ด่านอรหันต์ทั้งสี่ปราการ ด่านมาร ด่านอสูร ด่านเทพ ด่านพรหม

ก่อนจะบรรลุอรหันต์ และนิพพานได้แน่ๆ นอนๆ นั้น
ต้องผ่านด่านทั้งสี่นี้ก่อน คือ ด่านมาร, ด่านอสูร
ด่านเทพ, ด่านพรหม ดังจะเล่าต่อไปนี้คร่าวๆ คือ...

 

ด่านเทพ (และโพธิสัตว์)


เทพและโพธิสัตว์ บวกมารฝ่ายดี จะรอรับพระธุดงส์ที่ผ่านด่านมารและอสูรมา
เมื่อมาถึงด่านนี้ พวกเขาจะต้อนรับอย่างดี มาเปผ็นโยมอุปัฎฐาก มาสร้างวัด
ให้บ้าง ฯลฯ ส่วนใหญ่ท่านที่เคยเจอด่านร้ายๆ มา ไม่ทันระวังตัวจะติดบุญ และ
ไม่ผ่านด่านเทพนี้ ก็จะต้องจุติไปต่อ ไม่อาจนิพพานได้ ทั้งๆ ที่ปัญญาแจ้งแล้ว
แต่เพราะเวรกรรม เจ้ากรรมนายเวรยังไม่หมดกัน ก็ต้องมีชาติภพสืบต่อไป

 

ด่านพรหม


คือ อาการติดฌานของพระสงฆ์หลายๆ รูป ที่นิยมนั่งสมาธินานๆ
บ้างก็นั่งทุกวัน อาการติดฌานก็ดี อาการชอบนั่งสมาธิก็ดี เหล่านี้
เป็นการก่อชาติภพพรหมทั้งสิ้น ไม่ใช่การดับชาติภพ เมื่อจิตสร้าง
ชาติภพพรหมสืบไปมากๆ เข้าก็พอทำให้เกิดชาติได้อย่างน้อย 1 ชาติ
ทำให้ไม่นิพพาน แม้ปัญญาแจ้งแล้วก็ตาม ก็ไม่อาจนิพพานได้จริงๆ
เพราะจิตติดพรหม ติดสุข ติดฌานนี่เอง

 

ด่านมาร ทั้ง 5 ด่าน


มีเขียนมารทั้งห้าไว้ในไตรปิฎก จะไม่ขออธิบายเพิ่มเติม

 

ด่านอสูร


จิตอสูรบางจำพวกจะเข้ามาอาศัยในกายเราบ้าง บ้างก็มา
กับกายคนอื่นบ้าง บ้างก็เป็นมนุษย์ที่มีจิตวิญาณ คือ กายทิพย์
เป็นอสูรบ้าง มาประลองฤทธิ์กับเรา นี่เป็นเอกลักษณ์ของ
ด่านอสูรเขา คือ ต้องปะลองฤทธิ์ เราปะลองแล้วติดรสชัยชนะ
ติดฤทธิ์ ติดโกรธ ติดนั่นนี่ก็ไม่ผ่านด่านอสูร

 

ด่านมารอสูรพระธุดงส์ส่วนใหญ่จะผ่านแล้ว
แต่ด่านเทพพหรม ยังติดกันอยู่ยังไม่ผ่านกันอีกมาก


อย่าประมาทว่านิพพานแน่แล้ว ขอให้ตรวจจิตดีๆ

 

อ่าฮะ

 

จิตแจ้ง ติดบุญ ติดสุข งงคับ มันแจ้งแล้วมันจะติดได้งัยคับ เรียบเรียงใหม่นะ เกือบถูกแระ

 

อยากทราบราย ละเอียด มากกว่านี้ จะหาได้จากไหนครับ?

อนุโมทนา สาธุ

 

GAME OVER

 

เตร๊ง.....เตรง.......เตร่ง.....เตร๊งงงงงงงง
เตรง.....เตร่ง.......เตร๊ง......เตรง..........เตร่งงงงงงงงงงงงงง
ชะ....เอิง...เอย...........
เอย..............ล่ะหน๊อ.........เอย.....-*-...
กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
จบการรายงายเพียงเท่านี้ สวัสดีค่ะ

 

ป่าวอันถัง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1864647", true); </SCRIPT>
.
.
.
ป่าวอิงถัง<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1864674", true); </SCRIPT>
.....
ต่อไปจะมีอะไรอีกเนี่ย*-*

 

คำว่าอรหันต์ท่านใช้เรียกอย่างนี้


ผู้บรรลุธรรม แจ้งด้วยปัญญาแต่กิเลสยังเหลือ ยังไม่อาจประมาทได้
หากไม่ประมาทก็นิพพานได้ขณะจิตสุดท้ายดับขันธปรินิพพาน แต่..
ถ้าประมาทก็ไม่อาจนิพพานเหมือนกันเพราะกิเลสยังมีเหลืออยู่ เป็น
การบรรลุแบบ "ปัญญาวิมุติ" กิเลสยังมีแต่ปัญญารู้แจ้งนิพพานแล้ว
นี่ประการหนึ่ง


ผู้บรรลุธรรม ด้วยการขุดรากถอนโคนกิเลสจนไม่เหลือเลย เรียกกัน
ว่า "เจโตวิมุติ" นั้น ค่อนข้างแน่นอนสบายใจได้ ว่ามีโอกาสนิพพาน
ได้ แต่ทว่า อย่าประมาท การก่อกรรมบางอย่าง เป็นเครื่องสืบชาติ
สืบภพ ก่อชาติก่อภพได้อีก เช่นการเสพฌาน ติดฌานก็ดี การสร้าง
บุญบารมีต่อไปก็ดี เหล่านี้ เป็นเครื่องต่อชาติต่อภพทั้งสิ้น ทำให้แม้
จิตจะหมดกิเลสแล้ว แต่เชื้อเกิดก็ยังมีคือ วาระบุญกรรมที่ยังไม่หมด
นั่นเอง หากบุญกรรมนั้นเล็กน้อยก็ดับได้ในขณะจิตสุดท้าย ชดใช้ได้
หมด แต่หากทำมากเกินไป ก็ไม่อาจดับได้ต้องไปเกิดอีก ดังนั้น จะ
ต้องประคอง "ศีล 227 ข้อ" อย่างเคร่งครัดพอควร เพราะช่วยให้
ไม่เกิดกรรมต่อชาติสืบภพได้ อนึ่งจะไม่เคร่งศีลก็ได้ ถ้ามีความไม่
ประมาทในกรรม ในการก่อภพสร้างชาติ รู้เท่าทันกรรมอันก่อภพ
สร้างชาติได้ แต่ทว่า พระพุทธเจ้าทรงรู้ว่าปัญญาของอรหันตสาวก
ไม่อาจล่วงรู้ได้หมด จึงได้ให้ศีลไว้ดังนี้
นี่เป็นบุคคลประการที่สอง


ด้วยเหตุนี้ ใครปัญญาถึงก็เรียก "อรหันต์" แต่อรหันต์หากประมาท
ก็พลาดนิพพานได้เช่นกัน จึงขอให้ยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด

 

แล้วด่าน 18 อรหันต์อ่ะครับ

 

*** ต้องเผชิญ ****

ความเชื่อที่ไม่ใช่ความจริง
นิสัย
สันดาน
กรรมที่กำลังปรากฏ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

งึมๆๆ โมทนาสาธุด้วยจ้า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี

 

นี่มันคิดไปได้แบบนี้แล้วหรอ อนาจแท้หนอ...

 

งืมๆ....

 

สุดท้ายก็มาฝ่่าด่านต่างต่าง

 

อรหันต์เปรียบเหมือนผลไม้ที่สุกแล้วย่อมไม่กลับมาดิบอีก