วิธีเข้า ฌาน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย wisarn, 28 ธันวาคม 2008.

  1. wisarn

    wisarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    727
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +2,505
    เรื่องฌาน

    ผมเคยเล่นกสิณไฟเหมือนกันครับ เดิมทีเดียวก็นั่งเทียน
    ตอนหลังรู้สึกกังวล เกรงว่าตอนจิตรวม ไฟจากเทียนจะไหม้บ้าน
    ก็เลยขี้โกง ใช้การชำเลืองมองหลอดไฟฟ้าแบบโบราณ(หลอดไส้)
    แทนการเพ่งเปลวไฟ ซึ่งก็ใช้ได้เหมือนกันครับ
    เพราะความจริงแล้ว ก็เพียงต้องการภาพนิมิตให้ ติดตา
    ถัดต่อมาภาพก็ ติดใจ สามารถกำหนดย่อ ขยายได้ แล้วน้อมไปเพื่อทิพยจักษุได้
    นานหลายปีแล้ว ผมขึ้นไปลำปาง แล้วแวะไปกราบหลวงพ่อเกษม เขมโก
    ด้วยความสงสัยว่า ท่านปฏิบัติอย่างใดจึงมีอภิญญามากนัก
    สังเกตท่านดูจึงทราบว่า ท่านชำนาญเตโชกสิณมากครับ

    เตโชกสิณ หรือการทำสมถะทั้งหลาย ล้วนมีทั้งคุณและโทษ แล้วแต่จะน้อมไปใช้ทางใด
    เหมือนคนที่ฟิตซ้อมร่างกายแข็งแรงแล้ว
    จะเอาไปแข่งเอเชียนเกมส์เอาเหรียญทองก็ได้ จะไปเป็นเสือปล้นก็ได้
    ที่พวกเราบางคนติงๆ ก็เพราะกลัวกันว่าจะติดสมถะน่ะครับ
    แต่ความจริงแล้ว การเดินวิปัสสนาจำเป็นต้องมีกำลังสมถะสนับสนุนเสมอ
    เพียงแต่สมถะมันมี 2 ลักษณะ

    อย่างหนึ่งจิตน้อมไปหาความสงบเฉยๆ
    เช่นกำหนดลมหายใจแล้วจิตไปจ่อกับลมอันเดียว
    สมถะชนิดนี้ไม่เป็นประโยชน์อะไรสำหรับการเดินวิปัสสนา

    แต่ถ้าเป็นสัมมาสมาธิที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้
    เป็นไปเพื่อให้มีสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ จึงเป็นสมาธิเพื่อการทำวิปัสสนา
    เช่นเมื่อกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก
    ก็เห็นว่าลมหายใจเป็นเพียงเครื่องระลึกของสติ คือเป็นของถูกรู้
    ก็จะรู้จักจิตผู้รู้อารมณ์ อันมีสภาพ รู้ ตั้งมั่น เบิกบาน
    แล้วสามารถเดินวิปัสสนาต่อไปได้
    คือการรู้ความเกิดดับของอารมณ์ ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง

    ส่วนการถอดจิตออกเที่ยวนั้น เป็นของเล่นครับ
    อย่าสนใจดีกว่า ถ้าไม่มั่นใจที่จะเล่น เพราะอันตรายอยู่เหมือนกันครับ

    สำหรับหลวงปู่ดูลย์ ที่ท่านไม่ส่งเสริมการเที่ยวออกรู้ภายนอกนั้น
    ที่จริงองค์ท่านไม่ใช่พระสุกขวิปัสสโก
    แต่เพรียบพร้อมด้วยคุณสมบัติพิเศษมากมาย (คงไม่เหมาะที่จะเล่าที่นี้)
    และเพราะรู้จริงอย่างนั้นแล้ว
    ท่านจึงกำชับศิษย์ที่เดินวิปัสสนา ไม่ให้ข้องแวะสิ่งภายนอกให้เสียเวลา

    ผมเองเคยโดนดุมาแล้ว จากศิษย์หลวงปู่ดูลย์รุ่นพี่ของผมรูปหนึ่ง
    ตอนนั้นท่านมากรุงเทพ ผมอยากพบท่าน แต่มีธุระไปไม่ได้
    พอตกค่ำก็ส่งจิตไปกราบท่าน เห็นท่านนั่งแวดล้อมด้วยญาติโยมจำนวนมาก
    พอดีมีโยมคนหนึ่งถาม(หลวงพ่อกิม) ว่าโยม.. ตอนนี้ภาวนาเป็นอย่างไรบ้าง
    หลวงพ่อชำเลืองมาทางผม แล้วพูดออกมาว่า
    "ภาวนาไม่ได้เรื่องเลย กำลังส่งจิตออกนอกอยู่"
    เรื่องนี้ผมเลยโดนดุ 2 รอบ รอบแรกนั้นจิตได้ยินเอง
    อีกรอบหนึ่งก็คือได้ยินจากเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่กับหลวงพ่อในเวลานั้นมาเล่าให้ฟัง

    ที่เล่ามายืดยาวนี้ เพื่อบอกเพื่อนๆว่า
    สมถะบางอย่างจำเป็น/เกื้อกูลต่อการทำวิปัสสนา
    แต่บางอย่าง ก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อการทำวิปัสสนา ยังจะมีโทษเสียอีก
    ดังนั้นที่บางท่านบอกว่าไม่ควรทำ บางท่านว่าควรทำ
    ก็ถูกทั้งคู่ครับ แต่มองเหลื่อมมุมกันนิดหน่อยเท่านั้นเอง
    [26 ก.พ. 2542]

    จะให้เข้าฌานง่าย อย่าไปคิดเพิ่มวิตกวิจารครับ มันจะยิ่งเข้ายาก
    ให้มีวิตกคือตรึกนึกอย่างสบายๆ ถึงอารมณ์อันใดอันหนึ่งที่เราถนัดอย่างต่อเนื่อง
    เช่นรู้ลมหายใจ ก็รู้ไปอย่างสบายๆ ธรรมดาๆ
    มีสติพอดีๆ อย่าให้แข็งเกินไปเพราะจิตจะกระด้างไม่เข้าฌาน
    อย่าให้อ่อนเกินไปเพราะจะเคลิ้ม
    หากประคองสติให้พอดีๆ ได้อย่างต่อเนื่อง ในอารมณ์อันเดียวนั้น (เอกัคคตา)
    จนจิตเกิดวิจาร คือจิตเคล้าเคลียอยู่กับอารมณ์(เช่นลมหายใจ) โดยเราไม่ได้ตั้งใจ
    แต่จิตเขาเคล้าเคลียของเขาเองด้วยความคุ้นชินและพอใจ(มีฉันทะ)
    จิตจึงจะปรุงปีติสุขขึ้นมาครับ
    อันนี้บัญญัติเรียกว่าปฐมฌาน

    เมื่อจิตเกิดปีติสุขแล้ว ให้เปลี่ยนสติมาระลึกรู้ปีติสุขที่เกิดขึ้นนั้น
    ทิ้งอาการเคล้าเคลียหรือตรึกนึกถึงอารมณ์เบื้องต้นที่ทำมา
    ทำความรู้ตัวขึ้นภายในอีกชั้นหนึ่งว่า แม้ปีติสุขก็เป็นสิ่งที่ถูกรู้
    จิตผู้รู้อันเป็นธรรมอันเอกนั้น ดำรงอยู่ต่างหากจากปีติสุข
    อันนี้คือทุติยฌาน

    ปีติอันเป็นของหยาบ หวือหวาก็จะดับไป
    จิตจะเหลือเพียงความสุขอันประณีตเป็นเครื่องระลึกของสติ
    ในขณะที่จิตรู้ความสุขนั้น ตัวจิตเองจะเป็นอุเบกขา หรือเป็นกลางต่อความสุขอีกชั้นหนึ่ง
    อันนี้คือตติยฌาน

    แล้วจิตก็จะเห็นความสุขนั้นดับไป เหลือเพียงความว่างๆ ในจิตใจ
    จิตมีสติอันบริสุทธิ์ เป็นกลางวางเฉย รู้ความว่างนั้นอยู่
    อันนี้คือจตุตถฌาน

    หากมีอารมณ์แปลกปลอมแม้เพียงเล็กน้อยผ่านมา
    สติจะเห็นได้ชัดเจนถึงสิ่งแปลกปลอมนั้น
    เห็นเหมือนแขกที่จรมาจรไป เกิดแล้วดับไป
    ส่วนจิตผู้รู้ก็ไม่เข้าไปก้าวก่ายอารมณ์ คงทำตัวเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ที่ดีเท่านั้น

    ฌาน 4 ที่พระพุทธเจ้าสอน จึงไม่ใช่ฌานเพื่อการเสพสุขอย่างเดียว(จะเสพก็ได้)
    แต่เป็นฌานที่เป็นไปเพื่อความมีสติสัมปชัญญะ
    เป็นไปเพื่อจิตที่เป็นสัมมาสมาธิ พร้อมที่จะดำเนินวิปัสสนาต่อไป


    [9 เม.ย. 2542]

    ที่มา :: http://www.bangkokmap.com/pm/content/view/185/39/


    ;aa24​
     
  2. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    [​IMG]
     
  3. Bacary

    Bacary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,211
    ค่าพลัง:
    +23,196
    อ่านเนื้อหาตรรกะพยัญชนะที่แสดงธรรมของกระทู้ที่คัดลอกนำมาลง นี้รู้เย็นสบายเรียบๆ
    อนุโมทนาครับ
     
  4. nopporun

    nopporun สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณค่ะ
     
  5. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    จขกท.

    วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตา
    จิตจด จิตเคล้าในอารมณ์ จิตเป็นปิติ-สุข และรวมเป็นหนึ่งเดียว หากปล่อยวางไม่รับรู้ในอารมณ์ทุกข์-สุขเวทนาก็ดี ก็เป็นอุเบกขา (เฉยๆ)
    เหมือนการแสดงละคร อินเข้าไป ตีบทให้แตก

    ฌานเป็นกำลัง ญาณเป็นอาวุธประหารกิเลส

    ข้อซักถามเป็นประเด็น ดังนี้ (ขอในแง่ปฏิบัติ ไม่ขอหลักการ)
    ตรวจสอบอารมณ์คนได้ณาน 1234 ทำอย่างไร?
    ตรวจสอบคนได้ฌาน 5678 ทำอย่างไร?
    ตรวจสอบอารมณ์คนได้ญาณ 1-16 ทำอย่างไร?
    มีข้อสังเกตอาการภายนอกเป็นอย่างไร?
    มีข้อสังเกตอาการภายในเป็นอย่างไร?

    เพื่อเป็นประโยชน์กับคนอ่าน ไม่ถือโกธรกันนะครับ
     
  6. Add-on

    Add-on Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2008
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +64
    รอคำตอบจาก จขกท.
     
  7. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,515
    ค่าพลัง:
    +9,765
    เป็นบันทึกสมัยเป็นฆาราวาส ของพระ อ. ปราโมทย์ ปาโมโช
    หากมีข้อสงสัยในธรรมน่าจะถามท่านโดยตรง ที่สวนสันติธรรม ศรีราชา
     
  8. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,463
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,012
    ขอบคุณครับ เเต่ฝึกกสิณเตโช ยังไงก็ระวังตาไว้บ้างก็ดี ทําผิดๆไป ตาอาจบอดได้ครับ
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    [​IMG][​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]...[​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ธันวาคม 2008
  10. eddy1965

    eddy1965 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    369
    ค่าพลัง:
    +475
    ไว้มีโอกาสจะไปกราบนมัสการท่านสักครั้งหนึ่ง เพื่อขอให้ท่านแสดงธรรมและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นต่างๆ

    แต่หากสามารถช่วยถ่ายทอดคำถาม และนำคำตอบมาไว้ในที่นี้ได้ ก็จักขอบพระคุณอย่างยิ่ง
     
  11. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,463
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,012
    ตอนนี้ผมกําลังฝึกอาโปกสิณอยู่ ปฏิบัติเเล้วก็สงบดีครับ จะขอทํา่ต่อไปเ่ืรื่อยๆเเล้วกัน ขอบคุณครับ
     
  12. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ไปถาม ท่านเมื่อไร มาเล่าให้ฟังด้วยนะครับ....ขอบคุณครับ
     
  13. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    การฝึกกสิณทุกอย่างให้น้อมที่ใจมิใช่การเพ่ง
     
  14. ศิษกวนอู

    ศิษกวนอู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    92
    ค่าพลัง:
    +220
    อนุโมทนาสาธุ ครับ

    มีความรู้มากเลย และทำไห้รู้สึกตัวสักที... หลังจากงมงาย เชื่อผิดๆ มานานครับ

    สาธุ....
     

แชร์หน้านี้

Loading...