การช่วยตัวเองเป็นการขัดขวางการปฏิบัติธรรมหรือไม่

นมัสการแม่ชี

ผมอยากถามว่าการช่วยตัวเองเป็นการขัดขวางการปฏิบัติธรรมหรือไม่และผิดไหม บาปไหม จะทำให้จิตต่ำลงหรือป่าว

 

เจริญธรรม...

เรื่องที่ถามมานี้แม่ชีก็เคยถามอาจารย์เหมือนกัน ท่านไม่ตอบเพียงแต่หัวเราะ
แต่อยู่มาวันหนึ่งท่านบอกให้แม่ชีไปซื้อถุงยางอนามัยมา แม่ชีสงสัยจึงถามท่านว่า
"เอามาทำอะไรค่ะหลวงปู่" ท่านตอบว่า"เอามาเถอะ ปู่จะปิ้นข้างในมันออกแล้วจะเขียนยันต์ลงไป จากนั้นเธอก็เอาไปให้แม่ชี (สงวนชื่อ)ช่วยตัวเอง

แม่ชีร้องโอ้โฮ "หลวงปู่ทันสมัยซะด้วย ทำไมหลวงปู่รู้มากจัง แล้วไม่บาปหรือคะ"

หลวงปู่ตอบว่า"ถ้าไม่เก่งจะเป็นครูเธอได้หรือ"แล้วท่านก็หัวเราะหลังจากนั้นท่านก็พูดว่า
"ให้มันช่วยตัวเองดีกว่าให้พระช่วยมันนะ"มาถึงตอนนี้แม่ชีเพิ่งถึงบางอ้อ...

สังขารย่อมเป็นไปตามธรรมชาติ คือมีความอยากสารพัด แต่มันอยู่ที่จิตใจของคนเราว่าจะมีความยับยั้งชั่งใจหรือไม่?

การช่วยตัวเองก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่ได้เดือดร้อนใครแถมยังทำให้ตัวเองคลายเครียดได้ชั่วขณะ ไม่ผิด

ซึ่งข้อนี้ก็มีในวินัยของพระภิกษุ คือการทำอสุจิเคลื่อน ปลงอาบัติได้ แต่ถ้าร่วมเสพโดยอาการนั้นต้องปาราชิก

เป็นคฤหัสถ์ถ้ายังไม่มีคู่ช่วยตัวเองก็ไม่แปลก แต่อย่าฝักใฝ่ให้มากนัก

และก็อย่าเที่ยวสำส่อน เพราะนั่นจะเป็นที่มาของโรคร้าย ว่างๆก็ทำสมาธิเพื่อให้มีสติเกิดปัญญา

ดีกว่างุ่นง่านทั้งกายและใจ สติก็ไม่มีปัญญาก็ไม่เกิด พาลเตลิดไปทำมิดีมิร้าย ตายก่อนกำหนดอดไปสวรรค์กัน

บุญรักษา/ธรรมสวัสดี

 

สังฆาทิเสส มี ๑๓ ข้อ ถือเป็นความผิดหากทำสิ่งใดต่อไปนี้

๑.
ปล่อยน้ำอสุจิด้วยความจงใจ เว้นไว้แต่ฝัน
๒.
เคล้าคลึง จับมือ จับช้องผม ลูบคลำ จับต้องอวัยวะอันใดก็ตามของสตรีเพศ
๓.
พูดจาหยาบคาย เกาะแกะสตรีเพศ เกี้ยวพาราสี
๔.
การกล่าวถึงคุณในการบำเรอตนด้วยกาม หรือถ้อยคำพาดพิงเมถุน
๕.
ทำตัวเป็นสื่อรัก บอกความต้องการของอีกฝ่ายให้กับหญิงหรือชาย แม้สามีกับภรรยา หรือแม้แต่หญิงขายบริการ
๖.
สร้างกุฏิด้วยการขอ
๗.
สร้างวิหารใหญ่ โดยพระสงฆ์มิได้กำหนดที่ รุกรานคนอื่น
๘.
แกล้งใส่ความว่าปาราชิกโดยไม่มีมูล
๙.
แกล้งสมมุติแล้วใส่ความว่าปาราชิกโดยไม่มีมูล
๑๐.
ยุยงสงฆ์ให้แตกกัน
๑๑.
เป็นพวกของผู้ที่ทำสงฆ์ให้แตกกัน
๑๒.
เป็นผู้ว่ายากสอนยาก และต้องโดนเตือนถึง 3 ครั้ง
๑๓.
ทำตัวเป็นเหมือนคนรับใช้ ประจบคฤหัสถ์

สังฆาทิเสส ต้องตั้งอธิกรณ์ขึ้นมาสอบ ปลงอาบัติไม่ได้นะ

 

สาธุค่ะ

 

ตกลงคุณproofartเป็นพระเหยอกั๊บ

 

เห็นด้วยกับคุณอักษรสัญจรครับผม
ความสุขของชีวิตอย่างเราๆ คือ กิน ขี้ ปี้ นอน

ยกเว้น พระท่านไม่ปี้ มีแต่กิน ขี้ แล้วนอนครับผม

 

กราบแม่ชีครับผม

น้องใหม่ขอคารวะรุ่นพี่ๆทั้งหลายด้วยคนครับผม

 

ยินดีต้อนรับน้องใหม่ครับ พี่ๆที่นี่ใจดีทั้งนั้น ไม่ดุหรอกครับ.....(one-eye)

 

จ้า

 

ผมไม่ได้เป็นพระครับ.........

 

ขอแจม

ส่วนตัวผมเห็นว่าหากเราไม่ถึงกับหมกมุ่นเกินไป มีพอประมาณ รู้จักยับยั้งชั่งใจไว้บ้างก็จะยิ่งดีครับ หากเรามัวแต่ตอบสนองความต้องการความเป็นธรรมชาติสำหรับผู้อื่นที่ไม่ฝักไฝ่ที่จะปฏิบัติธรรมแล้วก็ไม่แปลกหรอกครับ แต่สำหรับคนที่ต้องการจะหลุดพ้นแล้วสำคัญมากครับ......ความพอดีเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ปฏิบัติธรรมครับ หากเป็นพวกตัณหามากคงจะต้องเวียนไว้ในวัฏฏะ ไปอีกนานครับ ผมคิดว่าจำเป็นหากท่านต้องการปฏิบัติธรรมให้สูงๆ ขึ้นครับ แต่หากเอาแค่ไม่ลงนรกก็หากไม่ผิดลูกผิดเมียหรือจินตนาการไปเกินเลยในการช่วยตัวเองไม่ผิดศิลธรรมลูกเมียใครแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรครับ หากจิตเราคิดถึงคนที่เขามีเจ้าของแล้วก็มีบาปแน่นอนเพราะเรื่องของกรรม แม้เราคิดเราก็ผิดแล้วครับ

 

ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ

เพิ่งมาใหม่ สวัสดีทุกคนครับ

 

กราบนมัสการครับแม่ชี
ผมพึ่งทราบเมื่อวันวานนี้จากการอ่านข้อความในweb นี้ว่า การที่เราไม่ได้ร่วมหลับนอนกับคนอื่นแต่ให้คนอื่นที่เป็นหญิงที่ไม่ใช่ภรรยาตนสำเร็จความใคร่ให้(เช่นให้หมอนวดแผนโบราณจับกระษัยซึ่งบางที่มันก็ไม่ได้จับกระษัยให้อย่างเดียวมันเลยไปทำให้อสุจิเคลื่อนด้วย)เป็นการผิดศีลข้อกาเมเกือบ100% ทำให้การปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้าเลยเพราะศีลไม่บริสุทธิ์นี่เอง ต่อไปนี้คงต้องระมัดระวังในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก กราบนมัสการครับ

 

นมัสการแม่ชีครับ
1. ประโยคที่ว่า " การช่วยตัวเองก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่ได้เดือดร้อนใครแถมยังทำให้ตัวเองคลายเครียดได้ชั่วขณะ ไม่ผิด "
แต่ผมคิดว่ามันทำให้ตัวของเจ้าของเองเร่าร้อนในกาม และติดในกาม

2.ประโยคที่ว่า "ซึ่งข้อนี้ก็มีในวินัยของพระภิกษุ คือการทำอสุจิเคลื่อน ปลงอาบัติได้ "
แต่ผมคิดว่าคำว่าปลงอาบัติได้ไม่เหมาะสมเท่าไร เหมือนทำให้คิดว่าถ้าบวชไปแล้วถ้าทำผิด ก็ปลงอาบัติได้ ง่ายไปไหมเอ่ย ดูเหมือนไม่มีความจริงใจและมั่นคงต่อพระวินัยเลย

อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ

 

ว้าวว ความรู้ใหม่แฮะ แต่ถ้าเป็นพระ ทำแล้วผิดไหมอะ...

อนุโมทนาครับ สาธุ

 

....เป็น นิวรณ์ ที่เกิดขณะนั้น......

...หาก จิตคิดถึงขณะทำสมาธิ...จึงเป็นตัวขวางกั้น..ท่านจึง พึงให้ระงับ นิวรณ์ก่อน....