ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 4 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. nai4530

    nai4530 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +60

    เรื่องชวนคุย คลายเหงา ขณะปฎิบัติธรรม


    ปัญหา ที่เคยได้ยิน บ่อยครั้ง แต่ได้รับคำตอบที่โดนใจบ้าง ไม่โดนใจบ้าง
    กะคือ ไก่กับไข่ ใครเกิดก่อนกัน
    บ้างกะว่า เป็นปัญหาเปิด ที่ไม่ต้องการคำตอบบ้าง,
    -เป็นปัญหา ที่ไร้สาระบ้าง อะไรต่างๆนาๆ กะว่ากันไป
    เอ้า !!! แล้วถ้าจะตอบ ในเชิง วิทย์ ที่พิสูตรได้ละ ตอบได้ป่าว
    ในความรู้สึกผมนะ ตอบได้ง่ายมาก แค่รอผลพิสูตร จากเรื่องการค้นพบ
    เรือของโนอา และน้ำท่วมโลก ว่าเหตูการนั้น เป็นเรื่องจริง
    ถ้าเป็นเรื่องจริง กะยืนยันได้ว่า สิ่งมีชีวิตที่อาศัยบนพื้นโลก ขณะนั้น
    จะเหลื่อเพียง ที่อยู่บนเรือของโนอา เท่านั้น กะจะได้คำตอบ ในเชิง วิทย์
    ว่า ไก่กับไข่ ใครเกิดก่อนกัน (ณ.เวลานั้น)
    เง้อๆๆๆ แล้วจะรู้ไปทำไมกันละหว่า เรื่องนี้อ่า
    กะเฉกเช่นเดียวกับ ที่เราแสวงหาคำตอบที่ว่า
    จิตดวงน้อยๆของเราดวงนี้ เกิดมาจากอะไร ตรงไหน เมื่อไร
    กะมันเป็นเรื่อง อจินไต จะมามัวครุนคิด อยู่ไย
    เรื่องกะมีด้วยประการะฉะนื้แล
    (ผิดพลาดประการใด ขอกราบ อโหสิ ทุกท่าน ทุกกรณื)
     
  2. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    รูปการเตรียมการงานพระราชพิธี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    วันนี้นำบุญมาฝากค่ะ

    ปล.ความทุกข์ใดๆที่มี เมื่อถึงบ้าน ความทุกข์เหล่านั้นกลับจางหาย ใจสบาย กายสบาย ที่สุด
    เสียดายปีนี้งดขบวนเทวดานางฟ้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 ตุลาคม 2016
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    '' รู้และเข้าใจ ใบไม้ใบเดียวก็จะรู้
    และเข้าใจใบไม้ทั้งป่าได้เอง
    และสิ่งที่รู้ก็จะรู้เหมือนๆกัน
    แม้จะมองเห็นในมุมที่แตกต่างกันก็ตาม''

    ที่สำคัญก็คือ สติทางธรรม
    ซึ่งเป็นตัวที่คอยควบคุมความคิด
    ควบคุมพฤติกรรมของจิต ให้จิตคลายตัว
    จากความคิด ให้จิตคลายตัวจากขันธ์ ๕ นามธรรมนั้น
    เราได้สร้างมันให้เกิดมี และสร้างให้มันมีความต่อเนื่อง
    ได้แล้วหรือยัง

    และสร้างจนกระทั่งสติทางธรรม ควบคุมจิตไม่ให้เกิดได้
    และปล่อยให้จิตได้รู้เห็นตามความเป็นจริงในปัจจุบัน
    จนเกิดเป็นปัญญาทางธรรมกันได้มากน้อยแค่ไหน

    จนทำให้จิตค่อยๆ ละ ค่อยๆคลาย ตัวโทสะ โมหะ ตัวโลภะ
    ที่จะเผลอ ไปยึด ไปดึง ไปนำพา เอา ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
    จากภายนอกแล้วนำเอามา จนกลายเป็นตัวตนกลายเป็นตัวเอง
    อย่างไม่รู้ตัวได้มากน้อยแค่ไหนกัน....

    สร้างสติทางธรรมตรงนี้ให้มี ให้ต่อเนื่องให้ได้ก่อน
    สร้างจนควบคุมจิตจนไม่เกิด มีความเป็นกลาง
    และปล่อยให้จิตรู้เห็นตามความเป็นจริงจนเกิดเป็น
    ปัญญาทางธรรมให้ได้ก่อน...

    มีความจริงใจ ในการ ลด ละ คลาย โลภะ โทสะ โมหะ
    มีความความเข็มแข็ง ที่จะไม่ให้มันไปดึง ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ
    จากภายนอกเข้ามาให้ได้ตรงนี้ก่อน...
    จิตถึงจะเริ่มคลายตัวเองได้โดยธรรมชาติของมันเอง...
    จิตที่สงบ จิตที่ว่างนั้น ภายในมันก็ยังมีดวงจิตอยู่
    จิตที่ว่างจากการเกิด ว่างจากความยึดมั่นถือมั่น
    ว่างจากกิเลสต่างๆ จิตมันก็ไม่อยากเกิด..

    เมื่อจิตไม่เกิด เมื่อจิตว่างจากความยึดมั่นถือมั่น
    ว่างจากกิเลสต่างๆ จิตดวงนั้นๆก็จะเกิดความรู้ต่างๆ
    ด้วยตัวของมันเอง เป็นการรู้ของมันเอง เป็นการรู้
    แบบอัตโนมัติของมันเอง เป็นการรู้แบบไม่อะไรๆของมันเอง
    เป็นการรู้แล้วก็แล้วไปของมันเอง โดยไม่อะไรกับอะไร
    อยากจะรู้อะไร เพื่อคลายความสงสัยอะไร มันก็จะรู้ได้ของมันเอง
    ไม่ต้องไปอะไรกับใคร หรือไปถามใคร รู้แล้วจบด้วยตัวของมันเอง


    รู้แบบนี้ถึงไม่ช้า ไม่เสียเวลาในการปฏิบัติ

    ไม่ติดไม่ขัด ไม่ข้องไม่คา ไม่ตกบ้าง ไม่หล่นบ้าง ไม่ขึ้นบ้าง
    ไม่ลงบ้าง ไม่ขาดบ้าง ไม่เกินบ้าง และไม่มีบ้าง
    พวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นนามธรรม เราจะไปใช้
    ตรรกะ ความรู้ทางโลก มาคิด วิเคาระห์ วิพากษ์ วิจารณ์
    ไม่ได้ เพราะมันเป็นความรู้ทางสมมุติ แม้ว่าจะการรู้ระดับโลก
    แต่มันก็ถูกในส่วนของสมมุติ ไม่ใช่วิมุติ
    ไม่ใช่ การรู้ เพื่อเป็นการ ลด ละ คลาย
    ความยึดมั่นถือมั่น ไม่ใช่การรู้เพื่อช่วยหนุ่น
    ให้จิตคลายตัวเองได้ของมันเองในระหว่างวัน
    หรือไม่ใช่การรู้เพื่อเป็นไปเพื่อการหลุดพ้น

    พวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นนามธรรม
    จะเห็นได้ว่า มันเริ่มต้นจากการสร้างสติทางธรรม
    ที่เราๆมักจะมองข้าม เพราะเห็นว่ามันไม่เท่ห์
    มันไม่หล่อ มันไม่สวย มันไม่งาม
    มันไม่ทำให้ตนดูดี ไม่ทำให้ตนดูสูงส่ง
    มันไม่ทำให้ตนได้รับการยอมรับ
    ไม่เหมือนการพูดเรื่องอะไรวิเศษๆ
    เรื่องอะไรที่ดูเหนือโลก

    ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว แม้ผู้เป็นเลิศทั้ง ๓ ภพ
    ท่านก็ยังให้ความสำคัญในเรื่องนี้
    เพราะท่านเป็นผู้มีสติต่อเนื่อง
    ได้เชื่อว่า เป็นบรุษเดียวในโลกนี้
    ที่ไม่เคยขาดสติครับ....

    ปล แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง ถามตัวเองและไม่ต้องตอบว่า
    ปฏิบัติมากี่ปีอ่านมาเท่าไร
    ได้ยินได้ฟังมาเท่าไร ทำมาเท่าไร

    ในวันหนึ่งๆ จิตคลายตัวเองโดยธรรมชาติ
    ได้ซักกี่วินาที ได้ซักกี่นาที

    ไม่ต้องไปเปรียบกันท่านที่พ้นแล้วที่ยังมีชีวิตอยู่
    ที่จิตท่านจะคลายตัวได้เป็นธรรมชาติได้ด้วยตัวจิตท่านเอง
    เพราะไม่มีอะไรมายึดเกาะจิตท่านได้
    และท่านไม่มีตัววิญญานไปดึงอะไรภายนอกเข้ามา
    เหมือนที่เรามักจะไปคิดแทนท่านเหล่านั้นเอง
    ตลอดทั้งวันให้เสียเวลาครับ....

    ว่าทำไมท่านถึงรู้อะไรยิ่งกว่า...ฯลฯ
    ว่าทำไมท่านถึงได้เข้าใจอะไรยิ่งกว่า...ฯลฯ
    ว่าทำไมท่านถึงได้แนะอะไรๆยิ่งกว่า....ฯลฯ
    ว่าทำไมท่านถึงทำอะไรโดยที่ไม่ต้องมีใครมาบอก... ฯลฯ


    (^_^) (^_^) (^_^)
     
  5. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    สอบตก อยู่คะ......ก็พยายามตวบคุม สติให้ทันอารมณ์ แต่ไม่ทัน....
     
  6. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,272
    ค่าพลัง:
    +82,730
    งามมากค่ะ
     
  7. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    สอบถามเรื่องการฝึกสติสักนิดนะคะ

    จำได้คร่าวๆว่า วิธีการฝึกคือควรให้มีความรู้สึกตัว อยู่กับตัวตลอดเวลา ยกตัวอย่างเช่น เราจับปากกา ไม่ใช่รู้เฉพาะมือที่จับปากกา แต่ต้องรู้ทั้งตัวรวมถึงมือที่จับปากกานั่นด้วย แรกๆความรู้สึกนั้นอาจจะเด่นสุดที่มือ แต่ให้ทำไปเรื่อยๆจนความรู้สึกนั้นแผ่ขยายทั่วกายเท่ากัน และลามไปรอบบริเวณต่อไป อันนี้คือรู้ภายนอก และในขณะเดียวกันก็ให้รับรู้ถึงสัมผัสภายใน เรียกว่ารู้ภายใน (ตรงนี้คงอีก...) ต้องมีความรู้สึกสม่ำเสมอใช่ไหมคะ ??? คือไม่ให้เจาะจงไปที่ภายใน รึ แค่ภายนอก แต่ให้รู้สึกถึงภายในและภายนอกไปพร้อมๆกัน???
    ตรงนี้เรียกรวมๆว่าเป็นการฝึกสติใช่ไหมคะ???
    ถ้าใช่สติตรงนี้ผู้ฝึกควรมีความรู้สึกผ่อนคลายใช่ไหมคะ???
    ไม่ใช่เกิดอาการเครียด นอนไม่หลับ เหมือนที่ดิฉันเป็นตอนนี้
    อืม คือเพราะเป็นคนชอบคิดโน่นนี่นั่นเรื่อยเปื่อยเมื่อจะกลับมาฝึกใหม่ ก็พยายามควบคุมความคิดไม่ให้เกิดขึ้น คือพอรู้ตัวว่าคิดก็พยายามไม่คิด สูดลมเข้าลึกๆบ้าง สนใจเรื่องอื่นแทนบ้าง จนตกเย็นเหมือนเกิดอาการหนักศรีษะ แม้หลับ ก็หลับๆตื่นๆ

    รบกวนสอบถามว่าความเข้าใจนี้ถูกต้องรึไม่คะ ??? เพราะเหมือนจะจำคร่าวๆว่า การฝึกสติ ถ้ามีสติมากไป ก็อาจนอนไม่หลับได้
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    พระจันทร์ไว้อาลัย แด่มหาบุรษผู้เป็นเลิศด้านทิพย์จักขุแห่งเมืองไทย
    มหาบุรุษผุ้เข้าถึงฌาน ๔ ตังแต่ ๘ ขวบ มหาบุรุษผู้ที่มีกระแสเมตตา
    ภายนอกหนาแน่นไม่เป็นสองรองใครในใต้หล้า


    a.jpg

    เจริญสติจะอย่างไรก็ได้ ขอให้ฐานอยู่ที่ร่างกาย
    จะเดิน ยืน นอน หรือเคลื่อนไหวก็ได้ ขอให้ฐานอยู่ที่กาย
    หรือไม่เคลื่อนไหว ก็ทำความรู้สึกรับรู้ว่ามีลมเข้าและออก
    หยุดที่ปลายจมูก หายใจให้ลึก แต่ไม่ต้องตามลม

    ตึงไปนอนไม่หลับ หย่อนไปก็ปรุงแต่งไปเรื่อย
    แต่งไปแต่งมากลายเป็นสร้างวิบากกรรม
    ย้อนกลับเข้าตัวเองอีก ปกติก็ช้าอยู่แล้วก็ยิ่งช้าออกไปอีก
    แทนที่จะทิ้งเรื่องการยึดติดนามธรรมได้ กลายเป็นว่าอยากไปรู้
    อยากไปค้นหาคำตอบ จนกลายเป็นตัวเอง
    ร่างกายจะพักก็ให้พัก อย่าไประลึกรู้ตัวอีกถ้าจะนอน
    ปล่อยให้หลับไปตามธรรมชาติ มันจะคิดบ้างช่างมันเด่วก็หลับได้

    ปฏิบัติธรรม อยู่คนเดียวก็สนุก อยู่หลายคนยิ่งสนุก
    ในระหว่างวัน เอาหน้าที่การงานนั่นหละเป็นการฝึก
    คือตั้งใจทำงานให้เต็มที่ ว่างเว้นร่างกายไม่เคลื่อนไหว
    ก็ระลึกรู้ลม เคลื่อนไหวร่างกายก็นับการเคลื่อนไหวซะ

    จำไว้แค่ว่า ขอให้มีฐานอยู่ที่กาย
    อย่า พยายามไปคิด วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์
    อย่า พยายามไปเข้าใจด้วยการ คิด วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์
    ให้ทิ้งความรู้ที่เคยมีทุกอย่าง ทำตัวให้โง่ๆเข้าไว้ ให้เหมือนเด็กที่เกิดใหม่
    ให้เหมือนเด็กที่ไม่รู้อะไรเลย มันถึงจะไปได้เร็ว

    ได้เร็วในที่นี้คือ ความเข้าใจทางด้านนามธรรมที่ดีขึ้น
    ความสามารถในการรู้เท่าทันอารมย์ดีขึ้น
    ความสามารถในการตัดการปรุงแต่งตามอารมย์จนสื่อออกมาเป็น
    วาจา คำพูด หรือความคิดเชิงอกุศลดีขึ้น
    ทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจิตจะคลายตัวได้ของมันเองจากความคิด
    จากขันธ์ ๕ นามธรรม
    ถ้าจิตคลายตัวจากความคิดได้ อริยมรรค ๘ ข้อความเห็นชอบ
    ถึงจะเปิดทางให้เราเดินปัญญาได้ เพราะฉนั้นเอาตรงนี้ก่อน...
    ถ้าจิตเห็นขันธ์ ๕ นามธรรมจาก จากกำลังสติที่มี จิตถึงพลิก
    จากสมมุติไปเป็นวิมุติ

    จำเอาไว้ใส่กระโหลกไว้ว่า เรื่องนามธรรมอะไรก็ตามในปฐพีนี้
    หากเราไม่มีความสามารถรู้ได้เอง มันบอกได้ว่า กำลังสติเราไม่พอ
    ให้เราลืมมันทิ้งไป เสมือนว่า มันไม่เคยเกิดขึ้นในจักรวาลนี้
    ลืม คือ ช่างหัวพระญาติมัน ช่างบรรพบุรุษมัน ไม่ว่าจะเรื่อง
    อะไรก็ตาม ช่างหัวมะละกอมัน อย่าสน แล้วให้มาเจริญสติ
    ให้มันต่อเนื่องเพิ่มขึ้น. เพราะเรื่องนามธรรม จะไปคิด วิเคราะห์
    วิพากษ์ วิจารณ์ อะไรไม่ได้ มันต้องใช้เครื่องมือในการรู้ทางด้าน
    นามธรรม ก็คือ กำลังสติทางธรรมเท่านั้น
    ไม่งั้น รู้หรือพูด วิเคราะห์ อะไรมา ก็จะผิด จะหลงทางหมด จะเกิด
    ความลังเลสงสัย นอกจากที่ทำให้การปฏิบัติช้าแล้ว จิตก็จะเข้าสู่
    การคลายตัวโดยธรรมชาติได้ช้าอีก ไม่ต้องไปพูดเรื่องคุณวิเศษ
    ต่างๆที่จะเกิดตามมา หรือเรื่องกำลังสมาธิกำลังจิต เรื่องปัญญาทางธรรม
    ให้เสียเวลา เพราะพวกนี้ มีฐานมาจากกำลังสติทางธรรมทั้งนั้น...

    เรื่องนามธรรมถ้ารู้มันจะรู้ด้วยตัวเอง และก็จะรู้เหมือนกัน
    แม้ว่าจะเห็นในมุมที่ต่างกันก็จะรู้เหมือนกันได้เอง...

    ปล ข้างบนเวลาท่านมาสอน มาแนะนำ จะไม่มีคำว่ารอบที่ ๒
    ถ้าสมัยก่อนแบบยังมีชีวิต กรณีที่ท่านแนะนำไปแล้ว
    การที่ท่านได้พูดซ้ำอีกรอบ สิ่งที่คนถามมันจะได้รับกลับคืนมา
    ก็คือ บาทาไร้เงา เพลงมัดหิมะโปรย ฝ่ามือเมฆาล่องลอย

    ไม่เหมือนสมัยนี้หรอก บอกว่าห้าม บอกว่าอย่า แต่มันจะทำทุกสิ่ง
    ที่บอกว่าห้าม มันจะทำทุกอย่างที่บอกว่าอย่า
    แล้วมันก็มาอ้างเหตุ อ้างข้อแก้ตัว ว่าคนเราไม่เท่ากันอย่างโน้นนี่นั้น
    นี่มันคือ ข้ออ้างและข้อแก้ตัวของพวกมันที่ชอบใช้กัน....

    พอด่ามัน พูดกับมันแรง มันก็เลือก สะเออะ มาติ มาตำหนิ คนแนะนำ
    ว่าทำไม ไม่พูดดีๆ ไม่พูดกับมันเพราะๆ ดูข้ออ้างและข้อแก้ตัวมันซิ
    มันยังอ้างอีก ว่าคนดีๆ คนมีธรรมเค้าจะพูดจาดีๆ ทั้งๆที่ตัวมัน
    ยังไม่รู้จักสภาวะอารมย์ ที่ถ่ายทอด ไม่รู้จักการจบ การแนะนำจบไปแล้ว
    แต่มัน เอาไปปรุงแต่ง ตามใจมัน แล้ว สะเออะ เสนอหน้ามาแนะนำ
    มาสอน มาเตือน ทั้งๆที่มันปรุงแต่งตามใจมันอยู่....

    หลวงตามหาบัว ด่าโครตเหง้า บรรพบุรุษ สักหลาดใคร
    ท่านด่าแล้วท่านจบไหม แล้วท่านแนะนำต่อไหม
    พระ อ. หลายๆท่าน ด่าเรา ไอ้ควาย ไอ้เวร ไอ้จรเข้น้อย ท่านจบไหม
    แล้วท่านแนะนำต่อไหม
    จบคือจบ ตั้งแต่อักษระ และคำพูดสุดท้าย


    ไอ้ที่ไม่จบ มีแต่เรา. ไอ้พวกแผนก ปรุงแต่งต่อเติมทั้งหลาย
    พามันทำกรรมฐานพิเศษ ที่มนุษย์บางคนชาตินี้ทั้งชาติยังฝึกเอง
    ไม่สำเร็จก็มี ฝึกเป็นสิบๆปีกว่าจะสำเร็จเองก็มี พามันทำไม่กี่นาที
    มันก็ทำได้ แต่มันไม่รู้จักคุณ ไม่รู้จักรักษา เพราะมันมองไม่ออก
    ว่ามันจะรักษาไว้ และใช้ให้ก่อเกิดประโยชน์ และพัฒนาต่ออย่างไร

    แล้วมันเที่ยวสะเออะไปรู้ใจ ไปเข้าถึง คำสอน คำแนะนำ
    ทั้งๆที่มันเอง สติทางธรรม
    ก็ยังไม่พยายามสร้าง ยังไม่มีเครื่องรู้นามธรรมตรงนี้
    มันก็จะว่า ตัวมันมีสติทั้งๆที่มันพูดแบบไม่มีสติ
    ถ้ามันมีสติทางธรรมจริง เรื่องนามธรรมต่างๆ
    ไม่ว่า สัมผัสต่างๆ ไม่ว่าจะฝัน การรู้เห็นได้ด้วยตาพิเศษ หูพิเศษ
    สัมผัสทางกายพิเศษ
    มันจะต้องรู้ดี และพูดถ่ายทอดได้เป็นฉากๆ
    ตั้งแต่ที่ ได้แนะนำมันไปครั้งก่อนๆหน้าโน้นแล้ว
    และไม่ต้องเที่ยวไปแสวงหา ไปถามใครให้เสียเวลาแล้ว
    นอกจากว่า ปฏิบัติมาได้แล้ว เข้าถึงแล้ว จะต่อยอดและพัฒนา
    แล้วมาถามต่ออย่างนี้ ไม่มีใครเข้าว่าซ้ำย้อนคืนความทรงจำ
    ให้กระแทกใจหรอก

    นี่หละจิตใจมนุษย์ ที่คตเคี้ยว
    พอพูดตรงๆกับมันก็หาว่าดูถูก
    ดูแคลน พูดไม่เพราะ วาจาไม่สุภาพ
    พอไม่พูดกับมัน ก็หาว่าไม่สนใจมันอีก
    พอพูดกับคนอื่นๆแรง มันก็มาเตือนอีก อ้างว่าหวังดี
    อ้างโน้นนี่นั้นไปเรื่อย
    ที่เคยบอกมันแล้วว่า อย่า ว่า ห้าม ให้ปฏิบัติอย่างโน้นนี่นั้น
    เจือกอ่านแต่แบบผ่าน ไม่ซึมเข้ากระโหลก และไม่ทำตาม
    และทำทุกอย่างที่เคยห้าม....

    แล้วจะไปหวังอะไรที่ยิ่งกว่า
    เมื่อพื้นฐานที่สำคัญยังไม่พยายามสร้างให้มันมีก่อน

    ปล หัดจำใส่กระโหลกตัวเอง แล้วไปชะโหงกดูเงาตัวเองไว้
    และจำไว้ว่า อย่าเจือก อย่าสะเออะ ไปคิดแทนคนอื่นๆเค้า
    ไม่ต้องไปห่วง ไปสนคนอื่นๆว่า เค้าจะเป็นอย่างไร
    รู้จักตนเอง รู้จบเป็นบ้าง
    เอาใจเรา ไม่ให้คิด ชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว ก็พอ
    ดูแต่ตัวเราเอง ก็พอ ความสามารถในการเข้าใจนามธรรมต่างๆยิ่งกว่า
    ความสามารถในการทำอะไรได้พิเศษยิ่งกว่า
    ความสามารถในการเข้าถึงกรรมฐานต่างๆในระดับที่ใช้งาน
    ความสามารถในการ ลด ละ คลาย ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ยิ่งกว่า
    ความสามารถในการปล่อยวางปัญหาต่างๆได้
    ความสามารถในการแก้ไขปัญหาด้วยปัญญาของตัวเอง
    และระยะเวลาที่จิตสามารถคลายตัวเองได้โดยธรรมชาติ
    ของตัวมันเอง ว่าวันหนึ่งกี่วินาที กี่นาที ไม่ต้องเอาระดับที่พ้นแล้ว
    ที่คลายตัวได้ทั้งวันหรอก. มันคือตัวบอกผลของการปฏิบัติของเราเอง
    ซึ่งขึ้นอยู่กับ พฤติกรรมแห่งจิตตนเองทั้งนั้นนั่นหละครับ
    เข้าใจที่สื่อเนาะ
    บางเรื่องควรจบตั้งแต่ที่แนะนำครั้งแรก
    แล้วก็ไปปฏิบัติให้รู้ ให้เข้าถึง และก็วางซะ
    ไม่มีใครจะว่าง มานั่งมาตอบ มาแนะนำให้ได้ทั้งชาติ
    ยิ่งในเรื่องเดิมๆ ที่ถามแล้วถามอีก พูดแล้วพูดอีกได้หรอก
    ถ้าแนะนำ ให้อีก ควรเป็นเรื่องที่มันจะพัฒนาจาก
    ที่เคยได้แนะนำไปแล้ว
    ไปทำและปฏิบัติด้วยตัวเองให้มันได้ซะก่อนไป
    แล้วค่อยมาถามในเรื่องที่มันพัฒนากว่านี้หน่อย จบ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3128.JPG
      IMG_3128.JPG
      ขนาดไฟล์:
      20.7 KB
      เปิดดู:
      379
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2016
  9. The eyes

    The eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    968
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,638
    จริงทุกประโยค ขอบคุณค่ะ ^_^
     
  10. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    [​IMG]

    มาดูบรรยากาศท้องฟ้าตอนเช้าๆ
    ในช่วงนี้ที่วัดดังแห่งนี้บ้าง..
    ปล ที่วัดจะเปิดไฟอีก ๙๕ วันนับจากนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_3110.JPG
      IMG_3110.JPG
      ขนาดไฟล์:
      318.6 KB
      เปิดดู:
      462
  11. Snooty

    Snooty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    180
    ค่าพลัง:
    +670
    ขอบคุณป๋าสำหรับรูปสวยๆที่เอามาฝากค่า

    ป.ล.โดนกันทั่วหน้า คิดถึงสมัยก่อนๆขึ้นมาเลย เคยโดนป๋านบด่าเหมือนกัน โดนหลายครั้งด้วย เกือบโดนบาทาไร้เงาก็หลายครั้ง (ไม่รวมที่ป๋าอยากส่งกายทิพย์มาตื๊บอีกหลายรอบ ๕๕ )

    แต่ที่สอนก็จริงทุกอย่างค่ะ ต้องขอบคุณป๋าที่เมตตาคอยตักเตือนเวลาเป๋นะคะ

    \(^___^)/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 2800416_edited.jpg
      2800416_edited.jpg
      ขนาดไฟล์:
      705.1 KB
      เปิดดู:
      44
    • 2800418.jpg
      2800418.jpg
      ขนาดไฟล์:
      254.4 KB
      เปิดดู:
      42
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 ตุลาคม 2016
  12. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    ก็ฝึกไปเรื่อยๆละคะ ขอบคุณมากคะ...อิอิ
     
  13. nai4530

    nai4530 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +60
    คอมป่วย

    ช่วงนี้ คอมป่วย แฮะๆ
     
  14. nai4530

    nai4530 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +60
    รายงาน

    1 ท่านมยุรา ท่านทรง รับแล้ว
    2 สอบตกอีก แระ แถม ทำเรื่องน่าอาย ไม่เล่านะ
    เรื่องเล่า
    หลายวันมานี้ กะมีโอกาศ ไปรับรู้เรื่องราว ที่ คนทำกะคน
    ในโลกนี้ ทีน่าหดหู่ใจมาก จะเล่าเองกะ ว่าจะไม่ถูกต้อง
    อาจคลาดเคลื่อน ลำพังตัวเอง แค่ไปรู้ เห็นยังแทบเอาตัวไม่รอด
    ดีที ท่าน nopphakan มาอยู่ข้างหลัง ไม่งั้นน่าจะ ฮึ ฮึ
    เรื่องนี้ ต้องกราบขอบพระคุณเป็นอย่าสูง

    เอาเป็นว่า อะไรที เกียวข้องกะ ที่ อโคจร ทั้งหลายแหล่
    ขอเราท่านทั้งหลาย อย่าได้เข้าไปข้องแวะเลย
    เวลาที เหตุประกอบแล้ว แก้ไขยากมาก
    แก้ไขแล้วกะใช่ว่าจะเหมือนเดิม
    น ่าเวทนา ยิ่งนัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ตุลาคม 2016
  15. Tanya R

    Tanya R เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    389
    ค่าพลัง:
    +876
    วันนี้ไปร่วมทำบุญทอดกฐินวัดธรรมรังษี เมลเบิร์น คนมาทำบุญเยอะมากๆค่ะ ตั้งแต่ก่อตั้งวัดมา 32 ปี ปีนี้ปีแรกได้จัดทำกฐินเพราะเป็นปีแรกที่มีพระจำพรรษาอยู่ครบ 5 รูป ได้ยอดเงินกฐินทั้งสิ้น $138,215.15
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    เรื่องที่จะสอบผ่านง่ายที่สุดสำหรับการทดสอบทางภพภูมิ
    ๑.ก็คือเรื่องศีล ๕ ข้อใดข้อหนึ่งที่เรายังอ่อนอยู่
    ถ้าผ่านก็จะไปต่อยัง ถ้าสามารถผ่านได้เลยครั้งแรกก็คือจบ
    แล้วก็รอไปอีกอย่างน้อย ๒ ปีถึงจะมีมาใหม่แบบที่ลึกๆในก้นบึ้งของจิต
    แบบที่ไม่มีใครรู้ มีแต่เราคนเดียวที่รู้และต่อมา
    ๒.เรื่องเกี่ยวกับพื้นฐานจิตใจสำหรับการรองรับการใช้งานกรรมฐานพิเศษนั้นๆ
    ตรงนี้เพื่อจะดูว่า เราจะตัดสินใจในการใช้อาวุธที่มีทางโลกในการแก้ปัญหา
    หรือเปล่า จากจุดนี้โดยมากจะตกกันเป็นเรื่องปกติธรรมดา
    บางครั้งอาจจะเจอการทดสอบถึง ๓ ครั้งในการฝันครั้งเดียว


    และ ๓ ก็ตามด้วยการทดสอบทางด้านเมตตาภายใน
    และความเฉลียวในการใช้งาน
    กรรมฐานกองนั้นๆ ซึ่งมักจะมาเป็นอุปสรรคบางอย่าง
    แล้วให้เราใช้กรรมฐานกองนั้นๆเพื่อให้ผ่านพ้นอุปสรรคไปให้ได้
    ส่วนความเฉลียวในการใช้งาน เป็นคล้ายๆการทดสอบในเชิง
    การมองสถานะการณ์เฉพาะที่รัดกุม เช่น มีอะไรบ้างอย่างบิน
    มาเหมือนจะทำร้ายเรา แต่จริงๆแค่บินมาโฉบ ถ้าเราซัดเต็มแม๊กเลย
    จากกรรมฐานที่มีในครั้งแรก ความหมายก็คือเราสอบตก
    ช่วงนี้อาจจะมีการทดสอบเกี่ยวกับ โลภ โกรธ หลง เข้ามาบ้าง
    แต่มักจะผ่านกันได้ไม่ยาก
    และ ๔ สุดท้ายค่อยตามมาด้วยการทดสอบเกี่ยวกับเรื่องปัญญาทางธรรม

    โดยทั่วๆไปแล้ว ถ้าคนไม่ได้ปฏิบัติ มักจะตกตั้งแต่ข้อแรก
    แต่ถ้านักปฏิบัติที่มีความมั่นคงในศีลมาดีพอ มักจะผ่านข้อแรกได้ไม่ยาก
    เพราะถ้าไม่มั่นคงจริงๆ แม้แต่ห่มเหลืองก็มักจะสอบตกกันได้เป็นเรื่องปกติ...

    จนกระทั่ง เมื่ออนาคตเราจะทำอะไรพิเศษๆได้

    ก็จะเริ่มมีการทดสอบข้อที่ ๒ เข้ามา ในส่วนข้อที่สองนั้น
    ต่อให้เรามีความสามารถภายในที่ดีเพียงใดก็ตาม
    หากเราไม่ผ่านข้อที่แล้ว ตัวจิตเราจะไม่สามารถพลิกจาก
    ภายในออกไปภายนอกได้ จะเป็นเพียงการรับรู้ได้เพียงคนเดียว
    ที่ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้
    และหากนานวันเข้า ดันใช้เพื่อตัวเอง ก็จะเป็นเหตุให้เผื่อได้
    คือ การรู้ภายในแบบที่เป็นไปตามกิเลสตัวเอง และตรงนี้หากหลงตนเอง
    มักจะเป็นเหตุให้สร้างวิบากให้ตนเอง นานๆเข้าจะถึงขั้นวิปลาสทางจิตได้
    ไม่ว่าจะเหตุการใช้เครื่องรู้สนองตัวเอง หรือเหตุจากการอยากมีอะไรพิเศษ
    แบบทางลัดต่างๆ ไม่ว่าจะแบบถูกหลอกด้วยเสียง ด้วยการบอกว่าเราเป็น
    บุคคลพิเศษอะไรต่างๆ ฯลฯ
    และการที่จะผ่านขั้นที่ ๒ และ ๓ ได้นั้น ให้เข้าใจเอาไว้ว่า การสอบตกนั้น
    เป็นเรื่องที่แสนปกติมากๆ แม้แต่ครูบาร์อาจารย์มีชื่อในอดีตหรือปัจจุบัน
    หลายท่านก่อนที่จะผ่านได้ ล้วนแล้วแต่เคยสอบตกกันมาแล้วทั้งนั้นครับ..

    ส่วนขั้นที่จะมาทดสอบทางด้านปัญญาก็เป็นอีกระดับหนึ่งมีประสบการณ์น้อย
    คงพูดอะไรไม่ได้มาก.ตรงนี้อาจจะได้รับคำตอบที่ดี
    จากพระสงฆ์ที่มีชื่อ..

    บอกทุกคนว่า อย่าไปใส่ใจ ให้ปล่อยวาง ในเรื่องที่เราฝันเห็นโน้นนี่นั้น
    แล้วมันเกิดขึ้นจริงๆ เพราะพวกนี้เป็นแค่ อนาคตังสญานอย่างอ่อนแค่นั้น
    มันยังมีอะไรรออยู่ข้างหน้าอีกเยอะ บุคคลที่ ชำนาญทางด้านนี้ จะสามารถ
    รู้วัน ปี เวลา ช่วงเวลาได้ตรงๆ ผิดพลาดถ้าหลักปี ไม่เกินวัน หลักวันไม่เกินชั่วโมง
    โดยมาก เรามักจะเจอเหตุการณ์แล้วค่อยอ่อๆ ตรงนี้ยังไม่ถือว่าเป็นระดับใช้งานนะครับ
    หรือฝันเกี่ยวกับโน้นนี่นั้น แล้วเรามาพยายามหาคำตอบ ตรงนี้ก็อย่าสนใจ...
    และแม้เราจะเห็นอะไรได้ สัมผัสอะไรได้ ไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตา
    อย่าไปสนใจมันครับ ให้เฉยๆไว้
    เพราะเราจะวัดกันจริงๆ ก็คือ ความสามารถในการนำไปใช้งานได้จริงๆเท่านั้น
    ถึงแม้ว่าจะใช้งานได้จริงๆแล้ว ก็ต้องรู้จักวาง รู้จักทิ้ง เวลาจะใช้ค่อยใช้งานครับ...

    ในวงการพลิกการใช้งานจากการหลับตาเห็น รู้ได้ด้วยใจตนเอง หรือรู้ภายในนั้น
    หรือเรียกว่า มโนฯ อะไรก็ตามนั้น เพื่อพลิกมาสู่
    ภายนอก หรือเรียกกันว่า ภายนอกบ้าน ที่จะสามารถรับรู้พิสูจน์ แสดงได้
    แม้ว่าผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ รวมทั้งยังสามารถทำให้ใครเกิดมีก็ได้นั้น


    ถ้าเราไม่เคยก้าวเข้ามาสู่ระบบนี้ได้ ให้เราระวังเรื่อง การเผลอคิดว่าตัวว่าตนให้ดีๆ
    เพราะถ้าได้เข้ามาแล้ว เราจะพบว่า ต้วเราแค่พึ่งปีนหน้าฝาขึ้นมาได้
    ในขณะที่ครูบาร์อาจารย์ทั้งหลาย ทั้งสร้างบ้าน มีที่มีทางกันหมดแล้ว...

    ไม่งั้นแค่สัมผัสแบบหลับตาเห็น รู้เองคนเดียว เอ่อเองคนเดียว
    พิสูจน์ก็ไม่ได้ แสดงให้ใครรับรู้ก็ไม่ได้ ใช้งานอะไรก็ไม่ได้
    มันจะโน้นให้เราเอามา ใช้มาพูดเพื่อยกตัวเอง ยกตนข่มท่าน
    ตรงนี้เป็นกิเลสตัวเป้งที่ต้องผ่านกันให้ได้ครับ
    ไม่งั้น มันจะหลงตัวเองอย่างที่คาดไม่ถึง
    และจะไม่ฟังใคร ทั้งๆที่ไม่สามารถอธิบายอะไรได้
    ไม่สามารถแนะได้ สอนได้ แสดงไม่ได้
    ได้อย่างไม่น่าเชื่อ หนักเข้าคิดว่าตัวเอง
    เป็นระดับโน้นนี่นั้น ก็จะเอาบุญเอาบาปมาอ้าง
    กลายเป็นปรามาสสิ่งที่ไม่ควรปรามาส
    อ้างสิ่งที่ไม่ควรนำมาอ้าง เพื่อเสริมกิเลสตนเอง
    เป็นเหตุให้จิตเริ่มไม่ปกติ และก็จะมีอาการ
    คล้ายๆคนวิปลาสทางจิตได้ พวกนี้ถ้าหลงไปแล้ว
    โอกาสจะกลับมาเป็นปกติค่อนข้างยาก
    เพราะ กำลังจิตเราจะต่ำ แต่เราจะคิดว่าเราเก่ง
    เพราะเราจะเห็นสิ่งที่เป็นไปตามกิเลสเรา แต่เราจะยึดว่าใช่
    ทั้งๆที่ ทุกๆสิ่งล้วนแล้วแต่เป็นเพียงมายา
    มายาจิต มันก็คือ กลจิตชนิดหนึ่งแค่นั้นเองครับ


    ปล.ในนิมิตหรือในฝันถ้ามีความรู้สึกว่าจะโดนรังแก
    จากระดับภพภูมิที่ไม่ดี ให้นึกถึงผู้เขียนเอาไว้
    เป็นหนึ่งในทางเลือกที่จะแก้ปัญหา ณ เวลานั้น
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    มาเรื่องงานบุญ ช่วงนี้มีหลายวัด วันก่อนพระมารดา
    มีโอกาสไปร่วมงานของหลวง พ่อวิริยัง ที่ กทม.
    ไปขบวณรถตู้พันปี ๓ คัน กับรถบัส ๓ พันปีอีกคัน
    ปรากฏว่า ได้เงินกฐินค่อนข้างมากทีเดียว
    เฉพาะ คุณพี่ท่านหนึ่งก็ร่วมไป หนึ่งล้านบาทถ้วน..
    เพราะว่าเหมือนจะขายที่ดินได้ และก็ คุณป้าอีกท่าน
    ก็บริจาคไปอีก สี่ล้านบาทถ้วน แต่ทั่วๆไป เฉพาะ
    รถตู้ พันปี ๓ คันและรถบัส ๓ พันปี ๑ คันได้
    ประมาณ สี่หมื่นบาทไทย..นี่คือ เฉพาะจังหวัดเดียว
    ที่มีศูนย์สอนสมาธิของหลวงพ่อท่านนะครับ..
    และก็จะมีมาอีกจากทั่วประเทศไทย คิดว่า
    คงได้อีกมากพอสมควร

    ปล.ส่วนตัวไม่ได้ร่วมซักบาท ๕๕๕
    จะพูดทำไม..
     
  18. nai4530

    nai4530 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +60
    รายงาน
    หลายวันก่อน เริ่มเชื่อมต่อ พลังงานภายนอกได้
    โดย การเดินลมภายใน ให้เป็นศูนย์ญากาศ แล้วเชื่อมต่อ พลังงานภายนอก ทางหน้าผาก
    ดูดพลังเข้ามาแล้วทำการกระจายไป ทั่วร่างกาย
    ดันพลังงานภายในออก ไปนอกร่างกาย
    -- อยากทราบว่า วิธีปฎิบัติ และข้อห้าม ในการพัฒนาต่อไป
    -- การปั่นกสิณ กะยังปฎิบัติอยู่
    จบแล้ว 3 ชุด น่าจะเหลืออีก 2 ชุด
    กราบขอบพระคุณ ครับ
     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    พลังงานเน้นไร้ทิศทาง
    ถึงจะไร้ขอบเขตและเป็นอัตโนมัติและเบา
    ปล.ช่วงนี้ไม่ว่าง ลองทำไปก่อนครับ
    เด่วมาเล่ารายละเอียดให้ฟัง
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ให้อ่านไปก่อน
    เพราะจะยังรู้สึกว่า ยังแปลกๆขัดๆอยู่
    อ่านให้จบก่อน และไปลองทำตาม
    แล้วมาสังเกตุผลดูด้วยตัวเองถึงจะเข้าใจได้..

    วิธีการที่เล่าให้ฟังมา ที่ผู้เขียนได้อ้างอิงมา
    ในระดับใช้งานนอกบ้าน ถือว่ามันยังไม่ไปรซีรีย์
    อนาคตในการนำไปใช้งาน มันจะตะกุกตะกัก
    ติดๆขัดๆ ใช้แรงมากและรู้สึกหนัก จิตไม่เบา จิตไม่คลาย
    ผลที่ได้ไม่ดีที่ควร และจะใช้เวลานานเกินไป
    และไม่เป็นไปอัตโนมัติของมันเอง..

    เพราะมันจะไปติดอยู่ ๒ อย่างคือ ๑. ติดตรงตัว วิตก วิตกคือ
    ตัวที่ไปรู้ว่า จะต้องทำอย่างนั้น อย่างโน้นต่อไป
    ว่าจะต้องทำอะไร พอไปติดวิตก แล้วนั้นกำลังมันก็จะตก
    ลงมาตาม เป็นเหตุให้เกิดผลอย่างที่เล่าให้ฟังข้างบน
    ที่สำคัญก็คือ มันจะเตลิดได้ คือพร้อมทำพร้อมใช้
    งานอยู่ตลอดเวลาอย่างที่คาดไม่ถึง
    และ ๒.ก็คือ ยังมีเราเป็นผู้เข้าไปกระทำ ตรงนี้สำคัญมาก
    เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเข้าไปกระทำ โดยมีตัวเราส่งตัววิญญาณ
    หรือตัวรู้เข้าไปแทรกแซง ตลอดจนใช้กำลังตัวเองนั้น
    เมื่อเกิดการเชื่อมกันกับ ภายนอก มันจะกลายเป็นกระแสวิบาก
    (วิบากคือ กระแสที่จรเข้ามา ที่ทำให้กาย ให้จิตเป็นโน้นนี่นั้นนั่นหละครับ)


    ให้แก้ใหม่ซะ
    ๑.ด้วยการเริ่มต้นสร้างพลังงานให้ออกจากกลางจิต
    ผลักมันให้ขยายกว้างออกไปภายนอก
    ๒.ไปผลักเส้นกระแสพลังงานตามแนวกระดูกสันหลัง
    ให้วิ่งตรงขึ้นไปข้างบน
    ๓.ไปผลักแนวเส้นกระแสพลังงานด้านหน้าตัวตามแนวจักระ
    ให้วิ่งขึ้นไปด้านบน
    ๔.ค่อยไล่เปิดจักระ (ด้านหน้าและหลังพูดง่ายๆ หน้าทะลุหลัง
    ให้ครบทุกจุด
    ๕.เราจะสังเกตุว่า ตามแนวลำตัวจะมีเส้นพลังงานอีกสองเส้น
    เกิดขึ้นมา(ที่เค้าเรียกงูไฟ มังกร จริงๆไม่มีอะไรหรอก เป็นแค่
    เส้นพลังงานปกติทั่วไป ที่มันรู้เพราะอย่างอื่นๆ) สองเส้นนี้
    มันจะวิ่งหยุดอยู่ที่ท้ายทอย(ที่พวกสายอสูร ชอบเรียกว่าเป็น
    อะไรๆพิเศษ ชอบหลอกล่อคนว่า ทำแล้วจะมีโน้นนี่นั้น
    เป็นผู้วิเศษโน้นนั้นนี่ ที่เอาไว้หลอกคนอยากมีอะไรพิเศษ
    ทางลัดให้หลงตัวเองเล่นๆ
    แล้วเอามันออกไปเชื่อมกับ พวกวิญญานมีฤิทธิ์
    พวกสายอสูรกาย แล้วเกิดคุณวิเศษ ที่ไม่สามารถอธิบาย
    หรือสอนได้ แล้วทำให้หลงตัวเองอย่างคาดไม่ถึงนั้นหละ)
    ให้ผลักและดันมันขึ้นไปข้างบนซะ
    ให้ไปเชื่อมกับเส้นพลังงานตามแนวกระดูสันหลังซะ
    และเส้นครูบาร์อาจารย์ด้านหน้าซะ ตรงนี้ต้องบังคับมันหน่อยครับ
    ฝึกทำขั้นตอนนี้ให้ได้ จนเป็นปกติ ใช้เวลาหน่อยช่วงแรกๆ
    ต่อไปจะเป็นอัตโนมัติ...
    ทำได้จนชิน อย่าเกิน ๑๐ วินาที
    แล้วจะมาเล่า การดึงพลังงานภายนอก บวกกับการสร้างพลังงาน
    ภายในเพื่อการนำไปใช้งานต่อให้ภายหลัง...
    ปล. ตรงนี้เป็นพื้นฐาน ต้องทำให้ได้ก่อน..
    ทำได้ แล้วจะพบว่า อื่นๆมันจะง่ายขึ้น
    ลองไปพิสูจน์ดูครับ. (^_^)
     

แชร์หน้านี้

Loading...