อะไรคือธาตุมูลฐาน (Fundamental) ของสรรพสิ่ง

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 18 สิงหาคม 2008.

  1. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ผมไปเจอเวปไซท์หนึ่งเข้า เป็นเวปไซท์ที่น่าสนใจมาก
    เนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ และเป็นวิชชาฟิสิกซ์ล้วนๆซะด้วย

    แต่เพราะความที่เคยนึกปราถนาไว้ว่า อยากจะดึงคนที่เป็นพวกนักวิทยาศาสตร์จ๋าทั้งหลาย
    ให้รู้สึกสะกิดใจ และหันมาสนใจเรื่องจิตวิญญาณกันซะบ้าง (พวกที่ว่านั้น ส่วนหนึ่ง
    ก็ไม่ใช่ใครอื่นๆที่ไหนหรอกครับ ก็คือเพื่อนๆที่เรียนจบมหาวิทยาลัยเดียวกับผมมาหนะแหละครับ)
    เพราะพวกเขาจะอยู่แต่ในโลกของวัตถุซะอย่างเดียวเลย ละเลยมิติของจิตใจหรือพลังงานไปเลย

    เพราะตามธรรมดาของมนุษย์เรา มักจะคิด จะพูด และทำอะไรต่ออะไร โดยอาศัยพื้นฐานความรู้
    หรือ information ที่สะสมเอาไว้ในประสบการณ์ชีวิตของแต่ละคน มาเป็น database อยู่แล้ว

    ดังนั้น ด้วยเหตุนี้ ผมคิดว่า เพราะว่าเขาไม่มีข้อมูลอะไร ที่จะมาเชื่อมโยงความรู้เก่าของเขา (ทางโลก)
    ให้เข้ากับความรู้ใหม่ที่เราอยากจะให้เขาสนใจ (ทางธรรม หรือทางจิตใจ) เขาจึงไม่สนใจ
    มิหนำซ้ำคิดว่าเรา "บ้า" ซะอีกนะเนี่ย

    บางครั้ง ผมก็เคยถามเพื่อนๆผมบางคนว่า (ขออภัยนะครับ ขอใช้ศัพท์ที่พูดกับเพื่อนจริงๆหน่อยนะครับ)

    "การที่กูกับมึงเรียนจบคณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกัน และระดับการศึกษาเดียวกันมานี่
    มึงคิดว่าในทางวิชชาการ มีอะไรที่มึงรู้ แล้วกูไม่รู้บ้าง แต่ในทางตรงกันข้าม ทำไมมึงไม่สงสัยว่า
    การที่กูสนใจด้านทางธรรมนี้ มันน่าจะมีอะไร ที่มึงยังไม่รู้ แต่กูรู้ อยู่หรือเปล่า?"

    แต่พูดก็พูดไปเถอะครับ ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ทั้งเพ เพราะพวกเขาคิดว่าพวกเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์
    ไม่สามารถมาเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้ได้ ดังนั้น ผมจึงคิดว่า

    "จะมีทางไหนบ้างที่จะเชื่อมโยงความรู้เก่าของเขา ให้ต่อติดกับความรู้ใหม่ของเขาได้"

    ก็คงต้องอธิบายกันลึกลงไปถึงระดับควันตั้ม และลึกกว่านั้นอีกกระมัง เพราะผมเชื่อว่า
    ถ้าคนเรายิ่งรู้จักธรรมชาติของสรรพสิ่งมากขึ้นเท่าใด พวกเขาก็จะรู้ว่า สิ่งที่พวกเขา
    เคยคิดว่าเขารู้แล้ว เชื่อมั่นแล้ว มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป ยิ่งรู้มากขึ้นๆ ก็ยิ่งรู้ว่าตัวเองรู้น้อยมากขึ้นๆด้วย
    และก็ยิ่งสำรวมระวังตัวเองมากขึ้นด้วย เพราะความอหังการ ความถือดี ก็จะลดลงด้วย ผมคิดว่างั้นนะครับ

    และผมก็เชื่อว่า ยิ่งเราศึกษามุดลงไป ละเอียดลึกลงไป ไกลเท่าใดก็ตามในด้านมิติทางกายภาพ
    เราก็จะพบว่า มันจะมาโผล่เอาอีกฝั่งหนึ่ง ที่ตรงข้ามกัน คือมาโผล่ในมิติของจิตวิญญาณที่อยู่ในตัวพวกเราเองนี่แหละ

    ดังนั้น ก่อนจะไปถึงแต่ละฝั่งที่ว่านั้น มันน่าจะมีจุดเชื่อมที่เป็นเงื่อนงำและเป็นกุญแจสำคัญอยู่

    ก็เลย พอดี ได้ไปเจอเวปนี้เข้า เห็นว่าเขาอธิบายได้ยอดเยี่ยมมาก อ่านง่าย เข้าใจง่ายดี
    ก็เลยแปลมาให้อ่านกันหนะครับ...

    ปล.ถ้าทางเวปพลังจิต เห็นว่าไม่สมควร หรือไม่ถูกต้องประการใด แจ้งให้ผมทราบได้ทุกเมื่อเลยนะครับ
     
  2. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อมูลภาคภาษาอังกฤษจากเวปไซท์ http://pdg.web.cern.ch/pdg/particleadventure/frameless/index.html

    ชื่อเรื่องในเวปไซท์นั้นคือ "The Particle Adventure"

    สารบัญเรื่อง ได้แก่

    1. What is fundamental?
    2. What is the world made of?
    3. What hold it together?
    4. Particle decay and annihilations?
    5. Unsolved mysteries?
    6. How do we know any of this?
    7. How do we detect what's happening?
    8. How do we experiment with tiny particles?
    9. How do we interprete our data?

    (เอ่อ..แอบแปลของเขามาลงนี่ ผิดกฎหมายไหม๊เนี่ย กลัวๆอยู่เหมือนกันนะเนี่ย)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 ตุลาคม 2009
  3. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อะไรคือธาตุมูลฐานของสรรพสิ่ง? คำถามตลอดกาล




    <table border="0" width="100%"><tbody><tr><td valign="top"><center>ผู้คนได้ตั้งคำถามมานานแสนนานแล้วว่า<o></o>


    “โลกสร้างมาจากอะไร<o></o>

    และ<o></o>


    อะไรที่ยึดเกาะมันเอาไว้ด้วยกัน”

    </center>
    </td><td width="154">[​IMG] Question: What is the name of this statue and who sculpted it? [ Answer ]
    <!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- End page content --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->
    </td></tr></tbody></table>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  4. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อะไรคือธาตุมูลฐานของสรรพสิ่ง? การค้นหาธาตุมูลฐาน


    <hr>
    <!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- Page content goes here --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->โลกถูกสร้างมาจากอะไร?

    <center></center><center></center>ทำไมหลายๆสิ่งหลายๆอย่างในโลกนี้ จึงมีคุณลักษณะที่เหมือนกัน<o></o>
    ผู้คนได้ประจักษ์ถึงความจริงแล้วว่า สรรพสิ่งในโลกนี้
    ล้วนถูกสร้างขึ้นมาจากสิ่งที่เป็นมูลฐานตามธรรมชาติเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง<o></o>

    ตอนนี้คำว่า ธาตุมูลฐาน จึงเป็นกุญแจสำคัญ ซึ่งสิ่งที่เป็นธาตุมูลฐาน
    ที่ประกอบกันขึ้นเป็นสิ่งต่างๆนี้ เราหมายถึงอะไรที่มีรูปแบบเรียบง่าย
    และไม่มีโครงสร้างที่ซับซ้อน และไม่มีสิ่งใดที่เล็กกว่ามันอีกแล้ว<o></o>

    แม้แต่ในยุกต์อดีต ผู้คนก็เคยค้นหาธาตุที่เป็นธาตุมูลฐานจากโลกรอบๆตัวพวกเขาแล้ว
    เช่น จากดิน อากาศ ไฟ และ น้ำเป็นต้น

    <o></o>
    คำถามน่ารู้: ใครคือคนแรกที่จำแนกธาตุมูลฐานออกเป็น ธาตุ ดิน น้ำ ลมและไฟ
    <o></o>
    คำตอบ: นักคิดชาวกรีกชื่อ เอมพีด็อกเลส (Empedocles) เป็นคนแรกที่จำแนกธาตุมูลฐานออกเป็น
    ธาตุดิน น้ำ ลม และไฟ ถึงแม้ว่าจะมีแผนภาพบางส่วนของพวกเราชี้ว่าคืออริสโตเติ้ล (Aristotle) ก็ตาม
    <o></o>

    [​IMG]

    เกร็ดน่ารู้: คุณรู้ไหมว่าชาวจีนโบราณเชื่อว่า มีธาตุพื้นฐานอยู่ด้วยกัน 5 ธาตุ
    ที่เป็นธาตุมูลฐานของจักรวาล คือ ดิน ไม้ โลหะ(ทอง) ไฟ และน้ำ
    แต่ในอินเดียเชื่อว่า ธาตุมูลฐานทั้ง 5 นี้คือ ความว่าง ลม ไฟ น้ำ และดิน<o></o>

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  5. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อะไรคือธาตุมูลฐานของสรรพสิ่ง? “อะตอม”<o></o>



    <hr><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- Page content goes here --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><center>
    ณ.วันนี้ พวกเราก็รู้แล้ว ว่ายังมีสิ่งที่เป็นธาตุมูลฐานมากยิ่งกว่า
    ธาตุดิน น้ำ ลม และ ไฟ ซะอีก ซึ่งสิ่งนั้นก็คือ อะตอม

    [​IMG]

    <o></o>
    ซึ่งถ้าพูดในแง่ของศัพท์บัญญัติแล้วหละก็
    บางอย่างอาจจะต้องเรียกมันว่า สี
    บางอย่างอาจจะต้องเรียกมันว่า ความหวาน
    และบางอย่างอาจจะต้องเรียกมันว่า ความขม

    แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันคือ อะตอม และ ช่องว่าง เดโมคริตัส
    (Democritus - 400 ปีก่อนคริสตกาล)
    <o></o>

    ประมาณปี ค.ศ.1900 ผู้คนเคยคิดว่า อะตอมเป็นอะไรที่คล้ายๆกับลูกบอล
    ที่มีรูให้อะไรซึมผ่านเข้า-ออกได้ และมีประจุไฟฟ้าจำนวนหนึ่ง
    กระเด้งสะท้อนไปมาอยู่ข้างใน


    แต่ที่สุดแล้ว อะตอม ที่ว่านี้
    คือธาตุมูลฐานของทุกสรรพสิ่งหรือยัง?

    </center>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  6. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อะไรคือธาตุมูลฐานของสรรพสิ่ง?
    “อะตอม”คือธาตุมูลฐานของสรรพสิ่งหรือเปล่า?<o></o>

    <hr><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- Page content goes here --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->
    อะตอมคือธาตุมูลฐานของสรรพสิ่งหรือเปล่า?<o></o>

    ต่อมาไม่นานนัก ผู้คนก็พบว่า พวกเขาควรจะจำแนกอะตอมออกเป็นกลุ่มๆตามคุณสมบัติทางเคมี
    (ดังที่ปรากฏอยู่ในตารางธาตุ)


    [​IMG]


    ซึ่งสิ่งนี้เองที่บ่งบอกว่า อะตอมเอง ก็ถูกสร้างขึ้นมาจาก บางสิ่งที่เล็กยิ่งกว่าอีกต่อหนึ่ง
    และอะตอมต่างชนิดกัน ก็ถูกสร้างขึ้นมาในสัดส่วนหรือส่วนประกอบที่แตกต่างกัน
    จึงทำให้มันมีคุณสมบัติทางเคมีที่แตกต่างกันไปด้วย


    ยิ่งกว่านั้น ในการทดลองที่เคยมีการส่องเข้าไปในอะตอมโดยใช้ particle probe
    ชี้บ่งว่าอะตอมเองก็ถูกสร้างขึ้นมาจากอะไรบางอย่างเช่นกัน
    มันไม่ได้เป็นแค่ลูกบอลเปล่าๆเท่านั้น ซึ่งผลจากการทดลองครั้งนั้น ทำให้นักวิทยาศาสตร์พบว่า
    อะตอมประกอบไปด้วยนิวเคลียสที่มีขนาดเล็ก แต่มีความหนาแน่นสูง และมีประจุไฟฟ้าเป็นบวก
    ซึ่งถูกล้อมรอบด้วยกลุ่มของอิเล็กตรอนที่มีประจุไฟฟ้าเป็นลบ


    [​IMG]

    <o></o>
    เกร็ดน่ารู้: คุณรู้ไหม คำว่า อะตอม เป็นชื่อที่ตั้งมาผิด
    เพราะว่า คำว่า อะตอมหรือ [​IMG] <v></v>(อะตอมอน – atomon)
    ในภาษากรีก แปลว่า”สิ่งที่ไม่สามารถแบ่งแยกต่อไปได้อีกแล้ว”
    แต่ในที่สุดแล้ว เราก็ยังพบว่าตัวอะตอมเอง ก็ถูกสร้างมาจากอะไร
    ที่เป็นธาตุมูลฐานยิ่งกว่ามันอีก<o></o>

    .............................................
    <!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- End page content --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  7. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อะไรคือธาตุมูลฐานของสรรพสิ่ง?
    “นิวเคลียส” คือธาตุมูลฐานของทุกสรรพสิ่งหรือเปล่า?<o></o>


    <hr><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- Page content goes here --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->“นิวเคลียส” คือธาตุมูลฐานของทุกสรรพสิ่งหรือเปล่า?

    [​IMG]


    เพราะว่านิวเคลียสมันมีขนาดเล็กมาก แข็ง และหนาแน่น
    นักวิทยาศาสตร์จึงเคยเข้าใจว่านิเคลียส ก็คือธาตุมูลฐานของทุกสรรพสิ่ง
    แต่ต่อมา พวกเขาก็ค้นพบอีกว่า นิวเคลียสเอง ก็ยังประกอบไปด้วย “โปรตอน” (p+), จำนวนหนึ่ง
    ซึ่งโปรตอนเหล่านี้ มีประจุไฟฟ้าเป็นบวก และนิวเคลียส ก็ยังประกอบไปด้วย “นิวตรอน” (n),
    ซึ่งมีประจุไฟฟ้าเป็นกลางอีกด้วย

    ดังนั้น โปรตอนและนิวตรอน ก็คือธาตุมูลฐานของทุกสรรพสิ่งใช่หรือไม่?


    ............................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  8. apichan

    apichan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    825
    ค่าพลัง:
    +4,424
    ผมว่าที่พวกเพื่อนพี่ชยุตเค้าไม่มาสนใจธรรมะ เพราะเค้ายังศึกษาทางวิทยาศาสตร์มาไม่ลึกพอต่างหาก คงเป็นประเภทเรียนตามหลักสูตรในมหาวิทยาลัย เพราะถ้าคนที่ศึกษาทางวิทยาศาสตร์ถึงจริงๆก็จะรู้ว่าธรรมะกับวิทยาศาสตร์ไม่มีอะไรขัดแย้งกัน ยิ่งกว่านั้นธรรมะยังสามารถอธิบายบางสิ่งบางอย่างลึกยิ่งกว่าการอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์เสียอีก บรรดานักวิทยาศาสตร์ระดับโลก เช่น ไอสไตน์ หรือแม้แต่ในเมืองไทย ดร.อาจอง ต่างก็ยอมรับในความลึกซึ้งของธรรมะ ดังนั้นการพยายามอธิบายธรรมะให้คนที่อ้างวิทยาศาสตร์ด้วยวิทยาศาสตร์อย่างที่กำลังทำ ก็นับว่ามาถูกทางครับ แต่คงต้องเทียบเข้ากับทางพุทธด้วยครับ
     
  9. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อะไรคือธาตุมูลฐานของสรรพสิ่ง?
    “โปรตอนและนิวตรอน” คือธาตุมูลฐานของทุกสรรพสิ่งใช่หรือไม่?<o></o>

    <hr>
    <!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- Page content goes here --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->นักฟิสิกซ์ได้ค้นพบว่าโปรตอนและนิวตรอนทั้งหลายเอง
    ก็ประกอบไปด้วยอนุภาคที่มีขนาดเล็กลงไปยิ่งกว่าพวกมันอีก
    ซึ่งเรียกว่า ควาร์ก (quarks)

    รูปขนาดเล็ก
    [​IMG]


    ก็อย่างที่เราทราบกันมานานแล้วหนะแหละว่า “ควาร์ก” ทั้งหลาย
    เป็นเหมือนกับจุดบนรูปทรงเลขาคณิต พวกมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากสิ่งอื่นใดอีก

    หลังจากที่ได้มีการทดสอบทฤษฎีที่ว่านี้อยู่นาน นักวิทยาศาสตร์จึงคาดว่า “ควาร์ก”
    และอิเล็กตรอน และสิ่งอื่นๆที่จะกล่าวถึงต่อไป คือธาตุมูลฐานของสิ่งต่างๆ

    <o></o>

    ..........................................
    <!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- End page content --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  10. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อะไรคือธาตุมูลฐานของสรรพสิ่ง? แบบจำลองใหม่ของอะตอม<o></o>

    <hr>
    นี่คือแบบจำลองใหม่ของอะตอม

    <fieldset><legend>รูป</legend>
    [​IMG]


    อิเล็กตรอนทั้งหลายเคลื่อนที่อยู่รอบๆนิวเคลียสในระยะห่างที่คงที่
    ส่วนโปรตอนและนิวตรอนทั้งหลาย ก็เคลื่อนที่แบบสั่นสะเทือนอยู่ภายในนิวเคลียส
    และควาร์กก็สั่นสะเทือนอยู่ภายในโปรตอนและนิวตรอนเหล่านั้น


    อันที่จริงแล้ว ภาพที่เห็นนี้ มีความบิดเบือนไปจากความเป็นจริงเป็นอย่างมาก
    เพราะถ้าเราจะวาดรูปอะตอมให้ถูกสัดส่วนตามความเป็นจริงแล้ว
    เราก็จะได้รูปโปรตอนและนิวตรอนที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร
    ส่วนขนาดของอิเล็กตรอนและควาร์ก ก็จะมีขนาดเล็กกว่าเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผมซะอีก
    แต่ขนาดของอะตอมทั้งอะตอม ก็จะมีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวกว่าความยาวของสนามฟุตบอล
    ถึง 30 เท่าเลยทีเดียว

    ดังนั้น 99. 999999999999%
    ของปริมาตรของอะตอม ก็คือความว่างเปล่า!


    ...........................................<!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- End page content --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->
    </fieldset>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  11. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อะไรคือธาตุมูลฐานของสรรพสิ่ง? สัดส่วนของอะตอม

    <hr><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- Page content goes here --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->สัดส่วนของอะตอม

    [​IMG]

    แม้ว่าขนาดของอะตอมจะเล็กจิ๋วมากแล้วก็ตาม แต่ขนาดของนิวเคลียส
    ก็ยังมีขนาดเล็กกว่าขนาดของอะตอมอย่างน้อย 10,000 เท่า
    ส่วนควาร์กและอิเล็กตรอน ก็จะมีขนาดเล็กลงไปกว่านิวเคลียสอีกอย่างน้อย 10,000 เท่าด้วย

    เราไม่รู้ว่าจริงๆแล้วควาร์กและอิเล็กตรอน มีขนาดเล็กแค่ไหน
    แต่ที่แน่ๆ พวกมันต้องมีขนาดเล็กกว่า 10<sup class="small">-18</sup> เมตรอย่างแน่นอน
    หรือพวกมันอาจจะเป็นแค่จุดก็ได้ แต่พวกเราก็ยังไม่รู้


    มันก็อาจจะเป็นไปได้ว่าควาร์กและอิเล็กตรอน ก็อาจจะยังไม่ใช่ธาตุมูลฐานของสิ่งทั้งหลาย
    แต่พวกมันอาจจะประกอบขึ้นมาจากอะไรที่เล็กลงไปยิ่งกว่านั้นอีกก็ได้

    ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เรื่องบ้าๆแบบนี้ มันจะไม่มีวันจบได้เลยเชียวหรือ?


    ...................................
    <o></o>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  12. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อะไรคือธาตุมูลฐานของสรรพสิ่ง? เรากำลังหาอะไรกันอยู่?
    <hr>

    <!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- Page content goes here --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->[​IMG]

    นักฟิสิกซ์ยังคงมุ่งมั่นค้นหาอนุภาคใหม่ๆอยู่ต่อไป เมื่อพวกเขาพบมันแล้ว
    พวกเขาก็จะจำแนกกลุ่มของพวกมัน และพยายามมองหารูปแบบของมัน
    เพื่อที่จะศึกษาว่า ธาตุมูลฐานของจักรวาลที่ประกอบกันขึ้นมานั้น
    มีปฏิกิริยาต่อกันอย่างไร

    จนกระทั่งบัดนี้ พวกเราได้ค้นพบอนุภาคต่างๆมาแล้วกว่า 200 ชนิด
    (ซึ่งส่วนใหญ่ ยังไม่ใช่ธาตุมูลฐาน) และเพื่อที่จะทำให้สามารถแกะรอยอนุภาคทั้งหมดเหล่านี้ได้
    พวกเขาได้ใช้ตัวอักษรกรีกและโรมันมาตั้งชื่อพวกมันไว้

    แน่นอนว่า ชื่อของอนุภาคเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของทฤษฎีทางฟิสิกซ์
    แต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อยนิดของทฤษฎีเท่านั้น คุณอาจจะไม่ต้องจดจำก็ได้

    ถ้าคุณมีปัญหาในการจำชื่อพวกมัน สบายใจได้ เพราะแม้แต่เอ็นริโก้ เฟอร์มิ (Enrico Fermi) ผู้ยิ่งใหญ่
    ครั้งหนึ่งยังเคยพูดกับนักเรียนของเขา ซึ่งก็คือ Leon Lederman เลยว่า

    “พ่อหนุ่ม ถ้าหากฉันสามารถจำชื่ออนุภาคเหล่านี้ได้ทั้งหมดหละก็
    ฉันก็คงจะไปเป็นนักพฤกษศาสตร์แล้วหละ”


    ................................................<o></o>


    <!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- End page content --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><o></o>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • excuse.gif
      excuse.gif
      ขนาดไฟล์:
      8.2 KB
      เปิดดู:
      100
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  13. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    อะไรคือธาตุมูลฐานของสรรพสิ่ง? แบบจำลองมาตรฐาน

    <hr><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* --><!-- Page content goes here --><!-- *-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-* -->
    [​IMG]
    <center></center>
    นักฟิสิกซ์ได้พัฒนาทฤษฎีชื่อ “แบบจำลองมาตรฐาน” ขึ้น


    ซึ่งอธิบายถึงว่าโลกคืออะไร และอะไรที่ยึดเหนี่ยวมันไว้ด้วยกัน
    มันเป็นทฤษฎีที่ง่ายๆ แต่ครอบคลุม
    มันสามารถอธิบายเกี่ยวกับอนุภาคทั้งหมดหลายร้อยอนุภาคนั้นได้
    รวมถึงอธิบายปฏิกิริยาที่ซับซ้อนของพวกมันได้ด้วย ซึ่งใช้เพียง:<o></o>



    • 6 ควาร์ก (Quarks)<o></o>
    • 6 เลปตอน (Leptons) ซึ่งเลปตอนที่คนรู้จักกันมากที่สุด ก็คือ อิเล็กตรอน เราจะมาพูดถึงมันทีหลัง<o></o>
    • อนุภาคขนส่งแรง (Force carrier particles), เช่นโปรตอน เดี๋ยวเราค่อยมาพูดถึงมันทีหลัง
    อนุภาคที่เรารู้จักทุกชนิดประกอบไปด้วยควาร์กและเลปตอน


    และพวกมันก็ทำปฏิกิริยาแลกเปลี่ยนอนุภาคขนส่งแรงซึ่งกันและกัน
    <o></o>


    [​IMG]

    แบบจำลองมาตรฐาน เป็นทฤษฎีที่ดี การทดลองหลายๆครั้ง
    ได้ทวนสอบความแม่นยำอย่างน่าทึ่งของการพยากรณ์ของมัน
    และทุกๆอนุภาคที่ถูกพยากรณ์โดยทฤษฎีนี้ ก็ถูกค้นพบมาแล้วทั้งสิ้น
    แต่ว่ามันก็ไม่สามารถอธิบายถึงทุกสิ่งทุกอย่างได้ เช่น แรงโน้มถ่วง
    ไม่ได้ถูกรวมอยู่ด้วยในแบบจำลองมาตรฐานนี้


    <o>ในที่นี้เราจะมาสำรวจแบบจำลองมาตรฐานนี้ให้ละเอียดลึกลงไปอีก
    และจะพูดถึงเทคนิกการทดลองต่างๆที่ทำให้เราได้ข้อมูลมาสนับสนุนทฤษฎีนี้ </o>​

    นอกจากนี้ เรายังจะมาสำรวจคำถามลวงต่างๆที่อยู่นอกเหนือความเข้าใจของเราในปัจจุบัน
    เกี่ยวกับการทำงานของจักรวาลอีกด้วย



    .............................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 เมษายน 2012
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ยังมีต่ออีกเพียบเลยครับ
    ตอนนี้เพิ่งมาได้แค่ยังไม่ถึง 1 ใน 10 ของข้อมูลทั้งหมดเลยครับ

    เหนื่อยแล้วครับ เอาไว้ต่อวันหลังนะครับ สนุกครับ
     
  15. bazcifer

    bazcifer Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +30
    มันส์ครับชอบๆ
     
  16. WiiTHWiin

    WiiTHWiin สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +2
    เยี่ยมมากครับ ชอบประโยคที่พูดว่า ยิ่งรู้มากยิ่งรู้สึกว่ารู้น้อย

    ขอบคุณสำหรับเนื้อหาดีๆที่ทำให้เราได้นึกถึงและเรียกสติกลับมา ขอบคุณสำหรับความพยายามในการแปลและพิมพ์ สำหรับบทความดีๆ

    สุดท้าย การจะมองสิ่งละเอียดให้เห็นเด่นชัด ก็ต้องใช้สิ่งที่ละเอียดกว่ามอง
     
  17. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    เรื่องโลกเรื่องจักรวาล เป็นหนึ่งในอะจินไตย ๔
    อะจินไตยหมายถึงเหนือจินตนาการหรือเหนือความนึกคึดหรือเป็นเรื่องที่คิดแล้วไม่มีที่ลงที่จบก็เหมือนกับงานทางวิทยาศาสร์ของโลกเรานี่แหละคิดนี่ได้ก็คิดโน่นต่อไปเรื่อย ๆไม่มีที่สิ้นสุด การคิดค้นทางวิทยาศาสตร์ ยังประโยชน์ให้แก่มวลมนุษย์แต่ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ (หมายถึงไม่ใช่ทางดำเนินของผู้ที่หวังทางหลดุพ้น)
    <O:p
    วิชาใด ๆ ในโลกนี้มีอยู่วิชาเดียวที่เรียนแล้วเรียนจบเลย คือ วิชานิพพาน ซึ่งถ้าเรียนจบ จบเลยไม่ต้องเกิดมาค้นคว้าอะไรต่อ

    <O:p
    ในทางพุทธศาสนา ท่านจึงจะแนกธาตุมูลฐาน หรือที่เรียกในพระอภิธรรมว่า "มหาภูตรูป๔" คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ คือในทางปฏิบัติให้พ้นทุกข์คือคลายละความยึดเหนียวได้รู้ธาตุพื้นฐานเพียงเท่านี้เพียงพอไม่จำเป็นต้องเห็นลงไปถึงระดับโมเลกุลหรืออะตอมของสาร จริง ๆ แล้วไม่ใช่ท่าน ฯ (พระอริยเจ้าระดับพระอรหันต์ส่วนใหญ่)ไม่รู้ที่ละเอียดไปกว่าดินน้ำลมไฟท่านรู้ลึกกว่านั้นแต่มันไม่มีประโยชน์มากไปกว่ารู้แค่สิ่งต่าง ๆ ในจักรวาลนี้ประกอบด้วยรูป (ดินน้ำลมไฟ) ส่วนสิ่งมีชัวิตประกอบด้วยรูป (กายซึ่งประกอบด้วยดินน้ำลมไฟ) และนาม (จิตและเจตสิก) รูปและนามก็คือขันธ์ ๕นั่นหมายความว่ารู้ว่ารูปหรือร่างกายประกอบด้วยธาตุ ๔ดินน้ำลมไฟ เป็นอนิจจจังทุกข์ขัง อนัตตา รู้แล้วเกิดญาณความหน่าย แล้วก็ละ วาง ถอดถอน จิตหลุดพ้นก็แสดงว่าถึงที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องเรียนอีกแล้วเรียกว่า "อะสขะ"ก็คือพระอรหันต์นั่นเอง<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อะไรที่บอกว่าท่านรู้เห็นลึกลงไปกว่าธาตุ๔ หรือมหาภูตรู ๔ข้อพิศูจน์อ้างอิงคือท่านเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ ที่ เป็นธาตุ ๔ หรือประกอบด้วยธาตุ ๔ นี้มีความเกิดดับเกิดดับ ทุกขณะถึง๑ ล้าน ๆ ครั้งต่อวินาทีลองนึกเอาแล้วกันว่าจิตพระอรหันต์ซึ่งเป็นจิตที่บริสุทธิ์ปราศจากกิเลสแล้วไวขนาดไหนไม่แปลกใจเลยที่พระสารีบุตรสามารถนับเม็ดฝนได้นั่นคือความเร็วและความละเอียดที่ผู้รู้ย่อมรู้ได้แต่รู้ไปแล้วไม่มีประโยชน์กับการตรัสรู้ธรรมท่านจึงไม่ได้สอน<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    สรุปคือ บรรดานักปฏิบัติทั้งหลาย ที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน พระอริยสาวกเจ้าครูบาอาจารย์<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:personName>สอนกรรมัฏฐานมา แค่ธาตุ ๔ ที่ประกอบเป็นรูปขันธ์รู้แจ่มแจ้งให้เกิดญาณความหน่ายละวางถือว่าเพียงพอสำหรับการบรรลุธรรม<O:p</O:p
    <O:p
    ถ้าต้องการรู้มากไปกว่านั้น สำหรับนักปฏิบัติเพื่อมุ่งหวังทางหลุดพ้น (พระโยคาวจร) อันนี้หมายถึงเราท่านทั้งหลายด้วยนะไม่ใช่แต่พระถ้าต้องการรู้มากไปกว่านี้ เวลาของชีวิตเราที่มีอยู หรือบางคนเหลือครึ่ง เหลือน้อยเกรงว่าจะไม่พอสำหรับการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ เป็นอันว่าจะต้องตายไปเสียก่อนในที่สุดไม่ได้มรรคผลอะไรเลย<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    อันเรื่องอะจินไตย ๔ ที่พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้นักปฏิบัติเพื่อหาทางหลุดพ้นคิดคือ
    <O:p</O:p

    ๑. พุทธวิสัย คือ ความรู้ความสามารถของพระพุทธเจ้า<O:p</O:p
    ๒. ฌานวิสัย คือ เรื่องของฌานสมาบัติ <O:p</O:p
    ๓. กรรมวิสัย คือ เรื่องของกรรมนี้เป็นเรื่องที่เหนือวิสัยของมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาจะเข้าใจ
    ๔.โลกวิสัย คือ เรื่องความเป็นมาของโลกของจักรวาล เรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ค้น ๆ กันอยู่นี่ไง<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2008
  18. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    สรุปคือ...

    ท่านเห็นควรว่าให้หยุดคิด หยุดเรียนรู้ และหยุดโพสต์ใช่ไหมครับ

    แหะ แหะ..แกล้งโวยวายไปงั้นแหละครับ ขันธ์ 5 มันแสดงบทบาทของมันไปตามความหยาบของมันเอง
    แต่ข้างในที่แท้จริง หาใช่จะตามมันทั้งหมดไม่ เพราะอันที่จริงก็เข้าใจเนื้อหาและเจตนาที่ท่านพูดมาแล้วหละครับ
    เรารู้และเข้าใจพอสมควรมานานแล้วก็จริงอยู่..แต่คนอื่นๆที่อาจจะยังไม่รู้ก็คงจะมี
    ดังนั้น ท่าน มาโพสต์ดักสติไว้ เตือนสติไว้ ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหายแต่ประการใดครับ

    และยังไง ยังไง ผมก็กะจะโพสต์ต่อให้ถึงที่สุดอยู่แล้วหละครับ
    ให้เป้าหมายมันได้ลุล่วงไป ให้ปัญญาของทั้งเราและคนอื่นๆได้เพิ่มพูนงอกเงยขึ้น
    เพื่อเตรียมพร้อมสู่การบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่สูงยิ่งๆขึ้นไปอีก

    ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งวัฏฏสงสารนี้ หรือ ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจะให้ถึงที่สุดแห่งธรรมไปเลยด้วยซ้ำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2008
  19. apichan

    apichan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    825
    ค่าพลัง:
    +4,424
    คงไม่ถึงขนาดนั้นมั้งครับ เพราะที่คุณหาธรรมอธิบายเป็นหลักการพิจารณาในพุทธศาสนา ซึ่งผมก็เห็นด้วยในส่วนที่ว่าการพิจารณาว่าร่างกายประกอบด้วยธาตุ 4 ขันธ์ 5 น่าจะพอเพียงต่อการพิจารณาเพื่อตัดการยึดมั่นถือมั่น แต่ที่พี่กำลังโพสต์ผมว่ามันเคนละประเด็นที่เค้าต้องการสื่อ เพราะอาจเห็นเป็นเรื่องใบไม้นอกกำมือครับ แต่สำหรับผมเห็นว่ามีประโยชน์ โพสต์ต่อเถอะพี่อย่าน้อยใจเลย :)
     
  20. WiiTHWiin

    WiiTHWiin สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    14
    ค่าพลัง:
    +2
    ผมว่าเรียนให้รู้ จนลึก เพราะลึกมากๆเมื่อไหร่ จะหยุดอยากรู้
    เพราะสังเกตุเห็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงทั้งของโลก รวมทั้งของไทย
    ที่สุดท้ายหันเข้าหาธรรม ต่างก็เป็นผู้มีชื่อเสียงและเป็นผู้รู้ ( รู้มาก )ทั้งนั้น
    ของนอกคงไม่ต้องเอ่ยชื่อ ของไทยก็มาก เช่น ดร. อาจอง ชุมสาย ดร. ระวี ภาวิไล
    และอีกหลายๆท่าน ผมสังเกตุว่า ผู้รู้พอรู้มากก็จะเข้าถึงแก่นง่าย วางง่าย
    คงต้องอาศัยหลักวิทยายุทธ ที่ว่า
    เรียนให้หมด แล้วลืมให้หมด เรียนรู้แนวทาง แล้วหาแนวทางของตน
    เพราะฉะนั้นผมว่า หากสงสัย ก็ศึกษาให้หายสงสัย ดีกว่าไม่สงสัย ไม่สนอะไร ไม่ทำอะไร
    เพราะผมเองก็เคยสงสัยในธรรมเช่นกัน วันนี้จึงพยายามศึกษา แต่ก็ยังไม่แจ้งซะที

    รู้ให้ลึก รู้ให้รู้ ว่าสุดท้ายไม่จำเป็นต้องรู้ น่าจะดีกว่า รู้ว่าไม่ต้องรู้ โดยไม่รู้ว่าทำไมจึงไม่ต้องรู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 สิงหาคม 2008

แชร์หน้านี้

Loading...