ขอคำแนะนำในการฝึกกสิณไฟหน่อยครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ปถุชนคนดี, 23 กุมภาพันธ์ 2008.

  1. ปถุชนคนดี

    ปถุชนคนดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +214
    ขอคำแนะนำในการฝึกกสิณไฟหน่อยครับว่าฝึกอย่างไร ป้องกันโทษอย่างไร


    ขอบคุณคับ
     
  2. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,081
    ค่าพลัง:
    +470
    คนฝึกเยอะอ่ะครับกสิณไฟ ลองดูหน้าที่ผ่านๆมาดูอ่ะครับ
     
  3. นาๆจิตตัง

    นาๆจิตตัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +412
    การฝึกนั้นมีหลากหลาย รูปแบบ...บ้างก็ว่าอย่างนั้นดี อย่างนี้ไม่ดี...(เช่นการเพ่งเทียนหรือเพ่งดวงพระอาทิตย์
    เป็นต้น) วิธีการที่จะเข้าถึงนั้น....การฝึกหรือตำรับตำราก็มักจะกล่าว หรืออธิบายกว้างๆ ไม่ค่อยเน้น
    ในรายละเอียดมากนัก...จากที่ได้ศึกษาค้นคว้ามาและถ้าจำไม่ผิด ก็มักจะกลัวผู้ฝึกได้นำไปใช้ไม่ถูกไม่ควร
    ในทางผิดๆ จะเกิดโทษมากกว่าประโยชน์ และถ้าปฏิบัติไม่เอาจริงเอาจัง ก็มักจะไม่ค่อยได้ผลซักเท่าไรนัก
    อาจท้อแท้ เบื่อหน่ายแล้วพาให้ไม่ฝึกพระกรรมฐานหรือกล่าวโทษไปต่างๆ นานาเช่นว่าไม่มีจริงหรือไม่สามารถ
    ปฏิบัติเข้าถึงได้อย่างนี้เป็นต้น โดยมากแล้วผู้ที่สนใจมักจะเป็นผู้เคยฝึกเคยได้ในอดีตชาติ พอมาชาตินี้แล้ว
    ทำให้จริต จิตใจ ชอบ สนใจ การฝึกพระกรรมฐานด้านนี้มากกว่าอย่างอื่น (ที่เจอะเจอมาทั้งคนรู้จัก ญาติมิตร
    สหาย บ้างไม่เอาทางนี้เลย เน้นตัดตรงหรือเจริญด้านปัญญาอย่างเดียว...ทั้งที่พยายามจะชักชวนมาฝึก)

    ข้อแนะนำการฝึกนั้น แนะนำให้ไปอ่านหรือหาฟังเสียงธรรมะ(โหลดไปฟังได้) จากลิงค์ต่างๆ ในเว็ป
    ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จะเป็นประโยชน์มาก ซึ่งท่านได้อธิบายเพิ่มเติมจากแนวการฝึกใน
    หนังสือวิสุทธิมรรค (หรืออ่านในหนังสือเล่มนี้ก็ได้...ความเห็นส่วนตัวแล้วค่อนข้างเป็นตำราจริงๆ ต้องปฏิเวธ
    เอาเอง) ในการปฏิบัตินั้น ก็ต้องมีทั้ง ปฏิยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ซึ่งควรเน้นการฝึกให้มากๆ บ่อยๆ เข้าไว้ เป็นปัจจัตตัง
    ในการเข้าถึง (ไม่ใช่ขอถึงหรือพูดถึง หรือคิดเอาเอง ถึงจะสำเร็จ) หนังสือ หนังหา ตำรับตำราที่แนะนำการฝึกนั้น
    เท่าที่คิดว่าใช้เป็นแนวทางได้ (พอที่จะนึกได้ในตอนนี้.....) อันได้แก่.............(ซึ่งพระ..เป็นผู้เขียนทั้งหมด)
    1. การฝึกพระกรรมฐาน (มีหลายเล่มหลายเรื่องหรือ MP3,WMA....เกี่ยวกับกสิณ อภิญญา)
    ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
    2. สมาธิ ทางสงบ ถอดจิต โดย พระแสง อรุณกุศล(มีวิธีการแนะนำ สอนฝึกกสิณไฟ และแนวทางป้องกันโทษ
    ไว้พอสมควร แต่จำไม่ได้ว่าอยู่เล่มไหน หาโหลดหาอ่านได้ในเว็ป ฯ หมวดหมู่ของสมเด็จโต ฯ)
    แนวคำสอนสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษี วัดระฆัง
    3. หนังสือทิพยอำนาจ โดยพระอริยคุณาธาร (ปุสฺโส เส็ง ป.ธ. ๖)....(สายพระอาจารย์มั่นภูริ ทัตโต)
    ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องฤทธิ์ เรื่องเดช ทิพยอำนาจ ต่างๆไ ว้มากมายและแนวการฝึก พร้อมเสร็จ
    ฯลฯ

    อนึ่งเมื่อฝึกสำเร็จได้พอสมควรแล้ว พึงสังวรในการใช้สมาธินั้น ในทางที่ถูกที่ควร อันที่มีประโยชน์แก่ตัวเราเอง
    แลผู้อื่น ซึ่งผู้ที่ฝึกได้จริงๆ แล้ว มักจะหลีกเลี่ยงหรือแนะนำโดยตรง (มักจะอ้อมๆ) เนื่องจากจะเป็นโทษ เป็นภัย
    มากกว่าที่จะเป็นประโยชน์ (ถ้าไม่ใช่ลูกศิษย์ลูกหาโดยตรง) หากไม่มีศีลธรรมประจำใจ กรรมก็จะตกแก่ตัวผู้แนะนำ
    หรือผู้สอนด้วยอยู่เหมือนกัน ซึ่งโดยมากแล้วมักอาจจะไม่ค่อยบอกในรายละเอียด ปลีกย่อย ต่างๆ ท่านคงจะดูนิสัย
    ใจคอหรือว่ามีแววหรือพอมีแนวทางที่จะได้นั้นเอง ถ้าเป็นไปได้ควรไปหาอาจารย์ฝึกหรือแนะนำโดยตรงก็จะดีมาก
    (ส่วนตัวผู้เขียน ล่อเอง ฝึกเอง จำมาหรืออ่านหนังสือบ้าง..ตามแนวการฝึกของกสิณ ถ้าไม่ได้หรือไม่สำเร็จ จนตายไป
    เสียก่อนก็ช่างมันก็จะฝึกของมันอย่างนี้ พอนานๆไป มันไหลไปได้เหมือนกัน....ฝึกดะไปหมด หลายอย่าง หลายสำนัก
    หลายวิชา หมดเวลาไปเป็นเดือนเป็นปี จนล่วงขึ้นไปเลขสองหลักแล้ว....โดยยึดพระพุทธเจ้าเป็นหลักและเดินแนวใน
    เส้นทางของพระอริยเจ้า ส่วนจะไปนิพพาน หรือยังไม่ไป ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง.......ก็พอมีแนวทางและผลของการปฏิบัติ
    ได้อยู่.......ที่เขียนมาก็เพื่อ พอเป็นกำลังใจหรือเคสตัวอย่างฯ เผื่อกรณีที่ท่านหาครูบาอาจารย์ไม่ได้ ไม่เจอ หรือจนใจ
    ด้วยประการทั้งปวง ต้องการฝึกเอง......ก็พอจะมีกำลังใจได้บ้าง)

    จะขอกล่าวถึงการป้องกันโทษหรือผลที่จะเกิดขึ้น พอสังเขปเพื่อเป็นแนวทางได้บ้าง ดังนี้
    (จากตำรับตำราที่ได้ศึกษาค้นคว้ามา มักจะ ไม่ค่อยได้กล่าวถึงไว้มากนัก)
    ตามความเข้าใจของผู้เขียนผลกระทบคงต้องเจอะเจอบ้าง กันแทบทุกคน ซึ่งก็ถือเสียว่าเป็นเรื่องธรรมดา
    1. สถานที่ ที่ใช้ในการฝึกก็ควรโปร่งโล่งสบาย อากาศถ่ายเทสะดวก มีลมพัดหรือเปิดพัดลม แอร์ ตามสะดวก
    2. ควรต้องฝึกพระกรรมฐาน พรหมวิหารสี่ อันได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ไว้ให้ได้ตลอด (เวลา) ซึ่ง
    เป็นกรรมฐานเย็น ก็จะแก้จะกันหรือดับความร้อนรุ่มนั้น อีกทั้งยังเอื้อต่อการฝึกสมาธิและในชั้นสูงขึ้นไปอีกด้วย
    3. ช่วงที่ร้อนในอาการต่างๆ มักจะเป็นช่วงที่เราวิตก วิจาร ถึงกสิณนั้นหรือรู้สึก รับรู้ หรือจำ ถึงสมาธิหรืออารมณ์
    ในการเข้าถึง ทั้งในการประคับประคอง รักษาก็ดี เป็นต้น ควรที่จะหาอุบายต่าง ๆ ให้ได้ตามถนัด ตามใจชอบ
    เช่นไปอยู่ในที่เย็น ๆ ตากลม ตากแอร์หรืออาบน้ำอย่างนี้เป็นต้น การหยุด ในการฝึก หรือเปลี่ยนเป็นใช้กรรมฐาน
    กองอื่นแทนก็ได้ทั้งอาณาปานุสสติ (บางทีอาณาปาฯก็ยังร้อนอยู่) กสิณกองอื่น (ถ้าทำได้....ซึ่งก็ควรทำกองหนึ่ง
    กองใดให้คล่องก่อนแล้วจึงค่อยเปลี่ยนกอง.......) หรือจะนึกถึงน้ำหรือน้ำตก ความเย็นของน้ำเป็นอารมณ์ก็ได้
    (ถ้าจะให้ดีให้ฝึกนึก ตรึก นิมิตของกสิณไฟนั้น จนเปลี่ยนเป็นใสเป็นแก้ว หรือจนมีแสงมีประกายออกจากดวงแก้ว
    ใสนั้น โดยให้ตรึก นึกหรือระลึกได้ทันทีทันใดเลย) และไม่ต้องนึกถึงหรือรู้สึกถึง...หรือจับอารมณ์ที่นิมิตดวงไฟ
    ในความร้อนนั้น โดยกำหนดเอาแต่ดวงนิมิตของกสิณอย่างเดียว ไม่ต้องเพ่ง ตรึก นึก ระลึกถึงความร้อนนั้น
    (ยกเว้นเมื่อต้องการ.....ความร้อนนั้น) พูดง่าย...แต่ทำยากอยู่เหมือนกัน ถ้าเจริญสมาธิ แผ่เมตตา.....ออกไป ฯ
    จนเคยชินหรือเป็นนิสัย ความร้อนนั้นก็อาจทำให้เราลำบากลำบน ต้องพยายามกำหนด ควบคุมให้ดี........
    ส่วนวิธีการต่างๆ นั้น ประกอบเหตุ สังเกตผล ทำไปเรื่อยๆ ได้ผลหรือถนัดแบบไหนก็ใช้ แบบนั้น ตามแต่ถนัด
    4. เวลาฝึกอาจตั้งขวดใสใส่น้ำ หรือตู้กระจก (เช่นตู้ปลา) ตั้งกั้นหน้าคือมองผ่านขวดหรือตู้กระจก (ใส่น้ำ ) แล้ว
    จึงค่อยมองทะลุถึงดวงไฟนั้น (กรณีที่บางคนอาจฝึกโดยการเพ่ง นึก ตรึก เปลวเทียน ฯ..ถ้าสะดวกที่จะพอหา
    อุปกรณ์ต่างๆได้โดยง่าย...) ก็พอจะช่วยได้บ้าง ซึ่งตามแต่สะดวกหรือเห็นสมควร อาจเว้นข้อนี้ไปเลยก็ได้
    5. การฝึก สติปัฏฐานสี่ อันได้แก่ กาย เวทนา จิต ธรรม ให้คล่องแคล่วก็จะช่วยการตามระลึกหรือควบคุม
    อาการร้อนหรือผลข้างเคียงนั้นได้ดี ได้ผล อีกทั้งยังเป็นบาทบรรทัดฐานในการฝึกสมาธิชั้นสูงต่อไป
    ทั้งกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม และการฝึกถอดจิต ฯลฯ
    6. ควรที่จะปลีกวิเวก หรือปลีกไปสันโดษ ตามอัตภาพ อัธยาศัย เท่าที่จะเอื้ออำนวยให้ เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึง
    ความสงบนั้นโดยง่ายและรักษาสภาพจิตได้ดี (รวมถึงการถือศีล และที่สัปปายะ )
    7. ถ้าฝึกได้หลายอย่าง (โปรดใช้วิจารณญานด้วย) เข้ากสิณทุกๆ กองพร้อมกันเลย (ทั้ง ดิน น้ำ ลม ฯ หรือจะลอง
    พยายามปรับธาตุต่าง ๆ ให้สมดุลย์ก็ได้) ก็พอจะระงับได้
    8. ปล่อยวางทั้งหมด ทั้งตัวเรา ตัวเขา สรรพสัตว์ สิ่ง ของ ต่างๆ อารมณ์ ความรู้สึก หรือฝึกเข้าอรูป (โปรดใช้
    วิจารณญานในการคิดหรืออ่านด้วย) ก็พอระงับ บรรเทา......ได้ (ได้ประโยชน์หลายสถาน)
    ฯลฯ

    เขียนมาซะยืดยาว หวังว่าพอมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
    ( คิดว่า.......อาจจะหยุดในการเข้ามา ถาม
     
  4. i3adguyz

    i3adguyz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2007
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +107
    เพ่งดวงอาทิดหรือเทียนแล้ว สายตาไม่เสียหรอคับ
     
  5. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,081
    ค่าพลัง:
    +470
    ผมก็เห็นด้วยนะครับ เรื่องฝึกแล้วจะเอาไปใช้ในทางที่ไม่ดีอ่ะครับ อ่านหนังสือกสิณไฟแล้วมีบางบทที่ผมว่ามันดูล่อแหลมอ่ะดันบอกวิธีในทางไม่ดีให้คนอื่นฟังผมยังเป็นกังวลเลย กลัวคนอื่นจะใช้ในทางที่ผิดเพราะขนาดผมยังเกิดอยากขึ้นมาตั้งนิดนึง ฝึกแล้วก็ต้องปล่อยวางด้วยนะครับ
    แนะนำให้ไปซื้อหนังสือกสิณไฟมาอ่านครับ หรือใครฝึกสนใจจะคุยด้วยก็แอดmsnมาได้นะครับ ผมยังฝึกไม่ถึงไหนเลย cantlp@hotmail.com
     
  6. รักในหลวงครับ

    รักในหลวงครับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +101
    เขาบอกอาจจะเป็นบ้าได้ถ้าฝึกไม่ถูกผมกลัวมากครับเลยไม่ค่อยกล้าฝึก
     
  7. /_สายฟ้า_/

    /_สายฟ้า_/ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +999
    ไม่บ้าหรอกครับ ถ้าฝึกตามพระพุทธพจน์หรือตามที่ครูบาอาจารย์ท่านสอนมา

    แนะนำว่าให้ซื้อหนังสือคู่มือกรรมฐานของครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือและมีหลักฐานว่าเชื่อถือได้ เช่น พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) หลวงปู่มั่น(อันนี้จะหายากสักหน่อย เพราะท่านกล่าวถึงกสิณไว้น้อย)

    หรือถ้าหาไม่ได้ก็ขอแนะนำว่าไปซื้อพระไตรปิฏกมา เปิดดูพระพุทธพจน์ที่ท่านกล่าวตรัสสอนเรื่องกสิณไฟก็ได้ครับ

    ถ้าจะฝึก แนะนำให้เอารูปของครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือ จะเป็นพระท่านใดก็ได้ หรือจะเป็นพระพุทธรูปก็ได้ เพราะเป็นสิ่งแทนตัวพระพุทธเจ้า เอามาประดิษฐานวางไว้ตรงหิ้งพระ ทุกครั้งที่จะฝึกให้จุดธูปเทียนบอกกล่าวท่าน ยกให้ท่านเป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ อธิษฐานไปว่าเราจะฝึกกสิณไฟ เราขอยอมรับพระรัตนไตรเป็นที่พึ่ง หากเราหลงทางหรือกระทำอะไรที่เป็นมิจฉาทิฐิ ขอท่านเมตตามาเตือนเราด้วย

    จากนั้นก็เริ่มฝึกได้ครับ กสิณไฟที่เป็นโทษคือการเพ่งเทียนเปล่าๆโดยปราศจากแผ่นกระดาษที่ตัดเป็นวงกลมมาคั่น

    ถ้าเป็นกสิณแสงสว่างจะสามารถทำได้ง่ายกว่าครับ คือ ปิดไฟในห้องให้มืดสนิท และใช้ไฟฉายวางไว้ และส่องแสงไฟไปที่ผนัง จะเกิดเป็นแสงวงกลมที่ผนัง ให้เราเพ่งแสงนั้นครับ

    ระหว่างที่เพ่งอย่าเครียดไม่เช่นนั้นจะปวดตามาก ให้ยึดหลังพรหมวิหาร4 ทำใจสบายๆ เพ่งมองไปเรื่อยๆ ถ้าเกิดปิติเมื่อใดจะเริ่มง่ายแล้ว เพราะว่าจะไม่เบื่อง่าย
     
  8. noolegza

    noolegza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,032
    ค่าพลัง:
    +3,844
    โอ้..ยอดเลยเอาไฟฉายส่อง ทำไมผมถึงนึกไม่ออก นึกว่าต้องดูแสงที่ฉายออกมาจากหลอดนีออนซะแล้ว อนุโมทนาคับ
     
  9. /_สายฟ้า_/

    /_สายฟ้า_/ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +999

    สาธุครับ หรือถ้ามันทำยากจริงๆ เราก็ฝึกพุทธานุสสติ+กสิณก็ได้ ครูบาอาจารย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านสอนไว้ เช่น ถ้าเราเอาพระแก้วมรกต(พระทรงเครื่องสีเขียว)มาใช้เป็นกสิณสีเขียวก็ได้ และได้พุทธานุสสติก็ได้เช่นกัน ได้ทีเดียวสองอย่างเลย นอกจากนั้นถ้าจิตละเอียดใจสบายแล้ว ยังสามารถได้มโนมยิทธิได้อีกด้วย

    หรืออย่างพระพุทธรูปองค์สีทอง เราก็สามารถนำมาใช้ฝึกเป็นกสิณสีเหลืองและพุทธานุสสติได้ครับ ได้ควบทีเดียวหลายอย่างเลย ได้มโนมยิทธิ ได้กสิณสีเหลือง ถ้าทำจนถึงฌาณ4 ก็จะได้มโนมยิทธิเต็มกำลังอีกด้วย

    ไปอ่านเพิ่มเติมได้ในหนังสือของหลวงพ่อฤาษีครับ
    มโนมยิทธิมีฝึกที่บ้านสายลมและวัดท่าซุงครับ
     
  10. เก่งก้า

    เก่งก้า สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +2
    อนุโมทนาคับ สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    จาก ศิษย์หลวงพ่อ...วัดท่าซุง
     
  11. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    เอาไฟเช็คก้ได้คับ รึเทียน รึตะเกียงก้ได้ เอาที่หาง่ายๆ ท่าภาพยังไม่ติดตาก้หาอะไรที่มันดูง่ายๆ ดูได้บ่อยๆ ดูแล้วก้พิจารนา สีของไฟความร้อนของไฟ แล้วก้ความสว่างของมัน
    จับเอามาเป็นอารมณ์ ตอนแรกๆๆภาพยังไม่นิ่งก้ปล่อยมันไปอย่าไปเครียดมาก จริงๆแล้วเพราะใจเรายังไม่นิ่ง ลองนั่งไปซักพักด้วยอารมสบายๆๆๆยังไม่ต้องกำหนดภาพกำหนดลมหายใจก่อนก้ได้ซักพักลองกำหนดภาพจะชัดและอยู่ได้นานกว่า คราวนี้ก้ดูภาพนิมิตรที่เรากำหนดพร้อมคำภาวนาไปพร้อมๆๆกับลมหายใจ ซักพักเด่วภาพจะชัดเละจะรู้สึกสบายเอง
    แล้วเด่วมันมีอาการต่างๆๆก้ไม่ต้องไปสนใจเพียงสนใจว่าเรากำหนดภาพไฟอันเดิมพร้อมคำภาวนาไปกับลมหายใจมันจะหายเละเปลี่ยนไปเอง
    พอมันเริ่มเปลี่ยนก้อย่าเพิ่งดีใจตกใจมันแค่เริ่มตั้งใจทำแบบเดิมอย่าไปสนใจเด่วมันก้เป็นไปตามกระบวนการเองครับ แต่ทำแรกๆอาจยังปรับสมดุลไม่ได้ระวังเป็นไข้นะ * *
     
  12. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    อย่าไปกลัวดีนะครับ...คนสมัยนี้ชอบกลัวดี...จนไม่มีดีให้กลัว..

    กสิณนี้เขาฝึกได้เป็นปกติครับ.....ไม่ใช่ของใหม่นะ.....ตำรามี...พระธรรมเทศนามี.....แนะนำของหลวงพ่อฤาษีนะครับ.....ท่านบอกไว้อย่างละเอียดแล้ว...จะยกตัวอย่างนะครับ...


    <CENTER>หมวดกสิน ๑๐


    </CENTER><HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title -->โดย: หลวงพ่อ ฤาษีลิงดำ

    <!-- attachments -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>ไฟล์แนบข้อความ</LEGEND><TABLE cellSpacing=3 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR><TD width=20><INPUT id=play_299 onclick=document.all.music.url=document.all.play_299.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=299 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>หมวดกสิน 10 ม้วนที่1a.mp3 (3.19 MB, 6393 views)</TD></TR><TR><TD width=20><INPUT id=play_300 onclick=document.all.music.url=document.all.play_300.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=300 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>หมวดกสิน 10 ม้วนที่1b.mp3 (3.00 MB, 3455 views)</TD></TR><TR><TD width=20><INPUT id=play_301 onclick=document.all.music.url=document.all.play_301.value; type=radio value=attachment.php?attachmentid=301 name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>หมวดกสิน 10 ม้วนที่2.mp3 (6.18 MB, 56526 views)</TD></TR></TBODY></TABLE></FIELDSET>
    [MUSIC]http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=299[/MUSIC]
     
  13. noppasin

    noppasin สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    อาตมาจำวัตรอยู่ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร จ.นครพนม ถ้าอยากจะฝึกจิงๆๆ อาตมาจะบอกให้โยมได้รู้ การฝึกกสินไฟ เริ่มด้วย 1 ก่อไฟขึ้น แล้วหาผ้า หรือ หนังสัตว์ มาเจาะรูกลมท่ากับฝาน้ำดื่ม
    แล้วมาขึงตรงกับกองไฟ แล้วให้โยมเพ่งเข้าในรูที่เจาะเอาใว้ แล้วโยมจงจำภาพที่เห็น แล้วหลับตา ถ้าภาพนั้นยังไม่เกิดขึ้น ให้ลืมตามองอีก เพ่งจนกว่าหลับตาและลืมตาจะเห็นเหมือนกัน แล้วให้หัดย่อ และขยาย และควบคุมให้ไป ซ้าย และ ขวา จนคุมดวงไฟนั้นได้คล่อง ถ้าโยมท่านได้ทำได้แล้ว อาตมาจะมาสอนขั้นต่อจากนี้ ถ้าสงใสอะไรก็ตอบกลับมาก็ได้อาต มาพร้อสอนสิ่งดีๆที่พระธรรมบท่านสอนเอาไว้ แต่ อาตมาขอเตือนคุณโยมไว้ก่อนนะ อย่าเพ่งที่กองไฟ หรือไฟอะไรก็ตาม เพราะธรรมบทท่านไม่ได้บอกไว้อย่างนั้น ถ้าเพ่งไฟ อาจจะอันตรายต่อดวงตา หรือไม่ ก็จะเห็นภาพที่โยมไม่อยากเห็น และาจอันตรายต่อตัว ของคุณโยมเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2011
  14. ddty2k

    ddty2k สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2011
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +5
    ไม่รู้จักครูบาอาจารย์ที่เป็นจริงๆ อย่าไปฝึกเลยจะดีกว่าครับ
    หนังสือเป็นแค่แนวทางแค่นั้นหละครับ
    เวลาปฏิบัติจริงเจอปัญหาอะไร แล้วในหนังสือไม่มีทางแก้เนี่ย
    เสียหายเลยนะครับ อาจถึงขั้นสมาธิแตกเป็นวิปลาศได้

    แล้วก็กสินไม่ใช่แค่ สร้างลูกไฟในอากาศ ทำให้ลมพัดอะไรประมาณนั้นนะครับ
    ของจริงมัน...อาวุธฆ่าคนชัดๆ
     
  15. techokasinung

    techokasinung สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +6
    เวลาจะฝึกกรรมฐานกองไหนก็ตาม ขอสิ่งเดียวเป็นสิ่งสำคัญที่สุดคือ กำลังใจ หรือความตั้งใจจริงนั้นเองครับ อย่าไปกลัวกับคำพูดของคนที่ยังไม่เคยฝึกจริง ๆ มีแต่แบบฟังกันมาบ้าง พูดตามกันไปกันมา กลัวบ้า กลัวโน่น กลัวนี้ กลัวผี ถ้าคิดแบบนี้อย่าฝึกดีกว่าเสียเวลา เพราะมันจะไม่มีทางสำเร็จแน่นอน ครับ เพราะสมาธิจะไม่มี

    หลวงพ่อฤาษี ลิงดำท่านสอน >> นักปฏิบัติถ้ากลัวเห็นโน่น กลัวเห็นนี้ กลัวอะไรก็ตาม
    ท่านบอกว่า ไปตายซะดีกลัว เพราะจะทำความดีทั้งที มัวแต่กลัอยุ่นั่น

    ผมก็เลยจำคำพูดของท่านนำมาคิดครับ มันจริงทีท่านว่าครับ คิดอย่างเดียวครับ
    ตายเป็นตาย เพราะถึงยังไงเราก็หนีความตายไม่พ้นอยู่แล้ว แต่ก่อนที่จะตายจากชาตินี้
    ขอทำความดี (ปฏิบัติกรรมฐาน)ให้ถึงที่สุดก่อน ถ้าตายไปแล้วจะไม่มีโอกาสได้ทำนะครับ

    จุดประส่งค์ของการฝึกกสิณไฟ ปัจจุบันส่วนมาก (เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการมาก ๆๆๆ) ก็ต้องการเห็นผี เห็นเทวดา เห็นนรก สวรรค์ ไม่ใช่หรอครับ ส่วนมาก ถ้ากลัวเห็นผี แล้วจะมาฝึกทำไม
    ถ้าเกิดเห็นผีแล้ว 1. ตั้งสติแล้วพิจารณาในสิ่งที่เห็น อย่าโววาย หรือ ร้องด้วยความกล้ว เพราะว่ามันไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร มีแต่จะทำให้ใจเสีย

    ให้คิดแบบนี้ครับ ผี แต่ก่อนเขาก็เป็นคนอย่างเรา และ เราเองก็เคยเกิด เคยตายเป็นผีมาแล้ว เราจะกลัวอะไรกับสิ่งที่เราเคยเป็นมาก่อน และเขามาแล้ว เขาก็ไปเองครับ
    ตามหลัก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปในทีสุด

    2. ผีเขาไม่ได้มา ฆ่าเรานะ เขามาขอส่วนบุญ เพระเขากำลังทุกข์ อย่ากได้บุญ

    จำไว่เสมอว่า ผีไมฆ่าคนอยู่แล้ว เพราะผีเป็นแค่วิญญาณ ที่โปร่งแสง ไม่มีตัวตนเหมือนมนุษย์ ไม่มีกำลังเหมือนมนุษย์
    ไม่สามารถเอากำปันมา ต๋อยหน้าท่านได้หรอก ผมยังไม่เคยได้ยินข่าวเลยว่า คนฝึกกรรมฐานแล้ว ผีฆ่าทิ้งตาย ไม่มีครับ

    ส่วนมากจิตจะปรุงแต่งเอง จนทำให้กลัว


    หมายเหตุ : แต่อาจารย์ที่ท่านสอน ที่ผมฟังจากวีดีโอ ท่านไม่ได้บอกว่า ตอนฝึกท่านได้เจอผีนะครับ แต่ท่านก็สำเร็จไปแล้ว

    ที่พูดมาทั้งหมด ทั้งมวลนี้ เพื่อจะสร้างให้กำลังใจคนทีจะปฏิบัติจริง ๆ ครับ (ต้องคิดให้ได้แบบนี้ครับ)
    คนไหนที่กลัวไม่กล้าฝึก ก็ช่างเขาครับ อย่าไปสนใจ ตัวใครตัวมันก็แล้วกัน ใครทำผู้นั้นก็ได้สิ่งนั้น
    ถ้ากลัวตาย กลัวบ้า ก็ไม่ต้องฝึกครับ ต้องเอาชีวิตเข้าแลกครับ
    ถึงจะกลัวตาย ยังไงคุณก็ต้องตายแน่ อยู่แล้วล่ะ หนีไม่พ้นอยู่ดี แต่ถ้าตายไปแล้วจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัว หรือมาฝึกอีก
    ถ้าไม่ได้มาเกิดเป็นคน จบ.... แค่นี้ (ผมก็ยังฝึกไม่สำเร็จนะครับ แต่มีความคิดแบบนี้ ต้องข้ออภัยหากมีท่านใดไม่พอใจในคำพูด)



    คำแนะนำเบื้องต้น
    1. หากอยากจะฝึกกรรมฐานกองใดก็ตาม อันดับแรกควรฝึกอานาปานสติก่อน เอาให้คล่องเลย สามารถเข้าถึงฌาน 4 ได้จนคล่องก่อนครับ แล้วค่อยไปฝึกกสิณ
    2. หากมีพื้นฐานมาจากอานาปานสติแล้วจะฝึกอะไรก็ง่ายครับ อย่างมากไม่เกิน 3 วัน ในกสิณแต่ละกอง
    เพราะกรรมฐานทุกก่องต้องอาสัยฐานข้องอานาปานสติ ในการเข้าฌาณ
    3. คำพูดนี้ผมเอามาจาก คำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำครับ เพราะเคยทำมาก่อน(ท่านบอกว่าท่านฝึกอานาปานสิติก่อน 4 วันเข้าถึงฌาน 4 ได้ จากนั้นท่านก็ไปฝึกกสิณ)

    4. ปัจจุบันนี้ผมเลิกฝึกกสิณไฟแล้วครับ เพราะไม่ไหวจริง ๆ แสบตามาก ๆ ครับ เดี่ยวเสียสายตา ผมฝึกได้อยู่ 3 เดือน ก็เลยคิดได้ว่า ต้องเอาฐานของ อานาปานสติ ให้ถึงฌานก่อนถึงจะไป ฝึกกสิน ถ้าไม่ได้ก็ไม่ฝึกกสิณ เพราะว่าสายตาจะเสียก่อน

    ผลของการฝึกกสิณ 3 เดือน (แต่ยังไม่สำเร็จคือ) จะมีผลที่เปลี่ยนแปลงดังนี้
    1. สามารถจับแสงไฟได้ ประมาณ 5 นาทีในขณะหลับตา และสามารถจดจำภาพนิมิตจากหลอดไฟต่าง ๆ ตามอาคารสำนักงาน
    ได้นานเท่ากับ ภาพกสิณไฟ ได้โดยอัตโนมัติเลย
    2. ในฝันผมสามารถอธิฐานใช้ฤทธิ์ต่าง จากกสิณได้ เช่นผม ใช้ฤทธิ์ทำให้มือลุกเป็นไฟได้ และ ยิงไฟจากมือใส่พวก ผีหรือปีศาจที่มาไล่ทำร้ายผมในฝันได้แบบ กระจุยเลยสู้ผมไม่ได้เลย (แต่ปัจจุบันนี้ลองแล้วใช้ไม่ได้ครับ เพราะว่าไม่ได้ฝึกนานแล้ว)

    แต่ถ้าสำเร็จแล้ว ในชีวิตจริงอย่าไปทำแบบนี้นะครับ เดี่ยวลงนรก
    ถ้าฝึกสำเร็จแล้วควรหันมาจับ วิปัสสนาญาน โดยใช้สติปัฐฐานสี ในการพิจารณา ขณะจิตอยู่ทีอุปจาระสมาธิจะได้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง ในสัจจธรรม นำตนพ้นทุกข์ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤษภาคม 2012
  16. spellohock

    spellohock Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2007
    โพสต์:
    37
    ค่าพลัง:
    +92
    ฝึกกสิณไฟมา 1 อาทิตย์แล้วครับ มีอาการแปลกครับ เวลานั่งอ่านหนังสือ หรืออยู่นิ่งๆ รู้สึกมีความปิติ สั่นๆ แล้วก็รู้สึกคัน หรือมีอะไรอยู่ที่กลางหน้าผาก อยากถามฝึกรู้ช่วยแนะนะหน่อยครับว่า เกิดอะไรขึ้น แล้วควรอะไร อย่างไร ต่อไป... ขออนุโมนา ครับ
     
  17. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    ก็นั่งสมาธิ หายใจเข้าออกๆ ภาวนา เตโชกสิณณัง ไปเลื่อยๆ แล้วเมื่อเกิดอะไรทางกาย ทางจิต(นิมิตร)ก็ไม่ต้องสนใจ พอใจสงบแล้วให้ลองไปเพ่งไฟจริงดู มันจะลดโอกาส ตาเสียได้และในขณะเดียวกันพื้นฐานฝึกสมาธิมาพอสมควรปัญญาเพิ่มขึ้นจะจำภาพไฟได้ง่าย กว่าตอนแรกเล่นเอาเพ่งไฟจริงเลยนั่นแล่ะ แล้วเมื่อได้กสิณขั้นนึงแล้วให้คุณควบคุมความสมดุลตนเองให้ได้
     
  18. ไม่ใช่ใคร

    ไม่ใช่ใคร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +21
    เพ่งดวงอาทิตย์ คือ ฤาษีตาไฟครับ ไม่ใช่กสิน

    ต้องดูตอนเช้าหรือตอนเย็น วันแรก 1 นาที แล้วค่อยๆเพิ่มไป วันละ 1 นาที

    ฤาษีที่ชำนาญจะเพ่งดวงอาทิตย์ตอนเที่ยงได้เลย

    ที่บอกนี่ ไม่ได้แนะนำให้ฝึกนะครับ ไม่ใช่วิชาที่เกี่ยวข้องอะไรกับพระพุทธศาสนาเลย(เรียกว่าวิชา เดียรถี หรือป่าว?)

    :cool:
     
  19. jate2029

    jate2029 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    391
    ค่าพลัง:
    +729
    ตามวิธีผมมั้ยครับ แต่ต้องแลกนะครับ ถ้ายังอาวรณ์ ในขันธ์ 5 อยู่ก็ลำบากหน่อยครับ เพราะกสินไฟ เป็นกสินที่ทำได้หลากหลายและ มีประโยชน์มาก แต่ก็ มีโทษเหมือนกันถ้าทำไม่ได้ เป็นกสินที่ โลกทิพย์ ค่อนข้างกลัวครับ ลืมบอก ใจต้องถึงอ่ะกสินนี้ เพราะมารจะขัดขวางเยอะมากช่วงแรก
     
  20. มะบอม

    มะบอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,255
    ค่าพลัง:
    +5,352
    จับใจความสำคัญได้จากคำสอนหลวงพ่อว่าให้ใช้จิตเห็นภาพ ไม่ได้ให้ใช้ตาเห็นภาพ ฝึกแรกๆผมคิดว่าหลายคนคงใช้ตาเพ่งให้ภาพติดตา

    ส่วนผมนั้นปวดเบ้าตาเอามากๆตอนฝึกหนักๆช่วงแรกๆ ฝึกมาตั้ง 5-6 ปี ไม่เคยจำภาพได้ติดตาสักที จนมาเจอคำสอนหลวงพ่อ

    และมีครูอาจารย์แนะนำสนับสนุน เลยฝึกใช้จิตเห็นนิมิต จนภาพนั้นติดใจ ไม่ได้ใช้ลูกกะตาเห็นภาพติดตา สุดท้ายก็ได้ผลจริงๆครับ

    สิ่งที่ผมทำแล้วไม่ว่าการฝึกครั้งนั้นจะเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆคือปลอดภัยแน่นอน คือผม สวด นะโมฯ3จบ เพื่อระลึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นเบื้องต้น แล้วต่อด้วย อิ สวา สุ หรือสวดบทเต็มไปเลย เพื่อระลึกถึงพระคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ต่อด้วย ระลึกถึงคุณบิดา มารดา ต่อด้วย ระลึกถึงพระคุณของครูอาจารย์ ทั้งหมดนี้ใช้เวลาอย่างย่อไม่เกิน 1 นาที อาจจะ 30 วิ ส่วนบทเต็มก็ไม่น่าเกิน 2-5 นาที แล้วแต่ผู้สวด

    ถ้าทำอย่างนี้จนชินแล้ว ครูท่านว่าปลอดภัยแน่นอน เพราะจะมีครูของเราคอยคุมอยู่ตลอด เสร็จแล้วแผ่เมตตาเผื่อผู้อื่นๆด้วยจะดีมาก

    ลองใช้ดวงกสิณไฟควบกับการแผ่เมตตาแล้วกำหนดจิต เอาดวงนิมิตพุ่งออกไปให้กว้างที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือกำหนดดวงสกิณ(ใช้แผ่เมตตา) ให้ใครก็ย่อมทำได้ครับ

    กสินไฟนั้นมีกำลังมากอยู่แล้ว ที่เหลือให้ใช้จิตเป็นตัวกำหนดพลังงานนั้นว่าจะเอาไปทำอะไรดีๆ ก็จะได้รับอานิสงส์ไปตามนั้นนะครับ ไม่ใช่ว่ากสิณไฟจะเอาไว้เผาอย่างเดียวนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...