ทริปถวายพระบรมสารีริกธาตุวันเข้าพรรษา อุบลราชธานี 17 กค.นี้

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 13 กรกฎาคม 2008.

  1. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    มาคอนเฟิร์ม ขึ้นที่ อนุเสาวรีย์ครับ
    ขอบคุณครับ
     
  2. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ที่ไปร่วมถวายพระบรมสารีริกธาตุในครั้งนี้ด้วย อยากไปมากๆแต่ไม่สบาย
     
  3. พรหมประกาศิต

    พรหมประกาศิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,684
    ค่าพลัง:
    +13,541
    ทริปนี้คงไม่ได้ไปร่วมด้วยนะครับ ฝากทุกท่านกราบพระอาจารย์แทนด้วย พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน มะรืนยังไม่แน่ แต่มีโปรแกรมจะไปร่วมหล่อพระประธานที่วัดใกล้ๆที่พัก(แหลมฉบัง) ตอนเที่ยงๆ ถ้าต้องทำงานก็คงจะต้องแว้ปไปช่วงพักเที่ยง องค์พระหล่อด้วยทองเหลือง หน้าตัก 1.75 เมตร มีการปั้นหุ่นขี้ผึ้งหล่อแบบโบราณ ถ้าได้หยุดงานวันศุกร์อาจจะได้ทำกิจกรรมอื่นๆเพิ่มเติม ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ได้มีโอกาสไปกราบพระสุปฎิปันโน
    ที่ผมเคารพนับถืออีกองค์หนึ่ง กราบขอขมากรรมในสิ่งที่ได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ไม่ว่าจะเป็นกายกรรม วจีกรรม หรือมโนกรรม ขอท่านอาจารย์ชยางกูร จงได้โปรดอโหสิกรรมให้กับข้าพเจ้า ตราบจนเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในอนาคตกาลด้วยเทอญ
     
  4. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอให้หายป่วยไวๆครับ

    น้องCoolz ได้ร่วมทำบุญด้วยจำนวน 3,000 บาทครับ ขอโมทนาบุญด้วย
     
  5. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    รายชื่อผู้ร่วมทริป วันเข้าพรรษา อุบลราชธานี วันที่ 17-19 ก.ค. 2551

    1. คุณ kananun 081-209-9151 _____ 1 ที่ ลาดหญ้า
    2. คุณ sutatip_b (อ.ไก่) ___________ 2 ที่ ลาดหญ้า
    3. น้องนัท ______________________ 2 ที่
    4. พี่ marine24 _________________ 1 ที่ ลาดหญ้า

    5. คุณรวิช__________________1 ที่นั่ง อนุสาวรีย์
    6. คุณสาวปีใหม่______________ 4 ที่นั่ง ลาดหญ้า
    7. น้องเจน สาวิกา _____________1 ที่นั่ง อนุสาวรีย์
    8. คุณอนุโมทนา ______________1 ที่นั่ง อนุสาวรีย์
    9. คุณมลสดใส 1 ที่นั่ง อนุสาวรีย์ ไปได้แล้วครับ สาธุ

    ยอดรวม ปัจจุบัน 14 ที่นั่ง

    ได้ประสานกับคุณอนุชาแล้วครับ สถานที่พักเป็นศาลา หากพวกเรามีมุ้ง ถุงนอนเตรียมไปบ้างก็ดีครับ

    ผมจะจัดเต้นท์ไปให้อีกสามหลังครับ

    อย่างอื่นไม่ต้องกังวลครับ

    หมายเลขของพระอ.ชยางกูร 083-100-7077

    พระอ.จ่อย เลขา 083-125-4450

    เบอร์คุณอนุชา 086-337-2351

    เบอร์คุณวชิระ รถตู้โฟลค์ 089-798-2905




    ยังทันครับ ท่านที่สนใจร่วมทริป
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  6. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <CENTER>" เมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน
    ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์ " </CENTER>
    ข้อมูลทั่วไป :
    อุบลราชธานี เป็นจังหวัดใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เป็นระยะทาง 629 กิโลเมตร สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบอันอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำมูลไหลผ่านตอนกลางของพื้นที่ ด้านทิศตะวันออกเป็นที่ราบสูงและภูเขา มีหน้าผาหินทรายบริเวณชายฝั่งแม่น้ำโขงอันเป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยและลาว





    <HR width="100%" noShade><!---------------------------------->ประวัติเมืองอุบลราชธานี :


    อุบลราชธานี เป็นเมืองใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำมูล ที่มีประวัติความเป็นมากว่า 200 ปี เล่ากันว่า ท้าวคำผง ท้าวทิศพรหม และท้าวคำบุตร พระวอ พระตา หนีภัยสงครามจากพระเจ้าสิริบุญสาร เจ้าแห่งนคร เวียงจันทน์เจ้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระเจ้าตากสินมหาราชและต่อมาได้สร้างเมืองขึ้นที่บริเวณดงอู่ผึ้ง ใกล้กับแม่น้ำมูล ครั้นพ.ศ. 2323 พระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระยาราชสุภาวดี เชิญตราพระราชสีห์มาพระราชทานนามเมืองว่า “อุบลราชธานี” ทรงให้ท้าวคำผงเป็นเจ้าเมืองคนแรกซึ่งต่อมาได้พระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “พระปทุมวงศา” เมืองอุบลราชธานีมีเจ้าเมืองสืบกันมาถึง 4 คน ตราบจนถึงปีพ.ศ. 2425 จึงได้มีการแต่งตั้งข้าหลวงและผู้ว่าราชการจังหวัดมาปกครองดูแลจนถึงทุกวันนี้
    ดินแดนแถบนี้ มีชนชาติ ข่า ส่วย อพยพมาจากกรุงศรีสัตนาคนหุตเข้ามาอาศัยอยู่ ตั้งแต่ก่อนสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ครั้นในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์ทรงคิดจะรวบรวมผู้คนที่แตกกระจัดกระจายจากภัยสงครามให้มาอยู่เป็นกลุ่มก้อน ดังนั้นถ้าใครสามารถรวบรวมผู้คนได้มากและอยู่กันอย่างมั่นคงก็จะได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมือง ด้วยเหตุนี้ในปี พ.ศ. 2329 ท้าวคำผง ซึ่งได้รวบรวมผู้คนอพยพมาตั้งหลักแหล่งทำกินอยู่ ณ บริเวณห้วยแจระแม อันเป็นที่ราบริมแม่น้ำมูล และต่อมาภายหลังมีความชอบจากการนำกำลังเข้าช่วยกองทัพไทยตีเมืองนครจำปาศักดิ์ จึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ยกบ้านแจระแมเป็นเมืองอุบลราชธานี และแต่งตั้งให้ท้าวคำผงเป็นพระปทุมวรราชสุริยวงศ์เจ้าเมือง ภายหลังได้ย้ายเมืองมาตั้งใหม่ที่ "ดงอู่ผึ้ง" อันเป็นที่ตั้งจังหวัดในปัจจุบัน โดยมีเมืองเทียบเท่าชั้นจัตวาขึ้นอยู่รวม 7 เมือง
    ในสมัยรัชกาลที่ 5 ก่อนจัดการปกครองแบบเทศาภิบาล เมืองอุบลราชธานีถูกรวมอยู่ในบริเวณหัวเมืองลาวกาว ต่อมาในปี พ.ศ. 2442 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นมณฑลตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีเมืองอุบลราชธานีเป็นที่ตั้งมณฑล และเปลี่ยนชื่อใหม่อีกครั้งหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2443 เป็นมณฑลอีสาน




    ในปี พ.ศ. 2468 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จึงลดฐานะมณฑลอุบลราชธานีลงเป็นเพียงจังหวัดหนึ่งของมณฑลนครราชสีมา จนกระทั่งยุบเลิกมณฑลในปี พ.ศ. 2476 จึงกลายเป็นจังหวัดอุบลราชธานีตั้งแต่นั้นมา
    <HR width="100%" noShade><!---------------------------------->การเดินทาง :

    ทางรถยนต์
    ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ไปสระบุรี เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 24 (สายโชคชัย-เดชอุดม) ไปจนถึงอุบลราชธานี หรือใช้เส้น ทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา แล้วต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 226 ผ่านบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ถึงอุบลราชธานี

    ------------------------------------------------
    การเดินทางระหว่างอำเภอ
    มีรถโดยสารวิ่งระหว่างอำเภอเมืองไปยังอำเภอ และกิ่งอำเภอต่างๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี ระยะทางเป็นดังนี้
    อำเภอเมือง - กิโลเมตร
    อำเภอวารินชำราบ 2 กิโลเมตร
    อำเภอสว่างวีระวงศ์ 23 กิโลเมตร
    อำเภอเหล่าเสือโก๊ก 27 กิโลเมตร
    อำเภอสำโรง 28 กิโลเมตร
    อำเภอตาลสุม 32 กิโลเมตร
    อำเภอม่วงสามสิบ 34 กิโลเมตร
    อำเภอดอนมดแดง 35 กิโลเมตร
    อำเภอนาเยีย 35 กิโลเมตร
    อำเภอเขื่องใน 38 กิโลเมตร
    อำเภอเดชอุดม 45 กิโลเมตร
    อำเภอพิบูลมังสาหาร 45 กิโลเมตร
    อำเภอตระการพืชผล 50 กิโลเมตร
    อำเภอทุ่งศรีอุดม 74 กิโลเมตร
    อำเภอกุดข้าวปุ้น 76 กิโลเมตร
    อำเภอสิรินธร 80 กิโลเมตร
    อำเภอศรีเมืองใหม่ 83 กิโลเมตร
    อำเภอบุณฑริก 87 กิโลเมตร
    อำเภอนาตาล 93 กิโลเมตร
    อำเภอน้ำขุ่น 97 กิโลเมตร
    อำเภอโพธิ์ไทร 99 กิโลเมตร
    อำเภอนาจะหลวย 100 กิโลเมตร
    อำเภอเขมราฐ 108 กิโลเมตร
    อำเภอโขงเจียม 110 กิโลเมตร
    อำเภอน้ำยืน 110 กิโลเมตร

    ------------------------------------------------
    แผนที่จังหวัดอุบล
    http://www.tourthai.com/province/ubo...images/map.gif

    อีก เว็บ

    [​IMG]
    ------------------------------------------------
    "วัดป่าโนนจ่าหอม" ตำบล โพนเมือง อำเภอ เหล่าเสือโก้ก เลยตัวเมืองอุบล ไปประมาณสักสามสิบกม.

    วัดภูเหล่าเงินฮาง ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านศรีสมบูรณ์ ต.หนองทันน้ำ อ.กุดข้าวปุ้น จ.อบลราชธานี


    วัดถ้ำคูหาสวรรค์ อ. โขงเจียม จ. อุบลราชธานี

    มันคนละทางกันเลยนะพี่...

    ------------------------------------------

    กำหนดการจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ประจำปี 2551
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="75%" border=0><TBODY><TR><TD><LEFT></TD></TR></TBODY></TABLE>
    วันที่ 1 - 31 กรกฎาคม 2551
    เวลา 09.00 - 18.00 น. งานแสดงประติมากรรมเทียนนานาชาติ ครั้งที่ 3 ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ



    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="2%">[​IMG]</TD><TD vAlign=bottom align=middle width="98%" background=/images007/gu_07.jpg>
    17 - 18 กรกฎาคม 2551 การแสดง แสง-เสียง ธรรมะนาฏกรรม




    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD>
    <TABLE width="20%" align=right border=0><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    วันที่ 17-18 กรกฎาคม 2551
    เวลา 19.30 -21.30 น. การแสดง เสียง ณ บริเวณวัดทุ่งศรีเมือง
    ธรรมะนาฏกรรม
    แห่ง
    แผ่นดินเมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัย
    เรื่อง นางจัมปา และอัญญาอโศก
    ขอเชิญชม รูปแบบใหม่ของการจัดการแสดงแสง เสียง โดยใช้บรรยากาศ สถาปัตยกรรมพื้นถิ่นของเมืองอุบลราชธานี ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวละคร คือ นางจัมปา และ อัญญาอโศก
    มหรสพทางจิตวัญญาณในครั้งนี้ จะสะท้อนคุณค่าทางพุทธปัญญาของพุทธศาสนิกชนชาวอุบลราชธานีอย่างแท้จริง
    โครงสร้างการแสดง
    องค์ 1
    นางจัมปา ลเถงที่มาของแผ่นดิน นับจากแผ่นดินเวียงจันทร์ แผ่นดินจัมปาศักดิ์ จนถึงสายสัมพันธ์อันแนบแน่นของบรรพบุรุษเมืองอุบลราชธานี และรวมถึงการผสมผสานทางวัฒนธรรม จนก่อเกิดงานสถาปัตยกรรมหอไตรอันโดดเด่น นำมาซึ่งครรลองอันดีงาม ในวิถีธรรมคนเมืองอุบลราชธานี
    การแสดงในช่วงนี้ ร้อยเรียงเรื่องราวตามลำดับขันธ์ 5 คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
    องค์ 2
    เหตุการณ์วิกฤติสยามประเทศ ร.ศ.112 และกรณีผีบุญผีบาป ได้นำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงสู่เมืองอุบลราชธานี จนก้าวสู่ความรุ่งโรจน์ทางพุทธศิลป์
    การแสดงในช่วงนี้ ร้อยเรียงตามหลักธรรมพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
    องค์ 3
    ในความเปลี่ยนแปลงไปสู่ความรู้ซึ้ง นางจัมปา ได้แจ้งประจักษ์ถึงอกาลิโกแห่งคำสั่งสอน และเข้าใจถึงไตรลักษณ์ จนมีชีวิตที่สุขสงบในบั้นปลาย
    การแสดงในช่วงนี้ น้อมนำให้ทุกคน รู้ และเข้าใจความเป็นเมืองอุบลราชธานี ซึ่งแปรผันตามกฎของไตรลักษณ์เสมอ

    มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี สรรค์สร้างบรรยากาศย้อนยุค "วิถีงัน งานแลงเมืองอุบล"
        1. ข้าวโป่ง
        2. น้ำจรวด / น้ำสมุนไพร
        3. ข้าวจี่ / หมูแนม
        4. ขนมฝักบัว
        5. คั่วมี่
        6. ถั่วต้ม
        7. ขนมกล้วย / ขนมตาล
        8. ไอศกรีมโบราณ
        9. ขนมครก
        10. อ้อยควั่น
    และเชิญถ่ายภาพย้อนยุค (ภาพขาวดำ)
    หมายเหตุ : ซ้อมใหญ่การแสดงแสง เสียง วันที่ 15 กรกฎาคม 2551 ณ บริเวณวัดทุ่ศรีเมือง
    : ติดต่อซื้อบัตรชมการแสดง หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 045-246054

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=middle width="98%" background=/images007/gu_07.jpg>17 กรกฎาคม 2551 ตั้งเทียนโชว์ บริเวณถนนรอบทุ่งศรีเมือง

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD>
    วันที่ 17 กรกฎาคม 2551
    เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป ตั้งเทียนโชว์ ณ บริเวณถนนรอบสนามทุ่งศรีเมือง
    เวลา 19.00 - 19.30 น. พิธีเวียนเทียน ณ วัดมหาวนาราม และวัดศรีอุบลรัตนาราม อ.เมือง จ.อุบลราชธานี

    </TD></TR><TR><TD align=right>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD align=right></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <!--BEGIN WEB STAT CODE----><SCRIPT language=javascript1.1> page="17 กรกฎาคม 2551 ตั้งเทียนโชว์ บริเวณถนนรอบทุ่งศรีเมือง";</SCRIPT><SCRIPT language=javascript1.1 src="http://hits.truehits.in.th/data/b0000806.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://hits.truehits.in.th/func/th_donate_1.6.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://hits.truehits.in.th/func/th_common_1.4.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://hits.truehits.in.th/func/th_donate_1.6.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://hits.truehits.in.th/func/th_common_1.4.js"></SCRIPT>[​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=middle width="98%" background=/images007/gu_07.jpg>18 กรกฎาคม 2551 พิธีเปิดและปล่อยขบวนแห่เทียนพรรษา

    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD>
    วันที่ 18 กรกฎาคม 2551
    เวลา 08.00 - 12.00 น. พิธีเปิดและปล่อยขบวนแห่เทียนพรรษา ณ บริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม
    เวลา 11.00 - 12.00 น. การถวายเทียนหลวงพระราชทาน ณ วัดสุปัฏนารามวรวิหาร
    เวลา 12.00 - 22.00 น. ตั้งเทียนโชว์ ได้แก่ เทียนที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ รองชนะเลิศการประกวดอันดับ 1-3 ของทุกประเถท
    เวลา 18.30 - 19.30 น. พิธีมอบรางวัลต้นเทียนที่ชนะการประกวด
    ติดต่อซื้อบัตรนั่งชมขบวนแห่ได้ที่ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาอุบลราชธานี เขต 1 โทร. 045-242321

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  7. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <CENTER>" เมืองดอกบัวงาม แม่น้ำสองสี มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน
    ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์ " </CENTER>
    ข้อมูลทั่วไป :
    อุบลราชธานี เป็นจังหวัดใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เป็นระยะทาง 629 กิโลเมตร สภาพภูมิประเทศโดยทั่วไปเป็นที่ราบอันอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำมูลไหลผ่านตอนกลางของพื้นที่ ด้านทิศตะวันออกเป็นที่ราบสูงและภูเขา มีหน้าผาหินทรายบริเวณชายฝั่งแม่น้ำโขงอันเป็นเส้นกั้นพรมแดนระหว่างประเทศไทยและลาว





    <HR width="100%" noShade><!---------------------------------->ประวัติเมืองอุบลราชธานี :


    อุบลราชธานี เป็นเมืองใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำมูล ที่มีประวัติความเป็นมากว่า 200 ปี เล่ากันว่า ท้าวคำผง ท้าวทิศพรหม และท้าวคำบุตร พระวอ พระตา หนีภัยสงครามจากพระเจ้าสิริบุญสาร เจ้าแห่งนคร เวียงจันทน์เจ้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระเจ้าตากสินมหาราชและต่อมาได้สร้างเมืองขึ้นที่บริเวณดงอู่ผึ้ง ใกล้กับแม่น้ำมูล ครั้นพ.ศ. 2323 พระเจ้าตากสินมหาราชได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระยาราชสุภาวดี เชิญตราพระราชสีห์มาพระราชทานนามเมืองว่า
     
  8. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี[​IMG]


    วัดถ้ำคูหาสวรรค์ อ. โขงเจียม จ. อุบลราชธานี
    [​IMG]
    ข้อมูลจากเวบพระรัตนตรัย โพสท์โดย prt เมื่อ วันอังคาร 21 มิถุนายน 2005 @ 15:58:40
    http://www.praruttanatri.com/newdesi...thread&order=0
    นามเดิม :- คำคะนิง
    เกิด :- ที่บ้านหนองบัว แขวงคำม่วน ประเทศลาว เมื่อวันพุธ เดือน ๔ ปีกุน พ.ศ ๒๔๓๗
    โยมบิดา - มารดา :- ชื่อนายดิน ทะโนราช และนางนุ่น
    (หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี ก่อนจะบวชเป็นพระภิกษุ ท่านเคยเป็นฤาษีชีไพรมาก่อน ๑๕ ปี )
    บรรพชา :-
    เมื่ออายุได้ ๑๘ ปี บวชได้ ๙ วัน เพื่อทดแทนคุณบิดามารดาที่ตายไป หลังจากนั้นพบครบก็ต้องลาสึก แม้ว่าอยากจะบวชต่อเพียงไรแต่เพราะมีหน้าที่ความจำเป็นต้องเลี้ยงดูครอบครัว (ท่านแต่งงานเมื่ออายุ ๑๘ ปี มีบุตร ๒ คน ) แต่ท่านก็ยังยึดมั่นในการปฏิบัติธรรมโดยการทำงานหาเงินให้เมียกับลูกตอนกลางวัน พอกลางคืนท่านก็ไปนอนที่วัด ถือศีลปฏิบัติธรรมบำเพ็ญเพียรภาวนาไม่กลับไปอยู่ที่บ้าน เพียงดูแลลูกและเมียไม่ให้อดอยาก ทำเช่นนี้จนภรรยาทนไม่ได้ที่เห็นสามีปฏิบัติตัวแบบนี้ จึงอนุญาตให้หลวงปู่บวชได้ตามใจปรารถนา เมื่อเป็นดังนั้นท่านจึงกลับไปวัดที่ตนเคยบวชเณรอีกครั้ง เพื่อพักอาศัยปฏิบัติธรรม อยู่ต่อมาได้ไม่นานท่านก็ได้เพื่อนสหมิกธรรมร่วมอีกสองคน จึงมีความดำริที่คิดจะออกแสวงหาครูบาอาจารย์
    ก่อนจะบวชก็เคยออกสืบเสาะหาพระอาจารย์ด้านกรรมฐานเก่งๆ ได้มีสหาย ๒ คนร่วมเดินทางไปหาอาจารย์สีทัตถ์ เมืองท่าอุเทน แต่ก็ผิดหวัง เมื่ออาจารย์สีทัตถ์กล่าวปฏิเสธ แต่ก็แนะนำให้ไปหาอาจารย์เหม่ย ทั้งหมดรีบมุ่งไปหาอาจารย์เหม่ย เพื่อมอบตัวเป็นศิษย์ อาจารย์เหม่ยนิ่งฟังแล้ว กล่าวด้วยเสียงห้วนๆ
    “ถ้าจะมาเป็นศิษย์เรา ทั้งสามคนนี้จะมีคนตายหนึ่งคน มีใครกลัวตายบ้าง” อาจารย์เหม่ยชี้ถามรายตัว เพื่อนอีกสองคน ยอมรับว่ากลัวตาย ครั้นมาถึงนายคำคะนิง เขาได้ตอบอาจารย์ออกไปว่า “ไม่กลัวตาย”
    อาจารย์เหม่ยเลยให้เพื่อนอีกสองคนที่กลัวตายกลับไป แล้วหันมาทางนายคำคะนิงแล้วพูดว่า “การเรียนวิชากับอาจารย์นั้น มีทางตายจริงๆ เพราะมันทุกข์ทรมานอย่างที่สุด” ให้นำเสื้อผ้าที่มีสีสันทิ้งไป ใส่ชุดขาวแทน เป็น "ปะขาว" ในฐานะศิษย์
    ในสำนักมีแต่ข้าวตากแห้งกับน้ำเพียงประทังชีวิตพออยู่รอดไปวันๆ เวลานอนก็เอามะพร้าวต่างหมอนนายคำคะนิงอยู่ได้ไม่นานก็เกิดเรื่องการตายขึ้น ของชายผู้หนึ่งที่มาฝากตัวเป็นศิษย์ คนผู้นี้นั่งสมาธิจนตาย อาจารย์สั่งนายคำคะนิงให้แบกศพที่ตายเข้าป่า โดยมีอาจารย์เดินนำหน้า ข้ามเขาลูกหนึ่งไปสิบกว่ากิโลเมตรไปถึงต้นไม้ใหญ่สองคนโอบ แล้วสั่งให้เขามัดศพกับต้นไม้นั้น จากนั้นสั่งกำชับว่า “เจ้าจงเดินเพ่งศพนี้ไปเรื่อยๆ ทั้งวันทั้งคืน อย่าได้หยุด ให้พิจารณาอสุภกรรมฐานอย่างถ่องแท้ พรุ่งนี้เช้าค่อยเจอกัน" นายคำคะนิงจึงได้เริ่มพิจารณาศพตามที่อาจารย์เหม่ยสั่งไว้ ถึงรุ่งเช้านายคำคะนิงจึงกลับไปสำนักตามที่อาจารย์กำหนด อาจารย์เหม่ยถามขึ้นเป็นประโยคแรกเมื่อเจอหน้า “เป็นอย่างไงบ้าง”“ศพนั้นก็เหมือนตัวศิษย์ครับอาจารย์ ไม่มีอะไรแตกต่างตรงไหนเลย” นายคำคะนิงบอก “กลัวไหม” อาจารย์ถาม “ไม่กลัวครับ เพราะเขาก็เหมือนเรา เราก็เหมือนเขา” อาจารย์ไม่ถามอะไรอีก สั่งให้ไปเอามีดเล่มหนึ่งทั้งศิษย์และอาจารย์ต่างเดินทางกลับไปหาศพ ณ ที่เดิมพอไปถึง ก็สั่งให้แก้มัดเอาศพออกมานอนราบกับพื้นดิน แล้วสั่งให้นายคำคะนิงผ่าท้องเอาศพออก จากนั้นอาจารย์ก็กล่าวว่า ให้หยิบอะไรออกมา ต้องอธิบายอวัยวะนั้นได้ และต้องบอกดังๆ เมื่อนายคำคะนิงชำแหละศพ ตัดหัวใจ ตับ ปอด ไต กระเพาะ และสิ่งต่างๆ ก็จะตะโกนบอกอาจารย์ด้วยเสียงอันดัง จนครบหมดถูกต้อง
    “เอ๊า... คราวนี้ชำแหละเนื้อลอกออกให้เหลือแต่กระดูก” อาจารย์เหม่ยสั่งให้เขาทำต่อ และนั่งดูจนเสร็จเรียบร้อย จึงได้สั่งอีกเอากองเนื้อและเครื่องในไปเผาให้หมด เอากระดูกรวมไว้ต่างหาก แล้วเอาไปต้มล้างให้สะอาด เหลือแต่กระดูกล้วนๆ อย่าให้มีอะไรติดอยู่
    นายคำคะนิงปฏิบัติตามที่อาจารย์สั่งทุกประการ เนื้อตัวของนายคำคะนิงเต็มไปด้วยรอยเปื้อนเลือด, น้ำเหลือง และมีกลิ่นศพติดตัวเหม็นคละคลุ้ง อาจารย์เหม่ยยังไม่เลิกรา สั่งต่อไปให้เขานับกระดูกและเรียงให้ถูก เขาลงมือปฏิบัติตามทันที
    “กระดูกมีสองร้อย แปดสิบท่อนครับ อาจารย์”
    อาจารย์เหม่ยอธิบายอีกว่า คนที่จะบรรลุธรรมด้วยความเพียรบำเพ็ญ ต้องมีกระดูกครบสามร้อยท่อนกระดูก คือ พระวินัย เนื้อหนังมังสาเป็นพระวินอก ส่วนระเบียบคือ หู ตา จมูก ปาก มือ เท้า หลังจากได้เรียนรู้วิชาจากอาจารย์เหม่ยหลายสิ่งหลายอย่าง อาจารย์ก็ไล่ให้ไปสืบเสาะหาความรู้เพิ่มเติมเอาเอง นายคำคะนิงจึงยึดเอาโยคี
    เป็นรูปแบบภายนอก และถือศีลภาวนาอย่างพระภิกษุตั้งแต่บัดนั้นมา
    พบหลวงพ่อปาน(พระครูวิหารกิจจานุการ)วัดบางนมโค
    ท่านได้ออกจาริกธุดงค์ในปีหนึ่ง เดินธุดงค์คราวนี้หลวงพ่อปานได้นำศิษย์เอก ๔ รูป ไปด้วยมีหลวงพ่อฤาษีลิงดำ(พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง) หลวงพ่อฤาษีลิงขาว หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก และพระเขียน หลวงพ่อปานพาลูกศิษย์ธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม มุ่งหน้าไปทางภาคเหนือ ข้ามเขตชายแดนลึกเข้าไป กระทั่งเข้าเขตเชียงตุง
    วันหนึ่ง...คณะของหลวงพ่อปานได้ผ่านไปถึงถ้ำแห่งหนึ่ง และได้พบกับปะขาวคำคะนิง ขณะนั้นท่านปล่อยผมยาวรุงรังมาถึงเอว หนวดเครางอกยาวรุ่ยร่าย นุ่งห่มด้วยผ้าซึ่งดูไม่ออกว่าเป็นผ้าสีอะไร เพราะปุปะและกระดำกระด่าง หลวงพ่อปานจึงเปรยขึ้นว่า
    "นี่พระหรือคน ? "
    "ไอ้พระมันอยู่ที่ไหน ? เฮ้ย ! พระมันอยู่ที่ไหนวะ ? " พูดสวนด้วยน้ำเสียงขุ่นเหมือนไม่พอใจ
    "อ้าว..ก็เห็นผมยาว ผ้าก็อีหรุปุปะ สีเหลืองก็ไม่มี แล้วใครจะรู้ว่าเป็นคนหรือพระล่ะ ?"
    "พระมันอยู่ที่ผมหรือวะ ?"
    "ไม่ใช่" หลวงพ่อปานตอบยิ้มๆ
    "แล้วพระมันอยู่ที่ไหนเล่า?"
    "พระน่ะอยู่ที่ใจใสสะอาด"
    "ถ้าอย่างนั้นละก้อ เสือกมาถามทำไมว่าเป็นพระหรือคน"
    "เห็นผมเผ้ารุงรังอย่างนั้นนี่ ใครจะไปรู้เล่า?"
    "ก็ในเมื่อพระไม่ได้อยู่ที่ผม ไม่ได้อยู่ที่ผ้าแล้วเสือกมาถามทำไม ทำไมไม่ดูที่ใจคน ไอ้พระบ้านพระเมืองกินข้าวชาวบ้านแบบนี้อวดดี มันต้องเห็นดีกันละ"
    พูดจบ ปะขาวคำคะนิงก็หยิบเอาหวายยาวประมาณหนึ่งวาโยนผลุงไปตรงหน้า หวายเส้นนั้นกลายสภาพเป็นงูตัวใหญ่ยาวหลายวาน่ากลัว ชูคอร่าก่อนจะเลื้อยปราดๆ เข้ามาหาหลวงพ่อปานพระลูกศิษย์เห็นอย่างนั้นต่างถอยไปอยู่เบื้องหลังหลงพ่อปาน
    หลวงพ่อปานไม่ได้แสดงอาการแปลกใจหรือตื่นกลัวท่านก้มลงหยิบใบไม้แห้งขึ้นมาใบหนึ่งแล้วโยนไปข้างหน้า ใบไม้นั้นก็กลายเป็นนกขนาดใหญ่คล้ายเหยี่ยวหรือนกอินทรี
    นกซึ่งเกิดจากอิทธิฤทธิ์โผเข้าขยุ้มกรงเล็บจับลำตัวงูใหญ่เอาไว้แล้วกระพือปีกลิ่วขึ้นไปเหนือทิวยอดไผ่ ต่อสู้กันเป็นสามารถงูฉกกัดและพยายามม้วนตัวขนดลำตัวรัด ขณะที่นกใหญ่จิกตีและจิกขยุ้มกรงเล็บไม่ยอมปล่อย แต่ไม่มีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดแพ้ชนะ ตราบกระทั่งร่วงหล่นลงมาทั้งคู่พอกระทบพื้นดิน งูกลายเป็นช้างป่าตัวมหึมา งายาวงอนส่วนใบไม้แห้งแปรรูปเปลี่ยนเป็นเสือลายพาดกลอน แล้วสองสัตว์ร้ายก็โผนเข้าสู้กันใหม่ เสียงขู่คำรามของเสือเสียงโกญจนาทของพญาคชสารแผดผสานกึกก้องสะท้านป่า
    นี่ไม่ใช่ภาพมายา แต่เกิดจากฤทธิ์อภิญญา! ครั้นสองตัวประจัญบานไม่รู้แพ้ชนะได้ครู่หนึ่งก็หายไป ปะขาวยาวหนวดยาวเครารุงรังได้บันดาลให้เกิดไฟลุกโชติช่วงประหนึ่งจะมีเจตนาจะให้ลามมาเผา แต่หลวงพ่อปานก็บันดาลพายุฝนสาดซัดลงมาดับไปเกิดฝุ่นตลบคลุ้งไปทั้งป่า
    ลองฤทธิ์กันหลายครั้งหลายครา ปรากฏว่าไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ แทนที่ทั้งสองฝ่ายจะโกรธเกรี้ยว กลับทรุดลงนั่งหัวเราะด้วยความขบขัน
    คณะศิษย์ของหลวงพ่อปานพากันประหลาดใจ หลวงพ่อปานจึงอธิบายว่า "เขากับฉันเป็นเพื่อนกัน" พร้อมกันนั้นก็หันไปพูดกับปะขาวผมยาวหนวดเครารุงรังว่า ลูกศิษย์ของท่านนั้น "เอาจริง"
    หมายถึงปรารถนาบรรลุสู่พระนิพพานกันจริงๆ ทุกรูป การที่ท่านและปะขาวผมยาวเล่นฤทธิ์ประลองกันก็เพื่อให้ศิษย์ทุกคนได้เห็น "ของจริง"
    แล้วหลวงพ่อปานก็ให้คณะศิษย์ของท่านเข้าไปทำความเคารพ ซึ่งปะขาผมยาวก็ได้นอบน้อมถ่อมตนว่าท่านไม่ได้เก่งกาจเกินว่าหลวงพ่อปานเลยแม้แต่น้อย
    หลวงพ่อปานและศิษย์ของท่านพักอยู่กับปะขาวผมยาวนานนับครึ่งเดือนเพื่อให้ทุกรูปได้รับคำแนะนำสั่งสอนด้านอภิญญาเพิ่มเติม เมื่อพักอยู่ที่คูหาถ้ำพอสมควรแกเวลาแล้ว หลวงพ่อปานและคณะศิษย์ก็ออกธุดงค์ต่อไป ปะขาวผมยาวคนนั้นก็คือปะขาวคำคะนิง หรือหลวงปู่คำคะนิงนั้นเอง
    หลังจากหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคและคณะศิษย์ของท่านจากไปแล้วปะขาวคำคะนิงก็ออกเดินทางต่อไป
    โยคีคำคะนิง ดั้นด้นไปยังภูอีด่าง ซึ่งสมเด็จลุนพระอริยเจ้าแห่งราชอาณาจักรลาวจำพรรษาอยู่ พร้อมแจ้งวัตถุประสงค์ของตนให้ท่านทราบ สมเด็จให้ความปราณีมอบคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ให้โยคีคำคะนิงไปค้นคว้า ศึกษา ครั้นท่านโยคีคำคะนิงศึกษาธรรมจากพระคัมภีร์เรียบร้อยก็เอาเก็บไว้ที่เดิม มิได้นำมาเป็นสมบัติส่วนตัว โยคีคำคะนิงลงจากภูเขาได้พบชาวบ้าน และได้ทำการรักษาคนป่วยจนหายทุเลา ท่านเดินทางไปเรื่อย เจอใครก็รักษาโรคภัยให้หมด
    อุปสมบท :-
    เรื่องของโยคีตนนี้ ทราบถึงพระกรรณของพระเจ้าศรีสว่างวัฒนาเจ้ามหาชีวิตของประเทศลาวถึงกับสนพระทัย จึงได้โปรดให้โยคีคำคะนิงเข้าเฝ้าท่ามกลางพระญาติและเสนาอำมาตย์ทั้งหลาย แล้วพระองค์ทรงตรัสถาม “ท่านเก่งมีอิทธิฤทธิ์มากหรือไม่”
    “ไม่” โยคีคำคะนิงตอบสั้นๆ
    “ถ้าไม่เก่งแล้วทำไมคนจึงลือไปทั่วประเทศ” ตรัสถามอีก
    “ใครเป็นคนพูด” โยคีคำคะนิงไม่ตอบแต่ถามกลับ
    “ประชาชนทั้งประเทศ” พระองค์บอก
    “นั่นคนอื่นพูด อาตมาไม่เคยพูด” โยคีคำคะนิงตอบออกไป
    พระเจ้าศรีสว่างวัฒนาทรงแย้มพระสรวล ในการตอบตรงๆ ของโยคีคำคะนิง จึงตรัสถามว่า
    “ขอปลงผมท่านที่ยาวถึงเอวออกได้ไหม”
    คำคะนิงถึงกับอึ้งชั่วครู่ จึงได้กราบทูลไปว่า “ถ้าปลงผม หนวดเคราก็ต้องอุปสมบทเป็นพระภิกษุ”
    “ยินดีจะจัดอุปสมบทให้ท่านเป็นพระราชพิธี" เจ้ามหาชีวิตยื่นข้อเสนอให้ โยคีคำคะนิงจึงได้กล่าวตกลง และได้บวชตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
    ณ วัดหอเก่าแขวงนครจำปาศักดิ์ คือศาสนสถาานที่กำหนดให้เป็นวัดอุปสมบทของปะขาวคำคะนิง มีประกาศป่าวร้องให้ประชาชนทั่วไปได้รู้ถึงวันอุปสมบทปะขาวคำคะนิง โดยพระเจ้าศรีสว่างวัฒนา ทรงมีพระบรมราชานุเคราะห์ให้จัดขึ้น
    พอถึงวันอุปสมบท ประชาชนทุกชนชั้นทุกอาชีพ ตลอดจนข้าราชการทุกหมู่เหล่าต่างมาร่วมในงานพระราชพิธีแน่นขนัดเป็นประวัติการณ์ แต่ละคนเตรียมผ้าไหมแพรทองมาด้วยเพื่อจะมาปูรองรับเส้นเกศาของปะขาวคำคะนิง ตอนแรกจะมีการแจกเส้นเกศาให้แก่ประชาชนโดยทั่วถึงกันหม ครั้นถึงเวลปลงผมจริงๆ ประชาชนกลัวจะไม่ได้เส้นเกศาจึงแออัดยัดเยียดเข้ายื้อแย่งกันอลหม่าน เกินกำลังเจ้าหน้าที่รักษาการจะห้ามปรามสกัดกั้นได้ ในที่สุดเหตุการณ์ก็สงบลงเมื่อเส้นเกศาถูกแย่งเอาไปจนหมด
    จากนั้นพระราชพิธีอุปสมบทก็ดำเนินต่อไปโดยมีสมเด็จพระสังฆราชทรงเป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ เจ้ามหาชีวิตพระเจ้าศรีสว่างวัฒนา ทรงเป็นองค์ประธานฝ่ายฆราวาส มีพระเถระชั้นผู้ใหญ่เข้าร่วมพิธี ๒๘ รูป เมื่อพิธีการอปุสมบทเสร็จสิ้นปะขาคำคะนิงซึ่งครองเพศพรหมจรรย์ เป็นพระภิกษุในบวรพระพุทธศาสนาแล้ว ได้รับฉายาว่า "สนฺจิตฺโตภิกขุ" หรือ "พระคำคะนิง สนฺจิตฺโต"
    หลังจากเป็นพระภิกษุ พระคำคะนิง สนฺจิตฺโต ก็กลับขึ้นไปจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำบนภูอีด่างเช่นเดิม ดำรงวัตรปฏิบัติตามแนวทางของพระป่าอย่างเคร่งครัด และนับตั้งแต่เป็นพระภิกษุคำคะนิง สนฺจิตฺโต ประชาชนก็ยิ่งหลั่งไหลไต่ภูเขาขึ้นไปกราบนมัสการ และขอความช่วยเหลือจากท่านจนไม่มีเวลาปฏิบัติภาวนาบำเพ็ญธรรม
    วันหนึ่ง..พระคำคะนิง สนฺจิตฺโต ก็หายไปจากภูอีด่าง และไม่กลับมาอีกเลย ประชาชนลาวรู้แต่ว่าท่านออกธุดงค์สาบสูญไปแล้ว ต่างพากันร่ำไห้โศกเศร้าอย่างน่าสงสาร
    หลวงปู่ชอบจารึกธุดงค์ฝั่งลาวเพราะหมู่บ้านยังไม่เยอะเท่าฝั่งไทย ป่ายังมีความอุดมสมบูรณ์ และในช่วงปลายชีวิตท่านก็ตัดสินใจจำพรรษา วัดถ้ำคูหาสวรรค์ อ. โขงเจียม จ. อุบลราชธานี เป็นที่สุดท้ายของท่าน
    มรณภาพ :-

    หลวงปู่ป่วยเป็นโรคปอดบวม และได้มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๘ เวลา ๑๑.๑๓ น. ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิ์ประสงค์ ท่านได้อยู่ในเพศฤาษีได้ ๑๕ ปี และอยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ ๓๒ พรรษา
    ธรรมเทศนา :-
    อด อัด อุด บริสุทธิ์ในธรรม
    "อด" คือความอดทนวิริยะในธรรมอันบริสุทธิ์ เช่นหนาวก็ไม่ให้พูดว่าหนาว ร้อนก็ไม่ให้พูดว่าร้อน เจ็บก็ไม่ให้พูดว่าเจ็บ เพราะมนุษย์ที่เกิดขึ้นมาได้ทุกรูปทุกนาม ครบอาการ ๓๒ อย่างบริบูรณ์นั้นก็ด้วยธรรม ได้แต่งให้เกิด อันมีศีล ๕ เป็นพื้นฐาน ทุกคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์ย่อมจะรู้และเห็นอยู่ทุกวันว่า มีคนเกิดแก่ เจ็บ ตาย เพราะเป็นกฎธรรมชาติ ไม่ว่ามนุษย์และสัตว์ เมื่อเกิดมีขันธ์ ๕ ย่อมมีดับ
    ทุกสิ่งในโลกมักจะมีคู่ เช่น หญิงกับชาย ดีกับชั่ว ในทำนองนี้ พระพุทธเจ้าเอง ปรารถนาอย่างยิ่งคือคำว่าหนึ่งไม่มีสอง ก็หมายความว่า เมื่อมีเกิดย่อมมีตาย เมื่อไม่มีตาย ย่อมไม่มีเกิด อย่างใดอย่างหนึ่ง ให้ถึงการหลุดพ้นจากกิเลสหมดสิ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป ให้รู้จักตัวเจ้าของเองให้มากที่สุด อย่าไปสนใจในสิ่งที่ห่างจากตัว ให้อ่านตัวเองให้ออก เพราะธรรมที่ทุกคนอยากได้ อยากเห็นนั้นมันอยู่ในตัวของแต่ละบุคคล แต่ที่เรามองไม่เห็น อ่านมันไม่ออกก็เพราะกิเลสมันบังอยู่ อุปมาดังตัวเรานี้เหมือนแก้วน้ำที่ใสสะอาดบรรจุไปด้วยน้ำสกปรกอันมีกิเลสตัณหาความอยากโลภโมโทสัน ความอยากร่ำอยากรวย ความไม่รู้จักพอนี้ สะสมอยู่ในจิตก็ย่อมจะมีแต่ความมืดมน ถ้าทุกคนพยายามหยิบและตักตวงเอาสิ่งทั้งหลายที่กล่าวมาออกจากจิตออกจากใจ ในไม่ช้าก็จะพบแต่ความสว่างไสวแห่งธรรมที่ปรารถนา เหมือนดังแก้วน้ำที่ล้างจากใจ ในไม่ช้าก็จะพบแต่ความสว่างไสว แห่งธรรมที่ปรารถนา เหมือนดังแก้วน้ำที่ล้างสะอาดไม่มีสิ่งใดบรรจุ นั่นคือ ตัวธรรมที่แท้จริง
    ส่วน "อัด"คืออะไร ทุกคนที่เกิดมาในโลกย่อมจะรู้จะเห็นว่าอะไรเป็นเรื่องของทางโลก เช่น คนพูดกันหรือทะเลาะกัน คนฆ่ากัน รถชนกัน สิ่งเหล่านี้ เราไม่ต้องไปสนใจ ปิดหู ปิดปาก ปิดตา ไม่ให้ได้ยิน ไม่ให้เห็น ไม่ให้พูด ไม่ต้องรับรู้จากสิ่งที่จะทำให้เป็นตัวกั้นความดี ให้วางให้หมด ดูแต่ใจเจ้าของแต่ผู้เดียว รู้แต่ลมเข้าออกเท่านั้น จะทำอะไรก็ให้อยู่ในศีลธรรมให้ระลึกรู้อยู่ตลอดเวลา เราต้องอัดไม่ให้เสียงเข้ามาในหู ไม่ให้รูปเข้ามาทางตา ไม่พูดสิ่งที่ต่ำไป สูงไป ให้พูดแต่สิ่งที่พอดี นี่คือธรรมตัวจริง
    "อุด" คืออะไร หมายถึงเมื่อเราอด เราอัด ปิดกั้นความเลวร้าย ความชั่ว ความวุ่นวายทั้งหลายไม่ให้เข้ามาทางตา หู ปาก ของเราแล้วก็อุดความดีเอาไว้ในตัวของเราไม่ให้มันไหลออกไป กาย วาจา ใจของเราก็จะบริสุทธิ์ในธรรม ระลึกชอบ ตั้งใจชอบ ปฏิบัติชอบ ตาอย่าได้ดูในสิ่งที่ไม่เป็นธรรม หูอย่าได้ฟังในสิ่งที่ไม่เป็นธรรม ปากอย่าได้พูดในสิ่งที่ไม่เป็นธรรม อุดความดีทั้งหลายเอาไว้ ให้เกิดความบริสุทธิ์ในธรรม ถ้าทุกคนพยายามตั้งอกตั้งใจปฏิบัติก็จะพบแต่ความสำเร็จปรารถนาไว้ทุกประการ
    อด อัด อุด บริสุทธิ์ในธรรม คือการปฏิบัติส่งเสริมคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ รู้ซึ้งถึงธรรมของพระพุทธองค์ว่า ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นตัวธรรมะที่พาให้เห็นธรรมอันแม้จริง อด อัด อุด บริสุทธิ์ในธรรมคือการปฏิบัติที่ทำให้เราระลึกชอบ ตั้งใจชอบ ปฏิบัติชอบ อยู่ชอบ กินชอบ นั่งชอบ นอนชอบ ไปชอบ มาชอบ วาจาชอบ อด อัด อุด เป็นขันติบารมีธรรม คือความอดทนให้เกิดปัญญามีที่เป็นปรมัตถ์ มัดหูมัดตา มัดจิต มัดใจ มัดมือ มัดตีนให้เป็นธรรม อด อัด อุด บริสุทธิ์ในธรรมนี้ดีเลิศทำให้หน่ายในโลกจักรวาล มีจิตเบิกบาน ถ้าเข้าใจดีปฏิบัติด้วยจิตที่ตั้งมั่น จะหันหน้าเข้าสู่สวรรค์นิพพาน ไม่หนึ่งเกิด สองตาย อด อัด อุด บริสุทธิ์ในธรรมไม่มีตาย ไม่มีเฒ่า ไม่มีเข้าพยาธิ

    -----------------------------------------------------------------
    หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี

    วัดถ้ำคูหาสวรรค์ อ. โขงเจียม จ. อุบลราชธานี<!--colorc--><!--/colorc-->


    [​IMG]

    ปัจจุบัณ สังขารของหลวงปู่ บรรจุในโลงแก้ว เพื่อให้ประชาชนได้นมัสการกราบไหว้ ที่วัดถ้าคูหาสวรรค์
    [​IMG]


    สังขารของหลวงปู่ครับ
    [​IMG]
     
  9. อนุชวน

    อนุชวน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2006
    โพสต์:
    139
    ค่าพลัง:
    +7,973
    ข้อมูลเพิ่มเติม

    เมื่อวันที่ 15 กค.ได้คุยกับคุณคณานันท์ทางโทรศัพย์ว่าจะเดินทางมาอุบลซึ่งสวนทางกับผมซึ่งกำลังจะเดินทางกลับกรุงเทพวันนี้พอดีและก็เลื่อนตั๋วไม่ทันไม่งั้นก็ได้เจอกันและจะพาทัวร์ที่อุบลฯ หลังจากกราบพระอาจารย์ท่านและเที่ยวงานแห่เทียนแล้วอยากแนะนำคณะคุณคณานันท์ถ้ามีเวลาอยากให้ไปที่ถ้ำปาฏิหาริย์(ถ้ำพญานาค)บริเวณป่าดงนาทาม เมื่อได้เข้าไปในถ้ำไม่ต้องเปิดไฟในถ้ำนะครับเข้าไปแล้วลองนั่งสมาธิกำหนดดูนะครับคุณคณานันท์ได้เจออะไรดีๆแน่และอธิษฐานจิตขอเอานะครับ และยังมีสถานที่ใหม่ที่แทบจะไม่มีคนรู้จักคือผาขาวซึ่งเพิ่งมีพระสงฆ์ไปปฏิฐัติที่นั่นไม่นานและได้เจออะไรที่คาดไม่ถึงมากมายและมีอยู่ครั้งนึงที่ท่านนิมิตบอกให้เดินทางไปอีก 3 กม.จะเจออะไรดีๆ ปรากฎว่าท่านก็เดินจริงๆแล้วได้เจอฤาษีองค์หนึ่งในชุดสีดำในป่าลึก
    สถานที่ที่ผาขาวนี้ก็เป็นดินแดนอีกแห่งที่มีพญานาคอยู่(ชาวบ้านบางคนเรียกงูใหญ่) ที่จังหวัดนี้สามารถเที่ยวได้ทั้งปีฤดูร้อนก็จะมีที่ผาชัน สามพันโบกและอีกมากและที่สามพันโบกนี่แหละที่พระอาจารย์ชยางกูรท่านเดินเลี่ยงไปองค์เดียวสักพักท่านก็ถือสิ่งหินมาให้สามก้อนและภายในมีเพชรพญานาคอยู่ข้างใน
    ส่วนหน้าน้ำก็จะมีน้ำตกมากมายพร้อมดินแดนที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าจะมีพญานาคอยู่ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่แถวชายแดน และที่น่าประหลาดที่สุดเห็นจะเป็นบ่อทองคำ วันนี้พอก่อนนะครับส่วนวันหน้าจะเล่าวัดภูเหล่าเงินฮางให้ฟัง
    ซึ่งถ้าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกเราชาวพลังจิตคงได้ปิติกันทุกคนแน่ครับ
     
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    พบกันพรุ่งนี้ครับ

    มีเพื่อนๆร่วมทำบุญงานพระธาตุ ทั้งการเดินทางและงานบุญทุกอย่างดังนี้ครับ

    คุณอ้อ กิตติพรรธน์ จันทร์หลง 500 บาท
    คุณ Coolz 3,000 บาท
    คณะปฏิบัติธรรม บ้านแสนสบาย 5,000 บาทครับ

    ขอให้ทุกๆท่าน คล่องตัว เจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลก ทางธรรม เดินทางไปไหนได้ดังใจนึก ใจปรารถนา มีเส้นทางแห่งความดีเป็นที่ตั้ง มีพระนิพพานเป็นที่สุดด้วยเทอญ
     
  11. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775

    ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลของคุณอนุชาครับ

    ขอให้ธรรมมะจัดสรรครับ

    วันนี้ตอนดูแผนที่ของจังหวัดอุบล จะเห็นว่า มีส่วนหนึ่งของแม่น้ำโขงเว้าเข้ามา ทางนิมิตรท่านเล่าให้ฟังว่า ส่วนที่เว้ามานี้เป็นวังพญานาค

    ดังนั้นทริปนี้น่าจะเป็นทริปพญานาคอีกแล้วครับ

    หากท่านใดเปลี่ยนใจไปด้วย มาพบที่อนุสาวรีย์ชัยได้เลยครับ

    จะได้พบกับปาฏิหาริย์แน่นอนครับ
     
  12. ตุ๊กตาแก้ว

    ตุ๊กตาแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    557
    ค่าพลัง:
    +3,265
    ขอให้เดินทางไปกลับโดยสวัสดิภาพทุกท่านนะคะ

    ให้ได้พบกับปาฏิหาริย์ทุกท่าน มีความสุขถ้วนหน้า

    อนุโมทนาบุญด้วยทุกประการค่ะ
     
  13. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่าน กับทุกบุญในทริปนี้และทุกทริปค่ะ
    วันนี้มาทำงาน นั่งเฝ้าหน้าจอ...รอ ร๊อ รอ อย่าลืมเอารูปงานบุญมาฝากกันน๊า
    ขอให้การเดินทางเต็มอิ่มไปด้วยบุญนะคะ
     
  14. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    ก็พี่ปาฏิหาริย์ไปด้วยนี่นา จะไม่พบปาฏิหาริย์ได้ยังงัยคะ
    (smile)

    ขอถาม ชาวทริปนี้ ว่า วันเข้าพรรษา ช่วงเวลาประมาณ 10.45 น.กำลังทำอะไรกันอยู่เอ่ย..

    อุบๆๆ​
     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    มีคนแอบนั่งสมาธิ ไปเที่ยวเมืองบาดาล

    แถมพระอ.ชยางกูรท่านไปพบในสมาธิ มาทักให้ทราบตอนเช้า

    แถมคนทางกรุงเทพจับได้อีก

    โห แบบนี้วันหลังนัดแล้ว ไปกายทิพย์กันก็แล้วกัน :cool:
     
  16. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ทริปนี้ มีปาฏิหาริย์ เยอะครับ ทั้งที่ตัวเป็นๆ และก็ เป็นเรื่องแปลกๆครับ

    เพิ่งกลับมา จะทะยอยเล่าเรื่องและทะยอยนำรูปมาลงครับ

    ขอล่อให้อยากแล้วจากไปก่อนครับ ประมาณนี้

    -ได้สัมผัสกับเกล็ดพญานาคกัน (มีรูปคลิปมาให้ดูด้วย )

    -เขี้ยวพญานาค

    -ได้เพชรพญานาคกันทุกคนเลย แต่มีคนหนึ่ง ได้เป็นเหล็กไหล

    -หากได้วาระออกพรรษา เข้าหน้าหนาว พระอ.ชวน ไปธุดงค์ แบบไปเที่ยวเมืองพญานาค ครับ


    จะมาสรุปแบบละเอียดให้ฟังครับ ทริปนี้มีหลายรสชาด
     
  17. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    sutatip_b <script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_1366097", true); </script>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งล่าสุด: วันนี้ 07:07 AM
    วันที่สมัคร: Aug 2007
    ข้อความ: 1,885
    ได้ให้อนุโมทนา: 7,197
    ได้รับอนุโมทนา 37,006 ครั้ง ใน 1,890 โพส
    <if condition=""></if> พลังการให้คะแนน: 2662 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    <!-- message --> อ้างอิง:
    <table width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border: 1px inset ;"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Thongkerd [​IMG]
    เขมร ลืมข้าวแดงแกงร้อน ในตอนเป็นเด็กข้าพเจ้า เห็นค่ายอพยพของคนเขมรจำนวนที่มากพักอาศัยหลายล้านคน จากการที่เกิดสงครามกลางเมืองแตกซ่าน กระเซ็น มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของในหลวงเรา พึ่งแผ่นดินไทยเรา แม้นแต่คนเขมรเองก็ยังฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กันเองได้ ทำไมเรื่องจะเฉื่อนเอาแผ่นดินเราไป
    เขาจะไม่กล้าทำ ตอนนี้คนทางบ้านข้าพเจ้า (เมืองแห่งปราสาท) แจ้งมาว่ากำลังทหารไทยเรา จำนวนหลายพันคน ตรึงตามแนวชายแดนตั้งแต่ ศรีสะเกษ
    สุรินทร์ บุรีรัมย์ แม้นแต่สระแก้ว ปราจีน ก็มีการปิดด่านหมดแล้ว เข้มงวดทุกจุด
    หากแม้นมีปืนลั่นนัดเดียว รับรอง ทหารฝรั่งตามน้ำข้าวและพันธมิตร(UN) เข้ามาแน่เพราะเขมรมันวางแผนไว้แล้ว หากยิงกันจริงแถบอำเภอกันทรลักษณ์ อำเภอขุนหาญ อำเภอขุขันธ์ อำเภอภูสิงห์ซึ่งเป็นแนวเขตชายแดน จังหวัดศรีสะเกษ ประชาชนในเขตนี้จะนอนไม่หลับ เตรียมตัวอพยพแน่นอน รวมทั้งพอ่ แม่ ญาติ พี่น้อง ๆ ของข้าพเจ้าก็อยู่ในอำเภอเหล่านี้ สื่อและเวปไซด์ของกำพูชาบอกว่า คนกำพูชาต้องการสถานที่ที่มีปราสาทขอมทั้งหมด เพราะอดีตเขาอ้างว่าเป็นของเขาสถานที่นี่ก็คือ ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ สระแก้ว ปราจีน และคนบริเวณนี้ส่วนหนึ่งพูดภาษาท้องถิ่น คือเขมรได้ และยังพูดอยู่แม้แต่ข้าพเจ้าก็พูดได้ แต่พวกเขาเหล่านั้นและข้าพเจ้าก็สำนึกเสมอว่าเราคือคนไทย คนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ใครก็มาแบ่งเราไปไม่ได้ เพราะเรารักเมืองไทย

    </td> </tr> </tbody></table>
    ไปอุบลฯมาค่ะ

    ขากลับมีโปรแกรมเที่ยวจะแวะปราสาทหินเขาพนมรุ้ง

    ช่วงจะพ้นเขตจว. อุบลฯ มีสัญญาณบอกคุณคณานันท์ให้ทำน้ำมนต์ คุณคณานันท์จึงมอบหมายให้ดิฉันสวดบทจักรพรรดิ์ เตรียมน้ำตาพระพุทธรูปวัดโนนจ่าหอมเป็นน้ำตั้งต้น ภาวนาไปเรื่อยจากบุรีรัมย์ไปถึงปราสาทหิน จากนั้นจึงได้อธิษฐานจิตร่วมกันกับคณะเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และความสงบร่มเย็นของแผ่นดิน แล้วจึงจะนำนำ้มนต์ดังกล่าวไปประพรมที่จุดรับพลังงานในปราสาทหิน

    ได้ทำการถวายพระบรมสารีริกธาตุที่หอพระหน้าลานจอดรถ ในหอพระพุทธกลัีับมีเจ้าแม่กาลีนุ่งหนังเสือวางหน้าฐานพระ พลังงานไม่กลมกลืนแน่นอน ได้พรมน้ำมนต์สี่จุดบริเวณรอบหอพระประกาศแดนพุทธ

    เมื่อเดินเข้าสู่บริเวณปราสาท ความรู้สึกบอกว่าให้เอาน้ำมนต์ไปประพรมตามทางเดินขึ้นทั้งหมด ตั้งแต่หอเปลี่ยนเครื่องทรงเป็นต้นไป

    เมื่อถึงจุดที่มีนาคและบัวแปดทิศ คุณปาฏิหาริย์แนะให้ประพรมน้ำมนต์ไปบนพญานาค บอกว่าเขาอยากได้ความชุ่มเย็น จากนั้นเดินเข้าจุดรับพลังงาน พรมน้ำมนต์อธิษฐานบนเท้าเทวบาล ฤาษีเฝ้าเชิงประตู และจุดบูชาทั้งหมดในอาคารหลัก ตามออกประตูหลังไปพรมสิงโตสองตัวด้วย

    ขากลับย้อนทางเดิม กลับมาพรมน้ำมนต์ให้นาคสี่ตัวแรกที่อยู่หน้าสุด ขาเข้าไม่ได้พรมเพราะคนถ่ายรูปเต็มไปหมด

    พอเดินลงบันไดมา กำลังพรมน้ำมนต์ตามทางเดินด้านขาออก ก็มีละอองฝนชุ่มเย็นโปรยปรายมาสัมผัส จิตระลึกรู้ทันทีว่าฝนนี้เป็นน้ำมนต์ คุณคณานันท์ว่านาคเขาขอบใจเลยมาอนุโมทนากัน เร็วทันใจดีไหม คุณลีจะกางร่มให้ บอกคุณลีว่า ขอบคุณค่ะ ไม่ต้องใช้ร่มเพราะจิตอยากรับความรู้สึกปิติชุ่มเย็นนี้ไว้ให้นานที่สุด

    พอถึงบริเวณลานจอดรถฝนก็หยุดโปรยพอดี

    กรรมของสองแผ่นดินมิอาจถูกลบเลือนให้หมดไปได้ สิ่งดีๆให้กระแสพลังงานชุ่มเย็น ผู้ปฏิบัติได้อานิสสงส์แก่ตนเอง เทพเทวารับทราบและอนุโมทนา ที่เหลือก็ต้องวางใจเป็นอุเบกขา

    ใครอยู่ใกล้ปราสาทหินที่ไหนอธิษฐานน้ำมนต์ไปประพรมได้นะคะ วันอาทิตย์เป็นวันหยุดอีก ๑ วันร่วมด้วยช่วยกันค่ะ
     
  18. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337


    [​IMG]โอ้ววว!!! เสียดายไม่น่าพลาด[​IMG]
    พี่ค่ะ จัดไปทริปนี้กันอีกรอบน่ะๆๆๆๆๆๆๆ อยากไปๆๆๆๆ
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
     
  19. ~ สุดที่รัก ~

    ~ สุดที่รัก ~ สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +1
    รออ่านด้วยคนค่ะ
     
  20. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337

    พอร์ชจอง 1 ที่เลยนะคะ พี่เล็ก[​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...