@@..คำครู ผู้ชี้-นำ-อุปถัมภ์ สู่พระโพธิญาณ & เรื่องเล่าจากกัลยาณมิตร.@@

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 10 กรกฎาคม 2015.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    " ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะอธิษฐาน....สิ่งที่ไม่ดีในอดีตที่ข้าพเจ้าและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายที่เคยทำไป ขอให้หลุดออกไปจาก กาย วาจา ใจ ขอให้เริ่มใหม่ เพื่อทำดี และเป็นประโยชน์แก่ตัวเอง ประเทศชาติ และพระศาสนา "
    (พระเดชพระคุณหลวงตาม้า)
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    x2Ndyx3dGDQ9otc-3AZAj2LPZSvylb1GBSHly9B8tkR&_nc_ohc=D9eTwn9Vrp4AX8rvw2N&_nc_ht=scontent.fbkk22-1.png
    หลวงปู่ "อาจารย์แด่ ท่านเคยบอกข้าตอนที่ไปนวดให้ท่านว่า เป็นพระต้องระวังนะคุณ ถ้าไม่ไหว้พระสวดมนต์ ตายไปต้องไปเกิดเป็นควายแก่ให้เขาใช้งาน ท่านเคยบอกด้วยนะว่า ควายแก่"

    ผู้ถาม "การบิดเบือนพระพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้า เขาว่าเป็นการทำลายศาสนา เหมือนกับตัดคอพระพุทธรูปทีละองค์"

    หลวงปู่ "พระเทวทัตมีฤทธิ์ขนาดเหาะได้ ยังไปนรกเลย แล้วคนที่ยังเหาะไม่ได้ จะไปไหน"

    ผู้ถาม "ลูกอธิษฐานไว้ว่าต้องถือศีลแปด แต่กลัวจะหิว เพราะไม่ได้กินข้าวเย็นครับ"

    หลวงปู่ "เปลี่ยนจากข้อ ๓ เป็น อพรัมมะจริยา ก็ได้ นี่เป็นศีล ๕ แบบอุกฤษฏ์ ถือเป็นเพศพรหมจรรย์"

    ผู้ถาม "เดี๋ยวนี้คนใจบาป ตัดเศียรพระพุทธรูปไปขายต่างประเทศ"

    หลวงปู่ "อีกหน่อยศาสนาพุทธจะไปปรากฏในต่างแดน ตอนนี้ไปในส่วนของรูปธรรม ต่อไปจะปรากฏในส่วนของนามธรรม จะมีการปฏิบัติกันมากขึ้นกว่านี้"

    ผู้ถาม "ทางรัสเซีย เขาว่ากันว่า ปฏิบัติเกินไปจากอเมริกาหลายสิบปี แต่เขาใช้ในด้านวินาศกรรมเพราะเรดาร์จับไม่ได้ ไม่บาปหรือครับ"

    หลวงปู่ "ให้เขาทำไปเถิด อีกหน่อยเขาพลิกจิตได้ ก็ดีเอง"

    ผู้ถาม "ทำไมต้องห้อยพระ ไม่ต้องใช้ได้ไหมครับ"

    หลวงปู่ "กำลังใจของคนไม่เท่ากัน เรามีเวลาเผลอเพราะไม่ใช่พระอรหันต์ ถ้าจิตเป็นพระไม่ต้องใช้ก็ได้ หรือถ้าทำเป็นแล้วก็ไม่ต้อง"

    ผู้ถาม "บารมีพระช่วยได้จริงหรือไม่"

    หลวงปู่ "ถ้ากรรมไม่หนักพระช่วยได้ ถ้าหนักพระช่วยไม่ได้ ตอนตายถ้านึกถึงพระก็ยังไปสวรรค์"

    ผู้ถาม "ทำอย่างไรจึงนึกถึงพระหรือความดีก่อนตาย"

    หลวงปู่ "ต้องทำอยู่เรื่อยๆ เหมือนกับทำไมต้องกินข้าวทุกวัน ถ้าไม่ทำบุญหรือทำ แต่บางทีนึกออกได้ยาก เช่นมีคนแถววัดสะแก ทำบาปกับปลาเอาไว้มาก ก่อนตายพอน้องเข้าไปบอกทางว่า พุทโธ แกกลับบอกว่าแกงส้มปลาเทโพอยู่ในครัว พอพี่เข้าไปบอกว่า อะระหัง แกกลับบอกว่า มีแต่กระชัง (ใส่ปลา) ทั้งนั้น"

    (คัดลอกจากหนังสือ 37 เรื่องเล่าธรรมะลึกซึ้งเข้าใจง่าย หลวงปู่ดู่ พฺรหฺมปัญโญ วัดสะแก ตำบลธนู อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา)

    https://web.facebook.com/amatatum1
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    1f4a5.png ทดสอบอานุภาพวัตถุมงคล 1f525.png ... ให้เอาของกำไว้ในมือ ทำใจสบาย ๆ ว่าคาถา “สุนักขัตตัง สุมังคะลัง” ไปเรื่อย ถ้ากำลังใจได้ที่ของจะขึ้น อาการที่แสดงออกจะทราบได้ทันทีว่าของชิ้นนั้นทำมาด้านไหน จะเป็นมหาอุตม์ คงกระพันชาตรี หรือ เมตตามหานิยมก็สังเกตเอา...
    1f31e.png อาตมาได้คาถาและวิธีการมาแล้วก็ลองทันที 1f31e.png เอาพระของหลวงพ่อใส่มือ ทำใจสบาย ๆ ว่า สุนักขัตตัง สุมังคะลัง ไปเรื่อยประมาณ ๓๐ นาที ก็ได้เรื่อง มือมันค่อย ๆ สั่น จากเบาเป็นแรงขึ้นเรื่อย จนตีอกตัวเองดังป้าบ ๆ เลย...! อยากจะหยุดก็หยุดไม่ได้ พอบังคับหยุดมันเหมือนมีแรงฝืน ดึงมือเราไปเขย่าจนได้ เหนื่อยแทบขาดใจ พอดิ้นหลุดเอาพระออกก็หยุดสั่น พอจับพระใหม่ก็สั่นทันที ต้องรีบวาง กลัวจะเหนื่อยตายซะก่อน...!
    1f31f.png พอหายเหนื่อยก็ลองใหม่ คราวนี้ใช้สมเด็จวัดระฆัง พอขึ้นปุ๊บมือทั้งสองคล้ายมีคนดึง มันค่อย ๆ พุ่งขึ้นฟ้า แทบจะฉุดเอาตัวลอยขึ้นไปทั้งตัว เอ๊ะ...? อานุภาพไปคนละทางกันจริง ๆ ลองกับพระของหลวงปู่บุดดา ปรากฏว่ามือทั้งสองค่อย ๆ แกว่งไปทางซ้าย – ขวา อย่างช้า ๆ ดูนิ่มนวลมาก ถ้าจีบมือซะหน่อยคงเป็นท่ารำไทยไปเลย แสดงออกถึงความเมตตาที่ชุ่มเย็นอย่างชัดเจน...
    1f308.png พอทำขึ้นคราวนี้จับองค์ไหนก็ขึ้นหมด ถึงขนาดนอนนึกก็ดิ้นโครม ๆ ซะแล้ว ใจหนึ่งอยากลองภาวนาคาถาหัวใจหนุมาน อีกใจก็ค้านว่าอย่าดีกว่า ไปนอนให้เขาหามมันไม่เข้าท่าแน่ และที่ไม่ลืมเด็ดขาดคือ จะไม่เผลอเอาธงมหาพิชัยสงครามมาปลุกเด็ดขาด กลัวตายก่อนอายุขัย...!
    นอนสั่นอยู่หลายวันจึงเข้าใจ ว่าอารมณ์ตอนนั้นเป็นแค่อุปจารฌานเท่านั้น ถ้าเรากำหนดจิตให้สูงกว่านั้น อาการสั่นก็จะหายไปเอง เฮ้อ...กว่าจะเข้าใจก็นอนดิ้นซะตึกแทบพัง เหนื่อยจะตายชัก...!
    ๗ พฤษภาคม ๒๕๓๓
    พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    "ท่านพระอาจารย์มั่นท่านจะไปไหนไปตามญาณ อย่างหลวงปู่อ่อนท่านเล่าว่า หลวงปู่ขาว อนาลโย ตามธุดงค์ไปกับท่านพระอาจารย์มั่นที่เขาลูกหนึ่ง สูงก็สูง กันดารก็กันดาร น้ำบนยอดเขาโน้นไม่มีหลวงปู่ขาวนึกในใจ “เออ ที่กันดารอย่างนี้ทำไมท่านพามาอยู่นานนัก”
    หลวงปู่ขาวยังไม่ทราบถึงสาเหตุตอนไปถึงครั้งแรก ที่ท่านพระอาจารย์มั่นท่านเตือน “ไม่ให้ประมาท ตากผ้าคลุมบนพุ่มไม้ไม่ได้ ต้องสำรวม ท่านห้าม จะถ่มน้ำมูกน้ำลายอะไรก็ให้สำรวม” ไปได้ ๖ วัน ๗ วัน ท่านจึงได้บอกกับหมู่ว่า “ใครจะตากยังไง ก็ตากได้แล้ว พญานาคเขาอนุโมทนาแล้ว” เมื่อไปถึงครั้งแรกเขามักขู่ เขายังไม่เลื่อมใส พญานาคเขาทำปราสาทอยู่ที่เขาลูกนั้น อดีตชาติเป็นพี่ชายใหญ่ของท่าน ท่านไปโปรดพี่ชายใหญ่ของท่าน เมื่อเขาเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้ว ท่านก็พาหมู่เดินต่อไป
    อย่างที่ท่านไปอยู่บ้านสามผง ต.สามผง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม พักอยู่ที่นี่ไม่ได้ ย้ายไปอยู่ที่โน้น ไปที่โน้นไม่ดี ก็ย้ายอีก ท่านก็พูดกับหมู่ “เออ เราเคยเป็นไก่ป่ามาตายที่นี่ เคยเป็นหมูป่ามาตายที่นี่ ถึงว่ามันต้องมาอยู่ที่นี่” นั่นท่านพระอาจารย์มั่นไปตามญาณ อย่างท่านพระอาจารย์เสาร์เดินธุดงค์มาพักก่อน ท่านพระอาจารย์มั่นเดินธุดงค์มาทีหลัง ท่านรู้นะ ท่านพระอาจารย์เสาร์ท่านแวะพักที่ไหน ท่านพระอาจารย์มั่นก็พักที่นั่น เพราะในอดีตชาติเคยเป็นพ่อค้าพาณิชย์ร่วมกัน
    ท่านพระอาจารย์เสาร์นี่เป็นหัวหน้าใหญ่ เป็นนายฮ้อย ท่านพระอาจารย์มั่นเป็นรอง ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) ก็รองลงมาอีก แต่ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์นี่ท่านปฏิบัติอย่างไรถึงไปพักอยู่นาน พักในพรหมนานเป็นกัปป์ ตามที่หลวงปู่อ่อนเล่าให้ฟัง จึงได้กลับมาเกิด กลับมาเกิดก็ได้พบกันอีก นี้ล้วนแต่เคยสร้างบารมีร่วมกันมาทั้งสามองค์ ทั้งท่านพระอาจารย์เสาร์ ท่านพระอาจารย์มั่น และท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ "
    โอวาทธรรม หลวงปู่อว้าน เขมโก
    TDijKPH3EV8qYSsWumqstk7U27KPgl_YLbGkxZ4Elih&_nc_ohc=MLOmIwb9384AX_B2ZEM&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.jpg
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    1f333.png ถาม : พระเครื่องที่อัญเชิญ หลวงพ่อสด หลวงพ่อกวย หลวงพ่อวัดท่าซุง มาในพิธี จะมีอำนาจเหมือนกับพระเครื่องที่ท่านปลุกเสกเองตอนดำรงธาตุขันธ์หรือไม่ครับ ?
    1f33c.png ตอบ : ถ้าท่านทำให้มากกว่าเดิมก็ไม่เหมือน
    ((แบบนี้แสดงว่าไม่จำเป็นต้องไปหาวัตถุมงคลเก่าราคาแพงเลยนะครับพระท่านสงเคราะห์ทีไรก็แทบจะไม่มีให้น้อยลงยิ่งเดี๋ยวนี้เข้ามากพิธีเข้าไปอีกหลวงพ่อเล็กก็เชิญครูบาอาจารย์หลวงพ่อกวย หลวงพ่อสด หลวงพ่อเดิม กับอีกหลายองค์ทุกครั้งเวลาที่ท่านปลุกเสก))
    1f333.png ถาม : หากนำน้ำมนต์จากวัดมาเทใส่แท็งค์น้ำใต้ดินที่บ้านเพียงเล็กน้อย น้ำในแทงค์ใต้ดินจะกลายเป็นน้ำมนต์ทั้งหมดเลยหรือไม่ครับ แล้วถ้าหากเป็น จะมีฤทธิ์นานเพียงใดครับ ต้องคอยเติมบ่อยครั้งหรือไม่ ?
    1f33c.png ตอบ : ถ้าเป็นน้ำมนต์พระพุทธเจ้า ก็มีไปจนชั่วฟ้าดินสลาย ถ้าเป็นแท็งค์เลย น่าจะไม่ต้องเติมบ่อยนัก..!
    ถาม-ตอบ
    หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน
    เดือนกรกฎาคม ๒๕๖๔
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    ...”บูชากู ดอกบัวก็ดี หรือดอกไม้อะไรก็ได้ ๑ กำ ธูป ๙ ดอก ขออะไรก็ขอตรงๆ อย่าซับซ้อน ไม่ต้องคิดมาก อย่าหาคำลวดลายมาก ดัดจริตมากไม่เอา เอาที่ตรงๆ
    คิดถึงกูก็บอกกู อยากเจอ อยากเห็นกูก็บอก ทุกข์ร้อนอะไรบอกกู ปรับทุกข์กับกู ออกเสียงให้เสียงมันชัดเจน จะร้องไห้ต่อหน้ารูปกูก็ได้ กูรับรู้ได้
    มึงใครโดนรังแกมา ทนไม่ไหวก็บอกกู บอกว่าไอ้คนนั้น หรือนังคนนี้ ทำกับผม รังแกผม ทำกับหนู รังแกหนูไว้มากเกินจะทน คิดร้ายกับเรา ขอให้แพ้ภัยตัวเอง บอกชื่อมันมา กูจะช่วยให้มันกลับมาเป็นมิตร
    ขออะไรกับกู ก็อย่าเรื่องมาก คิดอย่างไรก็บอกกับกูตรงไปตรงมา เน้นที่ใจจริงของมึง บอกกูต่อหน้ารูปกู หรือรูปปั้น คุยกับกูให้เหมือนคุยกับพ่อ
    อย่างเดียวที่กูไม่ช่วย คืออย่าแช่งใคร อย่าอธิษฐานขอกูให้ใครชิบหาย ไม่ใช่ไม่ได้ผล ได้ผลมีแต่เข้าตัวมึง หากทุกข์ร้อนให้จุดธูป ๙ ดอกบอกกู ครูกูแรง”...
    #วิสุทธิธรรม 1f64f.png
    พระคุณหลวงพ่อกวย ชุติณฺธโร 1f64f.png
    Y9qvg4WPN4o8dE_UojuyeSAwyhU6x702EhawUCi41hvP&_nc_ohc=38DCvTS-mzYAX9pdApi&_nc_ht=scontent.fbkk2-4.jpg
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    ถาม : ถ้าคนที่ไม่ได้เป็นพระอรหันต์แต่อยากจะทรงสังขารุเปกขาญาณต้องใช้ฌานสมาบัติ หรือสมาธิมาช่วยหรือเปล่าครับ ?
    ตอบ : จะเป็นระดับไหนก็ใช้สมาธิทั้งนั้น แต่ยิ่งระดับสูง ด้วยความที่สติปัญญาของท่านแหลมคมว่องไวมาก มีความชำนาญในการตัดละกิเลสหรือป้องกันไม่ให้กิเลสเกิดขึ้นมากกว่า มีความคล่องตัวมากกว่า บางทีการกระทำของท่านก็เหมือนกับไม่ได้ตั้งท่าอะไรเลย หรือบางท่านใช้สมาธิเข้าช่วยโดยไม่รู้ตัว
    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้จะว่าไปแล้วก็คือ ศีลเป็นพื้นฐานของสมาธิ สมาธิเป็นพื้นฐานของปัญญา ปัญญาไปคุมศีลและสมาธิอีกทีหนึ่งทั้งหมด ผูกพันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่ว่าเราจะไปในแง่ไหนมุมไหนก็มีส่วนของสมาธิรวมอยู่ด้วยทั้งนั้น
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๒
    ที่มา : www.watthakhanun.com
     
  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    1f48e.png ดวงเกินตำรา
    1f64f.png ถาม : เรื่องของดวงชะตามีจริงไหมคะ?
    1f496.png ตอบ : ดวงชะตาก็คือ การส่งผลของบุญกรรมที่เราทำมา ส่งให้เป็นอย่างนั้น
    เราทำความดี ผลดีก็ส่งให้เราเจริญรุ่งเรือง ร่ำรวย มีโชคลาภ แต่ถ้าเราทำชั่วมา ถึงเวลาก็ทำให้เราตกต่ำ เคราะห์ร้าย ต้องรับในเรื่องที่ไม่ดีต่าง ๆ ที่จะประดังกันเข้ามา
    ช่วงของบุญ ของบาป จะสลับกันมาให้ผล ถ้าบุญขาดช่วงลง บาปก็เข้าแทรก ถ้าหากกำลังบาปอ่อนตัวลง กำลังบุญก็ไล่บาปพ้นไป ความดีก็จะสลับกลับคืนมาใหม่
    บรรดาพราหมณ์ทั้งหลาย เขาเก็บสถิติต่อเนื่องกันมาเป็นพัน ๆ ปี เขาช่างสังเกตว่า คนที่เกิดวันนี้ เวลานี้ ที่ใกล้เคียงกัน ถึงเวลาจะมีผลดีผลร้ายเกิดขึ้นกับเขาเหล่านั้น ในระยะเวลาที่ใกล้เคียงกัน ดีหรือไม่ดีคล้ายคลึงกัน คนที่เกิดใกล้เคียงกัน แสดงว่าทำบุญบาปมาใกล้เคียงกัน ก็เลยสามารถที่จะสรุปลงมาเป็นตำราได้ว่า ดวงชะตาของแต่ละคนเป็นอย่างไร แต่ว่ามีโอกาสผิดพลาดมาก ถูกต้องเต็มที่ได้ไม่เกิน ๘๐ เปอร์เซ็นต์
    แล้วอีกอย่างหนึ่ง ตัวที่ผันแปรดวงชะตาได้ดีที่สุดก็คือ กำลังของความดีสูง ๆ อย่างเช่น ทาน ศีล ภาวนา ถ้าเรามีการให้ทานเป็นปกติ รักษาศีลเป็นปกติ เจริญภาวนาเป็นปกติ ผลของดวงชะตา หรือบุญกรรมในอดีต ส่วนใหญ่ที่เป็นผลบาปที่เราเรียกว่ากรรม ก็จะให้ผลได้ไม่เกิน ๒๕ เปอร์เซ็นต์
    คนประเภทนี้ หมอดูจะทายผิดประจำ เขาเรียกว่า พวกนอกเหตุเหนือผล เกินตำรา
    มีหมอดูอยู่ท่านหนึ่ง เป็นชาวพม่า เก่งมาก ตอนสมัยหลวงพ่ออุตตะมะ ท่านยังบวชเณรอยู่ ท่านให้หมอดูท่านนี้ทำนายดวงชะตา หมอดูทำนายดวงชะตาของหลวงพ่ออุตตะมะแล้วบอกว่า "ของท่านไม่สามารถที่จะทำนายได้" ถามว่า "ทำไม ?" ท่านบอกว่า "ดวงชะตาของท่านเกินตำรา ไม่มีบอกเอาไว้"
    หมอดูจะไปทายอนาคตพระอรหันต์ ...(หัวเราะ)... ใช่ไหม ? ตำราบอกไม่ถึง เพราะว่าหลวงพ่ออุตตะมะตอนหลังท่านเป็นพระดีถึงที่สุดแล้ว ...ตอนนั้นท่านยังเป็นเณรอยู่ แต่ว่าภายหลังท่านปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ จนกระทั่งกลายเป็นพระดีที่สุดไปแล้ว
    หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเคยบอกไว้ว่า หลวงพ่ออุตตะมะเป็นพระวิชชาสาม ในเมื่อเป็นพระดีขนาดนั้น ตำราว่าไม่ถึง เขาก็ยอมรับว่าตำราเขาไม่ถึง แต่เขาดูแม่นจริง ๆ
    ท่านเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วน่าจะมีทิพจักขุญาณมาเสริมด้วย ถ้าลำพังยึดตำราอย่างเดียวคงรู้ได้ไม่ถึงขนาดนี้
    .........................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    ผู้ก่อตั้งสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี
    ........................................
    #รู้ว่าดีก็ทำ #รู้ว่าชั่วก็ละ #ไม่เกาะทั้งดีทั้งชั่ว
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    “พุทโธ เป็นอันดับ๑
    ธัมโม เป็นอันดับ๑
    สังโฆ เป็นอันดับ๑
    สามรัตนะนี้เป็นเอก”
    หลวงตามหาบัว ญานสัมปันโน
    ก่อนละสังขาร ๕ เดือน สุดท้าย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    9NzUHiOkOg-Ve30TuNvT7a_E_RohN02rXH9z4UMnCUz2&_nc_ohc=8p_b-s0jBioAX_Rg4a_&_nc_ht=scontent.fbkk2-5.jpg

    เหล่าโยคี และผู้ปฏิบัติดีทั้งหลาย ผู้ถึงพร้อมด้วยพรหมวิหารและขันติอันเป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง จะอดทนอดกลั้น
    มากกว่าที่จะแสดงออกทางวาจา และกาย อันจะก่อเวร ก่อกรรม ก่อภัย ที่จะสืบต่อเป็นคลื่นออกไปไม่สิ้นสุด

    เมื่อไม่เข้าใจในสิ่งกระทบ คนส่วนมาก จะสาดความพอใจ ไม่พอใจ ออกสู่สิ่งนอกกาย นอกจิตใจตนเองก่อน มากกว่าที่จะพิจารณาว่า ตนได้ทำเหตุอะไรไว้บ้าง อันส่งผลมาให้ตนเดือดร้อนในปัจจุบัน

    เมื่อพิจารณาตนโดยละเอียด ด้วยใจเที่ยงธรรมเป็นกลางแล้ว
    ยังไม่เข้าใจ จะสอบถามด้วยกาย วาจา ใจ ที่มีมิตรไมตรีจริงใจว่า อะไรคือเหตุที่ทำให้เกิดความไม่เข้าใจ เกิดขึ้น

    แต่ถ้าหากผู้วางตัวคล้ายพระอริยะ มีตบะข่มกิเลสไว้ไม่ได้
    แสดงกิริยาด้วยกาย วาจา อันหยาบ สวนทางกับถ้อยคำแห่งอริยะชนที่เคยกล่าวไว้ ก็น่าคิดว่า ถ้อยคำแห่งความเป็นอริยะที่เคยกล่าวมามากมายนั้น เจือปนด้วยกิเลสของตนมากน้อยเพียงใด

    ศีล และ กรรมบถเบื้องต้น เป็นฐานรากปกติแห่งบัณฑิต
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กันยายน 2021
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472

    OCY_tfDJyjtC42GwtKxEWa8bsbAmMsEIb2GvykxXNkKa&_nc_ohc=3V2qQMbyuTMAX-oKkwG&_nc_ht=scontent.fbkk2-3.jpg



    Kuntana Satterrawutหลวงปู่ดู่ หลวงตาม้า อาจารย์ศุภรัตน์


    เปลี่ยนร่างกันพลาด
    เมื่อ พ.ศ. 2530 อาจารย์ศุ

    ภรัตน์พร้อมคณะได้บวชที่วัดพุทธไธศวรรย์ ตำบล สำเภาล่ม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ครั้งนี้เป็นการลาบวช 4เดือน ตามระเบียบของราชการก่อนบวช1วัน อาจารย์ศุภรัตน์ได้พาคณะไปบวชกับหลวงปู่ดู่ ซึ่งท่านบอกว่าท่านบวชนาค ไม่ได้บวชพระ เพราะท่านไม่ใช่อุปัชฌาย์ โดยท่านนำกายทิพย์ของพวกเราไปบวชกับพระพุทธเจ้า หลังจากนั้นอีก1วัน จึงเข้าพิธีอุปสมบทที่พระอุโบสถวัดพุทธไอศวรรย์ ซึ่งเป็นพระอารามที่สมเด็จพระอู่ทองกษัตริย์ องค์เเรกของกรุงศรีอยุธยา ถวายตำหนักเวียงเหล็กที่ประทับของพระองค์ให้เป็นวัด ในพระพุทธศาสนาอุปสมบทเเล้วทุกองค์ พากันตั้งใจภาวนาปฏิบัติ โดยมีญาติโยมบางท่านก็มาปฏิบัติด้วย
    วันหนึ่ง ทางบ้านส่งข่าวมาว่าบิดา อาจารย์ศุภรัตน์ป่วยหนัก เข้าห้องไอซียู อาการน่าเป็นห่วงโอกาสรอดตาย10% ลูกศิษย์ของอาจารย์ศุภรัตน์คนหนึ่งชื่อประเสริฐได้เดินทางไปที่วัดสะเเกเรียนให้หลวงปู่ดู่ท่านทราบว่า " อธิษฐาน เอากายทิพย์ของพ่ออาจารย์ศุภรัตน์ เขามาข้าจะเเผ่เมตตาให้ถ้าบุญดีไม่ถึงคราวก็รอด ถึงคราวก็ไปสวรรค์ เปลี่ยนตัวซะก่อนให้เขามารับบุญไป " ประเสริฐ์ก็เดินทางมาบอกอาจารย์ศุภรัตน์พร้อมพระหลายๆองค์ พากันนั่งสมาธิภาวนาเเผ่เมตตาโดย อ้างเอากุศลที่บวชเรียนส่งกุลศลไปให้บิดา ประกอบกับพระอุปัชฌาย์ ( หลวงพ่อหวล ภูริภัทโท ) ได้ตรวจดูชะตาบอกว่าไม่เป็นไรร่างกาย ขาดธาตุดิน ให้เอาหญ้าเเห้วหมู โบราณเรียกว่า " มุดธรณี " ต้มให้กิน อาจารย์ศุภรัตน์รู้สึกชื้นขึ้น เเต่ก็ไม่วางใจ มีพระลูกศิษย์ที่นั่งมโนมยิทธิ ได้ลงไปที่สำนักพระยายมราช เห็นมีรายชื่ออยู่จึงอธิษฐานขอให้ท่านรอดตายจะสร้างพระให้องค์หนึ่ง อาจารย์ศุภรัตน์รับฟังรายงานทำใจปกติ ตอนเช้าขณะออกบิณฑบาต ได้เเวะเข้าไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล พอเข้าไปเห็นบิดาอาการผิดกับวันก่อน คำเเรกที่ท่านพูดขึ้นคือ ว่า
    เมื่อคืนมีลิง4ตัวจะมารับพ่อ ไป จู่ๆ มีพญาลิงตัวใหญ่เข้ามาพาพ่อหนี โดยขึ้นไปอยู่เจดีย์เเห่งหนึ่งลอยอยู่บนอากาศ พ่อรู้ว่าไม่ใช่อยู่ในเมืองมนุษย์ รอจนลิง4ตัวกลับไป เเล้วท่านจึงพาพ่อลงมาเเละท่านพญาลิง ยังบอกอีกว่าเขาจะมาถึง 7 วันเมื่อเวลาเขามาจะมา พาพ่อขึ้นมาอยู่บนเจดีย์จนกว่าจะพ้นอันตรายพ่อคงไม่เป็นไรเเล้ว " พวกที่เขาไปเยี่ยม ฟังกันอย่างประหลาดใจ บิดาอาจารย์ศุภรรัตน์ยังสำทับอีกว่า " จริงๆ นะไม่ได้เพ้อเพราะพิษไข้ อีก 7 วัน พ่อก็รอดตาย "
    เจ็ดวันผ่านไปอาการของบิดาอาจารย์ศุภรัตน์ก็ดีขึ้นตามลำดับจนปกติกลับบ้านได้ ต่อมาอีก2ปีครั้งนี้เข้าโรงพยาบาลอาการหนัก เเพทย์ตรวจพบเป็นมะเร็งลำไส้การรักษาก็เป็นไปตามอาการ โดยไปอยู่โรงพยาบาลรามาเกือบ2เดือน ในที่สุดเเพทย์บอกให้กลับบ้านได้ คือให้มาตายที่บ้านดีกว่า บิดาก็รบเร้าอยากกลับมาอยู่ที่บ้านพักในวิทยาเขตมากกว่า จะอยู่ที่บ้านฝั่งธน อาจารย์ศุภรัตน์ได้นำท่านกลับมาโดยมีผู้มาดูเเลทั้งพยาบาล เเละลูกศิษย์คอยช่วยเหลือไม่ให้ทรมาน จนวันหนึ่งอาจารย์ศุภรัตน์ได้ไปนมัสการหลวงปู่ ที่วัดพร้อมกราบเรียนท่านว่า " ผมคิดว่าพ่อ คงอยู่ไม่เกิน วันเพ็ญ เดือนสิบสองนี้ครับ หลวงปู่ท่านตอบว่า ไม่เป็นไรหรอก ถึงเวลาใครก็ห้ามไม่ได้ เรามาช่วยกันดีกว่าเรียกพ่อเเก่มารับบุญ เปลี่ยนเครื่องเเต่งตัวให้เรียบร้อยถึงเวลา จะได้ไม่พลาดอย่างไรก็ไปกับบุญกุศล " อาจารย์ ศุภรรัตน์ซาบซึ้งในพระคุณหลวงปู่ดู่ตั้งเเต่ครั้งที่ช่วยบิดาเมื่อป่วย ครั้งนี้ท่านช่วยส่งเคราะห์ให้ไปดี คือ สู่สุคติภูมิ
    เเล้ววันนั้นก็มาถึง เสียงพยาบาลบอกว่า บิดาเกิดอาการขาดออกซิเจนในเลือด อาจารย์ศุภรรัตน์เเละมารดารีบเข้าไปดูพอดีมีคนนั่งสมาธิได้4คน พยาบาล2คนจับชีพจร ซ้ายขวา อาจารย์ขวัญเดือนอยู่ที่วิทยาเขตพาณิชย์จับเท้าซ้าย มารดาจับเท้าขวาทุกคนตั้งสติทำจิต อาจารย์ศุภรัตน์ยืนอยู่มองหน้าบิดาเเล้วถามว่า " พ่อเห็นหลวงปู่ดู่ หรือเปล่า " บิดาอาจารย์ศุภรัตน์ซึ่งขณะนี้พูดไม่ได้ เเต่มีสติดีพยักหน้า อาจารย์ศุภรัตน์รีบบอกว่า " ไม่ต้องห่วงใครไปกับหลวงปู่ดู่ ท่านมาพาไปเเล้ว "
    บิดาอาจารย์ศุภรัตน์หลับตาไม่มีเสียงกระตุกอะไร ค่อยๆสิ้นลม พยาบาลบอกว่าไม่รู้ว่าไปตั้งเเต่ตอนไหนเพราะชีพจรละเอียดมากเห็นเเต่งตัวสวยงาม
    คืนนั้นอาจารย์ศุภรัตน์ได้ไปกราบเรียนหลวงปู่ท่านบอกว่า " เออไปดีเเล้ว โมทนาสาธุเเกจะช่วยใครก็ทำเเบบที่ข้าสอนน่ะเเหละจำไว้ได้บุญช่วยเวลาเป็นก็ได้ เวลาจะไปก็ดี ศัตรูหรือมิตรก็ได้ เป็นวิชาพระพุทธเจ้า " อาจารย์ศุภรัตน์ดีใจที่ตอนบิดามีชีวิตได้ตอบเเทนทางการเลี้ยงดู เเต่ครั้งนี้ถือเป็นการตอบเเทนที่สำคัญที่สุดในชีวิต
     
  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    ขอน้อมกราบ พระมหาเถราจารย์
    ไห่เสี้ยน วัดไหลผ่อซื่อ มณฑลเหอหนาน
    สาธารณรัฐประชาชนจีน
    หลังจากท่านดับขันธ์ถอดจิต
    ในท่านั่งสมาธิภาวนา
    ปรากฏการณ์ เหนือธรรมชาติ
    สรีระ สังขารท่าน ไม่เน่าเปื่อย
    แถมมีเส้นผม
    เล็บมือ เล็บเท้า งอกออกมา อยู่ตลอดเวลาดั่งมีชีวิต เป็นเรื่องอัศจรรย์ เหนือโลก แต่ในพุทธศาสนามหายาน รู้ว่าท่านเป็น พระหลุดพ้นสำเร็จ
    "อา มี ทอ ฝ่อ"
    RJECk3VDKLnuxYNC8G-KZjK1aq9063oHRHnIegaE0vQu&_nc_ohc=A7fIGHyi2J8AX_uv4j6&_nc_ht=scontent.fbkk2-8.jpg

    Z5_Ej3I0uTS4tOGs48gVk0hzs3wGqu4bZXdb9_eE4FHY&_nc_ohc=87u54qVw9NgAX-2Ewj4&_nc_ht=scontent.fbkk2-4.jpg
    UzHkKkm8Nq70HiwvMsQBhph8xPNGSrZJhRvXZwyoc3Ca&_nc_ohc=SzTlkzxi05EAX_4M352&_nc_ht=scontent.fbkk2-6.jpg
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    คนที่ทำเพื่อประโยชน์ของคนหมู่มาก จะไม่ให้ความรักความชังหรืออารมณ์ส่วนตัวมาอยู่เหนือกว่าประโยชน์ของส่วนรวม
    อย่างนิยายจีนเรื่อง แส้สะบัดเลือด พระเอกกับตัวละครตัวหนึ่งที่มีนิสัยกึ่ง ๆ ตัวโกง จะสู้กันทุก ๓ ปี โดยตัวละครที่มีนิสัยกึ่งตัวโกงนี้เขามีฉายาว่าขงเบ้งพิษ เป็นระดับสุดยอดฝีมือเลย ๓ ปีดวลกันครั้งหนึ่ง แต่ไม่เคยชนะพระเอก ไม่ว่าจะวางแผนมาอย่างไรพระเอกก็แก้ได้หมด จนเขาเองก็แปลกใจว่า เขามีฉายาว่าขงเบ้งนะ พระเอกฉลาดกว่าหรืออย่างไร ?
    ความจริงก็คือพระเอกเป็นหัวหน้าพรรค มีลูกน้อง ๓๐๐ กว่าคน ส่วนขงเบ้งพิษเป็นคนโดดเดี่ยว กึ่งธรรมะกึ่งอธรรม พระเอกเขาเฉลยว่า บุคคลที่ต้องคิดแทนผู้อื่น ๓๐๐ กว่าคน กับบุคคลที่คิดแค่คนเดียว บุคคลที่คิดแทนคนอื่นอย่างไรก็รอบคอบกว่า กำลังใจเหนือกว่ากันเยอะ"
    ถาม : ระหว่างคนที่มีกำลังใจเมตตาผู้อื่น กับคนที่ไม่เมตตา ?
    ตอบ : คนที่เมตตาผู้อื่น มุมมองของชีวิตจะกว้างกว่า สามารถที่จะเห็นชัดเจนเลยว่า สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ได้ทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อตัวเอง รัก โลภ โกรธ หลง จึงน้อยลง โอกาสที่จะหลุดพ้นก็มีมากขึ้น แต่ถ้ากอบโกยเพื่อตัวเอง จิตใจคับแคบ เต็มไปด้วยรัก โลภ โกรธ หลง ก็หลุดพ้นยากขึ้น
    ...................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com
    ขอขอบคุณภาพจาก คุณ A'tist Toon
    paESygOCwpsEfvQ_56nc_xyPRW2wCJVFTexEWHOe6-T&_nc_ohc=L_WfYaWmyK0AX9IePVv&_nc_ht=scontent.fbkk22-6.jpg
     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    "วางแผนจะมาฆ่าเรานี่ เราสลดสังเวชจริงๆ นะ"


    หลวงตามหาบัวกล่าวกับศิษยานุศิษย์ ท่ามกลางสถานการณ์ตึงเครียด ในกรณีค้านพระราชบัญญัติสงฆ์ เมื่อปี พ.ศ.2545
    ร่มกาสาวพัสตร์งามอร่ามเรือง แต่โบราณกาลสืบมา เมื่อใครต้องการหนีภัยบ้านภัยเมือง มักหลบเข้าอุปสมบท แล้วศึกษาพระธรรมไปด้วยพร้อมๆ กัน ประเพณีแบบนี้ มิเพียงปรากฏในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยรัตนโกสินทร์ ก็เกิดเช่นกัน
    แต่หลวงตามหาบัวหาเป็นเช่นนั้นไม่ ท่านบวชและศึกษาจนจบนักธรรมเอก และพระปริยัติธรรม จนได้เปรียญธรรม 3 ประโยค ชาวบ้านเรียกท่านว่า "มหา" แล้ว กลับมีคนปองร้ายขนาดจะฆ่าในผ้าเหลือง
    เมื่อท่านทราบ ท่านพูดกับศิษย์ว่า
    "ความกล้าเราไม่มี ความกลัวเราไม่มี ความได้เปรียบเสียเปรียบเราไม่มี ความแพ้ความชนะเราไม่มี มีแต่ความเมตตาสงสารโลก สอนอรรถสอนธรรมไปตามความผิดถูก ชั่วดีของผู้กระทำ เราสอนไปอย่างงั้นๆ อย่างไม่มีอะไรกับใคร ในโลกอันนี้ สอนด้วยความเมตตาล้วนๆ"
    ความเมตตาของท่าน ย่อมไม่มีใครคาดคิดว่า ผลตอบแทนกลับมาจะเป็นการฆ่าท่านให้มรณภาพไป คล้ายท่านรู้ตัวคนจะทำ จึงบอกกับศิษย์ว่า
    "สะเทือนใจคือว่า ผู้หวังจะเป็นใหญ่เป็นโต ปกครองทั้งชาติศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง ทำไมดำเนินการจึงต้องตีราบฆ่าราบ ปราบราบ ฟันราบ เพื่อครองบ้านครองเมืองในนามของพระ เพศของพระ ดูไม่ได้เลยนะ"
    ท่านสรุปว่า
    "เขาต้องการเป็นใหญ่เป็นโต เรื่องสกปรก อำนาจสกปรกของทางบ้านทางเมืองเขา"
    สถานการณ์ในช่วงปี พ.ศ.2545 นั้น นอกจากมีเสียงต่อต้าน คัดค้านพ.ร.บ.สงฆ์ จากพระสงฆ์ และฆราวาสบางส่วนแล้ว ยังมีการรวมตัวของพระภิกษุสงฆ์กว่า 5,000 รูป เพื่อคัดค้านอย่างเป็นรูปธรรม โดยนัดชุมนุมกันที่วัดอโศการาม จังหวัดสมุทรปราการ
    ภาพเหตุการณ์นั้น หลวงตาเล่าว่า "เห็นพระเต็มวัด พิลึกจริงๆนะ มองไปทางไหนนี่พระเต็มแน่นไปหมดเลย พระเป็นหมื่นเป็นแสนขึ้นไป รถมากหาที่จอดไม่ได้ มีทุกประเภท วัดอโศการามเป็นทะเลรถหาทางเดินไม่ได้"
    หลวงตามหาบัวออกโรงค้าน พ.ร.บ.สงฆ์ อย่างเต็มกำลังสามารถ
    ถึงกับออกจดหมายจากวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ส่งตรงถึงนายก รัฐมนตรีให้...
    "กรุณาทบทวน การเสนอร่างพระราชบัญญัติสงฆ์ฉบับใหม่"
    จดหมายนี้ ออกจากวัดเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2545 เนื้อความนั้นแจกแจงว่า พ.ร.บ.ดังกล่าว
    "ขัดแย้งกับพระธรรมวินัย อาทิ มีการรวบอำนาจการบริหารคณะสงฆ์ไว้ที่บุคคลและคณะบุคคลอย่างเบ็ดเสร็จ และมีการกำหนดให้สำนักพระพุทธศาสนาอยู่ในบังคับบัญชา และขึ้นตรงต่อบุคคลเพียงคนเดียว" เป็นต้น
    หลวงตาแสดงธรรมทัศนะว่า "จักไม่บังเกิดผลดีแก่พระพุทธศาสนา"
    จึงให้
    "กรุณาทบทวน และดำเนินการแก้ไขร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ให้บังเกิดความชอบธรรมแก่สงฆ์ทั้งปวง"
    แล้วยังแสดงธรรมทัศนะ ให้ศิษย์ฟังตามมาอีกว่า
    "อะไรจะมาทำลายนี้ทำไม่ได้ เรารักษาสุดหัวใจเราแล้ว รักษาธรรมนี่นะ ยังจะมาทำลายเหรอ...พระสงฆ์มีความเสียหายตรงไหนจึงต้องมาตั้งพระราชบัญญัติปกครองท่าน"
    หลังหลวงตาออกโรงค้านสุดตัว ทำให้มีข่าวลอบฆ่ากระแสข่าวใช่เพียงคำเล่าขาน แต่มีเรื่องราวที่เป็นรูปธรรม ดังปรากฏเป็นหัวข่าวรองในหนังสือพิมพ์ว่า
    "จับปริญญาโท วางยามหาบัว"
    แล้วมีตัวโปรยตามมาอีกว่า
    "แม่ครัวส่งตรวจมีสารพิษ ตำรวจตามรวบหนุ่มปริญญาโท"
    คดีความที่เกิดขึ้นนั้น เป็นข่าวสะเทือนใจพุทธศาสนิกชนโดยทั่วไป
    เรื่องราวจากปากคำหลวงตามหาบัว ท่านเล่าเรื่องการมุ่งร้ายของคนบางกลุ่ม ให้ศิษย์ฟังว่า
    "เป็นฆราวาสนุ่งห่มผ้าเหลืองมา ปลอมเป็นพระมา จะเข้ามาหาเรา เขาไม่ให้เข้า บางครั้งเป็นพระจริงๆมาก็มี จะแฝงมาหาเรา"
    ท่านให้รายละเอียดอีกว่า "มันมีอะไรอยู่ในตัวของมันนั้น ถ้าลงได้ตั้งหน้าเข้ามาอย่างนั้นแล้ว คือข้าศึกศัตรูมันจะมาหาเรา มันมีปืนหรือยาพิษ หรือมีอะไรก็แล้วแต่ มันจะเอาไปด้วยนั่นนะ"
    ท่านบอกเติมอีกว่า มีพระภิกษุสงฆ์แฝงมาเรื่อยๆ ไม่ว่าท่านจะไปแห่งหนตำบลใดก็มีการแทรกเข้ามาใกล้ นอกจากนั้น ยังมีใบปลิวโจมตีท่านอีก แต่ทั้งหลายทั้งปวงนั้น ท่านก็ไม่ได้หวั่นไหว
    แม้จะอยู่ในกลางเกาะหนาม อยู่กลางฟืนกลางไฟ อย่างที่ญาติโยมทราบโดยทั่วกัน แต่หลวงตาแล้ว
    "ไม่มีอะไร ใครจะมาฆ่าก็ฆ่าสิ ถ้าเขาไม่ฆ่ามันก็จะตายอยู่แล้ว แน่ะ มันก็เท่านั้น"
    นั่นเป็นการฆ่าทางรูปธรรม เป็นการฆ่าในทางโลก ในแง่ทางธรรมแล้ว ท่านท้าทายว่า
    "จิตของเราฆ่าได้ไหม ธรรมของเราฆ่าได้ไหม"
    คล้ายยืนยันอย่างแน่วแน่ว่า ถ้าฆ่าได้ก็แต่เพียงกาย จิตใจที่รักษาธรรมนั้น มิอาจฆ่าได้ พร้อมบอกว่า ท่านพยายามช่วยบ้านเมือง เพราะบ้านเมืองอยู่ในสภาพที่ศัตรูล้อมหน้าล้อมหลัง จนแทบมองไม่เห็นตัวเราเองอยู่แล้ว นั่นคือทั้งภาระหนี้สินของประเทศชาติ และภัยต่างๆของชาติที่รุกคืบเข้ามา
    ดังนั้นเมื่อมีข่าวฆ่าท่านอย่างไร ท่านก็มั่นอยู่ในอุเบกขา
    "เราเฉย เราไม่สนใจกับอะไร เราจะทำประโยชน์ให้โลก ตายเมื่อไรก็พอใจที่จะตาย" หลวงตายืนยัน
    แล้วประกาศว่า
    "เรียนพี่น้องทั้งหลายทราบ แม้เขาจะมาจับแขนหลวงตาบัวจูงไปนี่นะ ไปฆ่าหลวงตาบัวต่อหน้าต่อตาคนทั้งแผ่นดินไทย หลวงตาบัวก็ไม่มีอะไรกับใคร ก็มีร่างกายที่ถูกฆ่า ถูกฟันลงไป ตามธาตุตามขันธ์เท่านั้น"
    ส่วนใจนั้น
    "เราไม่มีอะไร แต่เรื่องของโลกมีนั่น เราจึงได้เกิดความสลดสังเวชนะ"
    แล้วยังมีคำถามว่า
    "ถ้าเอาผู้ทำประโยชน์ให้โลกมาฆ่าเสีย เหลือเอาไว้แต่ผู้ที่จะเอาไฟเผาโลก ท่านทั้งหลายฟังได้ไหม"
    คำถามของท่าน ไม่จำเป็นต้องตอบ เพราะมีนัยบอกอยู่แล้ว
    หลวงตามหาบัว พระผู้ทำประโยชน์ให้กับโลก เมื่อแยกจิตออกจากสังขารไป ศิษยานุศิษย์ และพุทธศาสนิกชนต่างทยอยเข้าวัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานีอย่างไม่ขาดสาย
    ด้วยบารมีธรรมของท่านทำให้พระภิกษุสงฆ์ทั่วสารทิศ และจากประเทศต่างๆ ทยอยเข้าร่วมกราบนมัสการ พร้อมๆกันนั้น เงินและทองเพื่อเติมจำนวนไว้ช่วยชาตินั้น นับวันยิ่งยอดพุ่งทะยาน
    วัดป่าบ้านตาด ชื่อวัดอย่างเป็นทางการคือ วัดเกสรศีลคุณ สร้างเมื่อ พ.ศ.2498 เพื่อตอบแทนคุณโยมแม่ของหลวงตามหาบัว อารามนี้มีเนื้อที่กว่า 160 ไร่ เต็มไปด้วยร่มเงาแมกไม้ กุฏิ และสิ่งก่อสร้างอันเอื้อให้เจริญศีลภาวนา ละวางกิเลส
    ท่านปรารภกับศิษยานุศิษย์เสมอๆว่า วัดแห่งนี้ไม่ได้เอื้อให้คนมาบ่มเพาะกิเลสจึงไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆมากมายเหมือนวัดอื่นๆ
    ในอดีตเมื่อแสงอรุณอุ่นอ่อน หลวงตามหาบัวจะอุ้มบาตร เดินออกจากวัดไปบิณฑบาตโปรดญาติโยม เมื่อวารและวัยผ่านเลยไป ทำให้สังขารของท่านเสื่อมลง แล้วดับไปตามกฎอนิจจัง เป็นไปตามคำของหลวงตาที่เคยพูดไว้ทุกประการ
    "ไม่มีอะไร ใครจะมาฆ่าก็ฆ่าสิ ถ้าเขาไม่ฆ่า มันก็จะตายอยู่แล้ว แน่ะ มันก็เท่านั้น"
    ข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์.เมื่อหลวงตามหาบัว จะถูกฆ่าในผ้าเหลือง.ลงเมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2554 05:00 น.
    paqWeE5Bm9U0EMyb61XPcG3sSBFlrAmdvwtPJgVAMAA&_nc_ohc=D8Vuhe6XGzIAX_XZpxd&_nc_ht=scontent.fbkk22-6.jpg
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    เมื่อได้รับการเพาะบ่มด้วยอริยมรรคมีองค์ ๘
    ด้วยสติปัฏฐาน ๔
    เรียกว่า ปลุกพุทธสภาวะขึ้นมา สภาวะรู้ขึ้นมา
    จนเกิดสภาวะ ตื่นรู้ขึ้นมา
    สติมีความตั้งมั่น
    ก็เหมือนสภาวะตื่นรู้
    เหมือนดอกบัวที่มันตูมเต็มที่
    ฐานจิตตั้งมั่น ตื่นอยู่
    เมื่อถึงจุดหนึ่งมันย่อมผลิบานโดยธรรมชาติ
    รู้ตื่น เบิกบาน ก็คือ สภาวธรรม
    จากสัมมาสมาธิ ความตั้งมั่นที่ถูกต้อง
    ก็จะส่งให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “สัมมาญาณ”
    การรู้เห็นตามความเป็นจริง
    ภาษาพระท่านเรียกว่า ยถาภูตญาณทัสสนะ
    การรู้เห็นตามความเป็นจริง
    หรือ ธรรมจักษุ นั่นแหละ
    สัมมาญาณก็ดี สัมมาญาณ
    ก็คือ #วิปัสสนาญาณ ญาณรู้ตามความเป็นจริง
    บางทีพระพุทธองค์ ก็เรียกว่าเป็น สัมมาทิฏฐิ อันเป็นโลกุตระ
    ........................
    ธรรมบรรยาย
    โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร

    =AZUiXqLb-Jp_DS8uq2Lp4jd5ZcFCU0OP0y9SPX6yp4wKoVvfVytAkfnVqKa5cerTQ_IDUPRSAj1IqlH3UraPvsV5eE9qWzuN5XAR6k2ZxXGXxmYxJyIjjiIXZ9xwDcPD0B2QIagtP9iKg6vyUIesuTj8m0SrWr1p0LinDaU_KQuHB4iKIjOI8LbiHgAmndR3uDw&__tn__=EH-R'] jjjZF6pWApib0-08mFhnJxmCWt-op_T53GlQYAPyxbmr&_nc_ohc=pgxTOEJa5_sAX_9nziO&_nc_ht=scontent.fbkk2-4.jpg
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    mYi_NsFunO3PqKI1lLOdkQ8s&_nc_ohc=PuSjnv62aNIAX8sVMb-&tn=32SMgKculfo9F24p&_nc_ht=scontent.fbkk2-3.jpg
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    '#หน้าที่ที่แท้จริงของลูกหลานหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง'
    1f498.png ถาม : #ลูกศิษย์สายหลวงพ่อวัดท่าซุงที่ลงมาเกิด นอกจากมีหน้าที่ปฏิบัติเพื่อมรรคผลของตนเองแล้ว "ยังมีหน้าที่อื่นติดตามมาด้วยหรือไม่คะ ?
    1f497.png ตอบ : ๑. เพื่อเกื้อกูลพระศาสนา
    ๒.#เพื่อแบ่งเบาภารกิจการงานของหลวงพ่อ
    ๓."เพื่อมรรคผลพระนิพพานของตนเอง ใครรู้ตัวว่าทำไม่ครบก็รีบทำเสียให้ครบ
    1f498.png ถาม : #ที่บอกว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านทำหน้าที่รักษาการณ์พระศาสนา คำว่า “รักษาการณ์พระศาสนา” หมายความว่าอะไรครับ ?
    1f497.png ตอบ : สรุปง่าย ๆ #ว่าทำหน้าที่แทนพระพุทธเจ้าเช่นทางโลกเราอาจจะมีพระสังฆราช "แต่บุคคลที่ท่านมอบหมายให้ทำหน้าที่แทนจะเป็นใครก็อีกเรื่องหนึ่ง
    1f498.png ถาม : วัดท่าขนุุนไม่มีหรือครับ ?
    1f497.png ตอบ : มี..#แต่พวกบรรดาที่จบเกินด็อกเตอร์อยู่ในวัดท่าซุงหมด คือ พวกเกินด็อกเตอร์นี่ต้องเทวดาระดับมหาอำมาตย์ขึ้นไป" เฉพาะระดับนั้นมีอยู่ ๔ ท่าน แล้วพวกระดับด็อกเตอร์มีอยู่ ๒,๐๐๐ #คุณลองคิดดูว่าทั้งวัดมีเท่าไร ? นั่นแค่ระดับนั้น แล้วที่ต่ำกว่านั้นมีอีกเท่าไร ?
    ปกติพวกระดับเกินด็อกเตอร์นี่ ท่านดูแลกันทีครึ่งค่อนโลก #แต่นี่เหมาวัดท่าซุงที่เดียวสี่ราย "ท่านไปดูแลท่าซุงเพราะ"เป็นสถานที่สำคัญและ #มีพระสำคัญอย่างหลวงพ่อท่านอยู่ด้วย ก็เลยจำเป็นต้องให้การดูแลถึงขนาดนั้น
    มีสิ่งหนึ่งที่พูดไปแล้ว คนทั่วไปจะรับได้หรือเปล่า ? ก็คือ #หลวงพ่อวัดท่าซุงตอนนั้นท่านรั้งตำแหน่งผู้รักษาการณ์พระพุทธศาสนา ตำแหน่งนี้หลวงพ่อท่านต้องรับไปถึง พ.ศ. ๒๕๗๗ เพราะฉะนั้น..#งานนี้ท่านยังเลิกไม่ได้จนกว่าจะถึง พ.ศ. ๒๕๗๗
    1f49a.png #ช่วงนั้นบรรดาพระที่ท่านเป็นตั้งแต่วิชชาสามขึ้นไป 1f496.png ถ้าจะนิพพาน #ท่านจะต้องมากราบลาหลวงพ่อด้วย เพราะพระที่ท่านได้"วิชชาสาม อภิญญาหก"หรือปฏิสัมภิทาญาณ "ท่านจะรู้ว่าใครเป็นใคร #เรื่องอย่างนี้พูดไปคนภายนอกเขาจะหาว่าบ้า เขารับไม่ได้หรอก สำหรับพวกเรานี่บ้าอยู่แล้ว ถึงบอกไปก็ไม่เป็นไร
    จริง ๆ แล้วงานทุกอย่างก็เหมือนกัน #ในโลกของความเป็นทิพย์เขาไม่ได้แบ่งแยกเขตแดนเหมือนโลกมนุษย์ "เขาแบ่งเป็นภพภูมิ ฉะนั้น..ความหยาบละเอียดจึงต่างกัน "เขาเห็นชัดว่าใครเป็นใคร "อย่างเรานี่เห็นหน้าแต่ก็ไม่รู้จักใจ
    1f498.png ถาม : หลวงพ่อฤๅษีก็เมตตาผมหลายอย่างเหมือนกันครับ
    1f497.png ตอบ : #ใครก็ตามที่ทำงานเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา "หรือว่าตั้งใจปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น ท่านจำเป็นต้องสนับสนุน #เพราะว่าปัจจุบันนี้ท่านทำหน้าที่รักษาการณ์พระพุทธศาสนาอยู่ "จะบอกว่าเป็นองค์แทนพระพุทธเจ้าก็ได้ กว่าท่านจะพ้นหน้าที่นี้ยังเหลืออีก ๒๒ ปีเต็ม ๆ
    #สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่พระที่ท่านรู้เรื่องเหล่านี้ "จะมากราบลาหลวงพ่อเพื่อขอไปพระนิพพาน #เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราพูดกันได้ แต่ว่าคนที่ไม่เข้าใจเขาก็หาว่าเราปั้นเรื่องขึ้นมาเชิดชูครูบาอาจารย์
    1f498.png ถาม : ในพื้นที่ต่าง ๆ บนโลก การจะสื่อสารกันได้ ต้องให้บริเวณพื้นที่นั้นรับรู้และตกลงก่อน
    1f497.png ตอบ : โดยมารยาท ไปที่ไหนก็ตามต้องบอกเจ้าของที่ก่อน หลังจากเจ้าของที่เขาตกลงไม่ขัดคอ ทุกอย่างก็จะเรียบง่าย สะดวกสบาย คล่องตัว ถ้าเขาไม่เห็นด้วยเราก็จะสะดุดหัวทิ่มหัวตำ
    1f498.png ถาม : พระส่วนใหญ่มักจะทราบใช่ไหมครับ ?
    1f497.png ตอบ : #ถ้าพระที่ได้ตั้งแต่วิชชาสามขึ้นไปมักจะทราบ เรื่องนี้ถ้าไปพูดวัดแถว ๆ ปทุมฯ เขาไม่ยอมนะ เขามั่นใจว่าต้องเป็นอาจารย์เขา
    หลังจากมีการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๒ มีการแตกออกเป็นมหายาน เถรวาท และนิกายต่าง ๆ รวมแล้ว ๑๐ กว่านิกาย มาดูในปัจจุบันบ้านเรา ถ้าเอาคำว่านิกายห้อยท้ายไปจะเห็นชัดเลย อย่างเช่น "นิกายสันติอโศก "นิกายธรรมกาย เพราะว่ามีวัตรปฏิบัติที่ต่างจากคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ได้ไปด้วยกับคนอื่นเขา
    #ถ้าไปศึกษาดูคำสอนของเขา เป็นคำสอนที่จะดึงคนให้สร้างประโยชน์ให้กับเขาให้มากที่สุด เช่น ในเรื่องของสวรรค์ ๖ ชั้น เขาบอกว่าบุคคลที่จะไปสวรรค์"ชั้นจาตุมหาราชจะต้องทำทานประมาณนั้นประมาณนี้ "ไปชั้นดาวดึงส์ต้องทำทานให้ยิ่งขึ้นกว่า "ไปชั้นยามาต้องทำทานยิ่งกว่าดาวดึงส์ "ไปชั้นดุสิตต้องทำทานยิ่งกว่ายามา เพิ่มไปเรื่อย #สรุปว่าเน้นตรงทานอย่างเดียวเพื่อให้บริวารสร้างทานเยอะ ๆ แล้วพวกทานนั้นก็จะส่งผลคือความสุขความสบายของพวกเขา
    "ตรงจุดนี้พอนาน ๆ ไปบรรดาท่านที่ศรัทธาก็จะเชื่อถือและยึดมั่น #คำสอนนี้ก็จะเป็นอาจาริยวาท "ก็คือยึดมั่นในคำสอนของอาจารย์ เรื่องของอาจาริยวาทนี่แหละที่ทำให้บรรดามหายานก็ดี เถรวาทก็ดี แตกออกเป็นสารพัดสาย เป็นนิกายนั้นนิกายนี้เต็มไปหมด
    1f498.png ถาม : เรียกว่าลัทธิได้ไหมครับ ?
    1f497.png ตอบ : อยู่ที่เราจะเรียกหรือไม่ จะลัทธิหรือนิกายเราก็จะเห็นว่าต่าง ในเมื่อเราเห็นต่างคนอื่นเขาก็ต้องเห็นด้วย เพียงแต่ว่าคนอื่นเขาเห็นแล้วจะพูดหรือเปล่า ? #เป็นที่น่าเสียดายว่าธรรมกายของหลวงพ่อวัดปากน้ำท่านสอนถึงพระนิพพาน "แต่วัดธรรมกายที่มีผู้คนนับถือมากที่สุดในประเทศไทยช่วงนี้สอนแค่ดุสิตบุรี
    1f498.png ถาม : แล้วจะไปได้จริงไหมครับ ?
    1f497.png ตอบ : ก็ต้องดูว่ามุ่งมั่นจริงหรือเปล่า ? สมัยก่อนเพื่อนหลายคนก็เข้าไปคลุกอยู่ในนั้น #แล้วก็อธิษฐานขอถึงซึ่งพระนิพพานในอนาคตกาลเบื้องหน้า 1f49b.png ก็เลยถามว่าแล้วทำไมคุณไม่ขอให้ไปได้ชาตินี้เลย มักจะได้ยินคำถามย้อนกลับมาว่า “#พระนิพพานไปชาตินี้ได้ด้วยหรือ ?” ก็ต้องบอกว่าถ้ากำลังใจพอก็ไปได้ ถ้ากำลังใจไม่พอก็ไปไม่ได้
    1f498.png ถาม : อย่างนั้นเป็นมานะใช่ไหมครับ ?
    1f497.png ตอบ : ไม่ใช่มานะ #เป็นมิจฉาทิฐิหนักกว่ามานะหลายล้านเท่า "มิจฉาทิฐิคือความเห็นผิด เป็นที่น่าเสียดาย ก่อนหน้านี้มีอาจารย์ที่สอนว่าสวรรค์ไม่มี นรกไม่มี พระนิพพานสูญ #ท้ายสุดพอท่านตายก็ลงเลยอเวจีไปอีก พอมาเจอสอนลักษณะอย่างนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะไปทางไหน คงต้องรอดูกันต่อไป
    1f496.png พระครูวิลาศกาญจนธรรม 1f497.png
    หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    วัดท่าขนุน จังหวัดกาญจนบุรี
    YMGELzu_dMViVK4O8aJ6Wjrd5MS1OFQIrNECsERMlnn&_nc_ohc=EmN1Fl8eDtUAX-AndlX&_nc_ht=scontent.fbkk22-3.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    -e0b88ae0b8b1e0b894e0b980e0b888e0b899-e0b897e0b8b3e0b984e0b8a1e0b895e0b989e0b8ade0b887e0b8a1-jpg.jpg


    ทำไมต้องมี ม.112 ! ผมขออธิบายดังนี้ครับ…

    กฎหมาย มาตรา 112 มีไว้เพื่อปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่นเดียวกับที่ประชาชนทั่วไปมีกฎหมายหมิ่นประมาทคุ้มครอง

    ในหลายต่อหลายครั้งที่สถาบันพระมหากษัตริย์ถูกหยิบยก ถูกเชื่อมโยง ถูกพาดพิง หรือ ถูกกล่าวหาว่าร้ายในกรณีต่าง ๆ โดยเฉพาะในเวทีชุมนุมที่ผ่านมา

    ใช่ครับ เรา “ได้ยิน ได้เห็น” เรื่องนี้กันบ่อยมากขึ้น หากเปรียบเทียบให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นบุคคล นั่นหมายความว่าบุคคลนั้นได้ถูกล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลนั่นเอง แต่ในกรณีของพระมหากษัตริย์ท่านไม่ฟ้องร้องด้วยพระองค์เอง !!! กฏหมายนี้จึงมีไว้เพื่อปกป้องสถาบัน

    ในส่วนของภาคประชาชนทั่วไปเรามีกฎหมายอาญาหมิ่นประมาทคุ้มครองตาม มาตรา 326 ซึ่งได้ระบุไว้ว่า

    “ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

    ผมขอยกตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง ในฐานะประชาชนชาวไทยคนหนึ่ง โดยในวันนี้ วันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2564 ผม นายเขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์ ได้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดกฎหมาย มาตรา 112 โดยการบิดเบือน ตัดต่อ และสร้างข้อความอันเป็นเท็จ รวมถึงมีผู้เสียหายอยู่ในนั้นทั้งหมด 4 ท่าน

    1. ศ.ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์
    2. ศ.พญ. จิรพร เหล่าธรรมทัศน์
    3. น.ส.จุฑาฑัตต เหล่าธรรมทัศน์
    4. นาย เขตรัฐ เหล่าธรรมทัศน์

    โดยการแจ้งความนี้มีเนื้อหาที่ว่า ได้มีผู้ไม่หวังดีนำรูปของผู้เสียหายทั้ง 4 ท่านไปดัดแปลง แต่งเติม สร้างสีสันคอนเทนท์ต่าง ๆนานา โดยที่พวกเราทั้ง 4 คน ไม่ได้รับรู้ หรือ ยินยอมให้นำรูปของตนเองไปใช้เพื่อการกระทำอันมิบังควรเป็นอย่างยิ่ง

    ดังนั้นเรามีกฎหมายที่คุ้มครองประชาชนแล้วเราถึงจำเป็นต้องมี ม. 112 ที่ทำหน้าที่ปกป้องพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จากการถูกให้ร้ายโดยไม่มีมูลเพราะประเทศไทยของเรานั้นปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขดั่งที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

    สำหรับการดำเนินคดีความของผมในวันนี้ ที่ผมได้ไปแจ้งความนั้นผมไม่ได้ทำในฐานะ ส.ส. แต่ผมกระทำในฐานะประชาชนคนไทย และมนุษย์ผู้หนึ่งที่ทำเพื่อความถูกต้อง

    #ให้มันสงบที่รุ่นเรา

    ขอขอบคุณที่มา
    https://www.thaipost.net/main/detail/113093
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,417
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,122
    ค่าพลัง:
    +70,472
    - ผู้ประทุษร้ายหรือทำลายผู้ที่มีคุณความดีมากๆ ย่อมมีทุคคติภูมิเป็นที่หวัง.


    1f48e.png ผู้มีปกติประพฤติชั่วร้าย ด้วยกิริยา วาจา และด้วยอัธยาศัยใจคอที่หยาบคาย ก้าวร้าว ดูหมิ่นดูแคลน ล่วงเกินต่อผู้อื่นเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กระทำต่อผู้ใหญ่โดยชาติวุฒิ โดยวัยวุฒิ และโดยคุณวุฒิ ผู้ทรงศีล ทรงธรรม หรือผู้ประทุษร้าย/ผู้ทำลายพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ผู้ไม่ประทุษร้ายตอบ ย่อมได้รับผลเป็นวิบากที่ไม่ดี ที่ไม่น่าปรารถนา(#อนิฏฐวิบาก) อย่างรุนแรง ตามระดับแห่งคุณธรรมของผู้ที่ถูกกระทบ และ/หรือที่ถูกก้าวร้าวล่วงเกินนั้น ให้ผู้ปฏิบัตินั้นได้รับผลกรรมนั้นเป็นดุจซัดธุลีทวนลม เพราะความประพฤติที่ไม่ดีเช่นนั้น ย่อมให้ผลเป็น"#อุปัตถัมภกกรรม" คือ เป็นกรรมสนับสนุน ช่วยเร่งกรรมที่ไม่ดีที่เคยกระทำไว้แต่อดีตให้ให้ผลเร็วและแรงขึ้น และในขณะเดียวกันยังเป็น"#อุปปีฬกกรรม" กรรมเบียดเบียนกรรมดีที่ได้เคยกระทำไว้ หรือที่กำลังกระทำอยู่ ให้อ่อนกำลังลง คือ ให้ผลน้อย และ/หรือ ให้ผลช้าลง
    1f56f.png ดังปรากฏเป็นข่าวให้ได้ยินได้ฟังอยู่เสมอว่า ผู้ประทุษร้ายหรือทำลายผู้ที่มีคุณความดีมากๆ ดังเช่น ผู้ประทุษร้ายหรือผู้ทำลายคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ ผู้ไม่ประทุษร้ายตอบ และแม้ทำลายพระพุทธรูปด้วยใจบาปหยาบช้า ย่อมได้รับผลกรรมตามสนองในภพชาติปัจจุบันทันตาเห็น เป็นต้นว่า ให้เป็นผู้มีอายุสั้น หรือเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรงและเรื้อรัง หรือฟุ้งซ่านมากถึงเสียสติเพ้อคลั่ง บางรายประสบกับความเสื่อม ถึงความตกต่ำล้มเหลวในชีวิต หาความเจริญและสันติสุขในชีวิตมิได้ เมื่อแตกกายทำลายขันธ์ คือถึงความตาย เขาผู้มีปกติประพฤติชั่วร้ายเช่นนั้น ย่อมไปสู่ทุคคติภพ คือ ไปเกิดในภพภูมิที่ไม่ดี ที่ไม่เจริญ ได้แก่ ไปเกิดเป็นเปรตบ้าง สัตว์นรก อสุรกาย หรือสัตว์เดรัจฉานบ้าง ตามกฎแห่งกรรม โดยที่ไม่มีอำนาจใดที่จะช่วยได้เลย.
    _______________
    เทศนาธรรมจาก
    พระเทพญาณมงคล
    หลวงตาเสริมชัย ชยมงฺคโล
    วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม
    อ.ดำเนินสะดวก
    จ.ราชบุรี
    _______________
    ที่มา
    หลักธรรมาภิบาลและประมุขศิลป์
    คุณลักษณะความเป็นผู้นำที่ดี
    _______________
    เพจอมตวัชรวจีหลวงป๋า.

    c5uXyOdwRH1DB0WQ9UjYXN2IExZzN7ivyg2vr-2tduS&_nc_ohc=80DpXRHvDYoAX-7BohX&_nc_ht=scontent.fbkk22-1.jpg
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...