เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

เตรียมตัวให้พร้อม และเฝ้าระวังภัย ในช่วงนี้ค่ะ
จากเหตุการณ์สึนามิ สูง 15 เมตร ถล่มตองกา จากภูเขาไฟใต้ทะเลระเบิด และรับรุู้แรงระเบิดสั่นสะเทือนได้ 3 ประเทศ คือ สหรัฐ ญี่ปุ่น และออสเตรเลียค่ะ

เมื่อ2-3 วันที่ผ่านมา ตื่นมาช่วงเช้า ได้ยินคลื่นความถี่สูงในอากาศ และคล้ายกับกระแสลมตีในอากาศ และการสั่นกระเพื่อมใต้ภิภพ ยังสงสัยว่าเพราะอะไร? ทำไมอยู่ดี ๆ จึงถึงรับรู้ได้อีก ทั้ง ๆ ก่อนหน้าก็ปกติ

ประกอบกับเมื่อวานที่ผ่านมา หน้าหนาว มีเกิดฝนฟ้าคะนอง หรือ ฝนตก ซึ่งหน้าหนาว ไม่น่าจะตก จึงรู้ได้เลยว่าเกิดจากเหตุใด

และขณะนี้คลื่นความถี่แม่เหล็กสูงในอากาศ ยังมีมากอยู่ ใต้ภิภพ ยังกระเพื่อมอยู่ สถานการณ์ตองกา เกิดที่แปซิฟิคใต้ สำหรับประเทศไทยคำเตือนสึนามิ ยังใช้ใช้ได้เสมอ (มีข้อแม้ว่า พลังงานมวลรวมของประเทศ มีมากพอที่จะสร้างตามข่ายปกป้องเอาไว้)

คลื่นความถี่สนามแม่เหล็ก ถูกส่งเข้ามาช่วยเหลือโลก เพราะโลกไม่สามารถผลิตคลื่นความถี่นี้ได้ โดยเฉพาะมนุษย์คือ ตัวการสำคัญ แม้กระทั่งจิตยิ้มเอง รู้ก็รู้อยู่ ก็ยังทำไม่ได้ อัตตามันใหญ่กว่าปัญญา คลื่นพลังจิตด้านบวก เป็นคุณอนันต์แก่โลกค่ะ

 

มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่พบได้ ยืนยันออกมาแล้วค่ะ ตามวีดีโอด้านล่าง

คลื่นความถี่ ที่เป็นคลื่นแม่เหล็กความถี่สูงที่อยู่ในอากาศ
1.บางครั้งก็สัมผัสได้ ถึงอ้างว้าง ความวังเวง
ชวนให้หดหู่

2.บางครั้งก็สัมผัสได้ ถึงความสงบสงัด อบอุ่นใจ

โลกของเรา ไม่ได้โดดเดี่ยวเดียวดาย เราเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล โลกของเราต้องอาศัยพระอาทิตย์ กับดวงจันทร์ และเราต้องอยู่ในระบบสุริยะ เอกภพมีระบบหลายล้านระบบ ดำรงอยู่ได้ โดยไม่ชนกันให้เกิดการระเบิดแตกสลาย เพราะ แต่ระบบมีความสมดุลในตนเอง ที่จะรักษาให้คงไว้อยู่ได้อย่างปลอดภัย หากระบบใดเสื่อมมาก ๆ ย่อมมีการปรับสมดุล มิเช่นนั้นสิ่งนั้นต้องแตกสลาย ดับลงไป

คลื่นความถี่สูงที่ส่งมาจากจักรวาล คือ การยกระดับพลังงานโลก เข้าสู่ยุคใหม่ คือ ยุคศิวิไลซ์ค่ะ

 

ขอรวบรวมข้อความสำคัญที่ตอบโพสต์ที่อื่นมารวบรวมไว้ที่เดียวกันค่ะ เผื่อหาดูทีหลังจะได้ค้นไม่ยาก



ผู้ไม่เข้าไปหาย่อมหลุดพ้น วิญญาณเป็นผู้รู้ เมื่อเพ่งอยู่เป็นเนื้อเดียวกับวิญญาณ ย่อมเสวยผลเป็นอารมณ์ทันที
เมื่อตั้งมั่น รู้ธรรมเฉพาะหน้า จะเห็นแยกกัน ระหว่างผู้รู้ และสิ่งที่ถูกรู้ ไม่ระคนกัน ความตั้งมั่นรู้ธรรมเฉพาะหน้า เป็นเขื่อนกั้นการไม่เข้าไปหาค่ะ

.....................


ผู้รู้แจ้ง กับ ผู้หลง เป็นคนละสิ่งกันค่ะ

มีสภาวะเดียวกัน คือ คลื่นอนุภาคพลังงาน

ผู้รู้แจ้ง เป็นสภาวะรู้บริสุทธิ์

ผู้หลง เป็นผู้รู้แจ้งอายตนะ

ผู้หลงเริ่มกำเนิดตอนเข้ามาในกฎไตรลักษณ์ และเริ่มเกิดสังขารปรุงแต่ง หน้าที่เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ เมื่อหยั่งรู้แจ้งแล้ว จึงดับไป

ผู้รู้แจ้งบริสุทธิ์ ถูกบดบังโดยผู้แจ้งอายตนะ

ผู้รู้แจ้งอายตนะ (วิญญาณ) รู้แจ้งแต่อายตนะ ถ้าหลงไปกับอายตนะ ที่ไม่ใช่ตน แล้วยึดว่าเป็นตน จึงเกิดอวิชชาค่ะ

หากผู้รู้แจ้งอายตนะ รวมเป็นหนึ่งเดียวกับผู้รู้แจ้งบริสุทธิ์ได้ จะหยั่งรู้สัจจะความเป็นจริง และเพิก อวิชชาได้

เหมือนการเข้าถึงแสงสว่าง ความมืดก็หายไป

https://palungjit.org/threads/วลีเด็ดคือ-สักว่ารู้-คือใครรู้-และรู้อะไร.782052/

https://palungjit.org/threads/วลีเด็ดคือ-สักว่ารู้-คือใครรู้-และรู้อะไร.782052/page-3

 

ปัญหาที่ทางกระผม รู้สึกจะเจอบ่อยมาก เมื่อเราช่วยให้ผู้หลงทาง กลับมายังเส้นทางที่ถูกที่ควร และเมื่อไรที่เขา กลับไปสู่กลุ่มเดิมของตน หากเขาจิตใจไม่เข้มแข็งพอ มักจะย้อนกลับวังวนเดิมอยู่บ่อยครั้ง หากปล่อยเขา กลับสู่พลพรรคเดิม พลพรรคเดิมมักชักจูงอย่างร้อยเล่ห์แสนกล ไม่ว่าจะยก ต.ย.เทคโนโลยีล้ำยุคล้ำสมัยมา พร้อมกับถ่ายทอดความเชื่อที่ว่า มีเทคโนโลยีดังกล่าวอยู่ในมือ ตนก็สามารถอยู่เหนือสรรพสิ่งได้ โดยไม่แยแสผู้ใด พร้อมกับแสดงผล ถึงความสามารถที่ทำให้สำเร็จความปรารถนาทั้งหลายได้อย่างง่ายดาย ที่ซึ่งพวกเขาไม่เคยรู้มาก่อน ว่าด้านเดียวที่ตนสัมผัสเสมือนจริงนั้น แท้จริงเป็นเพียงโลกธาตุของพวกเขา มันเป็นเพียงมายาภาพ ของโลกมายาของพวกเขาเท่านั้น นั่นคือการหลอกตนเองโดยไม่รู้ตัว แน่นอนว่าย่อมเป็นเพราะความรู้ที่ไม่รู้แจ้ง/หลงผิด ยกตนเป็นดั่งพระเจ้าผู้อยู่เหนือสรรพสิ่ง (ต.ย. แก็ง V2K )
"อวิชชา" ที่นำพาพวกเขาให้หลงทางหลงผิด
การจะช่วยเหลือใครสักคนให้ตาสว่าง มันต้องมีกรรมที่ถึงพร้อมควบคู่กันไปด้วย ไม่ว่าจะ การเปิดใจของผู้รับสาร(ไม่อคติ,ไม่ก่อกวน,ไม่ต่อต้าน) และอีกอย่าง การมี ต.ย. ที่ชัดเจน,ไม่ว่าจะตรรกะ กฏความเป็นไป ที่ผู้บอก ต้องเข้าถึงพร้อมมีความรู้,เข้าใจ และสามารถอธิบายได้ดีพอสมควร แล้วนำไปใช้ในการประกอบการบอกเล่า,สอนแก่ผู้รับสาร
แต่ถึงกระนั้นก็ไม่จำเป็นถึงระดับที่ผู้บอกต้องเบียดเบียนตนเอง(เว้นแต่จำเป็นหัวเด็ดตีนขาด) ทำบุญทำเพียงพอประมาณตน ครั้นจะเบียดเบียนตนมากไปก็ใช่เรื่อง เดี๋ยวมีสิทธิ์จะได้ไม่คุ้มเสีย ยิ่งลงทุนกับจำพวกทนงตนหลงตนเอง แถมชนิดที่เป็นจำพวกไร้ความสามารถในการรับผิดชอบผลของสิ่งที่ตนได้กระทำลงไปด้วยแล้ว -_-"
#เจาะจงบาปกรรมที่ผู้กระทำไร้ความสามารถที่จะรับผิดชอบได้ (โดยเฉพาะ อนันตริยกรรมต่างๆ,และบาปกรรมหนักๆทั้งหลาย)
เรื่องบางเรื่องสิ่งบางสิ่ง ปล่อยให้มันเป็นไปตามเวรตามกรรมบ้างก็น่าจะดี อย่างน้อยๆผู้ได้เผชิญกรรมจะได้มีโอกาสได้ศึกษาค้นคว้าทดลอง,ลองผิดลองถูก หาทางออกเองด้วยตัวเองบ้าง(จะได้จำไปแบบยากที่จะลืม) แล้วเราคอยชี้แนะอยู่อย่างมีระยะสักหน่อย พอเป็นครั้งคราว(ตามความเหมาะสม)


# Void จุดมืดบอดไร้ซึ่งแสงสว่างในเอกภพ ที่ๆมืดสนิทชนิดที่แสงสว่างส่องไปไม่ถึง *นรกโลกันต์ ในพุทธภูมิ
ครั้นเมื่อทำให้เกิดแสงสว่างได้
( *สร้างหัว(ตะ)เกียง ที่มี ฉัพพรรณรังสีได้ )
ควรเพิ่มหลักสูตรครู(ฝึก)แก่หัว(ตะ)เกียง เพื่อให้เกิดการสร้างเครือข่ายแสงสว่าง ในแรกเริ่ม ผู้สร้าง ควรให้ความคุ้มครองแก่หัวเกียงสักระยะหนึ่ง จนกระทั่งหัวเกียงเพิ่มจำนวน(แบบระบบเครือข่าย) แล้วค่อยปล่อยให้พวกเขาขยายกลุ่ม(โดยติดตั้งทักษะความเป็นผู้นำและทักษะครู ให้ด้วย) เพิ่มจำนวนรุ่นสู่รุ่นแบบระบบเครือข่าย
#ต.ย. ธุรกิจระบบเครือข่ายที่ดีอย่าง Amway สามารถนำมาใช้เป็นต้นแบบ ระบบบริหารจัดการเครือข่ายแนวรูปแบบระบบดังกล่าว โดยนำมาใช้ในการดัดแปลงสำหรับกรณีดังกล่าวได้ (ระบบเครือข่าย/แนวร่วม)

*การสร้างผู้นำเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นที่สุด

 

การค้นพบข้อมูลใหม่ เนื้อในแกนกลางของโลก คือ "ซูปเปอร์ไอโอนิค"


เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว
ระวังแผ่นดินอธรรม จะถล่มถมทะเล

สิ่งที่ทั่วโลกกังวลใจว่า รัสเซีย ถล่ม ยูเครน ในเวลานี้ จะเป็นชนวนที่นำไปสู่สงครามโลก ครั้งที่ 3 ตามคำทำนายของนอสตราดามุสหรือไม่

เปลี่ยนความคิดผู้นำโลกได้ ก็เปลี่ยนแปลงโลกได้เช่นกัน (ชะตากรรมโลก อยูที่ความคิดของผู้นำ)

สถานการณ์โลกในขณะนี้ปัญหามลภาวะมันหนักหนาสุดเยียวยา มหันตภัยกำลังคืบคลานเข้ามาสู่มวลมนุษยชาติแล้ว

จากข้อมูลใหม่ทางวิทยาศาสตร์ ที่มนุษย์ค้นพบใจกลางโลก ที่เป็นการค้นพบค่อนข้างประหลาด และหาคำตอบว่ามันมีนัยยะอย่างไร

https://www.dailynews.co.th/news/772034/

การค้นพบข้อมูลใหม่ โครงสร้างของแกนโลกชั้นใน
เหล็กที่แก่นโลกชั้นในสุดอยู่ในสถานะ "ซูเปอร์ไอออนิก" ไม่ใช่ทั้งของแข็งหรือของเหลว

ลึกลงไปใต้ชั้นของเปลือกโลก เนื้อโลก และแก่นโลกชั้นนอกที่เป็นโลหะหลอมเหลว ยังคงมีแก่นโลกชั้นใน (inner core) ที่เป็นของแข็งทรงกลมเส้นผ่านศูนย์กลาง 1,220 กิโลเมตรอยู่อีกด้วย แต่ผลการศึกษาล่าสุดโดยทีมนักวิทยาศาสตร์จีนชี้ว่า เหล็กที่อยู่ในโครงสร้างโลกชั้นนี้กลับอยู่ในสถานะพิเศษที่ไม่ได้เป็นทั้งของแข็งหรือของเหลว
ผลการศึกษาดังกล่าวมาจากการสังเกตคลื่นแผ่นดินไหว ซึ่งหักเหเบี่ยงเบนทิศทางและเปลี่ยนแปลงความเร็วจนช้าลง ขณะเคลื่อนผ่านแก่นชั้นในของโลก รวมทั้งข้อมูลจากการสร้างแบบจำลองคอมพิวเตอร์ก็ยืนยันว่า b2y แก่นชั้นในมีความหนาแน่นต่ำกว่าจะเป็นเหล็กแข็งล้วน แต่มีแร่ธาตุน้ำหนักเบาผสมอยู่จนทำให้เนื้อของมันนิ่มกว่าที่ควร
แร่ธาตุน้ำหนักเบาภายในแก่นโลกชั้นในนั้น น่าจะเป็นโลหะผสมอย่างเหล็กอัลลอย ซึ่งมีองค์ประกอบเป็นอะตอมของเหล็ก, คาร์บอน, ไฮโดรเจน, และออกซิเจนเกาะกลุ่มอยู่ด้วยกัน โดยเหล็กอัลลอยซึ่งอยู่ภายใต้อุณหภูมิและความดันสูงแบบสุดขั้วนั้น ไม่ได้อยู่ในสถานะของแข็ง ของเหลว หรือก๊าซ เหมือนกับสสารทั่วไป แต่อยู่ในสถานะกึ่งกลางระหว่างของแข็งและของเหลวซึ่งก็คือซูเปอร์ไอออนิกนั่นเอง
"มันแปลกมากทีเดียว การที่อะตอมของเหล็กแข็งตัว ไม่ได้ส่งผลจำกัดหรือเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ไหลเวียนของอะตอมธาตุเบา พวกมันยังคงเป็นตัวการพาความร้อนภายในแก่นโลกชั้นในได้อย่างต่อเนื่อง"



สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ ได้ค้นพบได้ยืนยันคำของสิ่งศักดิ์ได้ดี ที่เคยกล่าวไว้ว่า

"สิ่งมีชีวิตทั้งหลายช่วยสนับสนุนการสั่นสะเทือนใจกลางโลกได้อย่างไร?

แก่นแท้ใจกล่งดาวเคราะห์โลก ต้องการประจุบวกจากสิ่งมีชีวิตทั้งหลายไปทำปฏิกริยาทางไฟฟ้ากับอนุาภาคประจุลบของอ๊อกซิเจนบริสุทธิ์ 100% ที่เข้มข้นเหนียวหนืดคล้ายตังเม สีคล้ายเปลือกแมลงทับ

อนุภาคประจุบวกของสิ่งมีชีวิตบนพื้นผิวโลกสร้างขึ้น จะแทรกซึมผ่านชั้นดินและชั้นหินลงสู่ใจกลางโลก เพื่อสร้างปฏิกริยาทางไฟฟ้า กับอนุภาคประจุลบของอะตอมออกซิเจนเหลวบริสุทธิ์ จนก่อให้เกิดการระเบิดแตกตัวของออกซิเจนนั้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จากกระบวนการนี้ ก็คือ การหลุดออกจากแก่นแท้ของอะตอมออกซิเจนแล้วแทรกซึมผ่านชั้นหินและดินสู่พื้นผิวโลกและฟุ้งกระจายไปในบรรยากาศอย่างกว้างขวาง นอกจากนั้นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอีกประการหนึ่งก็คือ การแพร่กระจายของสนามแม่เหล็กซึ่งถูกเหวี่ยงจากภายในออกมาภายนอกอย่างนต่อเนื่อวงจากการระเบิดแตกตัวของออกซิเจนในใจกลางโลกนั้นด้วย

ความสมดุลด้านความเข้มสนามแม่เหล็กโลก เป็นปัจจัยสำคัญของทุกสิ่งมีชีวิตบนพื้นผิวดาวเคราะห์โลก

โดยปกติแล้วคลื่นความถี่สนามแม่เหล็กโลกจะไม่เกิดขึ้นเลย หากไม่มีมนุษย์คอยช่วยเหลือด้วยการปลดปล่อยคลื่นการสั่นสะเทือนของจิตสำนึกด้านบวกของตนออกมา

เมื่อโลกกำลังขาดความสมดุลทางพลังงาน มนุษย์ทุกคนบนโลกส่วนใหญ่ทำหน้าที่ของความเป็นมนุษย์ไม่ได้ คือ การปลดปล่อยคลื่นพลังจิต อันเป็นความรัก ความปราถนาดี ไม่มุ่งร้ายทำลายกัน ส่งผลให้โลกเสื่อมความสมดุลทางพลังงานมากยิ่งขึ้น (มนุษย์โลกต้องสร้างจิตสำนึกร่วมหมู่ และเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้)

สงครามโลกครั้งที่ 3 ไม่มีวันเกิดขึ้น อาวุธนิวเคลียร์ ขีปนาวุธ และอาวุธเชื้อโรคเป็นมหัตภัยร้ายแรง หากศาสตราวุธที่แต่ละรายสั่งสมกันไว้นั้น หากกดปุ่มพร้อมกัน มันสามารถทำลายโลกนี้ได้เพียงนาทีเดียว

หากไม่รีบเปลี่ยนจิตสำนึกใหม่ จักรวาลจะปิดมิติอันเลวร้ายนี้ ด้วยมหันตภัยธรรมชาติ ด้วยการชำระจิตวิญญาณพวกเขาอีกครั้ง เนื่องจากจักรวาลหยั่งรู้ว่าบทสรุปมันคืออะไร

 

หมอกโลหะ แข็งเหมือนแป้งกวน นุ่มๆนิ่ม แต่ก็มีธาตุหนักหลายๆตัวผสมอยู่ และมีไอออนเยอะมาก มีลักษณะเหมือนแม่เหล็กไฟฟ้าที่เป็นฟองน้ำ ตรงจุดนี้ มันคือดวงจิตของโลกธาตุ ซึ่งเป็นหัวใจของเจ้าที่โลก(พระเจ้าของโลก #เหมือนจิตเจ้าที่,เจ้าป่าเจ้าเขา จิตวิญญาณของป่าของภูเขา ร่างกายเขาคือบริเวณป่า,ภูเขา) ดาวโลก(ธาตุ) มีตัวจิตที่เห็นตัวเองเป็นคนๆหนึ่ง พวกเราจะถูกคนๆนั้น เห็น/รับรู้/สัมผัส ว่าเราเป็นเพียงอนุมูลอิสระ /เซลล์ ที่อยู่ในร่างกายของเขาเท่านั้น ขณะที่พวกเรา ต่างก็เป็นดวงจิตของเซลล์ในร่างกายของเขาเช่นกัน #มิติซ้อนมิติ
แผ่นกระเบื้องที่ปูพื้นแผ่นหนึ่ง ยกตัวขึ้น แปลงเป็นลูกบอลกลมๆ มีแกนโลกธาตุเป็นดวงจิต -> หมดอายุ -> แตกออก เป็น 10 ชิ้น .แกนกลายเป็นดวงอาทิตย์ของระบบ ,10 ชิ้นที่แตกออก เป็นดาวบริวาร แต่ละชิ้นมีแกนของตัวเอง -> แตกออก รุ่นสู่รุ่น -> จนเป็น แสนล้านชิ้น -> 1ระบบ แกแล๊กซี่ !!!@
https://palungjit.org/threads/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B8%82%E0%B8%B6%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%88%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2.784407/#post-11713523] จิตวิญญาณ

 

มาแล้ว!! คลื่นความถี่สูงในอากาศ หรือ กระแสพายุแม่เหล็ก และการเคลื่อน การกระเพื่อมไหว ใต้ภิภพ ที่มีการเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ไม่รู้จะมีความรุนแรงมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับคลื่นแม่เหล็กที่ถูกส่งเข้ามามีมากน้อยเพียงใด

 

ประจุไฟฟ้าหนาแน่นมาก อเมริกา พายุทอร์นาโดถล่มไอโอวา 6 มี.ค. 65 เวลา 09.34 น
.

https://vt.tiktok.com/ZSeEc2Fht/

https://vt.tiktok.com/ZSeEcho17/

ออสเตรเลียเจอน้ำท่วมหนักในรอบ 1000 ปี 2 มี.ค 65

https://vt.tiktok.com/ZSeEcXypS/





กรุงแบกแดด 5 มี.ค 65 เปลี่ยนกลางวันเป็นกลางคืน ด้วยพายุทราย

https://vt.tiktok.com/ZSeEcaNfS/

และอีกหลายประเทศในช่วงสัปดาห์นี้ นับตั้งแต่คลื่นพายุแม่เหล็กถูกส่งเข้า นับแต่วันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา



ทันที่ที่คลื่นพลังงานแม่เหล็กความถี่สูงเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศมาสู่โลกเป็นระลอกนั้น คลื่นพลังงานที่ถูกส่งเข้ามาใหม่ จะเกิดปฏิกริยากับคลื่นพลังงานไฟฟ้าเดิมที่ดำรงอยู่ในสนามพลังงานโลก การหมุนวนของพลังงานจะเกิดขึ้น ก่อให้เกิดพายุแม่เหล็กในอากาศอย่างฉับพลันและรุนแรง ปรกฎการณ์ของมายา พายุหมุนวนพัดเอาเมฆมารวมตัวกัน จนเกิดเป็นพายุฝนฟ้าคะนอง

พายุหมุนที่เกิดจากกระบวนการนี้ จะรุนแรงมากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 ประการ

1.ปริมาณของคลื่นพลังงานแม่เหล็กความถี่สูงซึ่งถูกส่งเข้ามา

2.ปริมาณก้อนเมฆหรือความชื่นในอากาศ บริเวณที่คลื่นเดินทางผ่าน

นี้เป็นปรากฎการณ์ของจักรวาล ก็เป็นเพียงเพื่อส่งผ่านคลื่นพลังงานมายังโลกด้วยวัตถุประสงค์อื่นเท่านั้น

แต่ถ้าวันแห่งหายนะโลกอันเกิดจากต้นเหตุมนุษย์เป็นชนวนเหตุ ก่อนวันหายนะคลื่นความถี่สูงพร้อมไอเย็นมายังดวงอาทิตย์ของระบบสุริยะ จะก่อให้เกิดคลื่นความถี่วิทยุและพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่เข้มข้นสูงสุดในรอบ หนึ่งหมื่นสองพันปี แผ่กระจายลงมาด้วยอัตรความเร็ว 1 ล้านกิโลเมตรต่อหนึ่งชั่วโมง เมื่อพายุแม่เหล็กจากฟากฟ้าพุ่งผ่านเข้ามาสู่บรรยากาศโลกได้ มันจะพุ่งตัวอัดกระแทกกับพื้นโลกในทันที จะก่อให้เกิดพายุแม่เหล็กรุนแรง ท้องฟ้า่วิปริตแปรปรวน และฝนฟ้าคะนองบดบังแสงอาทิตย์เป็นระยะเวลายาวนาน เกิดวิกฤตใหญ่ไปทั่ว ขณะที่สายฟ้าอัดลงมาแระแทกยังโลกนับไม่ถ้วน ทุกสิ่งที่ถูกกระแทกมันจะพังทะลายลงมากองกับพื้นชั่วพริบตา ไม่ละเว้นแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่ต้องล้มลงกับกองเถ้าถ่านของซากปรักหักพังเหล่านั้น

ถ้าระบบใดในจักรวาลอันไพศาลนี้ เสียสมดุลไปมาก กระบวนการทางเทคนิคก็ยิ่งรุนแรงมาก ผลลัพธ์ของกระบวนการในมิติกายภาพ ที่มนุษย์สัมผัสได้จะเป็นความหายนะที่รุนแรงขึ้นตามไปด้วย

ขณะที่พวกเขาพากันกลัวอุกาบาตจะพุ่งชนโลก
พวกเขากลัวการโจมตีของชนชาติอื่น ด้วยอาวุธที่ทันสมัยกว่า และพวกเขาพากันกลัวมนุษย์ต่างดาว แต่พวกเขากลับมองข้ามภัยอันตรายจากอาวุธร้ายที่ตนเองสร้างขึ้น และหายนะกำลังจะเป็นไปตามคำพยากรณ์ของศาสดา ซึ่งประเด็นแรกจะไม่มีวันเกิดขึ้นเลย หากพวกเขารีบเปลี่ยนจิตสำนึกของตนให้ถูกกต้องเสีย และแน่นอนว่าจะประเด็นต่อมามันก็จะไม่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน หากไม่กระทำท้าทายกันอยู่อีกต่อไป

คำพยากรณ์ของนอสตราดามุสในตอนหนึ่งกำลังจะเกิดเป็นความจริงแล้ว

การท้าทายคำพยากรณ์ กับการพิสูจน์ว่าคำพยากรณ์ล้วนเป็นจริง อาจจะต้องเกิดขึ้นในอีกไม่ช้าแน่นอน

เมื่อนั้น มนุษย์โลกจะรับรู้ว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในจักรวาลล้วนมีจริง และไม่มีผู้ใดมีอำนาจเหนือธรรมชาติได้

 

รับรู้ใต้พิภพ เริ่มมีการกระเพื่อม

"ยักษ์หินที่ถูกสาบเป็นเวลานาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาทโลก

ตามข่าว 1 ชม. ที่ผ่านมา สหรัฐส่งอาวุธเข้ามาช่วย รัสเซียนำนักรบซีเรียเข้ามา และถล่มอาวุธกันอย่างไม่มีท่าทีว่าจะ...หยุด

ขอนำพุทธทำนายมาลงอีกครั้ง
พุทธทำนาย

จากศิลาจารึกในมหาวิหารเจตมหาเชตวัน ณ สวนมฤคทายวัน ประเทศอินเดีย

โดยคณะฑูตไทยที่ไปอันเชิญพระบรมสารีริกธาตุเมื่อปี พ.ศ.2485

อรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นพระสัพพัญญูรู้แจ้งโลกทั้งในอดีตและใน อนาคต ทรงมีเมตตากรุณาแก่สัตว์โลกเป็นล้นพ้นเมื่อครั้งพระองค์ดำรงพระชนม์อยู่ ได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่า

อานันทะ ดูก่อนอานนท์ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี (ก่อน พ.ศ. 2560)

จะเกิดการณ์ร้ายแรง จะมีการรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน

ฝนเหล็กจะตกจากอากาศ ไฟจะลงมาจากอากาศ

จะเผาผลาญประชาชนให้พินาศ จะมีการล้มตายซึ่งกันและกันเป็นอันมาก

ดูก่อนอานนท์ เมื่อศาสนาของของตถาคต ล่วงเลยไปก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี (ก่อน พ.ศ. 2560)

สัตว์โลกทั้งหลาย ที่เกิดในยุคนั้น จะพบแต่ความลำบาก ทุกชาติทุกศาสนา

ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนของโลก ที่หมุนไปใกล้ความแตกสลาย

แผ่นดินแผ่นน้ำจะลุกเป็นไฟ มนุษย์และสัตว์จะได้ รับภัยพิบัติสารพัดทั่วทุกทิศ

คนในสมัยนั้นจะมีนิสัยโหด ดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าอำมหิต

จะรบราฆ่าฟันกันเอง ถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ

ส่วนเวไนยสัตว์ ผู้ขวนขวายในกุศลตามวจนะของตถาคต ก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง

บ้านเมืองใดมีความเคารพยำเกรงใน พระรัตนตรัยและคุณบิดามารดา

เหตุร้ายภัยพิบัติจะเบาบาง แต่ก็จะหนีกฎธรรมชาติไม่พ้น

แต่ว่า ดูก่อนอานนท์ก่อนกึ่งพุทธกาล ๑๕ ปี จะถือว่าเป็นการณ์ร้ายแรงหาได้ไม่

ทั้งนี้ก็เพราะว่าหลังกึ่งพุทธกาลไปแล้วนั้น

อานันทะ ดูก่อนอานนท์ หลังกึ่งพุทธกาล (ช่วงหลัง พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป)

จะมีความร้ายแรงมากกว่าก่อนกึ่งพุทธกาลมาก
ยักษ์นอกพุทธศาสนาจะรบราฆ่าฟันซึ่งกันและกัน ต่างฝ่ายจะล้มตายกันฝ่ายละมาก ๆ
สมณะ ซี พราหมณ์ จะล้มตาย จะตายไปฝ่ายละครึ่งจึงเลิกรากัน
สำหรับประเทศที่นับถือพุทธศาสนาจะมีภัยเหมือนกัน แต่ไม่ร้ายแรงนัก

เริ่มแต่พุทธศาสนาล่วงเลย 2,500 ปี เป็นต้นไป (ช่วงหลัง พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป)

ไฟจะรุกรามมาทางทิศตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม สมชีพรามณ์จะอดอยากยากเข็ญ

ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ มหาสมุทธจะชอกซ้ำ

สงครามจากทั่วทิศศึกจะติดเมือง ข้าวจะขาดแคลนทั่วแคล้นจะอดอยาก

ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง พระเสื้อเมือง ทรงเมือง จะหนีเข้าไพร

ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจ จะเรียกแมลงผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ

ยักษ์หินที่ถูกสาบเป็นเวลานาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาทโลก

ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน ตลิ่งจะพัง แผ่นดินจะถล่มเป็นทะเล

โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ นักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ

ในระยะนั้นศาสนาของตถาคตจะเสื่อมลงมาก เพราะพุทธบริษัท ไม่ต้องอยู่ในศีลธรรม

เชื่อคำคนโกง กล่าวคำเท็จ ไม่เคารพรักธรรมนิยม คนประจบ สอพลอได้รับความเชื่อถือในสังคม

ผู้ที่มีศีลธรรม ประพฤติดี ประพฤติชอบ กลับไม่มีใครเคารพยำเกรง

พระธรรมจะเริ่มเปล่งรัศมีฉายแสงส่องโลกอีกวาระหนึ่งก็ต่อเมื่อ
มีธรรมิกราชโพธิญาณบังเกิดขึ้น อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเถระผู้ทรงธรรมฤทธิ์
ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องต้นตะวันออกของมัชฌิมประเทศ
จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคต ให้รุ่งเรืองสืบไปถึง 5,000 พระวัสสา

ดูก่อนอานนท์ เวลานั้นพลโลกเหลือน้อยมาก

คำทำนายของตถาคตนี้ ย่อมยังเวไนยสัตว์ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท

ผู้ใดรู้แล้วไม่เชื่อ นับว่าเป็นกรรมของสัตว์ ที่ต้องสิ้นสุดไปตามกรรมชั่วของตน

 

มนุษย์ผู้เปลี่ยนแปลงโลกได้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจที่จะเลือก

วังเวง ! ณ เวลาขณะนี้ อยากให้นักวิทยาศาสตร์โลก ใช้เครื่องตรวจจับมวลความหนาแน่นของคลื่นความถี่สูงในอากาศ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

เรื่องของมิติพลังงาน กับมิติกายภาพ ที่ทุกสรรพสิ่งของจักรวาล เป็น กระบวนการ 2 มิติ


https://vt.tiktok.com/ZSdNU1xWm/




ซึ่งมิติกายภาพ เป็นภาพบ่งบอกชี้ถึงกระบวนการพลังงานที่กำลังก่อปฏิกริยาสัมพันธ์ เกิดปฏิภาคเพื่อส่งเป็นภาพลักษณ์ให้มองเห็นได้

เมื่อมิติกายภาพบอบช้ำ หากมองลึกลงไปจะเห็นอนุภาคพลังงานขาดความสมดุลหรือ หรือกวัดแกว่ง หรือ ซัดส่าย หรือ ควบคุมไม่ได้





โลกเรากำลังประสบชะตากรรมแบบดาวอังคาร

https://vt.tiktok.com/ZSdNU2D3U/

 

มหัศจรรย์วันล้างโลก

กล่าวผิดตรงไหน ให้เอาปากกามาวง


นับตั้งแต่คำพยากรณ์ ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยการแจ้งเตือนข่าวสารจากจักรวาล เพื่อให้มนุษย์รู้ล้วงหน้า จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจเผชิญหน้ากับสิ่งเลวร้ายอย่างไรบ้าง ที่วัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ

1 เพื่อนกระตุ้นจิตสำนึกมนุษย์
2 เพื่อต้องการทราบการตัดสินใจของมนุษย์

เผ่าพันธ์มนุษย์แห่งดาวเคราะห์โลก กำลังดำเนินชีวิตไปในวิถีทางไม่ถูกต้อง ห่างไกลจากความเป็นจริงเข้าไปทุกที สังคมมนุษย์ถูกแบ่งแยกออกจากกันจนขาดความเป็นหนึ่งเดียวกัน

จิตสำนึกที่ตกต่ำของมนุษย์โลก นอกจากจะนำไปสู่ความหายนะของสังคม มันยังทำให้โลกขาดแคลนพลังงานหนักขึ้น ทรัพยากรธรรมชาติลดน้อยลง เชื้อโรคร้ายวิวัฒนากลายพันธ์ตนเองเป็นภัยแก่ชีวิตมนุษย์มากขึ้น ก่อความรุนแรงด้วยอำนาจในสังคมล่อแหลมต่อการเกิดสงคราม ด้วนอาวุธเคมี และรังสีปรมาณูมากขึ้น จนแม้การขาดแคลนพลังงานในมิติคู่ขนาน ที่มนุษย์ จะต้องเป็นผู้ให้ต่อโลกผ่านกระบวนการจิตสำนึกอันเป็นกลไกที่เป็นบ่อเกิดของพลังงานที่โลกต้องการ ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของจิตวิญญาณในการมาสู่รูปธรรมมนุษย์ในระบบโลกที่ยุคพลังงานเก่าถูกปกปิดมิติไว้ไม่ให้ล่วงรู้ จนก่อให้เกิดปรากฎการณ์ขาดความสมดุลพลังงานรุนแรงขึ้นทุกวัน เช่นโลกหมุนรอบตัวเองช้าลง จนแกนหมุนอาจเอียงพลิกคว่ำได้ จนระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกไม่อาจยกตัวประสานกับสนามพลังงานจักรวาลในระดับเหมาะสม จนไม่อาจป้องกันอุกาบาต และเทหวัตถุจากนอกโลกซึ่งจะพุ่งชนโลกให้ย่อยยับได้ หากปล่อยเอาไว้ และไม่ไดรับการแก้ไข หรือช่วยเหลือโลก


ความเป็นจริงก็ใกล้กับคำพยากรณ์ขึ้นมาทุกที

จักรวาลรู้ดี ว่ามนุษย์โลกจะต้องเผชิญกับเงื่อนไขหรือสถานการณ์ใดบ้าง แต่จักรวาลไม่อาจล่วงรู้ว่า เมื่อแต่ละคนเผชิญกับสถานการณ์นั้น ๆ แล้ว มนุษย์แต่ละคนตัดสินใจอย่างไร

มนุษยฺมีทางเลือกเสรีที่จะตัดสินใจกระทำตอบต่อสิ่งเร้าใด ๆ ที่เป็นเงื่อนไขของตนได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับ ยอมตาม การตอบโต้ หรือการต่อต้าน สามารถกระทำได้ทั้งสิ่งถูกและผิด ด้วยจิตสำนึกของตนที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกทางอารมณ์จากการสั่นสะเทือนทั้งทางด้านบวกและด้านลบก็ไดทั้งสิ้น ทุกคนล้วนเป็นอิสระในการคิดและการตัดสินใจด้วยตนเอง โดยจักรวาลมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือคอยโปรแกรมมันไว้แต่อย่างใด เมื่อตัดสินใจกระทำลงไปแล้ว หากพบว่าไม่เป็นที่พอใจหรือเห็นว่าไม่ถูกต้อง มนุษย์ก็สามารถจะเปลี่ยนใจด้วยการตัดสินใจใหม่ ในเรื่องนั้น ๆ ได้อีกตามต้องการ หรือแม้กระทั่งว่าไม่ตัดสินใจเลยก็ได้ ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้มนุษย์เรียนรู้มากขึ้นเรื่อย ๆ จะได้ตัดสินใจถูกต้องกว่าเดิม ในการตัดสินใจครั้งต่อไป

คำทำนาย คือ การสื่อความรู้ใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ในรูปของคำพยากรณ์ใด ๆ ก็ตาม จักรวาลไม่มีความประสงค์จะให้หวาดวิตกหวั่นกลัวและหยุดไว้แค่อารมณ์รู้สึกนั้น โดยมิได้หาทางป้องกันแก้ไขสิ่งใดเลย บริบทการคิดและการกระทำที่ถูกต้องกว่าซึ่งจะสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงอนาคตของมนุษย์ได้ กลับถูกละเลยมันไป แม้จะรู้ล่วงหน้าถึงภัยพิบัติก่อนที่มันจะเกิดเป็นร้อย ๆ ปี ด้วยซ้ำ

ครั้งแล้ว ครั้งเล่าที่คำพยากรณ์ล้วนเป็นจริง เนื่องจากมนุษย์ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงจิตสำนึกของตนเองเลย ความวิบัติเลวร้ายที่มนุษย์จะต้องเผชิญ กลายเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิตไป ทั้ง ๆที่ตัวมนุษย์แต่ละคนนั่นต่างหากเป็นผู้ลิขิตมันเอง

 

"เมษา หน้าหนาว" เกิดอะไรขึ้น!!

นิมิตเตือนมนุษยชาติ ระวัง! กระบวนการ pole shift (โลกพลิกกลับขั้ว)

คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

กับเรื่องราวตามสื่อต่าง ๆ ที่ดึงดูดเรื่องต่าง ๆ มาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อกำลังสื่อนัยยะอะไรบางประการ

และเมื่อหลายวันก่อน ปรากฎการณ์บนท้องฟ้าของดวงจันทร์ และดวงดาว ในเวลาเดียวกัน แต่คนละวัน และตำแหน่งของดวงจันทร์ และดวงดาว แตกต่างกันอย่างเอะใจ และ ณเวลาใกล้เคียงกัน ตี 4 ถึงตี 5 สีของท้องฟ้าดำอมส้ม เกือบครึ่งโลก

และเรื่องราวต่าง ๆ pop up ขึ้นมาที่เข้ามาเองโดยไม่ได้ตั้งใจ
เทรนด์ ทวิตเตอร์ "เมษา หน้าหนาว" ขึ้นอันดับ 1 เมื่อวานนี้

จากเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ดึงดูดเข้ามาในเนื้อเรื่องราวของวีดีโอเด็กถือปืน รถดิ่งหัวลง เหมือนกับว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องการจะสื่อนัยยะ ผ่านเรื่องราวที่คล้ายกับการกำลังเกิดขึ้นบนโลกนี้พอดี

แกนหมุนของโลกส่ายเป็นวงคล้ายลูกข่าง รอบละ 21,000 ปี ทำให้แต่ละพื้นที่ของโลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ไม่เท่ากันในช่วงเวลาเดียวกันของแต่ละปี


แกนของโลกเอียงเป็นสาเหตุทำให้เกิดฤดูกาล โดยจากการศึกษาของนายมิลูติน มิลันโกวิช (Mitulin Milankovitch)พบว่าการเปลี่ยนแปลงความเอียงของแกนโลกและลักษณะวงโคจรมีความสัมพันธ์กับการเกิดยุคน้ำแข็ง หากโลกได้รับแสงจากดวงอาทิตย์น้อยลงเพียง 1% อุณหภูมิของโลกจะลดลงจนเกิดน้ำแข็งปกคลุมไปทั่วโลก

ปรากฏการณ์อันตราย เมื่อสนามแม่เหล็กโลก ‘สลับขั้ว’


(ภาพ-NASA Scientific Visualization Studio)
ปรากฏการณ์อันตราย เมื่อสนามแม่เหล็กโลก ‘สลับขั้ว’


“สนามแม่เหล็กโลก” เป็นเหมือนสนามพลังที่ล้อมโลกเราอยู่โดยรอบ ทำหน้าที่สำคัญเป็นเสมือนเกราะกำบังโลกทั้งใบจากอนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าจำนวนมหาศาลไม่ให้ผ่านเข้ามาถึงพื้นโลก ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายบนพื้นโลกปลอดภัยจากรังสีสุริยะที่อันตรายได้

1. อย่างไรก็ตาม สนามพลังที่มีคุณอนันต์ดังกล่าวนี้ไม่ได้อยู่ในสภาพเสถียร หากแต่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

​

ศาสตราจารย์ฟิล ลิเวอร์มอร์ และศาสตราจารย์จอน มาวด์ นักฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยลีดส์อธิบายเอาไว้ว่า เมื่อเกิดการสลับขั้วสนามแม่เหล็กโลกนั้นสนามพลังที่มีอยู่ไม่ได้หายไปจนหมดเสียทีเดียว แต่จะเปลี่ยนรูปไปอยู่ในรูปของสนามพลังที่อ่อนแอลงแต่มีรูปแบบซับซ้อนมากขึ้น พลังของสนามแม่เหล็กโลกอาจอ่อนลงราว 10 เปอร์เซ็นต์ของที่มีอยู่ในเวลานี้ ขั้วแม่เหล็กโลกอาจเลื่อนไหลลงมาอยู่ในบริเวณเส้นศูนย์สูตรก็ได้ หรือกระทั่งเกิดปรากฏการณ์สนามพลังแม่เหล็กที่มีหลายขั้วเหนือและหลายขั้วใต้ก็เป็นได้

และคำเตือนล่วงหน้า มีสิ่งหนึ่งที่สังเกตดูได้ จะมีการปลดปล่อยประจุไฟฟ้าสถิตย์ในชั้นบรรยากาศที่สะสม เนื่องจากสนามแม่เหล็กโลกผันผวนอย่างหนัก

สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่า มนุษย์ยิ่งทำลายเพื่อนร่วมโลกของตนมากขึ้นเท่าไหร่ ก็เท่ากับว่ามนุษย์กำลังทำลายระบบของตนเองมากขึ้นเท่านั้น นอกจากการสร้างขยะที่รกโลกแล้ว มนุษย์ยังทำลายระบบของตนเอง ทำลายสิ่งแวดล้อมในระบบโลก การเสียสมดุลของดาวเคราะห์โลกที่เป็นระบบใหญ่ ซึ่งหมายถึงมหันตภัยธรรมชาติที่วิปริตผิดธรรมชาติที่มนุษย์ทั้งโลกต้องเผชิญ

หลายคนมองว่าเป็นเรื่องไกลตัว เกิดขึ้นได้ยาก และมันมีระยะเวลาการเกิด ความไม่แน่นอน คือ ความแน่นอน ความไม่เสถียรของพลังงาน ขึ้นอยู่กับเหตุที่สร้างไว้ ไม่มีใครควบคุมมันได้ ประวัติศาสตร์การล้างโลกล่าสุด คือยุคโรมัน และยุคที่สื่อให้มนุษย์ได้รู้กันได้ คือ ยุคแอตแลนติค ส่วนใหญ่แล้วประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ คือยุคที่วัตถุเจริญ แต่จิตใจมนุษย์ตกต่ำสุด ซึ่งล้วนแล้วหนีห่างจากสัจจะความจริงของมนุษย์

มนุษย์เริ่มยึดติดตัวตนมายารูปลักษณ์ แล้วเพาะบ่มกิเลสตัณหาขึ้นมา แทนที่คุณสมบัติสุญญตาภายในจิตใจ จนต่างลืมหน้าที่ของจิตวิญญาณของตนเองไป มัวแต่สนองความต้องการของจิตหยาบ จนไม่รู้จักคำว่า "พอ"

พยายามสร้างสิ่งใหม่ ๆ เทคโนโลนีใหม่ ๆ ในมิติโลกกายภาพขึ้นไว้มากมาย และผลิตสร้างขยะในมิติพลังงานขึ้นมาในระบบโลกไม่น้อย มนุษย์ยุคที่ผ่านมานั้นมีการแก่งแย่งอำนาจขิงดีชิงเด่นกัน ทำสงครามด้วยอาวุธทันสมัย ทำลายกันด้วยผลผลิตเทคโนโลยี เบียดเบียนกันเอง และแย่ที่สุดหันมากินเลือดกินเนื้อพวกเดียวกันอย่างโหดเหี้ยม (กินเลือดเนื้อของสัตว์โลกเป็นอาหาร)

ผลลัพธ์สุดท้าย การเก็บกวาด และการชำระล้างเพื่อความสมดุลของโลก ทั้งระบบใหญ่ ก็อาจเกิดขึ้น อย่างที่เคยเกิดมาแล้วในอดีตทั้ง 3 ครั้ง อาจเกิดขึ้นมาจริง ๆ ในยุคนี้

 

จริงหรือไม่!!

จริงหรือไม่จริง แต่จะเลื่อนปัดไปดูวีดีโออื่น ด้านล่าง ปัดลงไปเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ อัพขึ้นมาที่วีดีโอนี้อย่างเดียว...

โลกของเรา จะไปในแนวทิศทางใด คนโบราณให้มีหลักสังเกตุ ให้ดูดินฟ้าอากาศ เข้าไว้

สัญญาณเตือน..ที่ท้องฟ้าเริ่มหม่น ตั้งแต่ช่วงเช้าเมื่อวาน ไม่เห็นดวงอาทิตย์หลายชั่วโมง และหลังจากนั้น ฟ้าไร้เมฆ ท้องฟ้าเริ่มมีสีขาวขุ่นเป็นท้องน้ำ

และเสียงวิ้ง ๆ ในอากาศ ควบแน่น และเสียงดัง เรียกว่ามวลความถี่สูงในอากาศมีมาก

เตรียมตัวให้พร้อมที่จะเผชิญทุกสถานการณ์...

ดูเหมือนว่าสถานการณ์โลกจะดีขึ้น ยุโรปเริ่มลดการยุติคว่ำบาตร ประชาชนเริ่มชุมนุมประท้วงและขัดขวางละประท้วงการขนอาวุธของ NATO เพื่อส่งเข้ายูเครน

ทิศทางการยุติการสงคราม น่าจะเป็นไปในทิศทางที่ดี

แต่.....ดิน ฟ้า อากาศ กลับส่งสัญญาณตรงกันข้าม

โลกเราเปรียบดั่งผลส้ม เมื่อสถานที่ใดสถานที่หนึ่งถูกกระทบ ย่อมสะเทือนทั่วถึงกัน

ถึง..แผ่นดินที่เป็นจุดศูนย์กลางการสั่นสะเทือน ยังมีเวลาเหลืออยู่อีก ที่จะบรรเทาความบอบช้ำของโลก จากภัยพิบัติที่รุนแรงซึ่งจะเกิดขึ้น และลดทอนเคราะห์ภัยที่ตนเองกับเพื่อนมนุษย์ในสังคมเดียวกันจะต้องเผชิญลงได้บ้าง มันเป็นทางสวยงามที่จักรวาลผู้มากด้วยความรักต่อมนุษย์ จะยินดีผ่อนหนักเป็นเบาให้เสมอ เพื่อเปิดโอกาสให้มนุษย์ที่พร้อมต่อการเปลี่ยนจิตสำนึกใหม่ ให้ดำรงอยู่เพื่อการสร้างโลก ร่วมมือกันกับโลกในยุคพลังงานใหม่ต่อไป

จักรวาล ได้ให้ข้อมูลเพื่อหยั่งรู้ การตัดสินใจของมนุษย์

จักรวาลยืนยันว่า สงครามอันเลวร้ายที่จะล้างเผ่าพันธ์มนุษย์และทำลายโลก มันจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้อีกต่อไปแล้ว

ภัยธรรมชาติที่จะทำให้โลกแตกดับ มันไม่มีโอกาสเกิดขึ้นดั่งคำทำนายของใครอีกต่อไปเช่นกัน

แผ่นดินตรงจุดศูนย์กลางของการสั่นสะเทือน

พวกเขาคือผู้นำในการทำลายกฎเกณฑ์ทางกายภาพของจักรวาลอันเป็นกรรมร้ายแรงยิ่ง

พวกเขาพยายามชนะธรรมชาติ ทำลายระบบนิเวศน์ของโลก ทำลายความสมดุล ทำลายความเป็นหนึ่งเดียวในสังคมมนุษย์โลก แสวงหาความมีอำนาจเหนือมากกว่าแสวงหาพลังอำนาจในตนเองเพื่อการหยั่งรู้แจ้ง ขาดจิตสำนึกที่ตั้งมั่นอยู่บนพื้นฐานของความรัก ภายในจิตใจมีเพียงวัตถุกับอำนาจเหนือ เพื่อคอยบงการจิตวิญญาณของมนุษย์ส่วนใหญ่ให้หลงติดยึดหลงไหลไปกับมัน

มนุษย์โลกส่วนใหญ่ยังไม่อาจล่วงรู้ความจริงของตนเองบางประการ ทีเกิดจากจิตสำนึกไม่ถูกต้องซึ่งเกิดขึ้นติดต่อกันมาหลายปีตามเวลาโลกแล้ว โดยมนุษย์ผู้ก้าวร้าวและมีพลังอคติทางวิญญาณต่อเพื่อนร่วมโลกจากอดีตชาติอย่างรุนแรง ปัจจุบันพวกเขายังคงร่วม ขบวนการแสดงพลังอำนาจทางปัญญาของแต่ละคน ในบทบาทของผู้นำทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และพ่อพระ
ในสังคมโลก โดยมีพลังงานด้านลบซ่อนเร้นอยู่ภายในเพื่อมุ่งหวังต่อการเป็นเจ้าโลก ยึดกุมทุกสรรพสิ่งเอาไว้ในกำมือของพวกตนให้จงได้ พวกเขาคิดสร้างอำนาจให้ตนเองด้วยเทคโนโลยีอันสูงส่ง และบทบาทนักบุญใจบาปที่คนทั้งโลกรู้จักดี แม้บุคคลกลุ่มน้อยเหล่านี้ จะไม่ใช่ระดับผู้นำประเทศมหาอำนาจอย่างเป็นทางการแม้แต่คนเดียว พวกเขาก็จะสามารถสร้างความสับสนให้เกิดแ่ก่คนส่วนใหญ่ได้ในวันหน้า แม้การคิดการใหญ่ของพวกเขาจะไม่มีวันสำเร็จได้ก็ตาม

บุคคลเหล่านี้ได้สร้างความสัมพันธ์กับรูปธรรมจากดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ที่อยู่ในจักรวาลนี้และจากต่างกาแล๊กซี่ โดยยอมตนทอดสะพานให้รูปธรรมที่ไม่สมดุลทั้งทางร่างกายและจิตสำนึก นำเทคโนโลยีอันสูงส่งจากต่างพิภพเข้ามาแลกกับข้อมูลจำเพาะของ มนุษย์โลกบางอย่างกลับไป บางครั้งมนุษย์ก็ต้องแลกด้วยชีวิตและจิตวิญญาณกันเลยทีเดียว ความจริงเหล่านี้ถูกปกปิดมิดกันตลอดจนมนุษย์ส่วนใหญ่ยังเชื่ออยู่ว่ารูปธรรมหรือคล้ายมนุษย์ในต่างพิภพ เป็นนิยายวิยาศาสตร์ หรือในจินตนาการเท่านั้น

ความบ้าคลั่งทางวัตถุที่มนุษย์กลุ่มหนึ่งที่มีจิตวิญญาณชั่วร้ายคิดสร้างมันขึ้นมา มนุุษยฺจำนวนมากถูกครอบงำทางความคิด ทางการเมือง ทางสังคมความเป็นอยู่ ทางอารยธรรมที่หยาบกระด้าง ทางเศรษฐกิจที่พวกเขายึดกุมไว้ในมือ ทำตัวเป็นผู้ชี้นำและบงการจิตวิญญาณของผู้ที่ด้อยกว่าอย่างเหิมเกริม ในบทบาทของผู้ดีที่เคลือบแฝงความคิดชั่วร้ายเอาไว้ภายในใจ

แผ่นดินที่เป็นจุดศูนย์กลางของการสั่นสะเทือน คือ

1.ผู้ที่ใช้อำนาจทำลายอำนาจเพื่ออำนาจ
2.พวกที่ใช้อำนาจทางวัตถุเทคโนโลยีทำลายชีวิตเพื่อชีวิตของตน
3.พวกที่ใช้อำนาจทางปัญญา ทำลายศรัทธา เพื่อชี้นำจิตวิญญาณและคอยบงการให้อยู่ใต้อำนาจของพวกตน
4.พวกที่ใช้โอกาสทำลายโอกาสเพื่อเปิดโอกาสของพวกตน

ลักษณะ 4 ประการ คือ คุณสมบัติด้านลบจากจิตสำนึกด้านลบของผู้สร้างทั้งหลาย ที่ทำลายความสมดุลและความเป็นหนึ่งเดียวกันของสังคมและระบบโลก ซึ่งเป็นการกระทำผิกกฎเกณฑ์ทางกายภาพของจักรวาลอย่างร้ายแรง

สภาพความเป็นไปของมนุษยชาติที่ย่ำแย่ลงทุกวัน นับวันยิ่งใกล้เคียงคำพยากรณ์เข้าไปทุกที ที่ทั่วโลกจะต้องเกิดกลียุค จนจักรวาลจะต้องเข้ามาปรับความสมดุลของระบบโลก ก่อนความเลวร้ายใด ๆของพวกเขาจะทำให้โลกหายนะ

 

มีคนถามว่า เกิดอะไรขึ้น โลกแตกหรือ!

สาส์นเตือนมนุษยชาติ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจกำหนดชะตาของโลก

พุทธพยากรณ์ เป็นคำตรัสที่เกิดขึ้นจริงเพียงหนึ่ง ไม่มีสอง ทรงตรัสไว้อย่างไร จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเป็นคำพยากรณ์ที่เกิดจากเหตุที่สะสมไว้จากอดีตที่กระทำไว้ เช่นการสร้างบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า

พุทธทำนาย เป็นการหยั่งรู้อนาคต ถึงเหตุการณ์ล่วงหน้า กับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ถ้าเหตุปัจจัยเปลี่ยน อนาคตก็เปลี่ยนแปลงได้

ปัจจุบันนี้ สถานการณ์โลกเป็นไปตามพุทธทำนายหลายประการแล้ว

สาสน์เตือนมนุษยชาติร่วมกันเปลี่ยนแปลงชะตาโลก จากหนักให้เป็นเบา

โลกยังไม่ถึงกาลแตกดับ

แต่โลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปตามวัฏจักร ตอนนี้มีการช่วยเหลือโลก โดยกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่การยกระดับพลังงานให้สูงขึ้น

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้วนมีจริง การช่วยเหลือโลกกำลังเกิดขึ้นจริง

 

ตื่นตา ! ปรากฎการณ์พลังงาน..ที่ภูเขา ..หนึ่ง.ในประเทศรัสเซีย

https://vt.tiktok.com/ZSdDXbe1j/

หลายคนได้คอมเม้นทฺ์ไปต่าง ๆ นานา แต่มีบางคนให้สังเกตดูออร่า

 

เมื่อคืนได้นำข้อมูล "กบกินเดือน" ตามตำราโบราณที่มีตำราโบราณที่เชื่อถือกันมา
ตำนาน กบกินเดือน เป็นเรื่องเล่าพื้นบ้านที่แสดงความเชื่อของชาวบ้านในการอธิบายเหตุเกี่ยวกับการเกิดสุริยคราสและจันทรคราสซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติซึ่งผู้คนในอดีตเชื่อว่าเกิดขึ้นเพราะอิทธิปาฏิหาริย์และสิ่งเหนือธรรมชาติที่มีพลังอำนาจศักดิ์สิทธิ์





และการเฝ้าจับตามอง ที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เคยแจ้งเตือนวันหายนะ จะเกี่ยวกับปรากฎการณ์ของ "คลาส'

แต่...ได้ลบไปออกไป.. อันเนื่องมาจากเมื่อเช้าเปิดข้อมูลเข้ามาในเว็บเจอกับสิ่งที่ผิดปกติในกระทู้นี้ ประกอบกับความต้องการลึก ๆ ภายในจิตใจที่ต้องการทำ แต่ความนิ่งของจิตไม่แน่นอน ที่จะรับสิ่งที่เหนือธรรมชาติได้เสมอไป แต่สิ่งที่กระทู้นี้ให้ปรากฎการณ์มาตลอด คือ ถ้าจิตนิ่งเรื่องจะไหลมาเอง ถ้าเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งที่จะสื่อ เรื่องจะได้ข้อมูลมาเอง ถ้าอยากจะลงแบบอยากลงด้วยใจอยาก ก็ลงไม่สำเร็จมีเหตุดลใจให้ต้องลบไป

และสิ่งสำคัญคือ เหตุการณ์ที่ต้องเผชิญในชีวิตมันเป็นบทสอบที่หนักหนา คือ..อัตตา.. ที่มันใหญ่ในชีวิตมนุษย์ ที่ยากเย็นแก่บุคคล อัตตาของมนุษย์เป็นตัวการสำคัญ

หากใครได้อ่าน จะมีข้อมูลเกี่ยวกับพลังจิตของมนุษย์ส่งผลต่อแรงหมุนรอบตัวของโลก เมื่อโลกมีแรงเหวี่ยงหมุนเร็วเกินไป จะมีผลต่อมิติของกาลเวลาที่อยู่ระดับสูงกว่า แต่ถ้าโลกมีแรงเหวี่ยงที่ระดับต่ำเกินไป จะมีผลต่อมิติกาลเวลาที่อยู่ต่ำกว่า ซึ่งภาพมายาที่ได้เห็นคือ การหมุนตัวรอบตัวเองของโลกที่สัดส่าย และสภาพอากาศที่แปรปรวน

ภายในระยะเวลาที่ผ่านมา โลกมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้นรุนแรงจะขนาดไหน มนุษย์โลกก็รับภัยธรรมชาติมาตลอดเกือบ 20 ปี จนมนุษย์เริ่มจะเคยชิน จนเลิกกลัวกับภัยธรรมชาติ และหลายคนก็ไม่เกรงกลัวเลย



ถึงแม้ข้อมูลที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์สื่อเตือน มันจะเป็นเหตุเป็นผลที่สนับสนุนความจริงได้อย่างดี แต่มนุษย์โลกก็ตัดสินใจที่จะเลือกทางเดิน ที่ตนเองเห็น โดยมีอัตตามาสนับสนุน

ถ้ามันไม่เป็นจริง โลกคงไม่ร้อนระอุ ด้วยสภาพภูมิอากาศบ่งชี้ความเป็นไปของโลก

ข้อมูลที่ลบไปมันเป็นเหตุเป็นผล เป็นข้อมูลที่เพียงพอแก่บุคคลที่มีอำนาจในการกำหนดชะตากรรมของโลก แต่จิตยิ้มไม่อาจจะบอกได้ว่า วันที่ 30 เมษายน 2565 ที่จะถึงนี้ มันจะเกิดความหายนะ แก่โลกมากน้อยเพียงใด แต่อยากให้เเฝ้าจับตามอง ภายใน 40 วัน นับแต่วันเกิด "คลาส" เกิดอะไรขึ้นกับโลกบ้าง

แต่ที่แน่ ๆ อุณหภูมิของโลก ได้กำหนดชะตากรรม ห่วงโซ่อาหาร ของคนในโลก สิ่งศักดิ์ช่วยเหลือโลก เป็นระยะ โดยการตรวจพลังงานแล้วทดแทนพลังงานที่ตกต่ำ โดยกระทำต่อใจกลางแกนโลก อาจจะเกิดขึ้นที่ใต้มหาสมุทร ผลกระทบที่เกิดกับแผ่นดินไม่มาก หรือ มากกกกกก ไม่มีใครทราบได้

ถ้ามนุษย์เลือกที่ต้องการให้โลกดำเนินไปแบบนี้เรื่อย ๆ ก็แสดงว่ามนุษย์ก็พร้อมจะรับกับชะตากรรม การขาดแคลนอาหาร อาวุธชีวภาพ และโรคระบาดที่รุนแรงขึ้น

ผู้ที่ปลอดภัย และรอดพ้นจากภัยต่าง ๆ ชะตากรรมภายในจิตใจของละคนเป็นผู้เลือกไว้แล้ว

สำหรับประเทศไทยของเรา คำเตือนที่ยังใช้ได้เสมอ ถ้ามนุษย์รู้ว่า การชำระโลกด้วยกระบวนการทางเทคนิคของจักรวาล คือ การสร้างความสมดุลใหม่ในที่ ๆ มันขาดความสมดุลไป การชำระระบบโลกบนแผ่นดินสยามก็มิอาจละเว้นได้เช่นกัน ถ้าเสียสมดุลมากการกระทำทางเทคนิคย่อมจริงจังมากตามไปด้วยเช่นกัน ถ้าเสียสมดุลไปเพียงเล็กน้อย เมื่อเทียบกับแผ่นดินอื่น ๆ การกระทำทางเทคนิคย่อมน้อยลงเช่นกัน

สิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยไปแล้ว

- ทุกภาคจะได้รับเคราะห์ภัยน้ำท่วม
- ในเมืองใหญ่จะผจญภัยน้ำท่วมติดต่อกันยาว
นานกว่าเดิม และต้องเผชิญปัญหาอื่นที่ทุกข์ยากซ้ำซ้อน
- การขาดแคลนอาหาร น้ำดื่ม ยารักษาโรคจากภัยธรรมชาติ และมนุษย์จากแผ่นดินอื่นเดินทางเข้ามาพึ่งพาเป็นจำนวนมาก
- แผ่นดินชายฝั่งทะเลจะต้องเผขิญกับพายุรุนแรง น้ำทะเลสูงผิดปกติ และคลื่นยักษ์
- ภาคเหนือ กลาง ใต้ บางส่วนจะเผชิญแผ่นดินไหว
-ไฟป่า เส้นทางน้ำป่าจากภูเขาเปลี่ยนทิศทางเข้าสู่เมือง
- เกิดน้ำพุร้อน หรือก๊าซในทะเล หรือในป่า บางพื้นที่ อันเกิดจากการระเบิดอัดใจกลางของโลก อย่างรุนแรง
- อุบัติเหตุจากความประมาท การขับขี่ยานพาหนะด้วยความเร็วสูง และในกลุ่มอุตสาหกรรมเคมีพลาสติกหรือสารพิษระบบโลก ขณะเกิดพายุแม่เหล็กรุ่นแรง
- สถานที่เคยทำเกษตรกรรมได้ จะถูกเปลี่ยนย้ายไปที่ใหม่ที่ไม่เคยทำได้ผลมาก่อน (จะเกิดไหม)

ซึ่งทุกข้อที่กล่าวมา เกิดขึ้นจริงแล้วในหลายเรื่อง และเหลือบางเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น

และนอกจากนั้น ผลกระทบจากการกระทำทางเทคนิคของจักรวาล ยังส่งผลด้านลบต่อตัวมนุษย์ เช่นเดียวกัน

มนุษย์ที่เครียดจัด โกรธง่ายจะหายช้า และปวดศรีษะอย่างรุนแรง

มนุษยฺที่ขาดความสมดุลทางอารมณ์ จะครองสติตนเองได้ยาก จนตัดสินใจผิดพลาดมากขึ้น

ผู้ที่มีจิตใจไร้คุณธรรม จะเผชิญเคราะห์ภัยมากกว่าคนอื่น

มนุษย์จะเผชิญหน้ากับการต่อสู้เพื่อการรู้แจ้งระหว่างมนุษย์ด้วยกันที่รุนแรงขึ้น

มนุษย์ตื่นกลัวใฝ่หาที่พึ่งทางใจทั้งเหมาะสม และไม่เหมาะสมมากขึ้น

คนชั่วจะแสดงความชั่วให้ปรากฎ และเป็นอุปสรรคต่อผู้อื่น ด้วยการกระทำที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

มนุษย์บางคนจะระเบิดจิตสำนึก ครองสติไม่ได้อีก และร่างกายบางส่วนใช้งานไม่ได้เนื่องจากกรรมหนัก

ผู้ที่กระทำผิดต่อพระพันธสัญญา อกตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้มีพระคุณ กระทำผิดคิดชั่วต่อสายเลือดเดียวกัน จะได้รับผลกรรมไม่ต้องรอภพชาติหน้า

ผู้ที่เคยทำกรรมต่อผู้อื่นไว้มาก อาจจะได้รับผลกรรมทันทีที่ประมาท การเจ็บป่วยเรื่องจากต่อไร้ท่อทำงานผิดปกติ และอุบัติเหตุ

มนุษย์จะขัดแย้งทางความคิดกันมากขึ้น จนสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งที่รุนแรง

เกือบทุกข้อที่จิตยิ้มประสบมาด้วยตนเอง และข่าวของบุคคลต่าง ๆที่ต้องประสบชะตากรรม ตามที่กล่าวมามากมายจากสื่อต่าง ๆ.ล้วนเกิดขึ้นจริง และตนเองก็ได้พิสูจน์ความจริงมาแล้วด้วยตนเอง

แผ่นดินสยามผู้ที่เคยมีความดีงามและความสุขสงบมีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรมชาติ มีวัฒนธรรมดีงามให้แก่ลูกหลาน มันค่อย ๆ แปรเปลี่ยนไปตามกระแสของเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์ตะวันตก จนพากันละทิ้งศาสตร์ทางจิตวิญญาณอันเป็นศาสตร์ของจักรวาลไปจนหมดสิ้น

ความสัมพันธ์ในครอบครัวขาดความเป็นหนึ่งเดียวกันมากขึ้น

ผู้คนในสังคมขาดความรักบริสุทธิ์ต่อกันมากขึ้น กระทำโหดร้ายต่อกันมากขึ้น

มนุษย์ทำลายความสมดุลทางธรรมชาติ จนเสียความสมดุลมากขึ้น

คลั่งไคล้เทคโนโลยี มากกว่าการคลั่งไคล้ความดีงามต่อกัน

พากันงามงานอวิชชา ศรัทธาไปในสิ่งที่ไม่รู้มากกว่าการสร้างแสงสว่างทางปัญญา มองเห็นศาสนาเป็นเรื่องคร่ำครึ

คนในสังคมกล้าทำความชั่ว มากกว่าการทำความดีงาม


พลังงานด้านลบที่เกิดขึ้น ณ แห่งนั้น มันยังคงอยู่อย่างนั้น มิได้สูญหายไป เมื่อถึงคราวเคลียร์พลังงาน จะเกิดภัยธรรมชาติเข้าเคลีย สิ่งที่ได้คือ ความเสียหายที่เกิดขึ้น กับที่แห่งนั้น ที่มีคนสร้างพลังงานลบเอาไว้ เรื่องแบบนี้ได้เกิดให้ตนเองสัมผัสแล้วว่าเป็นอย่างไร แต่ถ้ามีพลังบุญเสียงสวดมนต์ การนั่งสมาธิ ช่วยลดทอนได้ แม้จะเกิดในสถานที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่มันก็เกิดให้ได้ประจักษ์จริง ๆ เป็นผลที่สาวไปหาเหตุได้ ที่มามันคืออะไร และทำไมมันเป็นอย่างนี้ ซึ่งไม่เคยเกิดมาก่อน และอีกที่หนึ่งทำไม่ไม่เป็นเหมือนกัน


ถึงแผ่นดินที่เป็นศูนย์กลางของการสั่นสะเทือน

https://www.blockdit.com/posts/626a1dffdf28cccaba3fc37d

มันคงมิใช่เรื่องบังเอิญ ที่ได้เกิดการปัดหน้าจอไปที่ข้อความนี้ถึง 2 ครั้ง

คลาสแต่ละครั้งเป็นเรื่องที่ควรระวัง และทุกเหตุการณ์ที่สื่อเตือนได้เกิดขึ้นแล้วกับมนุษย์ และเหลือบางเรื่องที่ยังไม่เกิด..เท่านั้น...

ถ้าคลาสครั้งนี้มันยังไม่ถึงกำหนดชะตาฟ้าดินที่จะนำโลกเข้าสู่เป็นแผ่นดินธรรมที่แท้จริงมากขึ้น

แต่ความลับเบื้องหลังมิติโลกอันเป็นมิติคู่ขนาน ที่ผลลัพธ์พลังงานอันเกิดการการปฏิสัมพันธ์กับคลื่นพลังงานในมิติคู่ขนาน เป็นไปในทำนองเดียวกันกับพลังงานรวมด้านบวกจากจิตสำนึกมนุษย์นั่นเอง

บัดนี้จะละเลยเหลวไหลต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ถ้าอยากอยู่รอดปลอดภัย ก้าวไปสู่ยุคพลังงานใหม่ในไม่ช้านี้

https://vt.tiktok.com/ZSdfRmTT7/



จงค้นหาสติปัญญาอันเป็นพลังอำนาจในตนเองให้พบ ด้วยการเลิกงมงายและอยู่ภายใต้การชี้นำหรือบงการของผู้อื่น (ไหลไปตามสิ่งเร้า) จงเร่งกำจัดกรรมของตนด้วยการตัดสินใจกระทำต่อผู้อื่นให้ถูกต้อง และจงทำจิตสำนึกตนเองให้สั่นสะเทือนด้วยความรักและเมตตา มอบให้แก่โลกและทุกสรรพสิ่ง เพื่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันให้จงได้

พลังงานลบที่มีมากมายในตนเอง ได้สำแดงออกมา รู้เช่นเห็นชาติ นิสัยตนเองในอดีต เกิดวิบากกรรมแก่ร่างกาย และเกิดความผิดปกติของพลังงานในร่างกาย การยอมรับและสำนึกผิด พร้อมยอมเปลี่ยนแปลง แม้จะไม่ได้ 100% แต่ก็เป็นเจตนาตั้งต้น พร้อมที่จะชำระตนเองด้วยความเป็นธรรม สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การหาย ดีขึ้น ได้รับการเปลี่ยนแปลงพลังงานจักรวาลตามคำสั่งใหม่ เปลี่ยนรหัสใหม่ตามอำนาจใหม่ที่ได้รับโดยอัตโนมัติ

เล่าสู่กันฟังค่ะ สวัสดี ขอให้ปลอดภัย แคล้วคลาด แล้วพบกันใหม่ เมื่อถึงเวลา

--------------------- จบ ------------------

 

สัญญาณท้องฟ้าสีแดง เมื่อวาน 7 พ.ค. 2022 ไม่แน่ใจว่าประเทศไหน แต่ถ้ามองที่ประเทศไทย คือ เกิดขึ้นทางทิศตะวันออกของไทย

https://vt.tiktok.com/ZSdmCvR67/

 

มาแล้วค่ะ...แล้วพบกันใหม่เมื่อถึงเวลา ไม่รู้ว่าเวลาไหน เวลาอะไร?

คืออย่างนี้ค่ะ ตั้งใจจะไปลงเรื่องนี้อีกกระทู้หนึ่ง ที่เกี่ยวกับเรื่องการเจ็บป่วย เพราะบอกว่าหยุด ก็ลังเลว่าจะเอาอย่างไร กระทู้นี้ มีFC 4000 กว่าคน นับตั้งแต่หยุดลงโพสต์ (ยอดอ่าน) อีกกระทู้โน้น มี FC 300 คน ยอดอ่าน ก็เราบอกไว้แล้วนี่ว่าจะหยุด งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา แต่พอไปลงโพสต์กระทู้นั้น ถ้าออกไปเพื่อไปเอาเรื่องอ้างอิงที่อื่นมาลง ข้อมูลจะหายไป ถึงสองครั้ง แต่พอลงกระทู้นี้ข้อมูลยังอยู่

ก็แสดงว่าลงกระทู้นี้แหละ เหมาะสม ทำได้

แม่นจนขนลุก คำทำนาย 12 รัชกาล ในยุครัตนโกสินทร์ อยู่ ๆดี ๆ ก็นึกถึงข้อมูลนี้มาและได้ไปค้นคว้าว่า เป็นอย่างไร

รัชกาลที่ 10 ชื่อว่า ชาวศรีวิไล
ประชาชนพลเมืองจะถึงซึ่งอารยธรรมอันแท้จริงในยุคนี้ ประเทศไทยจะเจริญรุ่งเรื่องยิ่ง ทั้งทางวิยาการ เศรษฐกิจ และ จริยธรรม พวกมิจฉาทิษฐิและอธรรมจะเสื่อมสิ้นไป หากไม่ตายด้วยคมหอกคมดาบ ก็จะต้องตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ เพราะเป็นยุคของอารยชนที่มีจิตใจเป็นธรรมเท่านั้น

แม่นจริง ๆ ค่ะ ทุกประโยคเลย คนที่คิดว่าตนเองเกิดในยุคอภิญญาสาธารณะ จะเข้าใจ

แล้วสมัยรัชกาลที่ 11

https://vt.tiktok.com/ZSdW7std4/?k=1



และอะไรทำให้ไทยก้าวเข้าสู่ไทยมหารัฐ และ ยุคศิวิไล ร.10 ที่ทำนายไว้กำลังเกิดขึ้นจริง ๆ ทุกประการ ณ ปัจจุบันนี้

สิ่งที่ควรระมัดระวังคือ คำที่กล่าวว่า ถ้าไม่ตายด้วยคมหอกคมดาบ ก็จะตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ
1.เกิดจากอาวุธชีวภาพฝือมือมนุษย์
2.เกิดจากธรรมชาติ เชื้อโรคยกระดับตัวมันเอง วิวัฒนาการ เข้ากันได้ตามแรงดึงดูดของพลังงานโลกที่ตกต่ำ
3.เกิดจากการใข้ชีวิตของแต่ละคน โดยเฉพาะความเครียด อาหาร และสภาพแวดล้อม
4.เกิดจากวิบากรรม เจ้ากรรม นายเวร

 

สิ่งที่บ่งบอกว่ายุคนี้คือ "ยุคศิวิไลย์" ที่ทำนายไว้ว่า พลเมืองจะเข้าถึงอารยธรรมที่แท้จริงในยุคนี้

แสงสว่างตรงกลาง หากนิ่งสงบไร้เงา ซ่อนอยู่เบื้องหลังธรรมชาติ คือความปราถนาสูงสุดของทุกจิตวิญญาณ ยุคศิวิไลย์มิได้สื่อเฉพาะ UFO เท่านั้น

https://vt.tiktok.com/ZSd76CTq5/?k=1

 

ยุคศิวิไลย์ พระยาธรรมิกราชา สื่อ..พระนิพพาน

https://vt.tiktok.com/ZSdEQXATY/?k=1

[