เตือนพุทธภูมิ ระวังอย่าทะนงตน

อันนี้อยากจะเตือนเพื่อนๆพี่น้อง ชาวพุทธภูมิทุกท่าน ให้ระวัง อย่าหลงตัวเอง และ ทะนงตน มีความยึดมั่น ถือมั่นในความเป็นพุทธภุมิ ของพวกท่าน อย่าคิดว่าเราเหนือกว่าคนอื่น เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้การสร้างบารมีของพวกท่านเนิ่นช้า อีกมากนะครับ อย่าไปเที่ยวอวดใครโดยไม่จำเป็น ว่าท่านปรารถนาพุทธภูมิ หรือด้วยหวัง ว่าจะข่มผู้อื่น นะครับ

(ซึ่งผมก็ยังเป็นเหมือนกันนะครับ ไม่ใช่ไม่เป็น แต่พยายามเตือนตัวเองบ่อยๆ ว่า นี่เป็นการยึดมั่นถือมั่น มากไป และหลงทะนงตน ซึ่งไม่ดีนะครับ)
การปรารถนาพุทธภูมิเป็นสิ่งที่น่านับถืออย่างมาก แต่ก็ต้องรู้ด้วยว่า สิ่งเหล่านี้ไม่เที่ยง ดังเช่น มีลาภ ก็ย่อมเสือมลาภ มียศก็ย่อมเสือมยศ เป็นของคู่กัน หากท่านยึดติดเหล่านี้จะทำให้ หลงตัวเอง ไม่ฟังใคร จนอาจมีมิจฉาทิฎฐิ เดินทางผิด ได้นะครับ

ดังเช่น พระปัจเจกพระพุทธเจ้า ในอนาคต ที่พระองค์เกิดมาในสมัยของพระพุทธเจ้าสมณโคดม ชื่อ พระเทวทัต ซึ่งพระองค์เคยกระทำผิดอย่างมหันต์ เพราะด้วยความหลงผิดนั่นเอง ยึดมั่น และ ถือดีในตัวเอง จนต้องเดินทางผิด แม้ว่าพระองค์จะมีบารมีเต็มแล้ว และจะเกิดเป็นพระปัจเจกพระพุทธเจ้า อีกเพียงหนึ่งชาติ ชาติก่อนนั้นก็ยังได้ทำอนันตริยกรรมเลย แล้วนับประสาอะไรกับพวกเรา ที่บารมียังไม่เต็มอีกมากมาย อีกหลายชาติ จะไม่หลงผิด

เพราะฉะนั้นต้องระมัดระวังตัวเองให้ดี อย่าให้ความถือดีซึ่งเป็นกิเลสตัณหา อย่างหนึ่ง มาครอบงำ จิตใจเราได้นะครับ

รวมถึงอีกตัวอย่างนะครับ และขออนุญาติ นำข้อความ ของหลวงพ่อเกษม อาจิณโณ มาโพส เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์แก่ชาวพุทธภูมิทุกท่านนะครับ มิได้มีเจตนาที่จะซ้ำเติม ท่านแต่อย่างใด สำหรับตัวผมเองยังเคารพหลวงพ่อเหมือนเดิม (หลวงพ่อเกษม ท่านเคยปรารถนาพุทธภูมิ ชาตินี้ลาแล้ว) ความจริงหลวงพ่อตั้งใจจะสอนในชาวพุทธ หันมานับถือ พระรัตนตรัย อย่างถูกต้องไม่ งมงาย ไม่ให้ติดกับวัตถุ อย่างที่ชาวพุทธส่วนใหญ่ทำกันในปัจจุบัน คือ การเคารพบูชา พระเครื่อง จตุคาม น้ำมนต์ คุณไสย ยันต์ ต่างๆ ไม่ได้นับถือพระรัตนตรัยอย่างถูกต้อง อันนี้เห็นด้วย

แต่เนื่องจาก ท่านอาจจะมีวิธีสอน หรือ คำพูด ที่ตรงเกินไป จึงเป็นเหตุให้เกิดข่าว ดังที่พวกเราได้เห็นกัน บวกกับ ท่านก็ไม่ยอมใคร เรื่องจึงบานปลาย (ขออนุญาติไม่เขียนความคิดเห็นมากกว่านี้ เนื่องจากหลวงพ่อท่านเป็นพระภิกษุอยู่นะครับ จึงไม่ควรที่จะไปวิจารณ์ท่าน) แต่อยากให้เข้าใจจุดประสงค์ที่ผมต้องการบอกนะครับ

ลองอ่านดูนะครับ

http://palungjit.org/showthread.php?p=1413258

และพวกเราก็ไม่ควรไปโพส หรือ กล่าวซ้ำเติมท่านนะครับ เพราะหลวงพ่อเกษมท่านสอนถูกต้องแล้ว เพียงแต่วิธีการสอนอาจจะไม่เหมาะสม คำพูดที่เขียนป้ายประกาศมันรุนแรงไป ด้วยความที่ท่านเป็นพุทธภูมิ ท่านจึง.....(เติมเอง).........ทำให้ชาวบ้านทั่วไปเข้าใจผิด และพวกคนเหล่านั้น ที่ต่อต้านท่าน ก็ดีแล้วครับ เพราะในอีกไม่นาน เราก็จะได้เห็นคนพวกนี้ก็จะหายไปจากโลกนี้

ไม่นานหรอกครับ คำนายของพระพุทธเจ้า หรือ พุทธพยากรณ์กำลังจะปรากฎอีกไม่นาน เพราะนี้คือ หนึ่งในตัวอย่างของคำทำนายของพระพุทธเจ้า จะเป็นข้อไหน ลองไปเทียบเอาเองนะครับ

เหอะเหอะ

ปล.1.น่าสงสารคนที่โพสกระทู้ต่อว่าพระเกษม จังเลยไม่รู้ต้องไปทัวร์นรกขุมไหนบ้างนะเนี่ย เอ หรือว่าตูด้วยหว่า

2.หากวิปัสสนาญาณ(หรือ ปัญญานั่นแหละ) ของท่านถึงจุดๆหนึ่ง เราๆท่านๆก็จะทราบเองครับว่า พระรัตนตรัย คือ อะไร และจะไม่คิดเคารพรูปปั้นอิฐ ปั้นปูน หรือดินเผาอีกเลย ด้วยคิดว่าที่ทุกครั้งที่กราบ จะขอให้รวย ขอให้แข็งแรง ขอให้สอบผ่าน ขอให้มีแฟน ขอให้เรียนจบ มีงานดีๆทำ หรือ ขอให้มีความสุข

แต่ทุกครั้งที่กราบ รูปปั้นอิฐเหล่านี้ จะเป็นเครื่องระลึกจิตใจของเรา ให้นึกถึง พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ พระปัญญาคุณ และพระบริสุทธิคุณ ที่มีเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายมากมายสุดประมาณ มิใช่กราบอิฐกราบปูน ซึ่งเป็นสังโยชน์ข้อหนึ่งในสิบข้อคือ วิจิกิจฉา แห่งอริยมรรค

แต่อย่างใด และไม่ต้องแขวนพระเครื่องด้วย ก็เพราะรู้ว่า พระรัตนตรัยที่แท้จริงคืออะไร ผมจึงสนับสนุนความคิดของพระเกษม แต่วิธีการสอนรุนแรงไปหน่อย อันนี้ก็ไม่เห็นด้วย อยากเขียนความคิดเห็นต่อ แต่ถ้ามากกว่านี้ ตัวเองจะซวยไปด้วยครับ
อิอิ

(ต้องมีคำถามต่อมาแน่ เลยขอตอบก่อน ที่ว่าผมเป็นพุทธภูมิแล้วจะไปเข้าใจอริยมรรคได้ไง ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องอธิบายครับ)

 

ทุกสิ่งล้วนสมมติ

อนุโมทนาคะ...

 

อนุโมทนาด้วยค่ะ ต้นไม้ใหญ่ย่อมต้องโน้มแผ่กิ่งก้านลงให้ความร่มรื่นฉันใดคนที่มีเมตตาอันยิ่งใหญ่ยิ่งควรถ่อมตนฉันนั้น

 

อนุโมทนาด้วย ดูพระโพธิสัตย์ที่เราเห็นกันอยู่สิ พระองค์มิเคยถือพระองค์เลย สาธุ

 

อนุโมทนา สาธุกับคุณวรกันต์ และขอขอบคุณสำหรับคำตักเตือนด้วยความปรารถนาดีที่มีต่อเหล่าพุทธภูมิทุกท่านครับ

 

โมทนาสาธุกับคุณโยมด้วย

กระทู้นี้ดีมากๆเลยทำให้เตือนสติของตัวเราเองด้วย

 

รูปแบบการสอนของท่านสื่อบางอย่างที่มาจากพิ้นฐานจิตใจออกมาครับ เพราะโดยวิสัยแล้ว ผู้ที่มีจิตใจดี มีภูมิธรรมสูง จะสื่อออกมาที่การกระทำที่ละเอียด ด้วยรูปแบบที่ไม่มองข้ามสิ่งสำคัญด้วย เพราะมาจากความคิดและจิตใจที่ดี ที่ละเอียดอ่อน

ผมจึงเกรงว่าอาการที่แสดงออกมานี้ มาจากจิตใจที่หยาบกระด้างเกินไป ซึ่งเป็นวิสัยของปุถุชน ที่ไม่ใช่ของพระครับ

พระที่ท่านบรรลุแล้วอย่างสมเด็จโต ท่านยังให้ความสำคัญอย่างมาก กับการไหว้พระพุทธรูป ในหลวงของพวกเราท่านก็มีจิตใจที่ดีละเอียดอ่อน แสดงออกถึงการกราบไหว้พระพุทธรูปเช่นกัน

การสอนไม่ให้ยึดติดกับวัตถุ จนลืมมองแก่นของพระธรรมนั้นเป็นเรื่องดี แต่ต้องใช้ปัญญาด้วยว่า คนที่เขาไหว้พระพุทธรูปนั้น เค้าคิดว่านั่นคือองค์แทนพระพุทธเจ้าผู้มีพระคุณยิ่งของเรา ไม่ใช่วัตถุธรรมดา

จิตที่ไม่ยอมไหว้พระพุทธรูปเลยนั้น จึงเป็นจิตที่ขาดความละเอียดอ่อน ขาดปัญญา ขาดความกตัญญู จิตแบบนี้ต่างหาก ที่มีคุณภาพความดีไม่พอ จึงไม่สามารถนำไปพิจารณาธรรมให้คืบหน้าได้ เพราะจิตทรงความดีเบื้องต้นไม่พอที่จะพิจาณาธรรมอย่างได้ผล แบบนี้โอกาสบรรลุธรรมไม่มีเลย

จิตที่ไหว้พระพุทธรูปนั้น อาจจะไหว้ด้วยความติดในวัตถุบ้างก็เป็นไปได้ แต่ก็ต้องมีส่วนของใจที่มีความเคารพนบนอบในพุทธองค์อยู่พอสมควร จิตนี้จึงยังทรงความดีพื้นฐาน มีคุณภาพ มีโอกาสพอที่จะพิจารณาธรรมต่อไปอย่างคืบหน้าได้

ธรรมะของพุทธองค์นั้น เค้าเริ่มต้นกันด้วยจิตที่ทรงความดีพื้นฐาน ด้วยจิตที่ละเอียดอ่อน ไม่ได้บรรลุกันด้วยความสามารถในการจดจำได้ในพระไตรปิฎก แล้วทอดทิ้งความดีพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ในด้านการมีจิตใจที่เคารพนบนอบ อ่อนโยน กตัญญูต่อผู้มีพระคุณจนแสดงออกมาในรูปแบบของการกราบไหว้พระพุทธรูป

พระอรหันต์ท่านไม่ได้ทอดทิ้งคุณธรรมพื้นฐานเหล่านี้ ในทางกลับกัน ท่านยิ่งทำมากขึ้นและทำควบคู่ไปกับการพิจารณาธรรม

ความกตัญญูรู้คุณเป็นสายเลือดของพระอริยะเจ้า

อุปมาเหมือนการบรรลุธรรมเป็นการโดยสารเรือไปตามทิศทางที่ถูกต้องจนถึงฝั่งคือพระนิพพาน เรืออันเป็นที่พึ่งอันเลิศก็เปรียบเหมือนกับพระพุทธเจ้าหรือพระอริยะเจ้า การออกแรงพายเรือเปรียบเหมือนปฏิบัติตามพระธรรม การบรรลุธรรมถึงฝั่งได้จะต้องประกอบไปด้วย
--- การเกาะโดยสารไปกับเรือก่อน คือการเคารพต่อพระพุทธเจ้าด้วยความจริงใจผ่านจิตที่คิดไหว้พระพุทธรูป
-- การออกแรงพายเรือในขณะที่ยังเกาะไปกับเรือ คือการปฏิบัติตามพระธรรมในขณะที่ยังรักษาความเคารพในพระพุทธเจ้าผ่านจิตที่คิดไหว้พระพุทธรูป

การไม่เคารพพระพุทธรูปแสดงถึงการไม่มีคุณธรรมพื้นฐานในการกตัญญูต่อพระพุทธเจ้า เปรียบกับการที่ผู้หวังข้ามฟากแต่ยังไม่ได้เกาะโดยสารไปกับเรือเลย การบอกว่าไม่ขอติดในวัตถุจะมุ่งปฏิบัติตามพระธรรมอย่างเดียว ก็เปรียบเหมือนคนที่ออกแรงพายเรือบนบก ซึ่งไร้ผล เพราะไม่ได้เกาะโดยสารไปกับเรือ โอกาสจะบรรลุธรรมถึงฝั่งจึงไม่มี

ผู้ที่มีความเคารพต่อพระพุทธรูป มีโอกาสที่จะบรรลุธรรมได้เพราะเกาะโดยสารไปกับเรือแล้ว แต่เรือลำนี้ไม่มีคนพายให้ ต้องออกแรงพายเองคือปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้องต่อเนื่อง วันนึงก็จะมีโอกาสบรรลุธรรมถึงฝั่งได้

 

โดยส่วนตัวแล้วผมก็เป็นคนธรรมดาคนนึงไม่ได้คิดว่าเป็นพระโพธิสัตว์อะไรหรอกครับ

 

ผมคิดว่าคนทุกคนที่เห็นทุกข์ รู้ทางออกจากทุกข์ และพยายามออกจากทุกข์เป็นโพธิสัตว์ทั้งสิ้น จึงไม่ควรกล่าวหรือกระทำพฤติกรรมที่ล่วงเกินใครเลยครับ แม้แต่เดรฉานก็ด้วย
พึงกล่าวและกระทำด้วยจิตที่บริสุทธิ์ก็พอแล้วนะผมว่า
เห็นด้วยนะครับกับทุกท่าน
ผมว่าการกระทำของท่านก็มีข้อดีข้อเสียเหมือนกับที่ท่านทั้งหลายได้กล่าวมา
แต่อีกข้อนึงผมว่านะครับ คนบางคนไม่สิหลายคนได้ฉุกคิด แต่ก็ขึ้นกับแต่ละภูมิจิต แบ่งได้หลายแบบครับ ว่าจิตเราละเอียดระดับใด ถ้าเป็นเราเราจะกราบพระพุทธรูปโดยจิตเป็นเช่นไร ย้อนมามองตนเองว่าเรากราบอะไร หากกราบด้วยใจที่ระลึกถึงพระศาสดาย่อมเป็นสิ่งที่ดีแม้กราบเศษอิฐก็มีประโยชน์ครับ แต่หากกราบด้วยใจคิดว่าเป็นแค่วัตถุสศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่ง ต่อให้กราบพระบรมสารีริกธาตุก็คงไม่ต่างกับกราบก้อนดินก้นหนึ่งเท่านั้นเอง

การห้ามหรือตักเตือนควรตักเตือนด้วยปิยวาจามากกว่า เพราะหากมนุษย์ไม่อยู่ใจจิตที่สงบ โดนกระทบด้วยอารมณ์ ย่อมปิดบังปัญญาและการทำความคิดเห็นให้ตรง ขาดการพิจารณาโดยแยบคายได้

ส่วนเรื่องการสึกพระ ผมว่านะหากไม่ใช่ข้อห้ามสี่ข้อหลักที่ห้ามภิกษุทำ ภิกษุนั้นก็ยังเป็นภิกษุอยู่ครับ

 

เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า พุทธภูมิ
หากเทียบกับฐานะทางโลกคง หมายถึง หัวหน้าของคนทั้งหลาย

แต่ถึงอย่างนั้น หากหัวหน้ามีความทะนงตัว มีความเห็นว่า ทุกคนต้องฟังฉันคนเดียว ก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่สมควร

ดังนั้น พุทธภูมิพึงตั้งสติระลึกอยู่เสมอว่า เราดำรงอยู่ในฐานะนี้ ก็ควรที่จะรับฟังความเห็นของผู้อื่นเช่นกัน และ

คุณสมบัติที่ดีของหัวหน้า อย่างหนึ่งคือ การรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น



ขออนุโมทนากับบทความดีๆ ด้วยค่ะ

 

ในหลวงเรา ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด

ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วย ในการกระทํา ของพระเกษม
ตรงที่ใช้เท้าเหยียบพระพุทธรูป ใช้มือตบหน้าพระพุทธรูป ชี้นิ้วใส่หน้าบอกไม่ต้องไปนับถือมัน

ก็เท่านั้นครับ ที่ไม่เห็นด้วย

ถ้าเป็นพระอริยะเจ้าจริง น่าจะละเอียด และไม่ทําร้ายจิตใจคนหมู่มาก ในการแสดงออก



คือผมรักพระพุทธเจ้ามาก เคารพในพระธรรมและพระอริยะสงฆ์
ได้ความรู้เรื่องธรรมะส่วนมาก มาจากคําสอนของพระคุณเจ้าหลวงพ่อฤาษีฯ
ท่านสอนให้เอาใจไปจับที่พระพุทธรูป นึกถึงพระพุทธรูปเป็นประจํา
ผมก็ทําตาม มาหลายปีแล้วครับ ก็ได้ผลดีอยู่ในระดับนึง
ผมศึกษาประวัติหลวงปู่มั่น ท่านก็มีพระพุทธรูปที่ท่านบูชาเป็นประจําด้วย

ผมใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ ไม่มีวัดไทยในรัฐที่ผมอยู่ จึงอาศัยอินเตอร์เน็ตศึกษาธรรม ชอบเว็บพลังจิตเป็นอันดับหนึ่ง
มีความสุขใจมาตลอดตามอัตภาพ จนมาเจอข่าวพระเกษม ตบหน้าพระพุทธรูป ใจขุ่นมัวเลยครับ
ได้เขียนกระทู้ ไปหลายๆครั้ง ในทํานองไม่เห็นด้วย ในการกระทํา

รวมความว่า ผมกลัวบาป แต่การกระทําที่แสดงออกว่าไม่เห็นด้วย ผมตัดสินใจแน่นอนไม่ได้ว่า
ผมจะบาปจนต้องตกนรก หรือไม่บาป กลับได้บุญที่ปกป้องพระพุทธรูป
ที่เป็น"เครื่อง"ยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คน ให้ระลึกถึงคุณของพระบรมครู


ช่วยออกความคิดเห็นด้วยครับ ว่า งานนี้ ใครต้องไปอยู่กับท่านเทวทัต
ถามความคิดเห็น ท่านกัลยาณมิตรทั่วไปนะครับ เพราะท่านเจ้าของกระทู้
ตอบแล้วว่า ต่อต้านพระเกษมต้องไปนรก

กราบขอบพระคุณล่วงหน้าครับ

 

ขออนุโมทนาด้วยครับสำหรับแง่คิดดีๆ
ผมอยากฝากข้อคิดไปถึงหลายๆคนที่มักคิดว่า บุคคลที่ดูภายนอกไม่เรียบร้อย ข้างในจิตใจก็ไม่เรียบร้อยด้วยนั้นว่า อย่าประมาทอย่างนั้นนะครับ เคยได้ยินคำเปรียบเทียบความประพฤติของพระสงฆ์แบบนี้ไหมครับ
น้ำนิ่งไหลลึก=พระผู้ซึ่งหมดจรดทั้งภายนอกและภายใน
น้ำนิ่งไหลตื้น=พระซึ่งดูข้างนอกหมดจรดแต่ข้างใน...
น้ำไม่นิ่งไหลลึก=พระซึ่งดูภายนอกไม่งดงามแต่ข้างในเกินคำบรรยายครับ
การที่เราวิจารณ์พระ ถ้ามาจากเจตนาที่เป็นกุศล ผมก็ว่าน่าจะทำได้นะครับ เพราะอย่าลืมว่า
พระพุทธเจ้าฝากศาสนาไว้กับพุทธบริษัท4นะครับ ฆราวาสก็มีหน้าที่ต้องคอยดูว่าพระยังอยู่ในธรรมวินัยดีหรือเปล่า ถ้าเราเห็นว่าพระองค์ไหนไม่อยู่ในธรรมวินัยเราก็อย่าไปสนับสนุน แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นให้ระวัง การกระทำที่ไม่ได้เกิดจากจิตที่เป็นกุศลนะครับ มันจะบาปนะครับ

 

ตอบคุณ SLAMB ครับ
ที่บอกว่า ใครทุกคนที่ต่อต้านพระเกษมต้องตกนรก ไม่ถึงกับขนาดเรียกว่าต่อต้าน หรอกครับ

ไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะครับ ไม่ต้องตกใจไป เพียงแต่ถ้าคุณลองกลับไปดูกระทู้ ข่าวเกี่ยวกับหลวงพ่อเกษม จะเห็นได้ว่า มีบางคน ที่เขียนวิจารณ์ท่านอย่างรุนแรง มากๆ ไม่เคารพท่าน อย่าลืมว่าอย่างไรท่านก็ยังเป็นพระอยู่ และวิจารณ์โดยที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ด้วยว่า ถูกหรือผิด ยังไม่เข้าใจจุดมุ่งหมายของท่าน และก็ใช้คำพูดวิจารณ์ที่รุนแรง มันก็ไม่ต่างอะไรกัน หรอกครับที่คนพวกนั้นว่าหลวงพ่อเกษมว่าทำไม่เหมาะสม ในเมื่อตัวเองก็ยังทำอยู่

ปล. ไม่เคยอ่านโพสของคุณ slamb เลยไม่ทราบว่าเนื้อหา คืออย่างไร

แต่การที่พระจะกระทำผิด นั้นไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะไปว่ากล่าวตักเตือนหรือวิพากวิจาร์ณโดยตรง

เพราะ ถ้าหาก ท่านทำผิดจริง ก็ไม่เป็นไร แต่ เกิด ท่านไม่ได้ผิดจริงหรือยังไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง แล้ว ไปว่าท่าน อันนี้เราก็ผิดจริงๆ ยิ่งถ้าท่าน เป็นพระปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ หรือ พระอริยมรรค แล้ว วิบากกรรมก็เพิ่มความรุนแรงด้วยครับ ถ้าเป็นไปได้ เห็นพระมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หรือ ไม่แน่ใจ เราควรแจ้ง ให้คณะสงฆ์ทราบ และ ให้หมู่สงฆ์ เป็นผู้ตัดสิน หรือตักเตือนดีกว่า ครับ เราก็มีหน้าที่คอยสอดส่องพระที่ทำผิดแค่นั้นจะดีกว่า

และในกรณี ที่พระทำผิดส่วนใหญ่ที่เราเคยทราบข่าว มาส่วนใหญ่ จะเป็นในเรื่อง สีกา หรือ เรื่องชู้สาว หรือ ปัจจัย เรื่องเงินเรื่องทอง ผลประโยชน์ เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งอันนี้พระผิดเต็มๆ ไม่สมควรที่จะเป็นพระต่อไป

แต่ในกรณีของหลวงพ่อเกษม ถ้าใครติดตามหน่อย อ่านคำสอนของท่าน จะรู้ว่า ท่านเป็นพระที่ประพฤติดีประพฤติชอบรูปหนึ่งเลยทีเดียว ท่านจะไม่มีข่าวเกี่ยว กับเรื่อง สีกา หรือ เรื่องผลประโยชน์ เลย

หรือ ถ้าท่าน สั่งให้ทำลายพระพุทธรูป แล้ว อุปโลก วัตถุ อย่างหนึ่งมาให้บูชาแทน อันนี้ก็เรียกได้ว่าผิดเต็มๆ หรือ ถ้าท่านสั่งให้เลิก เคารพพระพุทธรูป แล้ว มาเคารพท่านแทน อย่างนี้จึงควรประนาม

แต่กรณีนี้ ท่านไม่ได้ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ใดๆเพื่อตัวท่านเองเลย ท่านต้องการจะสอนชาวพุทธให้นับถือพระรัตนตรัย อย่างถูกวิธี (เพียงแต่อย่างที่กล่าวว่า วิธีที่สอนออกจะรุนแรงเกินไปหน่อย)

 

ครับผม ลิ้งค์ ที่คุณยกมาในกระทู้ หน้าแรกมีโพส ของผม อยู่สองโพส

ไม่เป็นไร คุณคงไม่ได้สังเกตุครับ

ใจจริง ผมไม่อยากคุยเรื่องนี้ ในห้อง"พุทธภูมิ & โพธิสัตว์"
เพราะผมเข้าใจว่า มีหลายท่านที่เป็นพระโพธิสัตว์ จะมาใช้ห้องนี้
จึงไม่ต้องการรบกวน การบําเพ็ญบารมีของท่านทั้งหลาย
และเกลงว่าอาจจะทําให้จิตใจท่านวุ่นขุ่น ไปด้วย

ยังไง กราบขอขมา พระโพธิสัตว์ ทุกๆท่าน มา ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

ขอฝากบทความนี้ ใว้เป็นกําลังใจ ในการสร้างบารมี ของพระโพธิสัตว์ ทุกๆท่านครับ

....การเดินทางของใจที่เที่ยงแท้....
....ในวัฏสงสารอันกว้างใหญ่.....
....การเดินทางไกลของดวงจิตในห้วงเวลาแห่งอนันตกาล....
....ลมหายใจแรกของชีวิต..ประกาศกล้าศักดาแห่งการแสวงหา....
....ตราบลมหายใจสุดท้าย..ประกาศชัยชนะสู่มาตุภูมิ....
....ณ ที่เริ่มต้นจวบจนถึงอมตะนทีธรรม....
...วิถีธารแห่งชีวิตน้อยใหญ่..สถิตนิ่ง ณ ศูนย์กลางดวงฤทัย....
....หมื่นแสนภพชาติ..เติมเต็มมหาสมุทรแห่งบารมีธรรม....
[music]http://palungjit.org/attachments/a.377938/[/music]​

 

ผมว่ากระทู้นี้เตือนสติของ ฆราวาส แต่ สำหรับคนที่เขาไม่ยอมรับการที่ เราจะเตือนเขาอย่างไร เขาก็จะ มาเตือนเราอีก มันไม่รู้จบครับ ผมจึงอยากให้ทุกคน เงียบ สงบทุกอิริยาบถเพื่อ รอคำตอบ ที่แท้จริงครับ อีกไม่นาน คนเราทำอะไรมันอยู่ที่ใจไม่ใช้การกระทำ

ฝันดีครับทุกคน

 

อนุโมทานิ

 

ผมขออนุโมทนากับทุกท่านที่กำลังบำเพ็ญทุกท่านทุกคนขอผลบุญจงตอบสนองการบำเพ็ญของท่านทุกคนด้วยคับ
<!-- / message -->