สวด ภาวนา ในชีวิตประจำวัน ฉบับมนุษย์เงินเดือน

หลวงปู่ดู่ ท่านบอกหลวงตาม้า ตั้งแต่หลวงตาเป็นฆราวาสใกล้ชิดท่าน
เรื่อง ให้อาศัยบารมีท่านมาช่วยสร้างบารมี หรือนำไปใช้ช่วยแก้ปัญหาได้
ทั้งทางโลกและทางธรรม ไว้ว่า.....


" ทั้งสามโลก นึกถึงข้าพร้อมกัน บารมีข้าที่มายังเค้า เมื่อเทียบกับทั้งหมดที่สร้างไว้ ยังมาแค่นิดเดียว ...เอาแค่บารมีข้าที่เป็นหลวงปู่ดู่ เอาไปใช้ชาติเดียวก็ยังไม่หมดเลย.. "

 

ยายม่อนแกสายตาฟ้าฝางเพราะอายุเยอะ 92 ปีแล้ว
แม้ตาจะฟ้าฝางแต่เวลาสวดมนต์ยายแก เห็นพวกกายทิพย์มาสวดร่วมเยอะมาก จนยายแกบอกลูกหลานว่า คนเยอะมากมาร่วมสวดมนต์บางทียายแกก็กลัวแต่ต้องสวดเพราะไม่สวดมนต์แล้วแกหงุดหงิด






*****************************************

 

บางคนบอกว่าสวดมนต์ไหว้พระไม่มีประโยชน์ ไม่ใช่นะ ประโยชน์มหาศาลนะ แม้แต่ฝันเรายังฝันไปวัดเลย ยังฝันไปฝึกเลย บางคนไม่มีเวลากลางวันน่ะ สมัยก่อนที่อยู่กับท่าน(หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ) ท่านบอก เอาเวลากลางคืน ท่านบอก กลางคืนนี่ เปลี่ยนกระแสที่ร้ายให้ดีให้ได้ ท่านบอก โดยการสวดแล้วหลับ พยายามสวดแล้วให้หลับ มันก็ตัดการฝันร้ายไปแล้ว มันก็เป็นการบันทึกบุญในความฝัน เสร็จแล้วเนี่ย เราก็มาเช็คดู ว่าเดือนนี้ เราฝันเนี่ย ฝันร้ายมีไหม มีเกิดขึ้นไหม แสดงว่าถ้าเกิดเนี่ย แสดงว่าหนักเป็นเบาแล้ว เบาคือเป็นหายละ ถ้าหายแล้วก็ไม่มี นี่คือประโยชน์จริงๆ เพราะฉะนั้น เมื่อก่อนหลวงตาทำงานอยู่ ก็ใช้เวลากลางคืนนะ กลางคืนนอนแล้วก็สวดจนหลับ

เดี๋ยวนี้ไปนอนที่ไหนก็สวดที่นั่น หลับ บางทีเพลียๆ มากๆ กลางวันเราสวดแปบเดียวก็หลับแล้วหลับแปบหนึ่ง คล้ายๆ เราหลับอยู่ในพลังงาน ในอนุสสติ ในไตรสรณคมน์ หรือในจักรพรรดิ์เนี่ย มันจะมีกำลัง เราพักอยู่ตรงนั้นไง พักในพลังงาน ถ้าเรานิ่งเนี่ย มันยิ่งมีกำลังมาก เรามีกำลังมหาศาล มีกำลัง คำว่ากำลัง คือ กำลังใจไง ไปไหนก็ได้ อยู่ที่ไหนก็ได้ สามารถจะแยกได้ เสียงเนี่ย คุยกันวู้งๆ วิ้งๆ เนี่ย สามารถที่จะแยกได้นะ

คนเราเนี่ย มีความสามารถมากนะ ไม่ใช่ไม่มี ทำอินเตอร์เน็ตยังได้เลย เกิดจากคนทำทั้งนั้น เพราะฉะนั้น เราฝึกเนี่ย เราสามารถที่จะแยกเสียงได้ทั้งนั้น ทำไมจะแยกไม่ได้ แยกได้ แยกจนกระทั่งที่ว่า เราสามารถที่จะทำไม่ให้ใครมองเห็นได้ มองไม่เห็นเราก็ได้ ถ้าเราทำได้ ถ้าเราฝึก ก็เหมือนโลกวิญญาณนี่ เราตายไปก็มีกำลัง คนเยอะแยะนี่ไม่สามารถมองเห็นเราได้ ให้เห็นคนเดียวก็ได้ สองคนก็ได้ อย่างนั้นน่ะ คือกำลัง ถึงว่า ยังเสียดายว่า น่าจะฝึกคนทั่วประเทศนะ พูดถึง ถ้าฝึกได้นี่กำลังมากนะ เมืองไทยนี่ ซึ่งทรัพยากรของพระโพธิสัตว์นะ หรือพระอรหันต์ในเมืองไทยนี่มีมาก มากจริงๆ เยอะไปหมดเลย พระพุทธเจ้าสี่องค์ พระอรหันต์นับไม่ไหว ไม่ไปไหนพลังงาน สิ่งที่มนุษย์ทำดี พลังงานมา ทำไม่ดี ไม่มา เหมือนเราคิดดีนี่ สิ่งที่ดีก็มา คิดไม่ดี สิ่งที่ไม่ดีก็มา ถ้าเราไม่คิดล่ะ มีคนถามหลวงตาว่า แก้กรรมได้ไหม บอก ได้ ถ้าคุณไม่คิด มันไม่มา รับรอง

รับประกันเลย มันไม่มาแน่ๆ ถ้าคุณไม่คิด ทำยังไงให้มันไม่คิดล่ะ ทำยังไงล่ะ เออ ถ้าคิดเมื่อไร มันมาเมื่อนั้น มายาวเลย เคยอธิบายเมื่อหลายปีมาแล้ว ผัวเมียสองคนอยู่ด้วยกันนี่นะ มันก็บันทึกทุกวันนั่นละ พอด่ากันมันมาแปบเดียวนั่นล่ะ ไหลเลย ถ้าอยู่ปรกติธรรมดา ไม่มา ยังไงก็ไม่มา ถ้าพูดถึงความดีอยู่ด้วยกันนี่ มันก็อยู่ด้วยกันนั่นน่ะ พอโกรธเมื่อไรล่ะ โอโห มาเป็นยาวเลย ลืมไปแล้ว เมื่อสิบปียังมาเลย เนี่ยเราฝึกให้ลืม โดยการภาวนา โดยทำใจให้นิ่งๆ ทำยังไงก็ได้ให้มันสบายๆ มันก็แยกได้แล้ว

มันไม่ยากอะไรนี่ ไอ้ที่ยากคือเราไม่ทำเท่านั้นเอง มัวแต่ไปบันทึกทีวีบ้าง วีดีอะไรทุกวันเลย ตื่นเช้ามาไม่สวดหรอก คลำแล้วรีโมต ฟั๊บ เอาแล้วบันทึกล่ะ เรื่องราว มันเกินไป

ท่านบอก เอาพอดี ไม่ใช่ไม่ดูนะ ดู แต่อย่าเกินไป อายุสั้น เพราะไปดูแล้วมันเกร็ง อาการ อาการอิงไปตามพลังงาน แล้วก็ติด บางคนหลวงตาเห็นนะ คนแก่อายุห้าหกสิบเนี่ย ดูหนังทั้งคืน เป็นปึกๆ เลย โอโห ถ้ามาภาวนามันจะได้ขนาดไหนเนี่ย มหาศาลเลย"

- หลวงตาม้า

***************************************************************

 

- ให้นึกถึงพระให้บ่อยที่สุด อย่างการกำพระเราก็นึกถึงพระ
...ต่อไป เห็นพระ ไม่ได้เลย...จิตจะเข้าไปกราบทันที
นั่นคือการเข้าถึงไตรสรณคมณ์ เป็นการปิดอบายภูมิ

- เวลานึกถึงพระ นึกถึงหลวงปู่ จิตของเราจะอยู่ที่พระ อยู่ที่หลวงปู่
เป็นไตรสรณคมณ์ ปิดกั้นพลังงานไม่ดีได้

 

ล้มให้รีบลุก

เป็นปกติของผู้ปฏิบัติธรรม ช่วงใดเวลาใดที่สามารถปฏิบัติธรรมได้ก้าวหน้า จิตใจสงบเย็นเป็นสมาธิได้ง่าย สามารถพิจารณาอรรถธรรมให้ผ่านทะลุจิตใจได้โดยตลอดสาย ช่วงดังกล่าวมักจะต้องมีปัญหาและอุปสรรคที่เข้ามาไม่ในรูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่ง เพื่อมาขวางกั้นการปฏิบัติธรรมของผู้ปฏิบัติคนนั้นๆ ถ้าผู้ปฏิบัติธรรมไม่สามารถเตรียมใจรับกับสถานการณ์นั้นๆ ได้ ธรรมที่กำลังพิจารณาดีๆ ก็ต้องโอนเอนไปมา หรือล้มลุกคลุกคลานอีกได้

เคยมีคนกราบเรียนให้หลวงปู่ทราบถึงปัญหาและอุปสรรคที่กำลังประสบอยู่

หลวงปู่ท่านจึงสอนว่า "พอล้มให้รีบลุก รู้ตัวว่าล้มแล้วต้องรีบลุก แล้วตั้งหลักใหม่ จะไปยอมมันไม่ได้ "

ท่านเมตตาสอนต่อว่า "ก็เหมือนกับตอนที่แกเป็นเด็กคลอดออกมา กว่าจะเดินเป็น แกก็ต้องหัดเดิน จนเดินได้ แกต้องล้มกี่ทีเคยนับไหม พอล้มแกก็ต้องลุกขึ้นมาใหม่ใช่ไหม ค่อยๆ ทำไป"

หลวงปู่เพ่งสายตามาที่ลูกศิษย์แล้วสอนต่ออีกว่า "ของข้าเสียมากกว่าอายุแกซะอีก ไม่เป็นไรตั้งมันกลับไป"

ลูกศิษย์ "แล้วจะมีวิธีป้องกันไม่ให้ล้มบ่อยได้อย่างไร"

หลวงปู่ "ต้องปฏิบัติธรรมให้มาก ถ้ารู้ว่าใจเรายังแข็งแกร่งไม่พอ ถูกโลกเล่นงานง่ายๆ แกต้องทำให้ใจแกแข็งแกร่งให้ได้ แกถึงจะสู้กับมันได้"

เพื่อเป็นการเพิ่มกำลังใจของนักปฏิบัติ ไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้งก็ตาม แต่ทุกๆ ครั้งเราจะได้บทเรียน ได้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป ให้น้อมนำสิ่งที่เราเผชิญมาเป็นครู เป็นอุทาหรณ์สอนใจของเราเอง เตรียมใจของเราให้พร้อมอีกครั้ง ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก

 

ส.ส.บ ตัวย่อมีความหมาย

หลายครั้งที่หลวงตาย้ำเสมอ ท่านเน้นให้สวดมนต์เพราะมีประโยชน์มาก หลายคนไม่เข้าใจเอาไปเปรียบเทียบกับกรรมฐานอื่นๆมองว่าเป็นแค่พื้นๆ แต่หลวงตาพูดเสมอว่า พื้นๆที่คนว่ากัน ยังทำไม่ได้จะไปหวังอะไรกับที่ยากๆ หลวงตาบอก ทุกอย่างเริ่มจากพื้นเสมอ การเดินทางที่ยาวไกลก็ต้องเริ่มจากก้าวแรก ถ้าไม่เริ่มพื้นให้ดี มันไปต่อลำบาก ท่านถึงย้ำเสมอกับการสวดมนต์ ที่คนชอบบอกว่าง่าย ของง่ายๆทำให้ได้ทำให้ดี กำลังมันมีมหาศาลมาก สวดแล้วจะเห็นผลเองแค่สวดให้เป็น ย้อนไปเมื่อตอนท่านออกถ่ำใหม่ๆ เป็นแค่พระธรรมดาไม่มีใครรุ้จัก ท่านนั่งรถลงมาทำธุระที่วัดป่าดาราภิรมณ์ ตรงแม่ริม ขากลับท่านไปยืนรอรถจะกลับไปที่ถ่ำ สมัยก่อนรถนานๆจะมาที หลวงตาเล่าว่า รอรถนาน กลัวว่าจะกลับถึงถ่ำค่ำ ท่านเลยกำหนดจิตอธิษฐานบอกภพภูมิแถวนั้นมารับบุญ ใครอยากได้บุญให้ช่วยกันหารถมารับ หลวงตาบอก แค่ท่านลืมตา มีรถกะบะสีแดงมาจอด ถาม ท่านจะไปไหน พอบอกเค้าเลยรับ ไปส่งตอนแรกโยมจะไปส่งที่ปากทางเพราะเป็นทางผ่าน พอนั่งรถไป หลวงตาโมทนาบุญกับภพภูมิและวิญญาณที่เกี่ยวกับโยมที่รับ ปรากฏว่า โยมเปลี่ยนใจขับเข้าไปส่งหลวงตาที่ถ่ำ จากปากทางที่บอกไว้อีกร่วมสามสิบกว่าโล หลวงตาเล่าด้วยรอยยิ้มว่า ถ้าเอ็งสวดมนต์ ไปเรื่อยๆบันทึกบุญทุกวัน สัพเพแผ่บ่อยๆ พลังมันเยอะมาก มันเป็นทิพยอำนาจ เป็นฤทธทางใจ ต้องการสิ่งใด เดี่ยวภพภูมิกับวิญญาณจัดการเอง เราอยู่นิ่งๆสบายๆ จำไว้นะ งานของเรามันคืองานช่วยภพภูมิกับวิญญาณ ทำไปอย่าหยุด ท่องไว้ สวด ส่ง บันทึก เราหน่วยงาน สสบ คือ สวดมนต์ ส่งวิญญาณ บันทึกบุญ หลวงตาหัวเราะท่านบอกเอ็งทำได้แค่นี้ ก็สุดคุ้มในการเกิดมาล่ะ ประโยชน์มหาศาล ในกาลข้างหน้าเอ็งจะรู้เอง ทำไปอย่าหยุด ของจริงมันมี ที่ไม่มีเพราะไม่ทำ






**********************************************************************************************

 

...หลวงปู่ดู่ ท่านบอกว่า...
จะแผ่เมตตาให้มีพลังงานเยอะ
มันต้องแผ่บ่อยๆ
กรุณา มุทิตา อุเบกขา ก็จะเริ่มเกิด
หลวงปู่ดู่ ท่านเน้นนะ
กรรมฐานทั้ง 4 กอง
มันเป็นตัวช่วยเสริมสร้างกำลังบารมี
มันจะสว่างรอบทิศทางเลยนะ 360°...

**************************************

 

ลมหายใจโพธิสัตว์


หน้าร้อนต้นปี 49 ท้องฟ้าสีคราม ลมพัดเย็นสบาย ใบไม้พริ้วไหว จักจั่นเรไรร้องประสานเสียงกังวานก้อง หลวงตานั่งที่ลานหน้าถ่ำ สายลมกระทบผิวกายหลวงตา ท่านพูดว่า เอ็งรู้ไหม ลมไหนๆก็ลมเดียวกันเพราะแค่ธาตุลม ไม่ว่าลมข้างนอกกายหรือในกาย เมื่อก่อนตอนเริ่มภาวนา เคยคิดว่าลมหายใจนี้คือลมของเราแต่พอได้มาเจอหลวงปู่ เริ่มภาวนา จึงรู้ว่า แท้จริงลมหายใจนี้ไม่ใช่ลมหายใจของเรา ลมหายใจของเราก็คือลมเดียวกันกับทุกสิ่งที่หายใจเข้าออก และในเมื่อทุกลมหายใจเเข้าออกหมือนกัน เราย่อมไม่มีความต่างที่จะเอาเปรียบหรือเกลียดชังกัน ทุกลมหายใจที่เข้าออกจึงเป็นลมหายใจที่เป็นเมตตาต่อกัน ลมหายใจที่มีแต่ความเมตตาต่อสิ่งต่างๆไร้ซึ่งความต่าง นั่นแหล่ะคือ ลมหายใจโพธิสัตว์ แค่เราสวดมนต์ รู้ถึงลมหายใจเข้าออกนี้ประสานกับบทสวด มีสติและสัมปชัญญะครบถ้วน ด้วยใจสบาย มีเพียงลมหายใจที่เป็นหนึ่งเดียวกับบทสวด เป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งต่างๆ เบา สบาย ไร้ซึ่งตัวตน เพราะความเบานี่แหล่ะ ที่เบาจากความคิด เบาจากกิเลสตัณหา อุปทานต่างๆ พวกเอ็งเห็นหรือยังล่ะว่าแค่สวดมนนี่แหล่ะพาไปถึงทางแห่งการพ้นทุกข์ได้สบาย จะทำกำลังด้านไหนก็ได้หมด ขึ้นอยู่กับว่า สวดจริงไหม ความเพียรพอไหม ทรงอารมณ์สวดอย่างไร ขอแค่สวด รับรองเห็นผลเอง เชื่อหลวงตาสิ เพราะว่าทุกวันนี้หลวงตามีชีวิตอยู่ด้วยลมหายใจที่ไม่ใช่เพื่อตัวเอง นี่คือผลของการสวดมาทั้งชีวิต คือลมหายใจที่ดำรงอยู่เพื่อประโยชน์ของทุกสิ่ง ลมหายใจโพธิสัตว์ ยังไงล่ะ พวกเราก้มกราบ ระลึกถึงลมหายใจที่เข้าออกนี้ให้สัมผัสเป็นลมหายใจเดียวกับกับหลวงตา ครุบาอาจารย์ ผู้เป็นสายลมพัดพาเราไปบนทางเดินนี้ ทางที่หลวงตาเลือก ทางแห่งโพธิสัตว์

*********************************