ท่านใดมีสงสัยใดๆ ในศาสนา(พุทธธรรม,อริยสัจ๔) ถามมา?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย aero1, 30 กรกฎาคม 2008.

  1. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ สังโยชน์ เป็นขั้นตอนของนักปฏิบัติ ที่ก้าวข้ามพ้นไปแต่ละด่าน จนพ้นด่านสุดท้าย คือ อวิชชา
    +++ เมื่อ รู้จักอาการเกิดของ อวิชชา แล้ว จึงปล่อยให้มัน ปริวัติไปด้วยตัวของมันเอง ด้วยอาการ "รู้อยู่"
    +++ จนกว่าจะ ล่วงรู้ อาการของมันทั้งหมด จนสิ้นสุด ตรงนี้ จึงเป็น "รู้" ปฏิจจสมุปบาท

    +++ สังโยชน์ เป็นภาคขาไป เป็นภาค ฝึกฝน จนกว่าจะ ออกพ้นสภาวะแห่ง อวิชชา
    +++ ปฏิจจสมุปบาท เป็นภาคขากลับ เป็นภาค วิจัย กระบวนการแห่งความเป็น "ตน"

    +++ จะพูดแค่ สังโยชน์ 5 ตัวท้าย คือ
    +++ รูป/อรูป คือ ธัมมารมณ์ ชนิด มี/ไม่มี ขอบเขตกาย
    +++ อุทธัจจะ กุกกุจจะ คือ "ตัวพูดมาก" สร้างความรำคาญ
    +++ มานะ คือ "ตัวดู" ตัวกู/ของกู
    +++ อวิชชา คือ การรวมตัว มาเป็น "ตัวดู"

    +++ ส่วน ปฏิจจสมุปบาท เริ่มที่ อณูธาตุ รวมตัวกันเข้ามา
    +++ เมื่อเป็น ละอองหนาแน่น มันก็เริ่ม "บดบังสภาวะรู้"
    +++ เมื่อความหนาแน่นเพิ่มขึ้น จนเกิดสภาวะ แรงโน้มถ่วง
    +++ แรงโน้มถ่วงนั้น เริ่มรวมตัวเข้าหา จุดศูนย์กลาง
    +++ ลักษณะของการรวมตัว เป็น การ "บิดเกลียววน หาศูนย์กลาง"
    +++ ณ เกลียววนนี้ เป็นการ ผสมผสานสภาวะต่าง ๆ เข้าหากัน
    +++ เรียกว่า "ปรุงแต่ง" หรือ สังขาร
    +++ เมื่อเกลียววน สมบูรณ์เสร็จสิ้น ณ ใจกลาง ที่เป็น "แรงกดดันเข้มข้น"
    +++ เกิดเป็นอาการ "ตน" หรือตัวกู/ของกู ขึ้น ณ ใจกลาง เป็น วิญญาณ
    +++ นับเฉพาะส่วน "แรงกดดันเข้มข้น" ตรงนี้เป็น "นาม"
    +++ นับเฉพาะส่วน "ภาพแสงสี ที่ใจกลาง" ตรงนี้เป็น "รูป แห่ง มโน"

    +++ ตรงนี้เป็น "กำเนิดตัวดู"

    +++ เมื่อ "เป็นรู้" เท่านั้น จึง ปล่อยให้ แรงดึงดูด ปริวัติ เคลื่อนไปช้า ๆ
    +++ ณ ภายในสนามแรงดึงดูด จึงปรากฏ ขอบเขตรูป เริ่มจาก ตา มาก่อน
    +++ ปล่อยให้เคลื่อนไปเรื่อย ๆ จน หู จมูก ปาก ตลอดจน กาย ปรากฏสมบูรณ์
    +++ ตรงนี้เรียก ปรากฏแห่ง สฬายตนะ (ผัสสะ 6)
    +++ ยามใดที่ แม้มี สฬายตนะ ปรากฏครบ แต่ การรับรู้ ใช้ "ใจ" เพียงอย่างเดียว
    +++ ขณะนั้น ๆ ยังเป็น "รูปาวจร" อยู่
    +++ ต่อเมื่อ ปรากฏ การรับรู้ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย เมื่อไร ยามนั้นเป็น "กามาวจร"

    +++ การ "เป็นรู้" ท่ามกลางสภาวะที่ สัพสิ่ง เคลื่อนไปเองเรื่อย ๆ นี้ก็เคยฝึกมาแล้ว
    +++ ดังนั้น ผลลัพธ์ที่อยู่ใน กามาวจร ก็รู้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ผัสสะ จิตส่งออก แรงยึด
    +++ ตลอดจน อาการ อยู่/ย้าย ของตัวดู (ชาติ) ต่าง ๆ ก็เคยฝึกมาทั้งหมดแล้ว
    +++ ก็ให้เข้าใจไว้ว่า "หมวดสังโยชน์ กับ หมวดปฏิจจสมุปบาท" ท่านแยกเป็น "คนละกรณี"

    +++ เรื่องในแต่ละหมวด "อย่าเอามาผสมปนกัน" ให้ "จำกัดเฉพาะ ในแต่ละหมวดเท่านั้น"
    +++ อย่าพยายามทำความเข้าใจแบบ "ข้ามไปมา" เพราะมันจะทำให้เกิดอาการ "วิปลาส" ได้ง่าย

    +++ ให้ปฏิบัติแบบ "จำกัด" ในแต่ละหมวด แล้ว เดินจิตตามที่ "ในหมวดระบุไว้" เพียงหมวดเดียว
    +++ เมื่อรู้อาการได้แล้ว ก็ไปเดินจิต ในหมวดอื่น ๆ ได้ แล้วก็จะรู้ได้เองว่า ทุกหมวด จบลงในที่เดียวกัน
    +++ ยกเว้นในหมวด "มหาปัฏฐานสูตร ที่เริ่มด้วย เหตุปัจจัยโย" เท่านั้น ที่ต้องเดินจิต พิศดารกว่าหมวดอื่น
    +++ แต่จบลงที่ "วิคะตะ/อะวิคะตะ" ตรงนี้ถ้าเดินจิตตามไปเรื่อย ๆ ก็จะพบได้เองว่า เป็นเรื่องของอาการ
    +++ ที่จะ "ต่อ/ไม่ต่อ กับตัวจะ" เมื่อไม่มีการ ต่อกับ "ตัวจะ" การสืบเนื่องก็จะโดน "ตัดขาด" ณ ตรงนั้น
    +++ ตรงนี้น่าจะเป็นอาการ "มัน จ่อ/ไม่จ่อ" ของหลวงตามหาบัว ก่อนที่มันจะ "ผาง" ออกมาตรงนั้น แล...
     
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ได้ โดยเฉพาะ "แยกเวทนาจิต (ธัมมารมณ์ = ฌาน)" ตรงนี้เป็น กรณีเฉพาะของ "สติรู้ ที่บริสุทธิ์"
    +++ ตรงนี้เรียก "สติครองฌาน" เป็นเรื่องของผู้ที่ "พ้น" รูป/อรูป ไปแล้ว และ ไม่ต้องอาศัย "ฌาน" อีกต่อไป
    +++ สำหรับบุคคลที่รู้จัก "สติบริสุทธื์" แล้ว การฝึกก็ย่อมแยกทางไปตาม "นิสัยและวาสนา" ส่วนบุคคล นะครับ
     
  3. morning_glory1

    morning_glory1 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    24
    ค่าพลัง:
    +70
    สุดยอดมากคะ อจ. เป็นคำตอบแบบละเอียดถี่ยิ๊บ ๆๆ และให้คำแปลภาษาบาลีเป็นภาษาภาคปฏิบัติ ทำให้อ่านแล้วเข้าใจพระไตรปิฏกง่ายขึ้นเยอะ

    เหมือนจิ๊กซอที่มันกระจัดกระจาย เริ่มที่จะเจอที่อยู่ของมัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...