็น ก็จะเป็นอะไรๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก รวมไปถึงของใหม่อย่างผ้าอ้อมสำเร็จรูป


หากใครได้เคยไปดูงานโรงงานผ้าอนามัยในปัจจุบัน จะได้ข้อคิดว่า ผ้าอนามัยทั้งผืนล้วนมีกระบวนการผลิตมาจากพลาสติก ดังนั้นยิ่งเป็นผ้าอ้อมทารก จึงแทบไม่ต้องพูดถึงว่าจะทำมาจากอะไรบ้าง และยิ่งเป็นเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ก็ยังไม่ต้องพูดถึงว่าผ้าอ้อมสำเร็จรูปมันจะเป็นยังไง?


ผลที่ตามมาจากความทันสมัย โดยเฉพาะสินค้าที่เขามีใช้กันในเมืองหนาว ถูกซื้อนำมาใช้ในเมืองร้อนคือ อาการแพ้ผื่นผ้าอ้อม แต่เพราะความทันสมัยที่ไม่เหมือนใครในความคิดของแม่ ทำให้ดูว่าลูกของฉันโก้เก๋ ลูกของฉันน่ารักไหม? ช่วยดึงดูดสายตาคนทั่วไปอีกนั่นแหละ ที่อาจทำให้แม่ยังคงใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่แม่บุญธรรมซื้อมาให้ด้วยความหวังดีล้วนๆ นี่คือสิ่งที่กะทิเธอพยายามคิดหาเหตุผลมาลบล้างความโกรธ ความไม่พอใจ ให้กับตัวเอง ให้กับแม่ และให้กับแม่บุญธรรม ในวันนี้

เหตุเพราะการใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปในเมืองร้อน เป็นอะไรที่อับชื้นและทรมานมากๆ


คำถาม : เด็กทารกอย่างกะทิเธอจะจำได้ขนาดนั้นเลยรึ?

คำตอบคือ หากผู้อ่านท่านใดเคยประสบอุบัติเหตุในวัยเด็ก เช่น เคยเอามือไปจับเตารีด ท่อไอเสียรถจักรยานยนต์ เคยถูกน้ำร้อนจัดลวกตัว ฯลฯ หรือเคยประสบเหตุอื่นๆ เช่น เคยถูกลักพาตัว เคยถูกทารุณกรรมทุบตี หรือทารุนจากเพศตรงข้าม เหตุเหล่านี้ คุณคิดว่าถ้าคุณเป็นเพียงเด็กทารกก็จริง แต่คุณจะจำมันฝังใจได้รึไม่?


ในช่วงนั้นเหตุที่กะทิเธอจำได้แม้เป็นพียงทารก เพราะเธอพยายามดิ้นหนี(อยู่ในท่านอนหงาย)ด้วยการกระดึ๊บตัว ให้ตัวของเธอพ้นจากการใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป (กระดึ๊บตัวเองออกไปจริงๆ ค่ะ) แต่ก็ยังถูกจับใส่จนสำเร็จในที่สุด อาการผื่นผ้าอ้อมถูกผลักไปที่แม่บุญธรรม ที่ไปหายาทามาจากต่างประเทศ การให้อภัยในข้อนี้ กะทิเธอให้อภัยแม่บุญธรรมอย่างง่ายดาย เพราะความรักความหวังดีของแม่บุญธรรม แต่สำหรับแม่แท้ๆ กลับเป็นเรื่องที่เธอพยายามเข้าใจในมุมมองของแม่



คำถาม : ทำไมกะทิเธอต้องเป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้อีกครั้งในวัยหลักสี่ด้วย?

คำตอบคือ อาการผื่นคันรอบทวารน้อยทวารใหญ่ ง่ามก้น ยังคงตามติดตัวกะทิเธอมาเรื่อยๆ แม้จะอายุมากไปตามวัย ไม่ว่าจะเป็นวัยเรียน วัยทำงาน และจนถึงในวัยหลักสี่แล้วนี้ อาการต่างๆ ยังคงเป็นๆ หายๆ ตามมาหลอกหลอนอย่างทรมาน เพราะอาการมันจะเป็นผื่นที่ทำให้ผิวหนังพุพองออกมา ผิวหนังเป็นผื่นเห่อ และมีอาการคันไปทั่วและมีอาการแสบร้อนร่วมด้วย เรียกว่ามีอาการคล้ายกันประมาณนี้ มากบ้าง น้อยบ้าง เป็นๆ หายๆ มาตั้งแต่วัยทารกจนถึงวัยนี้ เหมือนเป็นโรคประจำตัว แต่เธอไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร


กะทิเธอไปหาหมอที่โรงพยาบาล ด้วยอาการนี้หลายครั้งหลายครา ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ หลายครั้ง ซึ่งค่าใช้จ่ายรวมใกล้แตะหลักหมื่นแล้ว ยังดีที่ว่ามันเป็นสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลของพนักงาน เลยสามรถเดินตัวเปล่าไปพร้อมกับใบส่งตัว(พบแพทย์) และเดินออกมาจากโรงพยาบาลได้โดยไม่ต้องพกสตางค์


ส่วนหมอสุวิก็ช่วยหาทางรักษามาหลายครา แต่ยัยกะทิเธอก็ยังไม่ดีขึ้นเท่าที่ควร จนกระทั่งอยู่ดีๆ กะทิเธอนึกเรื่องนี้ขึ้นได้และเล่าถึงวัยเด็กให้หมอสุวิฟัง (ความจริงยัยกะทิเธอเคยเข้าใจผิดไปว่า ในอดีตชาติเคยไปล่วงเกินผู้คนมากมาย ด้วยการแพร่เชื้อทางเพศซะอีก เธอคิดไปซะไกล)


ประจวบเหมาะพอดีที่ในช่วงนั้นมีคนไข้ท่านหนึ่งมาปรึกษาหมอสุวิ และหมอสุวิคาดว่าคนไข้ผู้นี้ต้องธรณีสารจากการไปปัสสาวะรดกำแพงวัดแห่งหนึ่ง โดยที่บังเอิญกำแพงตรงนั้นมียักษ์ตนหนึ่งนั่งอยู่ จึงทำให้ถูกกระบองทุบหว่างขา จนต้องมาปรึกษาหมอสุวิ ในช่วงที่กะทิเธอเล่าเรื่องในวัยเด็กให้หมอสุวิฟังพอดี




ความทรมานของกะทิเธอจนทำให้รู้สึกโกรธเคือง ไม่พอใจบุพการีอยู่ลึกๆ มีอำนาจต้องธรณีสารได้เช่นนี้ จะทำอย่างไร? หมอสุวิให้กะทิเธอทำดังนี้ค่ะ

1) ใช้บุญอันควรก้อนหนึ่งในมหาสมุทรแห่งบุญของเรา นำขึ้นใส่พานบูชา ขอขมากรรมต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ กฏแห่งกรรม และแม่ แม่บุญธรรม ฯลฯ ที่ข้าพเจ้า ได้ล่วงเกินไว้ด้วยความไม่พอใจ(นึกถึงเหตุการณ์นั้น) ขออาถรรพ์แห่งธรณีสารที่ติดอยู่ ในธาตุ และขันฑ์ ทั้งรูปและนาม จงเป็นโมฆะ และสลายไปเถิด (ถ้าท่านผู้อ่านไม่เข้าใจ ไม่แน่ใจ ในเรื่องมหาสมุทรแห่งบุญ และการดึงบุญ จากมหาสมุทรแห่งบุญ มาใช้ โปรดปรึกษาแพทย์เภสัชที่มีชื่อเป็นที่รู้จักว่าสุวิเจ้าค่ะ)

2) หมอสุวิแนะนำให้ไปซื้อน้ำยาล้างเฉพาะจุดในร่มผ้ามาใช้ โดยเมื่อซื้อมาแล้ว ให้ถ่ายรูปขวดที่ซื้อมาส่งไปให้หมอสุวิใส่ยาเพิ่มเติมในขวดให้

3) หมอสุวิแนะนำให้ไปซื้อยา ครีมควอริเดริม (Quadriderm Cream) มาใช้ทา สำหรับอาการเฉพาะของกะทิเธอ หมอสุวิแนะนำว่าให้ทาในช่วงเวลาใดบ้าง โดยเมื่อซื้อมาแล้ว ให้ถ่ายรูปขวดที่ซื้อมาส่งไปให้หมอสุวิใส่ยาเพิ่มเติมในขวดให้เช่นเดียวกัน (กว่าหมอสุวิจะแนะนำครีมยาตัวนี้มา หมอได้ทำการสแกนยาทาแทบทุกตัวที่มีอยู่ในตลาด ซึ่งไม่ใช่ของง่ายที่จะจ๊ะเอ๋กับครีมยาตัวไหน จนมาปะจ๊ะกับครีมยาตัวนี้ที่ได้ผลกับกะทิเธอ และที่สำคัญคือ มันยังมีขายอยู่ในท้องตลาด เพราะจริงๆ มีอีกตัวยาหนึ่ง แต่ตลาดดันเปลี่ยนสูตรยาที่ใช้ตัวนั้นไปแล้ว ซะงั้น กลายเป็นเรื่องเดือดร้อน เป็นธุระกับหมอสุวิมิใช่น้อย กะทิเธอต้องขออภัย และขอบพระคุณหมอมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ)

4) หมอสุวิแนะนำให้สวดบทสวดมนต์พระรัตนปริตร อย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน และสวดบทสวดมนต์พระคาถาบารมี ๓๐ ทัศบทนี้บ่อยๆ ในรูปของการภวนา(พูดในใจไปเรื่อยๆ ทั้งวันทุกคราวที่มีโอกาส) เป็นเกราะป้องกันตัวประหลาดมาทำมิดีมิร้ายที่แผล

5) ข้อนี้หมอสุวิไม่ได้แนะนำ แต่กะทิเธอคิดขึ้นเองว่า ควรเล่าเรื่องฝังใจเธอ ถึงความรู้สึกลึกๆ ที่ไม่พอใจนี้กับแม่ตรงๆ >> ในขณะที่เธอคุยโทรศัพท์กับแม่นั้น แม่คงเข้าใจว่าเธอต้องการให้แม่ขอขมาและอโหสิกรรมกับกะทิเธอ ยิ่งแม่เป็นผู้นับถือคริสเตียนด้วย อาจยิ่งเข้าใจไปคนละทาง ดังนั้นกะทิเธอจึงรีบชี้แจ้งว่าไม่ใช่อย่างที่แม่เข้าใจ คนที่ผิดในเรื่องนี้คือกะทิเธอที่เคืองโกรธไม่พอใจแม่นะ กะทิเธอจึงโทรมาคุยกับแม่ เพื่อขอขมาและขออโหสิกรรมกับแม่ แม่จะอโหสิกรรมให้ได้ไหมคะ? แม่ก็พูดไม่เป็นนะคะ เพราะเธอเป็นคริสเตียน จึงตอบกลับมาสั้นๆ แค่ว่า “จ๊ะ” คือแม่บอกว่า แม่รับคำกะทิเธอตามนั้นค่ะ


นี่คือความโชคดีที่พ่อแม่ของเรายังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นท่านผู้อ่านท่านใดที่บุพการีของท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็ขอให้ถือโอกาสใดๆ ก็ตาม อุปถัมภ์ท่าน อันเป็นบุญกตัญญู ที่ช่วยให้ท่านผู้อ่านทำมาค้าขึ้น มีอาชีพเจริญก้าวหน้าไม่ตกต่ำ ช่วยให้ท่านผู้อ่านมีกำลังทรัพย์ และช่วยให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพที่ปลอดจากโรคภัยได้ค่ะ


หากท่านผู้อ่านกำลังเป็นโรคเรื้อรังบางอย่าง ลองคิดทบทวนให้ดีว่า อาจเกิดจากสิ่งใด หากเข้าข่ายตามที่กะทิเธอได้เล่าประสบการณ์มานี้ ก็ขอให้ท่านเห็นช่องทางในการรักษา และกลับมามีชีวิตที่อยู่เย็นเป็นสุขทุกท่าน ทุกคน ค่ะ

 

เพิ่งจะมาเห็นข้อความนี้นะคะ คุณ kratium

อะไรที่เป็นธรรมทาน กะทิเธอยินดีอนุญาตแชร์ได้ค่ะ เพียงแต่ช่วยใส่ที่มาของข้อความไว้ให้ด้วยว่ามาจากใคร จาที่ไหน(อ้างอิง) อะนะคะ

 

โครงการสร้างอุโบสถวัดพ่อขุนผาเมือง

เมื่อปี ๒๕๒๘ พระธรรมวราลังการ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๔-๕-๖-๗ (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดเพชรวราราม จ.เพชรบูรณ์ ได้เชิญชวนสาธุชนผู้ศรัทธา ในบวรพระพุทธศาสนา ซื้อที่ดิน จำนวน ๑๑ ไร่ ๓ งาน ๔๕ ตารางวา ตั้งอยู่ที่หมู่ ๑ บ้านตลิ่งชัน ต.ชอนไพร อ.เมืองฯ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อสร้างวัดเป็นอนุสรณ์สถานทางพระพุทธศาสนาถวายเป็นพระราชกุศลแด่พ่อขุนผาเมือง
ต่อมา เมื่อปี ๒๕๕๔ พระราชปริยัติบัณฑิต เจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ (ธรรมยุต) ได้เชิญชวนสาธุชนซื้อที่ดินทำถนนและสะพานเข้าวัดเพราะเดิมนั้นต้องเข้าทางด้านหลังวัด ปัจจุบันจึงเข้าออกทางหน้าวัดได้โดยสะดวก
ในปี ๒๕๕๕ วัดพ่อขุนผาเมือง สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต ได้รับการประกาศตั้งเป็นวัดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ (เลขทะเบียนวัด ๐๒๖๗๐๑๑๐๐๑๐)
ปัจจุบันมีเจ้าอธิการพลวัชร กิตติเมธี เป็นเจ้าอาวาส
ตั้งอยู่เลขที่ ๑๙๙ หมู่ที่ ๑ บ้านตลิ่งชัน ต.ชอนไพร อ.เมืองฯ จ.เพชรบูรณ์

อุโบสถ คือ ชื่อเรียกอาคารที่ใช้เป็นสถานที่เฉพาะสำหรับพระภิกษุสงฆ์ทำสังฆกรรม
คำว่า “อุโบสถ” เป็นการรวมความหมายของพิธีกรรมมาใช้เรียกสถานที่ซึ่งใช้ทำพิธีกรรมนั้นๆ
ขนาดและรูปแบบของอุโบสถไม่มีกำหนดไว้ในพระวินัย เพราะพระวินัยกำหนดสีมาเป็นเครื่องกำหนดขอบเขตสำหรับทำสังฆกรรมเท่านั้น

ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นไป บทบาทและความสำคัญของอุโบสถเพิ่มขึ้น จนกลายเป็นประธานหลักของวัด เพราะอุโบสถสามารถใช้สอยประโยชน์ และมีสัญลักษณ์แทนพระพุทธองค์ คือ พระประธานอีกด้วย

วัดเป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชน พระสงฆ์เป็นตัวแทนของวัด ในการแสดงบทบาทต่างๆ เป็นผู้นำทางจิตใจ เป็นศูนย์รวมแห่งความเคารพ เชื่อถือ และความร่วมมือกันให้เกิดความสามัคคีเป็นระเบียบเรียบร้อย

และเพื่อให้เป็นวัดที่สมบูรณ์ตามคตินิยมชาวพุทธ จึงได้มีโครงการก่อสร้างอุโบสถเพื่อเป็นที่ประกอบสังฆกรรมของพระสงฆ์ ตามพระวินัยและพระพุทธานุญาต และเป็นที่บำเพ็ญกุศลเจริญบุญบารมีและเจริญธรรมทั้งของพระสงฆ์สามเณร และสาธุชน พุทธบริษัท

สังคมปัจจุบันมีเรื่องราวมากมาย ส่งผลแก่ประชาชน ทั้งด้านจิตใจ ความเครียด รวมถึงพ่อแม่ที่ต้องทำงานไม่มีเวลาอบรมสั่งสอนบุตร-ธิดา วัดจึงมีบทบาทสำคัญในการสั่งสอน อบรมจิตใจ แก่ทุกๆคนในสังคม

เนื่องจาก เจ้าอธิการพลวัชร กิตติเมธี (เจ้าอาวาส) ได้เล็งเห็นความสำคัญของการอบรม ขัดเกลา จิตใจมนุษย์ โดยเฉพาะเยาวชนของชาติ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จึงมีความตั้งใจที่จะจัดสร้างอุโบสถ เพื่อประโยชน์ใช้สอยอย่างแท้จริง โดยอุโบสถจะสร้างเป็น ๒ ชั้น
ชั้นบน เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระประธาน(พระปฐมบรมพุทธรัตนศาสดา)
และประกอบสังฆกรรม
ชั้นล่าง เป็นห้องเอนกประสงค์สำหรับการบำเพ็ญบุญของญาติโยม
จัดกิจกรรมค่ายอบรมศีลธรรม จัดกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรม แก่นักเรียน นักศึกษา


งบประมาณในการสร้างอุโบสถ

งบประมาณรวม 14 ล้านบาท
งานโครงสร้าง 11 ล้านบาท
งานไฟฟ้าและตกแต่งภายใน 3 ล้านบาท

เนื่องจากการสร้างอุโบสถต้องใช้งบประมาณตามที่กล่าวมาข้างต้น แต่ทางวัดยังขาดงบประมาณอีกเป็นจำนวนมาก

จึงขอเชิญชวนท่านทั้งหลายร่วมกันทำบุญเพื่อสร้างประโยชน์ ให้แก่สังคม และช่วยสนับสนุนโครงการของท่านเจ้าอาวาสวัดพ่อขุนผาเมืองในการช่วยพัฒนาจิตใจมนุษย์ และสังคม อีกทั้งยังเพื่อเพิ่มพูนทานบารมี ในการสร้างถาวรศาสนสถานให้เคียงคู่พระศาสนาสืบไป

ผู้ใดมีจิตศรัทธา ร่วมทำบุญสร้างอุโบสถวัดพ่อขุนผาเมือง
ร่วมทำบุญโดยโอนเงินมาที่บัญชีนี้นะคะ
เลขที่บัญชี 895-2-33323-3
ธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซีอ่อนนุช
ชื่อบัญชี ชัชชลี เบญจวิทย์วิไล

และเพื่อเป็นที่ระลึกในงานบุญนี้ ผู้ร่วมทำบุญตั้งแต่ 1000 บาทขึ้นไป จะได้รับเหรียญพระปฐมบรมพุทธรัตนศาสดาเนื้อทองแดง 1 เหรียญ

ขออนุโมทนาท่านสาธุชนทั้งหลายที่ได้ช่วยขวนขวายในการกุศลครั้งนี้ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย จงอภิบาลรักษา ให้ประสบความสุข ความเจริญในทุกๆด้าน ปรารถนาสิ่งใดที่ชอบประกอบด้วยธรรม ขอให้สำเร็จโดยพลันในสิ่งนั้นทุกท่าน ทุกประการเทอญ

 

ร่วมทำบุญสร้างอุโบสถวัดพ่อขุนผาเมือง 500 บาทค่ะ โอนแล้ว 27 กย 2559

 

อนุโมทนาสาธุค่ะ

 

กะทิเธอขอยกบทความจาก ดร ณัชร สยามวาลา Nash Siamwalla, PhD มานำเสนอค่ะ

ภาพท้องฟ้าเปิดเหนือศิริราชตอนบ่ายแก่ ๆ วันที่ ๑๓ ต.ค. ๒๕๕๙ สะกิดให้คิดมุมกลับได้ว่าป่านนี้บนสวรรค์คงกำลังเฉลิมฉลองต้อนรับการเสด็จฯ กลับของพระองค์ท่านอยู่ หลังจากที่ทรงเสียสละจุติจากเทวโลกลงมาอุบัติในมนุษยโลกเพื่อทรงงานช่วยเหลือดูแลบำบัดทุกข์บำรุงสุขพวกเราอยู่ตั้งนาน

ผู้เขียนเป็นผู้รู้น้อย แต่ขอเดาจากที่เคยได้ยินมาว่า ที่เห็นฟ้าเปิดเป็นแสงสว่างส่องลงมาท่ามกลางความมืดมนนี้ก็น่าจะเป็นขบวนเทวดา(ที่ตามปกติมีรังสีสว่างมากน้อยตามกำลังบุญ)ลงมากราบบังคมทูลเชิญให้เสด็จฯ กลับสวรรค์นั่นเอง

คนไทยเรายุคปัจจุบันมีบุญมากที่ได้เกิดทันแผ่นดินของพระโพธิสัตว์ผู้กำลังสั่งสมพระบารมีเพื่อจะไปเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต ถ้ารักและอาลัยพระองค์ท่านก็พึงเจริญทาน ศีล และภาวนาบารมีตามรอยพระบาทกันเถิด

เพราะอย่าลืมว่า เพียงการอธิษฐานว่า "ขอเกิดเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป" นั้นไม่พอ แต่ต้องสร้างเหตุให้เหมาะสมที่จะได้ไปเกิดใต้เบื้องพระยุคลบาทด้วย

เหตุที่ว่านี้ คือต้องทำทั้งทาน ศีล และภาวนานั่นเอง

Cr　ไม่ปรากฏชื่อผู้ถ่ายภาพ มีผู้ส่งต่อ ๆ กันมาในไลน์ ท่านใดเป็นผู้ถ่ายภาพนี้ขอให้บอกมาด้วยนะคะ ประสงค์จะให้เครดิตท่านค่ะ

+++++++++++++

สำหรับกะทิเธอ มีความประสงค์ส่วนตัวในการตัดสัญญากรรม ไม่ว่าจะกับบิดามารดาตั้งแต่อดีตชาติเริ่มต้นถึงชาติปัจจุบัน ทั้ง 3 ภพ ของกะทิเอง ฯลฯ

ดังนั้นกับเหตุการณ์บ้านเมืองที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ กะทิเธอได้ตั้งจิต กำหนดจิตมั่น ส่งกำลังจิตหลังสวดมนต์เช้า น้อมถวายบุญแต่พระผู้ทรงธรรมแห่งแผ่นดินสยาม(พระองค์นั้นที่เป็นจริงโดยสัจจะ) น้อมกราบพระบาทท่าน กะทิก้มกราบพระบาทท่านลงไปกับพื้นเพื่อขอขมาและกราบขออโหสิกรรมตั้งแต่อดีตชาติเริ่มต้นจนถึงชาติปัจจุบัน และประสงค์ไม่ขอยึดติดตราบสิ้นกาลนานเทอญฯ

 

วันที่ 14 ธ.ค.2559 จะเป็นวันเพ็ญพุธ ซึ่งใน 1 ปี จะมีวันเช่นนี้ 1 วัน (หรืออย่างเก่ง 2 วันต่อปี) วันดังกล่าวจะเป็นวันที่หลวงพ่อปู่อุปคุต ทรงออกจากการปฏิบัติสมาธิกรรมฐาน พลังแห่งความเพียรที่ท่านทรงปฏิบัติสมาธิตลอดทั้งปี และท่านออกจาสมาธิเพียงแค่วันนี้วันเดียว จึงมีพลังแห่งความตั้งมั่นในความเพียรสูงซึ่งเป็นหนึ่งในหลายๆ บุญบารมีระหว่างการปฏิบัติสมาธิกรรมฐานนั้นของท่าน(มีมากมายหลายมิติจนข้าพเจ้าเองก็มีอาจแจกแจงได้หมด) ดังนั้นในช่วงเวลาเที่ยงคืนของวันดังกล่าว ขอให้ท่านทั้งหลาย ร่วมกันตักบาตรพระองค์หลวงพ่ออุปคุต ซึ่งสมามารถทำได้ 2 วิธีดังนี้

1.กรณีผู้ที่นั่งสมาธิ สามารถเข้าสมาธิตั้งจิตมั่นไปยังสะดือทะเล อันเป็นสถานที่ที่ท่านหลวงพ่อปฏิบัติสมาธิ และจะออกมาบิณฑบาตรภายนอกถ้ำสะดือทะเลด้วย ในเวลาดังกล่าว ขอให้ผู้ทำสมาธิน้อมบุญก้อนหนึ่งที่เป็นจริงโดยสัจจะ นิมนต์ท่านน้อมกราบใส่บาตร และขอพรในช่วงนี้ได้ค่ะ (อนึ่งหากไม่ใชวันและเวลาดังกล่าวแล้ว ที่ข้าพเจ้าเคยไปสำรวจ ท่านทั้งหลายจะไม่สามารถเข้าถึงองค์หลวงพ่อได้ เนื่องจากท่านมีพลังกรอบแก้ววิเศษเหมือนไฟฟ้าครอบอีกชั้น จึงไม่สามารถเข้าเฝ้าท่านหลวงพ่อได้ในเวลาอื่นที่ท่านทำสมาธิอยู่ค่ะ)

2. กรณีผู้ที่คิดว่าจะตักบาตรผ่านกายธาตุ ท่านสามารถไปแจ้งไว้กับพระใกล้บ้านท่าน ขอนิมนตร์ตักบาตร แล้วตั้งจิตนึกกล่าวคำ "อิติ อิติ ขอพระภิกษุรูปนี้ที่ข้าพเจ้าได้ตักบาตร จงเป็นผู้มีศีล สมาธิ และปัญญาญาณ ขึ้นตรง(เป็นสายตรง) ต่อองค์ผู้มีพระภาคเจ้าในพระพุทธศาสนา ขอให้พระภิกษุที่ข้าพเจ้าตักบาตรนี้นั้้นเป็นดังเช่นตัวแทนแห่งองค์หลวงพ่อปู่อุปคุตที่เป็นจริงโดยสัจจะในพระพุทธศาสนาเทอญฯ" และขอพรจากท่านในใจได้ค่ะ
ข้าพเจ้าเขียนเชิญชวนแนะนำคำกล่าวดังนี้ เป็นการยกตัวอย่างการปฏิบัติและคำกล่าวคร่าวๆ นะคะ เมื่อถึงเวลาท่านทั้งหลายควรประยุกต์ใช้ตามแต่ความถนัด และความเหมาะสมของแต่ละคนค่ะ

ลักษณะขององค์หลวงพ่อฯ ที่ข้าพเจ้าเคยเห็น หากว่าท่านผู้ใดเลือกใช้วิธีสมาธิไปเข้าเฝ้าตักบาตร ใบหน้าของท่านจะมีความต่างจากพระภิกษุรูปอื่นบนโลกปัจจุบันค่ะ และรวมถึงอากัปกิริยาบางประการ (เป็นหนึ่งในหลายๆ ข้อมี่ข้าพเจ้าได้เคยเข้าเฝ้าค่ะ ข้าพเจ้าแจ้งไว้เผื่อท่านผู้ใดเห็นแล้วสงสัยว่าจะใช่ท่านจริงหรือไม่นะคะ)

"การบอกบุญแก่ผู้อื่นดังที่ข้าพเจ้า น.ส.อธิษฐาน พูลศิลป์ศักดิ์กุล ได้ทำแล้วนี้ หากมีกุศลผลบุญในทางพระพุทธศาสนาที่เป็นจริงโดยสัจจะ ขอกุศลผลบุญนี้ จงบังเกิดมีแก่ข้าพเจ้าให้เป็นผู้เข้าถึงสติและสมาธิได้โดยง่ายและลึกซึ้ง เสมอพร้อมกันทุกเมื่อในสติและสัมปชัญญะ มีจิตตั้งมั่นในความเพียรอุสาหะ วิริยะ อริยะ สติปฐานสี่ เช่นเดียวกันกับองค์หลวงพ่อปู่อุปคุตทรงตั้งมั่นในความเพียรสมาธิและท่านได้น้อมระลึกถึงความละเอียดในองค์พระรัตนตรัยในพระพุทธศาสนาที่เป็นจริงโดยสัจจะเสมอนั้น จงมีบังเกิดแก่ข้าพเจ้าเช่นเดียวกันเสมอเทอญฯ"

ปล.จากหมอสุวิ เพ็ญพุธ คือคืนนี้ คืนวันที่ 14 ธ.ค.

โบราณเรา ถือการเปลี่ยนวัน ตอนที่พระอาทิตย์ขึ้นมีแสงแดดปรากฏ
เพื่อง่าย จึงถือ หกโมงเช้าเป็นเวลาเปลี่ยนวัน
ดังนั้น เพ็ญพุธ จึงอยู่ในคืนนี้(มิใช่คืนที่ผ่านมา)

ปัจจุบัน ถือการเปลี่นวัน ที่เที่ยงคืนกะหนึ่งวินาที ถือเป็นวันใหม่ การนับวันในโหราศาสตรไทย ในคนสมัยใหม่ จึงเพี้ยนๆไป

คืนนี้ เราไปใส่บาตร หลวงปู่อุปคุตกัน (ควรไปก่อนเที่ยงคืนนิดหนึ่งนะ)

 

ครับ

 

แจ้งความคืบหน้าโครงการสร้างอุโบสถวัดพ่อขุนผาเมือง

ตอนนี้ทางวัดได้ตอกเสาเข็มเสร็จแล้วค่ะ
และกำลังขึ้นเสาและเทพื้นชั้นล่าง

เสาชั้นล่างมี 72 ต้นๆละ 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,440,000 บาท

เทคอนกรีตพื้นชั้นล่าง 800 ตารางเมตรๆละ 1,800 บาท รวมเป็นเงิน 640,000 บาท
ค่าปูกระเบื้องชั้นล่าง 800 ตารางเมตรๆละ 700 บาท รวมเป็นเงิน 560,000 บาท
รวมพื้นชั้นล่างทั้งสิ้น 1,200,000 บาท

จึงขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมทำบุญก่อสร้างโบสถ์ในส่วนฐานล่างนี้ เพื่อสืบทอดและบำรุงพระพุทธศาสนา และขอให้ท่านมีความมั่นคงในชีวิต นำสู่ความสุขความเจริญด้วยค่ะ
อนุโมทนาสาธุค่ะ

 

กะทิเธอไม่ได้เข้ามาในเว็บไซต์พลังจิตนานมาก รูปแบบโครงสร้างเว็บไซต์เปลี่ยนไป จนทำอะไรไม่เป็นแล้ว จะตอบกลับจดหมายหลังไมค์ที่ค้างอยู่ของคุณ lomdadbaimai ฯลฯ ก็มิอาจทำได้ เพราะยัง งง หาปุ่มกดตอบกลับไม่เจอ เธอเขียนถามอะไรมา ก็ยังไม่รู้เลย ขออภัยด้วยค่ะ


เรื่องเล่านิทานของยัยกะทิ ความจริงนั้นยังมีอยู่ในสมอง แต่ทว่า เรื่องที่น่าตื่นเต้น น่าสนใจในช่วงนี้นั้น โดยเฉพาะเหตุการณ์ในช่วงกลางเดือนตุลาคม 2559 มีความซับซ้อนตื่นลึกหนาบางอย่างไร มิอาจเผยแผ่แด่สาธารณะได้ค่ะ


แต่เอาเป็นว่า สิ่งที่คุณเห็น สิ่งที่คุณได้ยิน สิ่งที่คุณกังวล ทั้งปวง นั้น อาจมิได้เห็น ได้เป็น อย่างที่คุณทั้งหลายเข้าใจ หรือกังวลใจ เพราะความพลิกล็อคที่เกิดขึ้น เกินคาด ในมิติ มีอยู่ จนน่าตกใจ ประหลาดใจ มีการแก้เพื่อช่วย กันมากมาย จนทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง


เท่าที่กะทิเธอจะบอกได้ ก็มีเพียงแต่ ขอให้ท่านผู้อ่าน "วางใจ" ในยุครัตนโกสินทร์ศกสมัยนี้ ต่อไปได้อย่างสบายใจมาก ถึงมากที่สุด เท่านั้น (ย้ำค่ะว่า สิ่งที่คุณเห็น อาจไม่ใช่สิ่งที่คุณเห็น สิ่งที่เป็น อาจไม่ใช่ สิ่งที่เป็นค่ะ)


กะทิเธอเข้ามาเขียนในวันนี้ เพราะยังอยากย้ำเตือนทุกท่าน จำให้มั่น ถึงการกด Like รวมถึงการเขียนโพสต์ข้อความต่างๆ บนหน้าเว็บไซต์ Facebook โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับผ้าเหลืองทั้งปวง ขอท่านทั้งหลายอย่าได้เข้าไปแตะ เพราะความไม่รู้ตื่นลึกหนาบางโดยแท้ รอบด้าน 360 องศา อาจทำให้มีผล กรรม เกิดขึ้น (อย่างที่กะทิเธอเคยกล่าวไว้นะคะ คำว่ากรรมมี 3 อย่าง คือ กรรมดี / กรรมเป็นกลางๆ / กรรมชั่ว)


ขอให้ทุกท่านทำใจฝึกให้เป็นกลางไว้ เพราะผู้ใดทำสิ่งใดไว้ ย่อมเป็นไปตามกรรมอยู่แล้ว โดยเฉพาะผู้ที่ห่มด้วยผ้าเหลืองนั้น มีศีล 227 ข้อ หากผิดศีล ย่อมมีผลเช่นนั้นอยู่แล้ว เรามนุษย์ธรรมดา จึงมิต้องไปตัดสินผู้ใดให้ตกมาเป็นบ่วงกรรมแก่ตัวเองค่ะ เนอะๆ

 

แจ้งข่าวค่ะ

พระมหางามพล วัดภาษี เอกมัย และนักเรียนทุนของท่าน (เป็นทีมงาน) เปิดค่ายอบรมเยาวชน ๒ คืน ๒ วัน ที่จะมอบปลุกพลังความดีในใจเด็กๆ และให้เด็กเชื่อมั่นในความดีงามนั้นๆ แล้วลุกออกมาทำความดีค่ะ

ท่านฝากข่าวมาแจ้งให้ทราบว่า ค่ายอบรมเยาวชน จะเริ่มค่ำวันที่ ๓- เย็นวันที่ ๕ มีนาคมนี้

จึงเรียนเชิญลูกหลานโยมในวัย ๑๒-๑๕ ปีเข้าร่วมงานนี้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ FB https://www.facebook.com/pee.nammon ค่ะ