สุดมหัศจรรย์ พระอรหันต์ ๗ ขวบ ถูกไฟไหม้ขณะอยู่ในครรภ์มารดาแต่ไม่เป็นอันตราย

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ชนะ สิริไพโรจน์, 14 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สังกิจจะสามเณร

    บรรลุพระอรหันต์เมื่ออายุ ๗ ขวบ
    ถูกไฟไหม้ขณะอยู่ในครรภ์มารดา แต่ไม่เป็นอันตราย

    ตอน ๑
    [​IMG]



    ผู้ที่เกิดมาถ้าหากว่า มีเป้าหมายแน่นอนที่จะบวชตั้งแต่เยาว์วัย
    แม้จะเกิดมาในตระกูลใดก็ไม่สำคัญ เพราะเมื่อบวชเข้ามาแล้ว
    ย่อมไม่มีความแตกต่างกัน ผู้ที่บวชเป็นสามเณรเข้ามาแล้ว
    จะให้ความเคารพกันตามลำดับพรรษา
    โดยผู้ที่บวชภายหลังต้องให้ความเคารพแก่ผู้ที่บวชก่อน
    นอกจากนั้นก็ให้ความเคารพกัน ในคุณธรรมและคุณวิเศษ
    คือถ้าท่านผู้นั้นมีคุณธรรมสูงส่ง มีความประพฤติเป็นที่น่าเลื่อมใส
    เป็นที่พึ่งให้แก่ผู้อื่นได้ แม้จะมีอายุพรรษาน้อยก็ย่อมได้รับการยกย่องเชิดชู
    อย่างเช่นสามเณรรูปหนึ่งนามว่า สังกิจจะ ซึ่งท่านบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
    ตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ และยังได้เป็นที่พึ่งให้แก่พระภิกษุ ๓๐ รูปในราวไพรมีเรื่องราวดังต่อไปนี้



    สังกิจจะสามเณรได้ออกบวชเมื่อมีอายุได้ ๗ขวบท่านมีความเป็นมาน่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง
    โยมมารดาของท่านนั้นเป็นธิดาของตระกูลมั่งคั่งในกรุงสาวัตถีแต่ว่ามารดาได้เสียชีวิต
    ตั้งแต่ท่านอยู่ในครรภ์ด้วยโรคร้ายอย่างหนึ่ง


    เมื่อมารดาถูกเผาอยู่บนเชิงตะกอน ในขณะที่เนื้อส่วนอื่นไหม้ไปจนหมด
    ยังเหลืออยู่แต่เพียงส่วนเนื้อท้อง พวกสัปเหร่อจึงเอาหลาวเหล็กเสียบเนื้อท้องของนาง
    ยกลงจากเชิงตะกอน แทงซ้ำอีก ๒- ๓ ครั้งเพื่อให้เนื้อแตกออกจากกัน


    ปลายหลาวเหล็กได้แทงหางตาของทารก เมื่อพวกสัปเหร่อแทงเนื้อท้องเสร็จ
    จึงโยนกลับขึ้นไปบนเชิงตะกอน ใส่ฟืนสุมไฟเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง
    จนแน่ใจว่าคราวนี้คงไหม้หมดแน่แล้ว จึงค่อยพากันกลับบ้าน


    แม้เนื้อท้องได้ไหม้จนหมด แต่ทารกกลับไม่ได้ไหม้ ยังคงนอนหลับสบาย
    เหมือนนอนอยู่ในห้องกลีบดอกบัว ที่เป็นเช่นนี้ด้วยอานุภาพของผู้เกิดมา
    เพื่อเป็นภพชาติสุดท้ายแม้จะถูกภูเขาสิเนรุทับก็จะไม่สิ้นชีวิตก่อนที่จะได้บรรลุธรรม<O:p</O:p


    ในวันรุ่งขึ้น พวกสัปเหร่อกลับมาอีกเพื่อจะดับเชิงตะกอนเห็นทารกนอนอยู่บนเชิงตะกอน
    ก็เกิดอัศจรรย์ใจว่า มารดาถูกเผาอยู่บนฟืนมากขนาดนี้แต่ทำไมทารกนี้กลับไม่ไหม้<O:p</O:p


    จึงอุ้มเด็กเข้าไปในหมู่บ้านพวกหมอดูทำนายว่า<O:p</O:p
    "ถ้าทารกนี้อยู่ครองเรือน หมู่ญาติตลอด ๗ ชั่วเครือสกุล จะไม่ยากจน
    ถ้าเขาออกบวช จะมีสมณะ ๕๐๐ รูปเป็นลูกศิษย์"
    พวกญาติจึงขนานนามว่า สังกิจจะ เพราะหางตาถูกขอเหล็กแทงจนแตก
    จากนั้นพวกญาติๆ ได้ช่วยกันเลี้ยงดู โดยตกลงกันว่าเมื่อเด็กโตขึ้นจะให้บวช
    เป็นลูกศิษย์ของพระสารีบุตร


    ต่อมา เมื่อสังกิจจะอายุได้ ๗ ขวบ ได้ยินพวกเพื่อนๆ พูดกันว่า<O:p</O:p
    "แม่ของเธอได้เสียชีวิตตั้งแต่เวลาที่เธออยู่ในท้อง แม้คุณแม่จะถูกไฟไหม้จนหมด
    แต่เธอกลับไม่เป็นอันตราย"<O:p</O:p
    สังกิจจะเกิดความสลดสังเวชในการเกิดบ่อยๆ จึงบอกพวกญาติว่า<O:p</O:p
    "แม้ฉันรอดพ้นจากความตายมาได้ สักวันหนึ่งก็ต้องตายอยู่ดี
    ฉันจะขอบวชเพื่อแสวงหาทางที่ไม่ต้องตายอีกต่อไป"


    หมู่ญาติจึงบอกว่า<O:p</O:p
    "สาธุ ดีแล้วลูกเอ๊ย !พวกเราก็ตั้งใจเอาไว้อย่างนั้นเหมือนกัน"
    ว่าแล้วก็นำสังกิจจะไปหาพระสารีบุตร ได้ขอร้องให้ท่านช่วยบวชให้
    พระเถระให้กัมมัฏฐาน มีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นอารมณ์ แล้วก็บวชให้
    สามเณรสามารถพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงของสังขาร ทำใจหยุดนิ่งอยู่ภายใน
    ยกใจขึ้นสู่ไตรลักษณ์ ทันทีที่ปลงผมเสร็จก็ได้บรรลุพระอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทันที
    มีชื่อว่า สังกิจจะสามเณร

    ในวันหนึ่ง ได้มีพระภิกษุ ๓๐รูปปรารถนาจะเข้าไปบำเพ็ญสมณธรรมในราวป่า
    จึงเข้าไปทูลลาพระบรมศาสดา<O:p</O:p
    พระพุทธองค์ทรงเห็นด้วยพุทธญาณว่าภัยของภิกษุจะเกิดจากชายชั่วคนหนึ่ง
    หากสังกิจจะสามเณรไปด้วยก็จะช่วยป้องกันภัยนั้นได้ อีกทั้งพระภิกษุ
    ก็จะได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ด้วยจึงรับสั่งให้ภิกษุทั้ง ๓๐ รูปไปลาพระสารีบุตรเถระก่อน<O:p</O:p


    พระพุทธองค์ทรงแนะนำว่า<O:p</O:p
    "ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงอำลาสารีบุตร พี่ชายทางธรรมของพวกเธอแล้วจึงค่อยไป"<O:p</O:p
    ภิกษุทั้ง ๓๐ รูป ครั้นรับพุทธโอวาทแล้ว ก็ไปสำนักของพระเถระ
    พระเถระให้การปฏิสันถารทุกรูป พร้อมกับไต่ถามว่า<O:p</O:p
    "ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย จะพากันไปไหน"<O:p</O:p
    จึงบอกว่า<O:p</O:p
    "พวกกระผมเรียนกัมมัฏฐานจากพระบรมศาสดาแล้วต้องการจะเข้าป่า
    เพื่อปลีกวิเวกพระบรมศาสดาทรงมีรับสั่งให้พวกเรามาอำลาท่านก่อนไป"
    พระเถระคิดว่า<O:p</O:p
    "การที่พระองค์ทรงส่งภิกษุเหล่านี้มาคงเห็นเหตุบางอย่าง"<O:p</O:p
    จึงตรวจดูด้วยญาณทัสสนะ ครั้นรู้แล้ว จึงกล่าวว่า<O:p</O:p
    "ผู้มีอายุพวกท่านมีสามเณรคอยอุปัฏฐากหรือยัง"
    ครั้นพวกภิกษุบอกว่า ยังไม่มี ...พระเถระจึงบอกว่า<O:p</O:p
    "ถ้ายังไม่มีพวกท่านจงนำเอาสังกิจจะสามเณรของเราไปด้วยสิ"
    "อย่าเลย ครับถ้าสามเณรไปด้วยพวกกระผมจะพลอยกังวลใจเปล่าๆ
    เนื่องจากพวกเราประพฤติธรรมอยู่ในป่าคงไม่จำเป็นต้องให้สามเณรมาอุปัฏฐาก"<O:p</O:p
    สารีบุตรกล่าวเตือนว่า<O:p</O:p
    "ท่านผู้มีอายุสามเณรนี้จะไม่ทำให้พวกท่านกังวลใจหรอก
    มีแต่เพราะอาศัยพวกท่านสามเณรจะเป็นกังวลมากกว่า
    แม้พระบรมศาสดาทรงหวังจะส่งสามเณรไปกับพวกท่าน
    จึงทรงรับสั่งให้มาลาเราก่อนพวกท่านจงพาสามเณรไปด้วยเถิด"
    ภิกษุเห็นว่าพระเถระมีความปรารถนาดี ก็ยินดีรับสามเณรไปด้วย
    จึงรวมเป็น ๓๑ รูป จากนั้นได้อำลาพระเถระ เที่ยวจาริกไป<O:p</O:p


    เมื่อเดินทางไกลถึง ๑๒๐ โยชน์ ถึงหมู่บ้านใหญ่แห่งหนึ่ง
    พวกชาวบ้านเห็นภิกษุสงฆ์เดินธุดงค์ผ่านมา ต่างก็มีจิตเลื่อมใส
    ถวายอาหารบิณฑบาตโดยเคารพ พร้อมกับไต่ถามว่า
    "พระคุณเจ้า จะเดินธุดงค์ไปไหน"<O:p</O:p
    จึงบอกว่า<O:p</O:p
    "กำลังหาสถานที่สัปปายะ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม"<O:p</O:p
    ชาวบ้านจึงกราบนิมนต์ว่า<O:p</O:p
    "ท่านเจ้าข้า ถ้าอย่างนั้นขอนิมนต์พระคุณเจ้าอยู่จำพรรษา
    ที่หมู่บ้านแห่งนี้เถิดพวกกระผมจะสมาทานศีลห้าและรักษาอุโบสถศีล"<O:p</O:p
    พระสงฆ์ทุกรูปเห็นโยมมีศรัทธาแรงกล้า จึงรับนิมนต์เพื่ออยู่จำพรรษา
    ในวิหารใหม่ที่ชาวบ้านพากันทำถวาย
    <O:p</O:p
    เรื่องราวจะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กุมภาพันธ์ 2009
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    กำลังสนุกเลย เล่าต่อเลยครับ
     
  3. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สุดมหัศจรรย์ พระอรหันต์ ๗ ขวบ ตอนที่ ๒

    สังกิจจะสามเณร
    บรรลุพระอรหันต์เมื่ออายุ ๗ ขวบ
    ถูกไฟไหม้ขณะอยู่ในครรภ์มารดา แต่ไม่เป็นอันตราย
    ตอน ๒

    เมื่อได้สถานที่อยู่จำพรรษาแล้วทุกรูปต่างแยกย้ายกันเข้าจำพรรษาในที่เฉพาะของแต่ละรูป
    โดยจะไม่อยู่รวมกันแห่งละ ๒ รูป มุ่งทำพระนิพพานให้แจ้งกันอย่างเดียว
    ในวันเข้าจำพรรษา พระเถระได้ให้โอวาทและตั้งกติกาว่า
    "ผู้มีอายุพวกเราเรียนกัมมัฏฐานจากพระพุทธเจ้าผู้ยังทรงพระชนม์อยู่
    หากไม่ตั้งใจปฏิบัติธรรมจะให้พระองค์ทรงพอพระทัยนั้น เป็นเรื่องยาก
    อีกอย่างหนึ่ง ประตูอบายก็เปิดคอยรับพวกเราเสมอ เพราะฉะนั้นยกเว้นเวลาบิณฑบาตในตอนเช้า
    และเวลาบำรุงพระเถระตอนเย็น ในเวลาที่เหลือพวกเราจะไม่อยู่ในที่แห่งเดียวกัน ๒ รูป<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    แต่ถ้าภิกษุรูปใดอาพาธ ก็จงตีระฆังพวกเราจะไปที่พักของท่านผู้นั้นเพื่อช่วยกันพยาบาล
    นอกจากนี้ พวกเราจะไม่ประมาทหมั่นทำกัมมัฏฐานให้ต่อเนื่อง"
    จากนั้นมา ภิกษุทุกรูปจึงอยู่ด้วยความไม่ประมาท หมั่นทำกัมมัฏฐานทั้งยืนเดิน
    นั่ง นอน ตลอดกลางวันและกลางคืน<o:p></o:p>
    ในวันหนึ่งได้มีบุรุษเข็ญใจคนหนึ่งซึ่งแต่เดิมเคยอาศัยครอบครัวของภรรยาดำรงชีพ
    แต่เมื่อถูกทอดทิ้งจึงออกเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อย
    ได้พบพระภิกษุสงฆ์กำลังเที่ยวไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน
    เมื่อได้ภัตตาหารมาแล้ว ก็มานั่งทำภัตกิจอยู่บนหาดทราย<o:p></o:p>
    เขาได้เข้าไปไหว้พระเถระด้วยความคิดว่า พระภิกษุเพิ่งกลับจากบิณฑบาตกำลังทำภัตกิจ
    คงมีอาหารพอทำให้เราคลายหิวได้บ้าง<o:p></o:p>​
    เถระเมื่อเห็นเขาจึงถามเขาว่า<o:p></o:p>
    "จะไปไหนล่ะ"<o:p></o:p>
    ครั้นรู้ว่าเขากำลังตกทุกข์ได้ยาก จึงเกิดความกรุณาบอกเขาว่า<o:p></o:p>
    "อุบาสก ท่านหิวมาก จงไปนำใบไม้มา"<o:p></o:p>
    ว่าแล้วแต่ละรูปก็ได้คลุกข้าวกับแกงแบ่งให้ บุรุษเข็ญใจกินข้าวเสร็จแล้ว คิดว่า<o:p></o:p>
    "เราอุตสาห์ทำงานตลอดทั้งวัน ก็ยังไม่ได้อาหารที่เลิศอย่างนี้
    เราจะไปที่อื่นทำไม อยู่กับภิกษุเหล่านี้ ดีกว่า"
    จึงบอกพระภิกษุว่า<o:p></o:p>
    "กระผมอยากจะขออยู่ช่วยอุปัฏฐากดูแลพระคุณเจ้า"<o:p></o:p>
    พวกภิกษุเห็นความตั้งใจดีของเขา จึงเมตตารับเขาไว้<o:p></o:p>​
    เมื่อเขาอยู่กับพระสงฆ์ ก็ทำวัตรปฏิบัติเป็นอย่างดีทำให้พวกพระภิกษุรักและไว้วางใจเรื่อยมา<o:p></o:p>


    แต่เมื่อผ่านไป ๒ เดือน เขาก็เกิดอยากมีภรรยาขึ้นมาคืนนั้นจึงแอบหนีไปโดยไม่บอกลา
    โดยหารู้ไม่ว่าเขากำลังจะนำภัยพิบัติใหญ่หลวงมาสู่ภิกษุสงฆ์ ก็ในหนทางที่เขาไปนั้น
    มีดงอยู่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ซุ่มอยู่ของพวกโจร วันนั้นโจร ๕๐๐ คน ได้บนบานเทวดาว่า<o:p></o:p>
    "ถ้าใครเข้ามาในดง พวกเราจะจับผู้นั้นฆ่าเอาเนื้อและเลือดของผู้นั้นทำพลีกรรมแด่ท่าน"<o:p></o:p>

    เมื่อกล่าวบนบานแล้ว หัวหน้าโจรก็ได้ขึ้นต้นไม้มองคนเคราะห์ร้ายที่จะพลัดหลงเข้ามา
    ก็ได้เห็นบุรุษนั้นเดินมาแต่ไกลจึงได้ให้สัญญาณแก่สมุนโจรพวกโจรรู้ว่ามีคนพลัดเข้ามาแล้ว
    จึงล้อมจับเขา ผูกมัดอย่างแน่นหนา ขนฟืนมาก่อเป็นกองไฟใหญ่ เสี้ยมหลาวไว้<o:p></o:p>
    บุรุษนั้นถามโจรว่า<o:p></o:p>
    "นายกระผมไม่เห็นจะมีหมูหรือเนื้อเลยสักตัวเดียวพวกท่านก่อไฟและเสี้ยมหลาวไว้ทำไม?"
    พวกโจรพากันหัวเราะบอกว่า "พวกเราจะฆ่าเจ้า แล้วเสียบหลาวย่างทำพลีกรรมแด่เทวดานะซิ"
    เขาเกิดกลัวตายสุดขีด ไม่ได้คิดถึงอุปการคุณของพวกภิกษุเลยคิดแต่จะเอาตัวรอดอย่างเดียว<o:p></o:p>
    บอกพวกโจรว่า
    "นาย ข้าพเจ้าเป็นคนกินเดนคนกินเดนเป็นคนกาลกิณี ก็พวกพระภิกษุโดยมากออกบวช
    จากตระกูลใหญ่ๆ เป็นกษัตริย์ออกบวชก็มี มีภิกษุ ๓๑รูปอาศัยอยู่ไม่ไกลจากที่นี่พวกท่าน
    จงฆ่าพระทำพลีกรรมเถิดเทพเจ้าของพวกท่านจะได้พอใจ"
    พวกโจรฟังแล้ว คิดว่า<o:p></o:p>
    "บุรุษคนนี้พูดถูก การฆ่าคนกาลกิณีนี้ คงไม่เกิดประโยชน์พวกเราจะฆ่ากษัตริย์ทำพลีกรรมดีกว่า"
    คิดแล้วจึงแก้มัดให้เขาจากนั้น ให้เขานั่นแหละเป็นผู้นำทาง เมื่อถึงที่อยู่ของพวกภิกษุแล้ว
    ไม่เห็นภิกษุแม้เพียงรูปเดียว หัวหน้าโจรจึงถามเขาว่า<o:p></o:p>
    "พวกภิกษุอยู่ที่ไหนล่ะ?"
    เขารู้กติกาของภิกษุสงฆ์ดี จึงกล่าวว่า<o:p></o:p>
    "พวกภิกษุกำลังนั่งสมาธิบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ที่พักของตัวเอง
    จงตีระฆังดูซิ่งเมื่อพวกภิกษุได้ยินเสียงระฆัง ก็จะมาประชุมกัน"
    หัวหน้าโจรจึงตีระฆังขึ้น
    พวกภิกษุได้ยินเสียงระฆัง จึงคิดว่า<o:p></o:p>
    "มีผู้ตีระฆังผิดเวลา คงจะมีใครเจ็บไข้กระมัง"<o:p></o:p>
    จึงมานั่งรวมกัน เมื่อพระภิกษุมาครบทุกรูป ไม่เห็นมีองค์ไหนอาพาธพระสังฆเถระได้ถามพวกโจรว่า<o:p></o:p>
    "อุบาสก พวกท่านตีระฆังทำไมหรือ"<o:p></o:p>
    หัวหน้าโจรจึงบอกความประสงค์ว่า<o:p></o:p>
    "พวกข้าพเจ้าบนบานเทวดาประจำดงไว้ ต้องการภิกษุรูปหนึ่งเพื่อนำไปทำพลีกรรมแก่เทวดา
    พวกท่านจงส่งตัวแทนของภิกษุมารูปหนึ่ง"
    <o:p></o:p>
    ส่วนพวกโจรจะได้ภิกษุรูปไหนหรือไม่อย่างไรโปรดติดตามตามตอนต่อไป<o:p></o:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2009
  4. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    สุดอัศจรรย์ พระอรหันต์ ๗ ขวบ ตอน ๓

    สังกิจจะสามเณร
    บรรลุพระอรหันต์เมื่ออายุ ๗ ขวบ
    ถูกไฟไหม้ขณะอยู่ในครรภ์มารดา แต่ไม่เป็นอันตราย
    ตอน ๓


    พระมหาเถระครั้นได้ฟังหัวหน้าโจรบอกว่า ต้องการภิกษุ ๑ รูป
    เพื่อนำไปทำพลีกรรม จึงคิดว่า ธรรมดาอันตรายที่จะเกิดแก่น้อง ๆ
    ผู้เป็นพี่ต้องช่วยแก้ไข จึงบอกพวกภิกษุว่า
    "ผู้มีอายุทั้งหลาย ผมจะสละชีวิตเพื่อพวกท่านขออันตรายจงอย่ามีแก่พวกท่านเลย
    พวกท่านจงเป็นผู้ไม่ประมาทบำเพ็ญสมณธรรมเถิด"<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    ฝ่ายพระอนุเถระก็คิดว่า พระมหาเถระควรจะอยู่เป็นที่พึ่งให้แก่น้องๆจึงกล่าวว่า<O:p></O:p>
    "ธรรมดากิจของพี่ย่อมเป็นภาระของน้อง กระผมขอไปเองขอท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาทเถิด"<O:p></O:p>
    ทางด้านพระภิกษุที่เหลือต่างก็ลุกขึ้นพูดเหมือนกันว่า<O:p></O:p>
    "ผมเอง ให้ผมไปเอง"<O:p></O:p>
    ภิกษุทั้งหมดแม้ไม่ได้เป็นพี่เป็นน้องกัน ยังไม่มีใครหมดกิเลส
    มีความกลัวตายด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็ยอมเสียสละชีวิตเพื่อพระภิกษุที่เหลือ
    ฝ่ายสามเณรก็แน่เหมือนกัน ได้บอกพระภิกษุว่า<O:p></O:p>
    "หยุดเถิดท่านขอรับ กระผมจะสละชีวิตเพื่อพวกท่านเอง"
    พวกภิกษุได้ยินสามเณรพูดดังนั้น ก็รู้สึกสะท้านไปถึงหัวใจรีบกล่าวห้ามว่า<O:p></O:p>
    "สามเณร เราทั้งหมดแม้จะถูกฆ่ารวมกันก็จะไม่ยอมสละเธอผู้เดียว.."<O:p></O:p>
    สามเณรถามว่า
    "ทำไมจึงพูดอย่างนั้น ขอรับ"<O:p></O:p>
    พวกภิกษุบอกว่า<O:p></O:p>
    "เธอเป็นสามเณรของพระสารีบุตรเถระ ถ้าเราจะสละเธอไป
    พระเถระก็จะตำหนิได้ว่าพวกภิกษุไม่ต้องการสามเณร
    จึงพาไปให้พวกโจรฆ่าทิ้ง พวกเราไม่อาจรับคำตำหนินั้นได้
    เพราะฉะนั้น เราจึงสละเธอไปไม่ได้"<O:p></O:p>
    สามเณรบอกให้พระทุกรูประลึกถึงเหตุการณ์ในวันที่จะออกเดินทางพร้อมกับชี้แจงว่า<O:p></O:p>
    "ท่านครับการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงส่งพวกท่าน
    ไปอำลาพระอุปัชฌาย์ของกระผมก็ดีการที่พระอุปัชฌาย์
    ส่งกระผมมากับพวกท่านก็ดีได้ทรงเห็นเหตุนี้แล้วทั้งนั้น
    จึงส่งมาพวกท่านจงหยุดเถิดกระผมนี้แหละจะไปเอง"<O:p></O:p>
    ถ้อยคำที่กล่าวอย่างองอาจและมีเหตุมีผลของสามเณร
    ทำให้พระทุกรูปไม่กล้าคัดค้าน ได้แต่นิ่ง
    สามเณรไหว้ภิกษุทั้ง ๓๐ รูปแล้ว กล่าวว่า<O:p></O:p>
    "ท่านครับ ถ้ากระผมเคยผิดพลาดล่วงเกินขอท่านจงโปรดให้อภัยด้วย"<O:p></O:p>
    ว่าแล้วก็ออกเดินนำพวกโจรไปโดยไม่สะทกสะท้าน
    ไม่รู้สึกหวั่นไหวต่อมรณภัยแม้เพียงนิดเดียว
    ความสลดใจอย่างใหญ่หลวงได้เกิดขึ้นแก่พระภิกษุ
    น้ำตาเอ่อล้นเต็มเบ้าตา หัวใจสั่นไหวด้วยความสงสารสามเณร<O:p></O:p>

    เมื่อสามเณรเดินคล้อยหลังไป พระมหาเถระได้ขอร้องหัวหน้าโจรว่า<O:p></O:p>
    "โยม สามเณรยังเป็นเด็ก เห็นพวกท่านก่อไฟ เสี้ยมหลาว ลาดใบไม้
    จะเกิดความกลัว พวกท่านจงให้สามเณรพักอยู่ในที่แห่งหนึ่งก่อน
    แล้วทำพลีกรรมในอีกที่หนึ่งเถิดนะ"<O:p></O:p>
    เมื่อพวกโจรพาสามเณรไปแล้ว ได้พาไปพักไว้ในที่แห่งหนึ่ง
    แล้วจึงค่อยไปเตรียมบูชายัญในที่อีกแห่งหนึ่ง<O:p></O:p>
    ครั้นสามเณรไปถึงที่อยู่ของพวกโจร แทนที่จะนั่งร้องไห้กลัวตาย
    กลับนั่งเข้าฌานสงบนิ่งไม่ไหวติงส่วนพวกโจรเมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จแล้ว
    หัวหน้าโจรได้ชักดาบเดินเข้าไปหาสามเณร กำด้ามดาบแน่นแล้ว
    ยกขึ้นฟันฉับลงที่ก้านคอสามเณรทันที!<O:p></O:p>
    ทันใดนั้น สิ่งที่ไม่คาดฝันก็ได้เกิดขึ้น..! ดาบได้งอพับเป็นรูปโค้ง
    ทำให้หัวหน้าโจรต้องตะลึง ! แต่ก็คิดเข้าข้างตัวเองว่า<O:p></O:p>
    "เราคงฟันพลาดไปมั้ง"<O:p></O:p>
    จึงดัดดาบให้ตรง แล้วฟันซ้ำอีก ดาบได้ม้วนงอลงมาอีกครั้ง<O:p></O:p>
    หัวหน้าโจรเห็นปาฏิหาริย์แล้ว จึงเกิดความหวั่นไหว คิดว่า<O:p></O:p>
    "เมื่อก่อนดาบของเราสามารถใช้ตัดเสาหินหรือตอไม้ตะเคียน
    เหมือนฟันหยวกกล้วยแต่คราวนี้ดาบของเราม้วนงออย่างกับใบตาลม้วน
    ดาบนี้แม้ไม่มีจิต ยังไม่กล้าทำร้ายสามเณรเราเป็นคนแท้ๆ แต่กลับไม่รู้คุณของสามเณร"

    เมื่อคิดดังนี้แล้ว จึงทิ้งดาบลงบนพื้น หมอบลงแทบเท้าของสามเณรกล่าวว่า<O:p></O:p>
    "สามเณร พวกเราเป็นโจรในป่ามานาน คนตั้งพันเห็นพวกเราแต่ไกลยังตัวสั่น
    ส่วนท่านไม่มีความกลัวแม้เพียงนิดเดียวใบหน้าของท่านกลับผ่องใสยิ่งนัก เป็นเพราะอะไรหนอ"<O:p></O:p>
    สามเณรบอกว่า<O:p></O:p>
    "ท่านหัวหน้าธรรมดาของผู้ที่หมดกิเลสแล้ว ย่อมไม่มีความหวาดกลัว
    ขึ้นชื่อว่าร่างกายเป็นเหมือนภาระหนัก ที่ต้องคอยดูแล พระอรหันต์ทั้งหลายเห็นว่า
    เมื่อร่างกายแตกสลายไป ย่อมมีแต่ความยินดี ไม่มีความหวาดกลัวเลย"
    "พวกท่านจะทำอย่างไรต่อไป ? "
    ลูกน้องโจรไม่มีความเห็นได้แต่บอกว่า "ก็แล้วแต่หัวหน้าเถอะ"
    หัวหน้าโจรจึงบอกว่า<O:p></O:p>
    "เมื่อเราเห็นปาฏิหาริย์นี้แล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไร
    ที่จะเป็นโจรป่าเราจะบวชเป็นลูกศิษย์ของสามเณร"<O:p></O:p>
    พวกสมุนโจรเห็นดีเห็นงามว่า<O:p></O:p>
    "ดีแล้ว แม้พวกเราก็จะบวชเหมือนกัน"<O:p></O:p>
    หัวหน้าโจรจึงได้นำสมุนทั้งหมดกราบเท้าขอบวชกับสามเณร
    สามเณรได้ใช้คมดาบตัดผมของหัวหน้าโจร ตัดชายผ้าที่โจรใช้ห่มออก
    แล้วย้อมด้วยดินแดงให้ครองผ้ากาสาวะ แล้วก็ให้โจรทั้งหมดบวชเป็นสามเณร
    ให้รับศีล ๑๐ ทุกคน
    สังกิจจะสามเณร เมื่อให้พวกโจรรับศีล ๑๐ แล้ว คิดว่า<O:p></O:p>
    "บริเวณนี้เป็นที่ไม่ปลอดภัยสำหรับสามเณรใหม่
    เราควรนำพวกเขากลับไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา"
    ก่อนจะไปได้คิดว่า<O:p></O:p>
    "ถ้าเราไม่ลาพระเถระทั้งหลายเสียก่อนพวกท่านคงไม่อาจบำเพ็ญสมณธรรมได้
    ตั้งแต่เวลาที่เรามากับพวกโจรก็ไม่มีพระองค์ไหนสามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้"
    จึงตั้งใจจะกลับไปหาพระภิกษุทุกรูปก่อน<O:p></O:p>
    สังกิจจสามเณรกลัวว่าภิกษุทั้ง ๓๐ รูปจะเป็นห่วง
    จึงพาสามเณรใหม่ทั้ง๕๐๐ รูป กลับไปลาพวกภิกษุ
    เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังทุกอย่างจนภิกษุทุกรูปสบายใจไปตามๆ กัน
    เหมือนยกภูเขาออกจากอกก่อนจะจากไปสามเณรบอกให้ภิกษุทุกรูปอย่าได้ประมาท
    ให้ตั้งใจบำเพ็ญสมณธรรมอย่างเต็มที่จากนั้นก็กล่าวลาเพื่อไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา<O:p></O:p>
    เมื่อกลับไปถึงวัดเวฬุวัน ก็ได้นำสามเณร ๕๐๐ รูปไปกราบนมัสการพระสารีบุตรเถระ
    ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสารีบุตรถามว่า<O:p></O:p>

    "สังกิจจะ เธอได้ลูกศิษย์มาหรือ?"
    สามเณรจึงตอบว่า<O:p></O:p>
    "ครับ" แล้วก็เล่าเรื่องราวให้พระเถระทราบทุกอย่าง<O:p></O:p>
    พระสารีบุตรแนะนำว่า<O:p></O:p>
    "สังกิจจะเธอจงพาสามเณรเหล่านี้ไปเข้าเฝ้าพระศาสดาเถิด"<O:p></O:p>
    สังกิจจสามเณรเมื่อได้รับคำแนะนำแล้ว พาสามเณรทั้ง ๕๐๐
    ไปเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา แม้พระบรมศาสดาก็ตรัสถามว่า<O:p></O:p>
    "สังกิจจะ เธอได้ลูกศิษย์มาหรือ?"
    สามเณรจึงกราบทูลให้ทรงทราบ
    พระบรมศาสดาตรัสสนทนากับสามเณรใหม่ทั้ง ๕๐๐
    ทรงแสดงธรรมเนื้อหาโดยสรุปว่า<O:p></O:p>
    "การที่พวกท่านตั้งอยู่ในศีล มีชีวิตอยู่แม้วันเดียวในบัดนี้
    ประเสริฐกว่าการเป็นโจรตั้ง ๑๐๐ ปี ก็ผู้ใดทุศีล มีจิตไม่ตั้งมั่น
    แม้มีชีวิตอยู่ตั้ง ๑๐๐ ปี ความเป็นอยู่วันเดียวของผู้มีศีล มีฌานประเสริฐกว่า"<O:p></O:p>

    ในเวลาจบพระธรรมเทศนา สามเณรทั้ง ๕๐๐ รูป
    ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา<O:p></O:p>


    จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า สามเณรอายุเพียง ๗ ขวบเพียงรูปเดียว
    ก็สามารถช่วยให้พระภิกษุทั้ง ๓๐ รูป ให้พ้นภัยและสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในที่สุด
    และช่วยโจรทั้ง ๕๐๐ ให้เกิดศรัทธา เลิกการเป็นโจรเข้ามาบวชในพระศาสนา
    ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด
    สามเณรถึงแม้ว่าอายุยังน้อยก็ตามแต่หากเปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรมอันสูงส่งแล้ว
    ก็สามารถชี้นำสิ่งที่ดีๆให้สังคมตลอดจนมวลมนุษยชาติได้


    ศูนย์พุทธศรัทธา
    สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง
    เชิญท่านแวะชมและโมทนาบุญ
    มีข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มจากเดิมอีกหลายรายการครับ



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กุมภาพันธ์ 2009
  5. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,679
    ค่าพลัง:
    +9,239
    "การที่พวกท่านตั้งอยู่ในศีล มีชีวิตอยู่แม้วันเดียวในบัดนี้ประเสริฐกว่าการเป็นโจรตั้ง ๑๐๐ ปี ก็ผู้ใดทุศีล มีจิตไม่ตั้งมั่นแม้มีชีวิตอยู่ตั้ง ๑๐๐ ปี ความเป็นอยู่วันเดียวของผู้มีศีล มีฌานประเสริฐกว่า"

    ขออนุโมทนาค่ะ
     
  6. hamm

    hamm สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +13
    ธรรม เลิศกว่าสิ่งใดทั้งปวง
     
  7. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    อ นุ โ ม ท น า ส า ธุ . . . บทความที่มีมงคลมากครับ boywai.gif

    .
     
  8. นราธิวาส

    นราธิวาส สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +12
    ขออย่าเพียงแค่อ่านแล้วผ่านไป
    ขอน้อมนำจิตระลึกถึงแก่นของธรรม
    ขออนุโมทนา สาธุ
     
  9. Sitachack

    Sitachack Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +106
    สัทธา ทานัง อนุโมทามิ สัทธา ทานัง อนุโมทามิ สัทธา ทานัง อนุโมทามิ
     
  10. MayaJit

    MayaJit Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +56
    "การที่พวกท่านตั้งอยู่ในศีล มีชีวิตอยู่แม้วันเดียวในบัดนี้ประเสริฐกว่าการเป็นโจรตั้ง ๑๐๐ ปี ก็ผู้ใดทุศีล มีจิตไม่ตั้งมั่นแม้มีชีวิตอยู่ตั้ง ๑๐๐ ปี ความเป็นอยู่วันเดียวของผู้มีศีล มีฌานประเสริฐกว่า"
    กินใจครับ โดนมาก อนุโมทนาด้วยครับสำหรับธรรมดีๆ
     
  11. Aek9549

    Aek9549 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    811
    ค่าพลัง:
    +1,031
    ขอขอบคุณ...ที่นำความรู้มาให้อ่านศึกษากันและขออนุโมทนาสาธุครับ
     
  12. อ่อนต่อโลก(ธรรม)

    อ่อนต่อโลก(ธรรม) สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2008
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +8
    สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
    -------------------------------
    สุขอื่นยิงกว่าความสงบ ไม่มี
     
  13. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    นึกถึงเล่มไหนไม่รู้ ที่ว่า มีคนถามพระพุทธองค์ว่า มนุษย์ต้องการอะไรมากที่สุด พระองค์ให้เณรอรหันต์ตอบว่า อาหารและน้ำมัน
    อีกเรื่องคือพระพุทธองค์ตรัสว่า มนุษย์รักตัวเองที่สุด
     
  14. สังสารวัฏ

    สังสารวัฏ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +5,382
    ขออนุโมทนาสาธุกับพี่ชนะด้วยค่ะ ... สาธุ สาธุ สาธุ ...
    ได้ข้อคิดดีๆ กับการดำรงชีวิตด้วยความไม่ประมาทค่ะ
     
  15. รัตนภูมินทร์

    รัตนภูมินทร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +319
    เป็นแง่คิดที่ดีให้กับคนที่กำลังหมดผิดให้หันกลับมาปฏิบัติธรรมคับ ขอบคุณมากคับสำหรับเรื่องดีๆๆที่ได้นำมาบอกเล่าให้แก่ ขออนุโมทนาคับ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  16. แงซาย ชายดอย

    แงซาย ชายดอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,028
    ค่าพลัง:
    +1,314
    โมทนา สาธุด้วยนะครับ

    เคยไปที่วัดพระธาตุจอมมอญ
    ใกล้ๆกับพระธาตุจอมมอญ อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
    จะมีที่ประดิษฐาน รอยพระบาทพระอรหันต์ 7 ขวบอยู่
    รอยชัดและสวยมาก
     
  17. ชนะ สิริไพโรจน์

    ชนะ สิริไพโรจน์ ทีมผูัดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5,891
    กระทู้เรื่องเด่น:
    14
    ค่าพลัง:
    +35,260
    ขอขอบคุณและโมทนาเป็นอย่างสูงกับคุณสังสารวัฏ และทุกท่านที่กรุณาเข้ามา
    อ่านและแสดงความคิดเห็น ขอทุกท่านจงมีส่วนในบุญธรรมทานร่วมกันครับ

    ศูนย์พุทธศรัทธา
    สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง
    เชิญท่านแวะชมและโมทนาบุญ
    มีข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มจากเดิมอีกหลายรายการครับ

    [​IMG]
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  18. Tuke

    Tuke สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +17
    เยี่ยมสุดๆๆๆๆ
     
  19. SPARTANS

    SPARTANS เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    3,380
    ค่าพลัง:
    +2,987
    สาธู.............
     
  20. nu_fah

    nu_fah เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2009
    โพสต์:
    1,268
    ค่าพลัง:
    +162
    ถึงแม้ว่าอายุยังน้อยก็ตาม
    แต่หากเปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรมอันสูงส่งแล้วก็สามารถชี้นำสิ่งที่ดีๆให้สังคม
    ตลอดจนมวลมนุษยชาติได้
    โมทนาสาธุด้วยค่ะ...อยากให้ทุกคนหมั่นเพียรทำดีบ่อยๆ สะสมบุญไปเรื่อยๆนะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...