ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วันนี้พอมีเวลา เลยขอเข้ามาดูในกระทู้ในช่วงกลางคืน ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่านด้วยใจจริงครับที่แสดงความเสียใจกับผมและครอบครัวผ่านมาให้ทราบทางกระทู้ ก็ต้องยอมรับว่าเหนื่อยจริงๆ เพราะการจัดการงานศพนี่ รายละเอียดปลีกย่อยมีเยอะมาก ทั้งสถานที่ พิธีการ อาหาร การต้อนรับ แม้กระทั่งการฌาปนกิจ จาระนัยไม่ไหว ขออนุญาตเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังตอนพ่อเสียใหม่ๆ ให้เป็นอุทาธาหรณ์สำหรับลูกๆ ที่ยังมีพ่อแม่อยู่ครบนิดนึงครับ สำหรับตัวผมเองไม่ได้อยู่กับพ่อกับแม่เพราะแยกครอบครัวออกมา ตอนที่พ่อหมดลมหายใจใหม่ๆ ราวครึ่งชั่วโมงน้องโทร.มาบอกว่าพ่อไม่หายใจแล้ว ให้เรารีบไปที่โรงพยาบาลด่วนหน่อย (พ่อไม่สบายเป็นอัมพฤกษ์มา 7 ปีก่อนหน้า) พ่อเหมือนรอให้เราไป เพราะยังไม่ยอมหลับตา จนเราไปถึงคนสุดท้ายไปปิดเปลือกตาให้ ยกมือขึ้นพนมไหว้เท้าพ่อ แล้วบอกพ่อว่า "พ่อ ชาตินี้เราหมดกันไปอีกหนึ่งชาติแล้วน๊ะ ชาติต่อไปก็ขึ้นอยู่กับกรรมซึ่งกันและกัน พระคุณที่เลี้ยงมาชดใช้ให้ไม่มีวันหมด และจะจดจำไปจนตาย หากฉันยังมีชีวิตอยู่ก็จะทำบุญส่งไปให้จนกว่าจะตายเช่นกัน และหากฉันตายก็จะให้ลูกทำบุญให้ปู่ด้วย ลาก่อนน๊ะพ่อ" หลังจากนั้น ตอนเช้าก็นำพ่อบรรจุลงในโลง ลูบเท้าพ่อเป็นครั้งสุดท้าย ไม่มีน้ำตาจากเรา เพราะฝึกพิจารณาเวทนาและความเป็นไปของธาตุขันธ์ตามที่ครูอาจารย์และพี่ใหญ่สอนไว้ให้เห็นตามความเป็นจริงก่อนหน้านี้นานแล้ว หน้าที่ที่เหลือคือต้องจัดงานศพให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงมีภาระแห่งที่มา "ขอลา 5 วันครับ" ยังจำได้บุญสุดท้ายที่ให้พ่อทำก็คือ เอาเงินใส่มือพ่อแล้วบอกว่า พ่อเงินที่ให้นี้ฉันจะไปทำบุญให้พระสงฆ์ที่อาพาธน๊ะ พร้อมกับสังฆทานน้อยอีก 1 กล่อง พ่อตั้งใจอธิษฐานให้ดีน๊ะ บุญนี้จะช่วยพ่อไม่ให้ลำบากในยามที่ตาย พ่อยกมือได้ข้างเดียวก็ใช้มือที่ไม่ค่อยมีแรงจับเงิน จับสังฆทานจบที่หน้าผากโดยเราประคองให้ แล้วก็ส่งให้เรา ทั้งที่สติพ่อไม่ค่อยรู้เรื่องแล้วแต่ก็พยักหน้าได้ แค่นี้สำหรับเราก็ถือว่าเป็นบุญท่วมหัวแล้วที่ให้พ่อแม่ได้ทำบุญด้วยใจบริสุทธิและเต็มใจทำ เงินที่พ่ออธิษฐานยังคงอยู่ในกระปุกที่เราเพียรหยอดอยู่ทุกวัน รอเดือนหน้าค่อยส่งเข้าบัญชี ส่วนสังฆทานน้อย รอถวายพระในวันทำกิจกรรมในเดือนหน้า ใครที่ยังมีพ่อแม่อยู่ยังมีเนื้อนาบุญอยู่น๊ะ ให้ท่านทำบุญกับเราด้วย หรือพาท่านมาทำบุญกับทุนนิธิฯ ด้วย ก็คิดว่าน่าจะดีมากทีเดียว ให้ท่านได้ถวายสังฆทานกับพระสงฆ์ที่อาพาธกับมือ หรือเราเองพอกลับจากทำบุญที่ทำกับทุนนิธิฯ แล้ว เล่าให้ท่านฟัง แล้วให้ท่านโมทนาสาธุกับเรา ผมว่าเราน่าจะได้ปิติ เกิดขึ้นเยอะทีเดียวเพราะได้ทั้งบุญ ได้ทั้งกุศล และได้ทั้งปิติที่ให้พ่อแม่ได้โมทนาบุญกับเราด้วย ลองคิดดูน๊ะ..

    สำหรับเรื่องทุนนิธิฯ พรุ่งนี้ก็คงจะเข้ามาทำภารกิจในหน้าที่ประธานทุนนิธิฯ ที่คอยอัพเดทกระทู้ และติดต่อไปยัง โรงพยาบาลต่างๆ เหมือนเดิมในช่วงบ่ายๆ ครับ

    ขอขอบคุณอีกครั้ง แต่ไม่ขออนุโมทนาและสาธุกับทุกคน เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของเราเองไม่ใช่ส่วนรวมจึงมิอาจโมทนาได้จริงๆ ต้องขออภัยด้วยครับ

    พันวฤทธิ์
    14/10/51
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2008
  2. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,310
    บ้านผมอยู่วัดชังเรืองเองครับว่าจะไปร่วมพิธีด้วยแต่ไม่กล้าไปกลัวว่าไม่รู้จักเสนอหน้า*-*
    เด๋วพี่ยังต้องก้าวเดินต่อไปทำบุญต่อไปเรื่อยๆๆนะครับโมทนาบุญด้วยพ่อพี่ตอนนี้ต้องดีใจแน่
     
  3. BD

    BD เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +419
    เอาบุญมาฝากครับ
    เมื่อวานนี้ (๑๔ ตค.) ลางานไปร่วมทำบุญทอดผ้าป่า 200กอง กับพระเทพสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ) ที่วัดอัมพวัน เนื่องในวันประสบอุบัติเหตุคอหักของหลวงพ่อ ซึงท่านจะทำต่อเนื่องมาทุกปี
    ถ้าใครมีเวลาน่าจะไปร่วมทำบุญกับท่านด้วย เป็นการสะเดาะเคราะห์ต่ออายุให้ตัวเราด้วยครับ
     
  4. หนึ่ง1

    หนึ่ง1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,638
     
  5. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097

    อ่านครั้งแรกแล้วรู้สึกตกใจ เพราะไม่เคยคิดกับใครแบบนี้จริงๆ ยังไงก็ต้อนรับทุกคนอยู่แล้วล่ะ วันหลังลองไปร่วมงานบุญที่ รพ.สงฆ์กับคณะทุนนิธิฯ สิ แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่น้องคิดไม่มีอยู่ในพวกเราเลยจริงๆ คณะนี้ต้อนรับทุกคนด้วยความยินดีและไม่ปิดบัง เรื่องบุญเรื่องกุศลเป็นของกลาง ใครทำใครได้ ยิ่งแนะนำกันยิ่งได้บุญเพิ่มแก่ตัวเอง แก่หมู่ แค่นี้ก็ขอบคุณแล้วน๊ะที่เข้ามาดูในกระทู้บ่อยๆ ครับ กระทู้นี้เอาบุญเอากุศลเป็นตัวตั้ง อย่างอื่นว่ากันที่หลัง....
     
  6. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๖๓ | ทรงภัตตกิจ
    <!-- Main -->พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๖๓ : ทรงภัตตกิจ

    ทรงภัตตกิจ ณ บ้านเศรษฐี บิดาพระยสะ

    เมื่อพระยสะบวชโดยที่ไม่มีใครทราบ ฝ่ายมารดาของยสะกุลบุตร ขึ้นไปบนเรือนในเวลาเช้า ไม่เห็นลูกชายจึงบอกแก่ท่านเศรษฐีผู้สามีให้ทราบ ท่านเศรษฐีใช้ให้คนไปตามหาทั้ง ๔ ทิศ ส่วนตนเองก็ออกเที่ยวหาด้วย บังเอิญไปในทางที่จะไปยังป่าอิสปตนมฤคทายวัน ได้เห็นรองเท้าของลูกชายตั้งอยู่ ณ ที่นั้น จึงตามเข้าไปใกล้ ครั้นเศรษฐีเข้าไปถึงได้พบพระบรมศาสดา พระพุทธองค์จึงได้ตรัสอนุปุพพิกถา เทศนาอริยสัจ ๔ ให้เศรษฐีได้เห็นธรรมแล้ว เศรษฐีทูลสรรเสริญธรรมเทศนา แล้วแสดงตนเป็นอุบาสกว่า
     
  7. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width=550 align=center bgColor=#eeeeee border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ff9933 height=22>หั ว ข้ อ เ รื่ อ ง ที่ ๑๖ : ความรักของพ่อ</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffcc66 height=22>โ ด ย : ท่านปัญญานันทภิกขุ </TD></TR><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellPadding=5 align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top align=left><TD vAlign=top>
    คนเราจะรู้จักบุญคุณก็ต่อเมื่อเราโต ไอ้เวลาเด็กนี่เราไม่รู้ ไม่รู้ว่าพ่อแม่ มีบุญคุณต่อเราอย่างไร
    จะเล่าเรื่องเก่าให้ฟังสักหน่อย เรื่องพระเจ้าอชาตศัตรู

    พระเจ้าอชาตศัตรูไปคบเทวทัต เป็นภิกษุอันธพาลรังควาน พระพุทธเจ้า ไม่ใช่เล็กน้อยเรียก
    ว่า "ยอดอันธพาล" หาเรื่องกับพระพุทธเจ้า เมื่อคบกัน เทวทัตก็ยุแหย่อย่างนั้นอย่างนี้ก็บอกว่า
    ชีวิตคนราชย์ต่อไป พระเจ้าอชาตศัตรูก็เลยหลงคำพูด จับพ่อไปขังเสียนี่ ขังไว้ในคุก ขังแล้วก็
    ทรมาน หลายอย่าง หลายประการ มันไม่แน่นอน พ่อนี่ แก่ตนอย่างไร มานึกได้ตอนนี้... วันหนึ่ง
    อำมาตย์เข้าไปกราบทูล สองคน ควรจะให้ออกจากราชสมบัติ ได้แล้วท่านจะได้ครองไม่นึกว่า
    พ่อมีบุญคุณ ข้าไปพร้อมกัน คือ "ข่าวพ่อตาย" กับ"ข่าวลูกเกิด"

    มเหสีอชาตศัตรูเกิดลูก คนหนึ่งไปถึง บอก......
    "เอ๊ เราจะบอกข่าวอะไรก่อนดีนา ข่าวเกิด หรือข่าวตาย"
    "เอ๊อะ มันต้องข่าวเกิดซิ เรื่องเกิดมันเรื่องพอใจ เรื่องตายมันเรื่องเศร้า เราควรบอกข่าวเกิดก่อน"
    คนหนึ่งเข้าไปถึง กราบทูลว่า
    "พระมเหสีของพระองค์คลอดพระโอรสเป็นชายพ่ะย่ะค่ะ"
    พอรู้ว่ามีโอรสเป็นชายนะ สัญชาตญาณของความเป็น "พ่อ" มันเกิดขึ้น คือมีความรักลูกพอรัก
    ลูกคิดถึงพ่อทันที
    "แหม... พ่อเรานี่อยู่ลำบาก แหม...ไม่สมควรที่เราจะทำกับพ่ออย่างนั้นเลย"
    พอคิดอย่างนั้น อำมาตย์ก็กราบทูลว่า
    "พอดีพระบิดาของพระองค์สิ้นพระชนม์แล้วที่ในคุก พ่ะย่ะค่ะ"
    พอได้ยินอำมาตย์ทูลเช่นนั้น ก็เศร้าใจ มีความทุกข์ นี่มารู้ว่า "พ่อ" เป็นประโยชน์แก่ตนเมื่อได้
    ลูกเมื่อมีลูก พอมีลูกก็เกิดรักพ่อ เพราะเรารักลูก และเกิดความคิดว่า
    "พ่อคงรักเราอย่างนี้ เหมือนเรารักลูก"


    ขอขอบคุณ

    http://www.dhammathai.org/store/talk/talk16.php

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    <B><BIG><BIG>ขอแยกแยะ ‘บุญที่ทำให้รวย’ เป็นข้อๆ ดังนี้ </BIG></BIG></B>
    <B><BIG><BIG>(ดังตฤณ) </BIG></BIG></B>
    <B><BIG><BIG><!--InformVote=0--><SCRIPT language=JavaScript>MsgStatus(Msv[0], 0);</SCRIPT></BIG></BIG></B>
    <!--MsgIDBody=0-->กรรมหลักๆ ที่ทำให้ ‘ร่ำรวยมาก’ ได้แก่

    ๑) ความมีนิสัยใจคอเผื่อแผ่ คือเอาแต่คิดให้ ผูกใจอยู่กับการให้ เคยชินกับการเป็นผู้ให้ ขนาดไม่มีให้ก็ขวนขวายกระวนกระวายอยากหามาช่วยเหลือคนกำลังตกทุกข์ได้ยาก ตลอดชีวิตมีแต่ใจอยากเจือจาน กลัวแต่ว่าคนอื่นจะมีไม่พอ กระทั่งลืมๆว่าตัวเองจะมีพอไหม ผลแห่งการใจดีเกินธรรมดา คือการเป็นผู้มีทรัพย์มากเกินกว่าชาวโลกทั่วไปเขา

    ๒) การละอายต่อบาปอย่างยิ่งยวด คือขนาดยอมอดตายดีกว่าคิดคดโกง ผู้ไม่คิดเพ่งเล็งเอาทรัพย์ผู้อื่นโดยมิชอบ ย่อมรับผลเป็นความสวัสดีแห่งทรัพย์ แม้ความตระหนี่ในอดีตอาจก่อให้เกิดทรัพย์เพียงน้อย ทว่าทรัพย์นั้นก็จะอยู่ทน ไม่วิบัติไปด้วยภัยธรรมชาติหรือภัยจากมือโจร

    นอกจากนี้ ยังมีกรรมปลีกย่อยที่ทำให้ร่ำรวยได้อีกมากมายนับไม่ถ้วน ยกตัวอย่างพอให้เห็นภาพชัดๆ เช่น ชี้ช่องคนอื่นรู้จักทำมาหากิน ช่วยให้เขาเป็นผู้ฉลาดในธุรกิจ กับทั้งมีใจใหญ่คิดเผื่อแผ่กลยุทธ์ให้กับคนทั้งประเทศ หรือทั้งโลก หากการเผื่อแผ่ของเขาเป็นไปโดยบริสุทธิ์และปรารถนาให้คนทั้งแผ่นดินอยู่ดีกินดี มีชีวิตที่เป็นสุขขึ้น บุญที่ทำนี้ก็มีสิทธิ์นำให้ไปเกิดในถิ่นฐานอุดมสมบูรณ์ หรืออย่างน้อยแม้เกิดในถิ่นฐานแห้งแล้งด้วยบาปบางประการ เขาก็จะมีกินมีใช้เหนือกว่าคนที่อยู่แวดล้อมทั้งหมดตั้งแต่เกิด กับทั้งฉลาดในการหา ฉลาดในการเก็บ และฉลาดในการใช้เป็นอย่างยิ่ง

    เมื่อแยกให้เห็นเป็นเรื่องๆเช่นนี้ คุณคงพอมองออกว่าในชีวิตเดียว คนเราอาจสร้างทั้งเหตุที่ทำให้ยากจน และเหตุที่ทำให้ร่ำรวยได้ ไม่ใช่ว่าทำทานมากแล้วเป็นประกันว่าเกิดใหม่จะได้สบายตั้งแต่ต้น ต้องดูด้วยว่าทุ่มเททำแค่ไหน ตลอดไปหรือเปล่า และเคยก่อบาปไว้ถ่วงความเจริญเพียงใดด้วย

    เพื่อให้เห็นชัดเจน ขอแยกแยะ ‘บุญที่ทำให้รวย’ เป็นข้อๆดังนี้

    บุญเก่าที่ส่งไปเข้าท้องคนรวย

    ๑) เคยงดเว้นบาปชนิดที่ให้ผลเป็นความอัตคัดขณะเกิด เช่นชาติใกล้ไม่เผาบ้านไล่ที่ใคร ทั้งที่มีสิทธิ์ทำด้วยอำนาจบาตรใหญ่

    ๒) เคยผูกพันกับพ่อแม่ที่กำลังอยู่ในฐานะร่ำรวย เช่นชาติใกล้ให้การอุปถัมภ์และมีความเอ็นดูกันมา แต่ก็อาจเคยเป็นศัตรูกันมาก็ได้ โดยเฉพาะถ้าเคยสาปแช่งอาฆาตว่าจะจองเวรกันอย่างเหนียวแน่น พอมาเกิดเป็นลูก ก็เป็นลูกทรพี เหี้ยมเกรียมขนาดจ้างฆ่าพ่อแม่เพื่อแย่งสมบัติได้

    ๓) มีบุญพอจะเสวยสุขล้นหลามตั้งแต่แรกเกิด เช่นเป็นผู้ให้ก่อนโดยผู้รับไม่จำเป็นต้องเคยมีบุญคุณกับตน เป็นผู้คิดอุปถัมภ์สมณะซึ่งไม่อยู่ในฐานะเลี้ยงดูตนเองได้ ผลที่ได้ตอบแทนจากธรรมชาติ จึงเป็นการมีผู้เลี้ยงดูอย่างดี เมื่ออยู่ในฐานะที่ไม่อาจเลี้ยงดูตนเองได้เช่นกัน

    บุญเก่าที่ทำให้ได้รับมรดกมาก

    ๑) เคยเป็นผู้ยกผลประโยชน์ใหญ่ของตนให้คนอื่นด้วยน้ำใจการุณย์ ไม่ใช่เพราะถูกบีบบังคับ

    ๒) เคยเป็นผู้เคยมอบสมบัติให้แก่ผู้สมควรได้รับ หรือมอบวัตถุอย่างใหญ่ มอบที่ดินให้เป็นประโยชน์แด่สงฆ์ ขอให้คำนึงว่าสงฆ์เป็นนาบุญอันยิ่ง เมื่อมอบให้สงฆ์จึงสมควรแก่การรับมรดกใหญ่ในอนาคตเช่นกัน

    บุญเก่าที่ทำให้ได้ลาภก้อนใหญ่

    ๑) เคยเป็นผู้ให้ลาภลอยแก่คนอื่น โดยที่เขาไม่คาดฝัน หรือโดยที่ตนเองก็ไม่ได้คาดหมายไว้ก่อน เมื่อพบเห็นใครน่าช่วยเหลือก็ช่วยเลยทันที เมื่อทำให้คนอื่นได้รับลาภ ก็ย่อมสมควรแก่การเป็นผู้รับลาภในอนาคต ลาภที่ให้ผู้อื่นไม่จำเป็นต้องมากมาย แต่อย่างน้อยต้องทำให้เขายินดีปรีดา หรือทำให้เขารอดจากภาวะยากลำบากแบบฉับพลันทันที (ลาภที่ได้รับอาจมาจากหลายทางโดยไม่คาดฝัน อย่าแค่ไปคิดถึงการถูกล็อตเตอรี่อย่างเดียวนะครับ ประเภทอยู่ดีๆมีเงินโอนเข้าบัญชีหลายแสนแบบสืบหาต้นตอไม่ได้ แจ้งธนาคารตรวจสอบแล้วก็ไม่รู้ความเป็นมา อันนี้เคยเกิดกรณีพิลึกพรรค์นี้มาแล้วจริงๆ)

    ๒) เคยเป็นผู้ตั้งใจให้คนอื่นดีใจกับการได้รับของขวัญ ของกำนัลโดยไม่คาดฝัน มีมากครับพวกชอบเซอร์ไพรส์ชาวบ้านโดยไม่เปิดโอกาสให้รู้เนื้อรู้ตัว หวังจะเห็นเขาตื่นเต้นยินดีสุดขีด ความหวังชนิดนั้น ถ้าทำสำเร็จก็ให้ผลเป็นลาภลอยก้อนใหญ่ได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ารู้ว่าใครอยากได้อะไรมานาน รู้ว่าชีวิตเขาจะเปลี่ยนไปในทางดีขึ้นหากได้สิ่งนั้น นั่นแหละตรงเป้าอย่างจังทีเดียว

    บุญเก่าที่ทำให้ค้าขายได้กำไรเสมอ

    ๑) เคยให้ความหวังแก่สมณะว่าจะถวายสิ่งโน้นสิ่งนี้ ตกปากรับคำแล้วภายหลังนำมาถวายตามสัญญาเสมอ แต่ให้ยิ่งขึ้นกว่านั้นคือท่านต้องการเพียงหนึ่ง แต่นำของที่ท่านประสงค์มาถวายเป็นสิบ อย่างนี้ถ้าเก็งไว้ว่าจะทำยอดให้ถึงเป้าสักล้าน ก็อาจพุ่งพรวดทะลุเป้าไปเป็นหลายสิบล้าน เป็นต้น พูดง่ายๆ คือโชคช่วยตลอด แม้ฝีมือไม่ได้ดี เล่ห์เหลี่ยมธุรกิจไม่ได้มากกว่าพ่อค้าใกล้ละแวกก็ตาม ข้อนี้พระพุทธเจ้าเคยตรัสแนะนำไว้เป็นกรณีพิเศษ จะทดลองก็ไม่เสียหาย สำหรับหลายคนที่ไม่มีบาปเก่ามาเป็นอุปสรรค ก็น่าจะได้เห็นผลทันตาในชาตินี้ได้

    ๒) เคยเป็นผู้คืนกำไรให้กับสังคม คือเมื่อสังคมช่วยให้ตนรวยแล้ว ก็แบ่งความรวยนั้นให้สังคมได้ประโยชน์สุขบ้าง พวกบริษัทใหญ่ๆ ที่คิดโครงการเพื่อสาธารณประโยชน์นั้นมาถูกทางแล้ว หากใจไม่เล็งอยู่แต่ว่าจะได้มีส่วนลดหย่อนภาษี ก็จะได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วย เห็นผลอย่างรวดเร็วแทบไม่ต้องรอเกิดชาติหน้า เพราะการทำคุณกับมหาชน จะให้ผลขยายใหญ่ เห็นง่าย เห็นเร็วกว่าการทำคุณแบบเจาะจงกับกลุ่มคนเล็กๆ

    บุญเก่าที่ทำให้ได้ผลตอบแทนคุ้มกับความรู้ความสามารถหรือฝีไม้ลายมือ

    ๑) เคยให้ผลประโยชน์กับคนอื่นอย่างตรงไปตรงมา สมน้ำสมเนื้อแล้วกับความรู้ความสามารถของพวกเขา อันนี้ต้องขอแสดงความเสียใจกับชาวไทยจำนวนหนึ่ง ที่นิยมซื้อซอฟต์แวร์เถื่อนเป็นประจำ ไม่เห็นแก่ค่าสมอง ค่าแรงงานของคนทำบ้างเลย กรรมนี้ต่อไปก็ยากจะเป็นผู้ได้รับผลตอบแทนคุ้มค่า แต่ถ้ามีเงินซื้อของจริงแล้วยอมจ่าย โดยคิดว่าเงินจะได้ไปเข้ากระเป๋าคนผลิตตัวจริง ถ้าทำเป็นประจำก็ส่งผลให้อนาคตเป็นผู้รับค่าตอบแทนคุ้มกับงาน ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือถูกกดค่าผลงาน

    ๒) เคยเป็นผู้ทำงานโดยเล็งประโยชน์สุขแก่คนอื่น คือตั้งต้นไม่ได้คิดเรื่องกำไรหรือรายได้เป็นหลัก เช่นอยากทำยาสีฟัน ก็เฝ้าครุ่นคิด หรือให้ทุนนักวิจัยว่าทำอย่างไรจะได้ยาสีฟันดีๆ มีคุณภาพสูง รักษาเหงือกและฟันได้จริง กับทั้งมีราคาไม่แพงเกินกำลังผู้บริโภคส่วนใหญ่ เรียกว่ามอบสินค้าที่เกินคุ้มให้กับสังคม ประโยชน์สุขของผู้บริโภคจะย้อนกลับมาเป็นกำลังหนุนให้ได้รับผลตอบแทนเกินกว่าที่คาดฝันเช่นกัน

    จากที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมด แม้ยังไม่ตอบคำถามของคุณตรงๆ อย่างน้อยก็น่าจะทำให้เริ่มเห็นได้ว่าการเป็นคนรวยล้นฟ้านั้น แน่นอนว่าจะต้องมีทานในอดีตเป็นบุญเก่าหนุนส่งอยู่ แต่ยังต้องอาศัยปัจจัยอีกหลายต่อหลายข้อประกอบร่วมเข้าไปด้วย



    ที่มา
    dungtrin.com
     
  9. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ข้อคิดจากสะเดาน้อย
    <!-- Main -->[SIZE=-1]
    วัดที่ผมบวช มีต้นสะเดาอยู่หลายต้น ต้นสูงพอสมควร
    เช้าวันหนึ่งได้ทำความสะอาดลานวัด ก็กวาดใบไม้แห้ง กิ่งไม้เมล็ดสะเดา
    ที่อยู่ใต้ต้นสะเดา ไปลงหลุมขยะที่อยู่ใกล้ๆ
    ก็ได้สังเกตเห็นว่ากองขยะเก่าที่ทับถมกันที่อยู่ข้างๆหลุมขยะนั้น
    ที่น่าแปลกก็คือมีต้นสะเดาต้นเล็กงอกขึ้นมาบนกองขยะเก่านั้น
    ตอนแรกเข้าใจว่าอาจจะเกิดจากเมล็ดที่หล่นลงใหม่แต่
    ด้วยความสงสัยจึงหยิบเมล็ดขึ้นมาดู ก็ได้เห็นชัดว่าต้นสะเดานั้นไม่ได้งอก
    มาจากเมล็ดที่หล่นลงมาใหม่แต่อย่างใด แต่กลับงอกมาจากเมล็ดที่ถูกเผา
    คาดว่าไฟคงไหม้บางส่วนทำให้เปลือกแข็งของเมล็ดสะเดากระเทาะออกนั่นเอง
    ก็เลยคิดว่าถ้าชีวิตคนเราเป็นอย่างเมล็ดสะเดาน้อยๆเหล่านี้ก็คงจะดี
    มีความทนทานต่อสรรพสิ่งที่เข้ามา ไฟที่ว่ามีอำนาจทำลายสิ่งต่างๆ
    ให้มอดไหม้เป็นจุล แต่กับเมล็ดสะเดาเหล่านี้ กลับเป็นเหมือนตัวช่วย
    ให้ต้นสะเดาน้อยมีโอกาสได้เจริญเติบโต เป็นสะเดาสูงใหญ่
    ถือเป็นมหัศจรรย์ธรรมชาติที่ได้มอบให้
    ก็เลยคิดว่าเราเองก็น่าจะเอาอย่างเจ้าสะเดาน้อยเหล่านี้บ้างคงจะดี
    ทนทานต่อสิ่งต่างๆที่เข้ามาทั้งอุปสรรคต่างๆรวมทั้งสิ่งที่จะเข้ามาทำลาย
    ทำร้ายชีวิตเรา
    เมื่อมีอุปสรรคปัญหา เข้ามารุมอยู่บ่อยๆ ก็ให้คิดว่าอุปสรรคก็คือไฟ
    ไฟที่มาเผาเจ้าเมล็ดสะเดาน้อยให้เปลือกแข็งกระเทาะออกไป ช่วยให้
    มีการเจริญเติบโตได้ง่ายขึ้น
    หากคนเราทนทานต่ออุปสรรค ที่สุมเข้ามาในชีวิตมากเท่าไหร่
    ก็ยิ่งจะกลายเป็นคนแกร่ง เหมือนกับเมล็ดสะเดา ที่แม้จะหล่นจากที่สูง
    ลงสู่ที่ต่ำ และยังโดนกวาดลงหลุมขยะ ไปรวมกับใบไม้แห้งที่ก้นหลุม
    รอการถูกกำจัด และถูกเผา
    พอมีคนมาจุดไฟเผา กลับทำได้แค่กระเทาะเปลือกออกเท่านั้น
    พอโดนน้ำโดนฝนก็สามารถงอกเป็นต้นเล็กๆ และเจริญเติบโตเป็นสะเดา
    ต้นใหญ่ได้

    เป็นอีก 1เรื่องที่ได้เมื่อตอนบวชเป็นธรรมะจากเมล็ดสะเดาน้อยๆ

    ขอบคุณที่แวะมาครับ

    [​IMG]



    ขอขอบคุณ

    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=a-little-story&month=15-10-2008&group=1&gblog=1[/SIZE]
     
  10. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วิธีขอพรอย่างไรให้ได้อย่างขอ

    <!-- Main -->เคยขอพรไหม ถ้าเคยปกติ คุณขออะไรกันบ้าง ?
    การขอพร เสมือนเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ ให้กับตัวเรา ทุกครั้งที่เราขอเสร็จมันเหมือนทำให้เรามีความหวังมากขึ้น
    แต่คุณเคยคิดไหมว่าสิ่งที่คุณขอกันนั้นมาถูกต้องหรือเปล่า แล้วมันได้ตามที่เราขอทุกครั้งหรือไม่

    วันนี้ผมขอแนะนำพร 3 ประการให้ทุกท่านที่อ่านข้อความนี้
    1. ปัญญา
    ขอให้เรามี ปัญญา เพื่อที่จะได้ใช้ปัญญาในการแยกแยะสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตเรา ว่าสิ่งไหนควบคุมได้ และสิ่งไหนควบคุมไม่ได้
    2. พลัง
    ขอให้เรามีพลัง เพื่อใช้จัดการกับสิ่งที่เราควบคุมได้ จากการแยกแยะของปัญญา
    3. สติ
    ขอให้เรามีสติ เพื่อควบคุมในสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ พูดง่าย ๆ เพื่อให้เรามีสตินั่นเอง
    จะได้ควบคุมตัวเราให้ระลึกได้ว่าสิ่งนี้เรามิอาจควบคุมมันได้

    3 สิ่งนี้ เป็นสิ่งที่เราขอได้ทุกที่ แม้กระทั่งตัวเราเอง หากเราระลึกและปฎิบัติกับสิ่งนี้อยู่ตลอดเวลา คุณก็จะได้ตามที่คุณขอ
    โปรดจำไว้ว่าทุกครั้งที่คุณขอเสร็จคุณมีความหวังแล้ว แต่อย่าคาดหวัง

    ที่มา http://www.thaibizseven




    คำว่า พร เป็นคำมีรากมาจาก บาลีสันสกฤต (บาลี, สันสกฤต=วร) แปลว่า เลือก สิ่งที่เลือกแล้วจึงเรียกว่า "พร"
    คำว่า ขอพร ในความหมายเดิมจึงหมายถึงว่า ขอเลือกสิ่งที่ตนคิดว่าดีที่สุดเพื่อกระทำให้เกิดมีขึ้นในตน
    คำว่า อวยพร จึงหมายถึง ให้โอกาสคนที่ขอนั้นทำตามที่เลือก


    ธรรมเนียมการขอพร และอวยพร
    สมัยนี้กลับกลายเป็นว่า ไปขอความสุขความสำเร็จจากผู้ถูกขอ หรือเขาไม่ขอ แต่ก็จะให้พร คืออวยพรให้เขาได้รับสิ่งดีๆ

    ดูราวกับว่าสิ่งที่ดีเหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความสำเร็จทั้งหลาย เป็นสิ่งที่หยิบยื่นให้กันได้...

    ผมอยากให้ประชาชนคนไทยได้ตั้งสัจจะอธิษฐาน ขอพร
    คือขอโอกาสให้ตนได้กระทำความดี และให้พร คือเปิดโอกาสให้คนอื่นได้ทำความดีสัก 9 ข้อ คือ
    1.ขอให้ข้าพเจ้ามีความเพียรพยายามทำความดี สร้างความเจริญก้าวหน้าแก่ตนและสังคม
    โดยไม่นั่งคอยนอนคอยโชคชะตา หรืออ้อนวอนร้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยเหลือ

    2.ขอให้ข้าพเจ้าจงอย่าได้ลืมตน ดูถูกเหยียดหยามคนอื่น ซึ่งอาจด้อยกว่าในด้านใดด้านหนึ่ง
    ขอให้มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ให้เกียรติคนอื่น มีความอ่อนโยน เอื้ออาทรกันในฐานเป็นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

    3.ขอให้ข้าพเจ้าอย่ารู้สึกริษยาบุคคลที่ประสบความสุขความสำเร็จในชีวิต
    ให้มีแต่ความพลอยยินดีในความสุขความสำเร็จของเขาด้วยใจจริง

    4.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าได้เหยียดหยามซ้ำเติมผู้ที่ผิดพลาดในชีวิต ด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม
    จงมีแต่ความเมตตากรุณา หาทางช่วยเหลือเขาเท่าที่จะพึงทำได้

    5.ขอให้ข้าพเจ้าจงมีจิตใจเข้มแข็ง อดทน ไม่จู้จี้ขี้บ่น
    ทำตนให้เป็นที่พึ่งแก่ตนและคนอื่นได้ ขออย่าเป็นคนอ่อนแอเหลียวหาที่พึ่งนอกตัว

    6.ขออย่าให้ข้าพเจ้าคิดเอาเปรียบเอาแต่ได้เพื่อตัวเอง เช่นเถลไถล ไม่ทำงาน
    รีบเลิกงานก่อนเวลา อาศัยหน้าที่การงานแสวงประโยชน์เพื่อตน
    รวมถึงอย่าได้เอาเปรียบประเทศชาติโดยการหลีกเลี่ยงภาษี หรือเสียภาษีน้อยกว่าที่เป็นจริง

    7.ขอให้ข้าพเจ้าหมั่นปลูกฝังความรู้สึกมีเมตตาปรารถนาดีต่อคนอื่น และมีความกรุณาคิดจะช่วยเหลือคนอื่นให้พ้นทุกข์
    คิดว่าทุกคนเป็นมิตร ไม่มีใครเป็นศัตรูที่จะต้องกำจัดตัดรอน
    ใครที่คิดทำผิดทำชั่วก็ขอให้เขากลับตัวได้เสียเถิด อย่าทำผิดทำชั่วอีกเลย

    8.ขอให้ข้าพเจ้าอย่าเป็นคนมักโกรธ ฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด เอาแต่ใจตนเอง
    ถ้าห้ามความโกรธไม่ได้ ก็ขออย่าได้ผูกอาฆาตคิดประทุษร้าย ให้เขาถึงความพินาศเลย

    9.ขอให้ข้าพเจ้ามีความรู้ในพระศาสนาเข้าใจธรรม สอนตนเองได้ มีปัญญาเข้าใจแก้ไขปัญหาตามแนวทางของพระพุทธองค์
    ยึดมั่นถือมั่นน้อย รู้เท่าทันโลกและชีวิตแสวงหาความสุขสงบภายในด้วยตนเอง ทั้งสามารถแบ่งปัน
    แผ่ขยายความสุขสงบนั้น ให้เบ่งบานในใจของเพื่อนร่วมสังสารวัฏโดยทั่วหน้ากันเทอญ

    ที่มา "เรื่องจงขอพร 9 ประการให้ตนเองเถิด"ของ เสฐียรพงษ์ วรรณปก




    ทำดี ดีแล้วเป็นพร
    ทำดี ดีแล้ว เป็นพร ไม่ต้องอ้อนวอน
    ขอพร กะใคร ให้กวน
    พรที่ ให้กัน ผันผวน เป็นเหมือนลมหวน
    อวลไป อวลมา อย่าหลง

    พรทำ ดีเอง มั่นคง วันคืนยืนยง
    ซื่อตรง ต่อผู้ รู้ทำ

    อยากรวย ด้วยพร เพียรบำ- เพ็ญบุญ กุศลนำ
    ให้ถูก ให้พอ ต่อตน

    ทุกคน เกิดมา เป็นคน ชั่วดีมีจน
    เป็นผล แห่งกรรม ทำเอง

    ถือธรรม เชื่อกรรม ยำเกรง บาปชั่ว กลัวเกรง
    ทำแต่ กรรมดี ทวีพร ฯ


    ธรรมะจาก...ท่านพุทธทาสภิกขุ

    [​IMG]


    ขอขอบคุณ
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=anotherside&month=14-10-2008&group=1&gblog=17

     
  11. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    อดอยากมานานเลยโพสท์ทีเดียว 5 โพทส์ จะได้ทะลุอารมณ์กันไปเลย ในเดือนนี้งานบุญก็คงต้องขอเลื่อนไปก่อนอย่างที่แจ้งเอาไว้ แต่ภายในอาทิตย์นี้คงจะได้เริ่มไปบริจาคที่ รพ.สงฆ์ และสัปดาห์หน้าจะได้รีบโอนเงินไปช่วยที่ รพ.แม่สอด จ.ตาก อาทิตย์นี้เว้นว่างไว้เลยยังไม่ได้ติดต่อ รพ.ภูมิภาคทั้ง 5 แห่งเพื่อขอใบอนุโมทนามาประกอบการดำเนินการเพื่อจะได้ปิดเรื่องไป ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ส่วนเรื่องพระที่จะแจกนั้นยังคงเดิม ตอนนี้มีพระใหม่ๆ อยู่ในบัญชีแล้วก็เยอะ วันเผาพ่อ ก็แจกพระพิมพ์วัดเกศไชโย ที่อยู่ในไหไปเกือบ 400 องค์ คงเหลืออีก ราว 160 องค์ ส่วนพระพิมพ์เจ้าสัวที่เจ้าประคุณสมเด็จฯได้อธิษฐานจิตไว้ มีเก็บไว้อีกนับร้อยองค์ รวมถึงพระกริ่งผงดำของท่านปวเรศฯ ได้อธิษฐานจิตไว้ที่วัดบวรฯ ที่คุณโสระบอกว่าน่าจะออกไปทางนิรันตรายซะมากกว่า (ท่านก็จี๊ดจ๊าดไม่เบาเหมือนกัน แถมเป็นลูกเจ้า และเป็นสังฆราช ด้วย ได้ทั้งบารมี ได้ทั้งบุ๋น พร้อมเสร็จในองค์เดียว) ก็มีเก็บอยู่เยอะพอแจกฟรีได้สบายอีกราวกว่าร้อยองค์ คิดว่ากว่าจะสิ้นปีน่าจะมีพระพิมพ์ที่เพิ่งทะลักออกมาจากวัดพระแก้วเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา เก็บไว้อีกพอประมาณ ทั้งหลายทั้งปวงนี้ ไว้รอแจกปีหน้าก็แล้วกัน ส่วนรูปพระพิมพ์ข้างต้น หากนิ่งๆ แล้วจะเอามาลงกันให้ดูครับ ทำบุญกันมาบ่อยๆ ก็แล้วกัน ร้อยสองร้อยทำมาไม่ว่ากัน สนใจเพียงแต่อยากให้แต่ละท่านได้ช่วยพระสงฆ์ที่อาพาธในแต่ละ รพ.ที่ทุนนิธิฯ ได้คัดเลือกไว้ และสนใจที่เพียงแต่ให้ท่านได้มาร่วมทำกิจกรรมด้วยกันที่ รพ.สงฆ์ ทุกเดือน แค่นี้คณะกรรมการทุนนิธิฯ ทุกคนก็พอใจแล้วจริง....และเมื่อถึงเวลาแจกพระให้ฟรีๆ แล้ว ท่านขอมาเราก็ให้ ยกเว้นท่านที่ไม่เคยบริจาคมาเลย หรือบริจาคมาเดือนนึง เว้นไป สองเดือน ก็คงขอสงวนสิทธิให้ท่านมีจิตมั่นคงก่อน แล้วค่อยมารับพระไปครับ

    พันวฤทธิ์
    15/10/51
     
  12. newcomer

    newcomer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,317
    ค่าพลัง:
    +3,934
    เรียน ท่านพันวฤทธิ์

    ร่วมบุญเพิ่มเติม ครับ

    ฝากที่เคาเตอร์ สาขาเอสพานาด เข้าบัญชี 348-123-245-9

    วันที่ 15/10/2551 เวลา 18:59 น. จำนวน 200 บาท ครับ

    โมทนาบุญกับทุกท่าน ครับ
     
  13. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    พระพุทธมนต์และคำว่า สาธุ มีอานุภาพดีอย่างไร

    เรื่องนี้ท่านพระอาจารย์มั่น พักอยู่บนดอยปะหร่องกับท่านอาจารย์มนู ตอนเช้าเที่ยวบิณฑบาติให้พรชาวบ้าน พอให้พรเสร็จ สุขัง พะลัง ท่านสอนให้ชาวบ้าน
     
  14. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    บทสวดนี่มีพลานุภาพจริงไหม


    มีผู้ถามหลวงพ่อพุธ ฐานิโย ว่าบทสวดนี่มีพลานุภาพจริงไหม

    เท่าที่ทราบมา สมัยก่อนพระพุทธองค์ทรงอาพาธก็มีพระมาสวดโพชฌงคปริตร แล้วสมัยที่มีปัญหาข้าวยากหมากแพง ทุพภิกขภัย ก็สวดรัตนสูตร สวดพระคาถาชินบัญชร พวกนี้มีพลานุภาพศักดิ์สิทธิช่วยเหลือได้จริงไหม

    หลวงพ่อพุธ ตอบว่า อันนี้ขึ้นอยู่กับความจริงใจและความเชื่อมั่นของผู้สวด ถ้าหากเราตั้งใจสวดด้วยความเชื่อ บทสวดมนต์นั้นก็สามารถที่จะมีประสิทธิ ภาพอำนวยผลประโยชน์ให้แก่ผู้สวดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบางครั้งมีพระภิกษุไปบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าถูกพวกภูตผีปีศาจมารบกวนทำให้พระสงฆ์ต้องเดือดร้อน ต้องไปกราบทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ทรงสอนให้เรียนบทพุทธคุณ คือ อิติปิโส บทธรรมคุณ คือ สวากขาโต บทสังฆคุณ คือ สุปฏิปันโน แล้วก็สอนกรณียเมตตสูตรให้ไปสวด กรณียเมตตสูตร ปฏิบัติตามพระดำรัสสั่งของพระพุทธเจ้าก่อนที่จะเข้าไปสู่ป่า ยืนสำรวมจิต สวดบท อิติปิโส สวากขาโต สุปฏิปันโน สวดกรณียเมตตสูตร แล้วก็เข้าไปอยู่ในป่าตามเดิม ภูตผีปีศาจก็ไม่รบกวน นอกจากภูตผีปีศาจจะไม่ไปรบกวนแล้ว ก็ยังช่วยรักษาความสงบให้กับพระภิกษุเหล่านั้นด้วย สมัยหลวงพ่อเป็นหนุ่มออกธุดงค์ ก็สวดเป็นประจำ คือ สวดบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ แล้วก็เจริญเมตตาพรหมวิหาร บทสวดมนต์ต่างๆ รู้สึกได้ผลดี คือในครั้งหนึ่งเคยไปพักอยู่ในป่ากับพระที่เป็นหมอทำ หมอทำนี่หมายถึงหมอที่เรียนเวทมนต์คาถาสำหรับขับผี ไปนอนอยู่ในเสื่อหวายผืนเดียวกันแต่อยู่คนละมุม พระองค์นั้นพอนอนลงไปก็ท่องแต่มนต์ขับผีตลอดเวลา พอตอนดึกท่านก็ลุกขึ้นมาบอกว่า "นอนไม่ไหวแล้ว จะหนีไปนอนที่อื่น " " ทำไมล่ะ " " ผีมันมารบกวน" หลวงพ่อก็ลุกขึ้นมากำหนดจิต ตั้งนะโม แล้วก็สวดบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ อธิษฐานจิตไปรอบๆ ว่า " ภายในโดยรอบ 1 กิโลเมตร ขอสัตว์ทั้งหลายอย่าเบียดเบียนซึ่งกันและกัน" แล้วก็เจริญเมตตาพรหมวิหาร ปรากฎว่าพระองค์นั้นนอนหลับตลอดคืน ไม่มีอะไรมารบกวนพอตื่นเช้ามา ท่านก็มาถามว่า " ไปเรียนมนต์มาจากไหน ดีนักหนา" ก็เรียนท่านว่า " ก็บทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เจริญเมตตาพรหมวิหารนั่นแหละ แต่ท่านเอะอะก็มีแต่ท่องมนต์ไล่ผี ไปที่ไหนก็ไปประกาศความเป็นศัตรูต่อเขา ที่นี้อย่างผมนี่ไปที่ไหน ก็ไปประกาศความเป็นมิตร โดยสวดพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ อธิษฐานบารมีของสมเด็พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะพระพุทธเจ้าสอนให้เราสร้างความรัก ความเมตตาปรานี ก็อธิษฐาน เอาพระเจตนาของพระพุทธเจ้าที่มุ่งสอนเราให้ปฏิบัติอย่างนั้นมาเป็นสัจจะ แล้วก็อธิษฐานจิตว่า ขอให้สัตว์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกัน จงมีสุข รักษาตนให้พ้นภัยทั้งปวงเถิด แค่นี้ ก็อยู่เย็นเป็นสุขอยู่เย็นสบาย



    ที่มา http://www.geocities.com/samadhinet/ghost.htm
     
  15. นายสติ

    นายสติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    911
    ค่าพลัง:
    +4,285
    สวดชุมนุมเทวดา


     
  16. Shinray01

    Shinray01 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,675
    ค่าพลัง:
    +2,310
    อ่านแล้วงงอ่ะครับที่คิดอย่างไผมอ่านแล้วงงๆแล้วร.พ.สงฆ์อยู่ไหนหรอครับผมไปไม่เป็น ไม่รู้ทาง
    ขอบคุณนะครับ
     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    รบกวนช่วยส่ง pm. คำถามที่อยากรู้ทั้งหมดมาที่พี่น๊ะ หรือเบอร์โทร.ก็ได้ จะอธิบายให้ทั้งหมด หรือไม่ก็เข้าไปดูในฐานข้อมูลของทุนนิธิฯ ในวิชาการดอทคอมก่อนที่นำมาลงไว้ ลองถอยไป 2 หรือ 3 หน้า แล้วค่อย pm. มาหาพี่อีกที ทีนี้จะเริ่มไม่งงละ
     
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG][​IMG]
    ...กำลังใจสู่ความสำเร็จ...
    สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

    [​IMG]

    สติปัญญาที่เหนือกว่า เห็นทางออกจากข้อขัดข้องในทุกทาง
    ด้วยวิธีที่ไม่เป็นทุกข์ เป็นกำลังใจประการหนึ่ง
    ความไม่แพ้ต่อเหตุการณ์แม้จะรุนแรง
    จิตเผชิญได้อย่างเยือกเย็นสุขุมรอบคอบ
    ไม่กลัว กล้าหาญอย่างทหารหาญ
    พระเจ้าอุเทน เมื่อถูกพระเจ้าจัณฑปัชโชติจับไปเป็นเชลย
    ทรงถูกขู่ว่าจะประหาร จึงตรัสว่า
    ...ทรงเป็นเชลยแต่ร่างกาย แต่จิตไม่เป็นเชลย
    ราชศัตรูจึงเป็นใหญ่แต่ทางกาย ไม่เป็นใหญ่แห่งจิต
    จะทำอะไรแก่ร่างกายก็ทำไปเถิด...

    ความมีใจหาญดังนี้ เป็นกำลังใจสำคัญ
    รวมความว่า คนฉลาดย่อมรู้วิธีเสริมกำลังให้แก่จิตใจ
    คนโง่เท่านั้นที่นอนเสียกำลังใจ ไม่รู้จะแก้ไขใจตนอย่างไร...


    หมายเหตุ : ขณะนี้ เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
    สกลมหาสังฆปริณายก ประทับอยู่ ณ ตึกสามัคคีพยาบาล
    ชั้นที่ ๖ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
    โดยเปิดโอกาสให้พุทธศาสนิกชนทั่วไป เข้าเฝ้าได้ทุกวัน
    ในเวลา ๑๖.๐๐ น. เป็นต้นไป

    ที่มา : http://www.watbowon.com/somdejyan.html

     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    ...การดำเนินชีวิตเป็น...
    หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม

    คนเราที่จะเป็นอยู่อย่างดีนี้ จะต้องดำเนินชีวิตเป็น
    คือ รู้จักดำเนินชีวิตนั่นเอง
    ถ้าใครรู้จักดำเนินชีวิต ชีวิตนั่นก็เป็นชีวิตที่ดีงาม
    เป็นชีวิตที่พัฒนาเจริญก้าวหน้าประสบประโยชน์สุข
    แต่ถ้าดำเนินชีวิตไม่เป็น ก็มีแต่ขาดทุนและประสพแต่ความทุกข์
    และความเสื่อม
    ฉะนั้นจะต้องรู้จักดำเนินชีวิตหรือ ดำเนินชีวิตเป็น...


    กรรม คืออะไร คือการทำ พูด คิด
    ไม่คิดก็พูด ไม่พูดก็ทำทางกาย
    ถ้าไม่ทำออกมาทางกาย ก็พูดทางวาจา หรือไม่ก็คิดอยู่ในใจ

    วันเวลาของเราทั้งหมดนี้แต่ละวัน
    เป็นเรื่องของการทำ พูด คิด หรือ คิด พูด และทำ ใช่หรือเปล่า

    เป็นอันว่า การดำเนินชีวิตของเรานี้
    ในความหมาย อย่างหนึ่งก็คือ การทำกรรม ได้แก่ การทำ พูด คิด


    ทีนี้คนเราที่จะดำเนินชีวิตได้ดี
    อย่างที่เรียกว่าดำเนินชีวิตเป็น ประสบความสำเร็จก้าวหน้านั้น
    ลักษณะหนึ่งก็คือ การต้องทำกรรม ๓ อย่างนี้ให้เป็น
    ทำให้ดีทำให้ถูกต้อง แล้วจึงจะเป็นชีวิตที่ดี

    เพราะฉะนั้น การดำเนินชีวิตเป็น จึงหมายถึงการรู้จักทำ รู้จักพูด รู้จักคิด
    หรือ ทำเป็น พูดเป็น คิดเป็น สามอย่างนี้แหละ
    ถ้าใครทำได้ ชีวิตจะเจริญงอกงาม
    เมื่อคิดเป็น พูดเป็น ทำเป็นแล้ว ก็มีชีวิตที่ดีงามสุขสบาย

    สมัยปัจจุบันนี้ วงการการศึกษาเน้นกันมากเรื่องการคิดเป็น
    ทำเป็น แก้ปัญหาเป็นใช่ไหม
    เมื่อเทียบกับที่พูดมาแล้วข้างต้น
    ทั้ง ๒ ด้าน ก็เกือบจะตรงกันทีเดียว
    แต่ยังไม่ครบถ้วน คือ ขาดพูดเป็น


    การศึกษาที่บอกว่า คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น
    ไม่พอเพราะอะไร ยุคข่าวสารข้อมูล พูดเป็นสำคัญมาก
    พูดเป็นถ้าใช้ภาษาวิชาการก็คือ สื่อสารเป็นในยุคข่าวสารข้อมล
    ถ้าสื่อสารไม่เป็นก็ลำบาก
    ฉะนั้นการศึกษาที่ดี จะเพิ่มพูดเป็นหรือสื่อสารเป็นเข้าไปด้วย

    ตั้งแต่โบราณ ไทยเราให้ความสำคัญ แก่การพูดเป็นมานานแล้ว
    ปากเป็นเอกเลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี
    ท่านเน้นความสำคัญของการพูดเป็น ว่าปากเป็นเอกเลยนะ

    การศึกษาปัจจุบันบอกว่า คิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น
    เดี๋ยวนี้เขาเอากันแค่นี้เท่านั้น
    ลืมอย่างหนึ่งไปไม่ครบกรรม ๓ คือขาดพูดเป็น หรือสื่อสารเป็น

    พูดเป็นนี้สำคัญมาก แม้มีความรู้ แต่ถ้าถ่ายทอดไม่ได้
    หรือมีความต้องการอะไร แต่พูดให้เขาเข้าใจไม่ได้
    ก็เรียกว่า สื่อสารไม่เป็น จะดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมให้ดีได้ยาก

    ยิ่งในยุคปัจจุบันนี้ การสื่อสารก้าวหน้าไปมาก
    เช่น มีการโฆษณา และชักจูงคนอื่น
    ทำให้มวลชนเห็นคล้อย ไปตามต่อผลกระทบต่อสังคมเป็นอย่างยิ่ง
    การพูดเป็น รวมทั้งการรู้เท่าทัน
    และรู้จักการเลือกสรรข่าวสารข้อมูล จึงเป็นเรื่องสำคัญเหลือเกิน

    เป็นอันว่า การดำเนินชีวิตเป็นในแง่ที่ ๒
    ก็คือ การสามารถ คิดเป็น พูดเป็น ทำเป็น


    คัดลอกจาก...
    http://jarun.org
     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,783
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG][​IMG]
    ...คำสอนของหลวงพ่อชา...

    [​IMG]

    คัดลอกจาก...โครงการส่งเสริมการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม
    คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


    http://www.med.cmu.ac.th/ethics/story/doctrine.jpg

     

แชร์หน้านี้

Loading...