ตอบปัญหา อภิญญา ญาณ สมาบัติ กรรมฐาน 40 กอง อรหันต์ 4 สาย

...ไม่มีครับ ...ขอให้โชคดีนะครับ...

...อนุโมทนาบุญ...

 

รบกวน ดุูให้ผมทีครับว่าต้องฝึกแบบไหน ถึงจะไปได้ไว้ ขอบคุณครับ

 

1. เป็นแบบสุกขวิปัสสกะ
2. ผมคิดว่า การดูจิต (จิตตานุปัสสนา) น่าจะเหมาะสมกับคุณนะครับ เพราะครูบาอาจารย์ท่านก็มีอยู่
3. ควรเข้าหาครูบาอาจารย์ครับ

....อนุโมทนาบุญ....

 

รบกวนค่ะเราจะทราบได้อย่างว่าเรามีของเก่าเดิมที่เคยปฎิบัติมากน้อยแค่ไหน และควรปฎิบัติแบบไหน ช่วยรบกวนอธิบายด้วยค่ะ

 

ขอบคุณครับ

 

1. เป็นแบบสุกขวิปัสสโก
2. การดูจิตจะเหมาะสมกับคุณมาก เข้าหาครูบาอาจารย์
3. ขออธิบายหลักการง่าย ๆ ที่พอจะนึกได้ ตามความเข้าใจของผมนะครับ...(โปรดใช้วิจารณญาณ)
....เป็นการปฏิบัติที่ต้องใช้วิปัสสนาและสมถะควบคู่กัน เพราะวิปัสสนา มีสมถะเป็นบาท....
....เป็นการใช้สมาธิในระดับขณิกะสมาธิ คือ สมาธิที่ใช้ในชีวิตประจำวันนี้แหละครับ (เกิดจากการพักผ่อนนอนหลับ) และสมาธิที่สร้างขึ้นด้วย (การทำสมาธิในรูปแบบ) เป็นขั้นเริ่มต้น ต่อไปขณิกะสมาธิที่เกิดขึ้นจะค่อย ๆ แก่ขึ้น แก่ขึ้น เป็นอุปจาระสมาธิ (จิตเป็นทิพย์) และในที่สุด จะเป็นอัปปนาสมาธิ คือ จิต กลายเป็น ฌานจิต ก็พอจะมีกำลังในการตัดกิเลสเป็นสมุทเฉทปหานได้....
...การดูจิต คือ เรา มีสติรู้เท่าทันอารมณ์ที่เข้ามากระทบทางใจ (ธรรมารมณ์) ไม่ว่าอะไรก็ตาม จะเป็นอารมณ์ ความรู้สึก นึกคิด นะครับ เป็น จิตตานุปัสสนาใน สติปัฏฐาน ๔ นั่นเอง...
...และ หลัก ๓ ป...(จำมาจากตำรา) ๑. ปัจจุบัน ๒. ปกติ (ธรรมชาติ) ๓. ปล่อยวาง

...เป็นหลักการง่าย ๆ นะครับ ที่พอจะจดจำได้ ลองศึกษาเพิ่มเติม แล้วเข้าหาครูบาอาจารย์ ที่อธิบายไปอาจจะไม่ใช่ หรืออาจใช่ ใช่ เป็นบางส่วน หรือ ไม่ใช่เลยก็เป็นได้นะครับ เพราะผมรู้สึกว่าคุณยังคลำทางไม่ถูกเลยต้องอธิบายเยอะนิดนึงนะครับ......ขอให้เจริญในธรรมนะครับ...

...อนุโมทนาบุญ....

 

..อาจารย์สมิงคะ ดิฉันพอจะมีของเก่าติดตัวมาบ้างไหมคะ?
..สำหรับในอรหันต์ 4 แบบ ที่อาจารย์ยกขึ้นมา ดิฉันต้องฝึกไปในแนวทางไหนถึงจะเหมาะสมที่สุด และสำเร็จได้มรรคผลในอนาคตเบื้องไกลคะ
..มีอะไรเพิ่มเติมยังไง รบกวน อ. สมิง แนะนำได้เต็มที่เลยค่ะ

อนุโมทนาสาธุค่ะ

 

1. มีของเก่าติดตัว เป็นแบบ วิชชา 3
2. ที่ทำมาดีอยู่แล้วครับ

....อนุโมทนาบุญ.....

 

ขอบพระคุณ อาจารย์ สมิง มากมาย ค่ะ

 

อนุโมทนาบุญ....... ตั้งแต่อาจารย์สมิง แนะนำไปผมได้กระทำตามแล้ว
อาจจะยังไม่เป็นอย่างที่ท่านอาจารย์บอกซะทีเดียว แต่เริ่มเกิดสมาธิและปัญญามาขึ้น เริ่มเห็นทางมากขึ้น เราเข้าใจหลักที่อาจารย์สมิงแนะนำมากขึ้น แต่ยังมีข้อที่ติดใจอยู่ ผมรักษาศีล 5 เป็นปกติ แต่ผมยังสงสัยว่าเราจำเป็นที่จะต้องอาราธนาศีลทุกครั้งหรือไม่อย่างไรหรือแค่เราระลึกถึงอย่างเดียว โปรดชี้แนะด้วยครับ เหตุเพราะผมไปอ่านเจอกระทู้หนึ่ง เนื้อในกระทู้กล่าวว่า เราแค่ระลึกถึงไม่จำเป็นต้องอาราธนาศีล เราก็ถือว่าเป็นบุคคลผู้มีศีลแล้วใช่หรือไม่อย่างไรครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

 

การอาราธนาศีล มี ๓ วิธี
1. รับจากพระ
2. รับจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือ พระรัตนตรัย อันมีตัวแทน เช่น พระพุทธรูป พระประธาน ด้วยการอธิฐานจิต
3. ตั้งใจงดเว้นเอง คือ ตั้งสัจจะขึ้นในใจ

...ความจริงแล้ว เราจะอาราธนาศีลใหม่ หรือตั้งใจ งดเว้น ในข้อปฎิบัติของการรักษา ไม่ว่าจะเป็น ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ ศีล ๓๑๑ นั้น เขามักจะต่อศีล คือ สมาทานอีกครั้ง เมื่อถึงวันพระ และมีการแสดงอาบัติ เพื่อให้สิกขาบทที่ล่วงละเมิด นั้นตกล่วงไป ถ้าเคยบวชจะเห็นพระท่านปลงอาบัติ...

...แต่ว่าในทางปฎิบัติแล้ว ควรสมาทานทุกครั้งที่รู้สึกว่าตัวเอง ศีลไม่บริสุทธิ์ เพราะในการปฎิบัติต้องอาศัย ศีล สมาธิ ปัญญา ศีลจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การปฎิบัติก้าวหน้าไปได้....

....อนุโมทนาบุญ....

 

ก่อนหน้านี้ผมใช้ภาพหลวงปู่ดู่ ตั้งแต่ประมาณ 4-5 วันที่แล้ว ผมนึกภาพท่านไม่ออก แต่มีภาพเหรียญกลม หลวงปู่ลองเข้ามาแทน ก็เลยใช้ภาพเหรียญหลวงปู่ลองภาวนา แบบนี้ได้มั๊ยครับ (ผมไม่มีเหรียญกลมนะครับ ภาพที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากในเน็ต)

 

...ควรเป็นภาพหลวงปู่ครับ....
....อนุโมทนาบุญ....

 

...พระอริยเจ้าในพระพุทธศาสนา นอกจากท่านจะบริสุทธิ์หมดจดปราศจากกิเลส เป็นเนื้อนาบุญของโลกแล้ว ท่านยังเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอิทธิฤทธิ์ และ บุญญฤทธิ์....
1. อิทธิฤทธิ์ คือ ฤทธิ์ที่เกิดจากการการเจริญพระสมถะกรรมฐาน การทำสมาธิในกรรมฐานที่มีอภิญญาเป็นบาท จนจิตมีกำลัง สามารถแสดงฤทธิ์ได้
2. บุญญฤทธิ์ คือ ฤทธิที่เกิดขึ้นจากการสร้างบารมี (ทาน ศีล ภาวนา, บารมี 10,บารมี 30 ) อันเป็นบุญ บุญบารมี บุญวาสนา ส่งผล

...อนุโมทนาบุญ...

 

พระอรหันต์ ๔ แบบ
....สุกขวิปัสสโก...
1. อิทธิฤทธิ์
....1.1 อภิญญาฤทธิ์:
....1.2 อภิญญาญาณ : จิตสัมผัส, ญาณจิตสัมผัส
....1.3 อธืฐานฤทธิ์. : อธิฐานจิต
2. บุญญฤทธิ์
....2.1 ฤทธิ์ : ฤทธิ์ประจำตัว
....2.2 อภิญญาญาณ : ญาณทิพย์ (จิตสัมผัส), ญาณจิตสัมผัส
....2.3 อธิฐานฤทธิ์. : อธิฐานจิต

.....เตวิชโช (วิชชา ๓).....
1. อิทธิฤทธิ์
...1.1 อภิญญาฤทธิ์ : มโนมยิทธิ (ฤทธิ์ทางใจ)
...1.2 อภิญญาญาณ : จิตสัมผัส, ทิพยจักขุญาณ (รวมทั้งญาณอันเป็นบริวาร ทั้ง ๗ ญาณ)
...1.3 อธิฐานฤทธิ์ : อธิฐานจิต
2. บุญญฤทธิ์
...2.1 อภิญญาฤทธิ์,ฤทธิ์ : มโนมยิทธิ (จิตทรงอารมณ์ของฌานหรือ ฌาน ๔ ใช้งาน), ฤทธิ์ประจำตัว
...2.2 อภิญญาญาณ : ญาณทิพย์ (จิตสัมผัส, ทิพยจักขุญาณ (รวมทั้งญาณทั้ง ๗))
..2.3 อธิฐานฤทธิ์ : อธิฐานจิต

...ฉฬภิญโญ (อภิญญา ๖)...
1. อิทธิฤทธิ์
...1.1 อภิญญาฤทธิ์ : อิทธิวิธี, มโนมยิทธิ
...1.2 อภิญญาญาณ : จิตสัมผัส, ทิพยจักขุญาณ (รวมทั้งญาณทั้ง ๗ ), ทิพยโสตญาณ (หูทิพย์)
...1.3 อธิฐานฤทธิ์ : อธิฐานจิต
2. บุญญฤทธิ์
...1.1 อภิญญาฤทธิ์ ,ฤทธิ์ : มโนมยิทธิ (จิตทรงอารมณ์ฌาน), ฤทธิ์ประจำตัว
...1.2 อภิญญาญาณ : ญาณทิพย์ (จิตสัมผัส, ทิพยจักขุญาณ (รวมทั้งญาณทั้ง ๗),ทิพยโสตญาณ (หูทิพย์)
...1.3 อธิฐานฤทธิ์ : อธิฐานจิต

....ปฎิสัมภิทัปปัตโต (ปฎิสัมภิทาญาณ)....
....1.1 อภิญญาฤทธิ์ : อิทธิวิธี, มโนมยิทธิ (ฤทธิ์ทางใจ)
....1.2 อภิญญาญาณ : จิตสัมผัส, ทิพยจักขุญาณ (รวมทั้งญาณทั้ง ๗ ) ,ทิพยโสตญาณ (หูทิพย์)
....1.3 อธิฐานฤทธิ์ : อธิฐานจิต
2. บุญญาฤทธิ์
...2.1 อภิญญาฤทธิ์, ฤทธิ์ : มโนมยิทธิ (จิตทรงอารมณ์ของฌาณ), ฤทธิ์ประจำตัว
...2.2 อภิญญาญาณ : ญาณทิพย์ (จิตสัมผัส, ทิพยจักขุญาณ (รวมทั้งญาณทั้ง ๗) ,ทิพยโสตญาณ (หูทิพย์)
...2.3 อธิฐานฤทธิ์ : อธิฐานจิต

...และนอกจากนี้เมื่อสำเร็จเป็นพระโสดาบันแล้ว ยังเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยปฎิสัมภิทา ทั้ง ๔ ......

.....อนุโมทนาบุญ.....

 

กรรมฐานกองไหนที่จะไปไวที่สุดครับหรือมีของเก่าด้านไหนครับ ควรปฎิบัติแบบไหน ช่วยรบกวนอธิบายด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

อยากทราบว่าฝันนี้เกี่ยวกับการปฏิบัติไหมคะ

เมื่อคืนสวดมนต์ 1 บท แล้วก็บริกรรมสมิงจนหลับค่ะ ก่อนหลับเห็นภาพบ้าง ในใจแอบคิดอยากรู้ภาพอะไรเหมือนกัน แล้วก็ไม่ได้เห็น แล้วก็ไม่ได้เพ่งอะไร หลับไปตอนไหนไม่รู้
ทีนี้ฝันค่ะ ตกใจตื่นตี 3.53 นาทีได้ค่ะ

ฝันถึงรัชกาลที่ 10 มาที่บ้านเก่าที่ย้ายมาแล้ว ที่บ้านมีเรากับแม่ (เสียชีวิตปลายปีปี59)
ก่อนท่านเสด็จ มีลูกชายท่านมาก่อน มานั่งตรงข้ามเรา มาเปิดเพลง ร้องเพลงให้ฟัง ร้องกลอนให้ฟัง เรากับแม่ช่วยกันแนะนำ ตอนแรกไม่รู้ว่าเป็นลูกชายท่าน แค่ช่วยกันแนะนำ คุยกัน อย่างมีความสุข
สักพัก ก็ทหารเดินเข้ามาที่บ้านมอบขนมกรุบกรอบให้ 1 ห่อ แล้วในหลวงก็เสด็จเข้ามาขอบใจเรากับแม่ ทีทำให้ลูกท่านมีความสุข ตั้งใจเรียนจากแต่ก่อนไม่ค่อยยอมไป ทรงตรัสถามเราว่า น้องชื่ออะไร ท่านแตะบ่าซ้ายเรา เราก็แจ้งชื่อไป แล้วแม่เราก็เสนอให้ท่านรับตัวเราไปใช้งานค่ะ
ท่านปฏิเสธแบบยิ้มๆ แม่เราก็ยังเสนอเราให้อีก เราก็เบือนหน้าหนีเพราะว่าอายที่แม่ไปเสนอเราค่ะแล้วเราก็ตกใจตื่นเพราะมันฝันชัดมากเลยค่ะ

 

รบกวนขอคำชี้แนะด้วยค่ะ คือถ้าเราไม่ใช่ผู้ทรงศิลหรือนักปฏิบัติ แต่เรามีจิตยึดตั้งมั่นในพระนิพพาน ย่อมไปที่แห่งการหลุดพ้นได้หรือไหมค่ะ หรือการที่จะเข้าถึงนิพพานได้ คือต้องปฏิบัติเท่านั้น่ะค่ะ

 

...การฝันในครั้งนี้ เกี่ยวกับการปฏิบัติ เป็นเทพนิมิตหรือเทพสังหรณ์ คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านต้องการจะบอกว่า ใกล้จะได้ของดีแล้ว ทำต่อไปเรื่อย ๆ ประมาณนี้ และเพราะเรารักพระมหากษัตริย์ เทิดทูนสถาบัน เลยไปเกี่ยวข้องกับพระองค์ แต่ว่าก็มาเป็นนิมิตเกี่ยวกับการปฏิบัตินั่นเอง ครับ.....

....อนุโมทนาบุญ....

 

....คนเราเกิดมาแล้วนับภพชาติไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเคยเกิดเป็นพระราชามหากษัตริย์ ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ จนกระทั่งมาถึงยาจกวณิพกเข็ญใจ ต่างก็ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากต่อมากในวัฏฏะสงสารนี้ ซึ่งเป็นการกระทำกรรมของตัวเราเองนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นกรรมดี กรรมชั่ว ก็ตามต่างก็ตามส่งผลอยู่ตลอดเวลา เพราะ ฉนั้นจึงไม่แปลกเลยที่คนเราแต่ละคนจะเกิดมาต่างกัน..........
....การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะสงสารนี้ ล้วนเต็มไปด้วยกองทุกข์ เพราะว่าหาความมั่นคงแน่นอนในการเกิดไม่ได้ คือว่า อยากเป็นพระพรหมตลอดไปโดยที่ไม่ต้องจุติก็ทำไม่ได้ อยากเป้นเทพเทวดา โดยที่ไม่ต้องลงไปเกิดเป็นอย่างอื่นก็ทำไม่ได้อีก คือ ไม่สามารถที่จะทำให้ตัวเองเป้นอมตะอยู่เสวยสุขในภพภูมิที่เสวยผลบุญไม่ได้นั่นเอง เพราะฉนั้น ถ้าหมดบุญกลับต้องมาเกิดเป็นมนุษย์หรือเป็นอย่างอื่น เช่น ไปเสวยผลบาปต่ออีกในอบายทั้ง ๔ ก็เป็นได้ เพราะฉนั้น มันจึงต้องทุกข์ เพราะว่าเรายังมีกิเลสอยู่ และถ้ามีกิเลส มันก็พาให้เราทำความชั่วอยู่ดี และถ้าเกิดมาเป็นมนุษย์และไม่พบพระพุทธศาสนาแล้ว สัตว์โลกย่อมมืดบอดไปด้วยธรรมอย่างแน่นอน.....

....พระนิพพาน คือ บรมสุข คนที่จะเดินทางไปสู่พระนิพพานได้ ต้องสร้างบารมี คือ กระทำความดี ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัยติย์ ต่อทุกดวงจิตดวงวิญญาณนั่นเอง เมื่อมีบารมีแล้ว ก็จะเกิดบุญบารมี เกิดเป็นบุญวาสนา ตามแรงอธิฐานของตน สามารถปฏิบัตินำพาตนไปสู่พระนิพพานได้ในที่สุด...
....พระนิพพาน คนทุกคนสามารถเดินทางไปถึง และการเดินทางของทุก ๆ คน ณ เดี่ยวนี้ ก็คือ การเดินทางไปสู่พระนิพพานนั่นเอง แต่จะช้าหรือเร็วนั้นก็ขึ้นอยู่ที่ตัวของตัวเอง...

...พุทธะ ไม่สูญไปจากอนันตจักรวาลแน่นอน....

...อนุโมทนาบุญ....