อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 26 ธันวาคม 2013.

  1. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    0CA3D178-F3D6-4102-8D9F-6AD4A41F0391.jpeg


    สทา พุทธชินราชา อภิปาเลตุมัง นะโมพุทธายะ

    สัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัย
    สัพพะเคราะห์ตัวนอก สัพพะเคราะห์ตัวใน
    สัพพะเคราะห์ข้างขึ้น สัพพะเคราะห์ข้างแรม
    เคราะห์วันขอให้เคลื่อน เคราะห์เดือนขอให้คลาย เหมือนน้ำดับไฟ เสนียดจัญไร วิวัญชัยเย
    สัพพะธะนัง สัพพะลาภัง ภะวันตุเม รักขันตุ สุรักขันตุ

    ขอพุทธานุภาพแห่งองค์หลวงพ่อพระพุทธชินราช อภิบาลรักษา ศรัทธาสาธุ ทุกๆ ท่าน ทุกรูปนาม ตลอดมงคลกาล ส่งท้ายปีเก่า - ต้อนรับปีใหม่ ๒๕๖๕ ให้บังเกิด ความเจริญ งอกงาม ไพบูลย์ พูนสุข ตลอดไป

    สทา โสตถี ภวันตุ เม
    ขอสรรพมงคล จงบังเกิดแก่ท่าน ในกาลทุกเมื่อ เทอญ

    สัพพะพุทธานุภาเวนะ

    ด้วยอานุภาพแห่งพระพุทธเจ้าทั้งปวง

    สัพพะธัมมานุภาเวนะ

    ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมทั้งปวง

    สัพพะสังฆานุภาเวนะ

    ด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ทั้งปวง

    พุทธะระตะนัง ธัมมะระตะนัง สังฆะระตะนัง ติณณัง ระตะนานัง อานุภาเวนะ

    ด้วยอานุภาพแห่งระตะนะสาม คือ พุทธรตนะ ธรรมรตนะ สังฆรตนะ

    จะตุราสีติสะหัสสะธัมมักขันธานุภาเวนะ

    ด้วยอานุภาพแห่งพระธรรมขันธ์แปดหมื่นสี่พัน

    ปิฏะกัตตะยานุภาเวนะ ชินะสาวะกานุภาเวนะ

    ด้วยอานุภาพแห่งพระไตรปิฏก ด้วยอานุภาพแห่งพระสาวกของพระชินเจ้า

    สัพเพ เต โรคา สัพเพเต ภะยา

    สรรพโรคทั้งหลายของท่าน สรรพภัยทั้งหลายของท่าน

    สัพเพ เต อันตะรายา สัพเพ เต อุปัททะวา

    สรรพอันตรายทั้งหลายของท่าน สรรพอุปัทวะทั้งหลายของท่าน

    สัพเพ เตทุนนิมิตตา สัพเพ เต อะวะมังคะลา

    สรรพนิมิตร้ายทั้งหลายของท่าน สรรพอวมงคลทั้งหลายของท่าน

    วินัสสันตุ อายุวัฑฒะโก ธะนะวัฑฒะโก สิริวัฑฒะโก

    จงพินาศไป ความเจริญอายุ ความเจริญทรัพย์ ความเจริญสิริ

    ยะสะวัฑฒะโก พะละวัฑฒะโก วัณณะวัฑฒะโก

    ความเจริญยศ ความเจริญกำลัง ความเจริญวรรณะ

    สุขะวัฑฒะโก โหตุ สัพพะทา ฯ

    ความเจริญสุข จงมี (แก่ท่าน) ในกาลทั้งปวง

    ทุกขะโรคะภะยา เวรา โสกา สัตตุ จุปัททะวา

    ทุกข์โรคภัย แลเวรทั้งหลาย ความโศกศัตรูแลอุปัทวะทั้งหลาย

    อะเนกา อันตะรายาปิ วินัสสันตุ จะ เตชะสา

    ทั้งอันตรายทั้งหลายเป็นอเนก จงพินาศไปด้วยเดช

    ชะยะสิทธิ ธะนัง ลาภัง โสตถิ ภาคยัง สุขัง พะลัง

    ความชำนะความสำเร็จทรัพย์ลาภ ความสวัสดี ความมีโชค ความสุข กำลัง

    สิริ อายุ จะ วัณโณ จะ โภคัง วุฑฒี จะ ยะสะวา

    สิริอายุแลวรรณะ โภคะความเจริญแลความเป็นผู้มียศ

    สะตะวัสสา จะ อายุ จะ ชีวะสิทธี ภะวันตุ เต ฯ

    แลอายุยืนร้อยปี แลความสำเร็จกิจในความเป็นอยู่จงมีแก่ท่านในกาลทุกเมื่อเทอญ.

    Cr. คำอวยพรจากเพจวัดพระศรีรัตนมหาธาตุฯ พิษณุโลก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มกราคม 2022
  2. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    345BCF75-E0D2-4963-92F1-1B2E72E85C08.jpeg

    309FC102-AE02-4DDF-A815-F9CB880EB4F2.jpeg

    090DBE52-FFC3-4D21-86DE-33F7CED743B2.jpeg


    เราออกจากวัดศรีโคมคำ ขับรถอ้อมมาอีกฟากหนึ่งของกว๊านพะเยา เพื่อมายังดอยบุษราคัม อันเป็นที่ตั้งของวัดอนาลโย ของหลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล

    วัดอนาลโยนี้ได้ยินชื่อมานานแล้วตั้งแต่สมัยอ่านหนังสือโลกทิพย์ ซึ่งเป็นหนังสือแนะนำครูบาอาจารย์ทั่วฟ้าเมืองไทย และหลวงพ่อไพบูลย์ ก็เป็นหนึ่งในนั้น โดยเฉพาะเรื่องราวลึกลับที่กว่าจะสร้างวัดอนาลโยได้สำเร็จ เกี่ยวเนื่องกับพญามังกรเขียว ที่ดูตื่นเต้นน่าสนใจจนอยากจะมาพิสูจน์ มาเยี่ยมเยือนสถานที่สักครา จนเวลาเนินนานผ่านไปกว่ายี่สิบปีจึงมีโอกาสได้มา....วัดอนาลโย

    1CFB5501-B24F-41F4-B1FD-78D3B0DC1BE8.jpeg

    หลวงพ่อไพบูลย์ ปัจจุบันท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพนิมิตสุดเขตสยาม อ.เชียงของ จ.เชียงราย

    292F93B6-BCF3-42D6-8A34-098E43FEC3F8.jpeg

    ซุ้มประตูโขงทางเข้าวัดซ่อนตัวอยู่ท่ากลางแมกไม้ ราวกับทางเข้าเมืองลับแล
    ท่านที่ข้อเข่าไม่ดีสามารถขับรถขึ้นไปจอดด้านบนได้เลย แต่อยากจะแนะนำว่าให้เดินขึ้นจะดีกว่าเพื่อสัมผัสกับบรรยากาศ บางท่านอาจจะพบเจอกับเรื่องแปลกๆระหว่างเดินขึ้นไป

    395C583F-D01D-41F3-A603-9F198BCDB651.jpeg

    พญานาคดูลึกลับศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มกราคม 2022
  3. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    27D5E323-698B-4610-9A6A-BEE670E439FA.jpeg

    24BB60EF-9756-4A5B-A9B8-BD289F3745AD.jpeg

    55219ACC-9BCB-49FD-AD5B-73D32ACF123D.jpeg

    D6BEEF93-57BA-41C8-B0EA-B0306800E930.jpeg


    เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูโขง ก็เหมือนจะเป็นการเปลี่ยนภพภูมิและกาลเวลา เราจะพบท้าวนาคาธิบดี อันเสมือนเจ้าที่ ที่คอยดูแลวัดอนาลโยแห่งนี้
     
  4. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    CE845D8E-2CFF-496E-BE20-9855F5446AE0.jpeg

    เมื่อเดินอ้อมองค์ท้าวนาคาขึ้นมาก็พบปฏิมากรรมแปลกตาชิ้นหนึ่ง ซึ่งก่อนที่จะเดินมาถึงจุดนี้พี่ที่มาด้วยกันแกเดินขึ้นมาก่อน เพราะผมมัวถ่ายรูปอยู่ด้านล่าง แกเล่าว่าตอนที่เดินอ้อมองค์ท้าวนาคาขึ้นมาแกได้ยินเสียงเด็กเล่นกันเจี้ยวจ้าว แต่พอเดินขึ้นมาก็ไม่พบเด็ก พบแต่รูปปั้นชิ้นนี้ เดินขึ้นไปดูด้านบนก็ไม่มีใครแปลกดี

    0686A1EA-B738-4DC7-B5DB-F48111851AA6.jpeg

    BAA53278-C69D-4A3F-85A5-DAA805FF61A1.jpeg

    เดินขึ้นมาอีกนิดก็จะพบภาพปูนปั้นขนาดใหญ่ ฝีมือละเอียดงดงามมาก

    985C6E91-2024-4A83-A329-06E875EB8082.jpeg

    เดินเลยขึ้นไปก็จะเป็นบันไดนาค ที่ทอดตัวยาวไปตามเขา ปลายทางคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ วัดอนาลโย สวรรค์บนดิน…

    947B6447-00E2-4B69-806B-D159DF39BAB6.jpeg

    เมื่อมองลงไปด้านล่างก็จะเห็นซุ้มประตูโขง
     
  5. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    4751A45F-9813-4EFB-A84B-C2063754382A.jpeg

    48C12D45-263D-4ED8-83E4-B97989734CE0.jpeg

    DAB7FCBD-01A3-43D8-835A-F1CE9032FDB9.jpeg

    A920649E-11BE-486A-A13F-119637C30379.jpeg

    C97E2BEC-F944-498F-A7F1-B4A59320ECE0.jpeg


    บันไดนาคที่ขึ้นสู่วัดนาลโย นั้นต่างจากที่อื่น ตรงที่ไม่ได้เป็นทางตรง แต่คดเคี้ยวเลี้ยวลดไปตามเขา เหมือนการเลื่อยของงู ที่ออกมาต้อนรับผู้เลื่อมใสศรัทธา ยิ่งหากมาช่วงปลายฝนต้นหนาว สายหมอกขาวปรกคลุม ตะไคร่น้ำเขียวชอุ่มที่ขึ้นจับส่วนต่างๆ บรรยากาศครึ้มๆ คงจะขับให้สถานที่นี้ดูลึกลับและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
     
  6. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    03FF297E-D43B-4A41-B262-FF56C0E1C095.jpeg

    F9BCD807-22B5-4C9A-905F-5D067DD3F201.jpeg

    B404D713-78AB-475E-B546-8F81BE09B5BD.jpeg

    B9EE55F0-6388-4F77-9D7A-2D228F980FFE.jpeg

    เมื่อขึ้นมาสุดปลายบันไดนาค ก็เหมือนการเปลี่ยนภพภูมิ จากแดนมนุษย์ สู่ทิพยสถาน วัดอนาลโย

    สิ่งแรกที่เราจะได้พบคือ วิหารพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ผู้เปี่ยมด้วยเมตตา คอยสดับรับฟังความทุกข์ของสรรพสัตว์

    C5637401-EC9B-4908-81B2-52E2B356C53C.jpeg

    "ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาไฉ"

    ตรุษจีนปีนี้คิดหวังสิ่งใดขอให้สมความปรารถนาทุกประการ มีแต่ความสุข โชคดีร่ำรวยตลอดปี
     
  7. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    IMG_9732.JPG

    IMG_9733.JPG

    IMG_9734.JPG

    IMG_9735.JPG


    วัดอนาลโยทิพยาราม จ.พะเยา

    เราเดินเข้าไปชมด้านในวัดกันครับ ระหว่างนี้ก็ฟังประวัติของวัดกันไปด้วย ไปก็อปมาจากเน็ตได้ความดังนี้

    ******************************

    ประวัติของวัดอนาลโยทิพยาราม

    ประวัติของวัดอนาลโยทิพยารามก็น่าสนใจครับ ผมจะเล่าคร่าว ๆ ให้ฟังนะครับ เริ่มจาก พระอาจารย์ ไพบูลย์ สุมังคโล
    ขณะนั้นท่านอยู่ที่วัดรัตนวนาราม ท่านได้มีปรากฎการณ์เห็น ทรายทองไหลลงมาสู่วัดเป็นสาย รังสี แสงของทรายทองที่ไหลพั่งพรูราวกับสายน้ำนั้นอาบวัดทั้งวัดจนแทบจะกลายเป็นวัดทองคำ ท่านมองตามลำ แสงสีทองไปก็เห็นเขาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของกว๊านพะเยานั่นเอง

    จากนั้นได้มีโยมมาอาราธนาให้ไปดูสถานที่สำคัญ และแปลกประหลาด เพื่อจะได้สร้างสำนักสงฆ์ไว้เป็นที่บำเพ็ญกุศลของชาวบ้าน เป็นที่ ๆ ชาวบ้านมักจะเห็นแสงสว่างเป็นดวงกลมลอยไปมาอยู่บนดอยสูง แสงนั้นดูสว่างเรืองรอง บางทีก็สว่างจ้าเป็นสีเหลืองสดอาบทั้งดอยราว กับกลายเป็นดอยทองคำ เหตุการณ์เหล่านี้มักจะปรากฏในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เช่น วันพระ 8 หรือ 15 ค่ำ เป็นต้น

    หลังจากที่พิจารณาดูสถานที่แล้ว เห็นว่าเป็นสถานที่สงบเหมาะสมแก่การเจริญเตตาภาวนาเป็นอย่างยิ่ง ควรที่จะสร้างเป็นสถานที่พักปฏิบัติธรรม ดังนั้นที่นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของวัดอนาลโยทิพยารามยังไงล่ะครับ

    ส่วนที่มาของชื่อวัด อนาลโยทิพยาราม ก็มาจากเมื่อปี พ.ศ.2525ท่านพระอาจารย์ได้ตัดสินใจมาอยู่ที่ นี่และเริ่มสร้างวัด ท่านได้ นิมิตว่ามีคนรูปร่าง ดำ สูงใหญ่มาบอกว่า หากท่านอาจารย์จะมาอยู่ที่นี่ ก็มาอยู่ได้ แต่ขอให้ตั้งชื่อวัด เป็นวัดหลวงปู่ขาว ซึ่งท่าน พระอาจารย์ก็ ไม่ขัดข้องประการใด ดังนั้นจึงได้เป็นชื่อ วัดอนาลโยขึ้นมา เพราะท่าน มีนามว่า
    หลวงปู่ขาว อนาลโย ผู้เป็นประธานสงฆ์ อยู่ ณ วัดกลอง เพล จ.อุดรธานี

    และยังมี พระพุทธลีลา หรือพระยืนที่ท่านตั้งใจจะสร้างขึ้น ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางลีลาที่สูงใหญ่ที่สุด สร้างไว้บนยอด เขาตรีเพชร มีความสูง 25 เมตร กว้าง 6 เมตร น้ำหนักรวม 254 ตัน พระองค์นี้ใน ตอนแรกได้สร้างเป็นชิ้น ๆ ก่อน แล้วค่อยนำมาประกอบ ขึ้น ซึ่งต้องใช้ความอดทน มากทีเดียว กว่าจะได้ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง อย่างที่เราได้เห็นกันอยู่นี้

    นอกจากนี้ยังมีสถานที่สำคัญและน่าท่องเที่ยวอยู่อีกหลายแห่งภายในวัดด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็น สวน ลุมพินีวัน (จำลอง) สถานที่ประสูติของสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า สระโบกขรณี (จำลอง)

    สถานที่ถวายการสรงน้ำ เมื่อแรกประสูตร เจดีย์พุทธคยา (จำลอง) ซึ่งเป็นสถานที่ตรัสรู้ ต้นพระศรีมหาโพธิ ที่ตรัสรู้ด้านหลังองค์เจดีย์ พระสถูปเจดีย์ (จำลอง)

    สถานที่ปฐมเทศนา หรือจะเป็น เจ้าแม่กวนอิม ก็มีนะครับ ที่นี่ได้รวมเอาประติมากรรม ต่าง ๆ เข้ามาไว้รวมกัน ซึ่งเหมาะแก่การทำสมาธิ หรือพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง

    อ้อ…แล้วอีกที่หนึ่งที่จะขาดเสียมิได้คือ พระตำหนัก "ภูตะวัน" แต่ที่นี่ห้ามบุคคลภายนอกผ่านขึ้นไปนะครับ เพราะที่ตำหนักนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแด่พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พร้อมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ เพื่อเป็นที่ประทับในวโรกาสที่เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรในจังหวัดพะเยา

    นอกจากนี้วัดอนาลโยทิพยารามยังเป็นวัดประจำปีเกิดของผู้เกิดปีปีมะเส็ง มีสัญลักษณ์เป็นรูป "งูเล็ก" สำหรับพระธาตุประจำปีเกิดนั้นอยู่ไกลนัก นั่นคือ พระมหาเจดีย์พระพุทธคยา ประเทศอินเดีย อันเป็นปูชนียสถานที่สำคัญมาแต่โบราณเนื่องจากสถานที่ประดิษฐานจะอยู่ไกล คนโบราณจึงใช้เจดีย์เจ็ดยอดเมืองเชียงใหม่แทนและมาภายหลังมีการจำลองพระมหาเจดีย์ฯ มาสร้างขึ้นที่วัดอนาลโย (พะเยา) ซึ่งทำให้คนมีศรัทธา จะไปนมัสการได้ง่ายขึ้น


    ที่มา: http://oknation.nationtv.tv/blog/dme/2007/05/26/entry-1
     
  8. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    A970D48F-13BF-464F-AB29-AB5A8867AD53.jpeg

    43A24B39-51EE-42F5-B613-3A296ECCBE35.jpeg

    8C4130EC-E33E-4CD3-8048-DBE8F98C718C.jpeg

    "โอม ศรี คเณศายะ นะมะฮา"
    ขอความสำเร็จในด้านต่างๆ มีโชค และมีทรัพย์เงินทอง สมความปรารถนา...


    พระพิฆเนศ วัดอนาลโย จ.พะเยา

    หลังจากเดินผ่านซุ้มประตูวัดเข้ามา จุดแรกที่เราแวะกราบก็คือวิหารพระพิฆเนศ ระหว่างแวะเข้ามาชมบารมีท่านก็ฟังประวัติหลวงพ่อไพบูลย์ไปด้วยครับ

    ****************************
    51BEFB07-91AD-4BB5-BC33-BB16FADF2962.jpeg

    หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล วัดอนาลโยทิพยาราม จ.พะเยา
    (ตอนที่ ๑)

    ในสมัยที่พระพุทธเจ้าท่านยังทรงมีชีวิตอยู่เมื่อถึงเวลาที่พระองค์จะทรงสอนธรรมะแก่ผู้ใด หากพระองค์ทรงสังเกตุว่าบุคคลผู้นั้นยังเป็นผู้ที่มีความตระหนี่และความหวงแหนอยู่ในใจ พระองค์จะเริ่มสอนในเรื่องของการให้เป็นเรื่องแรก ทั้งนี้เพื่อเป็นการซักฟอกจิตใจของผู้นั้นให้มีความละเอียดสะอาดสดใสเสียก่อน จากนั้นพระองค์จึงจะแสดงธรรมที่ลึกซึ้งเป็นลำดับต่อไป

    “พวกกระผมไม่ขัดข้องที่ท่านจะมาอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้เพื่อบำเพ็ญประพฤติปฏิบัติ แต่ถ้าพระคุณเจ้าจะสร้างวัด ก็ขอให้สร้างเป็นวัดหลวงปู่ขาวเถิด พวกกระผมจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง”

    คำขอเพียงข้อเดียวของ “เจ้าพ่อดำ” เทพวิญญาณเจ้าที่ ณ ป่าเขาบริเวณนี้
    เจ้าพ่อดำได้ขอความเมตตาจากหลวงพ่อเพียงหนึ่งข้อ หลังจากที่หลวงพ่อได้ตัดสินใจรับนิมนต์ชาวบ้านสันป่าบง ในการพัฒนาป่าเขาแห่งนี้ให้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม เขากล่าวว่าเขาเป็นใหญ่แถบนี้มานาน ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยยอมอ่อนน้อมให้ใคร แต่ที่ยอมลงให้หลวงพ่อก็เพราะเห็นในความตั้งใจจริงและยอมพ่ายต่อกระแสความเมตตาของหลวงพ่อที่แผ่ออกมา เขาว่ากระแสความเมตตาของหลวงพ่อเยือกเย็นนัก

    ก่อนหน้านี้ประมาณ ๓ ปี หลวงพ่อได้จำพรรษาและบำเพ็ญเพียรในฐานะประธานสงฆ์อยู่ที่ “วัดรัตนวนาราม” จนคืนหนึ่งหลังจากที่ท่านเสร็จสิ้นภารกิจต้อนร้บญาติโยมจากแดนไกล ท่านได้เข้าสมาธินั่งภาวนาตามปกติ ระหว่างที่กำลังเจริญภาวนาอยู่นั้น ท่านได้นิมิตเห็นทรายทองจำนวนมากกำลังไหลจากยอดเขาสูงลงมาสู่วัดรัตนวนาราม

    ท่านเล่าว่ารังสีแสงของทรายทองที่ไหลลงมาดั่งสายน้ำนั้นได้ท่วมท้นอาบวัดรัตนวนารามทั้งวัดจนกลายเป็นประหนึ่งวัดทองคำ และเมื่อท่านได้มองทวนรังสีแสงสีทองย้อนขึ้นไป ท่านจึงพบว่าแท้จริงแล้วทรายทองทั้งหมดนั้นได้ไหลลงมาจากยอดเขาที่อยู่อีกฟากหนึ่งของกว๊านพะเยานั่นเอง

    ด้านทิศตะวันออกของกว๊านพะเยา เป็นที่ตั้งของ “วัดรัตนวนาราม”
    ด้านทิศตะวันตกของกว๊านพะเยา เป็นป่าเขาและมียอดดอยสูงชื่อว่า “ดอยม่อนแก้ว”

    ชาวบ้านสันป่าบงเชื่อว่า “ดอยม่อนแก้ว” เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะที่นั่นชาวบ้านมักจะเห็นแสงสว่างเป็นดวงกลมล่องลอยไปมาอยู่บนยอดดอย แสงนั้นบางทีก็สว่างเรืองรอง บางทีก็สว่างจ้าเป็นสีเหลืองสดอาบทั้งดอยจนกลายเป็นดอยทองคำ และที่สำคัญคือเหตุการณ์แบบนี้ชอบที่จะปรากฏให้เห็นในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา

    นอกจากนี้ในบริเวณดังกล่าวยังได้ชื่อว่า “เป็นที่แรงและมีผีดุ” ชาวบ้านบางคนได้เล่าไว้ว่า หากพวกเขาไปทำไร่ทำนาในบริเวณนั้น พอถึงตอนเย็น พวกเขาจะต้องรีบกลับออกจากสถานที่แห่งนั้น เคยมีบางคนไม่เชื่อและไปเผลอนั่งหลับ ก็จะมีคนร่างกายสูงใหญ่ตัวดำ มากระตุกขาหรือคอยแหย่ให้ตื่น เล่นเอาบางคนตกใจถึงกับเสียสติ เจ็บไข้ได้ป่วยและบางรายก็ถึงกับเสียชีวิต

    ครับ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับหลวงพ่อและชาวบ้านสันป่าบง ได้ถูกบันทึกไว้ว่าเรื่องราวเหล่านี้คือมูลเหตุบางส่วนที่เป็นจุดกำเนิดของ “วัดอนาลโยทิพยาราม” วัดป่ากรรมฐานที่ถูกสร้างขึ้นโดยบารมีของพระภิกษุองค์หนึ่งที่เกิดมาเพื่อศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    การเรียนรู้ด้วยการใช้เหตุผลคิดใคร่ครวญ การคิดค้นแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยปัญญาและการฝึกปฏิบัติตามแนวทางอย่างจริงจังแบบชนิดเอาชีวิตฝากไว้ในพระพุทธศาสนา ทำให้พระภิกษุองค์นั้นได้ตกผลึกความรู้ในพระธรรมคำสอนโดยการอบรมสั่งสอนแก่บรรดาพุทธศาสนิกชนให้ได้ประพฤติปฏิบัติตาม

    พระเทพวิสุทธิญาณ (หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล) เจ้าอาวาสวัดอนาลโยทิพยาราม (ดอยบุษราคัม) อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ท่านเป็นพระป่ากรรมฐานที่เน้นการปฏิบัติและการพัฒนาควบคู่กันไปครับ โดยเฉพาะกับการอนุรักษ์ป่าเขาลำเนาไพรให้คงอยู่ในสภาพเดิมตามธรรมชาติท่านถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ท่านชอบบอกเสมอๆ ว่า

    “รู้ไหม..พระพุทธเจ้าท่านประสูติในป่า ตรัสรู้ในป่า ทรงแสดงปฐมเทศนาก็ในป่า และท้ายที่สุดท่านเสด็จปรินิพพานก็ในป่าเช่นกัน”

    สำนักสงฆ์อนาลโย สำนักสงฆ์เล็กๆ ที่เริ่มต้นจากการใช้เพิงผาเป็นที่ปฏิบัติธรรม ค่อยๆ ปรับปรุงโดยเพิ่มยกแค่ให้สูงพอกันสัตว์เลื้อยคลาน ต่อมาก็เป็นกระต๊อบ มีฝา มีหลังคา จนในที่สุดได้พัฒนากลายมาเป็น “วัดอนาลโยทิพยาราม” ในปัจจุบัน

    ทุกวันนี้นอกเหนือไปจากการมีชื่อเสียงในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของพื้นที่แล้ว ความสงบภายใต้ร่มเงาของพระพุทธศาสนา ความร่มรื่นของป่าเขาน้อยใหญ่ที่ยังสมบูรณ์ และความสวยงามของภูมิทัศน์รอบๆ ที่ได้พัฒนาให้สอดคล้องกลมกลืนกับธรรมชาติ ทำให้วัดอนาลโยทิพยารามแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นหน้าเป็นตาของจังหวัดพะเยาด้วยครับ

    คำว่า “อนาลโย” เป็นฉายาของ “หลวงปู่ขาว อนาลโย” วัดถ้ำกลองเพล
    หลวงพ่อบอกว่า หลวงปู่ขาวท่านเป็นพระที่มีเมตตาธรรมอันสูงส่ง มีคุณธรรมอันล้ำเลิศ คนหูหนวกก็คงเคยเห็นท่าน คนตาบอดก็คงเคยได้ยินชื่อเสียงของท่าน คงจะมีแต่คนที่ทั้งหูหนวกและตาบอดเท่านั้นที่ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงและไม่เคยเห็นท่าน

    นอกจากนี้ในส่วนของสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ภายในวัดอนาลโยทิพยาราม (ดอยบุษราคัม) ก็ล้วนแล้วแต่มีที่มาที่ไปและมีประวัติเป็นเอกเทศแตกต่างกันไปครับ เช่นปราสาทอุ้มคำ ปราสาทหินทราย ศาลามหามงคล ศาลาอภิตะวัน ฯลฯ รวมไปถึงบรรดารูปปั้นรูปเคารพของเทพ เทพเจ้าและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เช่นพระพิฆเนศ พระศิวะ พญามังกรเขียว (แชเล้ง) ฯลฯ

    รุ่นพี่คนนำทางเล่าว่าบรรดารูปปั้นรูปเคารพของเทพต่างๆ เหล่านี้ ต่างมีความผูกพันกับหลวงพ่อและหลวงพ่อเองท่านก็มีวาสนาบารมีสามารถสื่อหรือติดต่อกับเทพเหล่านี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

    ในเรื่องของการติดต่อนั้นเขาอธิบายเพิ่มเติมว่ามีทั้งมาปรากฏในรูปแบบของผัสสะต่างๆ ทั้งภายนอกและภายในหรือบางทีก็จะมากันในรูปแบบของวิญญาณ ซึ่งเรื่องชวนอัศจรรย์ใจเหล่านี้ล้วนมีประจักษ์พยานที่เห็น สัมผัสและพร้อมที่จะยืนยันได้อย่างชัดเจนครับ

    ในประเด็นนี้หากใครที่ไม่ได้ศึกษาเรื่องราวเหล่านี้อย่างถ่องแท้และไม่เปิดใจพอ คงจะคิดเหมือนกันว่ามันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไป ผมเองแวบแรกของความคิดก็เคยเป็นแบบนั้น ต่อมาเมื่อได้เข้ามาศึกษาและพูดคุยกับผู้รู้หรือครูบาอาจารย์หลายท่าน ถึงท่านจะเลี่ยงและไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจน เพราะบางอย่างมันเป็นเรื่องเกินสติปัญญาระดับเด็กอย่างผม แต่มันก็ทำให้ผมสามารถตอบคำถามกับตัวเองในบางเรื่องได้ครับ

    อย่างเช่นกรณีของ “มังกร” ซึ่ง “ซินแส” จากเมืองจีนท่านหนึ่งได้มาเยือนเขาแห่งนี้และได้บอกกับหลวงพ่อว่า ลักษณะของภูเขานี้ตามตำราจีนเรียกว่า “เขามังกร” แต่เขามังกรลูกนี้ค่อนข้างแปลก เพราะมังกรตัวนี้หันหัวลงไปทางกว๊านพะเยาซึ่งเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่

    มังกรตัวนี้ปกติจะเล่นน้ำอยู่ในทะเลสาบใหญ่แห่งนี้ พอเล่นน้ำเสร็จเรียบร้อยพอใจแล้วก็จะชูคอขึ้นสูง คอยาวเข้าไปถึงกรุงเทพ ไปคาบเงินมาเป็นฟ่อนๆ โยนมาบนเขาลูกนี้ ซึ่งในกาลต่อมาคำบอกเล่าของซินแสที่ได้ฟังแล้วคล้ายกับจะเป็นนวนิยายแฟนตาซีก็กลับกลายมาเป็นเรื่องจริงอย่างน่าอัศจรรย์ใจตรงตามคำพยากรณ์ทุกประการ

    เพราะในขณะที่หลวงพ่อกำลังก่อสร้างวัดอนาลโยฯ อยู่นั้น ท่านได้มีนิมิตบอกเหตุว่าควรสร้างพระเจดีย์องค์ใหญ่ขึ้นบนพื้นที่ว่างบริเวณยอดเขา แต่ก็ติดขัดเรื่องของปัจจัยในการก่อสร้างที่ดีดนิ้วคำนวนแล้วสาหัสเอาการอยู่ แต่ในเวลาต่อมาก็ได้มี “นายธนาคาร” ท่านหนึ่งร่วมถวายปัจจัยจำนวนหลายล้านบาทเป็นค่าก่อสร้างพระเจดีย์องค์นี้จนแล้วเสร็จครับ

    “สำหรับการเดินทางครั้งนี้ บางที่พวกเราทุกคนอาจตกหลุมรักและศรัทธาหลวงพ่อจนต้องร้องขอกลับมาที่วัดอนาลโยฯ กันอีกครั้งก็ได้”
    คำเปรยของใครบางคนในกลุ่มลอยลมพอได้ยิน

    “หลวงพ่อเป็นพระที่มีอัธยาศัยใจคอกว้างขวาง อารมณ์เยือกเย็นและมีความเมตตาต่อลูกศิษย์และญาติโยมทุกคน ไม่ว่าใครเดือนร้อนหรือมีปัญหามาปรึกษาท่าน ท่านก็จะให้การต้อนรับอย่างดีและเท่าเทียมกัน โดยไม่คำนึงว่าคนนั้นจะเป็นใคร”

    รุ่นพี่คนนำทางกล่าวเสริม
    เรื่องนี้จะเป็นจริงดังเขาว่าหรือไม่ต้องพิสูจน์โดยการเดินทางไปสัมผัสด้วยตนเองเพียงสถานเดียวเท่านั้นครับ

    วัดอนาลโยทิพยาราม ตั้งอยู่บนดอยบุษราคัม ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ ๒๐ กิโลเมตรครับ ด้วยเนื้อที่ขนาด ๒,๘๐๐ ไร่ ทำเอาพวกเราตัวเล็กลงไปถนัดตา จากจุดที่พวกเราจอดรถเมื่อมองไปรอบๆ รู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพื้นที่ทันที เพราะบริเวณก่อนที่จะเดินขึ้นสู่ยอดเขา พวกเราเห็นคนที่มาเยือนสถานที่แห่งนี้หยุดสักการะรูปเคารพของเทพเจ้าต่างๆ ที่สถิตอยู่ ณ ที่นี้

    การได้มองเห็นความจริงของชีวิตบวกกับความเชื่อส่วนตัว ทำให้ผมมองว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาครับ เพราะเราไม่สามารถไปตัดสินหรือบงการใครได้ ใครจะรักหรือไม่รัก ใครจะศรัทธาหรือไม่ศรัทธา ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องส่วนบุคคล

    แต่ถ้าจะว่าไปแล้วก็เป็นการดีครับ เพราะในขณะที่บางสถานที่มองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องไร้สาระและพยายามบอกปัดความจริงเหล่านี้ออกไป แต่ที่วัดอนาลโยฯ แห่งนี้กลับเอาความจริงของชีวิตมาให้คนได้สัมผัส โดยเพราะกับชีวิตของปุถุชนคนธรรมดาที่ยังคงต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    บางคนบอกว่าไหว้แล้วช่วยให้ใจสงบ
    บางคนบอกว่าบนบานแล้วสำเร็จเลยกลับมาบนใหม่
    ส่วนเพื่อนผมบอกว่า การบูชาเทพเจ้าช่วยให้อัตตาแตกกระจายครับ การลดละความยึดมั่นถือมั่นช่วยให้พวกเราเดินขึ้นสู่ยอดเขาแบบเบาตัวมากขึ้น เพราะเรื่องขุ่นข้องหมองใจตลอดจนปัญหาชีวิตบางเรื่องได้ถวายให้เทพเจ้ารับภาระไปแล้วครับ


    ที่มา: http://oknation.nationtv.tv/blog/sitthi/2011/06/16/entry-2
     
  9. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    IMG_0061.JPG

    IMG_0062.JPG

    IMG_0064.JPG


    พระอุปคุต วัดอนาลโย จ.พะเยา

    หลังจากกราบพระพิฆเนศเสร็จ ก็เดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆก็จะพบกับพระอุปคุต ระหว่างแวะเข้ามาชมบารมีท่านก็ฟังประวัติหลวงพ่อไพบูลย์ตอนจบไปด้วยครับ

    *************************************

    จากประวัติของท่านมีบันทึกไว้ว่า เมื่อวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๔๗๗ “คุณพ่อกองแก้ว-คุณแม่คำ” นามสกุล “สิทธิ” ได้ให้กำเนิดบุตรชายคนสุดท้องที่ชื่อว่า “ไพบูลย์” ณ บ้านเกาะคา จังหวัดลำปาง

    ด้วยความที่โยมพ่อของท่านมีอาชีพเป็นแพทย์แผนโบราณ ทำให้เด็กชายไพบูลย์เกิดความเคยชินและคุ้นเคยกับภาพชีวิตที่วนเวียนอยู่กับ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย จนมองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครสามารถห้ามความตายหรือหนีพ้นความตายได้

    ท่านเล่าว่าในช่วงนั้นจิตใจของท่านไม่รู้เป็นอย่างไร เพราะนอกจากท่านคิดอยู่แต่จะหาทางออก หาวิธีให้หลุดพ้นจากวงเวียนชีวิตแล้ว ท่านยังมีความสงสารไม่อยากเห็นความเจ็บ ไม่อยากเห็นความตาย ไม่อยากให้ใครเจ็บและไม่อยากให้ใครตาย

    ดังนั้นเมื่อท่านเห็นคนเจ็บมาให้พ่อของท่านรักษา ท่านก็จะรีบกุลีกุจอเข้าไปช่วย บางครั้งเมื่อท่านเห็นว่ามีชาวบ้านเอากุ้งหอยปูปลาใส่ข้องใส่กระบุงมาวางขาย ท่านก็จะรบเร้าแม่ของท่านให้ซื้อไปปล่อย

    ชะรอยพ่อแม่ของท่านคงจะจับสังเกตุอุปนิสัยของลูกคนเล็กมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อมีโอกาสได้พบครูบาอาจารย์ พ่อแม่ของท่านจึงมักจะเล่าเรื่องถวายและขอความคิดเห็น ซึ่งความเห็นของแต่ละองค์ล้วนสอดคล้องเป็นแนวทางเดียวกันว่า

    “ลูกชายคนนี้ต้องบวช เพราะวาสนาบารมีของเขาสร้างสมอบรมมาทางนี้”

    อย่างไรก็ตามครับ ด้วยปกติวิสัยของคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ย่อมอยากเห็นลูกของตนได้ดี ทั้งๆ ที่รู้ว่าการออกบวชนั้นก็ดีและประเสริฐอยู่แล้ว แต่ก็หาสร้างความสบายใจให้กับผู้ที่เป็นพ่อแม่ได้ เพราะเหตุการณ์ข้างหน้ามีความเสี่ยงอยู่เสมอ

    ใครจะไปรับรองได้ว่าหากลูกของตนเกิดบวชไม่ตลอดรอดฝั่งและสึกออกมาใช้ชีวิตเยี่ยงคนธรรมดา การเข้าไปต่อสู้ในโลกของฆราวาสที่ต้องแข่งขันกันนั้น มันจะเป็นการช้าไปหรือเปล่า ทางที่ดีคือควรจะเรียนหนังสือให้จบเรียบร้อยก่อนแล้วจึงบวช

    ด้วยเหตุผลนี้แหละครับ เส้นทางชีวิตในทางโลกของเด็กชายไพบูลย์จึงดำเนินไปตามแนวทางที่พ่อแม่ของท่านได้วางไว้ คือเรียนหนังสือจนจบและออกไปทำงาน จนเมื่ออายุครบบวชท่านก็ได้บวชตามประเพณีของลูกผู้ชาย

    ในขณะที่พ่อแม่ของท่านมีความคิดว่าการบวชจะทำให้ท่านเป็น “คนสุก” ของสังคม เมื่อสึกออกมาจะได้ตั้งครอบครัวและมีบุตรสืบสกุลต่อไป ในทางกลับกันตัวท่านเองก็มีความคิดว่าการบวชครั้งนี้เป็นแค่การชิมลางถือเป็นการซ้อมใหญ่ไปในตัวเท่านั้น

    จนเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฏาคม ๒๕๐๗ อายุครบ ๓๐ ปีบริบูรณ์ ท่านจึงได้ปิดฉากชีวิตในทางโลกด้วยการอุปสมบทอีกครั้ง ณ วัดป่าสำราญนิวาส ตำบลเกาะคา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง โดยมีพระครูธรรมวิวัฒน์ วัดเชตวัน จังหวัดลำปางเป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “สุมังคโล” ครับ
    หลังจากที่หลวงพ่อได้จำพรรษาและศึกษาธรรมกับ “หลวงปู่หลวง กตปุญโญ” เจ้าอาวาสวัดป่าสำราญนิวาส จนเข้าถึงแก่นธรรมได้ระดับหนึ่งแล้ว ท่านจึงได้ขยายความเข้าใจเพิ่มเติมโดยการออกเดินธุดงค์ตามป่าเขาและตั้งใจทำความเพียรอย่างเด็ดเดี่ยว ท่านว่าเมื่อนั่งภาวนาและเกิดนิมิตผุดขึ้นมาในดวงจิต อย่าได้ตื่นเต้นคิดว่าตนเองเป็นผู้วิเศษ ให้มีสติคุมรู้เท่าทันและพิจารณาด้วยหลัก ๒ ประการ คือ

    ๑.ไตรลักษณ์ ได้แก่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ทุกอย่างไม่เที่ยง ทุกสิ่งเป็นทุกข์ ทุกสิ่งไม่ใช่ตัวตน

    ๒.อริยสัจ ๔ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค พิจารณาเหตุให้เกิดทุกข์ ธรรม เป็นเครื่องดับทุกข์และข้อปฏิบัติให้ถึงธรรมเป็นที่ดับทุกข์
    ท่านว่า

    “สิ่งที่จริง ก็รู้เอง สิ่งที่ไม่จริง ก็แยกแยะได้”

    หลวงพ่อเล่าว่าในขณะที่ท่านกำลังก่อสร้างวัดอนาลโยทิพยารามบนดอยบุษราคัมนั้น ท่านได้เห็นว่าบริเวณรอบๆ ดอยบุษราคัมซึ่งเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติยังคงเป็นป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ ท่านจึงคิดให้มีการอนุรักษ์สภาพของป่าให้อยู่ในสภาพเดิม

    ท่านว่าป่ายังอยู่ แหล่งน้ำยังอยู่ และธรรมดาของพระป่าย่อมรักษาธรรมชาติป่าเขาที่ให้ความสงัดร่มรื่น ดังนั้นท่านจึงได้ริเริ่ม “โครงการอุทยานพระพุทธศาสนา” เพื่อเป็นสถานที่สำหรับศึกษาหาความรู้ในพระพุทธศาสนาขึ้นควบคู่ไปกับการก่อสร้างวัด

    หลังจากผ่านขั้นตอนตามระบบราชการมาเรียบร้อย ในเวลาไม่นานนักต้นไม้พันธุ์ต่างๆ ที่ตรงตามลักษณะและมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับตัวของอุทยานแต่ละแห่ง ก็ค่อยๆ ถูกปลูกลงแทรกแซมและเริ่มเจริญเติบโตขึ้นในบริเวณพื้นที่ว่างเปล่าของอุทยาน เช่น เขตอุทยานปรินิพพานปลูกต้นสาละและต้นรัง เขตอุทยานเวฬุวนาราม ปลูกต้นไผ่ เขตอุทยานเชตวนาราม ปลูกต้นมะม่วง ฯลฯ

    “การเสียสละปลูกต้นไม้ให้กับวัด ก็เป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง เป็นการสะสมบุญไปในตัว วันหนึ่งต้นไม้ที่เราปลูกไว้ก็จะเติบโต จากต้นหนึ่งไปอีกต้นหนึ่ง บุญกุศลจากเดิมที่เราทำก็ต่อเนื่องขึ้นเรื่อยๆ”

    ครับ...ผลบุญเหมือนดอกเบี้ยที่ยังไงๆ ก็ได้แน่นอน อย่าได้คิดว่าการปลูกป่าเป็นเรื่องที่ใหญ่ เราเป็นแค่จุดเล็กๆ แต่เพียงจุดเดียวจะไปทำอะไรได้ ความคิดนี้ถ้าทุกคนคิดเหมือนกันหมดแม้แต่จุดเล็กๆ ก็จะไม่เกิด แต่ถ้าเราช่วยกันคนละเล็ก คนละน้อย สิ่งใหญ่ๆ ก็สามารถจะเป็นไปได้แบบไม่น่าเชื่อ การปลูกป่าไม่ใช่เรื่องยากครับ หากเราทุกคนคิดว่าป่าคือบ้านของเราและช่วยกันปลูก

    นอกเหนือไปจากเรื่องของการรักษาสภาพธรรมชาติของป่าแล้ว หลวงพ่อยังมีจิตสาธารณะในการช่วยเหลือชาวบ้านในท้องถิ่นด้วยครับ เช่นการจัดให้มีโครงการฝึกฝนอาชีพสาขาต่างๆ เพื่อดำเนินการฝึกฝนอาชีพต่างๆ ให้กับชาวบ้านให้มีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นจากรายได้ปกติ ท่านว่า

    “ในสมัยที่พระพุทธเจ้าท่านยังทรงมีชีวิตอยู่เมื่อถึงเวลาที่พระองค์จะทรงสอนธรรมะแก่ผู้ใด หากพระองค์ทรงสังเกตุว่าบุคคลผู้นั้นยังเป็นผู้ที่มีความตระหนี่และความหวงแหนอยู่ในใจพระองค์จะเริ่มสอนในเรื่องของการให้เป็นเรื่องแรก
    ทั้งนี้เพื่อเป็นการซักฟอกจิตใจของผู้นั้นให้มีความละเอียดสะอาดสดใสเสียก่อน จากนั้นพระองค์จึงจะแสดงธรรมที่ลึกซึ้งเป็นลำดับต่อไป”

    รุ่นพี่นักปฏิบัติธรรมมืออาชีพบอกกับพวกเราว่า “หลวงปู่หลวง กตปุญโญ” อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าสำราญนิวาส ผู้เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อ ในสมัยที่หลวงปู่หลวงยังมีชีวิตอยู่ท่านเคยกล่าวยกย่องหลวงพ่อไว้หลายประการครับ เช่น

    ๑.หลวงพ่อไพบูลย์ เป็นพระที่เก่งนิมิตจากการปฏิบัติธรรม แม้แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ท่านทรงโปรดให้พระอาจารย์ไพบูลย์แปลพระนิมิตที่เกิดจากการปฏิบัติธรรมของพระองค์บ่อยครั้ง

    ๒.หลวงพ่อไพบูลย์ เป็นพระที่เปี่ยมด้วยจาคะเสียสละด้วยการให้ ไม่ว่าจะเป็นให้(ทาน) ให้อภัย เป็นพระสุปฏิบัติที่ปรารถนาพระโพธิญาณในอนาคตกาล

    ปัจจุบันหลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล ท่านได้รับเป็นภาระก่อสร้างวัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ (เฉลิมพระเกียรติ ครบ 200 ปี) ตำบลวิเชตนคร อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง ซึ่งท่านต้องเดินทางไปควบคุมการก่อสร้างที่วัดทุกวันครับ

    ท่านว่าวัดนี้จะสูงกว่าวัดอนาลโยทิพยารามถึง ๒ เท่า สูงขนาดว่ามองเห็นขอบฟ้าเขียวกันเลยทีเดียว เวลาเดินก็ต้องเดินฝ่าเมฆหมอกอยู่ตลอด อยากให้พวกเราได้ไปเที่ยวเยี่ยมชม

    “อยู่ที่นี่ไม่เหงา มีธรรมชาติ มีธรรมะเป็นเพื่อน”

    พวกเราพร้อมใจกันพนมมือขึ้นสาธุ
    ว่ากันว่าความงดงามของธรรมชาติในฤดูหนาวคือการที่พระอาทิตย์จะขึ้นช้ากว่าปกติครับ ไม่แปลกใจเลยที่แสงอาทิตย์แรกยามเช้า ณ วัดอนาลโยทิพยารามแห่งนี้จะเฉิดฉายช้าลงไปด้วย เพราะมันเป็นเรื่องกฏเกณฑ์ธรรมชาติของโลกครับ

    คำพูดของนักเดินทางที่มักจะบอกต่อกันว่า หากเราเดินช้าลง เราก็จะเห็นเรื่องราวต่างๆ ได้มากขึ้น ดูท่าจะเป็นคำพูดที่ใช้อ้างอิงได้อย่างเหมาะสมกับเวลานี้

    จากจุดที่พวกเรายืนอยู่ เมื่อมองขึ้นไปที่ขอบฟ้าก็จะเห็นเทือกเขายาวตระหง่านอยู่เบื้องหน้า แสงอาทิตย์แรกที่โผล่พ้นเหนือยอดเขาให้ความรู้สึกเหมือนกระแสธารที่ค่อยๆ ไหลอาบปกคลุมรอบๆ ตัวเรา
    เห็นแสงสีทองของดวงอาทิตย์แล้วอดนึกถึงเรื่องราวในค่ำคืนหนึ่งที่มีลูกศิษย์ปรารภกับหลวงพ่อ พวกเขาอยากเห็นว่ารัศมีแสงสีทองนั้นเป็นอย่างไร สิ้นคำพูดก็เกิดแสงสีเหลืองนวลกระจ่างขึ้นปกคลุมยอดดอยแห่งนี้ทันที
    ก่อนมาเขาเล่ากันว่า ด้วยแสงสีทองที่อาบคลุมทำให้ดอยสูงแห่งนี้สวยงามนัก

    ได้แต่ตั้งข้อสงสัยว่ามันสวยขนาดนั้นเชียวหรือ
    ได้มาเห็นกับตาตัวเองแล้ว ได้คำตอบแล้ว
    ถึงการเห็นของพวกเราในเช้านี้ จะแตกต่างกับการเห็นของพวกเขาในคืนนั้น
    มิน่าเล่า เขาถึงขนานนามดอยแห่งนี้ว่า “ดอยบุษราคัม”

    วัดอนาลโยทิพยาราม (ดอยบุษราคัม) ดินแดนแห่งพระพุทธศาสนาที่ไม่เคยแบ่งเขาแบ่งเรา แม้ความเห็นจะไม่ตรงกันบ้าง ความเชื่อจะไม่ตรงกันบ้าง แต่เราก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ด้วยบารมีและความเมตตาของหลวงพ่อ

    “สำหรับการเดินทางครั้งนี้ บางที่พวกเราทุกคนอาจตกหลุมรักและศรัทธาหลวงพ่อจนต้องร้องขอกลับมาที่วัดอนาลโยฯ กันอีกครั้งก็ได้”
    คำเปรยที่เคยลอยลมนี้แม่นยำจริงๆ
    สวัสดีครับ


    ที่มา: http://oknation.nationtv.tv/blog/sitthi/2011/06/16/entry-2

    E8A5B6D3-B932-418B-A727-961D580DE46C.jpeg

    " อุปะคุตโต จะมะหาเถโร สัมพุทเธ
    นะวิยากะโต มารัญจะ มาระพะสัญจะ โสอิทานิ
    มะหาเถโร นะมัสสิตตะวา ปะติฏฐิโต
    อะหัง วันทามิ อิทาเนวะ อุปะคุตตัง
    จะมะหาเถรัง ยัง ยัง อุปะทะวัง ชาตัง
    วิธัง เสติ อะเสสะโต มะหาลาภัง ภะวันตุเมฯ "
     
  10. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    18C5D6DE-8DA3-4A8F-9E86-B8E39DC6C73F.jpeg

    CC3D7A61-C49E-470D-9B29-E94B20C2C288.jpeg


    เมื่อเดินขึ้นบันไดไปอีกหน่อยก็จะพบเทวรูปสามองค์ จะเป็นพระศิวะ พระนารายณ์ หรือพระอินทร์ ก็ไม่ทราบชัด แต่พุทธศิลป์งดงามอ่อนช้อยมาก
     
  11. neng13

    neng13 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2012
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +32
    ไม่ได้เข้ามานานมาก ไม่รู้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆยังอยู่กันไหม
    แก๊งอัลบั้มพระ สมเด็จสมปราถนา รูปคณาจารที่ปลุกเสก.jpg แก๊งอัลบั้มพระ สมเด็จสมปราถนา รูปคณาจารที่ปลุกเสก1.jpg
     
  12. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    91EC8C6E-CB18-4D37-83B2-307B7D9715D8.jpeg

    พระสมเด็จรุ่นรวยสมปรารถนา
    เดินทางกว่าพันลี้ เสาะหาอาจารย์ดีให้ปลุกเสก

    พอมีเก็บไว้กับเขาครับ
     
  13. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    56EBB1A9-43DE-4150-BC66-9E226AF0C997.jpeg

    62D7CEBD-EA4C-4B97-95D1-377C654DB8CD.jpeg


    พระพุทธรูปปางนาคปรก มีขนาดใหญ่พอสมควร องค์พระสีขาว ส่วนพญานาคลงสีงดงามมาก ประดิษฐานอยู่มุมหนึ่งบนลานกว้าง
     
  14. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    E4842E4A-8186-4E9C-8938-850312FB90C0.jpeg

    48206BDA-2153-4606-9C48-C9EB6F284993.jpeg

    676699BE-47E2-4A22-B86E-E798B0051A48.jpeg

    A2B1CA41-D95E-48AC-873B-3F117ED96D3E.jpeg



    เจดีย์พุทธคยา วัดอนาลโย จ.พะเยา

    ก่อนจะไปถึงพระใหญ่ เราเดินผ่าน เจดีย์พุทธคยา(จำลอง) องค์พระเจดีย์อยู่ท่ามกลางแมกไม้ร่มรื่น

    เจดีย์พุทธคยา เป็นพระธาตุประจำปีมะเส็ง เนื่องจากเจดีย์พุทธคยาจริงๆอยู่ที่อินเดีย ยากแก่การเดินทางไปนมัสการ หลายๆวัดในบ้านเราจึงสร้างเจดีย์พุทธคยาจำลองกันไว้มากมายหลายที่

    CD59457A-9FB6-4B07-8DDE-68D1A28FD5AC.jpeg

    สำหรับวัดอนาลโย มีเจดีย์พุทธคยา(จำลอง) อยู่ 2 องค์ องค์ใหญ่นั้น ต้องขับรถไปอีกจุดหนึ่ง(วัดนี้ใหญ่มาก) ไม่ค่อยสะดวกในการไปกราบ หลวงพ่อไพบูลย์ ท่านจึงสร้างองค์เล็กขึ้นอีกองค์หนึ่งไว้ใกล้ๆ เพื่อให้สาธุชนได้สะดวกต่อการกราบไหว้
     
  15. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    F2EE2F19-F2D6-4D0E-93D4-98CA8EF25B4B.jpeg

    1872596E-5524-4836-B05A-91F2AE963688.jpeg


    เดินมาอีกสักหน่อยก็จะพบกับพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีทองอร่าม อยู่ท่ามกลางแนวป่า ราวกับว่าจะได้พบพระศาสดา เพราะบรรยากาศสงบร่มเย็นเห็นปานนี้
     
  16. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    33FF912D-7286-430F-A3CB-61BAE8A6FC60.jpeg

    F9D84960-EA50-4EE8-91E6-18464CC5D523.jpeg

    2313CCD2-A8E3-47CE-AF12-A9E3ABD03089.jpeg

    97EF9FDA-7B50-469A-AC0C-80A93B0144D0.jpeg

    1A8838AC-0357-4172-ACE2-FF047573B164.jpeg


    เมื่อเดินลึกเข้าไปอีกก็จะพบกับวิหารศิลปงดงามมาก ลวดลายละเอียดลออตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้ สงบเงียบ ภายในมีพระพุทธรูปแกะจากหินหรือหยกประดับเครื่องทรงพร้อมแท่นงดงามอลังการ
     
  17. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    F7323ECC-0443-44A0-93FC-D9A2A91F3BAE.jpeg

    59BB97DC-A894-4C96-8634-8A4E39AF481A.jpeg

    F771D0E9-D432-4D44-A92B-E25103E6BCBF.jpeg

    0D7E9DB1-1F01-4A52-993E-875F23E6D10D.jpeg

    3B8E331E-EB00-4034-A392-CA2D115286FE.jpeg

    502ABB00-81D0-478F-8ECC-E88FFC325638.jpeg


    พระแก้วมรกต พระบุษราคัม พระทองคำ

    เมื่อเดินต่อเข้าไปอีกก็จะพบกับหอพระแก้ว ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วและพระพุทธรูปอันมีค่า ตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้ บรรยากาศดีมากๆสงบเงียบ ลมพัดโกรกเย็นสบาย เหมาะแก่การนั่งสงบจิตสงบใจเจริญพระกรรมฐานมาก

    8B1F2FCA-0149-4E0B-9A47-A0EBB6F13381.jpeg

    จากหอพระแก้วสามารถมองเห็นกว๊านพะเยาได้
     
  18. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    6789869B-DC20-48BC-B8E0-7ED5C00D7F3A.jpeg

    63A66BAB-4F10-4CD3-BB8C-CC6D31004ACD.jpeg

    FF25B9ED-A07B-418B-8D79-3ECF3528159F.jpeg

    EB6C0B0D-856B-4E03-B743-9ECC97B96D9B.jpeg

    ออกจากหอพระแก้ว ก็เดินย้อนกลับออกมา ระหว่างทางก็แวะชมหอพระโบราณ ใกล้ๆกันก็มีศาลท่านปู่ฤาษี เดินไปอีกนิดก็มีศาลาที่ซ่อนตัวอยู่ในแมกไม้ เดินข้ามแยกมาอีกฝั่งจะเป็นกุฏิหลวงพ่อไพบูลย์ ซึ่งรกร้างว่างเปล่า เพราะตอนนี้ท่านไปจำพรรษาที่เชียงของ
     
  19. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    AFF2D14A-E751-40BC-BB96-E7850C71E42C.jpeg

    80F162B6-7E36-474C-9268-1AD6F5E880A7.jpeg

    F702BAB5-A164-4E88-992D-A39579F955BB.jpeg


    ใกล้ๆกับกุฏิของหลวงพ่อไพบูลย์ จะมีวิหารพระพุทธชินราชอยู่
     
  20. NiponSuwan

    NiponSuwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2018
    โพสต์:
    443
    ค่าพลัง:
    +1,153
    D501EF37-301A-4733-9584-A54366459B97.jpeg

    2E35F83D-CFE7-4B71-819D-CEDD7BEECD85.jpeg

    BB4C8CE1-C6F1-418F-8410-4E810F06F73B.jpeg

    85681975-174E-4DCB-97D2-117036C654FF.jpeg


    เดินข้ามมาอีกฝั่งก็จะเป็นวิหาร... ขอเรียกเองว่าวิหารบูรพาจารย์ก็แล้วกัน เพราะมีรูปหล่อท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต พรฺหมฺรํสี) และหลวงปู่ขาว อนาลโย ด้านหลังมีโขงพระเจ้า รับกับตัววิหารศิลปะล้านนามีความงดงามมาก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 เมษายน 2022

แชร์หน้านี้

Loading...