แจ้งเตือนเรื่อง ฝนที่ตกโปรยปรายอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่ ฝนตามฤดูกาล แต่เป็น ฝนนิรมิต

หาก ยอดหญ้า ยังไม่กลบผืนดิน
ก็แสดงว่า ยังไม่พร้อม น้ำยังไม่พอ
ต้องให้เดินไป แล้วไม่เจอดินที่ว่างเปล่า
ที่ปราศจาก พืช ผืนดินที่ดี ควร เขียวขจีชุ่มชื้น

ต่อไปในภายภาคหน้า
พวกเราจะโดนเผา ด้วย ไฟ มีทั้ง
ภูเขาไฟ, ไฟนรก, ไฟแดดแผดเผา,
อาวุธไฟ, ความร้อนอื่นๆ

ทางหนีที่ดี ก็คือ หนีลงน้ำ
ให้เราหนีน้ำ แต่ก็อย่าให้ห่างน้ำ มากเกินไป
เพราะเมื่อถึง เวลาที่เกิดไฟเผา
เราก็จะต้องหนีลงน้ำ แล้วขึ้นมาได้ด้วย
ให้สร้างบ้าน แบบลอยอยู่บนน้ำ ได้
ให้เตรียมผลิต เรือสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก
ออกมาแจกจ่าย โดยใช้แบบของ
โรงเรียนช่างต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว สร้างขึ้นมา
ให้เลิก ผลิตข้าวเพื่อการค้า
แต่ให้ ผลิตข้าวแค่พอกิน เท่านั้น
ปุ๋ยยา ก็ไม่ต้อง ไปซื้อใส่มัน
คอยดูแล หญ้า ก็เพียงพอแล้ว
ข้าวที่จะผลิต ก็ให้เน้นเป็น ข้าวเบา
ที่มี ลำต้นยาวๆ ใช้เวลาน้อย ลอยน้ำได้
อาหารการกิน ก็ให้เน้น กินเจ จะดีที่สุด

 

มาเลยครับกายไม่พร้อมเเต่ใจพร้อมเเล้วตอนนี้ เพราะ กามคุณเริ่มเบาบางเเล้ว

 

ในสมัยหนึ่ง

ขณะที่เรากำลังฟังธรรมะ ของช่อง วัดสังฆทาน
เราก็เกิดความคิดสงสัย ขึ้นมาว่า
เหตุใดหนอ พระจึงมาชุมนุมกันที่วัดนี้ มากมายนัก
ทั้งๆที่ อาจารย์ใหญ่ของที่นี่ บารมีก็ยังไม่สูงนัก
แสดงว่า จะต้องมี พระอริยะเจ้า คอยช่วยเหลือค้ำจุน

เราจึงติดตาม ดูเทปของวัดสังฆทาน มาเรื่อยๆ
จนวันหนึ่ง เราพบว่า มีพระรูปหนึ่ง ของที่นี่
เข้าออกญานสี่ ได้คล่องแคล่ว ว่องไวมาก
วัดท่านอยู่ทาง ภาคตะวันออก ของประเทศไทย
แต่ก็ยังไม่ใช่ บุคคลที่เราตามหา

จนกระทั่งวันหนึ่ง เราฟังเรื่อง
สมถะ กับ วิปัสสนา เป็นคนละเรื่องกัน
ขณะที่เข้าญานลึกๆ จะทำวิปัสสนา ไม่ได้
ต้องถอยออกมาก่อน แล้วค่อย กำหนดจิตคิดพิจารณา
เราจึงเข้าใจ หลักของการทำวิปัสสนา
ที่ต้องใช้ญานอ่อนๆ ก็พอ ค่อยๆทำสะสมไปเรื่อยๆ
ญานที่ลึกไป ไม่มีประโยชน์ มีแต่ หลงติดในญาน
พระอาจารย์รูปนั้น คือ พระอาจารย์ จรัญ ทักขิณาโญ
แห่ง วัดหลวงขุนวิน นั่นเอง

 

ต่อมาอีกสมัยหนึ่ง

เกิดกรณีการปรามาส พระอาจารย์คึกฤทธิ์
ของ สำนักวัดนาป่าพง เกิดขึ้น
เราจึงต้องติดตามตรวจสอบ
คอยฟังคำสอนของท่าน
จนกระทั่ง แน่ใจได้ว่า ท่านผ่านแล้ว
คำสอนของท่าน เน้นที่ เกิด และ ดับ
ซึ่งเป็นคำสอนที่ตรงมาก ในด้านการทำวิปัสสนา

หากใครฟังคำสอนของท่าน
แล้วพิจารณาตาม ก็จะบรรลุธรรมได้เร็วมาก
เพราะเป็นการทำวิปัสสนาญาน ที่เรียกว่า
การทำวปัสสนาโดยพิจารณา
การเกิดขึ้น และ การดับไป โดยตรง
ซึ่งอันนี้แหละ ที่เรียกว่า หัวใจของพระพุทธศาสนา
คือ ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ของเรา

 

และอีกสมัยหนึ่ง

ขณะที่ พระอาจารย์ปราโมทย์ แห่งสำนักวัดสวนสันติธรรม
ที่สอนเรื่องการดูจิต ถูกวิพากษ์วิจารณ์จาก
ผู้ไม่รู้ หรือ รู้แต่ไม่ลึก หรือ ลึกแต่ไม่รอบ
ที่บอกว่า ท่านสอนผิดเพี้ยน จากหลวงปู่ดุลย์

ข้อหานี้ ก็ไม่จริง เพราะว่า การดูจิตนั้น
หลวงปู่ดุลย์ ท่านเน้นสอนแต่ พระที่ผ่านทดสอบแล้ว
ดังนั้น พระที่ยังไม่ผ่าน มาบอกว่า ท่านไม่เคยสอน
อันนี้ถูกข้างเดียว เพราะที่ถูกต้อง ก็คือ
หลวงปู่ดุลย์ ไม่รู้จะสอนไปทำไม เพราะสอนเท่าไหร่
ลูกศิษย์ใกล้ชิดเหล่านั้น ก็ไม่มีวันจะเข้าใจได้
ท่านเห็นว่า พระเหล่านั้น อินทรียังไม่แก่กล้าพอ

ดังนั้น เมื่อท่านเห็นว่า มีคนที่มีอินทรีย์แก่กล้า
มาสนทนาธรรมด้วย ท่านก็กำชับแค่ประโยคเดียว
ผู้นั้นก็จะสามารถ เป็น โคตรภูบุคคล ได้ทันที
ดวงตาเห็นธรรม เปิดตอนนั้นทันที
หากปฏิบัติต่อไปเรื่อยๆ จนเป็นนิสัย
ก็มีสิทธิ์ถึง อนาคามีบุคคล ได้

ก็เหมือนอย่าง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
ก็เน้นสอน ลูกศิษย์ที่อินทรีแก่กล้า
แค่ประโยคเดียว ลูกศิษย์ก็จะเกิดความมั่นใจ
แล้วก็ได้ ดวงตาเห็นธรรม ทันที

ส่วนพระอาจารย์รูปนี้ จะผิดอยู่เรื่องเดียว ก็คือ
สอนการดูจิตให้กับ คนทั่วๆไป ที่อินทรีย์ยังไม่แก่กล้า
ทำให้คนที่มีปัญญาน้อย ฟังไม่รู้เรื่อง จะคอยปรามาสท่าน
แต่คนที่มีอินทรีย์แก่กล้า ฟังประโยคเดียว
ก็จะสามารถ บรรลุธรรม ได้เหมือนกัน แต่ก็จะมีน้อยมาก

 

เรื่อง เรือสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก นั้น
เผยแพร่ได้ ถูกต้องแล้วครับ
แต่รูปแบบ ยังมีมากกว่านี้ อลังการกว่านี้
ใหญ่กว่านี้ เป็น โซล่าร์ก็มี ระบบไฟฟ้าก็มี
ใครที่มีภาพ ช่วยกันเผยแพ่ครับ มีเป็นพันแบบ

ส่วนเรื่อง บ้านในน้ำ ให้ดูตัวอย่าง แพเท๊ค
แถวเมืองกาญจนฐุรี หรือ แพในเขื่อน
ที่มีท่อนเหล็ก 2 อันคอยรับน้ำหนักด้านใต้
จะรับน้ำหนักได้ หลายสิบตัน
ทำได้หลายชั้น ใช้เชือกผูกแล้ว ลากไปมาได้
ตรงไหนที่น้ำ ไหลไม่แรง แต่น้ำเยอะ ก็สร้างได้

ส่วนหน่วยงานของรัฐ ควรจะมี เครื่องบินน้ำ บรรจุเพิ่มเข้ามา
เพื่อเอาไว้ ขนอาหาร และ สิ่งของบรรเทาทุกข์

ส่วนใคร ยังไม่มีอาชีพ แต่มีเงิน
ก็ไปซื้อ เครื่องกรองน้้าใหญ่ๆ มา
แล้วทำ น้ำดื่ม เอาไว้ขาย หรือ แจก ก็ได้

ส่วนบ้านคน ก็ควรจะมี โอ่งปูนขนาดใหญ่
ที่เราเก็บน้ำฝน เอาไว้กิน ไม่ต่ำกว่า 10 ลูก
ถมเนินดิน สัก 3 เมตร แล้วเอาโอ่งไปตั้งบนนั้น
ห้ามใช้โอ่งพลาสติก หรือ โอ่งไฟเบอร์
เพราะเวลาโดนความร้อน จะละลายได้
เมื่อโดนไฟเผา หรือ หนีความร้อน
ก็สามารถ หนีลงไปนอนในโอ่งปูนได้

ส่วน โรงเรียน วัด หน่วยงานราชการ
ต้องมีโอ่งปูน ไม่น้อยกว่า 30 ลูก

ถามว่า เวลาร้อน ทำไมไม่หนีเข้าห้องแอร์
ตอบว่า เวลาสงคราม น้ำ กับไฟฟ้า
คือ สิ่งที่เค้าจะทำลายก่อน
ยิ่งประเทศไหน มีโรงงานไฟฟ้านิวเคลีย
เวลาโดนบึ้ม โรงงานนิวเคลียนั่นแหละ
คือ ระเบิดนิวเคลีย อีกลูกนั่นเอง
แต่ ลาว ข้างบ้านเรา มีโรงงานไฟฟ้านิวเคลีย
ถ้ามีระเบิด อีสานแถบโน้น ก็หมดไม่เหลือ

 

การปลูกผักในน้ำ แบบที่พม่าทำ ก็ถูกต้องแล้วครับ
เค้าทำมาตั้ง 500 กว่าปีแล้ว แต่น่าเสียดาย
ยังปลูกข้าวลอยน้ำไม่เป็น หรือว่า ยังไม่เจอพันธ์ที่ดี
แต่ประเทศไทยมีแล้ว นักวิชาการทำได้แล้ว
เราก็แค่ปลูกมันลงในน้ำตื้นๆ พอมันโตพ้นน้ำ
เราก็เอาไม้ไผ่ไปพยุงมันไว้ เหมือนผักพม่า
แล้วก็เอาเชือกผูกปลายไม้ไผ่ไว้ กันมันหนี

ส่วนเรื่องน้ำเน่า ที่จะเกิดในวันข้างหน้า
ก็ให้ หน่วยราชการ ออกทุนให้ประชาชน
ทำ EMบอล แล้วมาขายให้ หน่วยงานของรัฐ
จะเป็นการสร้างงาน ขณะที่น้ำท่วม ชาวบ้านก็มีรายได้
รัฐก็จะใช้งบประมาณได้ เช่นกัน

และถ้าที่ไหน ไม่มีแดดเลย ทำอีเอ็มบอลไม่ได้
ก็ให้ใช้ น้ำอีเอ็มเปล่าๆ ฉีดพ่นไปเลย
เพียง 24 ชั่วโมง ก็จะเห็นผล
ต่อไปก็ให้ฉีดพ่นทุกๆ วัน
แต่ถ้าใครขยายเป็น เอา อีเอ็ม มาผสม น้ำตาล
แล้วฉีดพ่น ก็จะลดค่าอีเอ็มลงไปได้อีก
แต่ถ้าใครไม่มีอีก ก้ให้เอา นมเปรี้ยวมาผสมกับ น้ำตาล
หรือ อะไรก็ได้ที่มีรสหวาน ก็ใช้ได้เหมือนกัน

อีเอ็ม ที่มีคุณภาพ จะต้องเป็น อีเอ็มคิวเซ เท่านั้น
ยี่ห้ออื่น หรือ พวก พ ง ด ใช้การไม่ได้
จะทำให้น้ำเน่า หนักกว่าเดิม

 

ใครจะบอมส์เกาหลีเหนือด้วยฝน ให้หยุดไว้ก่อนครับ
ยังไม่ถึงเวลา ให้คิดถึงคนที่จะเดือดร้อน
เพราะเกาหลีเหนือแตกด้วย คงทะลักเข้าจีนหมด
ทีนี้จะกลายเป็นว่า อดตายเพราะฟ้าฝน
ถ้าไม่ได้ตายเพราะสงคราม คงผิดหลัก
พวกนั้น จะต้องตาย เพราะสู้รบ ไม่ใช่ตายเพราะน้ำ
อดทนรออีกหน่อย ต้องให้เค้า สู้กันก่อน
แล้วเราค่อยใช้น้ำช่วย ยังไม่สาย

 

ใครที่อ่านกระทู้นี้ แล้วสามารถเข้าใจได้
หรือ เป็นบริวารของ พระศรีอาร์ย
ก็ให้ช่วยกันเขียนอะไรก็ได้
ให้มากกว่า 3 ประโยค แล้วเขียนว่า แสดงตัว ด้วย
จะได้รู้ว่ามีมากน้อยเท่าไรแล้ว

 

กระผม นายเกษม ลฆุโภชน์ ขอแสดงตัว อยู่ช่วยเหลืองานของพระศรีอาริย์โพธิสัตว์ ด้วยคนหนึ่งครับ

ยุคสามร่มโพธิศรีอาริย์ จากคำบอกเล่าของคุณอัญญาสิทธิ์

เรื่องเวลาที่แน่นอนนั้น ขอบอกตามตรงว่าไม่ทราบ เพราะจริงๆ แล้วน่าจะเกิดตั้งแต่ ค.ศ.1999 ตามที่นอสตราดามุสทำนายเอาไว้ แต่เมื่อดูจากเหตุการณ์ในปัจจุบันแล้ว ภัยธรรมชาติที่รุนแรงอย่างไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิตนี้ และจากคำบอกเล่าของครูบาอาจารย์ต่างๆ คิดว่าจะเกิดภายใน 1–3 ปีนี้...

เป็นกรรมของสัตว์โลกนะ ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกว่าระบบจะเริ่มล้างมนุษย์ปลายปี 47 ( ทีแรกคิดว่าไม่มีอะไรเกิดแล้ว จิตเกือบเผลอปรามาสครูบาอาจารย์ ) แล้วจะมีเหตุอื่นมาล้างเรื่อยๆ ด้วยระบบภัยพิบัติทางดิน น้ำ ลม ไฟ โรคระบาด และอุบัติภัยสงคราม และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนพระจักรพรรดิลงมา ภัยพิบัติจึงจะสงบ

ต่อไปที่จะวิบัติหนักๆ ก็คือ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อเมริกา ฯลฯ เคยถามครูบาอาจารย์ว่าไม่เคยมีใครเปลี่ยนได้เลยหรือ ท่านบอกว่า “ ไม่ได้ “ ท่านว่า “ ปูยีเว้าก็ปานพระเจ้าเว้านั่นแหละ ในโลกนี้ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้ เพราะกรรมของมนุษย์เป็นแบบนั้น “

สำหรับเมืองไทย ต่อไปกรุงเทพฯ ก็มิใช่จะปลอดภัยเพราะฝ่ายรักษาภายในของ กทม. เริ่มถอนระบบออกไปมากแล้ว และต่อไปภาคใต้แทบจะไม่เหลือ จะเป็นเกาะ เป็นแก่งทั้งหมด เราเข้าใจว่าภัยพิบัติในภาคใต้เป็นสัญญาณของยุคจักรพรรดิที่กำลังจะเริ่มต้น ที่จริงมีสัญญาณอย่างอื่นด้วย แต่เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล

ผู้ที่ไม่มีหน้าที่และเข้าไม่ถึงระบบธาตุเหล่านี้ก็จะไม่สามารถเข้าใจได้ ถ้าใครมีจิตที่เอ็กซเรย์ธาตุได้ก็จะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร อย่างแก้วมังกรและแก้ววิเศษของเทวดาก็อาจเป็นของไร้ค่าในโลกมนุษย์ เพราะความไม่รู้

ครูบาอาจารย์เคยเล่าว่า แค่นาคโก่งหลังขึ้นมามนุษย์ก็ตายเป็นเบือแล้ว ต่อไปบางที่ก็จะหายไปทั้งเกาะ นี่ยังไม่นับภัยพิบัติจากท้าวกกนาคแถวลพบุรี ที่ในไม่ช้า ( ช่วงท้ายๆ ของภัยพิบัติ ) จะลุกขึ้นมา ( ภายใน ) เพื่อไปรอรับพระจักรพรรดิ ขณะที่ทหารลิง 18 กองพลที่เคยเฝ้ายักษ์ตนนี้อยู่ที่อื่น ครูบาอาจารย์ท่านว่ายักษ์กกนาคตนนี้มีพิษมาก แค่พลิกตัว พิษของยักษ์ก็จะทำให้เกิดโรคระบาดร้ายแรงได้ มนุษย์จะตายไปครึ่งโลก แต่คนที่มีศีลก็ไม่เป็นไร

เราค่อนข้างมั่นใจว่าภายในปี 2560 ประเทศไทยจะได้เป็นมหาอำนาจ และไทยกับลาวจะรวมกันเป็นหนึ่ง ( ประเทศเดียวกัน ) ท่านไหนขยันหมั่นเพียรรักษาศีล ภาวนา ก็จะได้มีโอกาสอยู่ในยุคใหม่ต่อไป ส่วนท่านที่ยังไม่มีศีลธรรมพอ ก็คงจะต้องไปตามวิถีกรรมของตนเอง

ศาสนาอื่นนั้นไม่มีเหลือ เมื่อถึงเวลาแล้วจะหนีตายมาพึ่งศาสนาพุทธกันหมด เท่าที่ทราบต่อไปมหาอำนาจอย่างเช่น อเมริกา อังกฤษ ฯลฯ จะต้องมาพึ่งพาไทย ศูนย์กลางโลก ศูนย์กลางศาสนา อยู่ในประเทศไทย ซึ่งต่อไปที่แห่งหนึ่งในประเทศไทยจะเป็นใจกลางโลก ใจกลางศาสนา

ในยุคจักรพรรดิ ทั้งโลกจะถูกปกครองโดย 3 ร่มโพธิ์ศรีอัญญาสิทธิ์และอัญญาธรรม พระจักรพรรดิจะเป็นพระมหากษัตริย์ของโลก อย่างที่พวกยิวเขาคิดจะครองโลกกันนั้นไปไม่ถึงดวงดาวหรอก เพราะวิทยาศาสตร์ถึงทางตันแล้ว

เหตุที่เกิดในภาคใต้ ซึ่งเป็นเขตพระพุทธศาสนายังรุนแรงขนาดนี้ ต่อไปเหตุที่เกิดในเขตศาสนาอื่นๆ นั้น จะรุนแรงกว่านี้มาก และความหายนะที่จะเกิดขึ้นนั้นก็จะมากด้วย

ถ้าหากศึกษาถึงเชื้อของจิตวิญญาณเดิมของการมาเกิด ก็จะเข้าใจว่าอย่างอิสลามและคริสต์นั้นเชื้อจิตวิญญาณเดิม หรือต้นธาตุของจิตวิญญาณของพวกนี้ เป็นพวกยักษ์ตระกูลต่างๆ ดังนั้นที่ครูบาอาจารย์ท่านว่าพวกยักษ์นอกศาสนาเขาตีกันนั้น ก็พวกยักษ์เหล่านี้แหละที่มีปัญหา และพวกยักษ์เหล่านี้ก็มาเกิดมากในยุคนี้ ส่วนในเขตประเทศไทยและประเทศใกล้เคียงจะเป็นเชื้อนาค เชื้อเทวดา เชื้อครุฑ คนในเขตประเทศไทยส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่กับการเกิดเป็นเชื้อต่างๆ เหล่านี้ ขึ้นอยู่กับชาติที่ทำบารมีมาเด่นๆ ว่าเคยทำบารมีในภพภูมิไหนมามาก ก็จะมีความเกี่ยวพันกันกับภพภูมิเหล่านั้น

และเมื่อถึงเวลาก็จะเป็นการทำบารมีร่วมกันระหว่างภพภูมิ และบางครั้งการทำงานจากภายในก็จะส่งผลออกมาสู่ภายนอก แต่คนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน ที่เห็นก็คือผลที่แสดงออกมาภายนอก แต่คนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน ที่เห็นก็คือผลที่แสดงออกมาภายนอก และพยายามอธิบายกันด้วยเหตุและผลทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการรู้นอกแต่ไม่รู้ใน คล้ายๆ กับวิทยาศาสตร์พยายามอธิบายเหตุผลภายนอก แต่ไม่เข้าใจถึงกฎแห่งกรรม ซึ่งเป็นเหตุอยู่ภายใน เป็นต้น นี่คือรู้ไม่แจ้งในเรื่องนั้นๆ ก็เลยเกิดความ

ใครที่คิดจะทำบุญกุศลอะไรก็ให้รีบเร่งทำ หากเมื่อใดที่ผู้ที่เขาได้พรพระอินทร์เขาทำอธิษฐานบารมีเพื่อดูแลพระศาสนา ( ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรารถนาพุทธภูมิ ) ระบบที่เขาทำหน้าที่ภายในเขาก็จะทำงานตามลำดับ เมื่อถึงตอนนั้นจะเห็นคุณค่าของศีลธรรม ของศีลห้า ศีลแปด ของบุญบารมีที่แต่ละท่านบำเพ็ญเพียรสั่งสมมา

ให้ลองนึกถึงเหตุการณ์คลื่นยักษ์ในภาคใต้ดูว่า คลื่นยักษ์ขนาดไหนที่จะทำให้ด้ามขวานไทยเหลือเป็นเกาะเป็นแก่ง และคลื่นยักษ์ขนาดไหนที่จะสามารถทำให้เกาะขนาดประเทศไต้หวันหายวับไปได้ในพริบตา เมื่อไหร่ก็ตามที่นาคใหญ่ทำงานจะสั่นสะเทือนไปทั้งโลก หากจะเทียบเหตุการณ์ในภาคใต้ที่ผ่านมาเป็นแค่นาคใหญ่โก่งหลังหรือสะดุ้งเพียงเล็กน้อย ลองจินตนาการดูว่าหากพวกนาคบางพวกมีหน้าที่ทำฤทธิ์ เพื่อล้างพวกผู้มีศีลธรรมไม่เพียงพอสำหรับอยู่ในยุคพระธรรมบนโลกนี้ ก็จะเหลือคนไม่มากอย่างที่พระสูตรบอกไว้

จากที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่าสู่กันฟัง สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ไม่มีใครที่จะสามารถหลีกเลี่ยงได้เพราะกรรมเป็นตัวกำหนด และยุคพระยาธรรมิกราชก็เป็นพุทธประเพณี เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในกึ่งกลางพระพุทธศาสนา ในยุคของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ อย่างในยุคพระเวสสันดร ( ซึ่งเป็นช่วงประมาณกึ่งกลางศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ) หลังจากพระเวสสันดรได้พรแปดประการจากพระอินทร์แล้ว หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดยุคพระยาธรรมิกราชหรือยุคพระจักรพรรดิขึ้น ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าลูกชายพระเวสสันดรจะเป็นพระจักรพรรดิในสมัยนั้น ในยุคร่วมสมัยในปัจจุบันนี้มีบุคคลผู้หนึ่งทำทานบารมีจนได้พรแปดประการจากพระอินทร์แล้วเช่นกัน ก็พอจะอนุมานได้ว่ายุคพระยาธรรมิกราชนั้นเข้ามาใกล้ปลายจมูกแล้ว

“ ประมาท “ต่อไปจะมีพระจักรพรรดิเป็นผู้ปกครองโลก พระยาธรรมิกราชจะคล้ายพระสังฆราช และจะมีพระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่ง จะทำหน้าที่คล้ายกับนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามร่มโพธิ์ศรีก็คือ สามโพธิสัตว์ที่ลงมาทำหน้าที่ดูแลพระพุทธศาสนานั้นเอง และก็มีเหล่าอัญญาสิทธิ์ อัญญาธรรม ที่ตามลงมาทำหน้าที่อีกจำนวนหนึ่ง บางคนก็รู้ตัวแล้ว บางคนก็อาจยังไม่รู้ตัวเอง ถึงเวลาแล้วก็คงจะได้เห็นว่าของจริงนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งบางท่านจะมีชื่อเสียงในหมู่เทพ เทวดา นาค ครุฑ กุมภัณฑ์ ฤๅษี มุนี ดาบส ฯลฯ พวกเขาเหล่านั้นก็รอยุคพระยาธรรมิกราช แต่พวกมนุษย์ไม่รู้จักเพราะท่านเหล่านี้จะอยู่อย่างเงียบๆ และลี้ลับ ครูบาอาจารย์ท่านเคยเปรยๆ ให้ฟังว่า สำหรับผู้ทำบารมีเข้มข้นแล้วนั้น “ ดังบ่ดี ดีบ่ดัง “เช่น เรื่องธาตุแก้วเจ็ดประการที่เริ่มเข้ามาสู่ระบบแล้ว และมีสิ่งของอื่นๆ อีกหลายอย่างที่กระจัดกระจายกันอยู่ในหลายประเทศ เป็นต้น

ที่มา http://oknation.nationtv.tv/blog/Rachineeprajun/2007/07/31/entry-4

 

แผ่นดินไหวที่จีนเป็นสัญญาณเตือนไหมครับ

 

แผ่นดินไหวที่จีน ก็คือ ยักษ์หลับในตำนาน ทึ่ถูกสาปไว้
แต่ตื่นขึ้นมาร่อนเอา มนุษย์ที่ไม่รักษาศีลห้า ลง อเวจี ไป
เป็น สัญญานเตือนว่า พวกที่ควบคุมดิน
พร้อมแล้วที่จะนำ มนุษย์เลวไปลง นรก
เงินทองจะไม่สำคัญอีกต่อไป
ข้าวปลา เท่านั้นที่จะมีราคาน่าเก็บไว้
ควรเก็บสะสม ข้าวสาร ข้าวเปลือก พืช ของแห้ง
ให้อยู่ได้เป็นเดือนๆ ใครยังไม่มียุ้งฉางก็ทำเสีย

ฝนจะตกอีกนาน จะทำให้ คนชั่ว ตายอีกเยอะ
แต่ถ้า คนเลว คนไหนหนีขึ้นภูเขา
ก็จะต้องโดน แผ่นดินไหว ฆ่าตายอยู่ดี
อย่าคิดว่า หนีขึ้นเขาแล้ว จะรอดตายได้
ที่จะรอดตาย คือ รักษาศีลห้า เดี๋ยวนี้
ยิ่งถ้าเป็น ศีลอุโบสถ หรือ ศีลแปด ได้ยิ่งดี

 

หากว่า ไม่มีใครจะถามอะุไร
ก็คงจะไม่ตอบนะครับ
เพราะไม่รู้ว่า จะบอกเรื่องอะไรดี
แต่จะเตือนอีกเรื่องหนึ่ง ก็คือ
ควรเก็บเงินไปซื้อ เรือถูกๆ ไว้สักลำหนึ่ง
เอาแบบที่ เวลาเรือพลิกคว่ำ เรือก็ยังลอยอยู่
ไม่ได้จมลงไป คนก็สามารถเกาะเรือ ลอยคออยู่ได้เช่นกัน

 

ฝนเริ่มตก ตั้งแต่ เดือน เมษายน 2560 มาแล้ว
เพราะเราเห็นว่า เมืองไทย ชักจะแห้งแล้ง เกินไปแล้ว
พระอริยะเจ้า, พระอริยะสงฆ์, พระผู้ปฏิบัติธรรม, ผู้ปฏิบัติธรรม
จะเดือดร้อนกันได้ ชาวบ้านชักหาอาหารยากขึ้นทุกวัน

เราจึงได้อัญเชิญ ฝนที่จะตกในทะเล ให้ขึ้นมาตกบนบกแทน
แทนที่จะทิ้งน้ำฝน ลงทะเลไปเฉยๆ
ฝนจะตกหนัก จนเหมือนปีที่เกิด สึนามิ
ฝนจะตกลงมาเรื่อยๆ จนกว่า ลูกไฟยักษ์ จะตกลงมา
ใส่ดินแดน พระพุทธศาสนา จึงเกิดสงครามไปทั่วโลก

คนนับถือพุทธ จะไม่ชอบทำสงครามกับใคร
จึงเหลือเยอะมากที่สุด เพราะไม่ชอบฆ่าใครอยู่แล้ว
เพราะรู้ดีว่า ใครก่อสงคราม ก็จะต้องตกนรก
ใครฆ่าผู้อื่น แม้ในสงครามศาสนา ก็จะต้องรับกรรมคนเดียว
ไม่มีทางได้ไปเจอ พระเจ้าบนสวรรค์ แน่ๆ
มีแต่ไปเจอ พระเจ้าของนรก เท่านั้น
กรรมที่ไปฆ่าสัตว์ ตัดชีวิตเป็นกรรมที่หนัก และแรงมาก
จึงได้ยกขึ้นเป็น ศีลข้อที่หนึ่ง นั่นเอง

 

ขอแจ้งเตือนต่อไปว่า

หากใคร ฟังคำสอนของ พระอริยะเจ้า สามองค์นี้บ่อยๆ คือ
พระอาจารย์ จรัญ ทักขิณาโญ แห่ง วัดหลวงขุนวิน ที่สอนดูกาย,
พระอาจารย์ปราโมทย์ แห่งสำนักวัดสวนสันติธรรม ที่สอนดูจิต,
พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตถิผโล ของ สำนักวัดนาป่าพง ที่สอนดูเกิดดับ
จะทำให้ ทิฏฐิตรงทาง หรือ อินทรีย์แก่กล้า จะบรรลุธรรมได้ง่าย
เหมาะสมกับพวกที่เป็น สายปัญญา หรือ พวกมีเหตุมีผล

ส่วนใครที่ เผยแผ่ต่อไปให้ผู้อื่นฟัง
ก็จะทำให้ บารมีที่กำลังสั่งสม เต็มได้ในที่สุด
แล้วก็จะสามารถ บรรลุธรรม ได้เหมือนกัน

ยิ่งถ้าใคร เอาไปแปล เป็น ภาษาอื่นๆ
เพื่อให้ผู้ที่ใช้ภาษาอื่น ได้มีโอกาสรับฟัง
เค้าก็มีโอกาสที่จะบรรลุธรรมได้เหมือนกัน
ผู้ที่แปลให้ ไปเกิดอีกชาติไหน ก็จะเป็นพวกที่มีปัญญามาก
และ อาจจะบรรลุธรรม ด้วยปัญญาตนเองได้เหมือนกัน ในชาตินี้

 

นิทานหลังนอน

จากเหตุการณ์ที่ ในหลวง ถาม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ว่า
ประเทศไทย จะตกต่ำ ไปเป็น คอมมิวนิสต์ เหมือนเพื่อนบ้านไหม
หลวงพ่อ ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วยิ้ม ก่อนตอบกลับไปว่า
ตั้งแต่ พ.ศ.2520 เป็นต้นไป ประเทศไทยรอดแล้ว
เพราะ พระธรรมิกะราชา เกิดแล้ว
แต่เพราะ ในหลวง ก็คือ พระธรรมิกะราชา องค์หนึ่งเช่นกัน
หากบอกไปตรงๆ ก็จะทำให้ การบำเพ็ญเพียรที่ทำมา ไม่ต่อเนื่อง
หรือ อาจจะหมดกำลังใจ ที่จะเดินเดี่ยวๆได้
จนไม่อาจจะบรรลุ พระโพธิญาน ได้
และก็จะเป็นองค์กับที่ หลวงพ่อฯ บอกว่า
หากใครไม่ให้เกียรติ หรือ คิดจะทดสอบท่าน
ท่านก็จะทำบ้าๆบอให้เห็น หรือ แกล้งบ้าไปเลย

 

นิทานหลังนอน

ต่อมา อายุ 12 ขวบ ก็บวชเรียน
จนถึงปี 2534 พออายุ 14 - 15 ปี ก็ติดต่อ กับ
พระศรีอาริยะเมตไตรย์ แล้วก็เข้าใจได้ว่า
ถึงเวลาของช่วง กึ่งพุทธกาล แล้ว
ต้องช่วยงาน ของ สมณโคดมพุทธเจ้า แล้ว
อีกด้านหนึ่ง ก็ใช้ แสงทิพย์ ของ พระศรีอาริ์ย
รักษาทั้ง คนเป็น คนตาย และเหล่าเทวดา ด้วย
จากนั้น ก็ช่วยงานท่านเรื่อยมา รักษาทั้ง 3 โลก

 

นิทานหลังนอน

บริวาร สามแสนหกว่าคนที่ พระศรีอาริย์ ฝาก หลวงพ่อฤาษีลิงดำไว้

ปริศนา บริวาร 300,000 กว่าคน ของ พระศรีอาริย์
ก็คือ ลูกพระของท่านเมสึซามะ และ พระศรีอาริยะเมตไตรย์
ในเมืองไทย มีสถานะเป็น มูลนิธิเซไคคิวเซเคียว
ดำเนินการ รักษาทางด้าน จิตวิญญาน
หรือที่ถูกเรียกล้อเลียนว่า ลัทธิโยเร นั่นเอง
แต่ระบบมูลนิธิ และ ระบบบริษัท ตั้งควบคู่กัน
ย่อมไปกันไม่รอด การทำงานเลยทำได้ล่าช้ามาก
ลูกพระส่วนมาก จึงใช้ แสงทิพย์ จาก พระศรีอาริย์ โดยตรง
โดยที่บางคน ก็ออกจาก มูลนิธิแล้ว
แต่ความสามารถ ในการรักษา โลกวิญญาณ
ก็ยังสามารถใช้ได้ดั่งเดิม เพราะว่า
พวกเค้ามีของเก่าอยู่แล้วนั่นเอง
ในอดีตกาล พวกนี้คือ หมอรักษาโรค นั่นเอง

และถ้าหากว่า ใครที่ยังไม่รับพระ แต่มีความสามารถในการโยเร
หรือใช้ แสงทิพย์ รักษาคนเป็น และ รักษาคนตาย ได้
ก็อย่าได้แปลกใจ เพราะ ถึงเวลาแล้ว ที่เราเหล่าบริวารพระศรีอาริย์
จะได้ทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา
ท่านก็จับกลุ่มกันไว้ แล้วก็คอยฟังคำสั่งจากเบื้องบนอีกที

 

นิทานหลังนอน

ปริศนาที่ ภัยพิบัติ ไม่เกิดตามคำนาย

ก็เพราะว่า เราเห็น สึนามิครั้งที่แล้ว
มีคนตาย มากเกินไปแล้ว
ไม่อาจจะทำใจเย็น ยอมรับเรื่องเช่นนี้ได้
เนื่องจากว่า ครั้งนั้น เรายังไม่เข้าใจในกิจของเรา
เราจึง แทรกแซง ไม่ให้ภัยพิบัติ เกิดขึ้นมากเกินไป
และในครั้งนั้น ไม่มีสงครามมาแทรก จึงทำได้
และต่อมา จึงมีคนตาย เพราะแผ่นดินไหวเป็นล้านๆ
ในเมืองของนักบูชายัญ
แต่ครั้งนี้ ทำไม่ได้แล้ว เพราะเราคือ คณะกรรมการ เสียเอง

 

เอิ้กๆๆ