สายใต้พระนางตรา ๑๐๐ ปี พระพุทธนิมิตร พ่อท่านพลับ ๒๕๐๔

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญพระธรรมกายสมบัติพระจักรพรรดิ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามราชบุรี
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    get_auc1_img (10).jpeg
    IMG_20231120_134536.jpg IMG_20231120_134554.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2023
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    12509270321250927547l.jpg

    หลวงปู่ม่วง เป็นพระที่มีความเมตตา ไม่เคยดุด่าว่าใคร ทำให้ชาวบ้านต่างเลื่อมใสศรัทธาอย่างยิ่ง ท่านเคยปรารภว่า อยากให้ทุกคนมีความเมตตา โดยเมื่อมีเมตตาแล้ว สิ่งดีๆจะบังเกิดตามมา มีคำร่ำลือกันว่า หลวงปู่ม่วง มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ พูดสิ่งใด มักจะเป็นอย่างที่พูดเสมอ ท่านมีศิษยานุศิษย์ที่เคารพนับถือมีทุกระดับชั้น ตั้งแต่ข้าราชการ นักการเมือง พ่อค้าประชาชน ไปจนถึงประชาชนระดับรากหญ้า

    นอกจากนี้หลวงปู่ม่วงท่านยังเคยได้ปรนนิบัติรับใช้หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ จ.สมุทรสงคราม ร่วมกับหลวงปู่หยอด วัดแก้วเจริญ หลวงปู่ม่วงท่านจะมีอายุเท่าๆ กับหลวงปู่หยอด สมัยหลวงปู่หยอด ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะไปมาหาสู่กันบ่อยมาก เพราะท่านเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกัน
    ด้านวัตถุมงคล
    วัตถุมงคลที่หลวงปู่ม่วงได้อธิษฐานจิต เป็นที่ปรารถนาของบรรดาศิษยานุศิษย์ เพราะก่อให้เกิดอิทธิฤทธิ์ต่างๆอย่างมากมาย วัตถุมงคลที่เคยทำออกมา อาทิ เหรียญหลวงปู่ม่วง จัดสร้างปี พ.ศ.2528 งานปิดทองฝังลูกนิมิต จัดเป็นเหรียญรุ่น 1 ต่อมาได้จัดทำเชือกมงคลด้าย 7 สี เหรียญลงยา พระปิดตา ฯ วัตถุมงคลแต่ละรุ่นจะมีประวัติการสร้างไม่ซ้ำกัน ส่วนใหญ่ลูกศิษย์จะสร้างถวาย

    วัตถุมงคลต่างๆที่ลูกศิษย์ได้นำไปบูชานั้น ลูกศิษย์ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า โดดเด่นด้านเมตตามหานิยม และอยู่ยงคงกระพัน เคยมีผู้ที่มีประสบเหตุการณ์รอดตายจากอุบัติเหตุ รอดพ้นภยันตรายต่างๆ แคล้วคลาดไม่ได้รับบาดเจ็บมาหลายคน ทำให้เหล่าลูกศิษย์ต่างเชื่อมั่นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของวัตุมงคลของหลวงปู่ม่วง ที่คอยคุ้มครองปกปักรักษาให้ทุกคนปลอดภัย เสียงร่ำลือจากปากสู่ปากนี่เองทำให้ประชาชนชาวจังหวัดราชบุรี และประชาชนทั่วประเทศ มุ่งหน้าเดินทางมาที่วัดยางงาม เพื่อขอพร และให้หลวงปู่ม่วง เสกเป่ากระหม่อม เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตนเอง และครอบครัว วัตถุมงคลของท่าน ในปัจุบันก็มีให้บูชาบ้างไม่มากนัก ส่วนใหญ่ศิษย์จะทำถวาย เช่น เหรียญชุด 3 องค์ ชุบทอง นาค เงิน ท่านรองเจ้าอาวาสจัดสร้างขึ้นเพื่อหารายได้สร้างถาวรวัตถุภายในวัด,ล็อคเก็ตรูปเหมือนหลวงปู่ และยังมีตะกรุดจารมือหลายขนาด ขลังมาก
    หลวงปู่ม่วงมักจะถูกนิมนต์ ให้ไปร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลตามวัดต่างๆทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอยู่เป็นเนืองนิตย์ ท่านมีความคิดพัฒนาอยู่ตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ ทำให้ท่านมุ่งมั่นทำงานเผยแผ่พระธรรมอย่างต่อเนื่อง ยึดมั่นที่จะเดินหน้าให้ทุกคนรับความรู้สัจธรรมแห่งชีวิต สมกับฉายานามที่ได้รับเป็น พระเกจิอาจารย์แห่งลุ่มน้ำแม่กลอง แต่อย่างไรก็ตาม ท่านเคยกล่าวว่า “แจกธรรมะ ดีกว่าแจกพระเครื่อง”
    ท่านเรียนมาจากพระอาจารย์ท่าน คือ หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ สมัยหลวงปู่ใจ ยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะสร้าง ตะกรุดลูกอมโลกธาตุ ซึ่งถ้าท่านใดที่ชอบสะสมเครื่องรางจะรู้จักกันดี ตะกรุดอีกอย่างที่สร้างชื่อเสียงให้กับหลวงปู่ใจ คือ ตะกรุดนเรศวรปราบหงสา ซึ่งปัจุบันหาได้ยากมาก
    หลวงปู่ม่วงสร้างตะกรุดตามวิชาของอาจารย์ท่าน คือหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ ซึ่งมีการจัดทำขึ้นหลายขนาด ขนาดยาว 9 นิ้ว ก็มี แผ่นโลหะจะจารมือ และพอกผงพุทธคุณ เมื่อแห้งดีแล้วมีการลงรักปิดทอง แล้วจึงเขียนยันต์ด้วยลายมืออีกที ตะกรุดทุกดอกจะใส่เส้นเกษาหลวงปู่ลงไปด้วยครับ ตะกรุดที่สร้างท่านจะไม่ให้ลูกศิษย์ปัมพ์ยันต์เด็ดขาดต้องจารมือเท่านั้น นอกจากนี้ถ้าใครไปกราบท่าน ท่านจะแจกลูกอม บางครั้งก็เป็นรูปถ่ายหลังยันต์เพื่อให้ประชาชนนำกลับไปสักการะบูชา
    มรณภาพ
    เมื่อเวลา 10.17 น.วันที่ 22 ส.ค.2552 หลวงปู่ม่วง ได้มรณภาพอย่างสงบ ณ ตึกสงฆ์ โรงพยาบาลราชบุรี ด้วยโรคมะเร็งในต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้หลวงปู่มีโรคประจำตัวหลายโรคมีทั้งโรคไต โรคหัวใจ โรคระบบทางเดินหายใจ รวมอายุได้ 98 ปี 78 พรรษา

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มารูปภาพอย่างสูงครับ

    พระปิดตาหลวงปู่ม่วงวัดยางงามให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231120_134617.jpg IMG_20231120_134636.jpg
     
  3. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    398
    ค่าพลัง:
    +227
    จองครับ
     
  4. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    398
    ค่าพลัง:
    +227
    จองครับ
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    รับทราบครับ ขอบคุณครับ
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญพระไพรีพินาศวัดบวรนิเวศครบรอบ ๙๙ ปี กรมทหารช่างที่๑รักษาพระองค์
    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231120_211053.jpg IMG_20231120_211116.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    ประวัติเดิมของวัด.......
    วัดพระธาตุแสงแก้วมงคลเดิมเป็นพุธสถาน อันประกอบด้วยพระเจดีย์พระวิหาร ซึ่งมีซากปรังหักพังเหลือเพียงฐานอิฐซากวิหาร ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ทางทิศตะวันออกของตัวอำเภอดอกคำใต้ในปัจจุบันและมีสันเขาใหญ่ทอดยาวโอบล้อมรอบทุกด้านดุจกำแพงธรรมชาติ เป็นโบราณสถานที่มีอายุอยู่ระหว่างยุคของพ่อขุนรามงำเมืองกับพญาธุทธิเจียง ราว๕๐๐-๗๐๐ปีมาแล้ว ประมาณปีพ.ศ.๑๘๔๙-๒๐๔๙ โดยอาศัยหลักฐานเทียบเคียงจาก ก้อนอิฐ เหล็กลิ่ม และเครื่องถ้วยชาม ไหสังคโลก จากวัดใกล้เคียงที่มีหลักฐานศิลาจารึก
    ในยุคสมัยนั้นถือว่าความเจริญรุ่งเรืองของพระพุธศาสนาคือวิวัฒนาการความเจริญของบ้านเมือง ฉะนั้นในยุคที่บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข จึงปรกฏมีหลักฐานทางพระพุธศาสนามากมาย เช่นวัดวาอารามเจดียสถาน ดังนั้นความสำคัญของบ้านเมืองสังคมความเจริญผู้คนจึงถือจุดรวมศูนย์กลางอยู่ที่ศาสนาและวัฒนธรรม และความศรัทธาปสาทะทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจ มโนธรรมสะท้อนภาพจิตวิญญาณอันสูงส่งต่อพระพุธศาสนา ทั่วทุกหัวระแหงจึงมีแต่โบสถ์ วิหารเจดีย์ วัดวาอารามอยู่ดาษดื่นทั่วไปที่มาของวัดพระธาตุแสงแก้วมงคลมงคลแต่ก่อนนั้นก็ล่มสลายไปตามกาลเวลาต่อมาก็เลือนลางถูกธรรมชาติ ต้นไม้ เครือเขาขึ้นปกคลุมเหลือทิ้งไว้แต่สิ่งก่อสร้างที่ปรักหักพังคือร่องรอยแห่งความเจริญของพระพุธศาสนาที่บรรพบุรุษบูรพาจารย์ได้รังสรรค์ประติมากรรมศิลปกรรมแห่งประวัติศาสตร์ไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษาและค้นคว้าเจริญรอยสืบทอดต่อไป
    จุดบูรณะการสร้างวัด.........
    ก่อนที่จะมาปฏิสังขรณ์สร่างเป็นวัดขึ้น ประมาณปีพ.ศ.๒๔๖๖ พุธสถานแห่งนี้ได้รกร้างอยู่ท่ามกลางป่าเขา ต่อมามีชาวบ้านมาอาศัยทำสวนไร่นาไม่ห่างจากวัดเท่าไร ในยามคำ่คืนชาวบ้านจะเห็นฉัพพรรณรังสีเป็นรัศมีจากองค์พระธาตุเจดีโบราณขึ้นอย่างสวยงามจึงเป็นที่มาของชื่อวัด สมัยเมื่อครูบาเจ้าศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนาไทยได้จาริกแสวงบุญมายังถิ่นนี้ก็เคยแวะพักผ่อนให้ศิลให้พรชาวบ้านเป็นที่ประทับใจ จนชาวบ้านบางคนอยู่ปฏิบัติถือศิลกินเจเหมือนฤาษีโยคีอยู่พักใหญ่ หลังจากนั้นก็มีพระเณรมาพำนักอยู่บางคราวห่างกันราว๑๐กว่าปี เป็นที่สังเกตสถานที่แห่งนี้พระเณรผู้มาอยู่ทุกครั้งจะต้องกินเจฉันมื้อเดียว ต่อมาได้มีครอบครัว คุณพ่ออินปั๋น ปินใจ ได้มาอยู่บริเวณใกล้วัดร้างแห่งนี้แผ้วถางที่ทำพืชไร่และได้ปรับพื้นที่บนวัดจนหมดเกลี้ยง อยากจะบูรณะปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุเจดีย์ขึ้นมาใหม่เพื่อรักษาโบราณสถานก็มาพ้องกันพอดี ในช่วงนั้นสามเณรอานันท์ ฟองแก้ว ได้กลับจากสวนโมกขพลารามอำเภอชัยยา จังหวัดสุราษธานี ได้มาบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ตรงหอบูรพาจารย์และพึ่งอุปสมบทได้๓พรรษา อายุขณะนั้น ๒๖ปีขณะเดียวกันที่ คุณพ่ออินปั๋น ปินใจ ได้นิมนต์พระอานันท์ พุทธธัมโม ให้เป็นประธานบูรณะก่อสร้างองค์พระธาตุเจดีย์โดยสร้างครอบองค์เดิมและได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุวัตถุมงคลมากมาย พร้อมกันนี้ได้ปรึกษาการตั้งชื่อวัดใหม่ โดยถือเอาศุภนิมิตที่ชาวบ้านเห็นฉัพพรรณรังสีรัศมีขององค์พระสารีริกธาตุจนเป็นที่โจษขานอยู่เวลานั้นเป็นสำคัญตั้งชื่อว่า วัดพระธาตุแสงแก้วมงคล
    เหตุที่เป็นอินเดียน้อย.....
    อินเดีย คือแดนพุทธภูมิปัจจุบันพุทธศาสนิกชนทั่วโลกไปนมัสการดินแดนพุธภูมิสถานที่สำคัญำ ต่างๆ เช่น สังเวชนียสถาน๔แห่ง และสถานที่สำคัญๆ เพื่อให้เกิดความรำลึกถึงพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุธเจ้า
    ดังนั้นการฟื้นฟูบูรณะพุธสถานแห่งนี้ได้จัดระบบผังวัดให้เป็นอินเดียน้อย จำลองจากอินเดียแดนพุธภูมิตามความตั้งใจของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพุทธทาส อินทปัญโญที่ได้ตั้งปณิธานในใจเอาไว้ว่าจะจำลองสังเวชนียสถาน๔ตำบล เกี่ยวกับประวัติศาสตร์พระพุธเจ้า โดยกันพื้นที่ไว้๖ไร่ ภายในพื้นที่สวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี พระคุณท่นได้กล่าวไว้เสมอว่า อยากจะตอบแทนพระคุณพระพุธเจ้าโดยการจำลองอินเดียน้อยเป็นการแสดงความกตัญญูที่ชาวอินเดีียนำพุธศาสนาเข้าสู่ประเทศไทยตั้งแต่ครั้งแรกคือ พระโสณะ และพระอุตระโดยการอุปถัมภ์ของจอมจักพรรดิอโศกมหาราช จนสายธารแห่งพุธศาสนาและวัฒนธรรมจากอินเดียได้หลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่องหลายยุคสมัย นำโดยพระสงฆ์มาจากพ่อค้าวาณิชค้าขายระหว่างอินเดียกับสุวรรณภูมิ แต่โครงการสร้างอินเดียน้อยของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพุทธทาส อินทปัญโญเป็นเพียงดำริเอาไว้ ฉะนั้นจึงได้นำโครงการมาทำผังวัดพระธาตุแสงแก้วมงคล สร้างสวนลุมพินีสถานที่ประสูติพระวิหารเจดีย์พุธคยาสถานที่ตรัสรู้จากนี้ได้พัฒนาที่ดินด้านทิศตะวันออกที่เป็นเนินเขาสร้างเป็นโรงเจศรีอริยเมตไตรส่วนด้านหุบเขาได้สร้างให้เป็นอาศรมโมกขธรรมที่บำเพ็ญเพียรภวนาในบรรยากาศอันเป็นธรรมชาติป่าเขาร่มรื่นนำจิตใจสู่วิมุตติวิโมกข์ อีกมุมหนึ่งได้จัดเป็นรมณียสถานและภาพประวัติของคณาจารย์แห่งนิกายเซ็นที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพุทธทาสได้นำมาเผยแพร่สู่ประเทศไทยโดยถือว่าเป็นสุดยอดของวิถีทางปฎิบัติสู่ปรมัตถธรรมสูญตาวิหารธรรม อันเป็นที่สุดของพรหมจรรย์ในพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า


    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญเปิดโลกวัดพระธาตุแสงแก้วมงคลครูบาอานนท์
    ให้บูชา
    150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231120_211620.jpg IMG_20231120_211650.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1.jpg
    ประวัติหลวงปู่กอง จนฺทวํโส
    วัดสระมณฑล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    ข้อมูลจาก http://www.relicsofbuddha.com/marahun/page8-2-22.htm





    ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย

    หลวงปู่กอง จันทวังโส มีนามเดิมว่า กอง ถนอมทรัพย์ เป็นบุตรคนที่ ๒ ใน ๓ คน ของคุณพ่อฝอย และคุณแม่ทัด ถนอมทรัพย์ เกิดเมื่อวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๔๔๒ ในแผ่นดินรัชกาลที่ ๕ บ้านเดิมอยู่ที่ ต.บ้านพราน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ซึ่งท่านก็ได้เรียนหนังสือและจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ ๔ ที่โรงเรียนวัดบ้านพราน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง นั่นเอง

    มูลเหตุบรรพชา
    ครั้นเมื่อมารดาของหลวงปู่เสียชีวิตลง ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร และไม่ได้ลาสิกขาจนกระทั่งอายุครบบวช เนื่องจากหาจะสึกเมื่อไร ก็มักจะเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุอยู่เสมอ ในขณะที่หลวงปู่ยังเป็นสามเณรอยู่นั้น ได้ติดตามพี่ชายไป จ.สุพรรณบุรี และอยู่วัดพระลอยกับหลวงพ่อแต้ม เมื่ออายุครบบวช จึงได้กลับไปอุปสมบท ณ วัดบ้านแก อ.แสวงหา จ.อ่างทอง หลังจากนั้นจึงได้ไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดข่อย หรือ วัดข่อยวังปลาในปัจจุบัน

    ที่วัดข่อยนี้เอง หลวงปู่ได้ศึกษาวิทยาการต่างๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม กับหลวงพ่อเข็ม ท่านได้ศึกษาอยู่จนได้เป็น พระปลัดกอง มีหน้าที่อบรมสั่งสอนพระเณรที่วัด ซึ่งท่านเป็นพระที่มีวินัยเข้มงวดกวดขันมาก หลังจากนั้นจึงได้ลาสิกขาบทกลับมาใช้ชีวิตฆราวาส

    ลาสิกขา
    ในช่วงชีวิตฆราวาส หลวงปู่ได้มีครอบครัวเฉกเช่นคนทั่วไป แต่เมื่อภรรยาของท่านออกลูกสาวคนแรกก็เสียชีวิตลง ท่านจึงได้แต่งงานใหม่อีกครั้ง โดยมีบุตร-ธิดาที่เกิดจากภรรยาคนที่สองอีก ๓ คน ท่านใช้ชีวิตอยู่ที่ จ.อ่างทองระยะหนึ่ง จึงย้ายมาอยู่ที่ จ.พิจิตร ซึ่งที่นี่เอง ภรรยาคนที่สองของท่านก็ได้เสียชีวิตลงอีก ท่าานจึงเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก อีกทั้งบุตรและธิดาท่านโตพอจะช่วยเหลือตนเองได้แล้ว จึงนำไปฝากไว้กับตาและยายเพื่อให้ไปศึกษาต่อในชั้นมัธยม ส่วนท่านจึงได้กลับเข้าอุปสมบทอีกครั้ง

    ชีวิตสมณะ การแสวงหาธรรม และปฏิปทา

    การอุปสมบทครั้งนี้ ท่านได้สละเพศฆราวาสของท่าน ณ วัดเทวประสาท ต.ห้วยเกต อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ในขณะนั้นท่านมีอายุได้ ๕๕ ปีแล้ว โดยมีท่านพระครูพิบูลย์ศีลสุนทรเป็นพระอุปัชฌาย์ และพระอธิการทองอยู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อวันที่ ๑๘ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๙๕ โดยได้รับฉายาว่า จันทวังโส เมื่อบวชแล้วท่านได้ศึกษาวิทยาการต่างๆจากหลวงปู่มหาทิม ซึ่งพระอาจารย์มหาทิม เป็นพระผู้มีความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม รวมถึงคาถาอาคมต่างๆ ต่อมาหลวงปู่กองจึงได้ติดตามอาจารย์มหาทิมลงมากรุงเทพ ฯ ด้วย โดยไปจำพรรษาที่วัดพระสิงห์ กรุงเทพฯ จากนั้นท่านจึงได้ไปศึกษาอบรมอยู่กับหลวงพ่อมิ ซึ่งเป็นอาจารย์ของพระอาจารย์มหาทิม (หลวงพ่อมิ เป็นศิษย์ของหลวงปู่คง วัดซำป่างาม จ.ชลบุรี) เมื่ออยู่ได้ระยะหนึ่ง ท่านจึงได้แยกย้ายกับพระอาจารย์มหาทิม เพื่อไปธุดงค์แสวงหาโมกขธรรมตามป่าเขา

    ในการธุดงค์ของหลวงปู่กอง ได้ปลีกวิเวกไปตามป่าเขาลำเนาไพร ตามที่สงบสงัด บางครั้งก็ได้ไปพบกับครูบาอาจารย์และสหายธรรมมากมาย ครั้นเมื่อกลับจากธุดงค์แล้ว ท่านจึงได้ไปจำพรรษาวัดโน้นบ้างวัดนี้บ้าง ตามที่สหายธรรมของท่านได้ชักชวนไป จนกระทั่งในที่สุด หลวงปู่ได้มาจำพรรษาที่วัดสระมณฑลซึ่งเป็นพระอารามเก่าแก่ในสมัยอยุธยา ซึ่งเหลือเพียงโบสถ์และพระพุทธรูปโบราณ วัดมีอาณาเขตเพียงแค่รอบโบสถ์ ล้อมรอบด้วยบ้านเรือนประชาชน

    ในสมัยที่หลวงปู่ออกธุดงค์อยู่นั้น หลวงปู่ได้เดินธุดงค์ไปถึงที่ถ้ำวัวแดง จ.ชัยภูมิ ณ สถานที่นั้นเองที่ท่านได้เจอกับพระอาจารย์อีกองค์หนึ่งของท่าน ที่ท่านให้ความเคารพเทิดทูนมาก นั่นคือ หลวงปู่เทพโลกอุดร ด้วยความเคารพรัก และบูชาในคุณธรรมของท่าน หลวงปู่จึงได้สร้างรูปเหมือนหลวงปู่เทพโลกอุดรขนาดใหญ่ ไว้ให้ศิษยานุศิษย์บูชาไว้ภายในโบสถ์ด้วย

    หลวงปู่กอง ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดสระมณฑล จนกระทั่งละสังขาร ในวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๔๖ สิริอายุได้ ๑๐๔ ปี ๙ วัน ๕๑ พรรษา
    2.jpg
    https://palungjit.org/threads/พระอรหันต์แห่งอยุธยา-หลวงปู่กอง-วัดสระมณฑล.264689/
    ประวัติหลวงปู่กอง จันทวังโส วัดสระมณฑล จ.อยุธยา
    ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็มีหลวงปู่อยู่รูปหนึ่งที่ทราบกันว่าท่านเป็นศิษย์เคยเรียนธรรมะมาจาก หลวงปู่เทพโลกอุดร ในป่าลึก ปัจจุบันพระรูปนี้ท่านอายุ 104 ปีแล้ว มีชื่อว่า หลวงปู่กอง จันทวังโส จำวัดอยู่ที่วัดสระมณฑล ท่านเป็นพระใจดียังแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บป่วยและความจำยังดีมากไม่หลงลืมทั้งที่อายุท่านก็เลยไปถึงหลักร้อยแล้ว

    วัดสระมณฑลเป็นวัดเล็กๆ ซึ่งถ้าใครได้ไปเห็นก็จะรับรู้ถึงความสมถะ รักสันโดษและความเรียบง่ายของหลวงปู่รูปนี้ ท่านอาศัยอยู่เฉพาะในโบสถ์ ภายในวัดก็ไม่มีกุฏิ ศาลาการเปรียญหรือวิหารใหญ่โตใดๆ เลย รอบๆ บริเวณเนื้อที่แคบๆ นี้มีเพียงโบสถ์หลังเล็กหลังเดียวตั้งอยู่และรายล้อมไปด้วยบ้านเรือนชาวบ้านที่มาอาศัยอยู่ชิดติดเขตวัด
    หลวงปู่กอง จันทวังโส ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมายหลายอาชีพ ตั้งแต่ระดับชาวบ้านธรรมดาไปถึงชันรัฐมนตรี(ในรัฐบาลปัจจุบันก็มี) ต่างให้ความเคารพนับถือท่าน โดยเฉพาะท่านเป็นเกจิที่ขึ้นชื่อในเรื่อง “การเสกตะกรุด” ที่นักเลงพระนิยมกันมาก แต่ปัจจุบันนี้ท่านเสกไม่ไหวแล้ว เพราะการเสกแต่ละครั้งต้องใช้พลังอำนาจจิตเป็นเวลานาน ประกอบกับปัจจุบันท่านก็ชราภาพมากแล้วจึงมี “ป้ากวย ถนอมทรัพย์” หลานสาวของหลวงปู่มาช่วยดูแลเพราะพระที่เคยมาบวชและอยู่ดูแลหลวงปู่ก่อนหน้านี้ก็มรณภาพไปก่อนแล้ว
    ป้ากวยได้บอกเล่าเรื่องราวของหลวงปู่กองให้ผู้เขียนฟังคร่าวๆ ว่า หลวงปู่กอง จันทวังโส เดิมท่านชื่อว่า กอง ถนอมทรัพย์ ท่านบวชและร่ำเรียนวิชามาสารพัดตั้งแต่รุ่นหนุ่ม ในสมัยที่ท่านออกบวชท่านชอบธุดงค์ไปตามป่าเขา ในดินแดนทุรกันดาร จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดเดินพลัดตกเขาสลบไป ก็ปรากฏร่างของพระสงฆ์รูปหนึ่งมาช่วยไว้ หลวงปู่กอง ท่านเรียกพระรูปนั้นว่า “หลวงปู่ใหญ่” ซึ่งก็คือ หลวงปู่เทพโลกอุดร หลังจากนั้นหลวงปู่กองก็ได้ปฏิบัติทาง “จิต” และร่ำเรียนวิชาที่เป็นศาสตร์ลี้ลับจากหลวงปู่ใหญ่อีกมากมายหลายวิชา เมื่อสำเร็จแล้วจึงออกจากป่ามาจำพรรษาอยู่ตามวัดต่างๆ และร่ำเรียนวิชาจากพระเกจิชื่อดังอีกหลายรูป อาทิ หลวงปู่เทียม แห่งวัดกษัตราธิราช จ.อยุธยา (อยู่ตรงข้ามไม่ไกลจากวัดสระมณฑล หลวงปู่กองอยู่จำพรรษาที่วัดกษัตราฯ เป็นเวลานานกระทั่งเห็นว่าวัดสระมณฑลที่อยู่ไม่ไกลกันนี้เป็นวัดร้างไม่มีพระจำพรรษาอยู่ท่านจึงขอมาอยู่ที่นี่เพียงรูปเดียวกระทั่งปัจจุบันนี้
    ภายในโบสถ์วัดสระมณฑลหลังนี้มีรูปหล่อของหลวงปู่เทพโลกอุดรองค์ใหญ่ที่หลวงปู่กองให้หล่อขึ้นไว้บูชา ป้ากวยได้เล่าถึงอภินิหารของรูปหล่อหลวงปู่เทพโลกอุดรให้ฟังว่า เมื่อรูปหล่อหลวงปู่เทพฯ มาถึงวัดขณะที่แดดกำลังเปรี้ยงแต่แล้วฟ้ากลับครึ้มและมีฝนตก แล้วเมื่อถึงเวลาจะยกเข้าประตูโบสถ์ ก็ปรากฏว่าทำยังไงก็ยกเข้าไม่ได้ เพราะองค์พระใหญ่กว่าประตูมาก จนหลวงปู่กองต้องบริกรรมคาถาอยู่ครู่ใหญ่จึงสามารถยกรูปหล่อหลวงปู่เทพฯ เข้ามาได้ เป็นที่น่าอัศจรรย์
    สำหรับ “ป้ากวย” เองก็เคยพบปาฏิหาริย์จาก “หลวงปู่เทพโลกอุดร” หรือ “หลวงปู่ใหญ่” ด้วยตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ป้ากวยได้เล่าให้ฟังว่า
    “ก็มีอยู่วันนึงมีพระมาจากไหนก็ไม่รู้เข้ามาในโบสถ์นี่ มากราบหลวงปู่กองและก็บอกหลวงปู่กองว่าวันนี้ประมาณ 6 โมงจะมีพระรูปหนึ่งมากราบ พูดจบท่านก็ลากลับไป แล้วเมื่อถึงเวลานั้นก็มีพระมาจริงๆ แล้วหน้าตาก็เหมือนรูปปั้นนั่นไม่ผิดเพี้ยน (หมายถึงรูปหล่อหลวงปู่เทพโลกอุดร) เป็นพระหนุ่มนะ แล้วคืนนั้นท่านก็อยู่ค้างด้วย ป้าก็นอนกับญาติอีกคนข้างๆ ไม่ห่างจากพระองค์นี้ แต่น่าแปลกที่พอตกดึกป้าหันไปตรงที่ท่านนอน กลับไม่เห็นท่าน ก็นึกเอะใจแล้วพอหันไปไปดูอีกที เอ๊ะ...ท่านก็ยังนอนอยู่ตรงที่เดิมนี่ แล้วทำไมเมื่อกี้ไม่เห็นก็คิดว่ายังไงๆ อยู่ พอตอนเช้าท่านจะลากลับ ก็เข้าไปกราบหลวงปู่กองและพูดบอกให้หลวงปู่กองมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อช่วยดำรงพระพุทธศาสนา แล้วท่านก็ลากลับ แต่ตอนนี่ท่านจะเดินออกจากประตูโบสถ์นี่สิ ป้าเห็นรูปร่างท่านเปลี่ยน จากรูปร่างคนธรรมดากลายเป็นตัวสูงจรดประตูโบสถ์ ทั้งที่ประตูโบสถ์ก็สูงแล้วนะ และสังเกตเห็นเท้าท่านใหญ่มาก พอท่านเดินออกไปปุ๊บป้าก็เดินตามไปชั่วพริบตา ไม่เห็นท่านเสียแล้ว ท่านมาแปลก เวลาจะไปก็ไปแปลก”
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    หายากนะครับวัตถุมงคลของหลวงปู่ไม่ได้สร้างจำนวนมาก และมี จำหน่าย ศิษย์หลวงปู่เทพโลกอุดร
    พระสมเด็จหลวงปู่กองวัดสระมณฑลให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231120_215405.jpg IMG_20231120_215431.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2023
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระสมเด็จปรกโพธิ์เจ้าคุณเที่ยง เนื้อผงใบลานวัดระฆังปี๒๕๐๗ ให้บูชา 800 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231121_115928.jpg IMG_20231121_114641.jpg IMG_20231121_114608.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 มกราคม 2024
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    1700543566145.jpg

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญกฐินพระราชทานธนาคารกรุงเทพหลวงพ่อเทียมวัดกษัตราให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    1700543566145.jpg IMG_20231121_114725.jpg IMG_20231121_114658.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 พฤศจิกายน 2023
  11. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,965
    ค่าพลัง:
    +6,875
    ขอจองเหรียญหลวงพ่อเทียม (งานกฐินพระราชทานธนาคารกรุงเทพ) ครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    page.jpg
    อัศจรรย์!เกจิอาคมขลัง 5 แผ่นดิน“หลวงปู่จันทร์วัดป่าข่อย”มรณภาพ 12 ปีสรีระไม่เน่า จอมพล ป.นิมนต์นั่งเครื่องบินโปรยทรายเสกป้องภัยบ้านเมืองช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดป่าข่อย ต.เมืองสวรรคโลก อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย มี “หลวงปู่จันทร์” อดีตเจ้าอาวาสเป็นพระเกจิอาคมขลัง ชื่อเสียงโด่งดัง เกิดในยุคสมัยแผ่นดินรัชกาลที่ 5 และมรณภาพในช่วงสมัยรัชกาลที่ 9 สิริรวมอายุ 104 ปี แม้ว่าท่านจะมรณภาพมานานถึง 12 ปีแล้ว แต่ทว่าสรีระสังขารกลับไม่เน่าเปื่อย และมีเส้นผมขึ้นยาวบนศีรษะ สร้างความอัศจรรย์ใจแก่บรรดาสานุศิษย์อย่างมาก พระมหาสกุล โกสโล เจ้าอาวาสวัดป่าข่อยและเจ้าคณะตำบลวังพิณพาทย์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “หลวงปู่จันทร์” หรือนายจันทร์ นิ่มนุ่ม ชาวสวรรคโลก เกิดเมื่อวันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2445 อุปสมบทที่วัดอนงคารามฯ กรุงเทพฯ โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ (นวม พุทฺธสโร) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า “จนฺทโร” ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดอนงคารามฯ และฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาอาคมกับ “หลวงปู่ศุข” วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท และ “หลวงพ่อปาน” วัดบางนมโค
    จ.พระนครศรีอยุธยา รวมทั้งได้ศึกษาวิชาโหราศาสตร์จากโหรหลวง ก่อนมาเป็นเจ้าอาวาสวัดป่าข่อยในปี พ.ศ. 2470 ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตร ราชทินนามว่า “พระครูจันทโรภาส” และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลวังไม้ขอน ก่อนท่านจะมรณภาพเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2548 สิริรวมอายุ 104 ปี โดยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสยาวนานถึง 78 ปี พระมหาสกุล กล่าวว่า เมื่อครั้งช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จอมพล ป.พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี ได้ส่งตัวแทนมานิมนต์ “หลวงปู่จันทร์” วัดป่าข่อย จ.สุโขทัย พร้อมกับ “หลวงพ่อจง” วัดหน้าต่างนอก จ.พระนครศรีอยุธยา และ “หลวงพ่อจาด” วัดบางกระเบา จ.ปราจีนบุรี ซึ่งทั้ง 3 ท่านนี้เป็นพระสุปฏิปันโน มีเวทมนต์คาถาอาคมขลัง จึงนิมนต์ให้ขึ้นไปนั่งบนเครื่องบินโปรยทรายเสกคาถาลงมา เพื่อป้องกันภยันตรายให้แก่บ้านเมืองอีกทางหนึ่งด้วย ปัจจุบัน “หลวงปู่จันทร์” แม้ว่าท่านจะมรณภาพมานานถึง 12 ปีแล้ว แต่คุณงามความดีและวัตรปฏิบัติอันงดงามยังคงอยู่ อีกทั้งสรีระสังขารก็ไม่เน่าเปื่อย สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ประชาชนและบรรดาสานุศิษย์อย่างมาก จึงมีการเก็บรักษาร่างของท่านไว้ในโลงแก้ว ตั้งในศาลาจตุรมุข “หลวงปู่จันทโรภาส” วัดป่าข่อย ต.เมืองสวรรคโลก อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย เพื่อให้
    ประชาชนได้กราบไหว้ขอพร พร้อมเก็บรักษารถยนต์โบราณของหลวงปู่จันทร์ให้คนรุ่นหลังได้ชมอีกด้วย ทั้งนี้ “หลวงปู่จันทร์” นอกจากจะเป็นพระสุปฏิปันโน มีเวทมนต์คาถาอาคมขลัง ชื่อเสียงโด่งดังแล้ว ท่านยังมีความรู้เชี่ยวชาญการรักษาโรคด้วยสมุนไพรไทยอีกด้วย ทำให้วัดป่าข่อยได้รับอนุญาตจัดตั้งเป็นสำนักพยาบาลสาขาวัดโพธิ์ ในชื่อ “จันทโรภาสแพทย์สยาม” เพื่อเผยแพร่ความรู้และรักษาพยาบาล สำหรับ “วัดป่าข่อย” สร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2397 เดิมชื่อ “วัดโคกขี้แร้ง” ต่อมาสมัยหลวงพ่อจอม (คร้าย) ซึ่งเป็นพระของเจ้าจอมมารดาแพ ในรัชกาลที่ 4 มาอยู่ที่วัดแห่งนี้ ก็ได้ทำการบูรณะก่อสร้างวัด เปิดสอนหนังสือไทย หนังสือขอม จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดจอมป่าข่อย” กระทั่งหลวงพ่อจอมมรณภาพ วัดนี้ก็ทรุดโทรม จนถึงปี พ.ศ. 2463 ทางวัดได้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ โยกย้ายเสนาสนะต่างๆ และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “วัดป่าข่อย” โดยมีเจ้าอาวาส 3 รูป คือ หลวงพ่อจอม (คร้าย) , หลวงปู่จันทร์ (พระครูจันทโรภาส) ระหว่างปี พ.ศ. 2470-2548 และพระมหาสกุล โกสโล ปี พ.ศ. 2549-ปัจจุบัน

    https://palungjit.org/threads/ท่านใ...ู่จันทร์-วัดป่าข่อย-จ-สุโขทัยมั่งครับ.316192/

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาทุกแหล่งอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงปู่จันทร์วัดป่าข่อยกรมหลวงชุมพรสภาพสวยเดิมให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231121_141507.jpg IMG_20231121_141531.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    FB_IMG_1700556125856.jpg พระเกจิอาจารย์จอมขมังเวทย์อยู่ยงคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด และเมตตามหานิยม บริสุทธิ์ผ่อง
    แผ้วทั้งทางโลกและทางธรรม ถือมรรคน้อยสันโดด ไม่ยึดติดในโลก โกรธหลง มีญาณสมบัติแก่กล้า พูดน้อยใจดี มีศีลบริสุทธิ์
    ปฏิปทาน่าเลื่อมใส เป็นพระสุปฏิปันโนที่กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ
    เป็นศิษย์สืบทอดไสยเวทย์สายหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จากหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งหลวงพ่อซวง พระอาจารย์ของหลวงพ่อมีองค์นี้เป็นพระเกจิอาจารย์มีชื่อเสียงมากที่สุดองค์หนึ่งของเมืองไทย ท่านมีสมาธิจิตและบุญญาบารมีสูงแก่กล้า วัตถุมงคลของท่านทุกอย่างศักดิ์สิทธิ์แน่นอนตอนละสังขารได้อธิษฐานร่างเป็นหินและ
    เผาไม่ไหม้ หลวงพ่อมีได้ศึกษาวิชาและปฏิบัติดูและรับใช้หลวงพ่อซวงจนถึงวันที่ท่านละสังขาร
    และเป็นศิษย์สืบทอดวิชาจากหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ศึกษาวิชาหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จากหลวงพ่อเต๊ะ วัดม่วงคัน ด้วยความเชี่ยวชาญแตกฉานขมังเวทย์ในพุทธาคม ทำให้วัตถุมงคลทุกรุ่นของหลวงพ่อมีประสบการณ์ชัดเจน พิสูจน์กันมาแล้วมากมาย
    ประวัติ
    นามเดิม นายบุญมี ขอผึ้ง ถือกำเนิด ณ บ้านม่วงคัน ต.รำมะสัก อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง เมื่อวันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2470 เป็นบุตรคนโตในจำนวนทั้งหมด 6 คนคือ 1. หลวงพ่อมี 2. นายเพี้ยน 3.นางบาง 4. นางเชิด 5. นายช่วย 6. นายชอบ ของโยมพ่อชั้น และโยมแม่เจียก
    เรียนจบการศึกษา ป.4 ที่โรงเรียนม่วงคัน หลังจากนั้นได้มาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพในด้านเกษตรกรรมทำนา
    อุปสมบท เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ณ พัทธสีมาวัดม่วงคัน วันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2491 โดยมี หลวงพ่อนุ่ม ธมฺมกาโม วัดนางใน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทรง วัดศาลาดิน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อชม ธมฺมธีโร วัดนางใน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “จิตฺตทโม”
    ครั้นอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาอยู่วัดนางใน 4 พรรษา จำพรรษาอยู่วัดชีปะขาว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี อยู่กับหลวงพ่อซวง 2 พรรษา แล้วก็มาจำพรรษาอยู่วัดม่วงคัน ได้เดินทางไปมาหาสู่วัดนางใน และวัดชีปะขาวอยู่เสมอมา
    การศึกษาพุ ทธาคม ไสยเวท มนต์คาถา เริ่มจากการเดินทางไปจำพรรษาอยู่วัดนางใน อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง ได้อยู่ใกล้ชิดปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อนุ่ม
    หลวง พ่อนุ่มเป็นพระอาจารย์ที่เชี่ยวชาญในวิชาไสยศาสตร์เวทมนต์คาถามาก ท่านเป็นศิษย์สืบทอดพุทธาคมจากหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ จ.นครสวรรค์ และสืบทอดวิชาไสยเวทจากหลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี และสืบทอดวิชาสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จากหลวงพ่อเข็ม วัดข่อย อ.วิเศษไชยชาญ จ.อ่างทอง พระอาจารย์ที่หลวงพ่อนุ่มเล่าเรียนมา แต่ละองค์ล้วนวัตถุมงคลมีค่านิยมหลักหมื่นต้นๆ ถึงหลักแสน สำหรับวัตถุมงคลของหลวงพ่อนุ่มเหรียญรุ่น 1 เล่นหากันราคาหลายหมื่น เบี้ยแก้เล่นหาราคาสูง และหายากทั้งเหรียญและเบี้ยแก้มีประสบการณ์มาก
    หลวงพ่อนุ่มวัดนางในพระอาจารย์ของหลวงพ่อมี วัดม่วงคันองค์นี้ มีไสยเวท มนต์คาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่ขึ้นชื่อได้แก่พระคาถาทำผงเรียกว่า “มนต์พระสังข์” ซึ่งเป็นสุดยอดเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ สิริมงคล โชคลาภ ใช้เรียกทรัพย์ เงินทองไหลมาเทมา เป็นที่ขึ้นชื่อและมีประสบการณ์ทันตาเห็น
    แม้ในครั้งยุคที่หลวงพ่อนุ่ม เวลาวัดมีงานปีและงานบุญ ท่านจะใช้แป้งเสกผงไปโรยบริเวณรอบวัด ตกกลางคืนผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกสารทิศจนเบียดเสียดต้องดันกันเข้าบริเวณวัด ทุกครั้งไป เป็นที่ขึ้นชื่อว่าในอำเภอวิเศษไชยชาญไม่มีวัดไหนมีผู้คนมางานมากเท่าวัดนางใน
    หลวงพ่อมีได้ขอศึกษาเรียนวิชาไสยเวทจากหลวงพ่อนุ่มจนจบสิ้น ในลำดับแรกท่านได้สอนวิชาทำสมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ถ่ายทอดวิชาจุพลังคุณ พระคาถาผงมนต์ พระสังข์ ทำเบี้ยแก้ มหาอุด คงกระพันชาตรี เมตตาค้าขาย ทำน้ำมนต์แก้คุณไสย ขับภูตผี ทำตะกรุด ทำผงปถมังอิทธิเจ ตรีนิสิงเห และผงมหาราช หน้าพระลักษณ์
    เมื่อ ศึกษาจบสิ้นแล้ว ได้ลาพระอุปัชฌาย์ออกธุดงค์มุ่งสู่อำเภอพุทธบาทผ่านจังหวัดเพชรบูรณ์ ขอนแก่น สกลนคร พระธาตุพนม จ.นครพนม สู่ประเทศลาว แล้วกลับมาทางนครราชสีมา เขาปักธงชัย จ.นครนายก ต่อไปวัดยางมณี อ.วิเศษไชยชาญ เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ขอเรียนวิชาสะกดสัตว์ร้ายจากท่านพระครูสุกิจวิชาญ (หลวงพ่อชวน) ท่านเชี่ยวชาญเรื่องวิชาป้องกันสัตว์ร้าย วิชาทำข้อกำไลแขน เชือกผูกเอว ผูกแขนป้องกันสัตว์ร้ายได้สารพัด
    เมื่อได้เรียนวิชา แล้วก็ลาหลวงพ่อชวน จากวัดยางมณีไปกราบนมัสการหลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว 2 พรรษา ได้ขอศึกษาไสยเวทพุทธาคมจากหลวงพ่อซวง หลวงพ่อซวงได้ถ่ายทอดให้จนหมดสิ้น

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญพระพุทธชินราชหลวงพ่อบุญมีวัดม่วงคันให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231121_154431.jpg IMG_20231121_154459.jpg
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    ผ้ายันต์ปู่โต ยันต์ชินบัญชร และ รูปไม่ไหม้ไฟ
    นิตยสารศักดิ์สิทธิ์ เก็บไว้นานหลายปี เกินอายุบวชได้ ครูบาอาจารย์ในยุคนั้น เสก แถบจะทุกองค์เหนือ กลางอีสานใต้ ตะวันออก ตะวันตก พิธีวัดระฆัง วัดอินทร บางขุนพรหม วัดเกษไชโย
    ปิดรายการ
    IMG_20231121_184242.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2023
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญประคำลายเซ็นศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่ออุตตมะนิตยสารศักดิ์สิทธิ์สร้างปลุกเสกนาน 89 วันสภาพสวยซองถุงซิปเดิมให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่ง 30 บาทครับ
    IMG_20231121_184149.jpg IMG_20231121_184210.jpg IMG_20231121_184112.jpg
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    พระหลวงพ่อเงินวัดบางคลานเนื้อกระเบื้องหลังคาโบสถ์เก่าหลวงพ่อเงินฉลองครองราชย์ในหลวงรัชกาลที่ ๙
    เหลือ ๒ องค์ในกล่อง ช่วงยุคนั้น เขานิยมเอากระเบื้องหลังคาโบสถ์เก่ามาสร้างพระ เช่นหลวงพ่อโสธรเนื้อกระเบื้องหลังคาโบสถ์
    ให้บูชา 120 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20231121_220433.jpg IMG_20231121_220519.jpg IMG_20231121_220543.jpg IMG_20231121_220358.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    เหรียญนี้เป็นเหรียญที่ระลึกฉลอง 700 ปีลายสือไทย ออกโดยกองกษาปณ์ เมื่อ ปี พ.ศ 2526

    เนื่องในงานฉลองที่ประเทศไทยมีตัวหนังสือใช้เป็นของตนเองมาตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช วาระครบ 700 ปี พอดี

    ด้านพิธีพุทธาภิเษก นับได้ว่าเป็นพิธีใหญ่ มีเกจิร่วมสมัยมาปลุกเสกหลายรูป อาธิเช่น
    หลวงพ่อจรัญ
    หลวงพ่อแช่ม
    หลวงพ่อจวน
    หลวงพ่ออุตตมะ
    หลวงพ่อไพฑูรย์ และอีกหนึ่งในเกจิที่ร่วมปลุกเสกนั้นก็มี หลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง

    เหรียญที่ระลึกฉลอง 700 ปี ลายสือไทย หลังพระนามาภิไธยย่อ ภปร. พ.ศ. 2526

    พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ 3 วาระ
    ครั้งที่ 1. เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ.2526 ณ บริเวณวิหารหลวงหน้าพระอจนะ วัดศรีชุม
    ครั้งที่ 2. เมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2527 ณ บริเวณวิหารหลวงหน้าพระอจนะ วัดศรีชุม อีกวาระ
    ครั้งที่ 3. เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ.2527 ณ สุสานไตรลักษณ์ จ.ลำปาง ปลุกเสกโดย หลวงพ่อเกษม เขมโก

    เหรียญที่ระลึกฉลอง 700 ปี ลายสือไทย เนื้อทองแดงรมดำ บล็อกกองกษาปณ์

    ด้านหน้าพระพุทธสิหิงค์
    ด้านหลังพระนามาภิไธยย่อ ภปร.
    พิธีพุทธาภิเษกใหญ่ 3 วาระ
    สร้างจากบล็อคพิมพ์ของกองกษาปน์ทำให้เหรียญสวยงาม รายละเอียดคมชัดมากน่าสะสมบูชาเป็นอย่างยิ่ง พุทธคุณเด่นครบเครื่องทุกด้านไม่ว่าจะเป็นด้านโชคลาภ ทำมาค้าขาย และทางด้านแคล้วคลาดจากภัยอันตรายอีกด้วย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญพระพุทธสิหิงค์หลังภปร.ลายสือไทยซองพลาสติคเดิมให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20231122_131408.jpg IMG_20231122_131437.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    วันนี้จัดส่ง ขอบคุณครับ
    1700640896226.jpg
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,762
    ค่าพลัง:
    +21,343
    หลวงพ่อพระมหาถาวร จิตฺตถาวโร (พระเทพวิมลญาณ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร กทม. เป็นพระราชาคณะฝ่ายธรรมยุติกนิกาย และรองเจ้าคณะภาค 9 (ธรรมยุต)
    - หลวงพ่อท่านเป็นพระนักปฎิบัติและพัฒนาชาติ และมนุษย์ ท่านได้รับการฝึกอบรมกัมมัฏฐาน จากพระเถราจารย์หลายรูป อาทิ หลวงปู่ขาว อนาลโย, หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน, พระราชมุนี (โฮม โสภโณ), พระอุดมญาณโมลี (จันทร์ศรี จันททีโป) เป็นต้น

    - หลวงพ่อเป็นลูกศิษย์องค์สำคัญของ หลวงพ่อยี วัดดงตาก้อนทอง จังหวัดพิษณุโลก ผู้ซึ่งทรงอิทธิฤิทธิ์และอภินาหารมากมายที่เราทราบกันดี และที่สำคัญ หลวงพ่อท่านคือ ผู้ที่หลวงพ่อยีทำนายไว้ก่อนมรณภาพว่า คือ หลวงพ่อองค์ที่ 2ที่จะมารับช่วงต่อท่าน และมาช่วยทำนุบำรุงวัดของท่านให้เจริญรุ่งเรือง ซึ่งกาลต่อมาหลวงพ่อท่านก็กลับมาพัฒนาวัดจนเจริญจนทุกวันนี้



    หลวงพ่อยีได้ร่ำเรียนกรรมฐานจนได้อภิญญาสมาบัติ สามารถบิณฑบาตรข้าวเทวดาโดยการนำเอาบาตรที่ว่างเปล่าไปขอข้าวเทวดาที่หน้าต้นไม้ ดูแล้วก็ไม่หน้าจะมีอะไรขึ้นมาได้ แต่กลับปรากฏข้าวสีเหลืองอ่อนๆมีกลิ่นหอม พร้อมทั้งดอกไม้แปลกๆบางครั้งมีลูกประคำทองคำปรากฏขึ้นมาด้วย หลวงพ่อยีสามารถคว้าเหรียญเงินสมัยรัชกาลที่ ๔ ในอากาศได้แล้วยืดเหรียญเงินแข็งๆให้เหนียวคล้ายยืดตังเม เสร็จแล้วตัดเป็นท่อนเล็กๆม้วนเป็นตะกรุดแช่ลงในน้ำมนต์ตักขึ้นมากลายเป็นตะกรุดทองคำแท้ ท่านสามารถหุงข้าวธรรมดาให้กลายเป็นทองคำ สามารถเสกกระดาษธรรมดากลายเป็นธนบัตร สามารถเสกน้ำเปล่าๆ น้ำเหล้า น้ำมะพร้าวให้กลายเป็นพระสมเด็จ สามารถเสกยารักษาบำบัดโรคต่างๆให้ผู้คนใช้รักษาบำบัดจนหายจากอาการเจ็บป่วยโรคภัยทั้งหลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ทั้งยังมีญาณหยั่งรู้ในความคิดของสัตว์และคนรู้เหตุการณ์ในอดีตล่วงมาแล้วและอนาคตที่ยังมาไม่ถึงอย่างแม่นยำ การสร้างปาฏิหาริย์ทั้งหลายหลวงพ่อยีมักบอกว่าท่านไม่ได้ทำแต่ทุกครั้งท่านจะส่งกระแสจิตไปหาหลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่ใหญ่ท่านมาช่วยทุกครั้งไป

    ท่านเจ้าคุณถาวร จิตตถาวโรคือบุคคลที่หลวงพ่อยีทำนายไว้ว่าจะมาช่วยทะนุบำรุงวัดดงตาก้อนทอง นอกจากนี้ท่านเจ้าคุณถาวรยังได้สมบัติต่างๆของหลวงพ่อยีรวมทั้งตำราต่างๆและต่อมาท่านได้ทดลองวิชาตามหลวงพ่อยีก็ปรากฏว่าสำเร็จเป็นที่น่าอัศจรรย์ ดังเช่นการนำไข่ยอดบายศรีมาทุบให้ละเอียดแล้วนำมเผา ท่านเจ้าคุณถาวรทำตามตำราปรากฏว่าไข่ยอดบายศรีกลายเป็นทองคำอย่างน่าอัศจรรย์ ปัจจุบันนี้ไข่ทองคำได้นำไปถวายให้แก่หลวงปู่ศรีจันทร์ วัดโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี หรือการนำเอาข้าวทิพย์ของหลวงพ่อยีที่ได้จากการบิณฑบาตรเทวดามาทดลองหุงรวมกับข้าวธรรมดาดูปรากฏว่าข้าวธรรมดาทั้งหมดพลอยกลายเป็นข้าวทิพย์ตามไปด้วยมีกลิ่นหอมแปลกประหลาดฟุ้งไปทั่วกุฏินับเป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้เป็นสักขีพยานทั้งสิ้น

    ปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อยีมีมากมายเช่นท่านสามารถเสกกระดาษให้เป็นใบละร้อย เสกดินเป็นทองคำ เสกใบไม้ให้เป็นเงิน หรือแม้แต่เสกใบไม้ให้ เป็นกบนำมาทำอาหารกินอย่างเอร็ดอร่อยก็เคยปรากฏมาแล้ว



    ติดตามอ่านได้ในตอนต่อไป ... ตอน “หลวงพ่อยี บุตรบุญธรรมหลวงปู่เทพโลกอุดร เสกเงินให้เป็นทอง”

    หนังสือแนะนำ : บารมีหลวงปู่เทพโลกอุดร
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญรุ่น 2 หลวงพ่อถาวรวัดปทุมวนารามกรุงเทพ สวยเดิมในกล่อง หายากครับ สมบูรณ์แบบนี้
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20231122_152905.jpg IMG_20231122_152845.jpg IMG_20231122_152752.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2023
  20. Karoonsur

    Karoonsur Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    398
    ค่าพลัง:
    +227
    จองครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...