โรคภัยไข้เจ็บ อันเกิดจากการนั่งสมาธิ / การฝึกจิต / การฝึกพลัง

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 10 ตุลาคม 2008.

  1. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

    สามจุดพื้นฐาน ที่ต้องเย็นตลอด เย็นจากภายในคือ

    1ลิ้นปี่ 2ในหัวลึกๆ และ ใบหน้าทั้งหมด( รวมตาด้วย)

    3 กระดูกสันหลังทั้งหมด



    ถ้ายังหาใบพลูเขียวไม่ได้ อนุโลมทานยาเขียวไปก่อน



    ก้านสมอง อยู่จักร 5 ( คนที่มักเจ็บต้นคอ ก้านคอ ไปจนถึงก่อนท้ายทอย

    ถ้าโดนวิญญาณ มาอาศัยตรงนี้นานๆ อาจเกิดกล้ามเนื้อ เส้นประสาท เซลล์ผิดปกติ ที่ก้านสมอง สร้างเป็นรัง ไว้บังคับสมอง อารมณ์ ความคิด )
     
  2. prapi55

    prapi55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +145
    ค่ะ จะทำจนกว่าจะพัฒนามากกว่านี้ ตอนเย็นเดินเสร็จ อาบน้ำ อ้วกอีก ทันที ที่อาบเสร็จ เหมือนเมื่อเช้า เล่นเอาเพลียเลยวันนี้
     
  3. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    OOOOOOOOOOOOOOO ทบทวน OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO



    คำเตือน ผู้ที่ร่างกายร่างกายอ่อนแอ ไม่ควรเสี่ยงกับวิธีนี้ อาจมีอันตรายได้



    1/ ทานยาเขียว ครึ่ง ซอง ตอนตื่นนอน และ ครึ่งซอง ก่อนนอน
    ( ท้องว่าง ทานกับน้ำดื่มอุณหภูมิปกติ ) เป็นวันแรก


    2 /ทานยาเขียว หนึ่ง ซอง ตอนตื่นนอน , หนึ่งซอง ระหว่างวัน และ หนึ่งซองก่อนเข้านอน ระหว่างวันนั้น ก่อนหรือหลังอาหารสองชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
    ( ท้องว่าง ทานกับน้ำดื่มอุณหภูมิปกติ ) เป็นวันที่สอง

    ปล.สำหรับคนที่ไม่มั่นใจในสภาพร่างกายตัวเอง ให้ยืดระยะนี้ไปอีกสองวันก็ได้


    3 /วันที่สาม ตอนเช้ายาเขียวหนึ่งซอง ระหว่างวันหนึ่งซอง

    ตอนหัวค่ำ หลังอาหารอย่างน้อยสองชั่วโมง หรือ ก่อนนอน หลังจากอาบน้ำ ทำความสะอาดตามปกติแล้ว
    ให้อาบน้ำแช่น้ำแข็งแบบเย็นเจี๊ยบบ จำนวนหนึ่งสังฆทานขนาดกลาง หรือ ใหญ่ ประมาณ 10 ขัน

    โดย กัดฟัน+รดทีละขัน ราดตั้งแต่หัวลงมา

    เสร็จแล้ว เช็ดตัวให้แห้ง , หายใจสั้นแค่ลิ้นปี่ ให้เต็มปอด คือเห็นลมตั้งแต่จมูกมาถึงคอ อก ลิ้นปี่ เต็มปอดแล้วหายใจออก สักสิบ ยี่สิบครั้งขึ้นไป เพื่อ
    กระตุ้นเลือดลมให้ปรับตามธรรมชาติ , ทานยาเขียวหนึ่งซอง ภายในสิบนาที นับตั้งแต่
    เช็ดตัวจนแห้ง เพื่อให้ร่างกายปรับตัว ปรับธาตุได้ทัน จะไม่เป็นหวัด



    4 /วันที่ 4 ก็ยาเขียวหนึ่งซองตอนตื่น ระหว่างวันหนึ่งซอง ก่อนนอนอาบน้ำแข็งและยาเขียวหนึ่งซองภายใน 15 นาที หลังเช็ดตัวแห้ง



    ตั้งแต่วันที่3 ทำไปทุกวันแบบนี้ จนถึง 3 วัน ไม่เกิน 7 วัน
    อาการของโรคปัดสะตึก น่าจะหาย ตามคอร์สจริงๆ เพื่อเซ็ทระบบพลังงานของร่างกายซะใหม่

    ต้องครบ 7 วัน ที่อาบน้ำแข็งติดต่อกัน ( ไม่ว่าอาบวันละ กี่ครั้ง ) ถ้าเว้นไปหนึ่งวัน ต้องเริ่มใหม่

    วิธีนี้ ยังรักษาโรคทางการเดินลมปราณ ต่างๆ ให้หายได้หลายโรคด้วย




    นอกตำรา แต่ เป็นเหตุผลธรรมชาติทั้งนั้น....





    ปล. ยาเขียว ถ้าจะให้ดี ควรเป็นยาเขียวใหญ่ หรือ ยาเขียวสามฤดู ใช้แบบเม็ด ทานง่าย ไม่สำลัก

    ถ้าตรวจให้ละเอียดจะทราบว่า... ยาเขียวที่ใส่ในซองฟรอยด์ จะมีประสิทธิภาพสูงกว่ายี่ห้อเดียวกันแต่ใส่ซองกระดาษ



    ตกหล่นตรงไหนถามได้ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 มกราคม 2009
  4. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    จากสิ่งทีท่านอาจารย์ SUWI เคยกล่าว...


    การอาบน้ำแข็งในที่นี้คือขบวนการทดแทนการอาบน้ำทิพย์ ทั้งชะล้างสิ่งแทรก และกระตุ้นกุลฑาลิณีให้ขึ้นมารวมกับ จักร ห้า หก เจ็ด
    เมื่อ หก เจ็ด เชื่อมกันได้ ตาที่สามจึงเปิด
    เมื่อเชื่อม สี่ ห้าเข้าไปด้วย ญาน รู้ก็บังเกิด
    เมื่อเชื่อม หนึ่งถึงเจ็ด และเจ็ดกลับสู่หนึ่งได้เป็นวงจรไม่รู้จบ เทพมนุษย์จะบังเกิด
    และสถานะนี้ เป็นสิ่งต้องห้ามที่หล่าบรรดาอมนุษย์ทั้งหลาย จะยอมให้บังเกิดขึ้นมิได้ ต้องขัดขวางกันสุดฤทธิ์

    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

    สิ่งที่อยู่นอกตำรา เกินการคาดคะเน นั้นมีอีก

    เพราะคู่มือการใช้กายมนุษย์ให่เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ถูกประติดประต่อกันมานาน

    หลายร้อยปี หรือ นับแต่ ยุคสิ้นกายเนื้อพระบรมศาสดา




    หลักการใหญ่ของผม คือ เราต้องพึ่งตนเองให้ได้ในที่สุด

    ดึงพลังของมนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์ประเสริฐออกมา

    เทพ พรหม เทวา พลังพิเศษจากจิตใดๆรอบกาย ที่ท่านรักเราจริง
    ท่านก็ต้องการเช่นนั้น ...เราจะอ่อนแอ อาศัยท่านตลอดไม่ได้
    วันหนึ่ง เราอาจจะผ่อนภาระท่านได้บ้าง ด้วยการฝึกฝนตนจนมีตนเป็นที่พึ่งของตน


    อาศัยโรคภัยที่มาหาเรา อาศัยสิ่งกระทบ อาศัยครูอาจารย์ เพื่อนพี่น้อง

    สิ่งรอบข้างทุกอย่าง ..... แม้ยา หรือ วิธีการ ....เพียงชั่วคราว

    ในตอนต้นๆ เพื่อสร้างและเข้าถึงแหล่งกำลังกายใจ ที่เป็นที่พึ่งของเราจริงๆ


    โดยไม่ต้องเป็นหนี้กรรมเวรใคร แต่ เรา จะแผ่กำลังนี้พร้อมความรัก เมตตา

    ไมตรี ความเอื้อเฟื้อ ฯลฯ ออกไป สู่ทุกชีวิต




    [​IMG]



    รีบทำ แล้วจะเข้าใจ..............................................
    <!-- / message --><!-- edit note -->
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 มกราคม 2009
  5. อภิญญ์

    อภิญญ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +143
    สวัสดีค่ะ
    อาบสูตรพิเศษวันที่3
    หลังรดน้ำไปเริ่มตัวสั่นๆๆ หนาวลึกยิ่งกว่าอาบน้ำแข็งอีกนะคะ
    ยังมีอาการตาแดงอยู่นิดหน่อย....
    วันนี้ตอนเช้าไม่ได้เดิน
    ไปทำบุญปล่อยปลาที่วัดแทน
    ช่วงพนมมือแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร
    มือ...แขนถึงบ่าขวาสั่น...อยู่ด้านเดียว
    สั่นตั้งแต่ต้น...จนแผ่เสร็จ
    ระหว่างวัน....หายใจเข้าออก จมูกโล่งดีค่ะ
    หูยังมีลม ..ตาไม่แดง....ไม่มีไฟวิ่งขึ้นหัว
    รู้สึก...โปร่ง...โล่ง..ดีค่ะ
     
  6. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    OOOOOOOOOOOOOOOOOOO

    เค้ารับรู้ ถึงสิ่งที่คุณทำให้เค้านะครับ ทำไปเรื่อยๆ

    โมทนา กับ ความเพียรในการมีตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
    โมทนา กับ ความเพียรอดทนในการยอมรับ ชำระ ชดใช้ กับเจ้ากรรมนายเวร โดยไม่มีอารมณ์ต่อต้าน เกลียดชัง จะส่งผลให้วงจรกรรม สิ้นสุดอย่างแท้จริง


    ช่วงไหน พลังปราณขึ้นมารักษาประสาทตา ในระบบจักร 6 ตาอาจร้อน แดง
    อักเสบ หูอาจมีลมอื้ออึง จมูกอาจมีน้ำมูกไหล ขอให้ทราบว่า กระบวนการอะไร กำลังเกิด



    ให้รักษาดูแลตนเอง โดยองค์รวม คือ ถ้าโล่งแล้ว

    ให้ระวังในการคลุกคลี กับ สิ่งแวดล้อม ระวังการใช้เครื่องใช้ต่างๆ

    ระวังการทานอาหาร ตามที่เคยแนะมา


    ลองเอามือสำรวจดู จับเบาๆ หรือ อังห่างสักหนึ่งนิ้ว ถ้าหัวโล่งเย็น ก็โอเคนะครับ


    ..........รักตัวเอง ก็ต้องดูแลตัวเอง จึงรักคนทั้งโลกได้.........
     
  7. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    ..ตอนนี้ให้หาซื้อยาเขียวอย่างดีไว้เลยนะครับ ต้องทานวันละ 3 ซอง
    สามมื้อ ๆละหนึ่งซอง ตื่นนอน ระหว่างวันตอนท้องว่าง และ ก่อนนอน

    ( ผมใช้ตราปลาคู่ ชนิดเม็ดในซองฟรอยด์ ทานง่ายดี ซื้อกล่องหนึ่งมีห้าโหล
    ราคา300 บาท หรือ ลองหาที่อยู่โรงงานที่บางเลน นครปฐมในกระทู้นี้ดู สั่งซื้อได้ราคาถูก)
    ทานยาเขียว แบบนี้สองสามอาทิตย์ แล้วดูอาการก่อน ปรับร่างกาย ปรับระบบ

    ยังไม่ต้องอาบน้ำแข็ง เพราะอันตรายสำหรับร่างกายตอนนี้

    เล่าความคืบหน้าให้ฟังค่ะไปซื้อยาเขียวมากินค่ะเริ่มกินเป็นมื้อเย็นแต่กินแค่ครึ่งซองค่ะ เพราะเป็นคนเบื่อการกินยาเนื่องจากกินยาแผนปัจจุบันจนอิ่มมานานแล้วหลังกินยาเขียวได้ครึ่งชั่วโมง ก็ออกอาการพะอืดพะอมค่ะมีลมดันขึ้นมาจนรู้สึกจุกบริเวณหน้าอกค่ะ เรอออกมาเยอะมากเหมือนเวลากินยาหอมตอนจะเป็นลมเลยค่ะ แล้วก็ปวดหัวมากเหมือนมีใครมาบีบขมับค่ะ กินอยู่ได้ 2 วันมีอาการตลอดเลยค่ะหลังจากนั้นก็มีความจำเป็นต้องอาบน้ำแข็ง(กลับบ้านต่างจังหวัดค่ะแล้วที่บ้านอากาศหนาวมาก)น้ำเย็นมากๆค่ะก็เลยซ้อมอาบน้ำแข็งดู พอราดน้ำขันแรก ก็แทบขาดใจเลยค่ะปวดหัวมากเหมือนสมองมันขยายตัวแต่กะโหลกใหญ่เท่าเดิมแต่ก็อาบต่อค่ะ จากนั้นรดน้ำอีก 2 ขันค่ะก็รู้สึกเจ็บกลางหน้าอกมากเหมือนเราหายใจเข้าไว้แล้วไม่ได้หายใจออก แล้วก็หนาวที่กลางอกมากค่ะ ตอนนั้นพยายามหายใจออกที่ละน้อยยาวๆ แต่ก็ทำได้ไม่ดีนักพออาบน้ำเสร็จทุกคนก็ตกใจกันยกใหญ่แม่บอกว่าเหมือนคนกำลังจะชัก ขากรรไกรแข็ง ปากเขียว แม่ก็เลยเอายาพ่นมาให้พ่นเพราะคิดว่าเป็นหอบค่ะ ความรู้สึกตอนนั้นบอกไม่ถูกจริงๆค่ะ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายเหมือนยืนมองตัวเองอยู่ พยายามกำหนดจิตค่ะโดยการหลับตาแล้วนึกถึงดวงไฟที่ตรงเหนือสะดือให้สว่างขึ้นเรื่อยๆเป็นอยู่ประมาณ20นาทีค่ะพอกำหนดแล้วก็รู้สึกเหมือนความร้อนในตัวค่อยๆเพิ่มขึ้น จุดที่หายช้าที่สุดรู้สึกจะเป็นที่หัว ปวดมากๆปวดตรงกลางกระหม่อมเหมือนจะระเบิด พอผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมงก็เกิดอาการคลื่นไส้ค่ะอาเจียนจนหมดไส้พุง วันรุ่งขึ้นจะอาบน้ำอีกก็เลยถูกแม่ดุเลยค่ะบอกว่าไม่เอาแล้วทำเอาใจหายใจคว่ำสุดท้ายเลยต้องอาบน้ำอุ่นอีกตามเคย

    ขณะที่พิมพ์ข้อความอยู่นี้ก็รู้สึกมีน้ำลายออกมาเยอะมากเลยค่ะเหมือนมีน้ำลายออกมาตลอดแล้วก็รู้สึกซ่าๆที่ปลายลิ้นค่ะ แต่ตอนนี้ก็จะยังกินยาเขียวต่อค่ะแม้ว่ากินแล้วจะรู้สึกเวียนหัวคลื่นไส้มากก็ตาม
    แล้วจะมาเล่าความคืบหน้าให้ฟังอีกค่ะ
     
  8. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    ฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯ
    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


    ที่ปวดหัวมาก เพราะ กุณฑาลิณี จำนวนมากพุ่งขึ้นไปกระแทกบนหัว


    ทานยาเขียวแล้วมึนๆ อยากอาเจียน คือ เค้ากำลังเริ่มกระบวนการขับพิษในร่างกาย



    ปล. อย่าเพิ่งอาบน้ำแข็ง อันตราย


    กรุณา ทานยาเขียว สักสามอาทิตย์ แล้วรายงานให้ทราบเป็นระยะ
    ทุกวันด้วยครับ
     
  9. prapi55

    prapi55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +145
    เมื่อวานออกไปข้างนอก แสบตามาก มองถนนยิ่งแสบ น้ำตาไหล ตั้งแต่เช้าหายใจใด้ข้างเดียว ข้างซ้ายเหมือนตัน ทานยาเขียวเสร็จก็กลายเป็นน้ำมูก แล้วปวดมึนศีรษะด้วย เลยทานยาเขียวทุก 4 ช.ม รายงานจ้ะ
     
  10. pit lord

    pit lord สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +1
    โอ้โหได้ความรู้มากจริงๆ ขอบคุณครับ
     
  11. อภิญญ์

    อภิญญ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +143
    สวัสดีค่ะ
    อาบสูตรพิเศษวันที่4
    อาบนำ้ยังสั่นหนาวๆๆ..
    นั่งหายใจ มีน้ำมูกไหลออกมา...ตายังแดง(น้อยกว่าเมื่อวาน)
    ช่วงเดิน...ทำขนลุกที่ตัวได้3ครั้ง(คงเพราะอากาศเย็น)
    ที่กลางลิ้นเหมือนมีรูซ่าๆ... จมูกโล่ง....มีลมที่หู
    ปวดหัวด้านหลัง(เพิ่งเป็นครั้งแรก)
    ระหว่างวันยังปวดหัวที่เดิม(ไม่มากค่ะ)


    ได้ไปซืิ้อแชมพูแล้วลองเอามืออังตั้งแต่ชั้นบนที่ละอัน
    รู้สึกอึดดักทุกอันบางยี่ห้อเคยใช้เป็นประจำยังอึดอัดได้ยี่ห้อเด็กมาใช้แทน
    ปรกติเป็นคนใช้นำ้หอมเดี่ยวนี้เหม็นกลิ่นที่ใช้ไปเลย
    ช่วงนี้ไม่ค่อยมั่นใจความรู้สึกตัวเองเท่าไหร่ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2009
  12. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


    เยี่ยมมากครับ

    ระบบจักรหกของคุณ ตอนนี้กำลังซ่อมใหญ่ในระบบประสาทตา

    ปวดหัวที่ด้านหลังนั้น ในระดับเดียวกับตา นั่นคือ การเข้าไปซ่อมแบบล้วงลึกของประสาทตา


    ฟัน ลิ้น เป็นท่อทางส่วนหนึ่งให้กุณฑาลิณี ผ่านขึ้นไปยังจักร 6-7
    พอมันสะอาดขึ้น จำนวนกุณฑาลิณีที่มากขึ้นพุ่งขึ้นมา คุณจึงได้รู้ เห็น

    จึงให้กัดฟันให้สนิท เพื่อเชื่อมท่อพลังได้เต็มที่



    555 เหมื่อนกันเลย ใช้ยาสระผมและอาบตัว เป็นยี่ห้อเด็กยี่ห้อหนึ่ง 555

    แหม...ยี่ห้ออื่น โคตะระ หนักหัว หนักตัว 555
     
  13. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    ฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯ


    สงสัยไหม

    ว่าหลายครั้ง เราอาบฯแล้ว เอากุณฑาลิณีมาเผาไล่ก็แล้ว ทานยาเขียวชำระล้างก็แล้ว มันก็กลับมาเป็นอีก


    เพราะ พลังออร่า หรือ พลังต่างๆ ที่ใช้ป้องกันตัวของเรา มันยังไม่เข้มแข็งพอ การออกไปใช้ชีวิตในสังคม ก็ยังต้องรับหลายๆอย่างเข้ามาใหม่
    ไม่ว่า อาหาร อากาศที่หายใจ การใกล้ชิดคนประเภทต่างๆ


    การชำนาญในการทรงสติ สมาธิ จนมีปิติกายเป็นปกติ เช่น ขนลุกซู่ซา

    ซาบซ่านลึกๆได้ทั่วกาย เป็นพื้นฐาน ในการทรงอารมณ์ใจไว้ในกาย

    สามารถเคลียรสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในกายได้ระดับหนึ่ง


    ถ้าสามารถฝึกการใช้ลมปราณ ให้ละเอียดขึ้น ยิ่งมีกำลังในการรักษาตัวได้ดี



    ต่อไปเมื่อกายแข็งแรง ....การทรงอารมณ์จิตเพื่อทำสมาธิ ที่สูงขึ้น ก็ไม่ยาก
     
  14. prapi55

    prapi55 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +145
    การฝึกลมปราณแบบโยคะ ใช้ใด้ไหมคะ หรือมีแบบเฉพาะ ขอความกรุณาสอนด้วย แล้วถ้าเราต้องออกไปข้างนอก มีวิธีป้องกันตัวเองอย่างไร ตอนนี้แค่ทำสมาธิที่บ้านครึ่งถึงหนึ่งช.มตอนตื่นนอน และพยายามกำหนดตลอด เท่าที่นึกใด้ ตอนเดินก็พยายามทำขนลุก ก็ยังไม่สำเร็จ วนเวียนอ่านโพสเก่าๆเผื่อว่าเรายังบกพร่องอะไรไปบ้าง ตอนนี้ทั้งกินทั้งอาบ พี่ต้องเพิ่มเวลาการทำสมาธิใหมคะ
     
  15. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO

    โมทนาครับพี่ พี่ทำได้ดีหลายๆอย่างแล้ว

    โยคะ ก็ดี ครับ


    นอกจาก คอยเช็คทุกสิ่งทีเราต้องเสพเช่น อาหาร เครื่องใช้ ,
    จัดสภาพแวดล้อมที่ดี ที่บ้าน ให้พลังงานในบ้านสมดุลย์
    (ฮวงจุ้ย ), รู้จักเลือกสังคมที่เราจะคลุกคลี ( มงคลชีวิต38 ข้อที่ 1,2)

    การชำระร่างกายธรรมดา และโดยการทำสมาธิประจำวัน ฯลฯ

    พี่ก็ทำได้ดีมากระดับหนึ่งแล้ว..ค่อยๆเป็นไป จนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ขาดไม่ได้


    ผมเชื่อมั่น ในคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรื่อง การทรงอารมณ์เมตตา
    ในชีวิตประจำวัน
    อานิสงส์เมตตา


    <TABLE width="62%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=yellowold>เมื่อเมตตาเจโตวิมุติ อันบุคคล เสพแล้วโดยเอื้อเฟื้อ เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดุจยาน กระทำ ให้เป็นที่ตั้ง หมั่นเจริญเนืองๆ สั่งสมไว้โดยรอบ ปรารภด้วยดี พึงหวังได้ อานิสงส์ ๘ ประการ
    1. หลับก็เป็นสุข
    2. ตื่นก็เป็นสุข
    3. ไม่ฝันเห็นสิ่งลามก
    4. เป็นที่รักของมนุษย์
    5. เป็นที่รักของอมนุษย์
    6. เทวดาย่อมรักษา
    7. ไฟ ยาพิษ หรือศาตราไม่กล้ำกลายผู้นั้น
    8. เมื่อแทงตลอดคุณธรรมที่สูงขึ้นไปยังไม่ได้ ย่อมไปบังเกิดในพรหมโลก


    การเจริญเมตตาจิต มีอานิสงส์อย่างไร ?

    พุทธดำรัสตอบ
     
  16. angeltk229

    angeltk229 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,584
    ค่าพลัง:
    +6,912
    เล่าความคืบหน้าให้ฟังค่ะ เมื่อวาน(12ม.ค.)กินยาเขียวเป็นวันที่ 4 หลังกินยาเขียวตอนมื้อระหว่างวันประมาณ 30 นาทีก็มีกาการร้อนที่บริเวณแผ่นหลังค่ะตั้งแต่บริเวณใต้สะบักลงไปถึงบั้นเอวค่ะ ลักษณะอาการเหมือนเราเอาเตารีดร้อนๆ มาวางใกล้แผ่นหลังค่ะ พอผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมงก็รู้สึกคันคอและไอค่ะ สุดท้ายก็ไอจนอาเจียนและมีน้ำออกจมูกเลยค่ะตอนนั้นไม่ได้กินน้ำหรืออาหารเลยเป็นช่วงท้องว่าง รู้สึกแสบจมูกมาก พอตกเย็นก็อาบน้ำอุ่น (ใจยังไม่กล้า) หลังอาบน้ำก็รู้สึกเย็นที่ผิวหน้ามากค่ะ แล้วก็หนาวสะท้านในอก(ขนาดอาบน้ำอุ่นนะเนี่ย) พออาบน้ำเสร็จประมาณ 10 นาทีก็มีน้ำตาไหลออกมาเยอะมากค่ะ เป็นอาการน้ำตาไหลเหมือนเวลาทำสมาธิเลยค่ะ ทุกครั้งที่ทำสมาธิจะมีอาการน้ำตาไหลเสมอ หลังจากน้ำตาไหลก็จะจะรู้สึกเหมือนตัวเราขยายโตขึ้นเรื่อยๆค่ะสลับกับหดเล็กลงจนเท่าฝ่ามือค่ะ ครั้งหนึ่งที่เคยทำสมาธิแล้วรู้สึกกลัวที่สุดคือกำหนดลมหายใจไปเรื่อยแล้วมันก็ค่อยๆเบาลงจนหายไปเลยตอนนั้นก็รู้สึกตกใจนิดๆแล้วก็คิดว่า อ๋อเวลาเราตายคงเป็นอย่างนี้นี่เอง พอออกจากสมาธิแล้วก็จิตตกเลยค่ะเนื่องจากกลัวตาย
    วันนี้(13ม.ค.)หลังกินยาเขียวก็ยังมีอาการร้อนบริเวณแผ่นหลังเหมือนเดิมค่ะร่วมกับมีน้ำลายออกมาเยอะมาก น้ำลายไหลตลอดแล้วก็มีอาการชาบริเวณกกลิ้นด้วย สงสัยสูตร Detox สารพิษคุณโอมคงได้ผลแนๆ
     
  17. อภิญญ์

    อภิญญ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +143
    สวัสดีค่ะ
    อาบสูตรพิเศษ วันที่5
    หลังอาบมีอาการสั่นหนาว..
    ตาแดง...หายใจสักพัก..น้ำมูกไหลออกมาเองค่ะ
    ระหว่างเดิน...ยังมีลมที่หู..เจ็บจี๊ดๆด้านหลังหูซ้าย
    แล้วก็ตรงบริเวณหัวด้านหลังยังปวดนิดๆ


    หลังจากวันที่ปล่อยปลาที่วัด...เวลาทานข้าว
    จะเหม็นพวกอาหารเนื้อมาก..ยิ่งถ้ามาเป็นชิ้นใหญ่ๆ
    จะพะอืดพะอมไม่กล้าทานอ่ะค่ะ อย่างนี้เกี่ยวกับอะไรคะ
     
  18. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    ฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯฯ

    ร้อนแผ่นหลังคือ ขับพิษและสิ่งแฝง จักรสี่( จักรหัวใจ )

    น้ำลายจะบ้วนทิ้งก็ได้ ลิ้นและช่องปากคือจักรห้า หรือจักรคอ ถ้าจักรนี้สะอาด ระบบเผาผลาญฯจะดี

    น้ำตาไหล และ แสบจมูก คือ ชำระจักรหก( ระบบตาที่สาม)
    อาการเล็กแล้วพองได้ทางกาย นั่นดีแล้ว สักวันจะเข้าใจ
    ( ระบบจักร6) ของคุณ เดิมทีต้องดีมากนะ เลยโดนเจ้ากรรมฯ และบางสิ่งสกัดด้วยโรคภัยไว้ก่อน ^^


    ความจริงไม่อยากให้อาบน้ำร้อน น้ำอุ่นที่ค่อนข้างร้อน แต่ถ้าอาบน้ำอุ่นแล้ว
    ควรรีบอาบในช่วงสั้นๆ แล้วตามด้วยน้ำอุณขหภูมิปกติ และน้ำที่เย็นนิดๆ
    เพื่อไม่ให้ระบบจักระเสียหายมากไปกว่านี้ ( การอาบน้ำร้อน จะทำให้ระบบจักระเสียหาย )


    เรื่องที่มีเนื้อตายที่ก้านสมอง ไม่น่าลำบากใจ เท่ากับการที่กระดูกสันหลังเคลื่อน ขอรายละเอียดข้อมูลตรงนี้หน่อยครับ



    ขอสรรเสริญ ในความเพียรและขันติ โมทนาในคุณธรรมครับ

    ;aa14
     
  19. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    OOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOOO


    จักรห้าหรือจักรคอ ด้านหลัง ที่คุณปวดตึง มีวิญญาณอาศัยประจำ

    อาจมีส่วนจาก การทานเนื้อสัตว์บางอย่างที่เค้าอาฆาตแรงด้วย

    ดีแล้ว ที่จิตคุณทราบวิธีรักษาตัวแล้ว....( จักรห้า เกี่ยวกับระบบเผาผลาญและดูดซํบพลังงานจากอาหาร แม้แต่ ดูดซับพลังงานจากอากาศได้ )

    อาหารเนื้อสัตว์ใหญ่และเนื้อสัตว์หลายอย่างลดได้ เป็นดี

    และ จากการที่ระบบจักร6 ของคุณสะอาดขึ้นช่วงนี้ ทำให้
    การเห็น การได้กลิ่น มีความละเอียดอ่อน ฉับไว ยิ่งขึ้น ยินดีด้วยครับ

    อาการอย่างอื่น...กำลังชำระไปเรื่อยๆ


    โมทนาครับ ;aa24
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 มกราคม 2009
  20. นโมโพธิสัตโต

    นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,168
    กระทู้เรื่องเด่น:
    20
    ค่าพลัง:
    +29,715
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>รู้จักโรคกรดไหลย้อน

    “โรคกรดไหลย้อน” หรือ Gastroesophageal Reflux Disease (GERD) เป็นภาวะที่น้ำย่อยจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร โดยของที่ไหลย้อนส่วนใหญ่จะเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ส่วนน้อยอาจเป็นด่างจากลำไส้เล็ก โดยอาจมีหรือไม่มีหลอดอาหารอักเสบก็ได้

    “เนื่องจากโรคกรดไหลย้อนจะมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อร่วมด้วย คล้าย ๆ กับอาการของโรคกระเพาะอาหาร จึงทำให้คนส่วนใหญ่มักจะเหมารวมว่าตนเองอาจจะเป็นโรคกระเพาะอาหาร และไปซื้อยาลดกรด (antacids) ที่มีวางจำหน่ายตามท้องตลาดมารับประทาน ซึ่งยาประเภทนี้มีประสิทธิภาพไม่สูงพอที่จะรักษา ทำให้การรักษาไม่ตรงจุด โดยเฉพาะคนไทยเรามักจะชอบซื้อยามารับประทานเองและคิดว่าการไปพบแพทย์เป็นเรื่องใหญ่ ระยะหลังมานี้จึงพบโรคกรดไหลย้อนเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ “


    ต้นเหตุของปัญหา

    โรคนี้เกิดได้จากหลายสาเหตุ อาทิ การคลายตัวของหลอดอาหารส่วนปลายโดยที่ไม่มีการกลืน พบว่าผู้ป่วยโรคนี้จะมีจำนวนครั้งของภาวะนี้เกิดขึ้นบ่อยกว่าในคนปกติ ซึ่งสาเหตุนี้ถือเป็นภาวะสำคัญของโรค นอกจากนี้ยังเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้แก่

    • ความดันของหูรูดของหลอดอาหารส่วนปลายลดลงต่ำกว่าในคนปกติ หรือเกิดมีการเลื่อนของกระเพาะอาหารเข้าไปในหลอดอาหาร ทำให้เพิ่มโอกาสการไหลย้อนของกรดจากกระเพาะอาหารมากขึ้น

    • ความผิดปกติของการบีบตัวของกระเพาะอาหารหรือหลอดอาหาร

    • เชื้อแบคทีเรียบางชนิดหรือเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>รู้ได้อย่างไรว่าเป็นโรคกรดไหลย้อน

    โรคนี้มีความสำคัญ คือ ผู้ป่วยจะมีอาการแสบยอดอกและ/หรือร่วมกับมีภาวะเรอเปรี้ยว คือมีกรด ซึ่งเป็นน้ำรสเปรี้ยวหรือขมไหลย้อนขึ้นมาที่คอหรือปาก และจะเป็นมากขึ้นหลังรับประทานอาหารมื้อหนัก การโน้มตัวไปข้างหน้า การยกของหนัก หรือการนอนหงาย ภาวะนี้อาจทำให้เกิดหลอดอาหารอักเสบหรือเป็นมากจนเกิดแผลรุนแรง ถึงกับทำให้ปลายหลอดอาหารตีบหรือเกิดการเปลี่ยนแปลงเซลล์ของเยื่อบุหลอดอาหารได้ บางรายอาจรุนแรงจนถึงขั้นเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้ ผู้ป่วยบางรายอาจมาด้วยอาการทางด้านของโรคหู คอ จมูก อาทิ ไอเรื้อรัง เสียงแหบเรื้อรัง หรือหอบหืด เจ็บหน้าอกที่ไม่ได้เกิดจากโรคหัวใจ หรือมีกลิ่นปาก เป็นต้น

    พบได้ในเด็กหรือไม่

    โรคนี้สามารถพบได้ตั้งแต่ทารกจนถึงเด็กโต ในเด็กเล็กอาการที่ควรนึกถึง ได้แก่ อาเจียนบ่อยหลังดูดนม โลหิตจาง น้ำหนักและการเจริญเติบโตไม่สมวัย ไอเรื้อรัง หอบหืด ปอดอักเสบเรื้อรัง ในเด็กบางรายอาจมีปัญหาการหยุดหายใจขณะหลับได้
    วินิจฉัยอย่างไร

    โดยปกติแพทย์สามารถวินิจฉัยจากอาการดังที่กล่าวมา โดยผู้ป่วยที่มีอาการทั้งแสบยอดอกและ/หรือเรอเปรี้ยว (ทั้งนี้ไม่ควรมีอาการที่บ่งบอกว่าน่าจะเป็นโรคอื่น อาทิ น้ำหนักลด อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายดำหรือถ่ายเป็นเลือด หรือมีไข้) แพทย์สามารถวินิจฉัยได้เลยว่า ผู้ป่วยมีภาวะกรดไหลย้อนและให้การรักษาเบื้องต้นได้ทันที โดยจะติดตามดูอาการของผู้ป่วย ในบางรายอาจมีความจำเป็นต้องได้รับการตรวจค้นพิเศษเพิ่มเติม เช่น การส่องกล้องทางเดินอาหาร กลืนแป้ง หรือตรวจวัดการบีบตัวของหลอดอาหาร และตรวจวัดความเป็นกรดด่างในหลอดอาหาร ซึ่งพบว่าได้ผลแม่นยำดีที่สุดในปัจจุบัน

    จะดำเนินชีวิตอย่างไรถ้าเป็น
    โดยทั่วไปเป้าหมายของการรักษา แพทย์จะมุ่งเน้นให้อาการของผู้ป่วยดีขี้น รักษาอาการอักเสบของแผลในหลอดอาหารและป้องกันผลแทรกซ้อน การรักษามีตั้งแต่ การเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต การให้ยา การส่องกล้องรักษาและการผ่าตัด ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดคือการเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ตั้งแต่

    •หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา
    •หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้ หรืออาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด เผ็ดจัด อาหารไขมันสูง ช็อกโกแลต
    •ระวังไม่ให้น้ำหนักตัวมากหรืออ้วนเกินไป
    • ระวังไม่ควรรับประทานอาหารในแต่ละมื้อมากเกินไป โดยเฉพาะมื้อเย็น ควรรับประทานอาหารและไม่ควรนอนทันทีหลังจากนั้น 3 ชั่วโมง
    • นอนตะแคงซ้าย เนื่องจากการนอนตะแคงซ้ายทำให้หูรูดมีจำนวนครั้งของการคลายตัว น้อยลงและนอนหนุนหัวเตียงให้สูงอย่างน้อย 6 นิ้ว
    • ไม่ควรสวมเสื้อผ้าที่รัดเกินไป
    • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=400>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ทำตัวใหม่แล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรทำอย่างไรต่อ

    ถ้าการดำเนินชีวิตเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น จำเป็นต้องรับประทานยาร่วมด้วย

    ปัจจุบันยาที่ได้ผลดีที่สุด คือ ยาลดกรดในกลุ่ม Proton pump inhibitors ยาประเภทนี้มีประสิทธิภาพสูงมากในการป้องกันการเกิดอาการปวดแสบร้อนบริเวณหน้าอก และมีประสิทธิภาพสูงมากในการสมานแผลของหลอดอาหาร โดยที่แพทย์จะให้รับประทานยาในกลุ่มนี้เป็นเวลา 6 - 8 สัปดาห์ บางรายที่เป็นมาก อาจมีความจำเป็นต้องใช้ยาเป็นระยะเวลานานหลายเดือนหรือเป็นปี ซึ่งอาจจะมีการปรับการรับประทานยาเป็นแบบช่วงระยะเวลาสั้น ๆ หรือไม่กี่วันตามอาการที่มี หรือรับประทานติดต่อกันตลอดเป็นเวลานาน

    อย่างไรก็ตาม การใช้ยาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ในรายที่รับประทานยาแล้วอาการไม่ดีขึ้นอาจพิจารณาการรักษาด้วยการส่องกล้องหรือผ่าตัด

    โรคกรดไหลย้อน แม้ว่าจะไม่ใช่โรคร้ายแรงถึงชีวิต แต่เป็นโรคที่สร้างความทุกข์ทรมานให้กับผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตและประสิทธิภาพการทำงานลดลง ดังนั้นหากมีอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังถูก "โรคกรดไหลย้อน" คุกคาม ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและ รักษาต่อไป เพราะหากละเลยไม่ยอมรักษานานๆ ไปอาจทำให้เรื้อรังกลายเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้เช่นกัน

    สำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถค้นหาโรคกรดไหลย้อนได้ที่ www.gerdthai.com

    </TD></TR></TBODY></TABLE>http://www2.manager.co.th/QOL/ViewNe...=9500000129139<!-- / message -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...