กระผมขอถามสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย kawpunt, 18 กันยายน 2016.

  1. kawpunt

    kawpunt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,276
    ค่าพลัง:
    +3,087
    ขอเล่าเรื่องครับ ก่อนหน้านี้เคยสวดมนต์อยู่พักนึงแล้วด้วยทำงานเป็นกะ ก็เลยหยุดสวดมนต์ครับ แต่สองสามเดือนมานี้ก็พยายามเริ่มสวดมนต์ทุกวันไม่ค่อยขาด เพราะอยากสร้างบุญกับเค้าบ้างครับ เมื่อสวดมนต์เสร็จก็หัดนั่งสมาธิกับเค้าบ้าง 5นาทีบ้าง10ถึง15นาทีบ้างครับ แต่ตอนนี้พอสวดมนต์เสร็จก็เริ่มหลับตานั่งสมาธิ มันเริ่มมีอาการตรงกลางหน้าผากเหมือนจะตึงๆหมุนๆระหว่างคิ้วครับ แล้วก็เริ่มมีอาการ เหมือนหัวหมุนแล้วตัวเริ่มโยกไปหน้าบ้างหลังบ้าง บางครั้งก็โยกทางด้านข้างซ้ายบ้างขวาบ้าง ไม่ทราบว่าเป็นอาการของอะไรหรือจิตเราคิดไปเองครับ แต่ขณะนั่งสมาธิผมจะสวดมนต์ในใจครับ ถ้าไม่สวดเหมือนจะนั่งไม่ค่อยได้ครับ กระผมของถามพี่ๆนะครับอยากได้ความกระจ่างในการปฎิบัติกับเค้าบ้างครับ ผมขอเข้ามาอ่านคำแนะนำของพี่ๆนะครับ เพราะไม่ค่อยรู้ว่าจะถามอะไรต่อครับ จะค่อยๆปฎิบัติต่อไปครับ ขอบคุณครับ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เปน อาการ ปิติ

    จริงๆ อาการปิติ ตัวโยก ตัวโคลง ตัวเบา ตัวหนัก. เปนจุดบ้าง. เปนจุดๆๆๆที่ต่อเนื่อง
    จนเหมือนมันวิ่งไปวิ่งมา. วนไปวนมา. ควงไปควงมา. เหล่านี้จะมีอยู่แล้วในกายหนาคืบกว้างศอก

    เมื่อก่อนไม่เคยรับรู้ว่ามีอยู่ เพราะจิตส่วนใหญ่ส่งออกไปใน. เรื่องราวโลกๆ

    พอมาปฏิบัติธรรม. จิตจะโน้มไปในวิเวก. หรือ. พรากออกจากเรื่องโลกๆ

    จิตจึงมารับรู้อาการ ปิติ ดังกล่าว. ซึ่งจะมีเรื่อยๆ

    บางคนเอาไปตีความทางเรื่อง. ถุกกระทำ. หรือไปกระทำ. ตีความไปทางไสยศาสตร์
    ก้ตะเสียเงินเสียทอง. เพราะ พยาบาทวิตก. วิหิงสาวิตก

    ถ้ากำหนดรู้พยาบาทวิตก. วิหิงสาวิตก ได้ จะข้ามปิติได้ โดยที่แลมันอยู่ เหนอาการต่างๆ
    นานา. หนักสุดเหมือนทีอะไรมาทุบกำปนาถ

    ถ้าจิตตั้งมั่น. ข้ามปิติได้ จิตจะค่อยๆ. โน้มไป. วิโมกข์8 พวกฌาณ

    ถ้าจิตตั้งมั่นข้ามพ้รอุเบกขาชนิดต่างๆได้ จะเริ่มต้น เจริญสติ วิปัสสนา
    ตามเหน. อุเบกขาเปนสิ่งเกิดดับ. จิตใดมีความเพียรก้เข้ามาเหนได้
    เปนธรรมดา. เกิดเพราะเพียรอยู่ จมกลับไปโลกเพราะ หยุดการปฏิบัติ

    พระพุทธองค์ข้าม. โอฆะ. คลองแห่งไสยศาสตร์ ไปสู่ การตื่น เบิกบาน
    เพราะไม่เพียร. ไม่พัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2016
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ปรับลมหายใจให้ลึกขึ้นกว่านี้หน่อยครับ
    เพื่อปรับกระแสของระบบให้ลมหายใจ
    ภายในให้มันตรงๆสม่ำเสมอครับ
    เพราะปัจจุบันนี้กระแสลมหายใจ
    ที่เข้ามาในกายมันจะขาดช่วงครับ

    ตรงนี้ฟังหูไว้หูนะครับ เล่าให้ฟังเฉยๆ
    คือมันจะมีเหมือนกระแสตรงช่วงใต้ลิ้นปี่หมุนเข้ามาในตัว
    ไปทางด้านหลังและวนขึ้นมาออกที่โคนจมูก
    และก็มาวนอยู่ที่ปลายจมูก
    เหวี่ยงออกไปหน้าตัวคุณจึงรู้สึกว่าเหมือนมันโยกไป
    ด้านหน้าโดยการโน้มศีรษะเราไปด้วย
    และตรงเอวอีกด้านหนึ่งมีกระแสเหวี่ยงเฉียงขึ้นไปตรงหัวไหล่
    ฝั่งตรงข้ามกับเอวนั้นคุณจึงรู้สึกเหมือนเหวี่ยงไปด้านข้าง
    แต่ว่ามันจะไม่ได้แบบว่า โยกซ้ายขวาตรงๆนะครับ
    คือโยกแบบพอให้รู้สึกว่าไหล่มันเหวี่ยงๆหน่อยแต่ไม่มาก

    ดังนั้นแก้ตรงนี้ด้วยการหายใจเข้าให้ลึกถึงท้อง
    พูดง่ายๆว่าหายใจเข้าท้องพอง
    ส่วนตอนหายใจออกก็ให้สุดๆ
    พูดง่ายๆว่าหายใจออกจนท้องยุบ

    และทำความรู้สึกรับรู้
    ว่ามีลมตอนหายใจเข้านั้นหยุดที่ปลายจมูกด้านนอก
    (ลมธรรมดาหรือต่อไปจะเย็น)
    และลมออกตอนที่หายใจออกให้หยุดที่ปลายจมูกด้านใน(ลมอุ่นๆหรือต่อไปจะร้อน)

    แต่จำไว้อย่างหนึ่งว่า
    อย่าเผลอไปตามลมหายใจตอนที่เข้า
    และอย่าไปตามลมหายใจตอนที่ออกด้วยนะครับ
    เด่วจิตจะเกิดโดยที่ไม่รู้ตัวเพราะไปตามลม
    ทำให้จะไม่ได้กำลังสมาธิสะสมครับ..

    ส่วนตอนที่สวดมนต์หลับตาปกติลงนะดีแล้วครับ
    ส่วนความรู้สึกว่ามีอะไรหน่วงๆเหนือระหว่างคิ้ว
    ถือว่าดีไม่มีอะไรครับ เพราะเป็นเรื่องปกติ
    ถ้าเรารู้สึกว่าเหมือนมีตาดวงเดียวมองระหว่างคิ้วได้นั้น
    แสดงว่า ร่างกายกำลังตัดความคิดจากสมองอยู่ครับ

    ทำอย่างนี้ให้ได้ไปซักพักก่อนครับ ทำจนระบบหายใจ
    แบบที่บอก กลายเป็นระบบหายใจปกติในชีวิตประจำวันของเรา
    กำลังสมาธิสะสมที่ได้จากตรงนี้ และความต่อเนื่องของลมหายใจ
    ตลอดจนสติทางธรรมที่สร้างจากการระลึกรู้ว่ามีลมหายใจ
    เข้าและออกหยุดที่ปลายจมูกนั้น จะทำให้อาการปิติต่างๆ
    เหล่านี้หายไปได้ของมันเองและลมหายใจเราจะละเอียดขึ้น
    ได้ของมันเองครับ และจะมีการพัฒนาได้ของมันเองตามลำดับ
    แต่ให้เวลาในการปรับตัวกับตรงนี้
    อีกซักหน่อยนะครับ..
    ส่วนถ้าทำๆไปแล้วเหมือนมีอะไรหมุนที่ท้องก็ช่างมันครับ
    ยังไม่ต้องไปสนใจอะไรทั้งสิ้นในตอนนี้ครับ
    ปล.ประมาณนี้ (^_^) ลองสังเกตุดูนะครับ
     
  4. kawpunt

    kawpunt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,276
    ค่าพลัง:
    +3,087
    ผมขอขอบคุณพี่นิวรณ์ และพี่nopphakan มากครับที่พี่ทั้งสองท่านมาให้คำแนะนำ ในการเริ่มปฎิบัติของผม ทำให้ผมมีกำลังใจที่จะปฎิบัติต่อไปครับ ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
    และอีกอย่างหนึ่งหลังจากสวดมนต์เสร็จ แล้วเวลาผมแผ่ส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวรทำไมขนลุกแรงมากครับ ทุกครั้งเลยครับใช่ปิติมั้ยครับ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    ขนลุกเป็นกิริยาเบื้องต้นที่จิตรับรู้ได้
    หรือจิตกำลังทำงานได้เบื้องต้นเนื่องจากพอมีกำลังส่ง
    จากการสวดมนต์หรือการขอบารมีอะไรต่างๆก็ตาม
    รวมทั้งการรับรู้พลังงานจากภายนอกต่างๆด้วยเช่นกัน
    เพียงแต่ว่าตอนนี้ตัวจิตยังไม่สามารถที่จะตัด
    ร่างกายได้เด็ดขาดจริงๆในขณะที่จิต
    กำลังทำงานครับ
    ซึ่งเป็นเรื่องปกติมากๆครับ..
    แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีที่รับรู้ได้แบบนี้ในเบื้องต้นครับ

    ต่อไปถ้ากำลังสมาธิสะสมเรามากขึ้น
    กำลังสติทางธรรมเรามากขึ้น
    ตัวจิตเรามีความละเอียดและคุ้นเคยมากขึ้น
    เราจะรับรู้ได้ดีกว่านี้เอง โดยที่จะรู้สึกเหมือน
    มีอะไรขยายออกจากกลางลิ้นปี่ของเรา
    และขยายออกไปกว้างๆภายนอกตัวเรา
    และขึ้นบ้างบนร่วมด้วย และรู้สึกเบาๆได้ด้วยทั้งตัวครับ

    และถ้าต่อไปเราไม่ยึดติดในนิมิต ทุกๆอย่างที่ได้เห็น
    ได้ยิน ได้สัมผัส ไม่ว่านิมิตนั้นจะดีที่สุด ไม่ดีที่สุด
    ชอบหรือไม่ชอบก็ตาม พลังงานพวกนี้เราจะสามารถ
    รับรู้และมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าๆทั้งสองข้าง
    แม้ในเวลาลืมตาปกตินี่หละครับ

    ซึ่งต่อไปเราจะสามารถรับรู้ กระแสความต้องการบุญจากภายนอก
    ได้ด้วยตัวเราเอง(จากกำลังสติทางธรรม)
    และพอเราอุทิศส่วนออกไปจะสามารถรู้สึกเบาได้ตั้งแต่
    หน่องยังศรีษะได้ด้วยครับ พวกนี้ก็มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าๆเหมือนกันครับ
    ลองพิสูจน์ดูได้ด้วยตัวเองในอนาคตนะครับ

    ปล.ไม่มีอะไรครับ เป็นกันได้
    ถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ
    (^_^)
     
  6. kawpunt

    kawpunt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,276
    ค่าพลัง:
    +3,087
    ขอบพระคุณมากครับพี่ nopphakanมากครับ ที่ให้คำแนะนำดีๆในการปฎิบัติของผม ขอบคุณอีกครั้งครับ
     
  7. พระtoshi

    พระtoshi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +270
    งั้นจะลองฝึกสมาธิจริงๆดูไม๊ล่ะ? แต่ว่าหลวงพี่ถนัดการสอนทางกสิณมากกว่าเห็นผลเร็วดี คุณจะได้รู้ว่าเป็นยังไง อย่างที่ฝึกอยู่มันเป็นเพียงแค่ระดับเริม่ต้อนของอุปจารสมาธิขั้นที่1เอง หลวงพี่สอนได้ไม่ยากหรอก เพียงแต่คุณมีศรัทธาที่จะฝึกหรือเปล่าลองถามใจคุณเองดูก่อน แล้วค่อยมาสนทนากันนะ:boo:
     
  8. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    เป็นบารมีฌานครับ เป็นกับคนที่เคยทำฌานมาในอดีตชาติ ฌานไม่ใช่ของฤษีชีไพรนะครับ เป็นของพุทธ ที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ก็เรื่องฌานไม่ใช่ที่ตำราเขาว่ากัน
    จุดที่เกิดฌานบริบูรณ์คือจุดมโนวิญญาณ อยู่ที่กลึ่งกลางใบหน้า ระหว่างดวงตาทั้งสองข้าง ที่จุดดั้งจมูกหัก(ไม่ปรากฏในตำรา)
    หลักของฌานคือเพ่งเข้าที่จุดให้นิ่งและนานมากที่สุด หากทำได้เช่นนี้ภาวะของฌานจะไต่ระดับทันที พุทธสาวกในอดีตทำไมสำเร็จพระอรหันต์มากมายก็เพราะพระองค์บอกวิธีให้ ฌานที่ถูกต้องสูญหายไปจากโลกเมื่อ พ.ศ. 236 ที่ปรากฏตามตำรานั้นอธิบายไม่ถูกต้องครับ
    ฌานไม่ใช่ของง่าย ตามวิธีจะง่ายก็ตาม ใครทำได้ก็เป็นบารมีของผู้นั้น
    เจริญในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 ตุลาคม 2016
  9. ณฉัตร

    ณฉัตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2015
    โพสต์:
    633
    ค่าพลัง:
    +790
    ควรสวดมนต์ก่อนนั่งสมาธิ เหมือนกิจวัตรของพระ หรือที่วัด ซึ่งตอนบวชเณร บวชพระ ผมทราบเลยว่า สวดมนต์นานกว่าสวดแบบชาวบ้านทั่วไป จนจิตสงบ ถ้าพูดทางทฤษฎี คือ สวดตามพระที่นำจนได้อุปจารสมาธิ คือ มีปีติ มีแสงสว่าง กายเบาจิตเบา(ลอย โยก หมุน โคลงเคลง เบาเหมือนนั่งบนกลางอากาศ)พอจากนั่น พระท่านพานั่งสมาธิ จะขึ้นฌาณได้เร็ว คือ จิตสงบสว่างได้เร็วมาก นั่งสมาธิได้นานขึ้น

    ดังนั้น ที่ว่า ถ้าไม่สวดมนต์ นั่งไม่ค่อยได้ แปลว่า จิตยังไม่สงบเพียงพอ จึงยังจะนั่งนิ่งนานๆ ไม่ได้

    ถ้าสวดมนต์จนจิตสงบพอ จนนั่งสมาธิต่อไป จะได้ทำกรรมฐานอื่น

    สวดมนต์ติดต่อ อาศัยฐานพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ บทใดก็ได้ ยาวนาน15 - 30 นาที หรือ สวดมนต์บูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วพาหุง มหากา ตามด้วยอิติปิโส เท่าอายุ+1 จะได้เวลาประมาณ 15 -30 นาที จิตจะสงบได้ครับ

    หลังจากนั้น คนทั่วไป ระยะเริ่มแรก ต้อง 45 นาที จิตจะเริ่มเข้าฌาณได้ (คือ อุปจารสมาธินานขึ้น และแว่บปฐมฌาณได้)

    อันนี้ คือ ชาวบ้านนะครับ ส่วนที่ขึ้นฌาณเร็วกว่านี้ ต้องฝึกฝนครับ
     
  10. somkiatfem

    somkiatfem เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2016
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +195
    ทำไปเรื่อยๆครับ ให้ดีจริงๆ อย่าไปสนอาการให้มากนักครับ เเล้วจะไปเร็วกว่าเดิม มันคือการสะสม วิชาสมาธิ มันนี้คุณมาถึง จุดนี้ วันหน้าก็จะสูงขึ้น เมื่อคุณไมjสนใจอาการ อาการนั้นจะดับลง เเละตามด้วยความทรงตัวมากของสมาธิที่จดจ่อ จะดีมากเป็นขั้นต่อไปครับ
     
  11. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    เวลาทำสมาธิไม่ต้องสวดมนต์ก็ได้ รบกวนองค์สมาธิเปล่าๆ ควรภาวนาพุท-โธ หายใจเข้าพุท หายใจออกโธ นี่คือคำบริกรรม นั่งวันละ 15 นาทีจะได้อะไร นั่งเลยวันละครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง หรือมากกว่านั้นอันนี้ของผู้เริ่มต้นนะ ถ้าเป็นผลแล้วนั่งไม่นานหรอก นั่งสมาธิภาคสมถะคือความสงบเป็นการละสักกายทิฏฐิ ต้องละหลายๆครั้ง ละได้แล้วลืมตาแล้วหลับตาต่อสลับกันไปเป็นพักๆ ภาคปัญญาภาวนาให้เห็นในความปฏิกูลของผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เวลาเกิดภาพนิมิตเช่น ผม เราก็ภาวนาถึงความเป็นอนิจจะลักษณะ ทุกขะลักษณะ และอนัตตะลักษณะ นะคร้าบ
     
  12. ยอดคะน้า

    ยอดคะน้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +710
    ดีแล้วครับ ฝึกต่อไปครับ

    ฟังพระเพิ่มเติมครับ

     

แชร์หน้านี้

Loading...