วิธีล้างบาป..ของพระพุทธเจ้า

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 9 มิถุนายน 2008.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    หลายคนเข้าใจผิดว่า ศาสนาพุทธสอนแต่เรื่องกรรมเก่า และให้ทำใจยอมจำนนอยู่กับอดีตโดยไม่มีหนทางแก้ไข แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ วิปากของบาปกรรมต่าง ๆ ที่เคยทำไว้ในอดีตนั้น สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ด้วยกรรมปัจจุบัน แม้ไม่สามารถกลับไปแก้ไข ลบล้างอกุศลกรรมที่เป็นต้นเหตุได้ แต่สามารถสร้างกรรมปัจจุบันเพื่อปั่นทอน/หลีกหนี/เจือจางวิปากของอกุศลกรรมนั้นให้อ่อนกำลังลงได้ ปรากฏหลักฐานที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนเหล่าพระภิกษุในคัมภีร์พระไตรปิฎก โลณผลสูตร เล่มที่ ๒๐ ข้อ ๑๐๑ หน้า ๓๓๖

    คนที่ทำบาปกรรมแล้วกลับสำนึกผิด อบรมกาย อบรมศีล อบรมจิต อบรมปัญญา มีคุณงามความดีที่เคยทำมากมาย บาปกรรมที่คนเช่นนี้ทำจะไม่ปรากฏผลให้เห็น มักปรากฎแต่ผลบุญที่เขาเคยทำไว้มากมาย
    <O:p
    ในเรื่องนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนไว้ว่า<O:p</O:p
    “ ภิกษุทั้งหลาย ถ้ามีคนกล่าวว่า ใครทำบาปอะไรไว้ เขาก็ต้องรับผลกรรมอย่างนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ การประพฤติพรหมจรรย์(การสร้างคุณงามความดี)ของเขาย่อมไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย โอกาสที่เขาจะบำเพ็ญเพียรให้ถึงความพ้นทุกข์ย่อมเป็นไปไม่ได้ละซิ? <O:p</O:p
    ส่วนผู้ใดพึงกล่าวอย่างนี้ว่า บุคคลนี้ทำกรรมที่ต้องเสวยผลไว้อย่างใด ๆ เขาต้องเสวยผลของกรรมนั้น อย่างนั้น ๆ เมื่อเป็นเช่นนั้น การอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ย่อมมีได้ โอกาสที่เขาจะบำเพ็ญเพียรให้ถึงความพ้นทุกข์ย่อมเป็นไปไม่ได้ <O:p</O:p
    ภิกษุทั้งหลาย คนบางคนในโลกนี้ทำบาปกรรมเพียงเล็กน้อย บาปกรรมนั้นก็ส่งผลให้เขาไปตกนรก ส่วนคนบางคนทำบาปกรรมเเล็กน้อยเหมือนกันอย่างนั้น แต่บาปกรรมนั้นให้ผลเพียงเล็กน้อย ปรากฏแต่กุศลกรรมที่เคยทำมาให้ผล

    <O:p</O:pบุคคลเช่นไรเล่า? ที่ทำบาปกรรมแม้เล็กน้อย บาปกรรมนั้นถึงกับส่งผลให้เขาไปตกนรกเลยทีเดียว บุคคลเช่นนี้ก็คือคนที่(ทำผิดแล้วแต่ไม่สำนึกผิด)ไม่อบรมศีล ไม่อบรมจิต ไม่อบรมปัญญา มีคุณงามความดีน้อย (สั่งสมบุญบารมีมาน้อย) บาปกรรมที่คนแบบนี้ทำ แม้เป็นบาปกรรมเล็กน้อย บาปกรรมนั้นก็นำเขาเข้าสู่นรก
    <O:p</O:p
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลเช่นไรเล่า ทำบาปกรรมเล็กน้อยเช่นนั้นเหมือนกัน แต่บาปกรรมนั้นให้ผลเล็กน้อยแต่ในชาตินี้(ไม่ส่งผลให้ถึงกับไปตกนรก) บุคคลเช่นนี้ก็คือคนที่ทำบาปกรรมแล้ว(กลับสำนึกผิด) อบรมกาย อบรมศีล อบรมจิต อบรมปัญญา มีคุณงามความดีที่เคยทำมามากมาย บาปกรรมที่คนเช่นนี้ทำ มักไม่ค่อยปรากฏผลให้เห็น (มักปรากฏแต่ผลบุญที่เขาเคยทำไว้มากมาย) ..เปรียบเหมือนก้อนเกลือที่เราใส่ลงในขันน้ำใบน้อย เธอทั้งหลายคิดว่า น้ำผสมเกลือนั้นจะเป็นอย่างไร? น้ำผสมเกลือในขันนั้นก็จะเค็มจัดจนดื่มไม่ได้ เพราะก้อนเกลือที่ใส่ลงไปใช่ไหม? ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า “ ใช่พระเจ้าข้า น้ำในขันนั้นจะเค็มจัดจนดื่มไม่ได้”

    พ. “เพราะเหตุไร น้ำนั้นจึงเค็มจัดจนดื่มไม่ได้?” <O:p</O:p
    ภิ. “เพราะในขันนั้นมีน้ำน้อยนิดเดียว น้ำจึงไม่สามารถละลายเกลือให้เจือจางหายเค็มได้พระเจ้าข้า”
    พ. “ ภิกษุทั้งหลาย ก็เปรียบเหมือนกับการใส่ก้อนเกลือลงในแม่น้ำคงคา เธอทั้งหลายคิดว่าก้อนเกลือนั้นจะทำให้แม่น้ำคงคาเค็มจนดื่มไม่ได้หรือเปล่า?”
    ภิ. “หามิได้ พระเจ้าข้า”
    พ. “เป็นเช่นนั้น เพราะไร”
    ภิ. “เพราะในแม่น้ำคงคานั้น มีห้วงน้ำมากมายมหาศาล ฉะนั้นห้วงน้ำใหญ่นั้นจึงไม่กลายเป็นน้ำเค็มเพียงเพราะผสมกับก้อนเกลือเพียงเล็กน้อย พระเจ้าข้า”
    พ. “ก็เหมือนกันแหละ ภิกษุทั้งหลาย คนบางคนในโลกนี้ ทำบาปกรรมเพียงเล็กน้อย บาปกรรมนั้นก็ส่งผลให้เขาไปตกนรก ส่วนคนบางคนทำบาปกรรมเล็กน้อยเหมือนกันอย่างนั้น แต่บาปกรรมนั้นให้ผลเพียงเล็กน้อย ปรากฏแต่กุศลกรรมที่เคยทำมาให้ผล

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย คนในโลกนี้ที่ถูกจำคุกเพราะขโมยของเพียงนิดหน่อยก็มี ถูกจำคุกเพราะขโมยของมากมายมหาศาลก็มี ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ ขโมยของอย่างนั้นเหมือนกันแต่ไม่ถูกจำคุกก็มี บางคนคดโกงสมบัติมหาศาลแต่ไม่ถูกจองจำก็มี บุคคลเช่นไรเล่า ถูกจำคุกเพียงเพราะขโมยของเพียงเล็กน้อย ภิกษุทั้งหลาย คนบางคนในโลกนี้ เป็นคนขัดสนยากจนแร้นแค้น(ไม่มีเส้นสายหรือคุณงามความดีแก่สังคม) เมื่อไปเที่ยวขโมยของแม้เพียงเล็กน้อย เขาก็จะถูกลงโทษถึงขึ้นติดคุดได้ บุคคลเช่นไรเล่าแม้ไปขโมยของเช่นนั้นเหมือนกัน แต่กลับไม่ติดคุก(ทั้งที่ถูกจับได้) ภิกษุทั้งหลาย คนบางคนในโลกนี้เป็นคนมั่งคั่ง มีทรัพย์สินเหลือเฟือ มีโภคะมากมาย (ช่วยเหลือสังคมมากมาย) คนเช่นนี้แม้เคยขโมยของอย่างนั้นเหมือนกัน แต่เขาย่อมไม่ถูกจองจำติดคุก(...อาจเพราะเสียค่าปรับแทน)......

    ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสนี้ก็หมายความว่า วิปากของบาปกรรมต่าง ๆ ที่เคยทำไว้ในอดีตนั้นสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ด้วยกรรมปัจจุบัน แม้ไม่สามารถกลับไปแก้ไข ลบล้างอกุศลกรรมที่เป็นต้นเหตุได้ แต่สามารถสร้างกรรมปัจจุบันเพื่อเจือจางวิปากของอกุศลกรรมนั้นให้อ่อนกำลังลงได้ ด้วยการอบรมศีล อบรมจิตและเจริญปัญญา นั่นก็คือการเจริญสมาธิภาวนานั่นเอง

    <O:p
    ถาม... ทำบุญล้างบาปได้หรือไม่
    <O:p
    ตอบ กรรมลบล้างไม่ได้ แต่หลีกหนีผลกรรมได้ (ดูรายละเอียดในพระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่มที่ ๑๔ หน้า ๑๑)
    <O:p
    อดีตล่วงพ้นไปแล้ว การกระทำทุกอย่างที่กระทำไปด้วยเจตนา ไม่ว่าจะชั่วหรือดีก็ตาม ก็เป็นอันได้กระทำไปแล้ว และผลกรรมนั้นจะต้องย้อนกลับมาหาตัวผู้กระทำในที่สุด แต่เวลาที่กรรมให้ผลนั้นไม่แน่นอนว่าจะช้าหรือเร็ว จะเป็นปัจจุบันหรืออนาคต ถ้าหากกรรมที่ได้กระทำก่อนหน้านั้นยังให้ผลไม่หมด หรือกรรมที่กระทำในปัจจุบัน มีวิบากแรงกว่าก็จะทำให้กรรมนั้นมีผลช้า เมื่อเป็นเช่นนี้หนทางที่จะหลีกหนีผลกรรมก็พอมีทาง(ดูรายละเอียดใน พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๓ หน้า ๗๙) ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้กระทำเองว่า มีฝีเท้าในการหลีกหนีมากน้อยแค่ไหน มีเส้นชัยอยู่ที่อนุปาทิเสสนิพพาน(ดับขันธปรินิพพาน) ถ้าในระหว่างนี้เขามุ่งมั่นทำเฉพาะบุญกุศลอบรมสติปัญญาให้ปราดเปรื่องอยู่ตลอดเวลา จนถึงขณะจิตสุดท้าย หลังตายก็จะไปเกิดในภพดี ๆ ได้ และหากเขาทำได้เช่นนี้ทุกภพทุกชาติ ไม่มัวหลงระเริงกับความสุขเล็กๆน้อย ๆ ที่เกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว อันเป็นผลพลอยได้จากการเร่งทำบุญ เขาก็มีโอกาสเข้าถึงเส้นชัยได้ก่อนที่บาปจะตามมาทัน
    <O:p
    เปรียบเหมือน โจรผู้ร้ายที่ได้ก่อคดีอาญาไว้ แล้วหลบหนีการจับกุมได้ตลอด ๒๐ ปี มีความสามารถในการหลบหลีกเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่ออายุความครบ ๒๐ ปี คดีความก็เป็นอันหมดอายุไป กฎหมายไม่อาจลงโทษเขาได้อีกต่อไป บาปที่เราทำไว้ก็เช่นกัน หากเราเข้าถึงอนุปาทิเสสนิพพานได้แล้ว ก็ไม่อาจตามมาให้ผลได้อีกต่อไป(ดูรายละเอียดในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๔ ข้อ ๒๑๙ หน้า ๓๖๕) แต่โดยมากยากที่จะเป็นเช่นนั้น มักถูกวิบากกรรมตามมาทันเสียก่อน หลายคนหลายท่านพยายามวิ่งหนีเอาจิต รอดสุดชีวิตต้องถึงกับผ้าผ่อนหลุดลุ่ยกว่าจะเข้าถึงอนุปาทิเสสนิพพาน เข้าสู่ที่ปลอดภัยได้
    <O:p
    ตัวอย่างเช่น พระองคุลีมาลเถระ กว่าท่านจะฟันฝ่าอุปสัคเข้าสู่เส้นชัยได้ ถูกกรรมเก่าไล่กวดจับจวนเจียนจะทันอยู่แล้ว หรืออาจจะถูกกรรมเก่าจับติดชายผ้านุ่งแล้ว แต่ท่านก็ยังพยายามดิ้นรนเต็มที่ ถึงกับถอดผ้านุ่งออกแล้ววิ่งล่อนจ้อนต่อไป จนเข้าสู่เส้นชัยจนได้ เมื่อเข้าสู่เส้นชัยแล้ววิปากกรรมก็มิอาจส่งผลได้อีก ไม่ต้องชดใช้กรรมใดๆ อีก ต่อไป( ดูรายละเอียดใน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ ข้อ ๒๓๔ หน้า ๓๙๗) กรรมที่เคยทำไว้จะกลายเป็นอโหสิกรรมไป(ดูรายละเอียดในคัมภีร์อภิธรรมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ ๕ เรื่องกัมมจตุกกะ)

    <O:p
    คัมภีร์มโนรถปูรณี อรรถกถาอังคุตรนิกาย เอกก-ติกนิบาต หน้า ๑๓๒ อธิบายว่า <O:p</O:p


    ในเวลาที่กุศลกรรมให้ผล อกุศลกรรมอย่างหนึ่งจะตั้งขึ้นตัดรอนกรรมนั้นให้ตกไป ถึงในเวลาที่อกุศลกรรมให้ผลกุศลกรรมอย่างหนึ่ง ก็จะตั้งขึ้นตัดรอนกรรมนั้นแล้วให้ตกไป นี้ชื่อว่าอุปัจเฉทกกรรมในบรรดาอุปัจเฉทกกรรมที่เป็นกุศล และอกุศล กรรมของพระองคุลิมาลเถระได้เป็นกรรมตัดรอนอกุศล
    <O:p</O:p
    พระมหาเถระอีกรูปหนึ่ง ท่านมีบุญบารมีมากกว่าพระองคุลีมาลหลายเท่านัก และทั้งที่สามารถเข้าถึงสอุปาทิเสสนิพพานได้แล้ว แต่ท่านก็ยังถูกกรรมเก่าตามมาทันจนได้ ท่านผู้นั้น คือ พระมหาโมคคัลลานะ(ดูรายละเอียดในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๒ ข้อ ๖๐ หน้า ๓๙๐) ผู้อัครสาวกเบื้องซ้ายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่กรรมของท่านมีพลังอำนาจถึงเพียงนี้ เนื่องจากในชาติก่อนท่านได้ฆ่าพ่อแม่ของตนเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในอนันตริยกรรม ๕ ประการที่จัดว่าเป็นกรรมชั่วที่หนักที่สุด กรรมที่ท่านได้ทำนั้นส่งผลให้ท่านแทบเอาจิตไม่รอดทั้ง ๆ ที่ท่านสั่งสมบุญกุศลมาเป็นจำนวนมหาศาลถึงขนาดที่สามารถส่งท่านเข้าสู่พระนิพพานได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้านแรงบาปแทบไม่ไหว ท่านเข้าสู่สอุปาทิเสสนิพพานได้แล้วกรรมก็ยังตามมารังควาญอยู่ คือ ทั้งที่ท่านบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้รับสรรเสริญจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า เป็นผู้มีฤทธิ์กว่าพระอรหันต์ทั้งปวงก็ยังถูกพวกโจรทำร้ายทุบตีร่างกายจนแหลกละเอียด เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่ก็ยังดีที่บาปตามมาทันขณะที่ท่านก้าวเข้าสู่เส้นชัยได้ครึ่งตัวแล้ว จึงทำให้ผลกรรมย่ำยีท่านได้แต่ร่างกายเท่านั้น ไม่อาจทำให้จิตท่านหวั่นไหวได้
    <O:p
    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า“บัณฑิตทั้งหลาย เรียกบุคคลผู้เป็นมุนีทางกายเป็นมุนีทางวาจา เป็นมุนีทางใจ ผู้ไม่มีอาสวะว่า เป็นมุนีผู้สมบูรณ์ด้วยโมเนยยธรรม ล้างบาปได้แล้ว”
    <O:p</O:p
    (ดูรายละเอียดใน คัมภีร์พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๙ หน้า ๗๐)

    ที่มา http://www.tlcthai.com/club/view_to...b_id=1278&table_id=1&cate_id=788&post_id=8830

    แนะนําเวปที่เกี่ยวกับกฏแห่งกรรมครับ ->> http://www.vithi.com/home03.html<O:p</O:p
     
  2. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    เยี่ยมไปเลยครับ ศาสนาพุทธไม่มีการล้างบาปนะครับ
    ทำดี ย่อมได้ดี ทำชั่ว ย่อมได้ชั่ว
    แต่เราทำบุยหนีบาปได้ครับ

    โมทนาครับ
     
  3. azalia

    azalia เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    626
    ค่าพลัง:
    +579
    ขออนุโมทนา ... เร่งสั่งสมบุญกุศล เพื่อบรรเทาบาปกรรมให้เบาบางลง... ให้บาปกรรมนั้นเป็นดุจดังเติมเม็ดเกลือลงในแม่น้ำ ... จนไม่เหลือรสเค็มของเกลือ
     
  4. rwoot

    rwoot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    336
    ค่าพลัง:
    +191
    ขอบคุณครับ...ผมได้อะไรๆเพิ่มเข้ามาในเครื่องจำของผมอีกแล้วครับ....สาธุ ขอบคุณครับ www.rwoot.igetweb.com
     
  5. Master mind

    Master mind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2007
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +429
    ชัดเจนและดีมากๆเลยครับ ทำให้ผมได้รู้อะไรดีๆ เพิ่มขึ้นมาอีก เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง และมั่นใจมากขึ้นที่เป็นการบอกเล่าจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า

    ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับ
     
  6. jop_pk

    jop_pk Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +63
    ขออนุโมทนาด้วยนะครับ มีอะไรมาเตือนใจได้เยอะเลยครับ
    :)
     
  7. ปัจเจกพุทธะ

    ปัจเจกพุทธะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +121
    อายันตุ โภนโต อิธะ ทานะ สีละ เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจาธิฏฐานะเมตตุเปกขา ยุทธายะ โว คัณหะถะอาวุธานีติ.
    ดูก่อนพระบารมีทั้งหลาย ขอเชิญพระบารมีคือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฐานะ เมตตา และอุเบกขา จงมาที่นี่โดยเร็วพลัน แล้วพากันถือเอาอาวุธ เพื่อยุทธ์กับพญามาร (กิเลส) เถิด.
    อนุโมทนาครับ.
    บริจาคเงินช่วยวัดพระบาทน้ำพุ
    โทร.1900-222-200 6บาท/นาที
     
  8. สวนะ

    สวนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +201
    เป็นพลังใจในการเร่งปฏิบัติและสร้างบุญกุศลตามกำลังต่อไปค่ะ..อนุโมทนาด้วยค่ะ
     
  9. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    อนุโมทนาสาธุบุญ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    บุญกุศลที่สร้าง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    เมื่อสมบูรณ์เต็มเปี่ยม<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ก็เปรียบเสมือนผลไม้ที่แก่จัดเต็มที่<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    พร้อมที่จะทำการเก็บเกี่ยวได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ซึ่งก็คือมรรคผลที่รอเราอยู่เบื้องบน
     
  10. อุดรเทวะ

    อุดรเทวะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,925
    ค่าพลัง:
    +130
    อนุโมทนาครับ เห็นด้วยครับ เรื่องบาปเรื่องนรกผมก็ไม่เอาด้วยคน ขอวื่งหนีให้ไกลเลยยอมรับว่ากลัวและปอดแหกเรื่องนี้บอกตามตรงไปเลย
     
  11. vilawan

    vilawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    836
    ค่าพลัง:
    +1,432
    อนุโมทนาสาธุ เป็นข้อความที่ย้ำให้ทำดีต่อไปอย่างไม่มีข้อกังขา
     
  12. mmie

    mmie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    466
    ค่าพลัง:
    +1,986
    อนุโมทนาสาธุ...เร่งสร้างบุญใหม่ เพื่อบรรเทากรรมเก่าให้เบาบาง
     
  13. phuttham

    phuttham เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +165
    ขอให้ทุกท่านมีความสุขมาก ๆ ทุกๆๆๆๆๆๆวัน เลยครับ สาธุ สาธุ สาธุ........
     
  14. Thummatan

    Thummatan Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +44
    โมทนาสาธุด้วยค่ะ เนื้อหาดีมากๆค่ะ และขออนุญาตนำไปเผยแผ่ต่อนะคะ
    สาธุ
     
  15. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,329
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,273
    พยายามทำดีไว้มากๆนะครับ แล้วชีวิตจะมีความสุข
    อนุโมทนาครับ สาธุ
     
  16. ผู้หนีกิเลส

    ผู้หนีกิเลส สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโมทนาด้วยครับ

    อ่านดูแล้วเหนื่อยจังน่ะครับการหลีกหนีกรรมชั่วเนี่ยครับ คงต้องเป็นนั่งวิ่งมาราธอนจากแคนย่าหรือนักไตรกีฬาแน่ๆเลยครับถึงทำได้ แต่คิดไปคิดมาการทำบุญศึกษาหลักธรรมไม่เห็นจะเหนื่อยเลยครับ จิตสงบมีความสุขดีออกครับ ทำไปเรื่อยๆหนีกรรมไม่ทันก็รับไปเพราะเราทำเอาไว้เองทั้งนั้น แต่ยังไงขอเกิดเป็นมนุษย์เพื่อศึกษาหลักธรรมทุกภพทุกชาติเถิด
    ผมเป็น นศ.สพ. คงต้องทำลายหลายชีวิตเลยทีเดียว กว่าจะรักษาเป็น สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจแท้ๆ ( T _ T )
     
  17. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศให้<O:p</O:p


     
  18. ผีมังคุด

    ผีมังคุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +350
    บาปล้างไม่ได้นะครับ แต่สั่งสมบุญเพื่อให้บาปเจือจางพอได้ครับ แต่วันนึงหรือชาติใดชาติหนึ่ง บุญนั้นอ่อนกำลังลง บาปก็จะกลับมาเล่นงานเจ้าของอยู่ดีครับ ยิ่งถ้าเราไปเกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนา เราต้องไปสร้าง "บาป" อีกมากต่อมาก อย่าประมาทครับ

    มันล้างกันไม่ได้ บุญก็ส่วนบุญ บาปก็ส่วนบาป ถึงแ้ม้ว่า่้จะทำบุญมากแค่ไหนก็ตาม แต่บาปก็ยังอยู่ใน "จิต" ครับ ไม่ได้ถูกล้างเลยครับ

    ก็ขอให้เพื่อนเร่งสร้าง "บุญ" กันมากๆนะครับ ให้บุญมีกำลังมากกว่า "บาป" ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2008
  19. chanthawat_k

    chanthawat_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +413
    พระรัตนตรัยคุ้มครอง
    บุญรักษาครับ
    อนุโมทนาสาธุคับ..
     
  20. merious

    merious Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +94
    อนุโมทนาครับ.. คุณแม่ผมก็สอนเรื่องเกลือเหมือนกัน ชัดเจนมากๆครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...