จักรวาลมีขอบสิ้นสุดหรือไม่

.....

;ปรบมือ;ปรบมือ;ปรบมือ

 

ไม่มีสิ่งใดหรอก

เหมือนเมื่อ ก่อน คุณคิดโลกเป็นแผ่นยาวๆ คนก็ เดินไป กลัว จะตกขอบโลก

หลุดโลกไป แต่ตอนนี้ โลกกลม แล้ว เราก็เดินรอบโลก แบบไม่มีสิ้นสุด วนอยู่อย่างนั้น


จักรวาล อาจจะมีที่สิ้นสุดก็ได้ แต่เหตุ ผลที่ไม่รู้น่ะ เพราะไปไม่ถึง มันไกลจากโลก และดวง

อาทิตย์ จึงไม่มีพลังานที่จะไปถึง

เลยต้องมานั่ง

จินตนาการกันไปต่างๆ นาๆๆ




ทั้งหมดพูดบนหลัก ความจริง ไม่เกี่ยว กับ ความลึกลับเรื่องเหนือ ธรรมชาติใดๆ

 

pakung<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1439155", true); </SCRIPT>

หายไปเสียนานทีเดียว แต่ก็ยังคงยึดมั่นในหลักการ องค์ความรู้สมัยก่อนอาจมีขอบเขตจำกัด
แต่เมื่อมีข้อพิสูจน์ต่างๆ มากขึ้น ความจริงก็ย่อมปรากฎ เช่นเดียวกับคนสมัยก่อน
เชื่อว่าโลกเป็นศูนย์กลางระบบสุริยะ ต่อมาก็พิสูจน์ได้ว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางฯ
หากเราไม่มีคนที่เชื่อเรื่องราวเหล่านี้มาก่อน แล้วเราจะพิสูจน์ความจริงได้อย่างไร?
เพราะเราใช้ฐานความรู้เขาใช่ไหม?

อนาคตอาจจะไม่แน่ หากความเชื่อว่าเอกภพไร้ขอบเขต อาจจะมีขอบเขตก็ได้ หากสักวัน
หนึ่งเทคโนโลยีได้ล้ำยุคและสามารถพิสูจน์ได้ เพราะฉะนั้นรากฐานของความเชื่อเป็นปรัชญา
ความรู้อันประเสริฐของคนในอดีตที่ได้มีไว้ให้กับปัจจุบัน

ดังนั้น เราก็ควรเคารพสิทธิความเชื่อของคนอื่นเขาบ้าง แล้วค่อยพิสูจน์ความจริง แต่หากตนพิสูจน์ได้
ก็นำมาเสนอเพื่อขยายขอบเขตองค์ความรู้ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น มันจะเป็นประโยชน์ต่อ
ชาวโลกไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว จริงไหม ปักกุง

 

.........
เรายังคงมองเห็นและรับรู้ว่าดวงอาทิตย์หมุนรอบโลกทั่งที่ความเป็นจริงคือโลกหมุนรอบดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นศูนย์กลางแห่ง<O
.....สุรยจักรวาล<O</O
ดวงจันทร์หมุนรอบโลกย่างนั้นหรือแต่ถ้าเราไปยืนบนดวงจันทร์เราคงจะเห็นต่างไปเราคงจะเห็นทั้งโลกและดวงอาทิตย์โคจรรอบดวงจันทร์จนเป็น<O</O
... จันทรจักรวาล<O</O
และหากเรามองจากศูนย์กลางภายในแห่งตัวจนของเราเราย่อมเห็นผู้คนและทุกสิ่งทุกอย่างแม้กระทั่งเวลาเคลื่อนโคจรอยู่รอบตัวเราจนเป็น<O</O
...อัตตจักรวาลในที่สุด<O</O
มนุษย์ทุกคนต่างคิดว่าตนเป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาลตัดสินและรับรู้ทุกเรื่องและทุกสิ่งโดยเอาตนเองเป็นที่ตั้งเราจะรู้ได้อย่างไรว่าอะไรคือตรงกลางที่แท้จริงสุดท้ายแล้วทุกบทสรุปในโลกล้วนเริ่มต้นจาก...<O</O
ตรงกลางที่ต่างกัน....<O</O
เอาตัวเราเป็นที่ตั้งเราคงเห็นต่างจากเอาผู้อื่นเป็นที่ตั้ง<O</O

 

66 99 6969 9956 ทำไมเจอแต่แบบนี้

 

ไอน์สไตน์คำนวณแล้ว ว่ามันมีขอบ ของจักรวาล
โดยแสงจะวิ่งไต่ ณ ขอบนี้
และขอบนี้ มันกำลังขยายตัวอยู่เรื่อยๆ
แต่นอกขอบนี้ แสงไม่วิ่งไต่ และไอน์สไตน์ก็ไม่ได้บอกว่ามันเป็นอะไร
เมื่อแสงไม่วิ่งไต่ การไปอนาคตที่เหนือขอบแสงวิ่งจึงเป็นไปไม่ได้

 

มนุษย์ บอกว่า

 

จักวาลมีที่สิ้นสุด สุดตรงที่ความว่างเปล่านั้นและ

 

และมีอีกสิ่งหนึ่งหาหาเบื้องต้นไม่ปรากฏและหาจุดสิ้นสุดไม่ได้นั้นความการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏของสัตว์โลกทั้งหลายในโลกธาตุ เอาแค่นับเฉพาะพระพุทธเจ้าที่เคยมีมาทั้งหมดนั้นยังมากกว่าจำนวนเม็ดทรายในมหาสมุทรเสียอีกและสาวกที่เข้าสู่นิพพานตามพระพุทธเจ้านั้นยิ่งมากกว่าอีก

 

เจออีกแล้ว 333 99 66

 

เอกภพแห่งสสารมีที่สิ้นสุด เลยสุดขอบเอกภพออกไปเป็นความว่างเปล่าที่ไร้ขอบเขต คือ "จักรวาลไร้รูป"
จักรวาลไร้รูปปราศจากสสารและพลังงานทางฟิสิกส์
จักรวาลไร้รูปว่างเปล่าก็จริง แต่มิได้หมายความว่าไม่มีพลังงานใด ๆ เลย
มีพลังงานของจิตไร้รูป จิตที่มีสติสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เกิด ไม่ตาย
วันหนึ่งข้างหน้ามนุษย์อย่างพวกเราก็จะต้องเดินทางไปที่นั่น
จะช้าหรือเร็วก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล เมื่อเข้ามาสู่พุทธธรรมแล้วก็ไม่ต้องกังวลแม้เท่าใยบัว

 

จักวาลมีที่สิ้นสุด และสุดนอกขอบจักวาลมีโลกันตนรก เป็นนรกมืดมิด+เยือกเย็น+ทะเลสาบน้ำกรด อยู่ตรงช่องว่างระหว่าง3จักวาล ถ้านึกไม่ออก
ให้นึก3จักวาลเป็นผลส้ม3ลูก แล้ววางติดกันจะเกิดเป็นช่องว่างงงตรงกลาง ตรงนั้นแหละ
อ้างอิงจากข้อมูลนรกโลกันต์
การจะไปเกิดในโลกันตนรกต้องทำกรรมบาปหยาบช้าสุดดๆๆ
ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อเลือด
ฆ่าบิดา มารดา http://www.larnbuddhism.com/webboard/showthread.php?t=166

 

แต่ก่อนครั้งมนุษย์เชื่อว่า โลกมีขอบ
ก็คิดเสียว่าโลกแบน จนมีคนบอกว่าโลกกลมก็ฆ่าทิ้งเผาตำรา
เชื่อมั่นถือมั่น

ต่อมามีผู้พิสูจน์ว่าโลกกลม กว่าจะยอมรับกันได้ก็ใช้เวลา
ปรับเปลี่ยนศรัทธาเสียนาน ผู้ที่เดินทางเองยังกล่าวว่า
"การพิสูจน์ว่าโลกกลมของข้าพเจ้า ไม่ได้เจตนาขัดต่อความเชื่อของใคร
เพียงแต่จะใช้ในการทำแผนที่เดินเรือ"
จึงรอดจากการเผาทั้งเป็นมาได้ แต่ก็มีคนเชื่อว่าโลกแบน มีขอบโลกอยู่อีกนาน

จนล่วงมาอีกสมัยนึง มนุษย์เห็นจักรวาล มีจุดกลางและวงจักรหมุนรอบสิ่งนั้น
จักรวาลมีขอบหรือไม่ พอดีเหลือบไปเห็น จักรวาลอื่น ปัญหานี้เลยจบไป
ไม่ได้มีจักรวาลเดียว มีหลายๆจักรวาลอยู่ใน เอกภพ

เอกภพมีขอบเขตหรือไม่ ปรากฎว่าพิสูจน์กันไปมา แสงเมื่อเดินทางไปเรื่อยๆ
เรื่อยๆ เรื่อยๆ กลับไม่ตรง คือมันตรงของมัน แต่สิ่งที่มันวิ่งผ่านกลับไม่ตรง
เชื่อว่า เมื่อเวลาผ่านไป ไม่มีปัจจัยอื่นกระทบการเดินทางของแสง
แสงย่อมกลับมาสู่จุดเดิม เอกภพมีสัญฐานกลมหรือ?
คำตอบคือไม่ใช่ แต่มีสิ่งอื่นที่ไม่รู้จัก พลังมืด เร่งบิดมันอีกที
พอดูดีๆ เอกภพไม่ใช่เอกเสียแล้ว มันมีมากกว่านั้นเป็นสอง สาม ไม่รู้จบ

ภาษาไทย เรียก โลกธาตุ แปลว่า พื้นที่ของธาตุทั้งปวง
อาจดูกว้างไป
ฝรั่งเรียก สรรพภพ (multiverse)
บางกลุ่มเรียก นิรันตรภพ (omniverse)

โลกธาตุ มีขอบเขตไหม คำตอบก็คือที่ใดที่ธาตุสิ้นได้ ที่นั้นคือขอบก็ว่าได้
หลุมดำ อาจเป็นขอบ แต่มันเป็นศูนย์กลาง เรามองขอบเป็นยังไง

ในพระพุทธศาสนา สอนเราว่า อย่าไปคิดจริงจังเกินไปกับเรื่องนี้
มันเป็นอจินไตย คือรู้ไปก็เท่านั้น เรื่องทางโลก (โลกธาตุ)

 

ปัจจุบันเท่านั้นที่กำหนดท่านได้