จิตหลอกลวง

ต้นพะยูง ต้นสัก เราก็เรียกต้นไม้
นายอาจจะคล้ายปัง อ.ก็เลยเรียกนายว่าปัง..

 

เสียงขลุ่ยบรรเลงเพลงลึกซึ้ง
คร่ำหวนคืนวันร่วงโรยของสังขาร
แม้เสียงขลุ่ยเมื่อสิ้นเสียงก็ดับไป
ก็ไม่ต่างอะไรกับกายใจ
สิ้นดับลงทุกรูปนาม เสียงขลุ่ยพาไปคับ

 

คงเหมือนจะคล้ายๆ มีลูกบ้าพอกัน แต่ความหล่อเหลาที่เรากินขาดนะ คงจะเป็นเวยไนยสัตว์เหมือนกัน แต่ตอนนี้ปังงอลอยู่

 

ทางโน้นฝนตกไหม ทางนี้ร้อน

 

วันนี้ฝนโปรยปราย
มากับความเย็นสบายพอดีคับ

 

ชีวิต ไร้สาระ ขณะนี้ ยังไม่สาย เกินที่ จะแก้ไข
แม้ชีวิต เหลือน้อยลง เพียงใด ควรภูมิใจ ที่ได้ ทำความดีทัน

มีคนเห็นหรือไม่ เป็นไรเล่า ควรเลือกเอา ความดี ที่สร้างสรรค์
ใครจะเห็น หรือไม่..ไม่สำคัญ ตัวเรานั้น รู้ว่าดี เท่านี้พอ..

 

จิตหลอกลวงคือหลอกตัวเองคับ
จิตลวงหลอกคือการไปรับขันธ์คับ

 

จะซึ้งแล้วค่ะ แต่ๆๆ คุณไปไกลกว่าแล้วนะ

 

ขันธ์ที่เราใช้อย่าไปรับจิตอื่น
มาใช้ร่วมกับเราคับ

 

ไม่ได้เข้ามาตั้งนาน "คนชอบคุยแต่ไม่ได้ประโยชน์อะไรพูดแต่เรื่องเหลวไหลไม่ใช่ทางของผู้รู้นี่เยอะขึ้นจริงๆไม่ได้เกี่ยวไรกับหัวกะทู้เลย"

ฝาก
พระสุตตัตนตปิฎก อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต [๑. ปฐมปัณณาสก์]
๑. พาลวรรค ๓. จินตีสูตร
บุคคลประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ พึงทราบว่า เป็นบัณฑิต
ธรรม ๓ ประการ อะไรบ้าง คือ
๑. กายสุจริต (ความประพฤติชอบด้วยกาย)
๒. วจีสุจริต (ความประพฤติชอบด้วยวาจา)
๓. มโนสุจริต (ความประพฤติชอบด้วยใจ)
บุคคลประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล พึงทราบว่า เป็นบัณฑิต
เพราะเหตุนั้นแล เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้ว่า “บุคคลประกอบด้วย
ธรรม ๓ ประการใด พึงทราบว่า เป็นคนพาล เราจักประพฤติเว้นธรรม ๓ ประการ
นั้น บุคคลประกอบด้วยธรรม ๓ ประการใด พึงทราบว่า เป็นบัณฑิต เราจัก
ถือปฏิบัติธรรม ๓ ประการนั้น”
ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงสำเหนียกอย่างนี้แล
ลักขณสูตรที่ ๒ จบ

๓. จินตีสูตร
ว่าด้วยความคิดระหว่างคนพาลกับบัณฑิต
[๓] ภิกษุทั้งหลาย ลักษณะแห่งคนพาล เครื่องหมายแห่งคนพาล ความ
ประพฤติไม่ขาดสายแห่งคนพาล ๓ ประการนี้
ลักษณะแห่งคนพาล ๓ ประการ อะไรบ้าง คือ
คนพาลในโลกนี้
๑. ชอบคิดแต่เรื่องชั่ว๑ ๒. ชอบพูดแต่เรื่องชั่ว๒
๓. ชอบทำแต่กรรมชั่ว๓
เชิงอรรถ :
๑ ชอบคิดแต่เรื่องชั่ว หมายถึงประกอบมโนทุจริต ๓ ประการ คือ (๑) อภิชฌา(เพ่งเล็งอยากได้ของเขา)
(๒) พยาบาท(ความคิดร้าย) (๓) มิจฉาทิฏฐิ(ความเห็นผิด) (องฺ.ติก.อ. ๒/๓/๗๙)
๒ ชอบพูดแต่เรื่องชั่ว หมายถึงประกอบวจีทุจริต ๔ ประการ คือ (๑) มุสาวาท(พูดเท็จ) (๒) ปิสุณาวาจา
(พูดส่อเสียด) (๓) ผรุสวาจา(พูดคำหยาบ) (๔) สัมผัปปลาปะ(พูดเพ้อเจ้อ) (องฺ.ติก.อ. ๒/๓/๗๙)
๓ ชอบทำแต่กรรมชั่ว หมายถึงประกอบกายทุจริต ๓ ประการ คือ (๑) ปาณาติบาต(ฆ่าสัตว์) (๒) อทินนาทาน
(ลักทรัพย์) (๓) กาเมสุมิจฉาจาร(ความประพฤติผิดในกาม) (องฺ.ติก.อ. ๒/๓/๗๙, องฺ.ทสก.๒๔/๑๗๑/๒๐๘)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : ๒๐ หน้า :๑๔๑ }

 

คนพาลคือคนเป็นภาระของสังคม
เพราะคอยแต่ทำให้ผู้อื่นหนักใจ

 

แล้วคนพาลที่คิดว่าตัวเป็นบัณฑิต ต้องนี้
ต้องแก้ยังไงนะ
ปกติมีแต่บัณฑิตปากจัดทั้งนั้นเลยนะ ใครแต่งตั้งให้นะ

สังคมปัจจุบันนี้ต้องดูยังไงนะ สงสัยไปตลาดต้องหนีบเอาพระตรัยไปด้วย

 

ยอมรับสิ่งที่เป็นจริงแล้วทิ้งอคติ
ความเป็นคนพาลก็จะลดลงพร้อมกับ
การถือตัวถือตนคับ
หากทำไม่ได้ก็เป็นภาระสังคมต่อไปคับ

 

๒ ชอบพูดแต่เรื่องชั่ว หมายถึงประกอบวจีทุจริต ๔ ประการ คือ (๑) มุสาวาท(พูดเท็จ) (๒) ปิสุณาวาจา
(พูดส่อเสียด) (๓) ผรุสวาจา(พูดคำหยาบ) (๔) สัมผัปปลาปะ(พูดเพ้อเจ้อ) (องฺ.ติก.อ. ๒/๓/๗๙)
๓ ชอบทำแต่กรรมชั่ว หมายถึงประกอบกายทุจริต ๓ ประการ คือ (๑) ปาณาติบาต(ฆ่าสัตว์) (๒) อทินนาทาน
(ลักทรัพย์) (๓) กาเมสุมิจฉาจาร(ความประพฤติผิดในกาม) (องฺ.ติก.อ. ๒/๓/๗๙, องฺ.ทสก.๒๔/๑๗๑/๒๐๘)

คิดเอาเอง

 

อืมจริงๆก็รู้อะไรบ้าง ไม่พูดอะไรมากแสดงๆมาให้หมด

 

"คนพาล" = ชื่อเรียกคนจำพวกหนึ่ง ซึ่งไม่จำเป็นว่าเขาจะมีอคติ(ถ้าหมายถึงอคติที่ว่าฝังใจว่าแบบนี้ต้องแบบนี้เท่านั้นและไม่รับฟังผู้นั้นด้วย)ก็ได้เพราะคนพาล มีการกระทำแบบข้างล่าง


(ข้อ 1 คิดเรื่องชั่ว(ผมก้อปมาไม่หมด))
๒ ชอบพูดแต่เรื่องชั่ว หมายถึงประกอบวจีทุจริต ๔ ประการ คือ (๑) มุสาวาท(พูดเท็จ) (๒) ปิสุณาวาจา
(พูดส่อเสียด) (๓) ผรุสวาจา(พูดคำหยาบ) (๔) สัมผัปปลาปะ(พูดเพ้อเจ้อ) (องฺ.ติก.อ. ๒/๓/๗๙)
๓ ชอบทำแต่กรรมชั่ว หมายถึงประกอบกายทุจริต ๓ ประการ คือ (๑) ปาณาติบาต(ฆ่าสัตว์) (๒) อทินนาทาน
(ลักทรัพย์) (๓) กาเมสุมิจฉาจาร(ความประพฤติผิดในกาม) (องฺ.ติก.อ. ๒/๓/๗๙, องฺ.ทสก.๒๔/๑๗๑/๒๐๘)




ซึ่งกรณีคิดชั่ว ทำชั่ว = จงใจให้เกิดเหตุร้ายหรือทำให้เกิดเหตุร้ายขึ้น แต่อคติไม่จำเป็นต้องคิดชั่วทำชั่วก็มีได้ครับ ซึ่งส่วนใหญ่มันจะปนๆกันหากละอคติได้ก็ "ไม่ได้แปลว่าจะเป็นคนดีเหมือนกันครับ"

 

ก็ไม่ต้องตอบผมครับแค้นั้นแหละ ถ้าจะไม่พูดอะไรมาก

 

เอ้ยพ่อบัณฑิต รู้แต่แรกแล้ว มาครั้งนี่ย่อมไม่ธรรมดาแน่ๆ หึหึ ก็บอกแล้วนี่ว่ารู้อะไรมาบ้างล่ะ

 

สัญญาอะไร จะมาเพื่ออะไร ปกป้องอะไร กรุรู้ อะไรปลอมๆอย่าคิดว่ากรุรู้ไม่ทัน กรุจึงไม่พูดอะไรมาก

 

สรุป

จะคุยกับผมหรือไม่คุยเอาให้แน่ครับ