-- เลิกสะสมครับ-- เลยอยากส่งต่อให้ท่านที่สนใจ

ถึงจุดอิ่มตัวครับ เลยอยากจะเลิกสะสมวัตถุมงคลที่เคยเก็บไว้ เผื่อไว้ให้ท่านที่สนใจมาช่วยรับช่วงต่อ เดี๋ยวผมจะค่อยๆ เอามาลงให้เช่าต่อกันทีละชิ้นนะครับ บางชิ้นอาจจะ no name นะครับ แต่พุทธคุณสุดยอดแน่นอนเพราะผมมีอาจารย์และเพื่อนๆที่สามารถสัมผัสได้มาเช็คให้แล้ว

วิสุทธิ์ ปรมาภรณ์พิลาส

ธ. ไทยพาณิชย์ สาขา เซ็นทรัล พระราม2

ออมทรัพย์ 156-254092-4

ติดต่อ: visut_p@hotmail.com
โทร: ขออนุญาติไม่ให้เบอร์โทรนะครับ เพราะผมนั่งสมาธิตอนหัวค่ำ

 

รายการที่ 1: ตะกรุดมหาจักรพรรดิ์ (หลวงปู่ดู่ วัดสะแก)
บูชา 3,200 บาท (ปิดรายการ)







คาถามหาจักรพรรดิ์ (หลวงปู่ดู่ วัดสะแก)
นะโม 3 จบ

นะโมพุทธายะ พระพุทธไตรรัตนญาคาถามหาจักรพรรดิ์ (หลวงปู่ดู่ วัดสะแก)ณ มณีนพรัตน์ สีสะหัสสะ สุธรรมา พุทโธ ธัมโม สังโฆ
ยะธาพุทโมนะ พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา อัคคีธานัง วะรังคันธัง สิวลี จะมหาเถรัง
อะหัง วันทามิ ทูระโต อะหัง วันทามิ ธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ

ภาวนาแล้ว ไม่อด ไม่อยาก ไม่ยาก ไม่จน ทำสิ่งใดคล่องตัวตลอด เป็นศิริมงคล

ให้สวดคาถาบทนี้ต่อแล้วอธิษฐานขอสิ่งที่ประสงค์
คาถาอาราธนาพระเข้าตัว

สัพเพพุทธา สัพเพธัมมา สัพเพสังฆา
พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญ จะยังพลัง
อรหันตานัญ จะ เตเชนะรักขัง พันธามิ สัพพะโส
(สวด 3 จบ หรือ 5 จบได้)

คำกำหนดอธิษฐานจิต

พุทธัง อธิษฐามิ ธัมมัง อธิษฐามิ สังฆัง อธิษฐามิ


ข้อมูลตะกรุดหลวงปู่ดู่

ที่มา : หนังสือกรรมตามทัน

แต่กาลก่อนโน้น.. หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ยังอายุไม่มาก ท่านยังทำตะกรุดอยู่ "ตะกรุด" ของท่านโด่งดังลือลั่นมาก

ทำไม !?... ทำไมถึงโด่งดัง !?

การโด่งดังนั้นไม่ว่าวัตถุสิ่งของ สัตว์ หรือบุคคล จะต้องมีลักษณะพิเศษ จึงได้โด่งดัง... เช่น "ช้างเผือก" อยู่ในป่า จะโด่งดังขึ้นมาจนได้... ช้างเผือกที่ดังก็เพราะมีลักษณะตามตำรับคชลักษณ์

"ตะกรุด" ของหลวงปู่ดู่ ก็เช่นกัน ท่านทำตามตำรับเดิมของท่านอย่างเคร่งครัด...

มีมาก...ที่มาขอร้องให้ท่านทำให้ โดยหมั่นเทียวไปเทียวมาขอร้องหลายครั้ง...

เพราะหลวงปู่ จะอนุญาตอะไรยากมาก ผู้เขียนเจอมาแล้ว ตอนหลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ได้ไปกราบนมัสการและขอนุญาตถ่ายรูปท่าน แต่หลวงปู่ปฏิเสธ และให้ไปถ่ายรูปเอาจากภาพถ่ายที่ติดเอาไว้ตามข้างฝาในศาลาที่เก็บพระพุทธรูปบูชา และภาพเขียนต่าง ๆ

เมื่อมีบางคนมีความพยายามสูงที่มากราบนมัสการขอให้ท่านทำให้ ท่านจึงถามความประสงค์ว่า...

"จะให้ทำแบบไหน !?"

"แบบชาวบ้านธรรมดา แบบขุนนางท้าวพระยาหรือแบบพระมหากษัตริย์...หมายถึง ตะกรุดมหาจักรพรรดิ์ !"

บรรดาผู้มาขอก็นมัสการตอบว่า... "อยากได้แบบที่พระมหากษัตริย์ใช้"

หลวงปู่เล่าในตอนหลังว่า "พวกที่ได้แบบตะกรุดมหาจักรพรรดิ์นี่ภายหลังต้องเอามาคืนทั้งหมด"

"ข้าเลยโยนใส่ลงไปในสระน้ำมนต์ หน้าวัดทั้งหมด !"

ในเมื่อศิษย์ใกล้ชิดได้กราบเรียนถามเหตุผลกับหลวงปู่ว่าทำไมเหตุใด เขาจึงต้องเอากลับมาคืนทั้งหมด ?!

หลวงปู่ตอบว่า... "ก็ได้ไปแล้ว เอาไปกินเหล้า จ้องแต่จะหาเรื่องทำร้ายฟันคนเขา พระเจ้าแผ่นดิน ฆ่าคนได้หรือสมัยนี้ ต้องมีเหตุผล" หลวงปู่กล่าวแล้วก็หัวเราะอารมณ์ดี

หลวงปู่ได้ให้เหตุผลอีกว่า... "อันของที่ดี ที่สูง มีค่าล้ำ คนที่จะนำไปใช้ ก้ต้องทำจิตของตนให้สุงตามไปด้วย ต้องมีศีล มีสัตย์ จึงจะได้ผลตามปรารถนา"

เรื่องราวเกี่ยวกับตะกรุดหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ นี้มีมากมาย... เช่น เคยมีคนนำไปลองซึ่งหลวงปู่เคยเล่าให้ฟังว่า...

"เป็นพวกลาว หรือชาวลาว อยู่แถววัดตะโหนด พวกนี้เก่งอีกระดับหนึ่ง เขามีวิชาทำลายของขลังเก่งมาก ไม่ว่าของขลัง ของใครก็ตาม เมื่อเขาจับแล้วเสกคาถา จะต้องแตกระเบิดทุกราย... หรือแตกย่อยสลายหมดสภาพไป"

"ตะกรุด รายของข้านี่ เขาได้ไปแล้ว ก็เอาไปจับเสกเป่าคาถาทำพิธีของเขา แต่ของข้าไม่แตก !"

"ตะกรุดของข้า มันดื้อ กลับพุ่งขึ้นทิ่มหน้า ทิ่มตาหมอผี หมอไสยลาวเสียหน้าแหก หน้าแตกไปหมด !"

ที่หลวงปู่เล่านี้ หมายถึงอำนาจคุณพระ... พระพุทธคุณกับอำนาจฝ่ายต่ำ สู้กัน... พลังพระพุทธคุณ ย่อมชนะเสมอคือความหมาย...

"ธรรม ย่อมชนะอธรรม"

 

ขอปิดรายการนี้ครับ

 

รอครับ

 

รอรายการที่เกี่ยวเนื่องกับพระองค์ดำครับ ไม่แน่ใจว่าพี่พอจะมีมั้ยครับ

 

มีอยู่องค์เดียวครับ เป็นพระขุนแผน แต่องค์นี้ต้องเก็บไว้เองครับ

 

รายการที่ 2: พระขรรค์หลวงพ่อโศก วัดปากคลองบางครก (ขนาด 4 นิ้ว)
บูชา 6,600 บาท


ด้านหน้า

ด้านหลัง

ดูดีๆจะเห็นรอยจารทั่วพระขรรค์ครับ


พระขรรค์ เป็นเทพศาสตรา ใช้สำหรับการปราบสิ่งชั่วร้ายและภูติผีปีศาจ และคุ้มกันอันตรายทั้งปวง วัตถุประสงค์ในการสร้างก็ดุจเดียวกันคือ "มีดหมอ" นั่นเอง พระขรรค์ด้ามทำด้วยเขาควายเผือกของ หลวงพ่อโสก วัดปากคลอง เป็นเกจิอาจารย์ที่ชาวเมืองเพชรให้ความเคารพนับถือมาก พระขรรค์ของหลวงพ่อโสกนั้น เป็นที่แสวงหากันมาตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ดังมีคำกล่าวที่ว่า "ลูกผู้ชายชื่ออ้ายแผน เมืองเพชร ขอให้มีปลัดขิกอัน ผ้ายันต์ผืนพระขรรค์เล่มของหลวงพ่อโศก ถึงไหนถึงกัน" คำกล่าวนี้บ่งบอกถึงความเชื่อถือและความศักศิทธิ์แห่งเครื่องรางที่ท่านสร้างไว้ได้เป็นอย่างดี

สุดยอดเทพศาตราวุธ
พระขรรค์เขาควายเผือกหลวงพ่อโศก ถือว่าเป็นหนึ่งในสุดยอดแห่งพระขรรค์ ที่มีอานุภาพใช้ได้ทุกทาง
1.คุ้มครองรักษาป้องกันอันตรายเมื่ออยู่กับตัวผู้ใช้
2.ป้องกันภัยภูติผีปีศาจ
3.ผ่อนหนักเป็นเบา ไม่ถึงคราวรอดตาย
4.เป็นที่ยำเกรงต่อศัตรู เป็นมหาอำนาจ
5. ด้ามพระขรรค์ ทำจากเขาควายเผือกถูกฟ้าผ่าตาย ตามเคล็ดวิชา เพราะสายฟ้านั้นมีพลังอำนาจทำลายล้างตามธรรมชาติที่รุนแรงที่สุด และเป็นเคล็ดคุ้มครองให้ผู้ถือครอบครองพระขรรค์ไม่ถูกฟ้าผ่าตาย

วิธีการสร้าง
ตามตำราของท่านกำหนดว่าเขาควายนั้นจะต้องประกอบด้วยลักษณะดังนี้ เขาควายเผือก (ควายธรรมดาใช้ไม่ได้) ต้องตายโหง ขวิดกันเองตาย หรือถ้าถูกฟ้าผ่าตายได้ก็ยิ่งวิเศษ เขาควายนั้นจะต้องไม่ถูกต้มมาก่อน เมื่อควายตายลงก็ต้องชำแหละตัดเขาออกสดๆ ไม่ต้องรอให้แล่ควายออกเป็นส่วน ๆ แล้วจึงนำหัวมาต้มเพื่อเอาเขาออกได้ สะดวกท่านว่าใช้ไม่ได้ แกะเป็นด้ามพระขรรค์ (โดยไม่ทวนเขา) เวลาแกะให้จำไว้ว่าทางไหนทางโคนเขา ทางไหนทางปลายเขา ให้ทำเครื่องหมายไว้ เวลาแกะให้แกะจากโคนเขาไปหาปลายเขา เป็นทางเดียวตลอดเวลาการแกะจนสำเร็จ ถ้าทวนแม้แต่ครั้งเดียวใช้ไม่ได้ต้องทิ้งไป

เกร็ดประวัติเสือขาว
เสือขาวเป็นจอมโจรเจ้าของฉายาขุนโจรร้อยศพ มีประวัติเหี้ยมโหดมาก เสือขาวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อดิ่ง มีของดีที่อยู่กับตัว แขวนพระปิดตา ตะกรุดหลวงพ่อดิ่ง แต่ไม่ประพฤติตนเป็นคนดี หลวงพ่อดิ่งได้เตือนเสือขาวว่า "มึงจะต้องตายโหงหากไม่เลิกเป็นโจร" เสือขาวนั้นทะนงตัว เพราะไม่มีอาวุธใด ๆ ทำอันตรายได้ ปืนยิงไม่ออก มีดแทงไม่เข้า ความเป็นอมตะของเสือขาวนี้เอง ทำให้เกิดความลำพองใจไม่ฟังคำเตือนของหลวงพ่อดิ่งผู้เป็นอาจารย์ ตำรวจชุดไล่ล่าได้มาหาหลวงพ่อดิ่งที่วัดบางวัว แล้วถามว่าจริงหรือที่ว่าเสือขาวนั้นหนังเหนียว หลวงพ่อดิ่งบอกว่า "จริง ไอ้ขาวมันหนังเหนียว ยิงฟันไม่เข้าหรอก แต่มันจะแพ้ดวงของมันเอง อาตมาบอกไม่ได้หรอกว่าจะสังหารไอ้ขาวได้อย่างไร เพราะมันเป็นการผิดศีล" ตำรวจชุดไล่ล่าล่าหลวงพ่อดิ่งจะลากลับ ในขณะนั้นมีตาเถรคนหนึ่งซึ่งรู้จักกับจ่าบุญมีได้มาบอกว่า "ถ้าจะสังหารไอ้ขาว จะต้องใช้ปลายพระขรรค์ของหลวงพ่อโสก วัดปากคลองเขียนพระคาถาตามที่ท่านให้ ลงที่ลูกปืนที่หัวกระสุน" หลวงพ่อโสก ท่านเป็นสหายของหลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว วิชาอาคมของหลวงพ่อดิ่งที่ลงไว้ หลวงพ่อโสกท่านจะจารแก้ไว้บนใบมีดหมอของท่าน" เสือขาวได้ปะทะกับตำรวจชุดไล่ล่าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับทุกครั้ง เพราะกระสุนเพียงนัดเดียวเสือขาวถึงกับทรุดสิ้นลายของคำว่า"จอมโจรหนังเหนียว" กระสุนที่ใช้สังหารเสือขาว หัวกระสุนทั้งหมดที่ใช้ยิง จารด้วยพระขรรค์ของหลวงพ่อโสก วัดปากคลอง

คาถากำกับพระขรรค์
"พุทโธ ปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ ธัมโม ปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ สังโฆ ปัพพะชายาโน สัพพะศัตรู วินาสสันติ"


วิสุทธิ์ ปรมาภรณ์พิลาส
ธ. ไทยพาณิชย์ สาขา เซ็นทรัล พระราม2
ออมทรัพย์ 156-254092-4

 

รายการที่ 3: ปลัดขิก หลวงพ่ออี๋
บูชา 7,200 บาท





เลี่ยมเงินเก่าๆ


การสร้างคุณปลัดของพระครูวรเวทย์มุนี(หลวงพ่ออี๋ พุทธสโร) วัดสัตหีบ มีเรื่องเล่ากันมากมายหลายแบบ ว่ากันว่าระหว่างที่หลวงพ่ออี๋ท่านออกเดินธุดงค์ ท่านได้พบบ่อน้ำแห่งหนึ่ง ท่านจึงได้หยุดปักกลดเพื่อโปรดญาติโยม ระหว่างนั้นท่านสังเกตุว่าที่บ่อน้ำแห่งนี้มีปลัดขิกผุดขึ้นมาจากน้ำคล้ายกับปลาขึ้นมาหายใจ ท่านจึงพยายามที่จะช้อนปลัดเหล่านั้นขึ้นมา แต่ก็ช้อนไม่ได้สักที จนกระทั่งมีคนแก่มาบอกท่านว่าถ้าอยากช้อนได้ให้ไปหาหญิงสาวพรหมจรรย์มาช้อนให้จึงจะช้อนได้ ท่านจึงไปหาหญิงสาวพรหมจรรย์และขอร้องให้ช้อนปลัดให้ท่าน เมื่อท่านได้ปลัดขิกมาแล้วเมื่อกลับมาอยู่วัดท่านจึงได้สร้างปลัดขิก ในการสร้างครั้งแรกท่านต้องสร้างให้ได้ถึง๑๐๘ ตัว เพื่อที่จะได้คัดเลือกหัวโจกหรือจ่าฝูงของปลัด คือตัวที่ดิ้นเก่งและชอบนำลูกฝูงดิ้นตาม เมื่อได้จ่าฝูงแล้วท่านจึงได้นำมาทดลองในบ่อน้ำวัด ปลัดของท่านสามารถวิ่งบนผิวน้ำได้ สั่งให้จมก็จมสั่งให้ลอยก็ลอย สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู่พบเห็นเป็นอย่างมาก... นี่เป็นเรื่องที่เล่ากันมาแบบปากต่อปากจริงเท็จอย่างไรไม่สามารถยืนยันได้

ส่วนเรื่องที่ทำให้ชื่อเสียงปลัดขิกของหลวงพ่ออี๋ มีชื่อเสียงโด่งดังมาจนถึงทุกวันนี้ เห็นจะเป็นเรื่องที่ว่ามีเด็กสาวคนหนึ่งมาช่วยงานที่วัด ก่อนกลับหลวงพ่ออี่ได้มอบห่อกระดาษให้พร้อมกับสั่งกำชับว่าห้ามเปิดดูระหว่างทางเมื่อถึงบ้านแล้วจึงเปิดดูได้ ขณะที่เด็กสาวคนนั้นกำลังนั่งเรือกลับบ้านก็เกิดอยากรู้ขึ้นมาว่าในห่อกระดาษนั้นมีอะไรจึงได้เปิดดู เมื่อเปิดดูจึงเห็นว่าเป็นปลัดขิกตัวเล็กๆทำให้บรรดาเพื่อนที่นั่งเรือมาด้วยพากันหัวเราะคิกคัก เจ้าตัวเลยเกิดความอายจึงได้โยนปลัดขิกทิ้งน้ำไป จนกระทั่งเรือมาจอดเทียบท่าเพื่อจะขึ้นฝั่งเธอได้ยินเสียงดัง จ๋อมๆ คล้ายเสียงปลากระโดดจึงได้หันไปดูปรากฏว่าสิ่งที่เห็นกลับเป็นปลัดขิกตัวที่โยนทิ้งไปขณะเรือวิ่ง ซึ่งแสดงให้ประจักษ์ว่าปลัดขิกตัวนั้นได้วิ่งตามเรือมาจนมาถึงท่าเทียบเรือ ด้วยความอัศจรรย์และประจักษ์ในในอภินิหาร เธอจึงเก็บปลัดขิกตัวนั้นกลับไป...เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องเล่าที่กล่าวขานกันมาจนทุกวันนี้

นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่ากล่าวถึงชาวประมงที่ออกหาปลาแล้วถูก ผีพรายเล่นงาน เมื่อมาหาหลวงพ่ออี๋ท่านจึงบอกวิธีแก้เคล็ดให้คือให้แก้ผ้าใส่ ซึ่งแรกๆก็ได้ผลดีแต่หลังๆชักไม่ได้ผล จึงมาหาหลวงพ่ออี๋อีกท่านจึงได้แจกปลัดขิกให้ไปใช้ติดตัว ปรากฏว่าผีพรายไม่กล้ามากร้ำกรายอีกเลย

พุทธคุณปลัดขิกของท่าน นอกจากใช้ในทางเมตตา ค้าขาย โชคลาภแล้วยังสามารถใช้ป้องกันภูตผีปีศาจได้อีกด้วย

คาถาปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ

ให้ตั้ง นะโม 3จบ แล้วท่อง
รุปิ รุปิ พุทธะจิตตัง พุทธะเมตตานัง มหาสิเนหัง
ลิติ ลิติ กรุณามหาจิตตัง เมตตาพุทโธ
นะชาลิติ นะชาลิติ นะชาลิติ เอหิภันธัง มหาสิเนหัง โหนตุ


วิสุทธิ์ ปรมาภรณ์พิลาส
ธ. ไทยพาณิชย์ สาขา เซ็นทรัล พระราม2
ออมทรัพย์ 156-254092-4

 

ส่งตะกรุดให้เรียบร้อยแล้วครับ
EMS: EX301259775TH

 

รูปพระขรรค์ กับปลัด ผมดูไม่ได้นะครับ ไม่รู้ท่านอื่นดูได้หรือเปล่า

 

ผมก็ดูไม่ได้ครับ

 

ขอบคุณมากครับที่ช่วยเตือน ผมเอาภาพไปแทรกไว้เป็น attachment เรียบร้อยแล้วครับ

 

รายการที่ 4: เบี้ยแก้ 3 ห่วง หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว
บูชา 3,100 บาท










เบี้ยแก้ เครื่องรางของขลัง ของไทย
เบี้ยแก้ เป็นเครื่องรางของขลังอันเก่าแก่มาแต่โบราณ การนำหอยเบี้ยมาเป็นเครื่องนั้นไม่ใช่ว่าจะมีอยู่แต่ในประเทศไทยเท่านั้น ในประเทศต่างๆ ก็ยังนำหอยเบี้ยมาเป็นเครื่องของขลังกันหลายประเทศ เช่น ในอินเดีย เขมร ลาว และอีกหลายๆ ประเทศ แต่คติการสร้างนั้นอาจจะแตกต่างกันไปครับ อย่างในอินเดียศาสนาพราหมณ์จะมีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับหอยหลายๆ อย่าง ถ้าเป็นเบี้ยจั่น เขาถือว่าเบี้ยนั้นเป็นตัวแทนพระลักษมี ส่วนของไทยเรานั้นมีการนำเบี้ยมาเป็นเครื่องรางมาแต่สมัยโบราณ คนไทยเรามักนำเบี้ยมาห้อยคอเด็ก ถือเป็นเครื่องรางทางด้านโชคลาภ และคุ้มกันสรรพอันตรายต่างๆ แม้แต่ในวรรณคดีขุนช้างขุนแผน หรือเรื่องอิเหนา ก็ยังกล่าวถึงเรื่องเบี้ยอยู่หลายตอน

การสร้างเบี้ยแก้
คือการนำปรอทที่ปลุกเสกแล้วเข้าไปอยู่ในตัวเบี้ย บางอาจารย์อาจจะเรียกปรอทจากธรรมชาติให้เข้าไปในตัวเบี้ย แล้วท่านก็หาวิธีอุดไว้ไม่ให้ปรอทหนีออกมาด้วยชันโรงใต้ดิน ที่ปลุกเสกแล้ว และหุ้มด้วยผ้าแดงหรือแผ่นตะกั่ว,แผ่นทองแดง แล้วจึงนำมาถักเชือก หรือหุ้ม ทำห่วงไว้ให้ ผูกเอวหรือห้อยคอ การสร้างเบี้ยแก้ ขั้นตอนสุดท้ายคือ การปลุกเสกกำกับอีกครั้งหนึ่ง ปรอทที่นำมาทำเบี้ยแก้เรียกว่า ปรอทเป็น โดยเมื่อเขย่าตัวเบี้ยแก้แล้ว จะได้ยินเสียงดังขลุกๆ อยู่ในตัวเบี้ย แต่ถ้าเป็นเบี้ยสายอ่างทองบางอาจารย์เวลาเขย่าเบี้ยจะมีเสียงดังแซกๆ พระคาถาป้องกันคุณไสย ป้องกันตัวกันกระทำย่ำยีต่างๆ การปลุกเสกบางครั้งเบี้ยแก้สามารถเดินได้เลยทีเดียว

เบี้ยแก้ เครื่องรางของขลังกันคุณไสย การสร้างเบี้ยแก้ ทำจากเบี้ยพลู และเบี้ยจั่น โดยเกจิอาจารย์จะนำปรอทธาตุศักดิ์สิทธิ์ บรรจุในตัวหอยเบี้ย อุดชันโรงใต้ดินแล้วลงอักขระเลขยันต์ปลุกเสกอีกครั้ง เบี้ยแก้ ใช้ป้องกันภูตผีปีศาจ ป้องกันไข้ป่า อยู่ยงเขี้ยวงาทุกอย่างป้องกันคุณไสย ป้องกันยาพิษ ยาสั่ง เรื่องของเบี้ย เคยเป็นกฎหมายไทยโบราณ กล่าวว่า "จะแต่งบุตรและหลานก็ให้ใส่แต่จี้เสมาภควจั่นจำหลัก ประดับพลอยแดงเขียวเท่านั้น อย่าได้ประดับเพชรถมยาราชาวดี ลูกประหล่ำเล่า ก็ให้ใส่แต่ลายแทงแลเกลี้ยงเกี้ยว อย่าให้มีกระจังประจำยามสี่ทิศ แลอย่าให้ใส่กระจับปิ้ง พริกเทศทองคำ กำไลทองใส่เท้า และห้ามอย่าให้ช่างทองทั้งปวงรับจ้างทำจี้เสมาภควจั่นประดับเพชรถมยาราชาวดี และกระจับปิ้ง พริกเทศทองคำ กำไลเท้าและแหวนถมยาราชาวดีประดับพลอย ห้ามมิให้ซื้อขายเป็นอันขาดทีเดียว ถ้าข้าราชการผู้น้อยแลอาณาประชาราษฎร์ ช่างทองกระทำผิดถ้อยอย่างธรรมเนียม แต่ก่อนจะเป็นโทษอย่างหนัก" คำว่า "ภควจั่น" เป็นคำสองคำ ภคว คำหนึ่ง ซึ่งเป็นชื่อย่อของ ภควดี หมายถึงพระลักษมีคำว่าจั่น คำหนึ่ง หมายถึง เบี้ยจั่น ภควจั่น จึงหมายถึง เบี้ยจั่นอันเป็นเครื่องหมายของพระลักษมีกฎหมายข้อนี้ แสดงถึงการแบ่งชั้นวรรณะของไทยในสมัยโบราณ ไม่ยอมให้สามัญชนห้อยเสมาภควจั่นประดับเพชรลงยาราชาวดี เพื่อสงวนไว้สำหรับลูกเจ้านายชั้นสูงเท่านั้น อนุญาตให้ห้อยได้เพียงจี้ภควจั่นที่เลี่ยมทองธรรมดาเท่านั้น

พุทธคุณเบี้ยแก้
เบี้ยแก้ นั้นเป็นเบี้ยที่ทำมาจากเบี้ยพลู และเบี้ยจั่น สร้างโดยพระเกจิอาจารย์ซึ่งนำปรอทที่ถือกันว่าเป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์ มาบรรจุไว้ในตัวหอยเบี้ย แล้วอุดด้วยชันโรงใต้ดิน แล้วท่านจะลงอักขระเลขยันต์ จากนั้นก็นำมาปลุกเสกอีกครั้งหนึ่ง ใช้เป็นเครื่องรางของขลัง พุทธคุณเบี้ยแก้ ป้องกันภูตผีปีศาจ ป้องกันไข้ป่า อยู่ยงเขี้ยวงาทุกอย่างป้องกันคุณไสย ป้องกันยาพิษ ยาสั่ง รวมถึงอวิชชาอาถรรพ์อื่นๆ

คาถาเสกเบี้ยแก้
ตั้งนะโม 3 จบ เสร็จแล้วให้ตั้งธาตุ
นะ มะ พะ ทะ ( 3 จบ )
จะ ภะ กะ สะ ( 3 จบ )
เมื่อตั้งธาตุเสร็จแล้ว ให้ภาวนาคาถา 3 จบ ดังนี้

“ อะสิสะติ ธะนูเจวะ สัพเพเต อาวุธานิจะ
ภัคคะ ภัคคาวิจุนนานิ โลมังมาเม นะผุสสันติ ”


วิสุทธิ์ ปรมาภรณ์พิลาส
ธ. ไทยพาณิชย์ สาขา เซ็นทรัล พระราม2
ออมทรัพย์ 156-254092-4

 

รายการที่ 5: ตะกรุดคู่ชีวิต
บูชา 950 บาท (ปิดรายการ)


ยาว 4 "


รวมแกนตะกรุดด้วยก็ 4.25"




อันใหญ่มาก หนา 2 cm.

ตะกรุดดอกนี้ไม่ทราบที่มาครับ มีผู้รู้บอกว่าเป็นตะกรุดคู่ชีวิตสายพิจิตร อาจารย์ผมใช้ญาณดูบอกว่าพุทธคุณมาทางเหนียว ผมเลยเก็บเอาไว้

 

ขอบูชารายการที่๕ครับ

 

รายการที่ 6: มีดหมอหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว
บูชา 15000 บาท (จองแล้ว)

ไม่ต้องบรรยายกันมาก พุทธคุณไม่แพ้หลวงพ่อเดิมเพราะท่านเป็นลูกศิษย์รุ่นแรกๆของหลวงพ่อเดิม
มีร่องรอยชำรุดที่ฝักมีดนิดหน่อยนะครับ เสื่อมกันไปตามกาลเวลา


ด้านหน้า ยาว 8.5"
มีรอยแตกที่ขอบฝักด้านบน


ด้านหลัง


ฝักมีดด้านหน้า


ฝักมีดด้านหลัง


ถ่ายให้ดูขอบด้านบนที่มีรอยแตก


ใบมีดยาว 5"


ใบมีดอีกด้าน


ด้านมีดเป็นงา เก่าถึงอายุจริงๆ


ด้ามมีดอีกข้าง


โคนมีด


ปลายด้ามงา

 

รายการที่ยังอยู่นะครับ

1. พระขรรค์หลวงพ่อโศก วัดปากคลองบางครก (ขนาด 4 นิ้ว) บูชา 6,600 บาท
2. ปลัดขิก หลวงพ่ออี๋ บูชา 7,200 บาท
3. เบี้ยแก้ 3 ห่วง หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว บูชา 3,100 บาท
4. มีดหมอหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว บูชา 15000 บาท

ถ้าดูรูปไม่ได้ กรุณาช่วยแจ้งผมด้วยนะครับ เดี๋ยวผมส่งให้ทาง Email