โรคภัยไข้เจ็บ อันเกิดจากการนั่งสมาธิ / การฝึกจิต / การฝึกพลัง

ดีงับพี่โอม

เมื่อกลางวันมันเจ็บแปล๊ดดๆที่ลิ้นปี่อะ

แล้ววันนี้หลังอาบน้ำ ทำข่นลุกซูซ่าได้ประมาณ40นาทีได้
ส่วนหูก็อู่อี้เหมือนเดิม ที่หน้าอกตอนแรกอาบน้ำมาใหม่ๆก็รู้สึกเย็น แต่สักพักมานร้อนๆๆอางับ

 

พี่โอมค่ะปลาไม่ได้บอกอีกหลายอย่างเลยแหะๆ

เพราะหลาก็มีอาการหูอื้อมาๆได้สึกพักแล้ว แต่บางทีก้ได้ยินเสียงจิ้งหรีดนิดหน่อยบางทีก็ไม่ได้ยิน

บางทีก้ได้ยินเสียงแปลกๆเสียงเครื่องดนตรีไทยกำลังเล่นบ้าง หรือเสียงเหมือนคนแว่วๆมาบ้าง แต่ปลาคิดว่ามันธรรมดาปรกติเลยไม่ได้สนใจ เลยไม่ได้ตื่นตระหนก แปลกใจอะไร แทบจะลืมล่ะค่ะ แหะๆ ขออภัยค่ะ


พี่โอมสูตรใหม่ อะค่ะ ถ้าไม่มีที่ปั่นให้ทำไงอะเคี้ยวเอาเหรอ ขมมากกกกกกกกกกกกขอบอกฮือๆๆ

 

วันนี้จะพาน้องชายและหลานไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันสิงห์บุรี
การได้พาคนเข้าวัดปฏิบัติธรรมเป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงความรู้สึกดีๆให้เกิดขึ้น
แม้จะไม่ได้หวังผลการกระทำแต่ก็มีคนที่ได้ประโยชน์รู้เรื่องธรรมะเพิ่มขึ้น
และคิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดของเรา
มากกว่าการทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นที่เคยทำมา
เตรียมถังไปสำหรับอาบน้ำแข็งด้วยถ้ามีน้ำแข็งขาย
แต่ใบพลูปั่นนี้คงยากหน่อยคงต้องงดไป
กลับมาค่อยกินใหม่คงห่างเว็ปและกะทู้นี้ไปหลายวัน
กลับมาจะเอาบุญมาฝากทุกท่าน

 

ขออนุญาติ คุณโอม ขอเล่าถึงยืนหนอ แล้วเกิดอาการขนลุก(ปิติ) เผื่อจะเกี่ยวกัน

ปกติก่อนจะเดินจงกรมทุกครั้ง จะต้องยืนหนอห้าครั้ง คือ มือไขว้หลังตรงแถวชายกระเบนเหน็บ(พิมพ์ผิดหรือเปล่าไม่ทราบนะคะ) มือขวาจับมือซ้าย ยืนตัวตรง หลับตาวาดมโนภาพตั้งแต่กระหม่อมจนถึงสะดือ และจากสะดือลงไปที่เท้า และจากเท้าขึ้นมาถึงสะดือ จากสะดือมาถึงกระหม่อม (เล่าแบบหยาบ ๆ )

จากนั้นขณะที่วาดมโนภาพ ปักจิตที่กระหม่อม(พอปักจิต ก็จะตึงอยู่ตรงนั้น) อาการซ่าน ที่ศรีษะเยอะมาก พอวาดไล่ลงมาแล้วอาการซ่าน ๆ นั้นไล่ลงมาตามที่วาดจนถึงสะดือก็หยุด พอวาดไล่จากสะดือ อาการดังกล่าวก็ไล่ตามมาจนถึงเท้า และจากเท้าขึ้นมาสู่กระหม่อมก็เป็นแบบเดียวกัน พอลืมตาหลังจาดวาดมโนภาพแล้ว มันจะเห็นเป็นฝนตก บางทีเหมือนภาพเหลื่อม ๆ เบลอ ๆ คล้ายเป็นหมอกจาง ๆ คล้ายกับว่าที่เห็นจริงหรือไม่

เป็นอย่างนี้บ่อย ๆ เข้าสามารถทำให้ซ่าน ๆ ตอนไหนก็ได้ อยู่ที่ว่าแรงหรือเบา และบางครั้งมันจะหนาวยะเยือกอยู่ข้างใน(ไม่ทราบว่าเป็นเหมือนกับอาบน้ำแข็งหรือไม่นะคะ) จากนั้นอาการซ่าน ๆ นั้นจะเป็นเอง แต่ส่วนใหญ่ อาการซ่าน ๆ นี้เขาจะมาเป็นระยะ ๆ บ่อย ๆ วันหนึ่ง ๆ มาเรื่อย ๆ บางครั้งก็รู้สึกมีลมออกที่กระหม่อม แรงบ้างเบาบ้าง ตามผิวหนังบ้าง

รบกวนคุณโอมแนะนำเพิ่มเติมด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

 

ตามที่มังกรเล่ามา จะเห็นได้ว่ามีการเคลื่อนที่ของจิตจาก ๑ ไป ๗ และรวมดวงแก้วไปไว้ที่ ๗
ถ้า การเคลื่อนที่เร็วๆ ดวงแก้วทั้งหมดจะไม่ได้หยุดที่ ๗ แต่จะทะลุเลยขึ้นไปบนฟ้า
เราสามารถจับอาการความรู้สึกนี้ได้ สุวิเรียกสิ่งนี้ว่า มังกรฟ้า มันจะทะยานขึ้นไป จะสูงต่ำแค่ใหน ขึ้นอยู่กับสองสิ่ง
๑. ความเร็วตอนที่ทะยานขึ้นไป
๒. การกำหนดจิต ส่งให้ทะยานไป
เมื่อดวงแก้วมังกรทะยานฟ้านี้ พุ่งขึ้นไปสุดแล้วมันจะตกลงมาเอง ตกลงมาใส่หัวเรา แล้วอาบซ่าลงทั้งตัว เหมือเอาน้ำจำนวนมหาศาลลาดรดมาที่หัว
อาการนี้ มังกร ประสพมาแล้ว
นี่เป็นการอาบน้ำทิพย์ อีกรูปแบบ

ในบางท่าน ตอนที่ดวงแก้วตกกลับลงใส่หัว ให้รู้สึกสิ่งที่ตกใส่มันเย็นเฉียบยะเยือกเข้าหัวใจ ให้สะดุ้ง หลุดจากสมาธิ อาการเย็นยะเยือกก็ติดอยู่ที่จักร ๔-๕
จึงได้โรคหนาวสั่นสะท้าน เป็นโรคประจำตัว รักษายังไงก็ไม่หาย
ยังไม่แน่ใจว่ายาปลูกเตโชจะรักษาหายหรือไม่ รู้แต่ว่ามันช่วยได้ หยุดยาแล้วจะเป็นอีกหรือไม่ ไม่อาจรู้ได้ ต้องลองทดสอบดู

ในบางท่าน เมื่อเกิดอาการดังกล่าว ก็ไม่ใส่ใจปล่อยให้ซ่าไปทั่วกาย พวกนี้จะรอด กุลฑาลิณีจะถูกกระตุ้นให้ทะยานขึ้นมารับความเย็นจากจักรวาล

ความเย็นยะเยือกนี้มาจากใหน
ในท้องฟ้าที่สูงขึ้นไป อากาศเย็นมาก ยิ่งสูงขึ้นไปในจักวาล ความเย็นยิ่งมากกล่าวกันว่า มีน้ำแข็งจักวาลอยู่ทั่วไปในความว่างของจักรวาล
หากดวงแก้วทะยานขึ้นไปสูงพอ และเก็บความเย็นจากมหาจักวาลลงมาได้ อาการดังกล่าวจะเกิดขึ้น
และถ้ามีการกำหนดจิต เก็บกวาดความเย็นจากจักวาลลงมา ความเย็นก็จะยิ่งมาก

หากส่งดวงแก้วไม่สูงพอ ไม่ได้กำหนดจิต การอาบน้ำแข็งจากจักวาลก็จะไม่เกิดขึ้น ได้เพียงอาบน้ำทิพย์ธรรมดา

ผู้รู้ต้องการให้ศิษย์ที่ไม่อาจสร้างมังกรทะยานฟ้าได้ดีพอ แต่ต้องการให้มีพลังสูงขึ้นจึงกำหนดวิธีการอาบน้ำแข็ง เพื่อทดแทน

สิ่งที่ได้ นอกจากพลังที่สูงขึ้นแล้ว สุขภาพโดยรวมก็จะดีขึ้น เหตุแห่งโรคภัยไข้เจ็บ(ไม่ว่าจะเกิดจากการแทรกซ้อนของจิตวิญญาน) จะถูกขับออกจากร่างกายทั้งสิ้น

 

ฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯ

แต่ขอถามเพิ่มอีกนิดว่า.... ถ้าดูละเอียดกว่าอาการซาบซ่านทั่วกายนั้น

มีลมละเอียด หรือ พลังงานซ่านออกตามขุมขนทั่วกาย หรือ ส่วนใดส่วนหนึ่งด้วยหรือไม่


อาการที่เห็นแบบนั้น ดีระดับนึงแล้ว ..


เดี๋ยวค่อยคุยกันต่อ

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

ล้างชำระ และ ซ่อมแซม จักร 4

 

พี่ SUWI อธิบายได้แจ่มจริงๆครับ

 

เคยดูการ์ตูนยอดฮิต อมตะ ไหม?ทุกท่าน



ดราก้อนบอลล์

ต้องรวบรวมลูกแก้วมังกรให้ได้ครบเจ็ดลูก เพื่อขอพร เทพมังกร

เป็นการเทียบเคียงที่น่าทึ่ง กับการฝึกฝน


ยิ่งตอนตัวเอกของเรื่องคือโงกุน มีคุณสมบัติพิเศษคือ

ถ้าสามารถฟื้นจากอาการบาดเจ็บสาหัสได้ พลังจะรุดหน้าไปอีก

............แท้จริง ขีดความสามารถในตัวคนเรา สูงกว่าที่คิดไว้นัก


เข้าใจเขียนการ์ตูนจัง 555 สงสัยตาคนเขียนเป็นเซียนมาเกิดจริงๆ

 

ลมที่รู้สึกที่พอจับได้นะคะ เพราะบางครั้งไม่ได้สนใจ ที่นึกออกก็มี ถึงแม้ไม่ได้ปฏิบัติ มันก็เป็นรวมถึงอาการหนาวยะเยือก คล้ายจะจับไข้

ลมที่ออกที่รู้สึกชัดเลย คือที่กระหม่อม แขน ขา (ทั้งกระหม่อม แขน ขา ไม่ปฏิบัติก็เป็นค่ะ)บางครั้งที่ขานึกว่ามีอะไรมาไต่ สะบัดจนไปกระแทกกับโต๊ะ(หุหุ ได้ความเจ็บมา)

กับมีอยู่ครั้งเดียวจริง ๆ ที่จับได้ คือ มันวิ่งจากท้ายทอย แล้วเข้าไปในกระโหลก ทะลุระหว่างคิ้วน่ะค่ะ (ที่มารู้สึกว่าหน้าทะลุออกมาจากตรงนั้นน่ะค่ะ)

อ้อ ลมออกที่หู แม้ไม่ได้ปฏิบัติ เขาก็เป็นของเขาเองค่ะ บางทีก็เสียงวิ้ง ๆ กำลังจะทานข้าวก็มา นอนก็วิ้ง ๆ ลมออกหูขวาทะลุหูซ้าย วิ่งขึ้นไปข้างบน (ถ้าสติจับได้ดีนะคะ จะสังเกตุได้จากถ้าจับได้จริง จะมีลมออกกระหม่อมน่ะค่ะ)

นึกได้แค่นี้อะคะ มีอีกหรือเปล่าไม่ได้สังเกตุ

 

คุณ KURO ลมออกหัวตาด้วยหรือเปล่าครับ ตามจังหวะการหายใจ

 

ไม่ได้สังเกตุเลยอะคะ คุณโอม แต่จะเย็น ๆ แห้ง ๆ แสบตา ใช่หรือเปล่าไม่ทราบนะคะ

 

เอ ชักสนใจค่ะ เพราะเราก็เกิดอาการตาแห้งเหมือนกันนะ แต่จับไม่ได้

 

คุณKURO

ระบบจักร6 ทำงานดี แล้ว

ถ้ายังขาดความมั่นใจเต็มร้อยเรื่องการเดิน ว่าจะใช้แบบไหน ก็ให้เดินสองแบบดู

ระหว่างเดินแบบเดิม กับ เดินเล่นๆแกว่งแขน ตามธรรมชาติ งับปาก ขบฟันเบาๆ

วันละแบบ แล้วมาเล่าเปรียบเทียบกัน

ยังไม่เฉลยหมด เดี๋ยวจะไม่ไปทำให้รู้ด้วยตนเอง

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO
ลมออกหู ตาเย็น ลมออกหัวตาตามจังหวะหายใจ จมูกโล่ง นั่นคือ จักร6 สะอาดน่าพอใจ

อาการแสบ เป็นอาการที่กุณฑาลิณี ยังรักษา และล้างระบบจักรหกอยู่

ถ้าได้การเดิน ซึ่งสามารถให้จักรทั้งเจ็ดทำงานได้พร้อมกัน ส่งกุณฑาลิณี

ขึ้นมาเคลีรจักร6-7 ได้สม่ำเสมอ และ ปริมาณมากพอ


...........จะมีอะไรๆ ได้เฮ มากกว่านี้.........



ปล. การแกว่งแขนสองข้าง ช่วยกระตุ้นจักรช่วงอกและคอ ให้เปิดทางสะดวก และทำงานสอดคล้องกับจักรที่เหลือ

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOO

ลองเอาน้ำเย็นแช่ใต้ช่องทำน้ำแข็ง ไว้หลายๆขวดเลยครับ เมื่อเอามาผสมกับน้ำแข็งจะง่ายขึ้น

และทำน้ำแข็งเองที่บ้าน จะได้น้ำที่เย็นมาก และ ประหยัด

 

มีเพิ่มเติมอีกหน่อยค่ะ เพิ่งมานึกได้

ปกติเวลาทำอะไรเช่น อ่านหนังสือ หรืออยู่หน้าคอม ฯ จะจับพองยุบไปด้วย

ทีนี้ นานแล้วเหมือนกัน อ่านหนังสือ จับพองยุบอยู่ มานึกจับลมหายใจบ้าง เพราะไม่เคยจับลมหายใจ แบบตามลมเข้า ออกน่ะค่ะ ก็เลยลองจับดู หายใจเข้านึกถึงลมที่เข้าไปกระทบจุดไหนบ้าง ทำไปซักพักนึง

ปรากฏว่า รู้สึกได้ถึงลมที่เข้าไปกระทบที่คอ อก ลิ้นปี่ แต่ตอนหายใจออกไม่ทราบนะคะ จับได้แต่ลมหายใจเข้า ทำไปทำมาก็ไม่สนใจ จับพองยุบอยู่เหมือนเดิม แต่ทำอย่างนี้ได้สองสามครั้งค่ะ

(แต่ตอนแสบตานี่แสบจริง ๆ นะคะ แบบอยู่ ๆ ก็แสบตา ตอนนั้นไม่ทราบเป็นอะไร แต่เป็นมานานแล้วค่ะแสบตานี่อะคะ)

วันนี้นั่งสมาธิแล้วตึงระหว่างคิ้วชัดเจนมาก เลยไล่ขึ้นไปที่กระหม่อม จะรู้ว่าเขาวิ่งขึ้นไปแล้วไปเป็นลมออกที่กระหม่อม จากนั้นอาการตึงที่ระหว่างคิ้วก็จางไป

ป.ล. ตอนนี้หนาวข้างในอีกแล้วอะคะ คุณโอม ไม่ใช่เพราะหน้าหนาวนะคะ มันหนาวยะเยือกมาเป็นระรอก ๆ กับที่ลิ้นปี่มันกระเพื่อม เวลาทำอะไรยังไงมันไล่กระเพื่อมไปตามร่างกายเบา ๆ นะคะ

กับเคยนอนจับพองยุบแล้วที่ลิ้นปี่มันหมุนอะคะคุณโอม กับบางครั้งเหมือนไม่มีลิ้นปี่ มันเหมือนเป็นโพลง

(มันนึกออกมาเป็นระรอก ๆ นะคะ)

 

รายงานผลการอาบวันที่ 2 ครับ

ครั้งนี้ใช้น้ำแข็ง 2 ถุงทำให้ได้น้ำเย็นจัดมากกว่าเดิม เทลงบนศรีษะถึงกับเย็นจัดทันทีจนต้องพักการเทขันต่อๆไป ตรงนี้ไม่รู้ผมทำถูกหรือเปล่า หรือต้องเทต่อเนื่องจนครบ 10 ขันครับ การสังเกตร่างกาย กลางศรีษะเย็นจัด (คงเนื่องมาจากน้ำแข็ง) ภายในกายรู้สึกอุ่นแต่ไม่ร้อน ยังไม่สัมผัสถึงพลังที่พุ่งขึ้นมาจากจักร 1

หลังอาบ ทำสมาธิกำหนดจิตไว้ที่จักร 7 รู้สึกได้มากกว่าเดิม คงเพราะน้ำช่วยกระตุ้นการทำงานของจักร และปกติผมจะรู้สึกยิบๆตรงจักร 6 เฉพาะด้านหน้า แต่ว่าช่วงกลางวันนี้สามารถรู้ตรงทางข้างหลังศรีษะได้อีกด้วย อันนี้ก็คงเพราะน้ำเย็นไปกระตุ้นจักร 6 ให้ทำงานดีขึ้นครับ

 

พี่โอมค่ะมาจนถึงป่านนี้ยังมีอาการเจ็บที่ก้นอยู่เลยอะค่ะ

ปลาไม่ได้เพ่งหรือให้ความสำคัญกับตรงนั้นนา

(ขออนุญาตนะคะ)แบบว่ามันเหมือนมีก้อนอะไรติดอยู่ตรงแถวๆปากรูทวารหนักตรงข้างซ้ายอะค่ะ

ปลาไม่ได้เปนริดสีดวงน๊า ดังนั้นกรุณาอย่าคิดไปถึงขั้นนั้น TT^TT

ปลาไม่ได้เเพ่งแต่หายเจ็บไปเยอะกว่าสองสามวันก่อนที่บอกไปแล้วค่ะ

แต่ว่ายังปวดๆรู้สึกอยู่ แต่ไม่ได้ปวดจนทนไม่ได้ แต่ก้ปวดเจ็บๆอะค่ะ

ไม่รู้ว่าเป็นอะไร

แต่เรื่องยาสูตร2 มีปัญหาอีกแล่ว คือ........ว่า ที่บ้านไม่มีเครื่องปั่นอะค่ะ

ถ้าปรกติจะทำไรใช้แต่....สาก เท่านั้นเอง แต่วันนี้พรุ่งนี้ปลาขอลดยาเขียวลงหน่อยนะค่ะ

พรุ่งนี้ไปหาหมอๆนัด ^ ^ เดี๋ยวหมอตรวจเลือดตรวจฉี่ไป เห็นอะไรผิดสังเกตุ

5555



งานเข้าาาาาา

 

OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


เดิมที ระบบการผลิตกุณฑาลิณี และภูมิต้านทานขอบปลา ถูกโรคภัย

ถูกผลข้างเคียงของยาแผนปัจจบัน และ บางสิ่งกดไว้มากๆๆๆ

ทำให้ไม่สามารถผลิต พลังชีวิตได้พอเพียงที่จะเยียวยาตน


และ แหล่งสำคัญในการผลิตพลังชีวิต คือ บริเวณจักร 1


เมื่อปลาตั้งใจอาบฯ และฝึกตนมากขึ้น ลดยาปัจจุบัน


จึงมีการขับพิษ รักษา ซ่อมแซม ที่จักร1 มาก เพราะเหตุผลข้างต้น


เห็นไหม ช่วงนี้ปวด ใกล้ทวารฯ ปวดขา เท้า นี่คือ ส่วนในอาณาเขตการควบคุมของจักร 1 ทั้งนั้น

.....ดังนั้น อดทนต่อไป อย่าตกใจ

ไว้วันไหน เลิกยาปัจจุบันได้หมด หุ่นดี สุขภาพกายเปลี่ยนไป

แล้วจะเลิกรำคาญใจคนแก่ที่คอยเคี่ยวเข็น




...สูตรสอง ถ้าเคี้ยวไปนานๆ ลิ้นอาจดำ
แต่ ผม เคี้ยวเอาเลย เข้าตรงๆดี แล้วตามด้วยนม ฯลฯ

จะตำเอาก็ได้ ฉีกก็ได้แล้วเคี้ยวลงคอ ตามอัธยาศัย


อยากให้ออกฤทธิ์เร็ว ให้ หายใจเร็วทันทีที่ทานเสร็จ เพื่อกระจายสิ่งที่มีในนั้นไปทั่วตัว



ปัญหาปวดทั่วกายจะหมดไป เมื่อทะลวงถึงจักร 7 ได้สะอาด

แล้ว จักรจะเย็นทั่วกาย มีเหมือนลมพัดเย็นๆออกมา หรือ

บางที คล้ายน้ำเย็นไหลจากหัวลงมาคลุมกาย