ศาสตร์ลี้ลับของความฝัน

<!-- ศาสตร์อันลี้ลับของความฝัน -->

​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="90%" align=center border=0><TBODY><TR><TD noWrap width=50> </TD><TD>[size=-1] พระนันทาจารย์ ปราชญ์องค์หนึ่งในพระพุทธศาสนา ผู้แต่งคัมภีร์สารัตถะสังคหะ และเป็นผู้ยืนยันว่า พระอรหันต์ไม่ฝันด้วยเหตุผลดังว่านั้น ได้ระบุมูลเหตุของความฝันไว้ เป็นข้อคิดอยู่ 4 ประการ คือ[/size]

1. 1. [size=-1]ความฝัน เกิดจากธาตุกำเริบ กล่าวคือร่างกายไม่ปกติครั้นหลับลงจึงฝันไปในรูปต่างๆ[/size]
   2. [size=-1]ความฝันเกิดจากดวงจิตที่ฝังพะวง หรือพัวพันอยู่กับสิ่งหนึ่งก่อนหน้าจะหลับ จึงเก็บเอาสิ่งหนึ่งก่อนหน้าจะหลับ จึงเก็บเอาสิ่งนั้นมาฝัน[/size]
   3. [size=-1]เกิดจากอิทธิฤทธิ์ของเทวดา เพราะเทวดาต้องการให้โทษหรือให้คุณ[/size]
   4. [size=-1]ฝันโดยเป็นบุรุพนิมิต คือบอกให้รู้ล่วงหน้าว่าจะมีเหตุดีหรือร้ายอย่างหนึ่งอย่างใดขึ้น[/size]

[size=-1] คัมภีร์อธิบายเรื่องฝันของพระนันทาจารย์เล่มนี้ ครั้งหนึ่งได้เคยใช้เป็นหลักสูตร ของตำราทางพระพุทธศาสนาแต่ต่อมาสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรสได้ทรงยกเลิกและใช้เรื่องอื่นแทน[/size]

[size=-1] อย่างไรก็ตาม ความฝันก็เป็นเรื่องที่บรรดานักปราชญ์หลายชาติได้ให้ข้อคิดเห็นไว้ต่างๆ นาๆ และไม่ถึงกับจะลงความเห็นว่า ความฝันเป็นเรื่องไร้สาระไปเสียทีเดียวนัก เพราะนักปราชญ์บางคนก็ถึงกับลงทุนค้นคว้า ถึงสมุฏฐาน หรือที่มาของความฝันกันอย่างเคร่งครัด โดยถือเอาว่า ความฝันเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งของคนเรา ที่จะจ้องศึกษาไว้ จนถึงกับทำเป็นตำรา หรือวิชาความฝันออกมาด้วยกันหลายเล่ม เป็นตำราที่เขียนขึ้นโดยนักปราชญ์ หรือนักจิตวิทยาหลายชนิด และดูเหมือนว่าวิชาเรื่องความฝันนี้ จะเป็นตำราที่เก่าแก่กว่าวิชาอื่นๆ ทั้งหลายในโลกก็ว่าได้[/size]

[size=-1] นักปราชญ์ชาวฝรั่งเศสผู้มีชื่อเสียงท่านหนึ่งกล่าวว่า

 

อนุโมทนาค่ะ

ชื่อของเราเหมือนกันเลยนะ และเราจะไปปฎิบัติตามนะค่ะ

ขอบคุณค่ะ

 

1. 1. [SIZE=-1]ความฝัน เกิดจากธาตุกำเริบ กล่าวคือร่างกายไม่ปกติครั้นหลับลงจึงฝันไปในรูปต่างๆ[/SIZE]
   2. [SIZE=-1]ความฝันเกิดจากดวงจิตที่ฝังพะวง หรือพัวพันอยู่กับสิ่งหนึ่งก่อนหน้าจะหลับ จึงเก็บเอาสิ่งหนึ่งก่อนหน้าจะหลับ จึงเก็บเอาสิ่งนั้นมาฝัน[/SIZE]
   3. [SIZE=-1]เกิดจากอิทธิฤทธิ์ของเทวดา เพราะเทวดาต้องการให้โทษหรือให้คุณ[/SIZE]
   4. [SIZE=-1]ฝันโดยเป็นบุรุพนิมิต คือบอกให้รู้ล่วงหน้าว่าจะมีเหตุดีหรือร้ายอย่างหนึ่งอย่างใดขึ้น[/SIZE]

อันแรก เรียกธาตุวิปริต โบราณบอกว่าจะเกิดขึ้นยามแรก(หมายถึง ช่วงเวลา 18.00 ถึง 21.00 น.)
อันที่สอง เรียก จิตวิปลาส(ชื่อน่ากลัวเนาะ แต่ก็ไม่มีอะไร จริงๆก็แค่ชื่อ) โบราณบอกว่าจะเกิดขึ้นยามสอง (หมายถึง ช่วงเวลา 21.00 ถึง 0.00/24.00น.)
อันที่สาม เรียก เทพนิมิต โบราณว่าจะเกิดขึ้นช่วงยามสาม(หมายถึง ช่วงเวลา 0.00/24.00 ถึง 03.00 น.)
อันที่สี่ เรียก จิตสังหรณ์ โบราณว่าจะเกิดขึ้นช่วงยามสี่(หมายถึง ช่วงเวลา 03.00 ถึง 06.00 นาฬิกา)
อันที่สี่ที่เรียกว่า จิตสังหรณ์ ก็อย่างเช่นตอนที่พระนเรศวรมหาราช ทรงจะทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราช ทรงนิมิต(แปลว่าฝัน)ตอนช่วงใกล้รุ่ง(ยามสี่)
ว่าได้ทรงสู้กับจระเข้ใหญ่แล้วได้ฆ่าจระเข้ ตัวนั้นตาย ซึ่ง ต่อมา พระองค์ท่านก็ได้ฆ่าพระมหาอุปราชตายจริงๆ ตรงตามฝันทุกอย่าง)