ติดตามสถานะการณ์

John Traczyk

ระเบิดสุดขีดใน magnetotail ของสนามแม่เหล็กโลก เมื่อวานนี้ 18 เมษายน 2020 เวลาประมาณ 21:00 น. UTC
เส้นสนามแม่เหล็ก ไปยุ่งเหยิง ลมสุริยะที่สอง
ความเร็วลมคอสมิคพุ่งขึ้นถึง 1110 กม. / วินาที

Extreme burst in the magnetotail of the magnetosphere yesterday April 18, 2020 at approximately 21:00 hours UTC.
Magnetic field Iines go haywire. Second solar winds.
Cosmic wind speeds spike to 1110 km/sec.

 

ลองเทียบรูปทั้ง 2 ดูครับ รูปแรก สนามแม่เหล็กโลกถูกบังคับให้ยุ่งเหยิง จากแรก ภายนอก ส่วนรูปที่ 2 สนามแม่เหล็กโลกยุ่งเหยิงจาก ภายในของโลก ทั้ง 2 กรณีไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างไร แต่ข้อสมมุติฐานของผล (ความเห็นส่วนตัว) จะเป็นไปได้ไหม ถ้าเกิดกรณีอย่างรูปแรกบ่อยๆ จะไปเหนี่ยวนำให้ กลไกภายในโลกที่ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กรวน และเป็นจุดให้เกิดกระบวนการตามรูปที่2 ที่อาจเกิดขึ้นแล้ว แต่ไปเร่งให้เกิด เร็วขึ้น เหมือนมีแรงขับจากภายนอกไปเสริมแรงขับจากภายใน





http://www.chicagoanmagazine.com/in...ion-the-coming-war-and-the-future-of-humanity

 

คัดข่าว
จำนวนคนเสียชีวิตในสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากโควิด19 ทำให้โลงที่ต่อจากไม้ไม่เพียงพอจนพวกเขาได้นำโลงกระดาษมาใช้แทน

 

Michael DiFato

การอ่านค่าสนามแม่เหล็ก ACE แสดงการแกว่งของค่า 13.7 ในองค์ประกอบฟิลด์ Bz (แสดงด้วยสีแดง) ในเวลาเพียงไม่กี่นาที

ACE Magnetic Field readings showing a 13.7 value swing in the Bz (show in red) field component in just minutes.

 

Michael DiFato

 

ทฤษฎีการกลับขั้วสนามแม่เหล็กโลก ขั้วสนามแม่เหล็กใต้และขั้วสนามแม่เหล็กเหนือ


รูปที่ 1
ทฤษฎีการกลับขั้วสนามแม่เหล็กเป็นสมมติฐานที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักฐานทางธรณีวิทยาว่าขั้วเหนือและใต้ของโลกไม่ได้อยู่ในตำแหน่งปัจจุบันเสมอไป กล่าวอีกนัยหนึ่งแกนการหมุนได้ถูก "เลื่อน" ทฤษฎีการกลับขั้วสนามแม่เหล็กโลก มักจะถูกกล่าวถึงในบริบทของโลก แต่..ระบบสุริยะอื่น ๆ อาจมีประสบการณ์การเคลื่อนที่ตามแนวแกนระหว่างที่มีอยู่

หนึ่งในผู้แสดงที่ได้รับความนิยมในช่วงต้นของทฤษฎีการกลับขั้ว คือ Charles Hapgood ในหนังสือของเขา The Shifting Crust (1958) (ซึ่งรวมถึงคำปรารภของ Albert Einstein) และ Path of the Pole (1970) Hapgood คาดการณ์ว่ามวลน้ำแข็งที่หนึ่งหรือทั้งสองขั้วสะสมมากกว่า ซึ่งทำให้เกิดความสมดุลของการหมุนของโลกทำให้เกิดการลื่นของเปลือกโลกรอบนอกทั้งหมด หรือรอบแกนกลางของโลก ซึ่งยังคงรักษาแนวแกนของมันไว้ สิ่งนี้เกิดขึ้นอย่างช้าๆ (รุ่นอนุรักษ์นิยม) หรืออย่างรวดเร็ว (รุ่นหัวรุนแรง) ผลของการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุก ๆ 12,000 ถึง 20,000 ปี หรือมากกว่านั้นส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างน่าทึ่ง สำหรับพื้นผิวโลกส่วนใหญ่ เนื่องจากพื้นที่ที่มีเส้นศูนย์สูตรกลายเป็นเขตอบอุ่น และพื้นที่ที่อยู่ในเขตอบอุ่นจะกลายเป็นแถบเส้นศูนย์สูตร

ทฤษฎีอื่น ๆ ที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับมวลน้ำแข็งขั้วโลกรวมถึง:

ดาวเคราะห์น้อยหรือดาวหางความเร็วสูงที่กระทบโลกในมุมที่ว่าธรณีภาคเคลื่อนที่เป็นอิสระจากพื้นโลก

วัตถุท้องฟ้าแม่เหล็กผิดปกติซึ่งผ่านเข้ามาใกล้โลกมากพอที่จะเคลื่อนที่สนามแม่เหล็กได้ชั่วคราวซึ่งจากนั้น "ลาก" ธรณีฟิสิกส์เกี่ยวกับแกนหมุนรอบใหม่ ในที่สุดสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์จะกำหนดโลกอีกครั้งหลังจากวัตถุท้องฟ้าที่บุกรุก "กลับมา" ไปยังตำแหน่งที่มันไม่สามารถมีอิทธิพลต่อโลก

ปัจจุบันทฤษฎีเหล่านี้ยังไม่ได้รับการยอมรับจากชุมชนวิทยาศาสตร์ แต่การถกเถียงยังดำเนินอยู่ การเปลี่ยนขั้วโลกเป็นการกลับกันอย่างรุนแรงของแกนหมุนของดาวเคราะห์สูงถึง 180 องศา; การลื่นไถลอย่างกะทันหันของเปลือกแข็งของดาวเคราะห์รอบแกนหลอมเหลว มีนักวิทยาศาสตร์รายสำคัญหลายแห่งในศตวรรษนี้ที่ใช้แนวคิดนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในอดีตของโลก
แกนทางภูมิศาสตร์: การอ้างอิงคงที่ทางเหนือ - ใต้ที่มนุษย์สร้างขึ้นเองซึ่งกำหนดเส้นลองจิจูดและละติจูดและขั้วโลกเหนือและภูมิศาสตร์

แกนหมุนทันที: แกนดาราศาสตร์ที่แท้จริง แกนหมุน เส้นที่ลากผ่านโลกซึ่งมีการหมุนจริง ณ เวลาใด ๆ จุดที่เส้นตัดผ่านพื้นผิวโลกเรียกว่า "เสาหมุน"; การขยายขอบเขตที่มองเห็นได้ของเส้นแกนเหนือในอวกาศ ปัจจุบันชี้ไปที่ดาวโพลาริสซึ่งเป็นดาวเหนือ

แกนของโมเมนต์ความเฉื่อยสูงสุด = แกนของรูป: เนื่องจากโลกไม่ได้เป็นทรงกลมที่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นร่างกายทรงกลม oblate ตำแหน่งของแกนของรูปไม่คงที่ที่แม่นยำ แต่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงคงที่ใน การกระจายตัวของมวลรวมของโลก: (เช่นโดยกระแสน้ำในมหาสมุทร การควบแน่นของบรรยากาศ การเคลื่อนที่ของเปลือกโลกของแผ่นเปลือกโลก ฯลฯ )

การรวมกันและการเคลื่อนไหวของมวลเหล่านี้ด้วยแรงเวกเตอร์ แรงโน้มถ่วง แรงเหวี่ยง และวงโคจรสร้างสิ่งที่เราเรียกว่านูนของเส้นศูนย์สูตร ดังนั้นแกนของร่าง หากโลกเป็นทรงกลมที่สมบูรณ์แบบก็จะไม่มีแกนดังกล่าว ความแตกต่างเชิงมุมระหว่างแกนทางดาราศาสตร์ และแกนของร่างที่เรียกว่า "nutation" ทำให้เกิดการสั่นวนในวงโคจรของโลกเป็นที่รู้จักในชื่อ Chandler "wobble" ที่มีชื่อเสียง เส้นศูนย์สูตรนูนมุมการหมุนของมุมเอียงไปยังระนาบสุริยุปราคา พลังคลื่นแรงดึงดูดของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์มีผลกระทบต่อวงโคจรของโลกที่ก่อให้เกิดการเกิดวงโคจรที่มีชื่อเสียงของ Equinoxes

Axial Tilt: สุริยุปราคาเป็นระนาบของเส้นทางการโคจรรอบรีของโลก รอบดวงอาทิตย์ ขณะนี้แกนการหมุนเอียงไปทางสุริยุปราคาด้วยมุม 23.5 องศาซึ่งเรียกว่าความเอียงหรือเอียงของแกน มันเป็นแกนเอียงที่ทำให้เกิดฤดูกาลประจำปีของเรา เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของวงโคจรความเบี่ยงเบนจึงแตกต่างกันอย่างน้อย 21 องศา 39 นาที และสูงสุด 24 องศา 36 นาที ในรอบ 41,000 ปี อัตราการเปลี่ยนแปลงของความลาดเอียงตามแนวแกน (ความแตกต่างเชิงมุม) ปัจจุบันวัดเป็น. 013 องศา ต่อศตวรรษ

แกน Geomagnetic: เพื่อไม่ให้สับสนกับแกนทางภูมิศาสตร์ตามที่เวลามักจะเป็น สนามแม่เหล็กของโลก (ซึ่งแหล่งกำเนิดที่แท้จริงยังคงเป็นปริศนาทางวิทยาศาสตร์อย่างต่อเนื่อง แต่โดยทั่วไปแล้วเกิดจากปฏิกิริยาระหว่างกระแสพาหลอมเหลวภายใน (interior molten convection currents) และแกนเหล็กนิกเกิ้ล (the nickle-iron core) ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้าคู่กับแรงหมุนและวงโคจร) มีเส้นแรงแม่เหล็กของตัวเองผ่านอวกาศ แมกโนสเฟียร์ ซึ่งเป็นแกนเหนือ - ใต้ ในปัจจุบันความแตกต่างเชิงมุมระหว่างขั้วเหนือสนามแม่เหล็กและขั้วภูมิศาสตร์เหนือ ประมาณ 11 องศา


รูปที่ 2
(การศึกษาคุณสมบัติทางแม่เหล็กของหิน) ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนว่าสนามแม่เหล็กของโลก และทำให้ขั้วโลกเหนือและใต้ geomagnetic กลับตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าในอดีต การกลับขั้วของสนามแม่เหล็กเป็นขั้วแม่เหล็ก บันทึกทางธรณีวิทยายังแสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของสนามแม่เหล็กแตกต่างกันไปตามเวลา และผันผวนอย่างมากในช่วงการกลับตัวของสนาม เช่น: สนามแม่เหล็กหายไป หายไป! มันเป็นความจริงที่พิสูจน์แล้วว่าขั้วแม่เหล็กเดินวนไปมาอย่างแท้จริง คือซิกแซก รอบแกนของมัน

A pole shift theory, south pole and north pole


A pole shift theory is a hypothesis based on geologic evidence that the physical north and south poles of Earth have not always been at their present-day locations; in other words, the axis of rotation had been "shifted". Pole shift theory is almost always discussed in the context of Earth, but other solar system bodies may have experienced axial reorientation during their existences.

• 
  One early popular proponent of a pole shift theory was Charles Hapgood in his books The Earth's Shifting Crust (1958) (which includes a foreword by Albert Einstein) and Path of the Pole (1970). Hapgood speculated that the ice mass at one or both poles over-accumulates which destabilizes the Earth's rotational balance, causing slippage of all or much of earth's outer crust around the earth's core, which retains its axial orientation. This happens either slowly (conservative version) or quickly (radical version). The results of the shift occurring every 12,000 to 20,000 years or so results in dramatic climate changes for most of the earth's surface as areas that were formally equatorial become temperate, and areas that were temperate become either more equatorial or more arctic.

Other theories which are not dependent upon polar ice masses include:

• A high-velocity asteroid or comet which hits Earth at such an angle that the lithosphere moves independent of the mantle
• An unusually magnetic celestial object which passes close enough to Earth to temporarily reorient the magnetic field, which then "drags" the lithosphere about a new axis of rotation. Eventually, the sun's magnetic field again determines the Earth's, after the intruding celestial object "returns" to a location it cannot influence Earth.

These theories are currently not accepted by the scientific community, but debate is ongoing. Pole shifts are a cataclysmic inversion of the planet's axis of rotation, up to 180 degrees; a sudden slippage of the planet's solid crust around the molten core. There are several major scientists of this century that also expouse this concept as an event that has happened before in Earth's past.
Geographic axis: man-made arbitrary north-south fixed reference that determines lines of longitude and latitude, and the geographic North and South Poles.

Axis of instantaneous rotation: the true astronomical axis; the rotation axis. The line drawn through the Earth about which it is actually rotating at any point in time. The points where the line cuts through the earth's surface are called the "rotation poles"; the visualised extention of the north axis line in space currently points to the star Polaris, the North Star.

Axis of maximum moment of inertia = the axis of figure: because the Earth is not a perfect sphere, but is physically an oblate spheroid, the position of the axis of figure is not a precise constant, but is affected by the constant change in the earth's distribution of total mass: (ie, by ocean tides, atmospheric cond- itions, plate tectonic movements, etc.).
The combinations, and movements, of these masses with gravitational, centrifugal and orbital velocity vector forces, create what we call the equatorial bulge, and thus, the axis of figure. If the Earth were a perfect sphere, there would not be such an axis. The angular difference between the astronomical axis and the axis of figure, called a "nutation", causes an Earth orbital spirical oscillation, known as the famous Chandler "wobble". The equatorial bulge, the rotation axis' angle of inclination to the ecliptic plane, the gravitational tidal forces of the Sun, Moon and planets, have an affect on the Earths' orbit that produces the famous precession of the equinoxes.

Axial Tilt: the ecliptic is the plane of the Earth's ellipsoidal orbital path around the sun; the rotation axis is currently inclined to the ecliptic by an angle of 23.5 degrees: this is called the obliquity, or tilt, of the axis. It is this axial tilt that causes our annual seasons. Due to orbital dynamics, the obliquity varies between a minimum of 21 degs. 39 mins. and a maximum of 24 degs. 36 mins. over a 41,000 year cycle. The axial tilt's rate of change, (angular differentiation), is currently measured as .013 degs. per century.

Geomagnetic axis: not to be confused with the geographical axis, as it often times is. The Earth's magnetic field (whose real source is still an ongoing scientific mystery, but generally attributed to the interactions between the interior molten convection currents and the nickle-iron core, generating an electromagnetic force field, coupled with the rotational and orbital forces), itself has, by its own lines of force through space, the magnetosphere, a north- south axis. At present, the angular difference between geographic and geo- magnetic north poles is about 11 degrees.

Through paleomagnetism, (the study of the magnetic properties of rocks), scientists now have solid proof that the earth's magnetic field, and thus the geomagnetic north and south poles, have reversed itself namy times in the past. Magnetic field polarity reversals are magnetic poleshifts. The geologic record also shows that the strength of the magnetic field varies widely in time, and fluctuates wildly during field reversals, sometimes dropping to zero gauss strength; ie: the field vanishes, disappears! It is also a proven fact that the magnetic poles wander, literally zig-zagging around its axis.

https://namesake-expert.blogspot.com/2009/07/pole-shift-theory-u-know-south-pole-and.html

 

Michael DiFato

อีกครั้งในวันนี้เราจะเห็นไดโพลของสนามแม่เหล็กของโลกเอียง
นี่คล้ายกับแกนเอียงของโลกที่ทำให้เกิดฤดูกาล เฉพาะการเอียงไดโพลนี้ในเวลาเพียง 10 ชั่วโมง
โยกเยก โยกเยก

Again today we see the Dipole of the Magnetosphere of the Earth tilt.
This is akin to Earth's tilted axis that causes the seasons. Only this Dipole tilting is in just 10 hours.
Wobble Wobble.

 

Michael DiFato

http://astronomy.nmsu.edu/geas/lect...AXRzJ-PREIe5Duu3X-hqzQorgGzBETveLLECWLJNzknXo

 

Michael DiFato

 

การสร้างแบบจำลองฤดูกาลแห่งปี

ให้เราสำรวจทั้งสี่ฤดูกาลบนโลก รูปด้านล่างแสดงความสัมพันธ์ระหว่างการเอียงองศาของโลก 23 (23.5, ที่แม่นยำ) และรูปแบบของฤดูกาลเมื่อโลกเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ในแต่ละปี ลูกศรแสดงทิศทางการหมุนของโลกบนแกนของตัวเองทุกวันและการปฏิวัติรอบดวงอาทิตย์ในแต่ละปี วงกลมสีเหลืองบนโลกแต่ละดวงบ่งบอกถึงตำแหน่งของวงกลมอาร์กติกและแอนตาร์กติก (ห่างจากขั้วโลก 23 องศา) และเส้นศูนย์สูตร Tropic of Cancer (+23 องศา) และ Tropic of Capricorn (-23 องศา) ไม่แสดงขึ้น คลิกที่รูปและคุณจะเห็นรูปแบบของแสงและความมืด (กลางวันและกลางคืน) ที่ถูกวางโดยส่วนหนึ่งของโลกหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์และออกจากดวงอาทิตย์


[NMSU, N. Vogt]

Solstices เป็นวันที่แกนของโลกชี้ไปทางตรงหรือออกไปจากดวงอาทิตย์ หนึ่งในฤดูหนาวและหนึ่งในฤดูร้อน Equinoxes เป็นวันที่แกนของโลกชี้ไม่ห่างออกไปทางดวงอาทิตย์ วันที่กลางคืนและกลางวันมีความยาวเท่ากันทั่วโลก

รูปที่สองแสดงสี่ฤดูเดียวกันบนโลก มุมมองของเราเปลี่ยนไปและเราเห็นโลกตามที่ปรากฏจากขั้วโลกเหนือ คลิกที่รูปและอีกครั้งคุณจะเห็นรูปแบบของแสงและความมืด (ทั้งกลางวันและกลางคืน) ถูกวางโดยส่วนหนึ่งของโลกหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์และออกจากดวงอาทิตย์


[NMSU, N. Vogt]

ในเดือนธันวาคมซีกโลกเหนืออยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ มีเอฟเฟกต์เฉพาะสองอย่างที่มีส่วนทำให้เกิดฤดูกาล (1) พื้นผิวของซีกโลกเหนือถูกซ่อนอยู่ในเงามืดของโลกนานกว่า 12 ชั่วโมงต่อวันทำให้วันที่สั้นและคืนยาวนานขึ้น (2) ดวงอาทิตย์ขึ้นไกลในภาคใต้และไม่เคยขยับสูงเกินขอบฟ้าเพื่อยืนเหนือเราโดยตรงแม้แต่ตอนเที่ยง พื้นผิวของโลกค่อนข้างมีแนวโน้มที่จะได้รับแสงแดดมากขึ้น ดังนั้นจึงมีแสงแดดน้อยกว่าที่จะดูดซับต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่และภูมิอากาศเย็นกว่า นี่เหมือนกับเสารับแสงน้อยกว่าเส้นศูนย์สูตรในกรณีแรกของเราดังที่แสดงในรูปที่สองด้านบน (ด้านขวามือ)

ในขณะเดียวกันซีกโลกใต้ก็เอียงไปทางดวงอาทิตย์ พื้นผิวสว่างไสวไปด้วยแสงอาทิตย์นานกว่า 12 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นวันจึงยาวนานขึ้น ดวงอาทิตย์ขึ้นไปทางทิศเหนือ แต่ไม่ไกลไปทางเหนือและถูกพบในตอนเที่ยง พื้นผิวของโลกเอียงไปในแนวตั้งฉากกับแสงอาทิตย์ (ดังที่ด้านซ้ายมือของรูปที่ 2) ดังนั้นจึงได้รับปริมาณแสงแดดสูงสุดต่อพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัส

สถานการณ์สุดขั้ว ที่ขั้วเหนือและขั้วใต้ ที่ขั้วโลกเหนือฤดูกาลคือคืนที่ยาวนานและหนาวเย็นซึ่งกินเวลานานถึงหกเดือน ที่ขั้วโลกใต้ดวงอาทิตย์ไม่เคยตั้งค่าและมันอบอุ่นเป็นเวลาหกเดือนอย่างต่อเนื่อง

ในเดือนมีนาคมทั้งสองซีกโลกมี 12 ชั่วโมง วันและคืนและรับแสงจำนวนเท่า ๆ กัน ดวงอาทิตย์ขึ้นที่เส้นศูนย์สูตรและใกล้กับเส้นศูนย์สูตรที่เรายืนสูงกว่าที่มันขึ้นในท้องฟ้าในเวลาเที่ยงวัน โปรดสังเกตว่ารัฐที่มีการส่งมอบนี้ยังคงมีอยู่ในทั้งสามกรณีที่เราได้พิจารณา (ทั้งโลกเอียงศูนย์, 23, หรือ 90 องศา) - ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?

ในเดือนมิถุนายนสถานการณ์จะกลับจากเดือนธันวาคม ซีกโลกเหนือเอียงไปทางดวงอาทิตย์และสนุกกับวันที่ยาวนานขึ้นและมีแสงแดดส่องมากขึ้นในระหว่างวัน ซีกโลกใต้เอียงไปจากดวงอาทิตย์ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดของโลกนานกว่า 12 ชั่วโมงทุกวัน และเมื่อดวงอาทิตย์ส่องแสงมันจะได้รับแสงอาทิตย์น้อยกว่าต่อหน่วยพื้นที่

รูปด้านล่างแสดงตำแหน่งของสามเมือง (ทำเครื่องหมายด้วยสีแดง) ตลอดเส้นทางของวันและคืนมิถุนายน (ดวงอาทิตย์อยู่ทางซ้ายของดาวเคราะห์) เมืองหนึ่งตั้งอยู่บนอาร์กติกเซอร์เคิล (23 องศาทางใต้ของขั้วโลกเหนือ) เมืองหนึ่งตั้งอยู่บนเส้นศูนย์สูตรและอีกเมืองหนึ่งตั้งอยู่บนขั้วโลกใต้ (23 องศาทางเหนือของขั้วโลกใต้) คุณจะเห็นได้อย่างไรว่า Arctic Arctic ได้รับแสงแดดมาเกือบตลอด 24 ชั่วโมงในแต่ละวันในขณะที่ Antarctic Circle นั้นปกคลุมไปด้วยความมืดเกือบตลอดเวลา? โปรดทราบว่าที่เส้นศูนย์สูตรแสงแดดยังคงอยู่เป็นเวลาเกือบ 12 ชั่วโมง


[NMSU, N. Vogt]

กันยายนมีสภาพอากาศคล้ายเดือนมิถุนายน ซีกสองซีกมี 12 ชั่วโมงวันและคืนและรับแสงเท่ากัน ซีกโลกเหนือมีสภาพอากาศในฤดูใบไม้ร่วงเพราะมันเปลี่ยนจากฤดูร้อนเป็นฤดูหนาว (วันเริ่มยาวและสั้นลงเรื่อย ๆ และเย็นกว่า) ในขณะที่ซีกโลกใต้มีสภาพอากาศในฤดูใบไม้ผลิเพราะมันเคลื่อนจากฤดูหนาวถึงฤดูร้อน รับช้าอีกต่อไปและอุ่นขึ้น)

รูปด้านล่างแสดงให้เห็นโลกในแต่ละฤดูกาลทั้งสี่และแสงแดดที่ตกลงบนละติจูดที่ต่างกัน คุณเห็นหรือไม่ว่ารังสีของดวงอาทิตย์ลงมาในมุมที่แตกต่างกันอย่างไร (ปล่อยให้ดวงอาทิตย์มากขึ้นหรือน้อยลงต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่บนโลก) เนื่องจากความเอียงของโลกทำให้ซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้เคลื่อนไปทางและออกจากเส้นศูนย์สูตร

แสงแดดจะส่องแสงจากที่ใดในโลกโดยตรงในฤดูร้อน



Modeling the Seasons of the Year

Let us now explore all four of the seasons on Earth. The figure below shows the relationship between the 23 (23.5, to be precise) degree tilt of the Earth, and the pattern of the seasons as the Earth moves around the Sun each year. The arrows show the direction of the Earth's rotation on its own axis every day, and its revolution around the Sun each year. The yellow circles on each Earth indicate the position of the Arctic and Antarctic Circles (23 degrees away from the poles), and the Equator. The Tropic of Cancer (+23 degrees) and the Tropic of Capricorn (-23 degrees) are not shown. Click on the figure, and you will see the pattern of light and darkness (day and night) posed by portions of the Earth facing toward and away from the Sun.
[NMSU, N. Vogt]
The solstices are the days on which the Earth's axis points either directly toward or directly away from the Sun, one in winter, and one in summer. The equinoxes are the days on which the Earth's axis points neither away nor toward the Sun, the days during which night and day are of equal length throughout the world.

The second figure shows the same four seasons on Earth. Our viewpoint has shifted, and we see the Earth as it would appear from above the north pole. Click on the figure, and again you will see the pattern of light and darkness (day and night) posed by portions of the Earth facing toward and away from the Sun.
[NMSU, N. Vogt]
In December, the northern hemisphere is tiled away from the Sun. There are two specific effects which contribute to cause the seasons. (1) The surface of the northern hemisphere is hidden in the Earth's shadow for more than 12 hours of the day, making the days shorter and the nights longer. (2) The Sun rises far in the south, and never moves high enough above the horizon to stand directly above us, even at noon. The surface of the Earth is thus quite inclined to the incoming sunlight, and so there is less sunlight to absorb per unit area and the climate is cooler. This is exactly the same as the poles receiving less light than the equator in our first case, as was shown in the second figure above (right hand side).

At the same time, the southern hemisphere is tilted toward the sun. The surface is lit up by the Sun for more than 12 hours per day, and so the days are longer. The Sun rises to the north, but not the far north, and is found overhead at noon. The surface of the Earth is inclined perpendicular to the sunlight (as in the left hand side of figure 2), and so receives the maximum amount of sunlight per square area.

The situation is most extreme at the north and south poles. At the north pole, the season is one long,cold night which last for six months. At the south pole, the Sun never sets and it is warm for six months continuously.

In March, the two hemispheres have 12 hour days and nights and receive roughly equal amounts of light. The Sun rises at the equator, and the closer to the equator that we stand the higher that it rises in the sky at midday. Notice that this even-handed state persists in all three of the three cases which we have considered (the Earth tilted by zero, 23, or 90 degrees) – why is this?

In June, the situation is reversed from December. The northern hemisphere is tilted toward the sun, and enjoys longer days and more sunlight during the day. The southern hemisphere is tilted away from the Sun, hidden in the shadow of the Earth for more than 12 hours every day, and when the Sun is shining it receives less sunlight per unit area.

The figure below shows the position of three towns (marked in red) over the course of a June day and night (the Sun lies to the left of the planet). One town lies on the Arctic Circle (23 degrees south of the north pole), one town lies on the Equator, and one lies on the Antarctic Circle (23 degrees north of the south pole). Can you see how the Arctic Circle receives sunlight for almost 24 hours each day, while the Antarctic Circle is shrouded in darkness for almost all the time? Note that at the Equator, the sunlight still lasts for almost 12 hours.




[NMSU, N. Vogt]
September has weather very much like June. The two hemispheres have 12 hour days and nights and receive roughly equal amounts of light. The northern hemisphere has autumn weather because it is transitioning from summer to winter (the days start out long and get slowly shorter and cooler), while the southern hemisphere has spring weather because it is moving from winter to summer (the days start out short and get slowly longer and warmer).

The figure below shows the Earth at each of the four seasons, and the sunlight which falls upon at different latitudes. Can you see how the rays of sunlight come down at different angles (allowing more or less sun per unit area on the Earth), as the Earth's tilt causes the northern and southern hemispheres to shift toward and away from the Equator?

Where on Earth does the sunlight radiate from directly overhead, on the summer solstice? on the winter solstice? on the equinoxes? Does the sunlight ever radiate from directly overhead at the north and south poles?




[NMSU, N. Vogt]

http://astronomy.nmsu.edu/geas/lect...AXRzJ-PREIe5Duu3X-hqzQorgGzBETveLLECWLJNzknXo

 

Michael DiFato

Y-Cut แสดงให้เห็นถึงการระเบิดของแมกนีตรอนที่รุนแรงในเช้านี้

Y-Cut showing a strong blast of magnetons this morning.

 

#ข่าวสั้น (19 เมษา) คามาคุระคนล้น รถติด คนแห่เที่ยวทะเลโชนัน เกาะเอโนะชิม่า หลังวันนี้อากาศดี

ด้านคนในพื้นที่วอนคนอย่ามา

‍♀️‍♂️หนุ่มสาวเล่นเซิร์ฟเต็มหาด

รถติด ... หมายเลขทะเบียนนอกจังหวัดเป็นส่วนใหญ่

——-

✒️นายกอาเบะคงไม่ต้องกลัวเศรษฐกิจจะล่มค่ะ.... นับไปอีก 2 อาทิตย์ ... ยาว ๆ ไปนะคะทุกคน

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
#เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

https://www3.nhk.or.jp/news/html/20200419/k10012395551000.html

 

#ข่าวสั้น (20 เมษา) พบเคสเสียชีวิตปริศนาหลายรายติดโควิด-19

NTV เปิดเผยว่า ทางกรมตำรวจได้ตรวจสอบเคสเสียชีวิตอย่างปริศนา เช่น

‍9 เมษา: ชายวัย 60s ล้มลงในโตเกียว เจ้าตัวบอกกับ เจ้าหน้าที่รถฉุกเฉินว่า แน่นหน้าอก ก่อนเสียชีวิต -> หลังเสียตรวจ PCR พบว่าติดเชื้อ

นอกจากนี้ มีอีกอย่างน้อย 6 ราย ใน 1 เดือนพบว่าเสียชีวิตที่บ้าน หลังอยู่ระหว่างรักษาตัวเอง

บางรายยังไม่ทันไปปรึกษาสายด่วน หรือ สถานพยาบาลยังไม่ได้ตรวจรักษาให้ค่ะ

——

✒️ข่าวนี้แอบน่ากลัวนะคะ ... รักษาสุขภาพด้วยค่ะทุกคน

https://www.news24.jp/articles/2020/04/20/07628900.html

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
#เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

 

กิ๊ฟจังนั่งเล่า

แผ่นดินไหว มอร์นิ่งคอลล์ แถบโทโฮคุ

ในวันนี้ (20 เมษา) เวลาประมาณ 05:39 น. ตามเวลาในประเทศญี่ปุ่น เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาดแรงปานกลาง M 6.1 // วัดแรงสั่นสะเทือนได้สูงสุด 4 ตามมาตราวัดญี่ปุ่น // มีจุดศูนย์กลางในทะเลในอ่าวใกล้จ. มิยางิ ความลึก 50 กม. รู้สึกได้ในแถบโทโฮคุ อิวาเตะ มิยางิ อาโอโมริ เป็นต้น

ไม่มีเตือนสึนามิ

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #แผ่นดินไหว #地震 #Earthquak

 

#สรุป ยอดโควิด-19 ในญี่ปุ่นวันที่ 19 เมษา 2020 (00:00~23:59 น.)

✒️ เมื่อเช้าอัพข่าวแผ่นดินไหวแล้วก็หลับคามือถือไปเลยค่ะ ขออภัย m(*_ _)m
——
สรุปข่าว

ผู้ติดเชื้อใหม่ 374 ราย (ในประเทศ) รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศ (ไม่รวมเรือสำราญ) 10,807 ราย

✒️เมื่อวาน (วันอาทิตย์) กับวันนี้ (วันจันทร์) ตัวเลขน่าจะลงมา เพราะหลายรพ. และศูนย์ตรวจปิดเสาร์อาทิตย์นะคะ

เสียชีวิตเพิ่ม 14 ราย (ในประเทศ)

ออกจากรพ. เพิ่มขึ้น 57 ราย

โตเกียว ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเกิน 3,000 รายแล้ว
ฮิโรชิม่า มีผู้เสียชีวิตรายแรก
———-
สรุปผลทั่วประเทศ
⚠️(ในวงเล็บ + คือ เพิ่มขึ้นเทียบจากเมื่อวาน)
———-
ยอดรวม 11,519 ราย แบ่งเป็น

ในประเทศ (รวมชาร์เตอร์+สนามบิน) 10,433 ราย
เรือสำราญ 712 ราย

✝เสียชีวิต 251 ราย แบ่งเป็น
—>เรือสำราญ (ลงมารักษาที่รพ.) 13 ราย
—-> ในประเทศ 238 ราย (+14)

☺️หายแล้ว (ออกรพ.) รวม 1,713 ราย
- ในประเทศ 1069 ราย (+57)
- เรือสำราญ 644 ราย

ผู้ป่วยอาการหนัก (ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ)
- ในประเทศ 211 ราย (+4)
- เรือสำราญ 4 ราย
รวม 215 ราย

✼••┈┈┈┈••✼••┈┈┈┈••✼

ในประเทศแยกตามจังหวัด*
⚠️***เป็นยอดสะสม บางคนออกรพ. ไปแล้ว***
ตรวจเช็ครายละเอียดรายเคส: https://coromap.info/ <ภาษาญี่ปุ่นอย่างเดียว สีเขียว = หายแล้ว เช็คจากแผนที่ได้นะคะ >

⚠️(ในวงเล็บ + คือ เพิ่มจากเมื่อวาน) ☝ เปลี่ยนลำดับขึ้นเมื่อเทียบกับเมื่อวาน

▽โตเกียว 3,082 ราย (+107) ✝️เสียชีวิต 66 (+3)

▽โอซาก้า 1,211 ราย (+48) ✝️เสียชีวิต 12 (+2)

▽คานางาวะ 782 ราย (+30)✝️ เสียชีวิต 17

▽ชิบะ 682 ราย (+18) ✝️เสียชีวิต 11 (+1)
▽ไซตามะ 664 ราย (+37) ✝️เสียชีวิต 13

▽ฟุกุโอกะ 519 ราย (+16) ✝️เสียชีวิต 11 (+1)
▽เฮียวโกะ 513 ราย (+11) ✝️เสียชีวิต 19 (+2)

▽ฮอกไกโด 434 ราย (+27) ✝️เสียชีวิต 18 (+0)
▽ไอจิ 409 ราย (+10) ✝️เสียชีวิต 25

▽เกียวโต 251 ราย (+9) ✝️เสียชีวิต 3

▽อิชิคาวะ 178 ราย (+5) ✝️เสียชีวิต 4

▽กิฟุ 139 ราย (+2) ✝️เสียชีวิต 3 (+1)
▽อิบารากิ 139 ราย (+4) ✝️เสียชีวิต 5

▽ฮิโรชิม่า 132 ราย (+2) ✝️เสียชีวิต 3 (+1)

▽กุนมะ 122 ราย (+2) ✝️เสียชีวิต 6 (+1)
▽โอกินาว่า 115 ราย (+5) ✝️เสียชีวิต 5 (+2)
▽ฟุคุอิ 112 ราย (+6) ✝️เสียชีวิต 5

▽โทยามะ 95 ราย (+4) ✝️เสียชีวิต 1
▽มิยากิ 83 ราย (+0)
▽ชิกะ 71 ราย (+1) ✝️เสียชีวิต 1

▽โคจิ 68 ราย (+4) ✝️เสียชีวิต 1

▽ยามากาตะ 61 ราย (+1)
▽นาระ 62ราย (+2) ✝️เสียชีวิต 1
▽ฟุคุชิมะ 62ราย (+2)

▽นีกาตะ 56 ราย
▽โออิตะ 54 ราย ✝️เสียชีวิต 1

▽ชิซุโอกะ 52 ราย (+2)
▽นางาโนะ 52 ราย (+5)

▽ยามานาชิ 49 ราย (+1)
▽โทจิกิ 46 ราย (+2)

▽วาคายามะ 45 ราย ✝️เสียชีวิต 1
▽เอะฮิเมะ 45 ราย (+4) ✝️เสียชีวิต 3
▽คุมาโมโตะ 40 ราย (+3) ✝️เสียชีวิต 1

▽มิเอะ 36 ราย (+1) ✝️เสียชีวิต 1
▽ยามากุจิ 30 ราย

▽คางาวะ 26 ราย (+1)
▽อาโอโมริ 22 ราย

▽โอคายามะ 19 ราย (+1)

▽มิยาซากิ 17 ราย
▽นางาซากิ 17 ราย
▽ซากะ 17 ราย (+1)

▽อาคิตะ 16 ราย
▽ชิมาเนะ 16 ราย (+1)

▽คาโกชิมะ 8 ราย (+1)
▽โทคุชิมะ 3 ราย
▽ทตโตริ 3 ราย

▽เจ้าพนักงานต่าง ๆ บนเรือสำราญ/ เจอที่สนามบิน 138 ราย (+1)
———-

เกณฑ์เข้ารับการตรวจโควิด

Process ในการเข้ารับ


หลีกเลี่ยงพื้นที่ 3 แน่น : แน่นแฟ้น แน่นขนัด แน่นหนา

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น #เกาะติดไวรัสโคโรนา
#เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ #อู่ฮั่น #COVID-19 #โควิด19

ภาพ :
Info from: NHK

 

ผวาโควิด 19 ! ทั้งชุมชนเอื้ออาทร ช่างเสริมสวยเสียชีวิตปริศนา

ร.ต.อ.แสงเพชร วิลัยกุล รองสารวัตสอบสวน สภ.เมืองนครปฐม รับแจ้งเหตุ หญิงสาวช่างเสริมสวย อายุ 39 ปี เสียชีวิต ในชุมชนเอื้ออาทรแห่งหนึ่ง ในอ.เมือง จ.นครปฐม

จากการชันสูตรของแพทย์ รพ.ศูนย์นครปฐมยังไม่สามารถระบุได้ว่า หญิงคนดังกล่าวเสียชีวิตจากสาเหตุใด ได้มอบให้มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นำศพส่งผ่าชันสูตร

ทั้งนี้ สามีของผู้เสียชีวิตเปิดเผยว่า ทุกวันจะนำอาหารส่งให้ และวันนี้มาเคาะประตูเรียก แต่ไม่มีเสียงตอบ จึงใช้กุญแจไขเข้าไปในห้องก็พบว่าภรรยาเสียซึ่งมีโรคประจำตัวคือโรคลมชัก และความดันเสียชีวิตแล้ว

The post ผวาโควิด 19 ! ทั้งชุมชนเอื้ออาทร ช่างเสริมสวยเสียชีวิตปริศนา appeared first on SpringNews.

Source : #Springnews #สปริงนิวส์
https://www.springnews.co.th/crime/652700

 

Michael DiFato

"ภายใต้เงื่อนไขที่เงียบสงบ ขอบเขตของ magnetopause https://ccmc.gsfc.nasa.gov/support/ILWS/MATERIALS/iswa_wiki/index.php/3-Day_Magnetopause_Standoff.html
ของสนามแม่เหล็กโลก คือ 10 re 12 re ห่างจากโลก
และสามารถขยับเข้ามาใกล้ได้แม้จะข้ามวงโคจรของโลก (ระยะทางประมาณ 6.7 re) ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ ~
ดังนั้นในช่วง 10 วันที่ผ่านมาเราเห็นส่วนที่หันหน้าไปทางดวงอาทิตย์ที่สุดของ สนามแม่เหล็กโลก ขยายที่มีต่อดวงอาทิตย์ อาการ/เทรนด์ใหม่นี้ควรมีความสำคัญเหนือกว่าการพิจารณาอื่นใด ดวงอาทิตย์จะถูกกล่าวว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เมื่อสนามแม่เหล็กของโลกถูกบีบอัดโดยลมสุริยะหรือของ CME แต่โดยอะไรเป็นการขยายตัวที่ได้รับการสังเกตใหม่สำหรับดวงอาทิตย์ ? และและเวลาของการวัดระยะไกลที่สุดก็เป็นเงื่อนงำใกล้กับเที่ยงคืนใน Genava เที่ยงคืนในเจนีวาเป็นช่วงเวลาหนึ่งเมื่ออิทธิพลแม่เหล็กของดวงอาทิตย์กลายเป็นแม่เหล็กที่สามที่มี magnetons จาก Nibiru แทนที่ผลกระทบของดวงอาทิตย์บนสนามแม่เหล็กของโลก




"Under quiet conditions the magnetopauseboundary
https://ccmc.gsfc.nasa.gov/support/...ki/index.php/3-Day_Magnetopause_Standoff.html
of the magnetosphere is 10 RE to 12 RE away from Earth.
and can move closer even cross the geosynchronous orbit of The Earth (a distance about 6.7 RE). ~
So for the past 10 days we see the most forward Sun facing portion of the Magnetosphere of the Earth expand towards the Sun This new posture/trend should take precedence over any other consideration that the Sun is to blame when the magnetosprere of The Earth is compressed by the Solar Wind or CME's. But by what force is this newly noted expansion towards the Sun? And the time of the most distant measurements is also a clue close to Midnight in Genava. Midnight in Geneva is a period of time when the Magnetic influence of the Sun becomes the third magnet with magnetons from Nibiru supplanting the Sun effect on the Magnetosphere of the Earth.

 

คัดข่าว
กระทรวงสาธารณสุข สิงคโปร์ เผยเวลา 14.45 น.(เวลาไทย)ผู้ติดโรคโควิด-19 พุ่ง 1,426 คน รวม 8,014 ราย ทำสถิติพุ่งขึ้นมากที่สุดรายวันครั้งใหม่ตั้งแต่เริ่มเกิดระบาดในสิงคโปร์ ทำสถิติประเทศที่ติดเชื้อมากที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน ทำสถิติมากที่สุดในเอเชียตะวันออกโดยไม่นับจีนแผ่นดินใหญ่

 

คนไทยในญี่ปุ่น
#ญี่ปุ่นไม่สนไม่แคร์โคโรน่า ตอนนี้ทั้งโลกยังตกใจกับวินัยคนญี่ปุ่น!

- ล่าสุดวันนี้ 20 เม.ย 2020 ญี่ปุ่นหลังจากประกาศภาวะฉุกเฉินทั้งประเทศ และตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่กลับยังมีคนไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆมากขึ้น เช่นสวนสาธารณะ มีสถิติคนไปรวมตัวที่สวนมากขึ้นกว่าในวันปกติ..

รวมถึงสถานที่อย่างปาจิงโกะก็ได้ปิดในโตเกียว แต่ก็ยังมีกลุ่มคนที่ขับรถไปเล่นถึงต่างจังหวัดกันเลยทีเดียว! รวมถึงกลุ่มคนที่ไม่สนไม่แคร์อีกและพนักงานเงินเดือนที่ยังคงต้องไปทำงานเลี้ยงครอบครัวแม้อยากจะหยุดก็ตาม อาจจะเพียงเพราะเป็นประเทศอิสระ "สิทธิมนุษย์ชนสูง"

วิกฤตครั้งนี้อาจจะทำให้เห็นญี่ปุ่นในมุมมองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หรือญี่ปุ่นจะรับผิดชอบและมีวินัยแค่เรื่องงานเท่านั้น? ขนาดสื่อญี่ปุ่นเองยังรายงานด้วยว่าหลังประกาศสภาวะฉุกเฉิน (ทั้งประเทศ) มีคนให้ความร่วมมือไม่เกิน 35% เท่านั้นเอง

ถ้าญี่ปุ่นยังเป็นแบบนี้อยู่อาจจะไม่สามารถควบคุมโรคนี้ได้ และมีผู้เสียชีวิตอีกหลายคนแน่นอนครับ

กดติดตามเพจนี้ "คนไทยในญี่ปุ่น" และกดเห็นโพสต์ก่อน เราจะคัดข่าวและคอนเท้นต์ที่มีคุณภาพสู่มือถือของคุณในทุกๆวัน!

อ้างอิง (สวนสาธารณะ) : https://www3.nhk.or.jp/news/html/20...xHu1KuCO_jqCmfAP3mxHd9hm7CpuPJBltEf6UqeW79V3w

 

John Traczyk

16 เม.ย. 2563 Watchers.News. อากาศสุดขั้ว เหตุการณ์ Earth
- น้ำท่วมต่อเนื่องส่งผลกระทบมากกว่า 25,000 คน ในชวาตะวันออก, อินโดนีเซีย
- การระบาดของความหนาว กระทบหลายร้อยรายการในสหรัฐอเมริกา หิมะตกหนักยังคงดำเนินต่อไปสำหรับภาคกลาง
- Khyber Pakhtunkhwa ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน และแผ่นดินถล่มในปากีสถาน
- คิวบาทำลายสถิติอุณหภูมิตลอดเวลา Veguitas ลงทะเบียน 39.3 ° C (102.7 ° F)
- การประเมินผลกระทบทางรังสีที่อาจเกิดขึ้นจากไฟป่ารอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล ประเทศยูเครน
- ระดับโอโซนอาร์กติกพุ่งต่ำเป็นประวัติการณ์ในเดือนมีนาคม พร่อง

April 16, 2020. Watchers.News. Extreme weather. Earth events.
- Ongoing floods affect more than 25,000 in East Java, Indonesia.
- Cold outbreak smashes hundreds of records in U.S., heavy snow continues for central region. Cold outbreak smashes hundreds of records in U.S., heavy snow continues for central region,
- Khyber Pakhtunkhwa hit by deadly flash floods and landslides, Pakistan.
- Cuba breaks all-time temperature record. Veguitas registered 39.3 °C (102.7 °F).
- Assessment of the possible radiological impacts caused by wildfires around the Chernobyl Nuclear Power Plant, Ukraine.
- Arctic ozone levels hit record low in March. Depletion concerning.
https://watchers.news/