เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 16 กันยายน 2014.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    1517549_985322831495532_3857046681127811248_n.jpg

    ผศ.นพ.ภากร จันทนมัฎฐะ แพทย์ติดตามเสด็จ เล่าว่า ครั้งหนึ่งข้าพเจ้านั่งใกล้พระองค์ท่านจนได้ยินการสนทนา และทราบว่า หญิงชาวบ้านผู้มาเข้าเฝ้าฯ นั้นมีความทุกข์เรื่องหนี้สิน สามีของเธอจากเธอไป และทิ้งเธอให้เผชิญหนี้สินตามลำพัง พร้อมด้วยลูกเล็ก ๆ อีก 2 คน ข้าพเจ้ามองเห็นว่า ความทุกข์ยากแห่งชีวิต ได้ฝากริ้วรอยไว้บนใบหน้าของเธอแววตามีแต่ความสิ้นหวัง ลูก ๆ ปราศจากความเบิกบานอย่างที่เด็ก ๆ ควรจะมี

    พระราชินี ทรงรับสั่งถามหญิงชาวบ้านคนดังกล่าวว่า “เป็นหนี้เท่าไร” เธอผู้นั้นไม่ยอมตอบเพียงแต่ทูลว่า หนี้นั้นมากมายเหลือเกิน และข้าพเจ้าได้ยินสมเด็จพระราชินี รับสั่งว่า “ไปบอกเจ้าหนี้นะคะ ว่าพระราชินีจะใช้หนี้ให้”

    ข้าพเจ้าถึงกับน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว ผู้สูงศักดิ์ที่สุดของแผ่นดิน ประทับอยู่ท่ามกลางชาวบ้านยากไร้ ทรงมอบความรัก ความช่วยเหลือให้เด็ก ๆ จะได้รับขนมแจก, ผู้ป่วยจะมีแพทย์ดูแล, ผู้สูงอายุจะได้รับแว่นสายตา, ผู้ยากไร้จะได้รับพระราชทานความช่วยเหลือเรื่องทุนรอนไม่มีผู้ใดที่ไม่ได้รับความช่วยเหลือ ข้าพเจ้าเคยสงสัยว่า ต้องใช้พระราชทรัพย์มากเพียงใด เพราะทุกครั้งที่ราษฎรนำผลผลิตของตนมา ก็ได้รับคำตอบว่า “พระราชินีรับซื้อทั้งหมดค่ะ”

    ข้าพเจ้าพบว่า พระองค์ต้องใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ และเงินที่มีผู้ทูลเกล้าฯ ถวายเข้ามูลนิธิศิลปาชีพหลายล้านบาทต่อวัน ช่วยเหลือผู้คนที่สังคมส่วนใหญ่พากันลืมเลือนผู้คนที่ไม่มีโอกาส ข้าพเจ้าเชื่อว่า ในสายพระเนตรของพระองค์ ผู้ที่ยากไร้ก็เป็นคนไทยที่พระองค์ทรงรัก ข้าพเจ้าเสียดายที่หลายครั้ง โทรทัศน์ไม่อาจถ่ายทอดความรัก ความเอื้ออาทรของพระองค์ได้



    ที่มา https://news.mthai.com/general-news/530031.html
     
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    (จากหนังสือ ราชพรหมยาโนวาท ที่ระลึกงานทำบุญวันเกิด 6 ตุลาคม 2538).jpg (จากหนังสือ โอวาทหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่ม 1 หน้า 7)1.jpg
     
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    11813364_10153537654494329_6653856854689774611_n_zpspqhi01t4.jpg
    ทำบุญหน้าบูดหน้าบึ้ง



    ผู้ถาม : หลวงพ่อคะเวลาคนเราทำบุญหน้าบูดหน้าบึ้งอารมณ์เสียนี่ ผลบุญที่ทำไปจะได้รับอย่างไรคะ

    หลวงพ่อ : คนหน้าบูดไม่มีนะ มันมีแต่ข้าวบูดขนมบูด หน้าอาจจะเปลี่ยนเป็นหน้าเบี้ยวหรือปากเบี้ยว ความจริงเขาบอกว่าถ้าทำบุญผสมโทสะ ใช่ไหม เรื่องนี้ฉันจะไปเจ๊งที่สมุทรสงครามเรื่องมีอยู่ว่าไปเทศน์ที่ วัดท้องคุ้ง อ.อัมพวา ไปเทศน์ที่นั่นก็มีโยมผู้ชายคนหนึ่งแกชอบมาถามปัญหา ถามปัญหาทุกครั้งก็เป็นปัญหาที่เราเข้าใจตอบได้


    มาครั้งหลังฉันข้าวเพลอยู่ โยมก็บอกว่า พระเดชพระคุณทั้ง 3 องค์ครับ ตอนนั้นไปเทศน์ 3 ธรรมาสน์นะ เจ้าคุณธรรมบาลด้วย มหาประยูรด้วย แกบอกว่าอะไรที่ถามพระเดชพระคุณทั้ง 3 องค์ก็ตอบได้ แต่เที่ยวนี้ผมมีข้อข้องใจว่าคนที่ทำบุญไปแล้วไปเกิดเป็นเทวดามีหน้าตาสดชื่นมีวิมานอยู่มีกายเป็นทิพย์ ถ้าไปเกิดในอบายภูมิก็มีหน้ายุ่งมีแต่ความทุกข์

    อยากจะทราบว่าพวกอสูรมีวิมานอยู่เหมือนกัน มีร่างกายเป็นทิพย์เหมือนกันแต่หน้ายุ่งๆ ทำบุญอะไรครับ


    เจ๊งเลย ตอบไม่ได้ ต่างคนต่างมอง ฉันก็เลยมองหน้าเจ้าคุณธรรมบาล ท่านเป็นอาวุโส เจ้าคุณธรรมบาลก็ส่ายหน้า ท่านเป็นเจ้าคุณนี่พูดไม่ออกแล้ว เสียศักดิ์ศรีมองหน้ามหาประยูรท่านก็ส่ายหน้า เราอาวุโสอ่อนกว่า ทำไง หาทางออกไม่ได้บอกโยม เรื่องนี้มีความสำคัญมาก ยังไม่มีใครเคยถามถ้าจะตอบให้โยมฟังเวลานี้ตอบได้ แต่ก็จะมีความรู้แค่โยมคนเดียว อาตมาขอไปตอบบนธรรมาสน์ก็แล้วกัน แน่ะ ! เก่งนะ สุนัขขี้ไม่มีใครยกหาง (หัวเราะ)

    ความจริงมันไปไม่รอดแล้ว ใช่ไหม ก็เป็นอันว่าโยมก็ยอม ก็คิดในใจว่าเมื่อขึ้นธรรมาสน์เราไม่พูดเสียอย่างเดียว ใครจะว่าอะไรไม่มีทาง ทีนี่ก็ลงไปศาลาอันดับแรกเขาถวายผ้าไตรก็ต้องสรงน้ำก่อน

    ตอนที่มานั่งคอยที่ญาติโยมมารดน้ำนั่นแหละ ได้ยินเสียงลงมาจากอากาศเสียงชัดมากเสียงกังวานเพราะ ท่านบอกว่านักเทศน์ต้องรู้ทุกอย่าง ก็เลยนึกในใจบอกว่า สิ่งนี้ไม่เคยรู้จะรู้ได้อย่างไร ท่านบอกว่าต้องรู้ให้ตอบเขาว่าอย่างนี้


    "คนที่เคยไปเป็นอสูรมีวิมานเป็นทิพย์ มีร่างกายเป็นทิพย์ ทุกอย่างเป็นทิพย์หมดเหมือนเทวดา แต่หน้าตายุ่งยิ่งไม่สวย ใช่ไหม ท่านบอกทำบุญผสมความโกรธ ขณะที่ยังทำบุญจะรักษาศีลก็ตาม ให้ทานก็ตามคนมาสะกิดบ้าง โมโหในช่วงนั้น ท่านบอกตายแล้วเป็นอสูรหน้ายุ่ง"

    (จากหนังสือ ธรรมปฏิบัติ เล่มที่ 32 หน้า 3-4 )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กรกฎาคม 2019
  4. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
  5. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    สุคติภูมิ, มโนมยิทธิ

    ท่านแม่ศรีตอบกับหลวงพ่อที่ถามท่านว่าอารมณ์บนพระนิพพานเป็นอย่างไร.....

    (จากหนังสือ ราชพรหมยาโนวาท ที่ระลึกงานทำบุญวันเกิด 6 ตุลาคม 2538)2.jpg 2.jpg 3.jpg 4.jpg 5.jpg 6.jpg 7.jpg 8.jpg 9.jpg
    (จาก ธัมมวิโมกข์ ธันวาคม 2538 หน้า 17 - 25)
     
  6. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    สัมปจิตฉามิ

    (จากธัมมวิโมกข์ ปีที่ 7 ฉบับที่ 63 หน้า 36).jpg
     
  7. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
  8. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    965-1.jpg
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    d7ba8645cc3c81d1f05ceac9c84a83a4.jpg 2e8b36ae7b36209377a73eb02cef2195.jpg
     
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 8)7.jpg (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 9 หน้า 24 ).jpg (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 9 หน้า 25 ).jpg (จากหนังสือรวมคำสอนธรรมปฏิบัติ เล่ม 9 หน้า 27 ).jpg
     
  12. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    02.jpg
    ท่านแม่ศรีให้สัญญาและให้พรลูกทุกคน


    ถ้าทุกคนคิดว่าจะไปนิพพานนะ แม่ให้สัญญาแม่จะมารับ แม่จะมารับพวกเอ็งทุกคนลูก แม่ให้สัญญา ฉะนั้นไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัวว่าวาระสุดท้ายเราจะไม่มีใครพาไป ไม่ต้องห่วง แม่จะพาไปเอง แม่รับปากนะ

    แม่จะให้พรนะ ทุกคนอยากได้พรแม่ก็รู้

    แม่ขอให้พรทุกคนนะให้รวยๆเข้าใจไหม ให้รวยๆทุกคนอย่าขัดสน นึกอะไรหวังอะไรขอให้สมหวัง แม่ขอวงเล็บสักนิดหนึ่งในทางที่ถูกในทางที่ชอบ ขอให้สมหวัง โดยเฉพาะนิพพาน เราหวังไว้ก็มุ่งขึ้นไปสูงสุด อย่าให้ตกลงมาอีกเลย

    และทุกคนขออย่าได้เจ็บไข้ได้ป่วย โรคภัยที่มีอยู่ก็ขอให้หายไปให้หมดสิ้นนะ

    แม่ขอให้พร "นิพพานัง สุขัง"

    ขอลูกทุกคนของแม่ ลูกทุกคนที่เคยเป็นที่่รักของแม่ ชาตินี้ก็ยังเป็นที่รักของแม่ ขอให้ลูกของแม่ที่เป็นที่รักของแม่ทุกคนเข้าถึงซึ่งนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ทุกๆคน

    (จากธัมมวิโมกข์ ปีที่ 5 ฉบับที่ 46 หน้า 119)
     
  13. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    1-1.jpg 1-4.jpg 2-1 (1).jpg

    หลวงพ่อรู้ภาษาสัตว์


    เรื่องสุนัขของหลวงพ่อ ๒ ตัว โคล่า(แก่แล้ว) สิงห์ดอก (หนุ่มกว่า) ๒ ตัวนี้จะอยู่ใกล้ ๆ หลวงพ่อที่ตึกริมน้ำ วันหนึ่งหลังจากที่หลวงพ่อชวนอาตมา หลวงพี่บัญชาไปตรวจงาน กลับเข้ากุฏิ เปิดประตูเจอโคล่ากำลังยืนร้องหงิง ๆ เจ้าสิงห์ดอกเพิ่งเข้ามาตอนหลวงพ่อเข้ามา หลวงพ่อก็พูดกับเจ้าโคล่าว่า

    “เราเป็นพี่ เราก็ต้องเสียสละสิ สิงห์ดอกเขาเป็นน้องก็ปล่อยเขาบ้าง” แล้วหลวงพ่อก็หันมาบอกพวกเราว่า
    โคล่าฟ้องว่าสิงห์ดอกเอาเปรียบ หลวงพ่อไม่อยู่ปล่อยให้เขาเฝ้ายามตัวเดียว สิงห์ดอกไปเที่ยวเล่นข้างนอก”

    เรื่องแมว อีกครั้งหนึ่งหลังจากฉันเช้า อาตมานำเอกสารที่พระภิกษุจะไปต่างประเทศกับหลวงพ่อ เข้าไปให้ท่านเซ็นต์ มีแมวหลวงพ่อที่กุฏิริมน้ำตัวหนึ่ง เขาก็วิ่งออกไปตรงระเบียงด้านนอก แล้วปีนขึ้นมาบนหน้าต่างส่งเสียงร้อง หลวงพ่อนั่งอยู่บนเตียงกำลังสนทนากับอาตมาอยู่ ก็หยุดหันไปพูดกับแมวว่า
    “เออ รู้แล้ว ๆ ๆ”
    พอพูดจบแมวก็กระโดดลงมาแล้ววิ่งจากระเบียงเข้ามาในห้อง ซึ่งถ้าเป็นแมวทั่วไป ก็คงวิ่งเข้ามาหาแต่นี่มีมารยาทมากมันรู้ว่าหลวงพ่อมีธุระหรือเรื่องส่วนตัว มันไม่เข้าไปกวนเสียมารยาท หลวงพ่อพูดว่า
    “แมวเขามาบอกว่า เขามารายงานตัวให้ทราบแล้วนะ เขาจะทำอย่างนี้เป็นประจำทุกวัน”

    เรื่องนก เรื่องนี้ครูเปี๊ยกมาเล่าให้ฟัง หลวงพ่อ พระติดตามและฆราวาสติดตาม เขาพาไปดูสวนนกจูล่ง ประเทศสิงคโปร์ ปรากฏว่าหลวงพ่อเดินผ่านกรงนกไป แล้วก็เดินกลับมาอีก ครูเปี๊ยกก็ถามหลวงพ่อว่า หลวงพ่อเดินไปแล้วทำไมต้องเดินย้อนกลับมาอีก หลวงพ่อพูดว่า
    "เมื่อกี้ข้าเดินมา นกมันก็ถามว่า หลวงพ่อจะไปไหนเจ้าคะ ข้าก็ไม่สนใจ ก็เดินผ่านไป พอเดินมาหน่อยนกมันก็พูดว่า พระองค์นี้แปลก ถามก็ไม่ตอบ ข้าก็เลยเดินกลับไปให้กำลังใจเขาหน่อย"


    จากเวบวัดธรรมยาน http://watdhammayan.com/joomla/index.php/2013-04-20-13-56-40/2013-04-21-14-32-17

    2-2.jpg 3-3.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2018
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    เรื่องตะกรุด



    ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๓๓ ตอนที่อาตมาและหลวงพี่บัญชาไปรับหลวงพ่อก่อนไปรับแขกนั้น อาตมาได้เอาตะกรุด ๑ กล่องเล็ก (มีตะกรุดอยู่ ๓๐ กว่าดอก) เข้าไปถามหลวงพ่อว่า
    "หลวงพ่อครับ ตะกรุดนี้เป็นตะกรุดอะไรครับ?" ท่านถามว่า
    "แกเอามาจากไหน?" ตอบว่า
    "เอามาจากห้องนอนหลวงพ่อที่ตึกริมน้ำครับ เอาตอนขนของออกมา" หลวงพ่อหยิบออกมาดูจากกล่องแล้วพูดว่า
    "ของดี" จึงถามท่านว่า

    "เป็นยังไงครับ?" ท่านพูดว่า
    "ของดี" จึงกราบเรียนว่า "ผมขอนำไปให้พระในวัดเช่านะครับ" ท่านพูดว่า
    "เออ"
    "ตั้งราคาเท่าไหร่ดีครับ" ท่านว่าให้ไปตั้งราคาเอาเอง จึงถามอีกว่า
    "ตั้งเท่าไรดีครับ" ท่านพูดว่า
    "ให้เท่าไรก็ได้ แล้วเอาเข้าสงฆ์ไปเลย" ก็ตั้งราคาดอกละ ๕๐ บาท พอหลวงพ่อนั่งรับแขกอยู่ อาตมากับหลวงพี่ประทีป ก็ไปห้องนอนหลวงพ่อที่ตึกริมน้ำ ไปเอาตะกรุดเป็นพวง มีอยู่ ๔ พวงๆละ ๑๗ ดอก (ก็แบ่งให้อาตมา ๑ พวง หลวงพี่ประทีป ๑ พวง หลวงพี่บัญชา ๑ พวง พระสามารถ ๑ พวง)

    พอหลวงพ่อเลิกรับแขก ท่านก็เข้าห้องน้ำ พอออกจากห้องน้ำ พอหลวงพ่อเปิดประตูออกมา อาตมาก็เอาตระกรุด ๔ พวงให้หลวงพ่อดู บอกว่า
    "เมื่อกี้ผมไปห้องหลวงพ่อที่ตึกริมน้ำไปเช็คดู ยังมีตะกรุดนี้อีก ๔ พวง พวกผม(ก็ชี้ไปที่อาตมา ,หลวงพี่ประทีป,หลวงพี่บัญชา) พวกผมจะขอเช่าได้ไหมครับ" จะตั้งราคาดอกละ ๕๐ บาท รวมแล้วพวงละ ๘๕๐ บาท ครับ หลวงพ่อฟังแล้วก็ชี้มาที่ตะกรุด แล้วพูดว่า
    "นี่ของดีมาก รุ่นพระสุปฏิปันโน" แล้วท่านก็พูดว่า

    "ไอ้แป๊ะนี่มันช่างไปค้นจริง ๆ" แล้วท่านก็ยิ้ม ๆ แบบเออ ยกให้ แล้วท่านก็พูดอีกว่า
    "ดอกละ ๑๐๐ บาทก็ไม่แพง"
    แล้วอาตมากับหลวงพี่อีก ๒ องค์ ก็เดินตามหลวงพ่อนั่งรถเบ๊นซ์ โดยหลวงพี่ประทีปขับไปส่งที่วิหาร ๑๐๐ เมตร ขณะนั่งรถไปด้วยกันรวมหลวงพ่อเป็น ๔ องค์ หลวงพ่อพูดกับหลวงพี่ประทีปว่า
    "หมื่นก็ไม่แพง"


    จากเวบวัดธรรมยาน http://watdhammayan.com/joomla/index.php/2013-04-20-13-56-40/2013-04-21-14-32-54

    ตะกรุดเม.jpg

    ตะกรุดเมและพระหางหมากด้านบนเป็นของกัลยาณมิตรศิษย์ท่านป้านิภา คงสุข ท่านได้มาจากพระอาวุโสท่านนึงที่วัดเมตตามอบให้มาบูชาครับ
     
  15. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    lWn-HE_LuEP1rL7J4zk8UPrgnl3PX9IFXOMcVaKSKE4r8ifZbXwuQyVjOEcxbIHv.jpg lWn-HE_LuEP1rL7J4zk8UAwCzniGH3CzMTbyW4hkbWXg2PVnUAdoeo9lF2e94Ss3.jpg
    วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๓๓ มีพิธีปลุกเสกพระคำข้าว (รุ่น 2) ๑,๓๗๐,๐๐๐ องค์หลวงพ่อเล่าหลังจากเสร็จพิธี

    สมเด็จองค์ปฐมขยายองค์ใหญ่ คลุมบริเวณทั้งหมด แล้วเปล่งรัศมีออกทีละสีจนครบ (ปล่อยลง)

    ส่วนสมเด็จองค์ปัจจุบัน ปล่อยรัศมีขึ้นไปบรรจบองค์ปฐม

    สมเด็จทีปังกรก็เปล่งรัศมี องค์อื่นๆก็ช่วยจนไม่ทราบว่าใครทำอะไรบ้าง

    ตอนที่คาถากำบังข้าศึก ไฟก็ดับด้วย แสดงว่าใช้ได้ผล

    ปลุกเสกพระคำข้าวและพระหางหมาก มีลาภเหมือนกัน เวลาทำรัศมีไม่เหมือนกัน

    พระหางหมากเกี่ยวกับบู๊ เกี่ยวกับโลก ปลุกเสกเหมือนกัน แต่พระคำข้าวต้องทำถึง ๓ เดือน

    หลวงพี่วิรัช เจ้าอาวาสวัดธรรมยาน

    จากเวบวัดธรรมยาน http://watdhammayan.com/joomla/index.php/2013-04-20-13-56-40/2013-04-24-15-01-44

    DSC04926.jpg
    S__180414.jpg S__180415.jpg
     
  16. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    6.jpg
    พระท่านสอนการทำกำลังใจก่อนหลับและตื่น

    (หลังจากสอนกรรมฐานคืนวันที่ 8 ก.พ. 31 แล้ว หลวงพ่อบอกว่า)

    หลวงพ่อ : พระท่านสั่งถึงญาติโยมทุกคน มีคนยืนข้างนอกไหม

    (มีเยอะครับ)

    ท่านบอกว่าทุกคนมีจิตเข้มข้นมาก ข้างในก็ดีข้างนอกก็ดี โดยเฉพาะข้างนอกหนักไม่งั้นยืนไม่ไหว

    ท่านก็เลยบอกว่าทุกคนก่อนจะหลับหรือตื่นใหม่ๆ ตั้งใจจำภาพพระพุทธรูปหรือคนที่เคยเห็นพระพุทธเจ้าด้วยทิพจักขุญาณนะ จับภาพพระพุทธเจ้าไว้ก่อนหลับหน่อยหนึ่ง

    หรือตื่นใหม่ๆไม่ต้องนั่งก็ได้นอนก็ได้ นอนลืมตาดูท่านหรือหลับตานึกถึงท่าน จะภาวนาก็ได้ แต่ห้ามภาวนาด่า นี่ท่านไม่ได้ห้ามนะฉันห้ามเอง ก็ถามท่านว่ามีผลอย่างไร ท่านบอกจะรู้ผลเองเมื่อตาย นี่ท่านพูดเองนะ

    ทีนี้ท่านย่าท่านยืนกับแม่ศรี ท่านก็หัวเราะ ย่าบอก "คุณ 100 เปอร์เซ็นต์"

    แต่ความจริงจับภาพพระพุทธเจ้านี่ดีนะ ฉันเคยไปหลับที่บ้านบนหลายหนก่อนป่วยหนัก ฉันก็หลับอยู่บนบ้านนั้นแหละ บ้านสูงเดินเที่ยวไปเที่ยวมาอยู่บนนี้ดีกว่า เดี๋ยวไอ้ตัวล่างหลับแหงแก๋ไปแล้ว มันตัดกันนี่นะ มันหลับไปเราก็สบาย ลงโน่นนั่นแหละตี 5 หรือไม่ก็ 6 โมงเช้าสบายโก๋ ความจริงจิตเป็นสุขถ้าทำอย่างนี้ทุกวันนะ

    ผู้ได้มโนมยิทธิน่ะขึ้นไปเลย ถ้าก่อนนอนขึ้นไม่ไหว เช้ามืดตื่นปั๊ปขึ้นไป ให้มันชินต่ออารมณ์ ถ้าชินต่ออารมณ์ก็มีความรักในสถานที่นั้น ถ้าเวลาจะตาย ใจมันไปที่มันรัก

    (จากหลวงพ่อตอบปัญหา ธัมมวิโมกข์ มีนาคม 2531)


    DSC_0059_zpsddxl7ywx.jpg spec74.jpg 37920706_1050560121787193_4592023709685907456_o.jpg 37958588_1051788041664401_7620481261210959872_o.jpg 38018063_1056476621195543_9024417151565430784_o.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2019
  17. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    2-15.jpg

    พลังอำนาจ "ยันต์เกราะเพชร"
    โดย ลูกหลวงพ่อ

    การที่ข้าพเจ้าได้นำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังก็เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจเรื่องหนึ่งที่บรรดาท่านทั้งหลายมียันต์เกราะเพชรไว้ประจำตัวและผู้เขียนเองก็ห้อยคออยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะไปไหนหรือแม้แต่เวลานอนก็ยังอยู่ที่คอตลอดเวลา

    เรามีของประจำตัวนั้นบางทีเราก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเครื่องรางของขลังนั้นจะสามารถป้องกันตัวเราให้พ้นจากอันตรายได้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ ซึ่งคงมีหลายท่านที่มีความคิดเหมือนกับข้าพเจ้า บางท่านอาจจะมีประสบการณ์มาแล้วรู้ได้เฉพาะตัวของท่านเอง ไม่อยากจะเล่าให้คนอื่นฟังเพราะถ้าเล่าให้ฟังแล้วอาจจะไม่เชื่อก็ได้

    เรื่องเครื่องลางของขลังนั้นถ้าเรามีความรู้จะพิสูจน์ว่าจะสามารถป้องกันหรือคุ้มครองให้แก่เราได้หรือไม่นั้น เราก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นแจ้งชัดกันไปเลย

    ข้าพเจ้าได้พบหลวงพ่อฤาษีเป็นครั้งแรกที่เมืองชิคาโกสหรัฐอเมริกา นับว่าเป็นโชคดีที่สุดในชีวิตของข้าพเจ้าในการไปหาท่านครั้งนี้ ข้าพเจ้าทำสมาธิมาหลายปีแล้วประมาณสัก 15 ปีเห็นจะได้ ทำโดยไม่มีครูหัดเลย อ่านจากหนังสือแล้วก็ทำเอง ทำถูกบ้างไม่ถูกบ้าง ดังนั้นจึงเป็นโอกาสอันดีงามที่หลวงพ่อเดินทางไปอเมริกาจะได้ฝึกสมาธิเป็น ทางการเสียที นอกจากนั้นข้าพเจ้าก็ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางมาเมืองไทย ถ้ามาเมืองไทยก็ไม่แน่นักจะได้พบหลวงพ่อ เพราะได้ข่าวว่ามีคนมาพบหลวงพ่อแน่นทุกวัน

    ข้าพเจ้าตั้งใจว่าจะขับรถยนต์ไปกับภรรยาและลูกของข้าพเจ้าให้ถึงเมืองชิคาโก แต่เผอิญข้าพเจ้าได้เจ็บป่วยเสียก่อนโดยเป็นไข้หวัดธรรมดาเองแล้วก็มาติดภรรยาเสียอีก เขาก็เลยเจ็บป่วยกันงอมแงม เลยตัดสินใจมาคนเดียวโดยมาทางเครื่องบิน แต่ไข้หวัดเจ้ากรรมมันก็ยังไม่หาย ข้าพเจ้าก็กังวลใจกลัวจะไม่มีโอกาสได้พบหลวงพ่อ

    คืนวันก่อนเดินทางหนึ่งวันข้าพเจ้าก็ได้ไหว้พระและอธิษฐานขอให้ข้าพเจ้าหายจากเจ็บป่วยเถอะ ลูกจะได้พบหลวงพ่อตามความตั้งใจ พอรุ่งเช้ารู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นสดชื่นกว่าทุกวัน และสามารถขับรถไปได้อีก 2 ชั่วโมงเพื่อไปขึ้นเครื่องต่อ

    เมื่อมาถึงเมืองชิคาโกได้มาพักอยู่บ้านคุณบุษกรซึ่งข้าพเจ้าไม่รู้จักกันมาก่อนเลย เธอให้การต้อนรับเป็นอย่างดีเหมือนกับเป็นญาติพี่น้องกันมาก่อน ขอขอบพระคุณคุณบุษกรมา ณ โอกาสนี้ด้วย ก็เป็นอันว่าได้พบหลวงพ่อที่บ้านพักคุณอมร ริดใจบุญ (ขณะนั้นยังไม่ได้บวช) ในวันเดียวที่ข้าพเจ้าได้ถึงเมืองชิคาโก

    ข้าพเจ้าได้ฝึกสมาธิตามแบบมโนมยิทธิของหลวงพ่ออยู่ถึง 2 วัน ตามกำหนดแล้วหลวงพ่อให้ฝึก 3 คืน แต่ผมอยู่ไม่ได้มีธุระต้องกลับบ้าน ผลที่ได้รับจากการฝึกสมาธิแบบมโนมยิทธิของหลวงพ่อ ข้าพเจ้าดีใจเป็นอย่างมาก พูดกับตนเองว่าเกิดมาชาตินี้ทั้งทีไม่เสียชาติเกิด เพราะว่าข้าพเจ้าได้พบของวิเศษในชีวิตที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย การฝึกสมาธิแบบนี้ ผลที่ได้รับนั้นจะมีฤทธิ์ทางใจจริงๆ เพราะสามารถเห็นผี เทวดา พรหม และแม้กระทั่งเห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานได้ นอกจากใจเห็นได้แล้วยังสามารถคุยกับพวกพรหม เทวดาได้อีก ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกมากเพราะธรรมดาเรื่องเหล่านี้ถ้าใครมาคุยให้ข้าพเจ้าฟังแล้วจะไม่สนใจนัก แต่ก็ไม่ปฏิเสธเมื่อมาพิสูจน์ได้แล้วก็ต้องเชื่ออย่างไม่มีความสงสัย

    เมื่อเรามีความรู้ในทางทิพย์เราก็ต้องทดลองเครื่องลางของขลังที่มีอยู่กับตัวเราให้ประจักษ์แก่ใจว่าจะมีจริงเพียงไร ข้าพเจ้าเป็นศัลยแพทย์ทางผ่าตัดทั่วไปประจำอยู่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา

    วันหนึ่งคนไข้ของข้าพเจ้าเจ็บหนักและถึงขั้นสลบไม่รู้ตัว (โคม่า) แต่การเจ็บป่วยครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการผ่าตัด เกิดจากการเป็นอัมพาต แล้วมีโรคปอดบวมเข้ามีไข้สูงมาก เป็นอันว่าคนไข้คนนี้ตายแน่เพราะอายุก็เข้าไป 80 ปีแล้ว ขณะปลอดคนยังไม่มีพยาบาลเข้ามาดูแลคนไข้ ข้าพเจ้านั่งอยู่ข้างเตียงจิตใจสงสารไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะไม่ใช่เรื่องของการผ่าตัด ข้าพเจ้าก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่าอาจจะมีวิญญาณภูติผีในห้องอาจจะเป็นได้ ก็เลยทำจิตให้สงบแล้วค่อยๆใช้กระแสจิตกวาดไปในห้อง ครั้งแรกเริ่มกวาดจากขวามาซ้าย กวาดไปช้าๆพอมาถึงมุมห้อง รู้สึกว่ากระทบอะไรเข้าอย่างหนึ่ง แต่ข้าพเจ้าไม่ดูว่าเป็นอะไร เสร็จแล้วก็ทำแบบเดิม เริ่มจากทางซ้ายของห้องมาทางขวาพอมาถึงมุมห้องเดิมก็สะดุดสิ่งอันเดิมอีก

    ทีนี้ข้าพเจ้าก็เลยเอาจิตเพ่งที่มุมห้องทันที เพ่งสักพักก็เห็นชัดขึ้นมา พบว่าเป็นคนยืนอยู่ที่มุมห้องลักษณะเป็นชายร่างท้วมผิวค่อนข้างขาว ไม่สูงนัก ใส่เสื้อแบบเสื้อยืดสีขาวค่อนข้างสกปรก แถมยังมีผ้ากันเปื้อนที่หน้าอก เหมือนกับที่แม่ครัวใส่เวลาทำกับข้าวแม้กระทั่งเสื้อกันเปื้อนยังสกปรก มือขวาถือหอกยาว ปลายหอกดูเหมือนจะมีสามแฉก นุ่งกางเกงขาสั้นแต่เลยเข่าไปหน่อย ใส่รองเท้าสานแบบนักรบโรมัน ขณะที่ยืนอยู่ก็ยืนอยู่ไม่นิ่ง เดี๊ยวเหลียวซ้ายแลขวา บางทีก็ทอดอารมณ์

    ข้าพเจ้าเป็นคนขี้สงสัยก็เลยขยับปากถามเพราะอยากรู้ว่าเจ้านี่คือใคร มาทำอะไรอยู่ในห้องนี้ แล้วถามเป็นภาษาอังกฤษออกไปคิดว่ามันเป็นผีฝรั่งแน่ ข้าพเจ้าถามว่า "คุณคือใคร...?"

    เท่านั้นแหละตาที่กำลังทอดอารมณ์อยู่ก็กลับมาจ้องเขม็งตรงมายังข้าพเจ้า เขาตอบว่า "มาเฝ้าไข้"

    ข้าพเจ้าเลยถามต่อไปว่า "มาเฝ้าเพื่ออะไร ?"

    เขาตอบว่า "เพื่อจะเอาคนไข้ไป"

    ข้าพเจ้าถามอีกว่า "เอาไปเพื่ออะไร ?"

    เขาตอบว่า "ไม่รู้ เขาใช้ให้มาเอาไป"

    ข้าพเจ้าก็เลยนึกขึ้นได้ว่าไอ้เจ้าคนนี้ก็คือยมบาลเราดีๆนี่เอง คงจะเป็นยมบาลชั้นลูกน้อง เพราะถามอะไรแล้วก็ไม่รู้เรื่องนักคงไม่ฉลาด ถ้าฉลาดแล้วเขาคงไม่ให้มายืนเฝ้าแบบนี้

    พอมาถึงตอนนี้ท่านผู้อ่านคงได้ยินคำบอกเล่าต่อกันมาว่าเวลาคนเราใกล้จะตายหรือตายแล้วจะมียมบาลมาเอาวิญญาณไป ดังนั้นเรื่องก็เป็นจริงตามคำบอกเล่าของคนโบราณที่เล่ากันต่อๆมา

    ข้าพเจ้าก็เลยถามเขาต่อไปอีกว่า "คุณรู้หรือเปล่าว่าฉันเป็นหมอและเคยรักษาคนไข้คนนี้"

    เขาตอบว่า "รู้แล้ว"

    ข้าพเจ้าก็เลยพูดต่อไปอีกว่า "เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน คนไข้คนนี้เป็นคนไข้ของฉัน ฉันรักษาเขามาหลายหนแล้ว และนับถือเขาเหมือนญาติ ฉันจะไม่ยอมให้คนไข้คนนี้แก่ท่าน แล้วท่านจะว่าอย่างไร ?"

    เขาตอบ "ไม่ให้ไม่ให้ ต้องเอาไปให้ได้"

    ข้าพเจ้าก็เลยพูดสำทับต่อไปอีกว่า "ฉันจะไม่ยอมให้จริงๆ แล้วคุณจะว่าอย่างไร ?"

    เขาก็ตอบว่า "ก็ต้องสู้กันเท่านั้น"


    พอพูดจบไอ้เจ้านี่แสดงฤทธิ์ทันทีโดยแกว่งหอกที่กำลังถืออยู่เข้ามาตรงหน้าของข้าพเจ้า ห่างจากหน้าข้าพเจ้าประมาณ 1 ศอก เฉียดพอดูข้าพเจาก็เลยนึกได้ทันทีว่าถ้าเราพบเหตุการณ์อย่างนี้ก็ต้องพึ่งพระเป็นที่พึ่ง และได้นึกถึงยันต์เกราะเพชรที่อยู่บนหน้าอก แต่ผมมีกำลังใจไม่กลัวมันเท่าไหร่หรอก ข้าพเจ้าก็ยังถามมันต่อไปอีกว่า "จะสู้แน่หรือ..?"

    เขาตอบว่า " สู้แน่ "

    ขณะเดียวกันข้าพเจ้าเอามือไปล้วงยันต์เกราะเพชรออกจากหน้าอกมานอกเสื้อแล้ว เอาด้านหน้าของยันต์เกราะเพชรซึ่งมีรูปหลวงพ่อปานให้มันดู แล้วข้าพเจ้าก็ยังพูดกับมันอีกว่า "ดูซิ จะสู้แน่หรือ..?"

    พอมันเห็นแล้วมันก็ทำตาพอง อาจจะตกใจก็ได้แล้วมันก็บอกมาว่า "ไม่สู้ท่านแล้ว ไม่เอาแล้ว"

    ผมก็เลยนึกขำในใจว่าไอ้เจ้านี่ทำเหมือนเด็กอมมือ ทีแรกทำท่าทางขึงขังจะสู้ แล้วก็ยอมแพ้เอาดื้อๆเท่านี้เอง ข้าพเจ้าอยากรู้ว่าไอ้เจ้านี่ทำไมไม่กล้าสู้ ข้าพเข้าจึงถามว่า "ทำไมจึงไม่สู้..?"

    เขาบอกว่า "จะสู้ได้อย่างไร คุณมีหอก มีดาบ มีมีด"

    ข้าพเจ้าถามต่อไปอีกว่า "หอก ดาบ มันอยู่ไหน ?" เพราะข้าพเจ้าเองมองไม่เห็นในสมาธิว่ามีหอกดาบเลยสักอัน

    เขาบอก "มีด หอก ดาบ มันอยู่รอบตัวของท่านนั่นแหละ"

    ข้าพเจ้าก็ถามต่อไปอีกว่า "มีเท่านี้หรือ..?"

    เขาบอกว่า "คุณยังมีเกราะหุ้มตัวอีก เป็นเกราะสีดำ"


    ความจริงการสนทนากับเจ้าคนนี้ควรยุติแล้ว แต่ข้าพเจ้ามันเป็นคนขี้สงสัยก็เลยถามต่อไปอีกว่า "เกราะที่หุ้มตัวนั้นมันหุ้มอย่างไร ?"

    เจ้าคนนี้ก็ยังเป็นคนซื่อยังอุตส่าห์ช่วยอธิบายต่อไป เขาตอบว่า "หุ้มตั้งแต่หัวถึงตีนเลย เหลือแต่ลูกตาโผล่ออกมา" ตอบให้จุใจกับไอ้หมอที่ขี้สงสัยนัก

    ข้าพเจ้าก็เลยมาคิดว่ายมบาลตัวเล็กนี้ไม่ยอมสู้เรา เราควรจะสู้กับยมบาลตัวใหญ่ เพราะอยากรู้ว่าของขลังของเราจะมีพลังอำนาจเพียงใด ข้าพเจ้าก็เลยพูดว่า "นายของคุณอยู่ที่ไหน ล่ะ อยากพบเขา"

    เขาตอบว่า "เดี๊ยวจะตามมาให้" พอพูดจบ เจ้านี่หายวับไปเลย ชั่วระยะเวลา 1 ถึง 2 วินาที เขาก็กลับมาพร้อมกับชายคนหนึ่ง โดยยืนอยู่ทางขวามือของเขา ลักษณะชายที่มาใหม่นี้สูงกว่าเขาแต่ผอมกว่า ผิวดำแดง ใบหน้ากระดูกนิดหน่อย ใส่เสื้อธรรมดาๆไม่ขาวนัก นุ่งกางเกงขายาวมีรองเท้าหรือไม่ข้าพเจ้ามองเห็นไม่ชัด ไม่มีอาวุธในมือ ข้าพเจ้าก็เลยถามว่า "ท่านเป็นนายใช่ไหม ?" เขาตอบว่า "ใช่"

    พอพูดจบ เจ้าคนใหม่นี้ก็ตอบมาทันทีว่า "ไฮ ด๊อก" ถ้าแปลเป็นภาษาไทยก็คือ "สวัสดีครับหมอ"

    ข้าพเจ้านึกแปลกใจมากว่าไอ้คนนี้มันรู้จักข้าพเจ้าได้อย่างไร ก็เลยถามต่อไปว่า "คุณรู้จักผมได้อย่างไร"

    เขาตอบว่า "รู้จักมานานแล้วและรู้จักดี"

    ข้าพเจ้าถามต่อไปอีก "รู้จักดีได้อย่างไร ?"

    เขาตอบว่า "ผมเป็นคนติดตามและคุ้มครองคุณมาตลอดเวลา"


    เอ้า ! เป็นอย่างนั้นเสียอีก

    ข้าพเจ้าถามต่อไปอีก "มาคุ้มครองผมด้วยเรื่องอะไรเล่า ?"

    เขาตอบว่า "ก็คุณเป็นคนดี มีคนเขาสั่งมาให้ดูแล"


    หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็เลยถามเรื่องราวของคนไข้ที่กำลังจะตายอยู่ ถามว่า "จะเอาคนไข้ไปทำไม ?"

    เขาตอบว่า "เมื่อตายแล้ว ก็ต้องเอาไปไต่สวน"

    ข้าพเจ้าถามว่า "ท่านอยู่ไกลจากถิ่นนี้ไหม ?"

    เขาตอบว่า "ไม่ไกลนัก"

    ข้าพเจ้าก็เลยได้ความรู้ว่านายคนนี้เขามีความรู้ดีมาก รู้ดีกว่าลูกน้องชั้นกระจอกมาก การสนทนาคราวนี้ก็เลยไม่ได้พิสูจน์ของขลัง เพราะเขามาเป็นมิตรและยังมีบุญคุณต่อข้าพเจ้าเสียอีก

    พอคุยจบตอนนี้ก็ต้องยุติเพราะพยาบาลเดินเข้ามาในห้องพอดี ไม่มีเวลาจะพูดร่ำลากัน คนไข้คนนี้อยู่ต่อมาได้อีก 2 วันก็ถึงแก่กรรม


    ประมาณ 2 เดือนต่อมาข้าพเจ้าได้ขอรับการปรึกษาและขอความเห็นเกี่ยวแก่การรักษาคนไข้คนหนึ่งในทางศัลยกรรม คนไข้คนนี้เลือดออกมาจากกระเพาะอาหาร แต่ไม่สามารถจะทำการผ่าตัดได้เพราะคนไข้มีโรคอย่างอื่นร่วมอยู่หลายโรค คิดแล้วถ้าได้รับการผ่าตัดคิดว่าคงตายในห้องผ่าตัดอย่างแน่นอน และขณะนี้ก็เข้าขั้นไม่รู้สึกตัว ข้าพเจ้าได้ทำสมาธิในบริเวณห้องนั้น ก็พบมีชายอีกตามเคย ก็เลยเพ่งดูหน้าตาจะเป็นอย่างไร

    ชายคนนี้มีหน้าตาน่าเกลียด สกปรก ใบหน้าผอมมีกระดูกขึ้นบนแก้ม ผมกระเซิงไม่มีหมวก เวลาอ้าปากยังมีของสกปรกค้างอยู่ในปาก ผอม สูง แต่สวมเสื้อเรียบร้อยกว่าคนแรก นุ่งกางเกงขายาว รู้สึกว่าจะเป็นสีน้ำตาลแดงสวมรองเท้า แต่ลักษณะอย่างไรจำไม่ได้ มือถือหอกตามเคย

    ข้าพเจ้าก็เลยถามขึ้นว่า "คุณเป็นใคร ?"

    เท่านั้นแหละเขาก็มองตรงมายังข้าพเจ้า เขาบอกว่า "มาเฝ้าคนไข้"

    ความที่ข้าพเจ้ามีนิสัยอยากรู้อยากเห็นก็เลยจะพิสูจน์ความขลังของยันต์เกราะเพชรอีก เลยต้องทำคุยไปก่อนแล้วก็หาเรื่องทะเลาะชวนตีทีหลัง สรุปแล้วชายคนนี้ก็สู้กับข้าพเจ้าอีกเลยขอเล่ารวบรัดตัดความ


    ผลที่สุดเมื่อมันเห็นยันต์เกราะเพชรแล้วมันก็ยอมแพ้อีก มันก็บรรยายตามเคยว่ารอบตัวของข้าพเจ้ามีหอก ดาบ มีด มันยังแถมบอกว่า เกราะที่หุ้มตัวข้าพเจ้านั้นเป็นเหล็ก

    ข้าพเจ้าก็ดำเนินตามแบบเดิมอีกโดยให้มันไปเรียกนายมาอีก มันก็อุตส่าห์ไปตามมาให้ คราวนี้นายมาสองคนเลย ไม่ใช่คนเดียวเหมือนคราวแรก ลักษณะการแต่งกายของนายทั้งสองคนไม่ค่อยสวยนัก รายละเอียดการแต่งกายข้าพเจ้าพรรณนาไม่ได้ เพราะเห็นในสมาธิไม่ชัดนัก ข้าพเจ้าถามว่า "ท่านเป็นนาย ใช่ไหม ?"

    มีคนหนึ่งตอบว่า "ใช่" มาตอนนี้ข้าพเจ้าก็ชักจะคุ้นเคยกับพวกยมบาลมากขึ้น เลยอยากจะเบ่งเสียหน่อย เลยถามออกไปว่า "ผมชื่ออะไร ?"

    มีคนหนึ่งตอบว่า "คุณก็คือคุณหมอ (ชื่อของข้าพเจ้า)"

    ข้าพเจ้าก็เลยตกใจและแปลกใจเป็นอย่างมากเพราะอะไร เพราะข้าพเจ้าถามออกไปเป็นภาษาอังกฤษแต่เขาตอบมาเป็นภาษาไทย และเรียกชื่อได้ชัดเจนเหมือนคนไทยพูด ข้าพเจ้าก็เลยพูดออกเป็นภาษาไทยเลยทันทีว่า "ทำไมคุณเรียกชื่อผมได้ชัดเจน ?"

    เขาตอบว่า "ก็ผมเป็นคนไทย"

    ข้าพเจ้าเลยถามว่า "ถิ่นนี้มันอเมริกา นี่ ทำไมคุณมาที่นี่ ?"

    เขาตอบว่า "เวรมันเปลี่ยนกันครับ"

    ข้าพเจ้าเลยถามอีกว่า "เมืองไทยกับอเมริกาไกลกันมากไหม ?"

    เขาตอบว่า "ไม่ไกลนัก"


    หลังจากนั้นก็ต้องหยุดการสนทนาอีกเพราะพยาบาลเข้ามาแล้วก็ไม่มีเวลาร่ำลากันอีกตามเคย การสนทนาทั้งหมดตั้งแต่เดิมเริ่มแรกทำให้ข้าพเจ้าได้ความรู้เพิ่มขึ้น ความรู้ที่ว่าพวกยมบาลหรือเทวดาชั้นต่ำนี้ เขาจะพูดหรือฟังภาษาทั้งหมดได้กับพวกมนุษย์ ถึงแม้อดีตชาติเขาเคยเกิดมาเป็นคนไทยจีน แขก ฝรั่งก็ตาม

    นอกจากนั้นที่สำคัญที่สุดก็คือเขารู้จักมนุษย์ทุกคนตามถิ่นของเขาที่ประจำอยู่ เขารู้หมดว่ามนุษย์คนนี้ชื่ออะไร รู้ว่าคนนี้ ทำดีหรือทำชั่ว ตลอดระยะเวลาที่เป็นมนุษย์ซึ่งตรงตามที่หลวงพ่อสอนให้พวกเราฟังทุกอย่าง โดยถ่ายทอดการสั่งสอนนี้มาจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นบรมครูแห่งพระพุทธศาสนา

    ข้าพเจ้าก็เลยขอถือโอกาสนี้กล่าวต่อบรรดานักวิชาการนักวิทยาศาสตร์และผู้ที่สงสัยในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า ถ้าไม่เชื่อในคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตัวท่านยังไม่ได้เข้ามาพิสูจน์คำสั่งสอนของพระองค์ว่าถูกหรือผิด

    สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกอย่างในเรื่องที่เล่ามานี้ก็คือพลังอำนาจของยันต์เกราะเพชรซึ่งมีพลังอำนาจมากมายและคุ้มครองต่อผู้ที่รักษาของขลังนี้ ขอให้ท่านรักษาศีลและรักษาของนี้ไว้ร่วมกันในตัวของท่าน แล้วท่านจะแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง ถ้าคุณของพระคุ้มครองท่านไม่ได้ก็อาจจะเป็นกรรมหนักของท่านเองที่จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ และต้องทนรับผลแห่งกรรมนั้นต่อไป

    สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าขอขอบพระคุณในความเมตตาปรานีของหลวงพ่อที่มีต่อลูกๆ ในการพร่ำสอนการทำสมาธิให้แก่พวกเรา ทั้งๆที่หลวงพ่อสุขภาพไม่สมบูรณ์นักแต่จิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก เพื่อหวังดีและความเป็นห่วงเพื่อให้ลูกๆไปสู่ทางสุคติคือ นิพพาน เป็นหนทางสุดท้าย

    ข้าพเจ้าขอบารมีจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจงคุ้มครองปกปักรักษาหลวงพ่อให้มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์ มีอายุยืนนาน เพื่อจะได้เป็นมิ่งขวัญและที่พึ่งของลูกต่อไป




    (จากธัมมวิโมกข์ ปีที่ 5 ฉบับที่ 46 หน้า 107 - 112)

    4-13.jpg 4-10.jpg DSC04264.jpg DSC04267.jpg DSC04272.jpg
     
  18. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    A.jpg B.jpg C.jpg
     
  19. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    110
    ค่าพลัง:
    +225,702
    lWn-HE_LuEP1rL7J4zk8UHiK309oN-dT0zaB0x3sw2ELOlrJrMLS40xCs1871lNS.jpg
    lWn-HE_LuEP1rL7J4zk8UHSRIIGCyhj0WYvZ739lH7UdOFOZEOYZN-pS1D6uVuOK.jpg
    พระหางหมากให้ลาภ
    a.jpg
    b.jpg c.jpg d.jpg lWn-HE_LuEP1rL7J4zk8UGpUeKi9wHO301zKgL7VF3sJTJGGktUJA84KQfiJq4Tv.jpg lWn-HE_LuEP1rL7J4zk8UK7OQrZxvDqsz8sO8yPqGUIfp9QXgzRN7WYWCfUGkjgC.jpg
     
  20. ลืมจัง

    ลืมจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    325
    ค่าพลัง:
    +822
    ที่วัดท่าซุง และบ้านสายลม ยังมีพระหางหมากแบบพิเศษให้บูชานะครับ ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยครับ 20180822_080922.png
     

แชร์หน้านี้

Loading...