ประวัติ อาจารย์ ชุม ไชยคีรี (สำนักเขาอ้อ)

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Tackled, 24 เมษายน 2007.

  1. Tackled

    Tackled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,523
    ค่าพลัง:
    +6,730
    ประวัติของอาจารย์ชุม ไชยคีรี

    [​IMG]



    ต้นตระกูลไชยคีรีคือ “ขุนไชยคีรี” นักรบคนสำคัญของเมืองพัทลุงในอดีต ขุนไชยคีรีเป็นศิษย์เขาอ้อที่มีวิชาอาคมขลังคนหนึ่ง อาจารย์ชุมเป็นหลานทวดของขุนไชยคีรี เหตุที่ชื่อว่า “ชุม” ก็เพราะท่านเกิดในระหว่างที่พ่อของท่านกำลังร่วมการประชุมผู้หลักผู้ใหญ่ของ เขาชัยสน พระอาจารย์คง วัดไชยมงคล ซึ่งมีความสนิมสนมชอบพอกับพ่อของอาจารย์ชุมจึงตั้งชื่อท่านว่า “ชุม”

    อาจารย์ชุมได้เรียนวิชาอาคมจากพ่อของท่านตั้งแต่ยังเด็กๆ ท่านเรียนวิชาได้เร็ว ทำอะไรก็ขลัง มีความเชี่ยวชาญในวิชาอาคมจนได้รับความเชื่อถือจากชาวบ้านตั้งแต่ยังหนุ่ม จนอายุครบบวชก็ได้ไปบวชที่วัดไชยมงคลกับพระอาจารย์คง อาจารย์ชุมหลังจากบวชแล้วก็ตั้งใจศึกษาพระธรรม จนต่อมาท่านได้ไปที่พัทลุง ท่านจึงไปขออยู่ร่วมสำนักเขาอ้อ ฝากตัวเป็นศิษย์อาจารย์เอียด วัดดอนศาลา โดยมีขุนพันธรักษ์ราชเดช เป็นผู้รับรองความประพฤติ อาจารย์ชุมได้รวบรวมตำราเขาอ้อที่กระจัดกระจายไปอยู่ยังที่ต่างๆ ในระหว่างบวชท่านได้รู้จักกับหลวงพ่อคง วัดบ้านสวนและมีความเคารพซึ่งกันและกัน ต่อมาอาจารย์ชุมบวชอยู่ 15 พรรษา ลาสิกขาบทเมื่ออายุ 35 ปี และได้แต่งงานมีครอบครัว แต่ก็ยังคงติดต่อกับหลวงพ่อคง วัดบ้านสวนอย่างสม่ำเสมอ ท่านได้มีส่วนร่วมในการสร้างวัตถุมงคลของเขาอ้อหลายครั้ง และได้รับการยกย่องว่าเป็นฆราวาสผู้มีอาคมขลังมากผู้หนึ่ง ในบั้นปลายชีวิตของท่าน ท่านย้ายครอบครัวมาอยู่กรุงเทพ และอยู่มาจนเสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ. 2525
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2009
  2. Tackled

    Tackled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,523
    ค่าพลัง:
    +6,730
    ภายหลังตัดสินใจอยู่ครองเพศบรรพชิตต่อไปแล้ว พระภิกษุชุมก็ได้เข้าศึกษาทางด้านปริยัติเรียนนักธรรม จนสอบได้นักธรรมชั้นเอกและต่อมาได้เป็นนักเทศที่มีชื่อเสียงมาก เพราะมีสำนวนการเทศน์ที่น่าสนใจ ชื่อเสียงของพระอาจารย์โด่งดังไปถึงจังหวัดพัทลุงถูก นิมนต์ให้ไปเทศน์อยู่บ่อยๆ

    มีหลายครั้งที่พระอาจารย์ชุมได้ไปเทศน์ละแวะอำเภอควนขนุน จึงได้ติดตามความเคลื่อนไหวของสำนักเขาอ้อ ซึ่งอาจารย์ชุมทราบดีว่าตัวท่านเป็นเชื้อสายของสำนักนั้น แต่ตอนนั้นสำนักเขาอ้อกำลังเข้าสู่ภาวะทรุดโทรม ด้วยเหตุผลหนุนส่งหลายประการสำคัญที่สุดเลยก็คือบทบาทของวัดถูกลดลงเรียกได้ว่ากำลังเข้าสู่ยุคหัวเลี้ยวหัวตอในการเ ปลี่ยนค่านิยม และที่สำคัญเหตุผลหนุนนำอีกอย่างก็คือ ศิษย์ของสำนักเขาอ้อหลายคนไปมีชื่อเสียงทางด้านโจรผู ้าย เรื่องราวของสำนักเขาอ้อกำลังจะถูกลืม

    ด้วยจิตสำนึกที่ว่าตนคือเลือดเนื้อเชื้อไขของสำนักที่ยิ่งใหญ่ในอดีตแห่งนี้ พระอาจารย์ชุมจึงได้เริ่มศึกษาค้นคว้าและรวบรวมตำคาสำคัญๆ ของสำนักเขาอ้อ ซึ่งตอนนั้นกระจัดกระจายออกไปนอกสำนักมากไปอยู่ตามบ้านเรื่อนลูกศิษย์บ้าง ถูกเก็บไว้อย่างไม่ค่อยเห็นค่า อาจารย์ชุมตระหนักดีว่าหากปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินต่อไปเช่นนั้น เรื่องราวสำนักเขาอ้อต้องสูญหายไปแน่นอน ท่านจึงได้เริ่มรวบรวมและนำตำราต่างๆ มาเรียบเรียงใหม่ เพื่อจะจารึกเรื่องราวของสำนักเขาอ้อให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาถึงต่อไปได้

    ก็อย่างที่เรียนไปตั้งแต่ต้นแล้ว พระอาจารย์ชุมเป็นคนที่ค่อนข้างจะหัวดื้อไม่ค่อยเชื่ออะไรง่ายๆ แม้ท่านตัดสินใจเรียนไสยศษสตร์แม้เห็นผลแล้วครั้นคิด จะรวบรวมวิชาต่างๆ ของสำนักเขาอ้อให้เป็นที่เป็นทาง ท่านก็เลยต้องไปเรียนเองก่อนเรียกได้ว่าเรียนให้รู้ก่อนจึงจะเขียนตำราและทำอะไรอื่นได้ ท่านจึงได้เข้าไปฝากตัวเป็นศิษย์พระอาจารย์เอียด ปทุมสโรที่วัดดอนศาลา

    แต่ตอนนั้นพระอาจารย์ชุมกำลังโด่งดังในฐษนะพระนักเทศ น์เป็นพระหนุ่มที่มีเสน่ห์มากบรรดาผู้แวดล้อมนั้นมีทั้งหญิงและชาย พระอาจารย์เอียด เห็นว่าไม่สู้จะเหมาะสมนักท่านจึงเฉยๆ ไม่ตอบรับเจตนารมณ์ของพระอาจารย์ชุม


    พอดีระหว่างนั้น ทางสำนักเขาอ้อได้จัดพิธีกรรมสำคัญขึ้นอย่างหนึ่ง ซึ่งขาดหายไปนานแล้ว ใครได้ร่วมพิธีนั้นถือว่าเป็นโอกาสดีที่สุด เป็นมงคลอย่างยิ่งแก่ชีวิต ด้วยความตั้งใจจริงของพระอาจารย์ชุม จึงได้ติดต่อขอเป็นศิษย์สำนักเขาอ้อในโอกาสนั้น แต่ก็ติดปัญหาที่พระอาจารย์เอียดได้ตั้งข้อสังเกตุไว้ บังเอิญว่าตอนนั้นพระอาจารย์ชุมได้ รู้จักกับศิษย์เอกของพระอาจารย์เอียดคนหนึ่ง คือขุนพันธรักษ์ราชเดช จึงได้เข้าทางขุนพันธ์

    ตัวขุนพันธรักษ์ราชเดชเองเห็นความตั้งใจของพระอาจารย ์ชุม และทราบว่าท่านผู้นี้สติปัญญาดีหากได้มาช่วยกันงานฟื้นฟูสำนักเขาอ้อคงจะไปได้อย่างดี ท่านจึงได้เข้ารับรองกับพระอาจารย์เอียดว่า ท่านพระอาจารย์ชุมมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นศิษย์สำนักเขาอ้อได้ ความเคลือบแคลงที่พระอาจารย์เอียดมีนั้น ไม่มีมูลความจริง และพระอาจารย์ชุมก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามแนวทางของสำนักเขาอ้ออย่างไม่มีเงื่นไข


    พระอาจารย์เอียดเห็นความตั้งใจของพระอาจารย์ชุม จึงได้รับไว้และให้เข้าร่วมพิธีมหาว่าน มหายันต์ ซึ่งนับว่า การตัดสินใจครั้งนั้นของพระอาจารย์เอียดส่งผลดีต่อสำนักเขาอ้อไม่น้อย นับเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิดพลาด เมื่อได้เข้าเป็นศิษย์สำนักเขาอ้อแล้ว พระอาจารย์ชุมก็ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนอย่างเต็มที่ เนื่องจากท่านรวบรวมตำราต่างๆ ของสำนักเขาอ้อไว้มาก จึงได้ศึกษาจากตำราต่างๆเหล่านั้น มีอะไรติดขัดก็ศึกษากับพระอาจารย์เอียดบ้าง พระอาจารย์ปาล ปาลธัมโมบ้างรวมตลอดถึงท่านอื่นๆที่เชี่ยวชาญในวิชานั้นๆ ทำให้การศึกษาของท่านก้าวหน้าไปอย่างดี

    เพียงไม่นานท่านก็เป็นผู้หนึ่งที่เชี่ยวชาญในวิทยาการต่างๆ ของสำนักเขาอ้อในระหว่างที่มาศึกษาอยู่ในสำนักเขาอ้อโดยผ่านทางวัดดอนศาลานั้น พระอาจารย์ชุมก็ไปสนิทสนมกับศิษย์เอกของพระอาจารย์เอียดอีกรูปหนึ่ง คือ พระอาจารย์คง สิริมโต เจ้าอาวาสวัดบ้านสวนท่านทั้งสองไปมาหาสู่กันอย่างใกล้ชิด จึงได้มีโอกาศทำพิธีร่วมกันหลายครั้งและต่างยอมรับใน วิชาของกันและกัน พระอาจารย์ชุมครองเพศบรรพชิตมาได้ 15 พรรษา เมื่อมีอายุได้ประมาณ 35 ปีท่านก็ตัดสินใจลาสิกขาแต่การลาสิขาของท่านนั้นลาสิกขาเพียงกาย ในใจยังเป็นนักบวชเต็มตัวเพียงแต่เปลี่ยนมาถือศีล 5 แทนพระวินัยเท่านั้น

    ภายหลังลาสิขาแล้ว อาจารย์ชุมก็ได้พบรักกับหญิงสาวชาวพัทลุงคนหนึ่ง คือนางสาวบุญสืบ ซึ่งเป็นธิดาของสมุหบัญชีอำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ภายหลังจากดูใจกันระยะหนึ่งทั้งคู่ก็ตัดสินใจร่วมชีวิตคู่ และครองรักกันมาตลอด จนอาจารย์ชุมเสียชีวิตไปในปี พ.ศ. 2525 มีบุตรธิดาด้วยกัน5 คน

    แม้ว่าลาสิกขาแล้วอาจารย์ชุมก็ยังไม่ละความสนใจในเรื่องไสยเวท ท่านยังศึกษาค้นคว้าอย่างกว้างขวาง เขียนตำราต่างๆ อย่างต่อเนื่องเรียกว่าขณะนั้นไม่มีใครมีความรู้ในเรื่ื่องสำนักเขาอ้อไปมากกว่าท่านผู้นี้ ท่านจึงได้รับการยอมรับในฐานะนักวิชาการของสำนักเขาอ้อ

    ลาสิกขาแล้วอาจารย์ชุมยังไปมาหาสู่พระอาจารย์คงอย่าง ต่อเนื่องได้เข้าไปช่วยในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ในฐษนะศิษย์ฆรวาส เพราะตอนนั้นศิษย์สายบรรพชิตที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ค ือพระอาจารย์คง ท่านทั้งสองทำงานคู่กันมาเหมือนกับบรรพบุรุษรุ่นก่อนๆ ของสำนัก เหมือนกับที่อาจารย์นำเคยช่วยพระอาจารย์เอียด

    และเนื่องจากตอนนั้นทางบ้านเมืองกำลังเข้าสู่ภาวะการ เปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในทางความมั่นคงท่านทั้งสองจึงได้ เข้าไปมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือประเทศชาติ เป็นต้นว่าได้สร้างวัตถุมงคลแจกทหารที่ออกไปสู้รบ ให้โอวาทเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่นักรบ ทำแบบเดียวกับที่บรรพบุรุษของอาจารย์ชุมคือขุนไชยคีรี เคยทำในการช่วยพระมหาช่วย เมื่อคราวต้านทัพพม่า เพียงอาจารย์ชุมไม่ได้ออกต้านศึกด้วยตัวเอง แต่ทำทุกอย่างเพื่อให้เป็นขวัญและกำลังใจแก่ทหารหาญ

    อาจารย์ชุมและภรรยาตั้งบ้านเรือนทำมาหากินที่พัทลุงหลายปี ต่อมาก็ได้ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯโดยครั้งแรกมาอยู่ภายใต้การช่วยเหลือของบรรดาศิษย์จา รย์ชุม จนต่อมาท่านก็ได้สร้างบ้านเรื่อนเป็นของตัวเอง และอยู่กรุงเทพฯเรื่อยมาจนกระทั่งเสียชีวิต

    อาจารย์ชุมแม้ครองเพศฆรวาสแล้วท่านก็ไม่ละทิ้งวิถีชีวิตของนักบวชเรียกว่าท่านคงปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ประกอบพิธีกรรมต่างๆเป็นภาระใหญ่ ส่วนการทำมาหาเลี้ยงครอบคร้วส่วนใหญ่ก็เป็นหน้าที่ของภรรยา ภายใต้การช่วยเหลือของบรรดาศิษย์ อาจารย์ชุมมักหาโอกาสออกไปปฏิบัติธรรมตามป่าเขาลำเนาถ้ำอยู่เสมอๆ นอกจากนั้นก็ทำหน้าที่ถ่ายทอดวิชาต่างๆ ของสำนักเขาอ้อแก่บรรดาศิษย์ที่สนใจ

    สำนัก "กุญแจไสยศาสตร์" สายเขาอ้อที่อาจารย์ชุมก่อตั้งยังคงถ่ายทอดวิชาอันเข้มขลังสืบต่อจากรุ่นสู่รุ่นจนถึงปัจจุบัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2007
  3. Tackled

    Tackled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,523
    ค่าพลัง:
    +6,730
    รายละเอียดเกี่ยวกับวัตถุมงคลที่อาจารย์ชุมจัดสร้างและข้อมูลเพิ่มเติมหาอ่านได้ที่

    http://www.uamulet.com/articleAmuletBoardDetail.asp?qid=224

    http://www.uamulet.com/articleAmuletBoardDetail.asp?qid=796


    พระยอดขุนพล 1 ในสุดยอดวัตถุมงคลของสายนี้ครับ (ขออนุญาตยืมรูปเจ้าของวัตถุมงคลด้วยนะครับ)

    [​IMG]

    หมายเหตุ ขอขอบคุณเจ้าของบทความนะครับ ผมจำไม่ได้แล้วว่าใครเขียนแต่คัดลอกไว้ ถ้าเจ้าของบทความมาอ่านเจอ ขอบคุณมากนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2007
  4. Tackled

    Tackled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,523
    ค่าพลัง:
    +6,730
    รูปวัตถุมงคลที่ผมมี (ไว้จะถ่ายมาให้ชมกัน)
     
  5. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    เคยได้ยินชื่อท่านมานานพึ่งเคยได้อ่านประวัติก็คราวนี้แหละครับ
     
  6. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,794
    ติดตามอยู่นะครับ
     
  7. Jin

    Jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,996
    ค่าพลัง:
    +3,342
    รอดูวัตถุมงคลสายนี้ครับ

    เพิ่งมีวาสนาได้บูชา พระยอดขุนพลมา เอาไว้สวมใส่ตอนฝึกสมาธิครับ ข้อห้ามเยอะมาก คาถาล้างมือบทใหญ่ก่อนจับ ห้ามให้คนที่ไม่รู้จักเเละผู้หญิงจับ ต้องตั้งไว้สูงกว่าพระพุทธรูปทุกปางเเละทุกสมัย มวลสารประกอบเเละพิธีนับว่าสุดยอดจริงๆครับ
     
  8. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,794
    ครับท่านเด่นมากเรื่องคงกระพันครับ
     
  9. ดุสิตบุรี

    ดุสิตบุรี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    151
    ค่าพลัง:
    +273
    หลวงพ่อออด วัดอัปสรสวรรค์ ท่านไปเรียนวิชามาจากท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรีครับ
     
  10. Jin

    Jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,996
    ค่าพลัง:
    +3,342
    อาจารย์ทันต์ รุจิเลข ผู้สืบถอดวิชาโสฬสมหามงคล มาจาก อาจารย์เอม รุจิเลขลูกศิษย์เอกของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง ได้บอกลูกชายของท่าน หลวงพ่อชาลี เจ้าอาวาสวัดวังยาวว่าให้ไปเรียนกับอาจารย์ฆราวาสที่เก่งที่สุดในตอนนั้นก็คือ คุณพ่อชุม ไชยคีรีนี่ละครับ

    พระคาถาชำระมือบทใหญ่สำหรับจับพระยอดขุนพล
    สัพพะมะระตะ วิสิสะริง

    คาถาอาราธนา ตั้งนะโมสามจบ
    พุทโธหะเว รักขะติธัมมะจาริง
    ฉัตตังมหันตัง วิยะวิสสะกาเล

    วันนี้ใส่ไปให้อาจารย์ดู ท่านก็กรุณาเตือนว่าอย่าเที่ยวใส่มั่วซั่ว พระยอดขุนพลนี้ถือเป็นสุดยอดของสายนี้ ให้ใช้เฉพาะในพิธีหรือบริกรรมคาถานั่งสมาธิเท่านั้น
    ศิษย์พี่หลายคนก็เตือนว่าคนต้องอาถรรพ์พระยอดขุนพลจนเสียชีวิตนั้นเห็นมีหลายรายเเล้ว ฟังหูไว้หูครับ สำหรับผู้มีพระยอดขุนพลของอาจารย์ ชุม ไชยคีรี

    รูปนี้เป็นพระของผมเอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • get_auc1_img.jpg
      get_auc1_img.jpg
      ขนาดไฟล์:
      29.5 KB
      เปิดดู:
      602
    • k;;m.jpg
      k;;m.jpg
      ขนาดไฟล์:
      21.6 KB
      เปิดดู:
      351
    • get_auc1_img c.jpg
      get_auc1_img c.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.6 KB
      เปิดดู:
      337
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 สิงหาคม 2008
  11. Tackled

    Tackled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,523
    ค่าพลัง:
    +6,730
    ถูกต้องแล้วครับ ปกติศิษย์สำนักไม่ใส่เวลาไปไหนมาไหนใส่เฉพาะตอนทำพิธีหรือมีงานไหว้ครูเท่านั้น คาถาลองถามครูบาอาจารย์ก่อนนะครับว่าอนุญาติให้เผยแพร่หรือไม่ เพราะถ้าไม่ใช่ศิษย์สำนักเห็นว่าใช้ไม่ได้นะครับ อันนี้ผู้รู้ท่านบอกกล่าวมานะครับ ผิดพลาดประการใดขออภัย
     
  12. Tackled

    Tackled เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,523
    ค่าพลัง:
    +6,730
    พระนาคปรกพิมพ์ใหญ่<!-- / message --><!-- attachments -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>

    พระเทพนิมิตรเนื้อผง
    <!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>
    พระเทพนิมิตรเนื้อโลหะ


    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG]
    </FIELDSET>

    เหรียญรุ่นแรก
    [​IMG] [​IMG]
     
  13. Jin

    Jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,996
    ค่าพลัง:
    +3,342
    คาถานี้พิมพ์เเจกในสมัยก่อนนะครับ ไม่ใช่เเจกเฉพาะลูกศิษย์ครับ สร้างมาทั้งหมด 2505 องค์ เพราะหลวงปู่คงอาจารย์ขุนเเผนอนุญาติให้กดพระภายในยี่สิบยี่ชั่วโมงได้เท่าไหร่ เอาเท่านั้น บางส่วนลงกรุไปก็มีในเจดีย์พระมหาธาตุ อาจารย์ผมเตือนบอกมาว่า อันที่เป็นคราบกรุ อย่าได้เอามาใส่ เพราะโดนคำสาปไว้
    สมัยนั้นเเจกเฉพาะศิษย์ที่เป็นเจ้าคนนายคนหรือตำรวจทหารที่ทำหน้าป้องกันประเทศ
    ค่าบูชาสองร้อย ตอนนั้นทอง ร้อยเเปดสิบบาทเองครับ ตอนนี้ราคาคงอั้นไว้นานองค์สวยเลี่ยมเงินเก่า ทะลุเป็นเเสนเเล้วครับ ราคาที่พวกมาเลย์หรือสิงคโปร์เปลี่ยนมือกันก็ราวๆครึ่งล้าน
    ใช้ดีมากจริงๆครับ เป็นพระที่นักไสยเวทย์ทุกคนควรจะมี ได้ฟังจากพี่คนนึงที่เป็นลูกศิษย์อาจารย์ชุมเหมือนกัน พี่เขาบอกว่ามีการดึงพลังพระมาใช้ได้ อุปเท่ห์นั้นมีมากมายจริงๆครับ
    ประสบการณ์ผมเองก็เจอกันตัวเองมาเเล้ว เลยมั่นใจในพุทธคุณ เสียเเต่ที่ใส่เดินไปไหนมาไหนลำบากหน่อย อาทิตย์เดียวท่านก็มาโปรดผมถึงสององค์

    ท่านใดมียอดขุนพล พระเทพนิมิตรเนื้อทองคำ พระกำเเพงคืบหรือบาตรน้ำมนต์ของคุณพ่อชุม พีเอ็มมาได้นะครับ ผมอยากได้ อิๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2008
  14. กีรติ นาคะ

    กีรติ นาคะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +307

    ขอบคุณมาเลยผมมีพระยอดขุนพลแต่ยังไม่มี
    พระคาถาชำระมือบทใหญ่สำหรับจับพระยอดขุนพลเลย
    และได้ความรู้ว่ามีพระมี 2 เนื้อ พอดีผมีมี2องค์ องค์ละเนื้อพอดี
    แล้วมีคำอาราธนาพระกำแพงคืบมั๊ยคับ
     
  15. ศัทรธา

    ศัทรธา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2005
    โพสต์:
    106
    ค่าพลัง:
    +333
    อย่าจริงจังครับที่ไม่ให้ใส่ไปไหนมาไหนนั้นเพราะไม่สะดวกกับการเดินทาง ของๆพ่อๆพูดเสมอว่าเปรียบเสมือนทองคำไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็คงเป็นทองคำ คุณพ่อชุมจะผูกกำกับไว้ทุกรุ่น
    มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง(อย่าเชื่อ) เมื่อก่อนสำนักกุญแจไสยศาสตร์จะอยู่ที่ซอยประดิษพัทธิ์15 สพานควาย เย็นวันเสาร์ครั้งหนึ่งหลายปีแล้วมีกลุ่มนักเลงไม่พอใจลูกคุณพ่อจะด้วยอะไรไม่รู้มายืนดักตอนที่เลิกและกลับจากบ้านพ่อ หน้ารร.เรวดีริมคลองก็มาดักรุมตีคนที่เดินนำหน้าไปคนเดียว(ไม่ค่อยไปกับใคร) พวกเราที่ตามหลังมาเห็นก็ช่วยน้องคนนั้นซึ่งกลุ่มพวกเราเห็นกับตาเลยว่า...คงหมดทางที่จะทำถึงกับเตรียมผ้าอนามัยมาด้วยป้ายทาทั้งมีดและปืนก็ยังไม่ลั่น....จนภายหลังต่อมาเห็นว่ากลุ่มเล่านั้นมาขอเรียนและเป็นมิตรกันในที่สุด
    และเมื่อครั้งหนึ่งคุณพ่อไปเปิดสำนักสงฆ์ที่ปทุมฯโดยมีหลวงพี่ณรงค์ฤทธิ์(ลูกชายพ่อ)เป็นผู้ดูแล แต่ชาวบ้านไม่ค่อยพอใจในหลายเรื่อง มีครั้งหนึ่งถึงกลับมาท้าคุณพ่อว่า..ไอ้แก่ถ้าเก่งจริงมึงห้ามฝนไม่ให้ตกซิวะ ซึ่งฝนกำลังจะตกมืดคึมคุณพ่อให้พวกเราใจเย็นภาวนาคาถาธรรมราชกันทุกคนและคุณพ่อก็หลับตาสักครู่ ท้องฟ้าที่มืดและฝนเริ่มตกปอยๆ กลับลอยหายไปทางอื่นและไม่ตกเลย จนในที่สุดชาวบ้านกลับมาศรัทธาและร่วมสร้างสำนักสงฆ์แห่งนั้น ซึ่งทุกวันนี้คงเป็นวัดไปแล้วกะมัง....
    คาถาธรรมราชที่คุณพ่อมักจะเน้นให้ภาวนาให้มาก และให้บอกกล่าวคนทั่วไปให้รู้
    พุทธังสรณังคัจฉามิ ธัมมังสรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ ทะทะทะ โรโรโร อะอะอะ สะสะสะ โสโสโส โณโณโณ นะโมพุทธายะ
    บทนี้แหละที่พ่อดับพระอาทิตย์และห้ามฝนและนานาประการ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 พฤศจิกายน 2008
  16. มันตรัย

    มันตรัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    8,346
    ค่าพลัง:
    +8,189
    ขอบคุณมากๆครับ
     
  17. thaiput

    thaiput เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    9,528
    ค่าพลัง:
    +27,656
    *-* ฆราวาสของจริงเหนียวจริงๆครับ ผมเคยได้ดูภาพเคลื่อนไหวที่ท่านทำพิธีแล้วชอบมากครับ ฟันกันจริงๆ เชือดคอปาดคอกันจริงๆครับ อย่างนี้เรียกว่าของจริงครับ *-* thaiput007@hotmail.com
     
  18. thaiput

    thaiput เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    9,528
    ค่าพลัง:
    +27,656
    *-* ฆราวาสของจริงเหนียวจริงๆครับ ผมเคยได้ดูภาพเคลื่อนไหวที่ท่านทำพิธีแล้วชอบมากครับ ฟันกันจริงๆ เชือดคอปาดคอกันจริงๆครับ อย่างนี้เรียกว่าของจริงครับ *-* thaiput007@hotmail.com
     
  19. อดุลย์ เมธีกุล

    อดุลย์ เมธีกุล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    7,363
    ค่าพลัง:
    +11,794
    พอดี เจ้าของกระทู้ให้พี่ชายมาหนึ่งองค์ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. ราชันย์ดำ

    ราชันย์ดำ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +30
    ร่วมแจมหน่อยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC01216.jpg
      DSC01216.jpg
      ขนาดไฟล์:
      80.7 KB
      เปิดดู:
      297
    • DSC01217.jpg
      DSC01217.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.4 KB
      เปิดดู:
      197

แชร์หน้านี้

Loading...