ทำทานแบบไม่หวังผล มักมีผลอันยิ่งใหญ่

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย บ้องแบ้ว, 6 กันยายน 2016.

  1. บ้องแบ้ว

    บ้องแบ้ว นางฟ้าผู้น่ารัก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    3,294
    กระทู้เรื่องเด่น:
    105
    ค่าพลัง:
    +5,301
    ทำทานแบบไม่หวังผล มักมีผลอันยิ่งใหญ่

    ทำไมทำทานมาตั้งนานแล้วจึงไม่ร่ำรวยขึ้น ชีวิตยังติดๆ ขัด นั่นก็เพราะเจตนาแห่งทานยังไม่สมบูรณ์

    บางคนให้เพราะอยากได้หน้า
    บางคนให้เพราะเสียไม่ได้
    บางคนให้ เพราะหวังได้ อยากรวยมากกกว่าเดิม

    เจตนาแห่งทานจึงเป็นเหตุแห่งการแบ่งแยกระหว่างผู้ที่มั่งมี กับผู้ที่ยังขาด

    คนที่ยังขาดหากหมั่นฝึกฝนให้ สม่ำเสมอก็จะกลายเป็นผู้ที่ไม่ขาดแคลน สิ่งสำคัญมากที่สุดคือเจตนาแห่งการให้ เพื่อเกื้อกูลผู้อื่น

    การให้จึงต้องอาศัยการฝึกฝน ไม่ใช่จู่ๆ ทำได้เอง

    เคยเห็นมั้ยครับคนที่รวยมากๆ แล้วแต่ทำไมให้อะไรใครทั้งทีกลับสละออกยากเหลือเกิน เพราะใจไม่เคยคิดจะให้จริงๆ อยากจะให้ทีต้องได้อะไรกลับมา

    ขณะที่คนรวยบางคนให้แบบไม่คิดอะไร ยิ่งกลายเป็นผู้ที่ร่ำรวยมากขึ้นไปๆ แบบไม่สิ้นสุด

    แบบเดียวกับท่านสุทัตตะ หรือ อนาถบิณฑิกเศรษฐี

    [​IMG]

    อนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นพ่อค้าเดินทางไปมาระหว่างนครราชคฤห์กับนครสาวัตถีคราวหนึ่งได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าที่นครราชคฤห์ ประกาศตนเป็นพุทธมามกะ ทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าเสด็จประทับ ณ นครสาวัตถี

    อนาถบิณฑิกเศรษฐีกลับนครสาวัตถีแสวงหาที่ดินแปลงใหญ่ได้แปลงหนึ่ง ใกล้ตัวเมืองเป็นที่เหมาะแก่การโคจร และเป็นที่ตั้งแห่งความสงบได้ โดยทราบว่าเป็นสมบัติของเจ้าชายเชตราชกุมารแห่งแคว้นโกศล จึงขอซื้อ

    เจ้าชายอ้างว่าจะสงวนไว้เป็นที่เที่ยวเล่นไม่ยอมขาย เศรษฐี เฝ้าอ้อนวอนแล้วอ้อนวอนเล่า เจ้าชายรำคาญจึงแสร้งว่าต้องเอาเหรียญทองมาเกลี่ยเรียงให้เต็มแปลงก็จะขายให้ละกัน

    อนาถบิณฑิกเศรษฐียอมตามด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้าสั่งคนใช้ให้ขนเหรียญทองคำมาปูจเต็มแปลง เจ้าชายเชตกลับเห็นใจรับสั่งว่า ขอร่วมศรัทธาในพระพุทธเจ้าด้วยจึงขอลดราคาลงไปเพียงครึ่งเดียว ให้เศรษฐีนำเหรีญทองคำกลับไปเสียครึ่งหนึ่ง ขอร่วมบุญด้วยอีกครึ่งหนึ่ง

    อนาถบิณฑิกเศรษฐี กับเจ้าชายเชตร่วมกันสั่งงาน ให้หักร้างถางที่ทำเป็นอุทยานใหญ่จนเป็นที่รื่นรมแล้ว ให้สร้างมหาวิหาร 7 ชั้นมีกำแพงและคูเป็นขอบเขต ภายในบริเวณปันเป็นส่วนสัด มีคันธกุฎี (แปลว่า กุฎีอบกลิ่มหอม เป็นชื่อเรียกพระกุฏีที่ประทับของพระพุทธเจ้า)

    มีที่จำพรรษาของพระภิกษุสงฆ์ มีที่เจริญธรรม ที่แสดงธรรม ที่จงกรมที่อาบ ที่ฉันครบถ้วนควรแก่สมณบริโภค อนาถนิณฑิกเศรษฐีสิ้นทรัพย์ไปในการนี้ 36 โกฎิกหาปณะ (โกฏิ = สิบล้าน กหาปณะ = 4 บาท)

    พระมหาวิหารเชตวันมีชื่อมากในตำนานพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าประทับจำพรรษาอยู่ ณ มหาวิหารแห่งนี้ ถึง 24 ฤดูฝน พระธรรมส่วนใหญ่ทรงแสดงที่มหาวิหารแห่งนี้ คัมภีร์พุทธวงศ์ และเอกนิบาต อังคุตรนิกาย บรรยายว่า

    พระพุทธเจ้าประทับจำพรรษา ที่มหาวิหารแห่งนี้ เพียง 19 ฤดูฝน เวลาที่เหลือจากนั้น เปลี่ยนไปประทับ ณ วิหารบุพพามหาวิหารเชตวัน มีอธิบายอีกในหนึ่งว่า เวลากลางวันประทับ ณ วิหารแห่งหนึ่ง และกลางคืนเสด็จไปแสดงธรรม ณ วิหารอีกแห่งหนึ่ง
    .
    นับเป็นสถานที่ประทับอันนับเนื่องด้วยชีวิตการประกาศธรรมของพระพุทธเจ้า ตลอด 24 ฤดูฝนในเมืองสาวัตถี

    และผลแห่งการถวายทานนี้ทำให้อนาถบิณฑิกเศรษฐีได้ชื่อว่าเป็นผู้มั่งคั่งและเป็นเลิศในการถวายทานไม่มีใครเทียบได้ แม้สิ้นชีวิตไปแล้วก็จะได้ไปแต่สุคติภพวนเวียนอยู่จนขึ้นนิพพานที่สวรรค์ซึ่งเป็นกรณีพิเศษจริงๆ ในบวรพระพุทธศาสนาที่มีผู้เข้านิพพานในชั้นสวรรค์

    โมทนาสาธุ

    *******

    สนพ. เสบียงบุญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. zhayun

    zhayun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +425
    การทำทานโดยไม่หวังผลตอบแทน อันนี้ก็กล่าวไว้ดีแล้ว

    แต่อย่าลืมอธิษฐาน บารมี นะครับ



    เพราะไม่งั้นจะเหมือนกับ เศรษฐีคู่นึง ที่ทำบุญโดยไม่ได้อธิษฐาน เพื่อพระนิพพาน

    พอเงินหมด เป็นยาจก ก็หมดโอกาสที่จะได้มรรคผล

    ต้องไปสะสมบุญใหม่



    หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง ท่านจึงแนะนำว่า

    เวลาทำทาน ไม่ได้หวังว่าเขาจะมาตอบแทนเรา

    แต่เราทำไปเพื่อละกิเลส คือละความโลภ และทำไปเพื่อเป็นปัจจัย ให้เข้าสู่นิพพาน

    อย่างท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ท่านทำทานก็มีอธิษฐานบารมี นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...