การเปิดตาที่สาม

พี่ดาวทะเลทราย มีลูกชายเก่งไม่หยอก ดีนะคะที่มีผู้ใหญ่คอยสอนเรื่องเหล่านี้ แถมไม่กลัวเสียอีก

ว่าแต่คุณvisnuไม่ทำดาบเล็กๆ พอให้ผู้้หญิงพกบ้างเหรอคะ พลังไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดใช่มั้ยเอ่ย

 

นี่ทำขนาดรูปทรงตามตำรานะครับเป็นดาบไทยทรงโบราณสมัยอยุธยา ซึ่งป็นดาบจริง
ใช้เหล็กอย่างดีตีขึ้นรูปแบบโบราณ ซึ่งสมัยนี้หาคนทำยากครับ ดาบหัวลูกไก่ยาวหนึ่งซอกกำ
เหมือนกับดาบฟ้าฟื้นครับ

 

คุณสุภาพสตรี คงไม่สะดวก พกดาบ ออก นอกบ้าง ละมั่ง
หากอยาก จะพบ จริงๆ ใช้ แค่ มีดหมอ ก็น่าจะพอแล้ว
ของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ นครสวรรค์ ( แพงมาก )
มีดหมอของ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ชัยนาท (ก็แพงเหมือนกัน)
หรือ หลวงพ่อกัน หรือ หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ ก็ น่าจะได้เหมือนกัน

หาแบบ เล่มเล็กๆ ด้ามปากกา ก็ พกพาสะดวกดี

ส่วนว่าจะแท้ไม่แท้ ก็ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ ก่อน ตัดสินใจ จ่าย สะตางค์ นะครับ

พระเครื่องและเครืองรางของขลัง ที่เป็นที่นิยม และมีราคาแพง
มักจะมี ของปลอม ทำเลียนแบบ
ยิ่งแพงมาก ก็ ยิ่งทำได้เหมือน เพราะคุ้มกับการ ประดิษฐประดอย ให้เก่าเหมือนจริง

ยังมีอีกอาจารย์ ที่อยากแนะนำ อาจารย์ชุม ไชยคีรี
อ.ท่านนี้ เป็นศิษย์สำนักเขาอ้อ พัทลุง
ท่านมีชื่อเสียงโด่งดัง มาตั้งแต่สมัย สองพันสี่ร้อยกว่าๆ
ท่าน เคยทำ มีหมอ ชื่อว่า มีดเทพศาสตราวุธ ด้ามเป้นรูป พระพิศเนศวร
ในพิธี พรหมศาสตร์ เมื่อปี 2519 หาเล่มเล็กๆ ได้ ก็น่าใช้

กับ ไม้ครู ชี้ต้นตาย ชี้ปลายเป็น สร้างปี 2523
มีสามขนาด ใหญ่ กวาง เล็ก
แต่ ขนาดเล็ก ยาวเพียง 5 นิ้ว เห็นจะได้ พกพาสะดวก



แถมไม่ต้องกลัว ตำรวจ จับ ฐาน พกพาอาวุธ ไปในสถานที่สาธรณะ ด้วย นะ

 

ขุนแผนสูบเหล็กให้แดงดี นายช่างตีรีดรูปให้เรียวปลาย
ที่ตรงกลางกว้างงามสามนิ้วกึ่ง ยาวถึงศอกกำมาหน้าลูกไก่

ดาบหน้าลูกไก่นั้น จะมีปลายค่อนข้างมน โค้งกลมจากส่วนคมไปประจบกับสัน
ถ้ากลับใบดาบหงายขึ้นให้ส่วนงอนคว่ำลง จะแลดูคล้ายหัวลูกไก่ ที่มีปากแหลมเพียงหน่อยเดียว
....................แท้จริงแล้ว ประโยชน์ของดาบหน้าลูกไก่ เพียงแต่เสือกปลายดาบออกไปรับที่
ข้อมือผู้ฟันเท่านั้น เอ็นแลชีพจรของผู้บุกก็จะขาดสะบั้น ด้วยกำลังของผู้มุ่งร้ายเองอย่างง่ายดาย
โดยไม่ต้องออกแรงโต้ตอบอันใด

ในการรบตะลุมบอน ดาบปลายมนหรือปลายตัด มีความคล่องตัวกว่าดาบปลายแหลม เพราะไม่ค่อย
ติดเวลาแทง ส่วนดาบปลายแหลมอย่างหัวปลาซิว หรือแหลมเปี๊ยบแบบดาบลาว ที่โบราณเรียก
มีดเสี้ยว นั้น แม้จะมีความแคล่วคล่องว่องไวสูง ในเวลารับรุกฟันแทง แต่ความแหลมของมัน
ก็อาจฆ่าเจ้าของได้ ในกรณีแทงกินลึกเกิดไป จนชักออกไม่ทัน แล้วถูกข้าศึกอีกคนหนึ่งเข้ามาฟัน
ตนเองจึงหมดอาวุธที่จะป้องกันตัว

จาก www.sartrayuth.org

ยินดีด้วยค่ะ คุณvisnu ทำได้สำเร็จแล้ว ทั้งตีเหล็ก ฝัก เชือก สวยงาม มากๆเลย
*********************

โอ้โห ข้อมูลอย่างเยอะเลย ขอบคุณค่ะพี่ดาวทะเลทราย อย่างพี่ว่ามา ไม่มีกะตังค์บูชา เหะๆ
แถมเอาไปใช้เอง ก็ไม่รู้จะใช้ถูกหรือเปล่า เหมือนมีปืน เอาไปปาหัวโจร โฮะๆ
ที่คุณvisnuทำเองก็คงลงทุนไปแยะ แล้วไม้ชี้เป็นชี้ตายนี่ ชื่อน่ากลั๊ว เดี๋ยวต้องไปศึกษาก่อน
แต่ขอยกนิ้วให้เลย พี่รู้เรื่องของขลัง เรื่องหิน หลายอย่างเชียว ข้าน้อยขอคารวะ

 

แหม่รู้ความรับหมดเลย พี่ตัวกลมๆเก่งมากครับสามารถหาข้อมูลมาได้เร็ว
มากครับ ผมกว่าจะได้ต้องไปคุยกับครูดาบ ช่างตีเหล็กเป็นสิบคน ได้ความรู้
มาเยอะ ครูบางคนรู้จริงช่างบางคนก็มัวเลยต้องหาข้อมูลเยอะมากครับ
เพราะมันเป็นเรื่องตำนานกับ ความจริงปนอยู่เยอะครับ
..................................................................
แล้วช่างตีเหล็กที่ดีๆ ไม่ย้อมแมวก็หายาก คนเก่งๆก็งานเยอะเพราะจริงๆแล้ว
ช่างตีดาบก็จะตีอย่างเดียว ไม่ทำด้าม ก็ต้องไปอีกช่างนึง ถักหวายก็อีกช่างนึง
กว่าจะมาเป็นดาบ ได้ยากมากครับ
...................................................................
เล่ายาวนิดนึงเพราะจริงประวัตศาสตร์ของประเทศเรามีเรื่องราวกับดาบมากครับ
แต่ก็สูญหายไปตั่งแต่สมัยสงครามโลกครังที2 เนื่องจากมีปืนเข้ามาแทน
ทำให้ครูดาบที่เก่งล่มตายจากไปพร้อมกับวิชามากมาย ช่างส่วนใหญ่ก็ไปทำ
อุปกรณ์การเกษตร มากกว่าเพราะต้องการเลี้งปากและท้องครับ
.....................................................................
ตามตำนานอย่างที่เราได้ยินมาเกี่ยวกับเหล็กน้ำพี้มากมายครับ
แต่ตามที่ผมศึกษาตามความคิดผมคือ ไม่เป็นความจริงตามที่เรารู้มาครับ
เหล็กน้ำพี้มีอยู่จริงคือเป็นเหล็กที่เจอที่อำเภอน้ำพี้แค่นั้น แต่ตำนานเรื่องอืน
ผมไม่คิดว่าจริง เพราะจริงๆแล้วครูช่างตีดาบไม่มีใครเอาเหล็กจากบ่อเหล็ก
บ่อเดียวมาตีแต่จะเป็นการผสมเหล็ก คือเอาเหล็กจากบ่อต่างๆมาถลุงให้ได้
ส่วนผสมที่ลงตัวแล้วจึงนำมาตีครับ ตามตำนานดาบฟ้าฟื้นใกล้เคียงความจริง
มากเนื่องจากเหล็กที่มาผสมแต่ละตัวจะมีข้อดีและด้อยมาผสมเพื่อชดเชย
กันครับ
....................................................................
เนื่องจากสมัยนี้เป็นสมัยใหม่ผมก็ใช้วิวัฒนาการให้เป็นประโยชน์คือเลือกเหล็ก
ที่จะใช้ได้เลยเพราะมีการวิเคราะมาอยู่แล้วครับ ตัวที่เอามาตีดาบเล่มนี้
ก็จะเป็นเหล็ก AISI 1095มีสูตรคือ
<table border="0" cellpadding="5" cellspacing="1"><tbody><tr bgcolor="#cccc99"><td class="smalltext">Element </td><td class="smalltext">Weight % </td></tr> <tr bgcolor="#eeeeee"> <td class="smalltext" align="center">C</td> <td class="smalltext"> 0.90-1.03 </td> </tr> <tr bgcolor="#eeeeee"> <td class="smalltext" align="center">Mn</td> <td class="smalltext"> 0.30-0.50 </td> </tr> <tr bgcolor="#eeeeee"> <td class="smalltext" align="center">P</td> <td class="smalltext"> 0.04 (max) </td> </tr> <tr bgcolor="#eeeeee"> <td class="smalltext" align="center">S</td> <td class="smalltext"> 0.05 (max) </td></tr></tbody></table>
ถ้าอธิบายละเอียดสงสัยสามวันไม่จบครับเอาเป็นว่า ถ้าเราไม่ช่วยกันรักษาไว้
ของดีๆในประเทศเรา อีกอย่างก็หายไปครับ
ผมเคยรู้สึกแย่ที่ดาบซามูไรคนรู้จักกันทั่ว มีกี่แบบชาวต่างชาติรู้จักหมด
แต่ดาบไทยคนไทยแท้ๆ ยังไม่รู้จักดาบไทยเลยว่ามีกี่อย่างกี่ชนิดครับ

 

ดาบหน้าลูกไก่นี่แปลกดี ครั้งแรกเลยค่ะที่ได้เห็น แบบไม่ผุ ใหม่ๆ ไม่มีสนิม
ดูในหนังไม่เคยมีดาบหน้าทู่ๆเลย ประโยชน์เป็นดั่งว่านี่เอง ถึงได้ตั้งใจทำ
กว่าจะได้ ต้องใช้เวลาและเงินไปเยอะ ด้ามและฝักดาบสวยมากจริงๆค่ะ

สมัยทำงานที่โคราช มีหมู่บ้านที่เขาทำมีด กรรไกรตัดแต่งต้นไม้ งานเนี้ยบมาก
บางทีไปนั่งรอเอาเลยก็มี ของดีกว่าในห้างเชียวแหละ บางครั้งเขาก็มีงานสั่งพวก
ดาบ มีด เพราะมีคนไปรับขายต่อหน้าร้าน เด็กรุ่นใหม่ๆเขาไม่ทำกันแล้ว งานฝีมือ มันนาน
หมู่บ้านเงียบมาก ถ้าไม่ส่งเสริมก็คงหายไปจริงๆ

 

ดาบหน้าลูกไก่ หรือดาบหัวมน ก็ไม่แปลก หรอกครับ
ดาบในยุคโบราณ ๆ ก็ จะเป็นทรงนี้ แหละ
ส่วนดาบไทย หัวแหลม หัวปลาไหล นี่ มามีเอา ตอนยุคอยุธยา นี่เอง ตอนที่ ไปต้อนเอาคนลาว มา ตั้งถิ่นฐาน แถวหมู่บ้าน อรัญญิก

คง ร้อง อ๋อ กันแล้ว ละ ซิ ทีนี้
ช่างตีเหล็ก อรัญญิก เค้าได้อิทธิพล ของดาบแบบลาว มา หัวแหลม ทรงสวย เพียวลม
เรียกว่า ทรงสปอร์ต ก็ว่าได้ จึงเป็นที่นิยม ในเวลาต่อมา

ก็ ถือว่าเป็นดาบไทย เหมือนกัน แต่ ต้อง ถามต่อ ว่าดาบไทย ยุคไหน พ.ศ. อะไร

ส่วนเรื่องเหล็กน้ำพี้ ที่ บ้านน้ำพี้ อุตรดิษฐ มีอยู่จริง
เป็นเขาลูกรัง ที่มีธาตุเหล็ก ปะปนอยุ่
สมัยโบราณ ยังไม่มีเหล็กวิทยาศาสตร์ ชั้นดี เหมือนปัจจุบัน
เค้า ก็ ไปเอาแร่เหล็ก จากบ่อน้ำพี้ มา ถลุง จนได้แท่งเหล็ก ..... แล้วจึงนำมาทำดาบ

บ่อเหล็กน้ำพี้ มีประวัติ มาตั้งแต่สมัยอยุธยา ต่อมาและได้ถูก คำสั่ง ให้เป็นบ่อหวงห้าม
ใช้เฉพาะ ทำพระแสง ของพระเจ้าแผ่นดิน

ชาวบ้าน จึงไม่กล้า ไปขุดเอามา กลัว ตำรวจจับ ......... 55
สมัยหนุ่มๆ ผม เคยไปเที่ยว ที่บ่อน้ำพี้
เดินเก็บ เอา รอบๆ บ่อ ก็มา พอประมาณ กะ ว่าจะมาหลอม ทำดาบ ...... อิอิ

แต่ มันไม่ง่าย ดัง ที่คิด
แค่ หลอม ก็ต้องใช้ไฟ ไม่น้อยที่เดียว หัวไฟ แก๊สตัดเหล็ก ธรรมดา ไม่พอ
เป็นอันว่า หลอมได้แค่ละลาย ไม่สามารถ ไล่ ขี้ จน เทออกมาเป็นแท่งเหล็กได้

โครงการ นั้น ก็ เป็นอันพับไป

พอดี เห็นคุณวิษณุ พูด ถึง ทำให้ นึกขึ้นมาได้ ไม่รู้ ว่า ยังเก็บไว้อยุ่หรือเปล่า
มาถึงตอนนี้ น่าจะ หลอมได้ เพราะ ตอนนี้ อายุมากแล้ว ทำแบบผู้ใหญ่ น่าจะสำเหร็จ

55

 

แห่ๆ....เดี๋ยวจะกลายเป็นกระทู้ดาบครับ
ตามที่บอกก็ถูกต้องครับ ดาบทรงหัวแหลมมาจากลาวช่างชาวเหนือเรียกว่าทรงใบข้าว
นิยมทำใบไม่ยาวมากเน้นการพกพาไม่เน้นประทะครับ ดาบคู่ที่ทหารไทยใช้แต่โบราณ
จะมีดาบเอกและโท การตีเนื้อเหล็กจะไม่เหมือนกัน น้ำหนักก็ไม่เหมือนตามประโยชน์
ที่ใช้ครับ ตามตำราการตีมีดของอุตรดิตรจะนำเห็กจากบ่อพระแสง และพระขันท์มาตี
เนื่องจากเป็นเหล็กเนื้อดีแต่ก็นำเหล็กจากลพบุรีนำมาตีรวมด้วย และตอนชุบใช้น้ำยา
เฉพาะพื้นที่เป็นสูตรของครูดาบในพื้นที่ ชุบมาจึงเป็นสีเขียวปีกแมงทับไม่ซ้ำกับที่อื่น
ซึ่งเป็นใบสีขาวครับ จบดีกว่าเดี๋ยวไม่ตรงหัวข้อ 5-5-5

 

วันนี้ก็ได้มีโอกาส แวะไปพาอาจารย์ที่บูธ มาอะครับแล้วก็ได้ลองดอกไม้ของอาจารย์ด้วย

ปรากฏว่า . . . ตามที่ผู้กล่าวไว้เลยครับ ของเค้าดีจิงๆ

 

ขอทักทายสวัสดีครับ อาจารย์
นั่งอ่านกระทู้นี้มา 2 วันแล้วครับ วางแผนว่าเสาร์-อาทิตย์นี้จะไปหาอาจารย์ที่บูธ หวังว่าจะโชคดีได้พบอาจารย์ครับ

 

ขอบคุณ คุณบาส ครับ ผมมองอะไร ชัด ขึ้นเยอะ เลย

การคิดอ่านของ คุณ ช่วยได้มาก ครั้งหน้า รบกวนอีกนะครับ

 

สวัสดีครับอาจารย์ พอดีผมมาอ่านกระทู้นี้เมื่อวาน วางแผนจะไปวันเสาร์หรืออาทิตย์ ไปๆมาๆ ไปพบอาจารย์ที่บูธ 042 วันนี้ซะเลย เลยนั่ง MRT เลย คิดถูกที่ไปวันนี้เพราะวันนี้วันทำงานยังรอ 3 คน คุยกับอาจารย์เสร็จต้องรีบนั่ง MRT กลับออฟฟิต 17.00 น. เข้ามาเซ็นเอกสาร ถ้าไปเสาร์อาทิตย์คิวคงยาว คงไม่มีโอกาสได้ดู

รบกวนถามอาจารย์ผมได้หินสีม่วงมา (วัตถุมงคลเร่งเปิดตาที่สาม) แล้วอาจารย์ได้อธิบายให้ผมที่ให้ไว้มือขวา และมือซ้ายกุมไว้ที่คาง

ถามว่า "ทำตอนไหน บ่อยแค่ไหน นานไหม ตอนทำต้องหลับตาหรือไม่" ครับ

โทษครับเพราะตอนอยู่กับอาจารย์กำลัง จำเรื่องอื่นที่อาจารย์พูดอยู่ อีกทั้งเอาหินมาก่อน เพราะไม่ได้มีราคาสูงอะไร (เหมือนอาจารย์ไม่อยากขายเลย ต้องเน้นกับอาจารย์ 2 ครั้งว่าผมจะเอา) ต้องรีบกลับออฟฟิต มาทำงานต่อ

ไว้วันหลังถ้ามีโอกาศในวันที่งานไม่ยุ่งมาก นั่ง MRT ไปแอบฟัง อาจารย์สนทนากับคนอื่นดีกว่าครับ

 

ไม่ได้รบกวนอะไรเลยครับ..
ไม่ต้องเกรงใจครับ

 

ที่อาจารย์สอนก็คือวิธีนั่งสมธิอีกแบบหนึ่งนะครับ ปรกตินั่งสมาธิยังไงก็ทำเหมือนกันแต่เปลี่ยนท่าแค่นั้นเอง
ระยะเวลาแรกๆเอาเป็นอย่านานนักเพราะใหม่ๆรางกายยังไม่ชินครับ
แล้วค่อยๆนานขึ้นครับ

 

555 เห็นภาพเลย > < หวาดเสียว

 

ขอบคุณครับคุณ visnu ถ้าทำตอนนั่งสมาธิคงตามที่คุณแนะนำ ถ้าทำนานจะจั๊กกระจี้ที่กระหม่อมและหน้าผากมาก

 

อาจารตาสามคับ กลับจากบุรีรัมเเล้ว เล่าเรื่อง นาค กับ ครุฑเเละ เรื่องพนมรุ้งให้ฟังด้วยนะคับ

 

อาการตามนั้นครับ ดีแล้วครับ

 

สวัสดีค่ะพี่ๆเว็บพลังจิต

ก่อนอื่นขอสวัสดีพี่ๆทุกคนในเว็บพลังจิตค่ะ หนูเพิ่งสมัครเป็นสมาชิกใหม่เลยยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ และเท่าที่อ่านมาก็มีความรู้สึกว่าอยากจะมีตาที่3 เหมือนกับพี่ๆด้วยค่ะ อยากทราบอายุของพี่ตอนที่ได้ตาที่3 มาอ่ะค่ะ แล้วตอนนี้หนูก็สวดคาถาชินบัญชรมาได้ปีกว่าแล่ว แต่ไม่ค่อยได้นั่งสมาธิเพราะกลัวว่าจะเห็นในสิ่งที่ไม่อยากเห็นค่ะ ตอนนี้หนูอายุ 13 ค่ะ เลยคิดว่าอาจจะเด็กเกินไปสำหรับเรื่องแบบนี้ ยังไงก็ขอคำแนะนำด้วยนะคะ

 

สวัสดีค่ะ นู๋sisal มีตาที่สาม แล้วไม่เจอผี ไม่เจอชาวทิพย์ มันเป็นไปไม่ได้หนา
อายุ 13ก็ไม่เด็กไปหรอกจ้ะ กระทู้คุณศศิริยะ ลูกสาวพี่เขาก็นั่งสมาธิ ฝึกหนักแล้วจ้า
แต่ดีใจที่นู๋sisalเข้าเวปธรรมะนะ มีเพื่อนดี จิตก็น้อมเป็นคนดี ค่อยๆไล่อ่านไป มีอะไร
ก็ถามคุณพี่ คุณน้า คุณลุง คุณปู่แถวๆนี้ดูจ้ะ