นั่งสมาธิไปสักพัก เห็นเป็นวงสีน้ำเงิน ใครมีความรู้ แนะนำด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย bluecolor, 12 พฤษภาคม 2008.

  1. bluecolor

    bluecolor สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    สวัสดีค่ะ
    เพิ่งเข้ามาเว๊ปนี้ ครั้งแรก เข้ามาอ่านดูว่ามีใครนั่งแล้วเหมือนดิฉันบ้างหรือเปล่า หากใครเป็นผู้รู้ รบกวนแนะนำด้วยนะคะ เวลาที่นั่งสมาธิ ไปได้สักพักมักจะเห็นเป็นแสงสีม่วง เป็นก้อนสีลอยขึ้นมา แล้วก็วูบหายไป สลับกันอยู่อย่างนี้สักพัก จนรู้สึกว่าจิตนิ่งเป็นสมาธิมากๆ จากสีม่วงก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน สักพักสีน้ำเงินนี้ก็วนเป็นวงกลม วนเหมือนลูกข่างเร็วมากแล้วดิ่งลงจนดิฉันนั่งแล้วรู้สึกใจหาย พอนั่งต่อไป สีที่เห็นก็กลายเป็นสีขาว เหมือนมีคนเปิดไฟนีออนตรงหน้าค่ะ แต่รู้สึกสงบปล่อยวางนะคะ สีที่เกิดขึ้น ณ ขณะที่นั่งดิฉันไม่ได้กำหนด หรือเจตนานะคะ มันเห็นเอง ไม่ทราบว่าดิฉันนั่งถูกทางรึเปล่า ขณะที่นั่งไม่ได้กำหนดบริกรรม แต่กำหนดจากลมหายใจค่ะ หากใครพอแนะนำได้ ช่วยแนะนำทีว่าที่นั่งแบบนี้ถูกมั๊ย มักเรียกว่าอะไร ขอบคุณค่ะ
     
  2. โพธิ์แก้ว

    โพธิ์แก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +440
    ตรงที่เห็นเป็นสีขาวน่าจะเป็นโอภาสนะคับ....แต่ไม่แน่ใจ

    เพราะต้องทราบรายละเอียดอาการของจิตมากกว่านี้นะคับ

    รอท่านอื่นมาตอบเพิ่มเติมคับ....
     
  3. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    สวัสดีครับ คุณ bluecolor ถ้าต้องการ cd สอนทำสมาธิเพิ่มเติม
    อ่านในลายเซ็นผมนะครับ

    ส่วนอาการที่คุณเป็นผมว่าน่าจะเป็น นิมิต กสิณ ที่คุณเคยฝึกมาแล้วจากอดีตชาติ

    แต่ไม่ชัวนะครับผม ยังไม่เก่ง ตอบไปตามที่เข้าใจ ก็เวลาทำสมาธิ ก็ลองจับนิมิตที่เห็นมาเป็นสมาธิ ดูครับ ควบคู่ไปกับลมหายใจ

    อาจจะทำให้เข้าถึงสมาธิได้ไวขึ้น
     
  4. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ขออนุญาตแนะนำนะคะคุณ bluecolor...

    - ช่วงที่เห็นแสงสีไม่ว่าจะเป็นสีม่วง หรือสีน้ำเงิน... เป็นช่วงของสมาธิเริ่มต้นค่ะ เมื่อเกิดแสงสว่างสีขาวตรงหน้านั้น เป็นโอภาส... เป็นนิมิตที่เกิดจากการทำสมาธิในกองของอานาปานสติ จับลมหายใจค่ะ... นิมิตในช่วงนี้ยังไม่ใช่นิมิตจริงค่ะ...

    - สิ่งที่คุณควรทำในตอนนี้ คือ เป็นผู้ดูอยู่เฉยๆ ค่ะ ไม่ว่าจะรู้ จะเห็นอะไรในช่วงนี้ อย่าไปยึด อย่าไปสนใจ ดูอย่างเดียวเลยค่ะ... ในช่วงนี้ลมหายใจของคุณจะหายไป ไม่ต้องตกใจนะคะ... ไม่ต้องหันกลับมาดึงลมหายใจใหม่ วางจิตเฉยๆ เบาๆ ไปตลอด ทรงอารมณ์จิตเบาๆ สบายๆ ไปเรื่อยๆ...

    - อย่าอยากรู้อยากเห็นอะไรทั้งสิ้น... ช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จิตของคุณกำลังจะเข้าสู่ปฐมฌาน... คุณยังสามารถได้ยินเสียงภายนอกได้อยู่แต่คุณจะไม่ได้ไปสนใจ หรือนึกรำคาญเสียงเหล่านั้นแต่อย่างใดค่ะ...

    - ต่อจากนั้นให้คุณวางกำลังใจ เฉย ไปเรื่อยๆ ดู ไปเรื่อยๆ จิตเขาจะค่อยๆ พัฒนาตัวเองไปสู้ฌานที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ค่ะ...

    - แต่อยากเตือนสักนิดหนึ่งค่ะ... ในช่วงนี้จิตคุณจะสามารถรับสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ได้โดยง่าย ไม่ว่าจะเป็นภาพ หรือเสียง ทั้งที่ดี และไม่ดี ทั้งที่น่าดูน่าชม และที่ไม่พึงปรารถนา และน่าหวาดกลัวค่ะ... ดังนั้นอยากจะขอแนะนำให้คุณปฏิบัติสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ทั้งก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติกรรมฐาน และหลังจากตื่นนอนในตอนเช้าของทุกวันค่ะ (เพราะบางที ในระหว่างวัน อยู่ๆ จิตเขาจะรวมตัวเองบ้าง นั่นจะทำให้คุณรับสัมผัสต่างๆ ทางจิตได้โดยบางทีคุณยังไม่ทันได้ตั้งตัวค่ะ)...

    ๑. จับลมสบาย... ช่วงนี้อย่าเพิ่งจับนานจนเกิดนิมิตนะคะ เอาแค่พอจิตสบายๆ ก่อนค่ะ

    ๒. จับภาพพระให้ใสสว่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้... คือ นึกถึงภาพพระองค์ที่คุณชอบก็ได้ค่ะ... ทรงอารมณ์ใจนี้ไว้สักระยะ... พร้อมกับน้อมจิตยอมรับนับถือองค์พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งสูงสุด ไม่มีที่พึ่งอื่นใดจะประเสริฐไปกว่านี้อีกแล้ว... นึกน้อมยอมรับขอให้ข้าพเจ้าเป็นสัมมาทิฐิไปทุกภพทุกชาติจนกว่าจะเข้าสู่พระนิพพาน... เสร็จแล้วนึกให้เห็นภาพตัวเองก้มลงกราบที่พระบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และครูบาอาจารย์ทั้งหลายพร้อมๆ กัน... แต่ถ้ายังทำไม่ได้ ก็นึกกราบพระองค์เดียวไปก่อนค่ะ...

    ๓. กราบขอขมากรรมต่อองค์พระรัตนตรัย โดยการอธิษฐานว่า...
    "- ข้าแต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ หากข้าพระพุทธเจ้าได้เคยคิดประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อองค์พระรัตนตรัย อันมีองค์สมเด็จ
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์พระธรรม องค์พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย อีกทั้งครูบาอาจารย์ทั้งหลาย พรหมเทพเทวา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
    ด้วยกายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี... ในชาติปัจจุบันนี้ก็ดี หรือในชาติที่เป็นอดีตก็ดี... ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี หรือทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึง
    การณ์ก็ดี...
    - ขอองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า และทุกๆ พระองค์ ทุกๆ องค์ ทุกๆ ท่าน... ได้โปรดอดโทษทั้งหลายเหล่านั้นให้แก่ข้าพเจ้านับแต่
    บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ"
    ก้มลงกราบพระบาททุกๆ พระองค์อีกครั้ง

    ๔. น้อมนึกถึงศีลที่คุณเองถือปฏิบัติอยู่... ไม่ว่าจะเป็นศีล ๕ หรือ ศีล ๘ ก็ตาม... (โดยปกติ เวลาที่ใช้ชีวิตประจำวันคุณอาจถือศีล ๕ อยู่ แต่คุณสามารถอาราธนาถือศีล ๘ ได้โดยกำหนดถือเฉพาะในช่วงเวลาที่คุณกำลังทำสมาธิอยู่ได้ เมื่อปฏิบัติธรรมเสร็จ คุณก็กลับมาถือศีล ๕ ตามเดิม... ไม่เสียทั้งทางโลกและทางธรรมค่ะ) โดยน้อมนึกว่า...
    "ณ ขณะนี้ ศีล ๕ (๘) ของข้าพเจ้าสมบูรณ์ บริบูรณ์ดีทุกประการ... ข้าพเจ้าไม่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่ได้ลักขโมยผู้ใด ไม่ได้ผิดลูกผัว - เมียใคร ไม่ได้พูดโกหกมดเท็จใดๆ ไม่ได้เสพสุราของมึนเมา หรือเล่นการพนันแต่อย่างใด... (ไม่ได้ทานอาหารหลังเที่ยง, ไม่ได้ใช้เครื่องไล้ของหอม เว้นจากการฟ้อนรำ ดูสิ่งบันเทิงเริงรมย์ ไม่ได้ใช้เครื่องประดับตกแต่งใดๆ, ไม่ได้นอนบนที่นอนสูงใหญ่)"

    ๕. หลังจากนั้นให้คุณน้อมนึก อโหสิกรรมให้แก่ผู้ที่เคยล่วงเกินคุณมา
    "- ข้าพเจ้าอโหสิกรรม ยกโทษให้แก่ พรหม-เทพเทวา สรรพสัตว์สิ่งมีชีวิต มนุษย์ อมนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน ภูติผีปีศาจ ดวงจิตดวงวิญญาณทั้งหลายที่เคยล่วงเกินข้าพเจ้ามาด้วยกายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี... ในชาติปัจจุบันนี้ก็ดี ในชาติที่เป็นอดีตก็ดี... ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี หรือทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี...
    - ข้าพเจ้าไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆ ทั้งสิ้น และขอให้พวกท่านทั้งหลายมีความสุขกาย สุขใจ พ้นจากความทุกข์ทั้งหลายทั้งมวล มีดวงตาเห็นธรรม เข้าถึงที่สุดแห่งธรรม และมีพระนิพพานเป็นที่สุดด้วยเทอญ"

    ๖. เมื่ออโหสิกรรมให้ผู้อื่นเสร็จแล้ว... ให้คุณน้อมนึกถึงกุศลผลบุญ อีกทั้งความดีงามทั้งหลายที่คุณเคยสร้างมาดีแล้วให้มารวมตัวกันที่ดวงจิตของคุณ (นึกให้เห็นดวงจิตของคุณสว่างไสวแพรวพราว) พร้อมกับอธิษฐาน ขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรของคุณ ดังนี้...
    "- ข้าพเจ้าขอน้อมอุทิศส่วนกุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าได้เคยกระทำมาตั้งแต่ต้นกัปต้นกัลป์ จนมาถึงปัจจุบันนี้ และที่จะทำต่อไปในอนาคต... ให้แก่ท่านเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย... ขอให้ทุกๆ ท่านมาร่วมกันอนุโมทนาและได้รับซึ่งกุศลผลบุญเหล่านี้นับแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน...
    (ตอนนี้ให้นึกเห็นรัศมีความสว่างของกุศลผลบุญ ความดีงามทั้งหลายจากดวงจิตของเราแผ่ออกไปคลุมร่างของเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่รายล้อมอยู่รอบตัวเรา)
    - และข้าพเจ้าขออโหสิกรรมต่อท่านเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินพวกท่านไปด้วยกายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดี... ในชาติปัจจุบันนี้ก็ดี หรือในชาติที่เป็นอดีตก็ดี... ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี หรือทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี...
    - ขอให้พวกท่านทั้งหลายได้โปรดอโหสิกรรมทั้งหลายเหล่านั้นให้แก่ข้าพเจ้านับแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานเทอญ"

    ๗. ท้ายที่สุดให้คุณน้อมนึกถึงความสุข สดชื่น ความอิ่มเอม เปรมปรีด์ ความดีงามทั้งหลายที่คุณเคยสร้างมาดีแล้วอีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งกุศลผลบุญทั้งหลาย พรหมวิหารสี่ และอภัยทานที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในดวงจิตของคุณให้มารวมตัวกัน (นึกให้เห็นดวงจิตของคุณสว่างไสวแพรวพราว) พร้อมกับอธิษฐานแผ่เมตตาอัปปมาณฌานว่า...
    "- ข้าพเจ้าขอน้อมถวายส่วนกุศลผลบุญ อีกทั้งพรหมวิหารสี่ อันมี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา พร้อมอภัยทาน แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ องค์พระธรรม องค์พระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆ ต่อกันมาโดยมี... (ใส่ชื่อครูบาอาจารย์ที่คุณเคารพลงไป) เป็นที่สุด อีกทั้งท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านผู้มีพระคุณทั้งหลาย บูรพกษัตริย์ไทย บรรพชนไทย นักรบไทยทุกๆ พระองค์ ทุกๆ องค์ ทุกๆ ท่าน... พรหมเทพเทวา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โดยมีท่านท้าวจตุมหาราช และท่านพญายมราชเป็นที่สุด...
    - ขอทุกๆ พระองค์ ทุกๆ องค์ ทุกๆ ท่าน ได้โปรดมาร่วมกัน รับและอนุโมทนาในส่วนกุศลผลบุญทั้งหลายเหล่านี้ และขอได้โปรดมาเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศลผลบุญในครั้งนี้ของข้าพเจ้าด้วยเทอญ...
    (น้อมนึกให้เห็นว่าในมือคุณมีดอกบัวแก้วสว่างไสวแพรวพราว ซึ่งเกิดจากกุศลผลบุญของคุณมารวมตัวกันเป็นดอกบัวนั้น... แล้วน้อมถวายแด่ทุกๆ พระองค์ ทุกๆ องค์ ทุกๆ ท่าน)
    - และข้าพเจ้าขอน้อมอุทิศส่วนกุศลผลบุญ อีกทั้งพรหมวิหารสี่ อันมี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา พร้อมอภัยทาน ให้แก่เหล่าสรรพสัตว์สิ่งมีชีวิต มนุษย์ อมนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน ภูติผีปีศาจ ดวงจิตดวงวิญญาณทั้งหลายทั่วสากลจักรวาล อนันตจักรวาลนี้... ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี... ขอให้ทุกๆ ท่านจงมาร่วมกันอนุโมทนาและรับซึ่งส่วนกุศลผลบุญทั้งหลายเหล่านี้เฉกเช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าจะพึงได้รับนับแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน... ขอให้ทุกๆ ท่านมีดวงตาเห็นธรรม และเข้าถึงที่สุดแห่งธรรมโดยฉับพลันเทอญ"

    ๘. เสร็จแล้ว อธิษฐานว่า...
    "ด้วยอานิสงค์ผลบุญที่ข้าพเจ้าได้จากการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบนี้แล้ว... ข้าพเจ้าขออาราธนาบารมีองค์พระศรีรัตนตรัย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย พรหมเทพเทวาทั้งหลายที่เป็นสัมมาทิฐิ เทวดาอารักษ์ประจำตัวข้าพเจ้า... ขอได้โปรดคุ้มครองทั้งกายหยาบ และอทิสมานกายของข้าพเจ้าจากสิ่งไม่ดี มิจฉิทิฐิ และดวงจิตดวงวิญญาณทั้งหลายตลอดทุลมหายใจเข้า - ออก ทั้งยามหลับและตื่น ทั้งยามที่รู้สึก และไม่รู้สึกตัวก็ตาม นับแต่บัดเดี๋ยวนี้เป็นต้นไปตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ"


    ๙. ทำสมาธิตามที่คุณถนัด...

    ๑๐. เมื่อปฏิบัติกรรมฐานเสร็จแล้ว... ให้อุทิศส่วนกุศล และแผ่เมตตาอัปปมาณฌานอีกครั้งค่ะ...

    ..........................

    ด้วยพระบารมีแห่งองค์พระรัตนตรัย และกุศลผลบุญที่บังเกิดขึ้นนี้... ขอได้โปรดมารวมตัวกันและส่งผลให้ทุกๆ ท่านมีดวงจิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อภัยทาน มีความสุขทั้งทางโลก ทางธรรม เป็นสัมมาทิฐิ... มีดวงตาเห็นธรรม... เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป... เข้าถึงที่สุดแห่งธรรมโดยฉับพลัน... และมีพระนิพพานเป็นหลักชัยโดยถ้วนทั่วกันด้วยเทอญ
     
  5. mandark

    mandark Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +100
    ผมก็เป็นแบบคุณเลยครับ

    มีกลม ๆมีสีขาวแดงนำ้เงินม่วงเขียวและหมุน ๆครับและก็ลมหายใจหายไป เหมือน กับ ที่ คุณ CHDHORN แนะนำทุกประการเลยครับ แต่ผมเกิดตกใจเล็กน้อยเลยกลับไปกำหนดลมหายใจใหม่ครับเลยไม่เหมือนเดิมครับ
    คราวหน้าคงทำได้ดีกว่านี้ครับ
     
  6. bluecolor

    bluecolor สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณกัลญาณมิตรทุกคนนะคะ ที่กรุณาแนะนำ ดิฉันจะลองไปปฎิบัติตาม ขอให้อนิสงค์ผลบุญที่ดิฉันได้ปฎิบัติธรรม ขอให้บุญกุศลจงแผ่ไปให้ถึงกัลญาณมิตรทุกท่านที่ได้กรุณาแนะนำให้ดิฉัน โมทนาบุญกับดิฉันนะคะ
    ขอบคุณมากค่ะ
     
  7. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    ทั้งคุณbluecolor และคุณmandark คะ...

    ฝึกแล้วได้ผลอย่างไร ช่วยกรุณามาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังด้วยได้ไหมคะ... จะได้เกิดประโยชน์กับท่านอื่นๆ ด้วยค่ะ

    ขอบพระคุณค่ะ...

    .............................

    ด้วยพระบารมีแห่งองค์พระศรีรัตนตรัย และกุศลผลบุญที่บังเกิดขึ้นนี้... ขอได้โปรดมารวมตัวกันและส่งผลให้ทุกๆ ท่านมีดวงจิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อภัยทาน มีความสุขทั้งทางโลก ทางธรรม เป็นสัมมาทิฐิ... มีดวงตาเห็นธรรม... เจริญในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไป... เข้าถึงที่สุดแห่งธรรมโดยฉับพลัน... และมีพระนิพพานเป็นหลักชัยโดยถ้วนทั่วกันด้วยเทอญ
     
  8. mandark

    mandark Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +100
    หลังจากที่งานยุ่งมาหลายวันบวกความเหน็ดเหนื่อย

    เวลาจะนั่งสมาธิที่ไรรู้สึกว่าจะมีความง่วงเข้ามาทุกทีและจะนั่งไม่ได้นาน แต่เมื่อคืนที่ผ่านมารู้สึกง่วงแต่ก็บอกกลับตัวเองว่าวันนี้ยังไงเราก็จะฝืนความง่วงต่างๆให้ได้เพื่อที่จะนั่งสมาธิครับ
    ก็เลยมาอัพเดทว่าไปถึงไหนครับพอสวดมนต์เสร็จก็รู้สึกจิตใจสบายครับก็เริ่มนั้งทำสมาธิไปเรื่อย ๆก่อนนั้งเมีอาการง่วงมาก ปรากฎว่าสัก 5 นาทีได้ครับพอจิตมีสมาธิจับลมหายใจไปเรื่อย ๆปรากฎว่า คำภาวนาหายไปครับ ลมหายใจหายไปแต่บางที่ก็รู้สึกว่าหายใจน้อยลง ครับ ที่สำคัญความง่วงหายไปโดยสิ้นครับ เสียงที่ได้ยินภายนอกแผ่วเบาครับ รู้สึกอารมณ์สบายครับและก็ความรู้สึกทางกายนั้นไม่รู้สึกเลยไม่เจ็บปวดใดๆไม่มีความรู้สึกว่ามีกาย
    เหมือนเราดำน้ำครับ รู้แต่ว่ายังมีลมหายใจอยู่เล็กน้อย ผมก็ลองนึกดูว่าจะถ้าไม่หายใจดูจะเป็นอย่างไร ก็มีความรู้สึกเฉพาะทีปลายจมูกเล็กน้อยแต่ไม่เหนื่อยเหมือนเรากลั่นหายใจเลยครับ
    รู้สึกว่าไม่อยากออกจากสมาธิเลยครับ และก็ไม่มีนิมิตใดๆเลยครับ แค่แสงสีทองแวปเดียว แต่หลังจากที่ผมต้องการออกจากสมาธินั้นทำได้ยากเหมือนกันครับเหมือนจะไม่ออก เลยต้องมาพิจาณาลมหายใจอยู่นานพอควรและค่อยๆทำความรู้สึกกับร่างกาย

    เลยต้องกลับมาทำภาวนาเหมือนตอนแรกเลยกลับมาสู่ปกติครับ
    ไม่ทราบว่าผมมาถูกทางมั้ยครับ ถ้าถูกทางแล้วผมต้องทำยังไงต่อครับ
    รบกวนท่านผู้รุ้รบกวนชี้ทางให้ทีครับ เพราะผมปฎิบัติแบบจริงจังไม่กี่ครั้งเองครับ
    ส่วนใหญ่สวดมนต์อย่างเดี๋ยว ครับ
    ขอบคุณครับ
     
  9. supatach

    supatach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,638
    ค่าพลัง:
    +6,666
    ผมชอบนอนทำสมาธิครับเพราะนั่งแล้วเกิดอาการเหน็บชาซะส่วนใหญ่ ผมจะทำสมาธิก่อนเข้านอน เคยอ่านเจอว่า หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านกล่าวว่า ถ้าภาวนาจนหลับได้เลยยิ่งดี ผมจึงปฏิบัติตาม
    อยากจะถามว่าเมื่อร่างกายอ่อนล้าจากการทำงาน การทำสมาธิก่อนเข้านอน เมื่อภาวนาไปได้ซักครู่ก็จะหลับแล้วแบบนี้เราจะได้บุญไหมครับ จะเกิดประโยชน์ไหมครับ
    การนั่งทำสมาธิก่อนนอนมีอยู่ 2-3 ครั้งแค่ชั่วระยะเวลาภาวนาไม่นาน มันเกิดอาการวูบครับ คล้ายกับตกจากที่สูง มันไม่แน่ใจว่าเกิดจากความง่วงหรือผลจากการปฏิบัติอย่างไร ขอคำชี้แนะด้วยครับ
    ช่วงนี้ผมพยายามจะใช้คำภาวนาว่า นะมะพะทะ เพราะคิดว่าจะฝึกมโนมยิทธิครับ
     
  10. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    หา " นิวรณ์ " อ่านดู
     
  11. nuttadet

    nuttadet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    1,892
    ค่าพลัง:
    +6,454
    เรียก ตกภวัง ครับ ถ้านอนทำสมาธิ ได้ หลับในฌาณ ตื่นมา ยังภาวนาอยู่
    หรือทรงภาพพระอยู่ เวลานอนนั้นท่านไม่เสียเวลาเปล่าแน่นอนครับ
    ลองนับๆ ดู นอนทำสมาธิ ไปกี่ ชม. ความก้าวหน้าในสมาธิก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
    เรื่องบุญ อย่าไปคิดเลยครับจะได้ไม่ได้ เราทำความดี ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
    เทวดา ญาติๆ เรา เค้าก็โมทนาไปด้วย เป็นบุญของเราอยู่แล้วแหละครับ
    ที่ได้มาปฏิบัติดี ทำดี แบบนี้
     
  12. ชนินทร

    ชนินทร พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,725
    ค่าพลัง:
    +6,384
    โมทนาค่ะคุณ Mandark... สิ่งที่คุณสัมผัสได้ นั่นคือ อาการของการเข้าฌานค่ะ...

    เมื่อจิตมีอาการนิ่งสงบเข้าไปอยู่ในฌานแล้ว... จิตเขาจะมีความสุขค่ะ สุขจนไม่อยากที่จะออกมารับรู้กับความวุ่นวายภายนอก...

    ทำดีแล้วล่ะค่ะ... เพียงแต่ว่าเพิ่มการพิจารณาในส่วนของวิปัสสนาญาณ ในเรื่องของมรณานุสสติ... เรื่องของกายคตาสติ ความไม่เที่ยงของสังขารร่างกาย... เรื่องของอริยสัจ โดยเฉพาะในข้อของความทุกข์ที่ต้องพบเจอ... เรื่องของโลกธรรมทั้งแปด... ฯลฯ

    เพราะการที่ทรงแต่อารมณ์ฌานอย่างเดียว... จิตจะนิ่ง เสวยอารมณ์สุขอย่างเดียว จึงต้องใช้วิปัสสนาญาณเข้ามาเสริมให้เกิดความสมดุลย์ค่ะ... จิตเขาจึงจะพัฒนาไปได้รวดเร็วขึ้น...

    อ้อ! ก่อนทำสมาธินึกถึงภาพพระไว้สักพักก่อนก็ดีนะคะ...

    นึกถึงไตรสรณคมน์ ให้บารมีพระองค์ท่านช่วยนำทางเรา ปกป้องคุ้มครองทั้งกายหยาบและอทิสมานกาย (กายใน) ของเราด้วยค่ะ...
     
  13. mandark

    mandark Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +100
    ขอบคุณ คุณchdhorn มากครับที่ให้คำแนะนำผมจะนำไปปฏิบัติดูครับ
     
  14. v.mut

    v.mut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 เมษายน 2006
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +274
    ถึงคุณ bluecolor

    ทีแรกอ่านอาการที่เล่า ก็กำลังสงสัยอยุ่ว่า คงจับลมหายใจเป็นฐาน
    พอตอนท้าย ก็มาเห็นประโยคที่บอกว่า "กำหนดลมหายใจ" อึม เป็นธรรมดาครับ

    การเห็นสีม่วง หรือ น้ำเงิน เป็นเรื่องปรกติธรรมดาสำหรับบางคน (ไม่เสมอไป) หากใช้วิธีการกำหนดลมหายใจ ไม่ได้ผิดปรกติแต่อย่างไร ที่ทำอยู่นั้นถูกต้องแล้ว

    สิ่งที่ควรทำเพิ่มเติม คือ แนบแน่นกับลมหายใจ รู้ชัดในลมหายใจ ด้วยความสงบ ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งใด ๆ ที ปรากฏ ประคองให้อยู่กับลมหายใจ เด็ดขาด แน่วแน่ เอาไว้ สิ่งใดปรากฏก็ดูด้วยความวางเฉย สำรวมให้ สงบ ไม่ตกใจกลัวจนสั่น ใจหาย ดูรู้ถึงความเปลี่ยนแปลง สภาพมันจะเปลี่ยน จากสิ่งหนึ่งไปสิ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะแปรผันไปอย่างไร สิ่งที่จิตใจพึงมี พึงดำรงเอาไว้อยู่ คือ ความวางเฉย อุเบกขา และ สำรวมแน่วแน่ แนบแน่นอยุ่ สิ่งเดียว คือ ลมหายใจ

    (ยังไม่ต้องพยายาม สงสัยใน สิ่งใด ๆ ในช่วงนี้ )

    ขอให้ประสบความก้าวหน้าขึ้นไปตามลำดับ
     
  15. มะหน่อ

    มะหน่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    1,652
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ผมตกรถครับ...ปกติไม่ชอบมาหน้านี้...กระทู้ดีมากครับทั้งผู้ให้และผู้รับ...สาธุ...อนุโมทนาครับ
     
  16. sirapob

    sirapob สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +16
    ผมก็เคยเป็นครับ ตอนแรกๆ จะเป็น แสงสีขาวๆ แล้วก็ค่อย ๆ สว่างขึ้น
    และสักแปปนึงก็กลายเป็นสีเหลืองเลยอยากรู้ว่าเป็นอะไร
     
  17. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,167
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +29,753
    จะมองจากสายวิชาไหนหละ


    ถ้าจากการเดินปราณ และจักระ

    คุณได้เห็นการทำงานของระบบจักร สีม่วง จนถึงน้ำเงิน คือ จักระเจ็ดและหกเปิดแล้ว

    สุดท้ายเห็นสีขาว คือ ผ่านพ้นจักรเจ็ดขึ้นไป จิตเข้าสู่ความบริสุทธิ์ระดับหนึ่ง พ้นกายชัวคราว เป็นมโนธาตุ ธาตุรู้


    ปล่อยวาง ว่าง มีสติสัมปชัญญะละเอียดขึ้นไปๆๆ ก็จะผ่านจุดนี้ไปเอง


    อีกหน่อย อาจเข้าสู่สีขาวได้เลย เป็นฌาณที่ละเอียดขึ้นไปอีก

    โมทนาสาธุครับ
     
  18. ธาตุ4

    ธาตุ4 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +91
    เจริญในธรรมอย่างยิ่งครับ สำหรับคุณ Chdhorn ผมขอแนะนำเพิ่มเติมนะครับ

    ในกรณีที่บางท่านนั่งสมาธิแบบอานาปาณสติแล้ว เกิดมองเห็นโอภาส คือแสง ซึ่งเป็นนิมิตลวงครับ บางคนจะเอาจิตไปจับเพราะเกิดความสงสัย อาการสงสัยย่อมเกิดครับ เมื่อเกิดแล้วให้พึงระลึกว่านี่คืออาการของสมถะ หรืออาการที่พบทั่วไป จากนั้นก็ให้ตัดทิ้งเสียโดยการเพิกออกแล้วจับลมหายใจต่อครับ เมื่อตัดโอภาสได้แล้วจิตจะนิ่งบ้างแต่จะมีการฟุ้งซ่านบ้างตอนนี้ให้ดูลมอย่างเดียวและอย่าลืมภาวนาครับ เพราะหากไม่มีการภาวนาคนที่เข้าใหม่จะไม่รู้อาการของฌาณครับ และเมื่อนั่งไปสักครู่บางคนอาจจะง่วงหรือปวดเอว ปวดขา อาการเหล่านี้ก็เป็นมสถะ ครับ ปกติท่านให้ฝึกสมถะกรรมฐานหรือเวทนากรรมฐานก่อนครับ เพื่อแก้ปัญหานี้และเพื่อให้มีสติสูง และถ้าผ่านขั้นนี้ไปได้ท่านจุเข้าสู่ปฐมฌาณ นั่นคือสมาธิจะเริ่มนิ่งและสงัดแต่การกำหนดลมหายใจและคำภานายังคงมีอยู่ รายละเอียดลองเข้าไปอ่านเพิ่มในส่วนของท่านพระอาจารย์ฤาษีลิงดำครับ หากจะนั่งเพื่อให้เกิดสุขารมณ์ ต้องเข้าไปที่ฌาณ3 ครับ เพราะสุขารมณ์อันเป็นหนึ่งจะพบที่ฌาณนี้ครับ

    โดยปกติ ผมจะแผ่เมตตาไปในแต่ละขั้นของฌาณครับ เพื่อให้เกิดบุญบารมีสูงสุดและเข้าถึงดวงจิตสรรพสิ่งได้ดีขึ้นครับ

    ปล. หากท่านยังไม่ผ่านเวทนากรรมฐานหรือสมถะกรรมฐาน แล้วฝึกอานาปาณสติ กรุณาอย่าพึ่งกำหนดเข้าไปในฌาณ4 โดยเด็ดขาดนะครับ เพราะอาจเกิดการเป็นบ้าได้ครับหากสติไม่พอ ขอให้ระลึกว่า "สมาธิตั้งมั่นบนสติสัมปัชชัญญะฐาน" ครับ

    อนุโมทนาสาธุครับ
    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  19. SP6580

    SP6580 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +1,551
    ผมว่าน่าจะเกิดจากจริต และอารมณ์ในแต่ละวันน่ะที่สังเกตุดู รู้สึกว่ามันจะเห็นเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เลยลองป่อยวางเพ่งดูแต่ไม่สนใจว่าป็นอะไร ภาวนา พุทโธ ไปเรื่อยๆ มันก็จะละเอียดและเบาขึ้นมากเริ่มไม่รู้สึกถึงลมหายใจแต่ก็แค่นั้น เพราะของพวกนี้ต้องทำทุกวันเหมือนหลวงพ่อต่างๆ ท่านสอนมา
     
  20. พามมะวดี

    พามมะวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,857
    โดยส่วนตัวเคยประสบ ถ้าสนใจมาก วงจะหมุนเปลี่ยน
    เป็นแบบพัดลมบ้าง หมุนเร็ว หมุนช้า
    หมดวง ซ้อนใหม่ขึ้นมาอีกวง แล้วจางหายไป
    เกิดวงใหม่ขึ้นมา ซ้ำๆ

    อย่าไปสนใจ กลับมาที่ลมหายใจ

    พอไม่สนใจ กลับมาที่ลมหายใจ พุท-โธ

    จะเกิดลำแสง นวลบางๆเย็น สาดส่องลงมาจากด้านบน รู้สึกเย็น

    บางครั้งไม่ก้าวหน้า ติดอยู่นาน เคยหลงทาง

    การนั่งสมาธิ ควรมีครูบาอาจารย์ เพื่อสอบอารมณ์และขอคำแนะนำ
     

แชร์หน้านี้

Loading...