เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 21 ธันวาคม 2024 at 22:45.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,826
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,412
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,826
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,412
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ อากาศช่วงเช้าของทองผาภูมิอยู่ที่ ๑๖ องศาเซลเซียส แต่น่าจะต่ำกว่านั้น เนื่องเพราะว่าที่รายงานผ่านอินเตอร์เน็ตนั้น เป็นการคำนวณคร่าว ๆ ไม่ใช่อากาศจริงในพื้นที่ ซึ่งทางด้านกรมอุตุนิยมวิทยาใช้คำว่า "อุณหภูมิยอดหญ้า" ก็แปลว่าของจริงน่าจะเย็นกว่า ๑๖ องศาเซลเซียส

    ทางกรมอุตุนิยมวิทยาก็ยังพยากรณ์ว่าจะหนาวยาวไปจนถึงปีใหม่ ในเรื่องของบรรยากาศจึงเอื้ออำนวยต่อการท่องเที่ยวทองผาภูมิเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการใส่บาตรตามโครงการ "วันเสาร์ใส่บาตรตลาดริมแคว ยลวิถีเมืองท่าขนุน" ที่ตลาดริมแควของวันนี้ นักท่องเที่ยวมีความสบายใจมาก เพราะว่ามีทะเลหมอกแทบจะท่วมเมือง จึงใส่บาตรและถ่ายรูปกันอย่างมีความสุข

    ส่วนกระผม/อาตมภาพนั้นก็ไม่ต้องพูดถึง กลับมาเจออากาศคนละแบบกันก็ไข้จับ หลังจากรับบาตรและฉันเช้าเสร็จแล้วก็นอนหมดสภาพไปจนเพล ลุกไปฉันเพลเสร็จก็กลับมานอนหมดสภาพไปจนเย็น แล้วถึงพอจะมีเรี่ยวแรงลุกขึ้นมาตรวจสอบวัตถุมงคล ก็คือพระขุนแผนเกราะเพชร พิมพ์ใหญ่ทั้งตะกรุดทองคำและตะกรุดนาก ปรากฏว่าจากที่ท่านสุวัณณนาคราชบอกเอาไว้ก็คือให้นำออกในงานฉลองหลวงพ่อโต วัดศรีธรรโมทยะ และร่วมบูรณะยอดพระบรมธาตุเชิงชุม (ส่วนที่ ๔) เป็นตะกรุดทองคำ ๕๐๐ องค์และตะกรุดนาก ๕๐๐ องค์

    เมื่อตรวจสอบแล้วปรากฏว่ามีพระขุนแผนเกราะเพชร พิมพ์ใหญ่ ตะกรุดนาก อยู่แค่ ๔๑๐ องค์เท่านั้น ครั้นสอบถามและค้นหาจนทั่วแล้วจึงไปเจอที่สำนักงานเจ้าอาวาส ที่ถูกแบ่งออกมาเพื่อเตรียมจำหน่ายที่ศาลา ๑๐๐ ปี หลวงปู่สาย วัดท่าขนุน อีก ๑๐๐ องค์ ก็แปลว่า พระขุนแผนเกราะเพชร พิมพ์ใหญ่ ตะกรุดนากนั้น หมดเกลี้ยงตามที่ญาติโยมทั้งหลายได้จอง ในส่วนที่เหลือที่วัดก็มีอยู่แค่ ๑๐ องค์..!

    ส่วนพระขุนแผนเกราะเพชร พิมพ์ใหญ่ ตะกรุดทองคำนั้น มีเหลือทั้งสิ้น ๑,๕๐๐ องค์ถ้วน กระผม/อาตมภาพนำเอา ๑,๐๐๐ องค์สุดท้ายนั้น ไปลงในกระทู้ร่วมทอดผ้าป่าสร้างอาคารเรียนประถมศึกษา โรงเรียนการกุศลสุวรรณรังสฤษฎิ์วิทยาลัย ของวัดมหาธาตุ วรวิหาร จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งในส่วนนี้ก็ตั้งใจเอาไว้ว่า จะร่วมในส่วนของวิหารทานบวกกับธรรมทานที่เป็นบุญใหญ่ในพระพุทธศาสนา
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,826
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,412
    เมื่อขนเอาวัตถุมงคลขึ้นรถเพื่อเตรียมส่งให้กับไอ้ตัวเล็กแล้ว ก็มาติดตามข่าวสารบ้านเมือง แล้วก็เจอเนื้อหาน่ารำคาญใจอีกแล้ว..!

    เนื่องเพราะว่ามี "ต้นไม้พิษแก่ ๆ" ต้นหนึ่ง ที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาแบบสุดโต่ง ตีความเอาด้วยตนเองแบบผิด ๆ พลาด ๆ แล้วดันไปสร้างหมู่ลูกศิษย์ที่เป็น "ผลไม้พิษ" ออกมา ซึ่งตอนนี้ลูกศิษย์มาบอกว่า การสวดมนต์ข้ามปีนั้นเป็นประเพณีที่ผิดพลาด ทำแล้วไม่ได้บุญ ซ้ำยังจะตกนรกอีกต่างหาก..!

    กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ถอนใจว่า ชีวิตนี้ของกระผม/อาตมภาพก็คงต้องตามแก้ทิฏฐิของ "ต้นไม้พิษแก่ ๆ" และบรรดา "ผลไม้พิษ" เหล่านี้ไปจนกว่าจะสิ้นชีวิตเป็นแน่แท้..!

    การสวดมนต์ข้ามปีเพื่อสร้างกุศลรับปีใหม่นั้น กระผม/อาตมภาพเคยกล่าวแล้วว่า การสวดมนต์นั้นมีคุณประโยชน์อย่างไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการสร้างสมาธิในเบื้องต้น ใช้เป็นคำภาวนาเพื่อสร้างอัปปนาสมาธิให้สูงขึ้น สามารถสร้างเป็นทิพจักขุญาณได้ ตลอดจนกระทั่งบางอย่างสวดไปแล้วสามารถรักษาโรคได้อีกต่างหาก..!

    โดยเฉพาะถ้ากำลังสมาธิของเราทรงตัว ก็แทบจะเป็นการประกันคติ คือ ที่ไปในโลกหน้าได้อีกด้วย เนื่องเพราะว่าถ้าทรงสมาธิได้คล่องตัว ก็มีโอกาสเกิดเป็นพรหม ถ้าสมาธิไม่คล่องตัว แต่กำลังใจเราเกาะติดอยู่กับการสวดมนต์ภาวนา ก็จะได้เป็นเทวดา โดยเฉพาะชั้นยามาในฉกามาพจรนั้น

    กระผม/อาตมภาพไม่เข้าใจเหมือนกันว่า คนที่ทุ่มเทถึงขนาดต้องฝ่าความหนาวออกจากบ้านไปตามวัดวาอาราม เพื่อทำการสวดมนต์ข้ามปีรับปีใหม่ แล้วหลายวัดก็ยังมีการนำเจริญสมาธิภาวนาอีกด้วย การที่เราทำความดีไม่ว่าจะเริ่มจากการรับศีล หลังจากนั้นก็สวดมนต์ตามที่แต่ละวัดนำสวด ต่อด้วยการเจริญสมาธิภาวนา ทำให้เราตกนรกตรงไหน ? และผิดประเพณีตรงไหน ?

    ในเรื่องของวัฒนธรรมประเพณีนั้นมีการปรับเปลี่ยนไปตามยุคตามสมัย แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ยังไม่ทิ้งซึ่งแก่นแกนเดิม ๆ แล้วขณะเดียวกันก็อาศัยวาระ อาศัยโอกาสสำคัญ ก็คือช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เป็นเครื่องจูงใจให้ญาติโยมอยากจะทำสิ่งดี ๆ ให้กับตนเอง จะได้อาศัยกุศลนี้ก่อให้เกิดความคล่องตัวในชีวิตของเราต่อไปในภายภาคหน้า
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,826
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,570
    ค่าพลัง:
    +26,412
    แต่บรรดา "ต้นไม้พิษ" และ "ผลไม้พิษ" เหล่านี้ กลับกล่าวอย่างเต็มปากเต็มคำว่า เป็นการทำผิด ไม่ได้บุญ ซ้ำยังจะตกนรกอีกต่างหาก..! ซึ่งกระผม/อาตมภาพหาจนทั่วในพระไตรปิฎกแล้ว ก็ไม่มีว่าพระพุทธเจ้ากล่าวเอาไว้ตรงไหน นอกจากเป็นอัตโนมติของ "ต้นไม้พิษแก่ ๆ" ที่เผยแพร่จนเกิด "ผลไม้พิษ" อีกเป็นจำนวนมาก แล้วแถมยังขยันจนเหลือเชื่อ ก็เพราะว่าออกคลิปได้ทุกบ่อย สร้างความเข้าใจผิดให้แก่ชาวพุทธได้ทุกบ่อย..!

    ก็ได้แต่หวังว่ากุศลบารมีที่ท่านได้สร้างเอาไว้ตรงนี้ ด้วยความคิดที่ว่าได้เผยแพร่สิ่งที่ถูกต้องในพระพุทธศาสนา แต่กลายเป็นอกุศลบารมีที่เผยแพร่ในสิ่งที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ทำให้คนไม่กล้าทำคุณงามความดี เพราะคิดว่าเป็นการผิดประเพณี ไม่ได้บุญไม่ได้กุศล แถมยังจะหาให้ตกนรกอีกต่างหากนั้น คงจะส่งผลให้ท่านทั้งหลายมีความมั่นคงในทุคติอย่างแน่นอน..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่ามีโอกาส กระผม/อาตมภาพผ่านไปก็จะแวะเยี่ยมดู โดยเฉพาะ "ต้นไม้พิษแก่ ๆ" นั้น คาดว่าจะอยู่อีกไม่นานแล้ว ส่วนบรรดา "ผลไม้พิษ" ที่กำลังจะแตกหน่อออกผลต่อ ๆ ไป ก็คงจะต้องทยอยกันตามไปในเวลาอีกไม่นาน

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ได้แต่วางอุเบกขา ทำการชี้แจงให้กับญาติโยมทั้งหลายได้เข้าใจในสิ่งที่ถูกต้อง ส่วนความผิดพลาด ท่านผู้กระทำก็รับผลไปเต็ม ๆ คาดว่าไม่ต้องลำบากให้พระยายมราชตัดสิน เนื่องเพราะว่าสิ่งที่ทำนั้นมีผลหนักมาก ในเมื่อมีผลหนัก ก็คงจะอยู่ในลักษณะของบุคคลสำคัญระดับ VVIP ได้รับการต้อนรับลงสู่สถานที่ตรง ๆ โดยไม่ต้องอ้อมค้อมไปที่ไหนก่อนเลย..!

    ต้องขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย ที่สามารถหาคติอันมั่นคงให้กับตนเองได้ ส่วนกระผม/อาตมภาพก็คงจะต้องเหน็ดเหนื่อยต่อไป กว่าที่จะชี้แจงให้ญาติโยมส่วนหนึ่งเข้าใจได้ อีกส่วนใหญ่ก็คงจะเข้าใจผิดกันไปแล้ว

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๒๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...