พระพุทธศาสนากับการบริจาคอวัยวะ...มหาบุญ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย โสภา จาเรือน, 15 กรกฎาคม 2008.

แท็ก: แก้ไข
  1. โสภา จาเรือน

    โสภา จาเรือน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    2,013
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +3,332
    การบริจาคอวัยวะ
    ---------------------

    การบริจาคอวัยวะเป็นเรื่องที่คนไทยยังไม่คุ้นเคยเท่าไรนักและมีคำถามมากมายที่ทำให้ผู้คิดจะบริจาคยังมีความลังเลอยู่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย จึงต้องประสบกับปัญหาต่างๆ มากมายโดยเฉพาะความเชื่อที่ยังอาจมีหลงเหลืออยู่บ้าง เช่น ถ้าบริจาคอวัยวะให้เขาไปแล้วเกิดมาชาติหน้าจะมีอวัยวะไม่ครบ




    ดังนั้นเพื่อให้เกิดความกระจ่างต่อสาธารณชนทั่วไป น.พ. วิศิษฏ์ ฐิตวัฒน์ผู้อำนายการศูนย์รับบริจาคอวัยวะ ฯ จึงได้เข้านมัสการเรียนถามพระคุณเจ้าพระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตโต) เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน ต.บางกระทึก อ.สามพราน จ.นครปฐมซึ่งได้รับคำตอบที่เป็นประโยชน์และไขข้อข้องใจได้เป็นอย่างดี


    น.พ.วิศิษฏ์ : มีข้อห้ามในศาสนาพุทธหรือไม่เกี่ยวกับเรื่อง "การบริจาคอวัยวะ"



    พระธรรมปิฎก: ตามปกติแล้วไม่มีข้อห้ามมีแต่จะสนับสนุนเพราะการบริจาคอวัยวะเป็นการเสียสละเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นต้องการให้ผู้อื่นพ้นจากความทุกข์และมีการบริจาคจึงเป็นหลักธรรมที่สำคัญของศาสนา ไม่ว่าจะเป็น "ทศพิธราชธรรม"ก็ดีการบำเพ็ญ "บารมี" ของพระพุทธเจ้าเมื่อยังเป็นพระโพธิสัตว์ก็ดีก็มีการบริจาคเป็นคุณธรรมข้อแรก เรียกว่า " ทาน" และ "ทานบารมี"คือการให้เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น



    โดยเฉพาะในการบำเพ็ญของพระโพธิสัตว์นั้นการบริจาคอวัยวะเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น เป็นความคิดที่จำเป็นเลยที่เดียวที่ต้องทำเพราะการก้าวไปสู่โพธิญาณ ต้องมีความเข้มแข็งของจิตใจ ในการเสียสละเพื่อความดีทั้งนี้ทานที่เป็นบารมี จะแบ่งเป็น ๓ ขั้น เช่นเดียวกับบารมีอื่นๆคือ




    ทานบารมีระดับสามัญ คือการบริจาคทรัพย์สินเงินทองถึงจะมากมายแค่ไหนก็จะอยู่ในระดับนี้


    ทานระดับรอง หรือจวนสูงสุด เรียกชื่อเฉพาะว่า "ทานอุปบารมี" ได้แก่ ความเสียสละทำความดีถึงขั้นสามารถบริจาคอวัยวะเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นได้เพื่อรักษาธรรม



    แน่นอนว่า การบริจาคอวัยวะนั้นเป็นบุญธรรมสำคัญและเป็นบุญมากตามหลักพระพุทธศาสนานอกจากเป็นบารมีขั้นทานอุปบารมีแล้วยังโยงไปหาหลักสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า "มหาบริจาค" คือการบริจาคใหญ่ซึ่งพระโพธิสัตว์จะต้องปฏิบัติอีก ๕ ประการ คือ บริจาคทรัพย์ บริจาคราชสมบัติบริจาคอวัยวะ และนัยน์ตา บริจาคตัวเองหรือบริจาคชีวิตและบริจาคบุตรและภรรยา



    น.พ.วิศิษฏ์ : ถ้าถามว่าการบริจาคอวัยวะนั้นได้บุญหรือเปล่าและใครเป็นคนได้ อย่างเช่นคนหนึ่งแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะได้ แต่เสียชีวิตในภาวะที่ไม่สามารถบริจาคได้กับอีกคนหนึ่งไม่ได้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะไว้ แต่เสียชีวิตด้วยภาวะสมองตายแล้วญาติได้ตัดสินใจบริจาค อันนี้ไม่ทราบว่าใครจะเป็นคนได้บุญหรือได้บุญมากน้อยอย่างไร




    พระธรรมปิฎก : ในแง่นี้ต้องแยกออกเป็น ๒ ประเด็นประเด็นที่หนึ่งก็คือว่า

    "เป็นบุญหรือไม่?" ซึ่งตอบได้เลยว่าเป็นบุญอยู่แล้วดังที่พระโพธิสัตว์ท่านบริจาค และเป็นบุญชั้นสูงถึงขั้นเรียกว่าบารมีเลยทีเดียวแต่สำหรับคนทั่วไปจะมีความตั้งใจที่จะบรรลุโพธิญาณหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่งถ้าเราไม่มีความตั้งใจไม่ได้ตั้งปณิธานอย่างนี้ ก็ไม่เรียกว่าเป็นบารมีแต่เป็นบุญซึ่งจัดว่าเป็นบุญอันยิ่งใหญ่เลยทีเดียว เพราะเป็นบุญที่ทำได้ยากต้องมีความเสียสละจริงๆ เป็นอันว่าได้บุญแน่นอนเพราะเกิดจากเจตนาที่เสียสละให้ด้วยความกรุณาปราถนาดีต่อผู้อื่นอันใหญ่หลวง



    ในส่วนที่ว่า "ใครจะเป็นผู้ได้บุญ?" นั้น ตอบง่ายๆ ว่าใครเป็นผู้บริจาคคนนั้นก็ได้เพราะมันอยู่ที่เจตนาของผู้นั้น ในกรณีที่เป็นคนตายไปแล้วและญาติบริจาคก็เลยกลายเป็นว่าคนที่ตายไปแล้วไม่ได้รับ เพราะว่าไม่ได้ตั้งเจตนาในแง่นี้ต้องพูดอีกขั้นหนึ่ง คือญาติที่บริจาคนั้นต้องอุทิศกุศลไปให้เขาอีกทีหนึ่งในทางธรรมถือว่า ถ้าบริจาคในขณะที่ตัวยังเป็นอยู่ก็จะเป็นบุญขั้นสูง


    น.พ.วิศิษฏ์ : คนที่ได้รับอวัยวะไปแล้วทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้เจ้าของอวัยวะจะได้รับผลบุญนั้นหรือไม่เพราะทางศูนย์รับบริจาคอวัยวะฯ ไม่ได้บอกชื่อของคนที่บริจาคผู้ที่รับอวัยวะไปจะอธิฐานอย่างไรดี


    พระธรรมปิฎก: แม้จะไม่ระบุชื่อผู้ที่เราอุทิศส่วนกุศลให้เพียงแต่ตั้งใจว่าอุทิศให้แก่เจ้าของอวัยวะที่บริจาคให้เราก็ถือว่าเราก็ได้อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับท่านเจ้าของที่บริจาคอวัยวะให้เราแล้ว


    น.พ.วิศษฏ์ : ปัญหาที่เราเจอในการทำการประชาสัมพันธ์ให้คนทั่วไป แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะคือบางคนยังเชื่อว่าถ้าให้อวัยวะเขาไปแล้วในชาตินี้เกิดมาชาติหน้าจะมีอวัยวะไม่ครบ



    พระธรรมปิฎก อันนี้ไม่จริงเลยโดยมีแง่พิจารณา ๒ อย่างคือ

    ๑. ในแง่หลักฐานทางคัมภีร์ แสดงว่าพระพุทธเจ้าเมื่อเป็นพระโพธิสัตว์ทรงบริจาคนัยน์ตาก็เป็นเหตุให้พระองค์ทางได้สมันตจักษุคือมีพระเนตรหรือดวงตาที่เป็นพิเศษสุดของพระพุทธเจ้าซึ่งเราแปลว่าเป็นดวงตาที่มองเห็นโดยรอบ ไม่ได้หมายถึงดวงตาที่เป็นวัตถุอย่างเดียวแต่หมายถึงดวงตาทางปัญญาด้วยในแง่พระคัมภีร์ก็สนับสนุนชัดเจนว่าในชาติหน้ามีแต่ผลดี


    ๒.ในแง่เหตุผลที่เข้าใจ กันว่าบริจาคอวัยวะไปแล้ว เกิดมาอวัยวะจะบกพร่องเหตุผลที่ถูกต้องมันไม่ใช่อย่างนั้น เราต้องมองว่าชีวิตที่เกิดมานี้จิตใจเป็นส่วนสำคัญในการปรุงแต่งสร้างสรรค์ ถ้าเรามีเมตตาคิดดีปรารถนาดีต่อผู้อื่นยิ้มแย้มแจ่มใส ต่อไปตาเราจะถูกปรุงแต่งให้แจ่มใสเบิกบาน


    ในทางกลับกันถ้าเราคิดร้ายต่อผู้อื่น มักโกรธ อยากจะทำร้ายรังแกเขาอยู่เรื่อยหน้าตาก็จะบึ้งตึงเครียดหรือถึงกับดูโหดเหี้ยมนี้เป็นผลมาจากสภาพจิตที่เคยชินในชีวิตประจำวันแม้แต่ในชาติปัจจุบันนี้เอง


    ทีนี้ชีวิตที่จะเกิดต่อไปก็จะต้องอาศัยจิตที่มีความสามารถในการปรุงแต่ง ขอให้คิดง่ายๆ ว่า คนที่จะบริจาคอวัยวะให้คนอื่นก็คือ ปราถนาดีต่อเขา อยากให้เขาเป็นสุข อยากให้เขาพ้นทุกข์ หายเจ็บป่วยจิตอย่างนี้ในตอนคิดก็เป็นจิตที่ดี คือจิตใจที่ยินดีเบิกบานคิดถึงความสุขความดีงามความเจริญจิตก็จะสะสมความโน้มเอียงและพัฒนาความสามารถในด้านนี้ ถ้าคิดบ่อยๆจิตก็จะยิ่งมีความสามารถและมีความโน้มเอียงไปในทางที่จะปรุงแต่งให้ดีและคุณสมบัตินี้ก็จะฝังอยู่เป็นสมรรถภาพของจิต


    เพราะฉะนั้นในการบริจาคเราจึงต้องทำจิตใจให้ผ่องใสให้ประกอบด้วยคุณธรรม มีเมตตาปราถนาดีและอันนี้แหละที่จะทำให้เราได้บุญมาก


    น.พ.วิศษฏ์ : แพทย์ควรปฏิบัติตัวอย่างไรกับผู้บริจาคอวัยวะ

    พระธรรมปิฎก : เขาบริจาคเขาเป็นผู้เสียสละเป็นผู้มีคุณธรรมเพราะฉะนั้นเราก็ต้องมองว่าเราต้องยกย่องให้เกียรติและถือว่าเขาเป็นผู้บำเพ็ญประโยชน์ให้สังคม ช่วยให้เพื่อนมนุษย์อยู่ดีหายโรค หายภัยและเป็นอยู่ดีขึ้น นั่นก็ควรแสดงออกอย่างใดอย่างหนึ่ง ในการยอมรับหรือเห็นคุณค่าซาบซึ้งในประโยชน์ที่เขาได้ทำไปแล้ว การปฏิบัติต่อกันก็ธรรมดาแต่หากว่าเรามีจิตดีแล้วการปฏิบัติการแสดงออกก็จะดีจริงๆ



    --------------------------------------------
    คัดลอกจาก:ธรรมเพื่อชีวิต
    เล่มที่ ๒๕ ฉบับวันเข้าพรรษา๒๕๔๓
    มูลนิธิพุทธศาสนาศึกษา
    วัดบุรณศิริมาตยาราม
     
  2. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    โมทนาครับ

    หลวงพี่เล็กท่านเคยสอนไว้ว่า ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็ควรจะรีบทำบุญครับ บริจาคเลือดตอนมีชีวิตอยู่ได้อานิสงค์มากกว่าบริจาคร่างกายเมื่อเราตายครับ
     
  3. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,667
    ค่าพลัง:
    +9,239
    ขออนุโมทนาค่ะ ได้บริจาคไว้แล้ว ต้องบอกญาติใกล้ชิดไว้ด้วยค่ะ เดี๋ยวเขาจะมารับอวัยวะไม่ทันตามเวลาที่สามรถนำอวัยวะนั้นไปใช้ได้ค่ะ
     
  4. sineenathj1

    sineenathj1 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    ขออนุโมทนาค่ะ ได้บริจาคไว้แล้ว ต้องบอกญาติใกล้ชิดไว้ด้วยค่ะ เดี๋ยวเขาจะมารับอวัยวะไม่ทันตามเวลาที่สามรถนำอวัยวะนั้นไปใช้ได้ค่ะ
    <!-- / message -->
     
  5. oomsin2515

    oomsin2515 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2,934
    ค่าพลัง:
    +3,393
    กุศลผลบุญใด ๆ ก็ตามที่ข้าพเจ้าได้ทำมาแล้ว ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้
    ข้าพเจ้าขออุทิศให้
     
  6. junior phumivat

    junior phumivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,346
    ค่าพลัง:
    +1,688
    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด หากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใด ขอให้เธอได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
     
  7. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    บริจาคอวัยวะ...ไปเมื่อต้นปี (เม.ย 51) ที่ผ่านมานี่เอง...เนื่องจากเป็นเดือนเกิดก็เลยบริจาคเพื่อสร้างบารมี

    กะว่าจะบริจาคดวงตาเป็นโปรแกรมต่อไปค่ะ...


    :z2:z2:z2:z2:z2
     
  8. เกสรช์

    เกสรช์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    827
    ค่าพลัง:
    +1,401
    โมทนาสาธุกับทุกๆท่านที่ได้ทำบุญบริจาคอวัยวะและส่วนต่างๆของร่างกายนะคะ

    เกสรช์เป็นโรคโลหิตจางคงจะบริจาคเลือดไม่ได้

    แต่ตั้งใจจะบริจาคอวัยวะส่วนอื่น เช่นตา หรือ ส่วนอื่นๆด้วยคะ

     
  9. J.Sayamol

    J.Sayamol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    6,190
    ค่าพลัง:
    +21,530
    ขออนุโมทนาบุญนี้กับทุกท่านด้วยค่ะ...สาธุ

    ;aa27​
     
  10. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    การบริจาคอวัยวะเป็นอุปบารมีคือบารมีขั้นกลาง ซึ่งผู้ที่จะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ต้องมีการทำทานบารมีขั้นการบริจาคอวัยวะไว้

    ผู้ที่จะสร้างบารมีเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องสร้างปรมัตถบารมีคือบารมีระดับยิ่งยวดคือต้องให้ชีวิตเป็นทานได้

    การบริจาคเลือดเทียบได้กับการบริจาคอวัยวะ อานิสงส์มากเพราะผู้บริจารมีจิตใจที่รับรู้อยู่เพราะมีชีวิตอยู่ ถ้าตายไปแล้วได้อานิสงส์น้อยกว่าเพราะเราไม่ได้รับรู้แล้ว
     
  11. kacher

    kacher เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    504
    ค่าพลัง:
    +235
    บริจาคหมดทั้งตัวแล้วค่ะ

    ร่างกาย หัวใจ ปอด ตับ ไต ตา

    ร่างกายที่รพ.ศิริราช ส่วนที่เหลือสภากาชาดตอนงานกาชาดค่ะ

    เสียดายบริจาคเลือดไม่ได้โลหิตจางค่ะ
     
  12. slamb

    slamb เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,021
    ค่าพลัง:
    +538
    บริจาค หมดทั้งกายแล้วครับ
    และขออุทิศผลบุญ ให้บิดามารดา ของข้าพเจ้า..สาธุ
     
  13. ปิยธรรมโม

    ปิยธรรมโม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    473
    ค่าพลัง:
    +349
    บริจาคร่างกายให้ รพ.ศิริราชไว้นานแล้วครับ(ภาควิชากายวิภาคศาสตร์)บริจาคเลือดให้ผู้ป่วยโดยตรง ที่ รพ.ศิริราชเช่นเดียวกัน(ภาควิชาเวชศาสตร์การธนาคารเลือด นับเป็น ปีที่ 12 ครั้งที่ 69 เมื่อ เดือน พ.ค.2551อานิสงค์ผลบุญขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ตลอดจนถึงบิดา-มารดาผู้ให้กำเนิดทุกภพทุกชาติ..สาธุ[​IMG]
    " ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกท่านครับ "
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • index.jpg
      index.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.2 KB
      เปิดดู:
      103
  14. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ผมก็บริจาคหมดทั้งตัวแล้วครับ
    ตายเมื่อไหร่ ก็ได้เป็นอาจารย์ใหญ่ทันที หุหุ
     
  15. ปัจเจกพุทธะ

    ปัจเจกพุทธะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    235
    ค่าพลัง:
    +121
    อายันตุ โภนโต อิธะ ทานะ สีละ เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจาธิฏฐานะเมตตุเปกขา ยุทธายะ โว คัณหะถะอาวุธานีติ.
    ดูก่อนพระบารมีทั้งหลาย ขอเชิญพระบารมีคือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิฐานะ เมตตา และอุเบกขา จงมาที่นี่โดยเร็วพลัน แล้วพากันถือเอาอาวุธ เพื่อยุทธ์กับพญามาร (กิเลส) เถิด.
    อนุโมทนาครับ.
    บริจาคเงินช่วยวัดพระบาทน้ำพุ
    โทร.1900-222-200 6บาท/นาที

    <!-- / message -->
     
  16. พระชยภัทร อนามโ

    พระชยภัทร อนามโ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,667
    ค่าพลัง:
    +728
    อาตมาขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านที่บริจาคร่างกาย

    อาตมาเองก็ทำได้แค่บริจาคเลือด

    บริจาคร่งกายเขาคงไม่กล้ารับเพราะเป็นพระ เขาคงกลัวบาปเลยไม่กล้ารับ
     
  17. หิมะจัง

    หิมะจัง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +28
    เห็ด้วยอย่างยิ่งคะ...ตอนนี้ก็บอกคนใกล้ชิดไว้บ้างแล้ว
     
  18. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    ขออนุโมทนากับทุกท่านที่บริจาคร่างกายด้วยนะครับ ขอให้ถึงที่สุดแห่งกองทุกข์กันทุกท่านเทอญ
     
  19. billythekid

    billythekid สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2011
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +23
    สวัสดีครับ
    การบริจาคเลือดถือว่าได้กุศลมากกว่าบริจาคร่างกายหรือครับ
    ขอโทษที่เรียนถาม ไม่ทราบจริงๆ
     
  20. billythekid

    billythekid สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2011
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +23
    วันนี้ไปบริจาคอวัยวะ ร่างกายและดวงตามา

    ขอผลบุญที่ข้าพเจ้าได้จากการบริจาคอวัยวะเพื่อให้คนหลายคน มีชีวิตอยู่ต่อไป บริจาคร่างกายเพื่อนักศึกษาแพทย์ศึกษาส่วนต่างๆ ของร่างกาย เพื่อนำความรู้ที่ได้มารักษาคนอีกเป็นพัน เป็นหมื่น บริจาคดวงตาให้ผู้ที่มีแต่ความมึดมึนกลับเห็นแสงสว่างอีกครั้ง ด้วยจิตที่เป็นกุศล ขอผลบุญนี้จงสำเร็จแด่เจ้ากรรมนายเวร ที่เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ จงโมทนาแด่ข้าพเจ้าในการสร้างส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป แม้ใครก็ตามที่ล่วงเกินข้าพเจ้าไว้ ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ ยกถวายพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเป็นอภัยทาน เทพเทวาทั้งหลาย ทุกชั้นฟ้า อบายภูมิทั้ง 4 ทั้งที่เป็นอมนุษย์ รูปวิญญาน อรูปวิญญาน ศัตรูและมิตรทั้งหลาย สรรพสัตว์ทั้งหลาย รวมถึงบุคคลที่เข้ามาอ่านข้อความนี้ ข้าพเจ้าขอมอบผลบุญทั้งหมดให้แด่พวกท่านทั้งหลาย และขอให้ข้าพเจ้าพร้อมพวกท่านทั้งหลาย จงประสบแต่สิ่งที่ดี ไม่ตกไปอยู่ในอบายภูมิ และเพื่อปัจจัยในการนิพพานในอนาคตเบื้องหน้าเทอญ
     

แชร์หน้านี้

Loading...