การทำสมาธิ รักษาโรคทุกโรคได้จริงหรือไม่ครับ

เคสนี้มีภพภูมิมีบารมีเด่นทางด้านปัญญา
มาติดให้ ติดแบบท่านอฐิษฐานจิตให้ติดนะ
ไม่ใช่แบบมาจุดให้นะ

 

สนใจเรื่องนี้มานานมาได้สักระยะแล้วค่ะ

การทำสมาธิรักษาโรคได้จริงไหม!

ถ้าเซลล์ในระบบอวัยวะร่างกายเป็นพลังงาน เป็นคลื่นกระแสไฟฟ้าแม่เหล็กชนิดหนึ่ง แบบเดียวกับลมหายใจ ที่เป็นพลังงานและมีคลื่นกระแสแม่เหล็กไฟฟ้า ที่เป็นคลื่นความถี่สั่นสะเทือนเพื่อให้เกิดพลังงานชีวิต

การหายใจที่ถูกต้องสามารถสร้าง stemcell ขึ้นมาใหม่ และสามารถเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรม ได้ค่ะ

ระบบอวัยวะร่างกายต้องการลมหายใจจากอ๊กซิเจนเพื่ิอเปลี่ยนจากเม็ดเลือดดำ ไปเป็นเม็ดเลือดแดง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน แอนตี้บอดี้ ก็มาจากลมหายใจที่ถูกต้อง และจากสารอาหารที่จำเป็นแก่เซลล์

เคยศึกษาเรื่องระบบอวัยวะ จึงได้รู้ว่า การเกิดดับของเซลล์อวัยวะมันเป็นธรรมชาติหนึ่งของร่างกายที่ต้องเกิดดับ หรือเสื่อมไป ร่างกายต้องถ่ายเทออกหรือปรับความสมดุล ร่างกายจึงดำรงได้อย่างปกติ

หากเซลล์ร่างกายต้องเสื่อมไปลงไปตามธรรมชาติ แต่ไม่สามารถผลิตสร้างขึ้นใหม่ได้สมดุลกัน จึงเป็นเหตุให้เสื่อม หรือทรุดโทรมไวเกินไป

เคยสงสัยไหมคะว่า ทำไมอายุขัยของมนุษย์ในแต่ละคนไม่เท่ากันในแต่ละกัป บางกัปมนุษย์มีอายุแค่ 100 ปี บางกัปเป็น หมื่นปี อะไรเป็นสาเหตุสำคัญของการกำหนดอายุขัยของมนุษย์นะค่ะ

 

เรารักษาตัวเองได้มัยครับเสียงดายตังค่าหมอ

 

ไม่เคยใช้บริการหมอมาเกือบสิบปีแล้วไม่รู้มีสิทธิ์เหลือป่าวครับนานๆซื้อยากินเอง

 

ครับตามตำนาน กล่าวว่า พระศาสดาตรัส ผู้ใดทำอธิบาท 4
ปราถนาจะมีชีวิต 1 กัป ก็สามารถ ผมสนใจเรื่องนี้มานานแล้วเหมือนกันครับ

 

ค่ะ นอกจากอิทธิบาท 4 แล้ว ยังมีอีกสาเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่งค่ะ ก็คือ อำนาจเหนี่ยวนำจากเส้นแรงสนามแม่เหล็กโลก ด้วยค่ะ

ถ้าเราเข้าใจชีวิตเราจริง ๆ ว่าแท้ที่จริงแล้วชีวิตเราคือพลังงาน เราจะไม่ปฏิเสธเรื่องนี้เลย เพราะมันมีผลต่อพลังงานชีวิต ต่อการกำเนิดชีวิต ที่เกี่ยวข้องกับพลังงานกรรมค่ะ ซึ่งยุคนี้เป็นยุคการเปิดสัจธรรมในยุคกึ่งพุทธกาล การเกิดในยุคนี้เป็นการพบ และมีโชค เกิดมาได้ยากไม่แพ้ยุคพุทธกาลเลยค่ะ

จิตยิ้มได้ตั้งกระทู้ใหม่ เพื่อรวบรวมความรู้เกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ การมีอายุยืน ที่เป็นศาสตร์จักรวาล ที่เปิดเผยมาและยากแก่การเข้าใจ ลองติดตามเข้าไปแนะนำได้นะคะ

https://palungjit.org/threads/ผีโขม...งงานชีวิต-มีอายุยืน-กับยุคพลังงานใหม่.735739/

 

ได้ครับ เดี่ยวจะหาเวลาเข้าอ่าน

 

แนวนี้บารมี และคอนเนกติ้ง เฉพาะบุคคลแล้ว

 

พูดด้วยหลักทางวิทยาศาสตร์
ในโลกจะพบแรง อยู่ ๔ ตัวหลักๆครับ
พูดกว้างๆนะครับ

๑.แรงดึงดูด
๒.แรงแม่เหล็กไฟฟ้าหรือแสง
๓.แรงโน้มถ่วง
๔.แรงนิวเคลียร์แบบเข้มและแบบอ่อน


ส่วนร่างกาย ในระดับอะตอมนะครับ
ประกอบด้วยอนุภาค 2 ตัว (ยังมีนิวเคลียร์และอิเลคตรอน ม.ปลายมีสอน)
1.อนุภาคที่เป็นองค์ประกอบสะสาร
2.อนุภาคที่เป็นสื่อนำแรง(เพิ่ม ลด สร้างอัตลักษณ์เฉพาะตนได้ ไม่อิงพื้นที่ ไม่อิงเวลาและระยะทาง)

ทางพุทธ รู้จักคำว่าอนุภาค คือ ธาตุต่างๆ

การเกิดเป็นร่างกาย อาศัยแรง
๑,๒,๓ และ ๔ เป็นองค์ประกอบ
ร่วมกับ อนุภาค 1และ2 ครับ

เมื่อร่างกายพร่องหมายถึง 1และ2
อาจมีมากหรือน้อย จาก ๑๒๓และ๔
คือรับภายนอกเข้ามาหรือออกไป


การสวดมนต์ ใช้สมาธิ ใช้กำลังจิต
ทานยาสมุนไพรต่างๆนั้น ไปช่วยปรับในส่วน

ที่ 2 ในส่วนแรงนิวเคลียร์แบบอ่อน
หรือแรงที่ ๔ นะครับ ส่วนที่ 1 ก็จะดี
ตามมามันเป็นแค่ผล ส่วนแรง ๑,๒,๓ และ๔
ตอนนี้จะช่วยในการถ่ายเทแรงที่ขาดหรือเกิน


ถามว่าทำไมต้องแรงที่ ๔ (นิวเคลียร์แบบอ่อน)
เพราะมันเป็นแรงเพียงชนิดเดียว เป็นอนุภาคชนิดเดียวที่ มีการเปลี่ยนแปลงประจุ มันสามารถเปลี่ยนแปลงอนุภาคและหายไปได้ครับ
ถ้ามันมีการเปลี่ยนประจุจากอีกขั้วหนึ่งไปเป็นอีกขั้วหนึ่งซึ่งปกติมันจะเปลี่ยนจากโปรตรอนไปเป็นนิวตรอน แต่ถ้ามันเปลี่ยนขั้วด้วยและหลุดออกจากนิวเคลียส แรงมันจะหายไปได้ ตรงที่หายไปได้นี่แระครับที่เรารู้จักกันว่าการปรับธาตุ ๑,๒,๓และ๔ จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ครับ

การสวดมนต์ ทานยา ใช้สมาธิ กำลังจิต
จะมาส่งผลต่อ 4 แบบอ่อนนั่นเอง

สรุป ทางวิทยาศาสตร์นะครับ
แรง ๑,๒,๓,และ ๔ เป็นองค์ประกอบ
ร่วมกับอนุภาค 1,และ2

ส่วนกำลังที่จะให้เกิดการเปลี่ยน ๔ แบบอ่อน
คือกำลังสมาธิระดับสภาวะ ว่าง นั่นเองครับ



ที่ส่วนตัวเล่า ฝรั่งเค้าเจอหมดแล้ว
ด้วยเครื่องมือครับ แต่ไม่มีสอนใน
หลักสูตรปกติครับ จะสอนในพวก ควอนตั้ม

เกรงจะไปเข้าใจผิด คิดว่า องค์ประกอบ ซึ่งเป็นระบบแรงปกติเป็นสาเหตุหลัก ที่แก้แล้วจะทำให้ร่างกายดีขึ้นได้ ซึ่งมันจะขัดกับหลัก
ทางวิทยาศาสตร์เรื่องการกำเนิดสะสาร
ที่เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบมาอย่างสิ้นเชิงนะครับ

เพราะมันไม่ใช่ต้นเหตุ เป็นแค่ปลาย
แต่ก็ไม่ผิดถ้าจะเข้าใจอย่างนั้น

หวังว่าจะพอเข้าใจที่เขียนนะครับ

 

มีโอกาสจะแวะไปกราบ ท่านนะ
ส่วนตัวเคยเจอที่บังคับเมฆได้ ฝนได้
แบบตาเห็น แต่ดันเป็นเด็กอายุ ๙ ขวบ
เป็นลูกครึ่งไทย อเมริกัน ซะงั้น
รออีกนานกว่าจะกลับมาบวชเมืองไทย
รอว่างจากช่วงพัก ที่นาซ่าเรียกเข้าทำงานก่อน
แต่ถ้าเป็นพระสงฆ์ไม่ค่อยเจอ
ถ้าคนวงในไม่เอามาเล่า หรือพระเกจิด้วยกันท่านเล่าให้ฟังหรือเเอบำป้ห็นเอง
หรือฟลุ๊คไปเจอด้วยตาตัวเอง

พูดยากเนาะ เรื่องแบบนี้
แล้วแต่คนจะเชื่อไม่เชื่อ

 

ฟังหูไว้หูนะครับ
กลุ่มที่จะ มีชีวิตอยู่ได้นานนะครับ
เป็นเอกลักษณ์ของ ท่านที่ได้ปฎิสัมภิทาญานเป็นอย่างน้อยเท่านั้นครับ
คือ มีความสามารถทางจิตสูงมากจริงๆ เรียกว่า
ความสามารถระดับจิตธาตุเป็นพื้นฐานเลย
(เล่นแร่แปรธาตุ หยิบจับของในอากาศ เหาะตัว ย่นระยะทาง
ยกกายละเอียด รู้วาระจิตแบบละเอียด ฯลฯ ทำได้แบบชิวๆ)
และคือ
ท่านยังต้องไม่ทิ้งกายด้วยนะครับที่สำคัญ
ที่พูดอย่างนี้ คือ มีพระสงฆ์หลายท่านที่มีความสามารถถึง
แต่ท่านต้องการเป็นพระปัจจเจกหรือหลุดพ้นในชาตินี้
แม้มีความสามารถถึง ท่านก็ไม่รักษาตัวเองครับ
บางที ร่างกายเป็นอะไรก็ตาม ไม่รักษาเลยก็มี
มีแต่ลูกศิษย์คนใกล้ชิด ที่ขอให้ท่านไปรักษาร่างกายครับ
และยกเว้นว่า กายนั้นจะใช้ไม่ได้จริงๆ สำหรับท่านอายุยืน
และท่านจะมีหน้าที่
อะไรบางอย่างที่จะต้องทำเมื่อถึงเวลาครับ

นี่ยังไม่นับรวบพระอาจารย์ในดงอีกหลายท่าน
ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับประสบการณ์แห่งตนเองด้วยครับ

เช่น ลพ.มีชื่อ ที่เป็นสหาย อดีต ลพ.ชื่อดังที่ จ.อุทัยฯ
ทุกวันนี้ก็มีชีวิตอยู่ในป่าครับ เพียงแต่คนทั่วไปจะมอง
เห็นท่านเป็นท่อนไม้ ทั้งๆที่ท่านอยู่ในท่านอนปกติ
ท่านจะออกมา เมื่อมีเรื่องเกี่ยวกับภัยพิบัติเพราะท่าน
มีหน้าที่ตรงนี้อยู่

หรือแม้ แต่พระมีฤิทธิ์ตั้งแต่ ยุคพุทธกาล ที่เป็นเหตุ
เกี่ยวกับการห้ามพระสงฆ์แสดงฤิทธิ์ ก็ยังมีชีวิตอยู่
เผลอๆจะเก่งกว่า พระโมคคัลฯ ด้วยซ้ำ
แต่ท่านไม่เคยสอนใคร และไม่ค่อยปรากฏให้ใครเห็น
มีพบเห็นได้ ในพระเกจิบางท่านเท่านั้น..

มีอีกหลายท่านมากครับ มีตั้งแต่ยุคพุทธกาล
ยุคระหว่างพุทธกาล..และยุคก่อนพุทธกาล
ท่านพระมหาฤาษีองค์แรกของโลกก็ยังมีชีวิตอยู่ครับ

มีการถ่ายภาพได้ แต่คนทั่วไปจะเข้าใจว่าท่านนั่งสมาธิอยู่
เพราะไปเห็นในอริยาบท ที่อยู่บนผิวน้ำ แล้วชุดท่านแผ่ออก
จริงๆท่านอยู่ในท่ายืนปกติครับ

ทางมหายานก็มีนะครับ แต่ที่เหมือนกันคือ ท่านไม่สอนใคร

ย้ำว่า เป็นนิทาน ฟังหูไว้หู พอขำๆครับ

 

ขยันสวดมนต์ดีจังครับ

 

ผมชอบฟังครับสนุก

 

หน้าจะเปิดยูทูปแทนได้นะครับสะบายหน่อยไม่ต้องสวดนาน55

 

ทุกวันนี้ผมจำได้แค่พุทธคุณธรรมคุณสังฆคุณเองครับ
ถ้าไม่เปิดหนีงสือจำไม่ได้ซักบทครับ55

 

อยากให้เทวดาเปิดยูทูบเป็นเองจังเลยครับ55
สะบายหน่อยอยากฟังตอนไหนกะสะบายได้เลย

 

โธ่.....อาจ๊าน

 

ไม่ได้เป็นจานใครครับ55

 

ไม่สะดุ้งหงุดงิดเหรอครับเวลามีคนมาเปิดฟัง

 

อ่านมาถือว่าสมเหตุสมผลอยู่นะ
คำว่า นะมะะพะธะ(การตั้งธาตุ) ปกติเวลาใช้รักษาร่างกายที่พร่องไปแล้ว ก็จะใช้บทนี้กันนะ เช่นเส้นเลือดสมองแตก อวัยวะบางส่วนหายไป..
แต่ว่าต้องอาศัยกำลังสมาธิในสภาวะที่เรียกว่าดับ และจำนวนรอบเข้าออกฌานประมานครึ่งโหลต่อลมหายใจถึงจะพอมีผล ซึ่งมันจะเหนื่อยหน่อย

ส่วนอาการ ๓๒ มันเป็นมันเป็นบทในการสร้างธาตุ
ในลักษณะที่รวมเป็นร่างกาย คือ มี แขนขา ศรีษะ อวัยวะ ครบทั้ง ๓๒ เพียงแต่

การตั้งธาตุ + อาการ ๓๒ เค้าใช้ทำพวก หุ่นพยนต์ ทำอะไรที่มีรูปร่าง ที่เป็นเครื่องรางนั้นแระ ส่วนตัวพอรู้ แต่ไม่ใช่ทาง เลยไม่ทำ



คือ ดูจากผลของมันแล้ว ถ้าเอามาประยุกต์
ใช้รักษากับคนแล้ว ก็มีโอกาสเป็นไปได้สูงที่จะหาย เพราะมันเป็นเสมือนการสร้างธาตุขึ้นมาใหม่นั่นเอง


ถามว่า ส่วนตัวพอรู้บ้างไหม ตอบว่า พอรู้บ้าง
เพียงแต่ ไม่ใช่แนวชอบสวดมนต์ ใช้งานบทยาว
เกิน ๑o คำ อีกอย่าง เข้าใจว่า อาการ ๓๒ มันจะใช้
สร้างเครื่องราง เลยไม่ได้สนใจอะไรมาก ปล่อยให้พระเกจิท่านทำไปดีกว่าประมาณนี้

แต่ถ้า nopdanasd. ทำแล้วได้ผล
ก็ควรพัฒนาต่อไปนะ ถือว่า
แนวนี้อาจจะถูกทางของเราพอดี

น่าสนใจนะเรื่องนี้
เด๋วกลางเดือนจะไปเจอ
ท่านพระครูจิตไวพอดี
จะลองถาม เรื่อง อาการ ๓๒
กับการรักษาโรคกับท่านดูว่าเป็นไง