สารพันปัญหา ตอบโดยคุณ nopphakan

Discussion in 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' started by รูปติดบัตร, Nov 26, 2016.

Tags: Add Tags
  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 14, 2007
    Messages:
    8,436
    Ratings:
    +35,488
    ๕๕๕ กลายเป็นหมอแระตรู ๕๕
    บอกตรงๆว่าลืมแล้วเคยบอกอะไร
    ฟังเล่นๆแล้วกันเนาะ
    แต่อ่านที่ถามแล้วงงๆ
    ถ้าทางจิตเนี่ย สัมผัสที่เกิด
    เป็นปฐมเหตุแห่งแรงจูงใจใน
    การทำอะไรทั้งหลายนั่นหละ
    คือดีนะ ถ้าไม่คิดหาคำตอบอะไร
    และไปวิพากษ์อะไรเลยจะดีมาก

    ถ้าสุขภาพกายระวังช่วงต่ำกว่า
    หัวเข่าซ้ายหน่อย และเกี่ยวลำไส้(อาจเป็นเรื่องการรับประทานอาหาร)
    ซึ่งมันจะส่งผลต่อการฉิ้งฉ่องและขับถ่ายได้
    และก็อย่าเก็บอะไรมาคิดมากเด่วปวดหัว
    จะทำให้รำคาญได้

    ถ้าด้านภพภูมิที่ป้องกันดีเหมือนเดิม
    แต่ตอนนี้ไปทางพลังงานได้เพราะมีบางท่านหนุน
    ที่ไม่น่าใช่ชาวโลก (หมายถึงไม่ใช่พระที่อยู่ในท่านั่งสมาธิ ไม่ใช่ทางจีน)

    ปล.พอขำๆเด้อ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  2. Kanittha12

    Kanittha12 สมาชิก

    Joined:
    Oct 21, 2017
    Messages:
    55
    Ratings:
    +23
    ตอนนี้มีปัญหากับเพื่อนที่เคยรักกันมาก(เราอาจรักเขาคนเดียวหรือเปล่า)แต่ตอนนี้เขาเปรียนไปมากไปฟังคนอื่นให้ร้ายแล้วก้ไม่คุยไม่มองหน้าเราแถมโพสด่าว่าตลอด เหมือนไม่ใช่ตัวเขาสายตาที่มองเราแปลกที่สุด แต่ตอนนี้ออกมาจากเขาละคะคิดว่าคงคุยกันไม่รู้เรื่องเพราะเขาเปลี่ยนไป ก็สบายใจที่ออกมาได้แต่แค่ส่งสัยอะไรทำให้เขาเปลี่ยนขนาดนี้คะ บ่นให้คุณนพฟัง เพื่อจะช่วยหายข้องใจ อิอิ
     
  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 14, 2007
    Messages:
    8,436
    Ratings:
    +35,488
    ก็เค้าเล่นรับฟังมาแบบไม่ได้
    ใช้เหตุและผลในการรับฟังเลย
    ก็เป็นอย่างนี้หละไม่แปลกหรอกเรื่องปกติ
    โดนนะดีแล้ว ส่วนตัวมีอะไรที่ไม่เคยทำเลย
    แต่โดนกล่าวหามาตั้งแต่เด็กจนปัจจุบันยังไม่เว้น
    ถือซะว่าชาติก่อนเราเคยเป็นใหญ่เป็นโตแล้วไปใช้อำนาจทำให้คนอื่นเดือดร้อนมาก่อนแล้วกัน ๕๕๕
    ถือว่าเป็นวิบากอย่างหนึ่งที่จะเจอได้
    พวกนี้เป็นประเภทด่าทุกคนที่เตะหมา
    แต่ไม่สนหรอกว่าหมาไปทำอะไรมาก่อนนั้นหละ
    ๕๕


    เรื่องแบบนี้นะ ส่วนตัวใช้หลัก
    ช่างหัวพระญาติมัน
    ถ้าเราดีจริงหรือไม่ได้เป็นแบบที่กล่าวหา
    เด่วพวกเค้าก็ได้รับวิบากของเค้าเอง
    นั้นหละไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง
    ไม่ว่าถ้าเราเป็นแบบเค้าเราก็ต้องรับเหมือนกัน
    เป็นกฎสมดุลย์ของชาวโลก
     
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 5
    • List
  4. Kanittha12

    Kanittha12 สมาชิก

    Joined:
    Oct 21, 2017
    Messages:
    55
    Ratings:
    +23
    ยอมรับและเข้าใจละคะเพราะโดนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ บางเรื่องเราไม่เคยทำด้วย แรกๆรู้สึกหดหู่เบื่อคนมาก เลยอยากหันมาปฎิบัติ้ยอะๆ ขอบคุณมากคะ
     
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 1
    • ฮ่าๆ ฮ่าๆ x 1
    • List
  5. รูปติดบัตร

    รูปติดบัตร Active Member

    Joined:
    Apr 2, 2016
    Messages:
    216
    Ratings:
    +368
    อีกโพสต์ครับ..
    ตำแหน่งคุณหมอคงไม่เกินความจริง เพราะดูถูกต้องแล้ว..ผมเป็นไม้เบื่อไม้เมากับท้องไส้มานานทีเดียว ใกล้จะเอาไส้ทำพะโล้ได้แล้วมั่ง เพราะใกล้จะตันแล้ว
    นานแล้วที่ผม มีความเชื่อถือในด้านการดูโดยผู้มีวิชา ควบคู่กับการรักษาแผนปัจจุบัน ทั้งนี้คนที่เราให้ดูก็ต้องมีวิชา ไม่ใช่ไปให้นายแมวนายหมีดู ก่อนจะคิดไปโรงพยาบาล ผมก็มักให้คนช่วยดูก่อนว่าเป็นอะไร แค่ไหน

    ก่อนนี้ผมคยไปให้พระสงฆ์รูปหนึ่งดูเพราะเจ็บท้องน้อย ก็เกี่ยวกับระบบขับถ่ายนี่แหละ พระบอกทันที ให้เอาใบย่านางมากิน ถ้าเป็นมากต้องไปทำดีท็อกซ์

    ส่วนเรื่องเจ็บขานี่ มีอาการเจ็บเมื่อเช้านี้...กรณีนี้สงสัยโดนใบสั่งแน่ๆ ..ฮ่าๆ
    อีกเรื่องคือเรื่องเขียน ชักเบื่อๆแล้วครับ เคยคิดว่า ยอดวิวขึ้น 5 หมื่นก็อาจหยุด

    สำหรับท่านในโลกทิพย์หรือที่คุณนพเรียกภพภูมินั้น คงไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวนะครับ หรือผีต่างมิติตามที่มีคนๆหนึ่งชอบเรียก...แต่จะเป็นไงผมก็ไม่คิดอะไรครับ เพราะอยู่กันสงบดีแล้ว

    ท้ายนี้ก็ต้องกล่าวว่า...MC และ HNY สำหรับคุณนพและทุกท่านครับ (Merry Christmas and Happy New Year...ขอบคุณครับ
     
    • ฮ่าๆ ฮ่าๆ x 1
    • List
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 14, 2007
    Messages:
    8,436
    Ratings:
    +35,488
    ถือว่าเป็น บทความสำหรับ วัน MC and HNY แล้วกัน
    ถือว่าเป็นเรื่องเล่าให้ฟัง จริงๆถ้าได้ตัวกัน
    จะรักษาให้เลย ไม่ค่อยอยากทำออนไลน์
    และจะสอนเทคนิคให้การใช้งานเอาไว้
    ให้รักษาตัวเองหรือใช้ช่วยคนอื่นๆอีกด้วย
    แต่ด้วยเหตุและปัจจัยตอนนี้
    ให้ลองพยายามรักษาตัวเองไปก่อนด้วยตัวเองก่อนครับ
    เด่วอนาคตข้างหน้า ต่อไปอาจจะไม่ค่อยแนะนำ
    การฝึกสมาธิและพวกกรรมฐานพิเศษอะไรแระ
    เพราะรายละเอียดเยอะ...เอาไว้เจอคนที่เตรียม
    ความพร้อมทั้งด้านสมาธิและจิตใจคือสร้างเมตตา
    จากภายในไปภายนอกให้ได้แล้ว
    เด่วจะช่วยดึงพวกดึงของเก่าพวกกรรมฐานพิเศษ
    ขึ้นมาให้เลยแล้วกัน...จะได้ไม่ต้องไปเสียเวลาฝึก
    ให้เสียเวลา ส่วนจะใช้ได้หรือไม่ได้ ก็แล้วแต่ว่า
    ใครจะรักษาเอาไว้ให้อยู่กับตนเองได้แล้วกัน
    ปล.ฟรีนะ ไม่มีค่าครู แต่ก็ต้องเลี้ยงข้าว
    เลี้ยงกาแฟกันบ้าง คนนะไม่ใช่ก้อนหินจะได้
    ไม่ต้องกินข้าว ๕๕๕


    ปล.การรักษาร่างกายด้วยตัวเองถือว่าดีที่สุดครับ
    เพราะเป็นการปรับระบบความบกพร่องของธาตุ
    ที่เป็นเหตุให้เกิดอาการต่างๆด้วยตนเอง
    อาจจะร่วมกับอีกหลายทางเลือกก็แล้วแต่ชอบ
    ส่วนการรักษาด้วยกำลังจิตหรือพลังงานก็ทำได้
    แต่ว่า เมื่อมีเหตุก็ยังสามารถกลับมาได้อีก
    ก็ยังไม่ถือว่าเป็นวิธีการที่รัดกุมที่สุด

    ถ้าโรคที่เป็นเกิดจากโรค ๙๐ % กรรม ๑๐ %ยังไงก็หาย
    ถ้าโรคที่เป็นเกิดจากกรรม ๙๐ %หรือน้อยกว่า และเกิดจาก
    โรค ๑๐% อย่างนี้หายยากหน่อย แต่ก็พอมีวิธีรักษาได้อยู่

    อาจจะต้องทำร่วมกับการขยันอุทิศส่วนกุศลบ่อยๆร่วมด้วย
    ถือว่าเป็นความเชื่อนะ..ถ้าไม่เข้าใจก็ให้ฟังๆไว้ก่อน....


    วันนี้จะนำวิธีรักษาโรคด้วยตัวเอง
    จากท่านที่พลิกนามธรรมเป็นรูปธรรมท่านหนึ่ง
    ที่ได้เคยถ่ายทอดให้ข้าพเจ้า เพื่อเอาไว้แนะนำคนอื่นๆ
    มาเล่าให้ฟังก็แล้วกันครับ....
    เพราะถือว่าเป็นวิธีที่ค่อนข้างเข้าถึงได้ง่าย
    และเป็นสากลดี.....

    วิธีการคือ ให้ใช้ระบบหายใจแบบอาปาฯ
    ก็คือที่ ผู้เขียนได้แนะนำไว้ว่า หายใจเข้าและออกให้ลึก
    แต่ทำความรู้สึกรับรู้ว่ามีลมเข้าและออกหยุดที่ปลายจมูก
    ถ้าหลับตาให้โน้มตาปกติมองลงที่ลิ้นปี่นั่นหละถ้าลืมตา
    ก็ให้ทำตาให้นิ่งๆ อย่าขยับซ้ายและขวา ถ้าล้าให้พักสายตาได้


    เริ่มด้วยให้ใช้ท่านั่งตามที่ตนเองถนัด
    แต่ถ้านั่งท่าขัดเพชรได้จะดีมาก
    หรือถ้านั่งไม่ได้ ให้นั่งปล่อยขาได้ตามสดวก
    แต่ให้หงายฝ่ามือทั้งสองข้างวางไว้บนหัวเข่า
    แต่อย่าใช้ท่านอน......

    ๑.ให้หายใจไปเรื่อยๆ จนเริ่มรู้สึกรอบๆกายเรานั้น
    เหมือนอากาศรอบๆกายเรามันมีการเปลี่ยนแปลง
    คล้ายๆเรามองเห็นอากาศได้ว่ามัน มีการเคลื่อนไหว
    แรกๆบางคนอาจจะเห็นคล้ายควัน(เรื่องปกติ)
    ให้นั่งไปเรื่อยๆจนกระทั่ง อากาศที่อยู่รอบๆกายเรานั้น
    มันใส ในขณะที่ทำนั้น อาจจะเห็นมีควันหรืออากาศ
    ออกมาจากร่างกายก็ให้ถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ

    ๒.เมื่อสามารถรู้สึก หรือมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของอากาศ
    รอบๆกายเราได้ จนกระทั่งมันเป็นสีใสแล้ว
    ให้ไปดูที่ฝ่ามือทั้ง ๒ ข้างของเรา ว่ามันเริ่มมีอาการหรือมีความ
    รู้สึกหยุบๆหยิบ มีกระแสอะไรขึ้นมาจากมือทั้ง ๒ ข้างหรือไม่

    ๓.ถ้ามีแล้วให้บังคับให้กระแสตรงนั้นให้มันหมุนอยู่บนฝ่ามือของเรา หมายเหตุ บางคนอาจจะทำในข้อนี้ได้เลยก็สุดแล้วแต่
    ให้ซ้อมหมุนมันไปเรื่อยๆ จนรู้สึกได้ว่า มันเป็นลูกกลมๆ
    ลอยอยู่บนฝ่ามือของเรา.....
    ๔.หลังจากนั้นให้ใช้จิต บังคับ ให้ลูกกลมๆนี้ มันค่อยๆเดินมา
    ตรงข้อพับของเรา พร้อมกันทั้ง ๒ ข้างจากมือทั้งสอง
    และก็ค่อยๆบังคับ ลูกกลมๆนี้ให้ค่อยๆไหลตามแขนของเรา
    ขึ้นมาที่หัวไหล ถามว่าทำไม....
    เพื่อฝึกความหนาแน่นของ ลูกกลมๆนี้ และฝึกให้ระบบพลังงาน
    นี้มันคุ้นเคยกับร่างกายส่วนต่างๆของเรา....
    ควรทำตรงนี้ให้ได้ก่อน ไม่งั้นกำลังและความคุ้นเคยมันจะไม่พอ
    ที่จะไปธาตุที่พร่องของร่างกายบริเวณที่เราจะรักษาได้

    ๕.และก็ไล่ลูกกลมๆนี้ ให้กลับไปยังบนฝ่ามือเหมือนเดิม
    ๖.หลังจากนั้นให้ย้ายมือซ้ายของเรา ไปยังตำแหน่งที่เราต้อง
    การรักษาบนร่างกายเรา ให้มือซ้ายอยู่ใกล้ที่สุด แต่อย่าให้
    ไปถูกผิวหนัง และให้วางไว้อย่างนั้น
    ถ้าอยู่ตรงนี้ เราจะพบว่า ไอ้ลูกกลมๆนี้ มันจะไปดูดกระแสพลังงานภายในร่างกายของเรา ตรงบริเวณอวัยวะที่เราต้อง
    การรักษา คือมันจะดูดออกมารวมเป็นวงกลม ดูดเข้ามาในทิศทางพุ้งไปด้านหน้าหรือทิศทางตามเข็มนาฬิกาถ้าดูอีกมุมหนึ่ง

    ๗.ปล่อยให้มันดูดไปเรื่อยๆ แล้วเมื่อไรถึงพอ จนกระทั่งเรารู้สึกว่า
    ไอ้ลูกกลมๆนี้ มันมีความหนาแน่นขึ้นมาก จนทำให้มือซ้ายของเรามันหนักขึ้น.....และ
    ๘.ให้เราใช้มือขวาที่มีลูกกลมๆอีกลูกหนึ่งมาวางต่อมือซ้ายของเรา ลูกกลมๆในมือขวาของเรา มันก็จะไปดูดพลังงานจากมือซ้าย
    ของเราเข้ามาอยู่ในมือขวาอีกทอดหนึ่ง แล้วจะทำอย่างไรต่อ
    ๘.๑ พอมือขวาเริ่มมีความหนาแน่นและหนัก ให้ค่อยๆยกมือขวา
    ออกไปนอกตัวและสบัดลูกกลมนี้ทิ้งไปเบาๆ แต่ถ้าจะดีสุด
    หาเทียนขนาดใหญ่เท่าข้อมืออย่างน้อย ย้ำว่าให้ใช้สีขาวเท่านั้น
    ย้ำว่า สีขาวเท่านั้น....และเอาลูกกลมๆนั้นไปใกล้ๆเปลวเทียน
    ให้เปลวเทียนเผามันซะ......

    ๘.๒ และก็กลับมาทำเหมือนเดิมจนกระทั่งรู้สึกว่า ลูกกลมๆบนมือ
    ซ้ายเบา.

    ๙.และเราก็ใช้มือซ้ายย้อนกลับไปทำให้ข้อที่ ๖ อีกครั้ง....
    และก็วนมาที่ข้อที่ ๙ ไปเรื่อยๆ....

    เป็นอันจบกระบวณในการรักษาด้วยตัวเอง ด้วยสมาธิครับ....
    หมายเหตุ เป็นวิธีการหนึ่ง ในการเบาเทาอาการที่เป็นอยู่
    ในระดับปรับธาตุร่างกาย ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ควรสร้างเหตุในชีวิต
    ประจำวันที่จะส่งผลให้ตนเป็นโรคนั้นๆอีก และควรดูแลตนเอง เช่น ควรรัปประทาน
    น้ำให้มากในระหว่างวัน รับประทานอาหารให้ตรงเวลา มีการออกกำลังกายบ้าง รู้จักปล่อยวางเรื่องในอดีต อย่าเป็นคนคิดเล๊กคิดน้อย รู้สึกสร้างตนให้เป็นอารมย์ดี ยิ้มง่าย รักเด็กเห้ย !!!(ไม่เกี่ยวมุขๆแก้เครียด) ฯลฯ

    ถ้าเริ่มทำได้ตั้งแต่ข้อที่ ๖ การทำครั้งหนึ่งไม่ควรเกินวันละ ๕ นาทีเพื่อค่อยๆให้ร่างกายค่อยๆสร้างภูมิต้านทานในการรักษา
    แบบปรับธาตุอย่างนี้.....มากกว่านี้ก็ไม่ได้ผล...
    ทำต่อเนื่องดู ซักอาทิตย์ สองอาทิตย์ แล้วค่อยมาวัดผลกัน
    จะด้วยตัวเอง หรือด้วยเครื่องมือทางวิทยศาสตร์ก็ว่ากันไป.....

    โชคดีครับ MC and HNY ครับ

     
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 5
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • List
  7. paween

    paween เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Sep 13, 2010
    Messages:
    142
    Ratings:
    +336
    สอบถามคุณ นพ ครับ.. เวลาผมไหว้พระที่เป็นพระพุทธรูป และเวลาอาราธนาพระคล้องคอ จะมีอาการคล้ายจะอาเจียนทุกครั้ง เกิดจากอะไรครับ และจะปฎิบัติอย่างไรต่อไปครับเวลาฝึกจิต...ขอบคุณครับ.
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 14, 2007
    Messages:
    8,436
    Ratings:
    +35,488
    จริงๆไม่มีอะไรครับ รู้สึกอย่างนี้นะดีแล้ว
    เพียงแต่ตอนนี้ภูมิต้านทานทางด้านร่างกายเรายังไม่พอ

    คือ เวลาไหว้พระสวดมนต์ ในลักษณะที่ดีนั้น หรือก่อนจะคล้องพระนั้น
    จิตมันจะต้องตัดกายได้ชั่วคราวครับ
    ผลที่ได้ถึงจะดี....ดีเรื่องของกระแสที่ออกจากตัวจิต ไปเชื่อมต้นพลังงาน
    ไม่ว่าจะเป็นต้นพลังงานจากองค์พระเครื่อง หรือ ต้นพลังงานจริงของพระพุทธรูปองค์นั้นๆ

    (นึกภาพออกนะครับ วัตถุเป็นเครื่องเชื่อมโยงไปยังต้นพลังงาน เชื่อมโยงได้อย่างไร
    ก็ด้วยตัวจิตเราที่ทำหน้าที่ตรงนี้หละครับ..)


    แต่เมื่อใดก็ตามที่จิตมันเริ่มมีสัมผัสนั้น คือ รู้ว่าจะต้องเชื่อมไปยังต้นพลังงาน
    แต่ว่าจิตมันยังไม่สามารถตัดร่างกาย ณ เวลานั้นได้ชั่วคราว
    มันก็จะยังส่งผลโยงกระทบกับกาย ให้เรารู้สึกได้อยู่
    เช่น คันยุบยิบ หรือรู้สึกที่ผิวกายทุกๆกรณี
    เพราะเมื่อมันตัดกายไม่ขาด มันเลยส่งผลให้เกิดเวทนาที่ตัวจิต(คล้ายๆมันกายขวาง
    ในเรื่องของพลังงานในขณะที่จิตกำลังจะเชื่อมต้นพลังงาน)
    พอเกิดเวทนาที่จิตตรงนี้ มันก็เลยส่งผลมาที่กาย
    (เพราะมันอาศัยกายอยู่)
    ที่เล่ามานี้ เป็นระบบการทำงานของจิต ที่อยู่ในกาย ซึ่งเป็นเรื่องปกติครับ....

    ดังนั้น เราจึงต้องมาแก้ปัญหาตรงการตัดร่างกายในขณะที่จะเชื่อมต้นพลังงานนั้นเอง....

    ถ้า ๑.เราแค่รู้สึกจะอ๊วก แต่กายไม่ไหวเอน ไม่โยกตาม
    ให้เรามา พิจารณาตัดร่างกายให้บ่อยๆ เช่น กายนี้ไม่ใช่ของเรา
    กายนี้เป็นเพียงชั่วคราว เวลาเราตายเราไม่ต้องการกายนี้
    กายนี้เป็นทุกข์ เราขอทิ้งกายนี้ (ให้พิจาณาก่อนที่จะสวดมนต์และคล้องพระ
    ตลอดจนในระหว่างวันได้หมด) เพื่อเป็นอุบายให้จิตมันทิ้งกายนั้นเอง
    แต่ถ้า ๒. รู้สึกว่ากายขยับร่วมด้วย แสดงว่า ตรงนี้กำลังสมาธิต้านทาน
    ในขณะที่จิตมันทำงานด้วยการส่งคลื่นผ่านกายเราอยู่นั้น ภูมิต้านทาน
    ทางสมาธิ ที่จะรักษากายขณะที่กระแสที่มาจากจิตเรามันผ่านกาย
    และไม่ทำให้รู้สึกต่อกายยังไม่พอ
    ( เหมือนเราเอาน้ำจากแก้ว
    เทลงบนฝ่ามือเราอาจจะรู้สึกเฉยๆ แต่พอเอาน้ำจากเหยือกผิวฝ่ามือ
    เราจะรู้สึกตึงๆ ประมาณนี้หละ ยกตัวอย่างพอให้เข้าใจง่ายๆ)

    เราก็มาฝึกให้ผิวที่ฝ่ามือเรามันแข็งแรง ในที่นี้ก็คือ มีสร้างกำลังสมาธิสะสมเอา
    จะด้วย การเจริญสติให้ต่อเนื่องในระหว่างวัน ด้วยการนับก้าวเดินระหว่างวัน
    ไม่ว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ไปทานข้าว ไปโน้นนี่นั้นก็ว่าไป
    หรือถ้ามีเวลา ก็นั่งสมาธิหรือทำสมาธิระหว่างวัน เอาแค่ครั้งละนาที
    สองนาที ก็ว่าไป พอให้จิตสงบ พวกนี้ ก็จะเหมือนการสร้างความ
    แข็งแรงให้ผิวฝ่ามือ เพื่อต้านทานน้ำจากเหยือกนั่นเองครับ....

    แล้วต่อไป ก็จะไม่ส่งผลต่อกาย หากพิจาณาตัดร่างกายได้ดี ณ เวลานั้น
    และกำลังสมาธิสะสมเพียงพอ.....

    ต่อไปอนาคต เราก็จะสามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของ
    อากาศรอบกายเราได้เอง ด้วยตาเปล่าๆ ในขณะที่สวดมนต์
    หรือกำลังจะอารธนาคล้องพระครับ...
     
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 3
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • List
  9. paween

    paween เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Sep 13, 2010
    Messages:
    142
    Ratings:
    +336
    เข้าใจชัดเจน ครับ...ขอบคุณมากครับ
     
  10. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    Joined:
    Jul 14, 2010
    Messages:
    53,505
    Featured Threads:
    170
    Ratings:
    +33,096
    16janteacherday.jpg sadhu2.jpg
    สุขสันต์วันครูค่ะท่านอ นพ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • ฮ่าๆ ฮ่าๆ x 1
    • ว้าว ว้าว x 1
    • List
  11. lomdadbaimai

    lomdadbaimai เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Nov 3, 2009
    Messages:
    217
    Ratings:
    +1,380
    แอบอ่านสักพักแล้ว เห็นกระทู้จากการตามน้า supatorn มาค่ะ กำลังไล่อ่านอยู่ ชอบภาษาที่คุณ นพ ใช้ในการอธิบาย ติดอารมณ์ดี และเข้าใจง่าย

    ตอนนี้ก็ได้แต่อ่าน เพราะการปฏิบัติไม่ได้ไปไหน ย่ำ ๆ ถอย ๆ ค่ะ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 1
    • รักเลย รักเลย x 1
    • ฮ่าๆ ฮ่าๆ x 1
    • ว้าว ว้าว x 1
    • List
  12. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    Joined:
    Jan 6, 2017
    Messages:
    485
    Ratings:
    +1,223
    ถ้าสวดคาถาเงินล้านบ่อยๆพอจะมีโอกาสรวยบ้างหรือเปล่าคับหรือเป็นเพราะบุญกรรมที่ทำมาเกี่ยวกันหรือเปล่าคับ
     
  13. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 14, 2007
    Messages:
    8,436
    Ratings:
    +35,488
    สวดแล้ว นิมิตที่ออกมาเชิงตัวเลขมีประมาน ๗ ถึ ๘ แบบ
    แต่ที่ชัวคือ ใสๆ ลอยมาทีละตัวด้านขวา แต่ต้องสลับตอนซื้อ
    ปัญหาคือ ถ้าถูกแล้ว จะไม่ซื้อเกินที่เคยถูกได้ไหมคือคำตอบที่ถาม
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 4
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 1
    • ฮ่าๆ ฮ่าๆ x 1
    • ว้าว ว้าว x 1
    • List
  14. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    Joined:
    Jan 6, 2017
    Messages:
    485
    Ratings:
    +1,223
    ที่เคยถูกซื้อตัวละ 100 บาทคับ งวดที่ผ่านมาก็ถูก 3 ตัวโต๊ด 50 บาท รอบนี้คงมีสติมากขึ้นแต่ไม่ซื้อก็ไม่ได้มันติด คิดว่างวดที่ผ่านมาคงเพราะอานิสงค์ของคาถาตอนนั้นตั้งใจสวดอยู่คับ
     
    • ว้าว ว้าว x 2
    • ฮ่าๆ ฮ่าๆ x 1
    • List
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 14, 2007
    Messages:
    8,436
    Ratings:
    +35,488
    เรื่องนี้อยู่ที่การสะสม
    คิดอะไรไม่ออก อย่าซื้อเกินที่เคยถูกมากสุดพอ
    ปล เล่าให้ฟังได้ แต่ไม่ควรยึดครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 3
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 2
    • List
  16. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    Joined:
    Jul 19, 2017
    Messages:
    1,490
    Ratings:
    +2,364
    ขออนุญาตถามนะครับผมแอบติดตามหาความรู้มาได้สักระยะแล้ว คือขอเกริ่นก่อนนะครับ ผมปฏิบัติอานาปานสติมาครับ แล้วมันมีพวกพลังงานน่ะครับที่ตกค้างเวลาที่รวมสมาธิแล้วแน่นตามจุดต่างๆนะครับ ผมไปลองอ่านหลายๆเว็บเอาผมเลยเข้าใจว่ามันคือลมปราณหรือจักระ 7 อะไรพวกนี้น่ะครับแล้วตอนนั้นผมลองปฏิบัติแบบพิสดารคือไปจับพวกอุปกรณ์ไฟฟ้าบ่อยๆแล้วใช้ดูดเข้ามาแทนเก็บในทุกๆจุดครับ เวลาที่ผมทดลองเล่นอัดใส่กำแพงแล้ว กำแพงมันก็มีรอยนะครับ ตามรูปเลยครับ ผมลองทำมาหลายแบบแล้วทั้งบีบอัดให้แน่น แล้วก็ปล่อยแบบกระจายดูครับ แต่ผมก็ยังทำให้มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าไม่ได้อยู่ดีครับ ถ้าพี่นพพอทราบก็โปรดสอนข้าน้อยด้วยครับ ขออนุโมทนาไว้รอเลยครับ 01.jpg 02.jpg 03.jpg
     
    • ฮ่าๆ ฮ่าๆ x 1
    • List
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 14, 2007
    Messages:
    8,436
    Ratings:
    +35,488
    ถ้าจะให้พี่แนะนำน้อง samsara นะ
    คือ พลังงานที่เราฝึกมา ตอนที่จะใช้งานนั้น
    พลังงานตั้งต้นมันขยายแตกเป็นวงกว้างไป
    ผลมันก็เลยกระจายอย่างนั้นหละ
    พวกนี้ ปกติมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าหรอก
    ยกเว้นพวกที่ มาทางสัมผัสภายใน ที่ตาดีหน่อย
    เค้าจะมองเห็นได้อยู่.

    น้องสังเกตุตอนที่เราจะใช้งานไหม
    มันจะมีกระแสส่วนหนึ่งวนอยู่ที่ท้องเรา
    ถึงบริเวณใต้ลิ้นปี่. ถ้าสังเกตุดีๆ จะพบว่า
    มันจะคล้ายๆเส้นเชือกหนาๆหน่อยวิ่งไปวิ่งมา
    ไอ้เส้นเชีอกนี่หละนะ ให้เรา หงายมือทั้งข้างออก
    และก็ใช้กำลังของเรา ผลักไอ้เส้นเชือกนี้ ให้มันวนรอบตัว
    หมุนขึ้นไปเหนือศรีษะเราให้ได้ก่อน(ย้ำว่า พ้นศรีษะเท่านั้น)
    . นี่คือ ข้อแรกที่ควรแก้
    เราจะพบได้เอง พลังงานที่หมุนเกินออกนอกฝ่ามือเรา
    มันจะเป็นระเบียบขึ้นได้เอง.....

    ข้อต่อมา เมื่อทำอย่างนี้ได้ ให้รวมกำลังเราไว้ที่ใต้ท้ายทอย
    แล้วน้องก็ผลักพลังงานตรงนี้
    ให้มันมาออกตรงกลางหน้าอกของเรา
    ตรงนี้คือการฝึกรวม พลังงานให้เป็นแท่งเพื่อที่จะทำการส่ง
    มันจะลักษณะคล้ายๆกับแท่งปริซีม ตรงนี้มันจะส่งผลต่อการ
    ส่งกำลังออกจากทางฝ่ามือไม่ให้กระจายได้

    พอน้องทำตรงหน้าอกนี้ได้แล้ว...
    ที่นี้ก็ให้มาดูที่ฝ่ามือก่อนที่เราจะส่งพลังงานนั้น
    ให้น้องหมุนฝ่ามือที่หงาย ซึ่งตอนนี้ฝ่ามือเราจะหงาย
    ไปยังเป้าหมายข้างหน้า ไอ้ก้อนพลังงานที่มันหมุนๆนั้น
    ให้น้องหมุนฝ่ามือ จะทิศทางไหนก็ได้ จะออกนอกตัว
    หรือเข้าหาตัวก็ได้ ในขณะที่หมุนให้น้อง ค่อยๆดึงฝ่ามือกลับ
    เข้ามาหาตัวเองก่อน เพื่อเป็นการรวบรวมพลังงานที่อยู่
    บนฝ่ามือ และให้หยุดค้างมือไว้ เลยช่วงตัวประมาณ ๑๐ ซม.
    แล้วค่อยๆผลักมือออกไป พลังงานที่ว่า มันจะเป็นแท่งได้
    ของมันเอง ไม่ว่า ทั้งมือซ้ายและมือขวา........
    ปล.ประมาณนี้หละ..ทำตามที่แนะนำ อย่าข้ามขั้นตอนนะ
    ทั่วไป.ไม่มีอะไรหรอก

    หมายเหตุ กรณีนี้เป็นกรณีเฉพาะบุคคล
    ผู้อ่านทั่วไปโปรดพิจารณาในการอ่านครับ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 1
    • List
  18. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    Joined:
    Jul 19, 2017
    Messages:
    1,490
    Ratings:
    +2,364
    ขอบคุณครับพี่นพ จะนำไปปฏิบัติครับขอขอบคุณและอนุโมทนาด้วยครับ
     
  19. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    Joined:
    Jul 19, 2017
    Messages:
    1,490
    Ratings:
    +2,364
    ขออนุญาตท่านนพมาถามต่อนะครับ เมื่อเวลาเข้าฌานแล้วหลังจากลองเปลี่ยนขั้นไปเรื่อยๆนั้นมันจะมีอาการฟุ้งกระจายขณะเปลี่ยนผมจึงทดลองให้มันฟุ้งกระจายให้หมดไปโดยการปล่อยวางเหมือนหายใจออกผมอยากทราบว่ามันคือวิมุตติใช่ไหมครับ และผมได้ลองติดตามกระทู้ของคุณนพมาแล้วเกี่ยวกับเรื่องโลกุตระนั่นคือเมื่อจิตไปสัมผัสแล้วก็ปล่อยวางจนมันกระจายออกไปตลอดใช่ไหมครับถ้าผมเข้าใจผิดอย่างไรขอท่านนพโปรดชี้แจงด้วยครับขอบคุณครับ
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    Joined:
    Jan 14, 2007
    Messages:
    8,436
    Ratings:
    +35,488
    กะจายคือขยายกว้างนั่นหละ
    มันเป็นธรรมชาติเดิมจิต
    ที่ไร้รูปร่าง ไม่เป็นวงกลม

    เพียงแต่ท่านๆ กิริยาอย่างนั้นจะเป็นไปตามธรรมชาติ ของมันเอง
    โดยไม่ใช้ตัวกระทำ ไม่ว่าสมาธิ กำลังจิต
    ความชำนาญหรือวิธีการใดๆ

    อย่างเราๆจะเริ่มได้เป็นธรรมชาติ
    จากหลักวินาที มาถูกแล้ว
    ความสามารถต่างๆขึ้นมาตามหา
    ระยะเวลาตามธรรมชาตินี่หละ
    (แบบไม่เสื่อม และพัฒนาเรื่อย)
    เพราะทำเอามันเสื่อมได้ พอเข้าใจเนาะ
     
    • ถูกใจ ถูกใจ x 2
    • อนุโมทนา อนุโมทนา x 2
    • List

Share This Page

Loading...