การบริหารพลังงานสนามพลังงานแม่เหล็กภายในตัวบุคคล

เด๋วมาอ่านะครับง่วงจัง

 

ลงชื่อร่วมด้วยอีกหนึ่งค่ะ

 

อยากได้แผ่นข่าวสาร จะหาได้อย่างไรครับ

 

ใจเย็นๆจ้า กำลังตามให้อยู่ ประมาณวันที่10เดือนหน้า คงได้ข่าวคราวครับ สำหรับเพื่อให้ไม่ต้องรอนานเกินไปผมขอเอาภาพข่าวสารแบบหนึ่งมาให้ชมกันครับ ผมไปเจอในเน็ทเห็นมีความหน้าสนใจดี

 

ขอขอบคุณ คุณบุญญสิกขา ที่เข้ามาช่วยให้ข้อมูลครับ

วันนี้เป็นวันที่ผมว่าง พอดีคุณบุญญสิกขาโทรเข้ามาปลุกให้ผมมาทำหน้าที่ต่อได้แล้ว อู้งานมานานแล้ว ^_^ เลยต้องรีบกลับมาประจำการ คับผม!

สำหรับคนที่เข้ามาใหม่ๆรอคอยหน่อยนะครับ เรื่องภาพข่าวสารเพราะตอนนี้มีการปรับปรุงเล็กน้อยเพื่อให้ดีขึ้นไปอีก

 

แถมให้อีกอันและกัน

 

เคยเห็นภาพ และเหรียญแบบนี้ มันมีความเกี่ยวข้องกันบ้างไหมครับ

 

ของคุณเอกณัฐยศ เค้าเรียกว่า ศรีจักรา ครับ อิอิ

ยังไงรอส่วนที่เพิ่มเติมอยู่น่ะครับ

จะติดตามต่อไป ( ควิกลี่ ๆ น่ะครับ )fishh_

 

แผนภาพนี้ใช้ทำอะไรครับ

 

"มันดาลา" ลวดลาย กาลจักรแห่งพุทธ ที่ปรากฏบนผืนภาพ




คำว่า ‘มันดาลา’มาจากภาษาสันสกฤต ‘มันดา (manda)’ ภาษาบาลีเรียกตันกะ แปลเป็นภาษาทิเบต ตรงกับคำว่า ‘dkyil’ ซึ่งหมายถึง ‘แก่นศูนย์กลาง

หรือ ที่นั่ง’โดยใช้ในความหมายควบคู่ไปกับคำว่า ‘โพธิ’ หรือการตื่น การบรรลุธรรม ซึ่งชี้ถึงสถานที่นั่งภายใต้ต้นโพธิ์ที่ซึ่งการตรัสรู้อย่างสมบูรณ์ได้เกิด ขึ้น ส่วนคำว่า‘ลา

(la)’หมายถึง ‘วงล้อที่หลอมรวมแก่น’ ดังนั้น ‘มันดาลา’ จึงแปลว่า

‘ที่ ประทับของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ต่างๆในขณะที่รู้แจ้ง’และภาพเหล่านี้จะ ปรากฏในมโนทัศน์ของวัชราจารย์ (ครูบาอาจารย์ในพุทธศาสนานิกายวัชรยาน)

สำหรับคนไทยเราเรียกคำว่ามันดาลาเป็นสำเนียงไทยว่า ‘มณฑล’นั่นเอง ซึ่งก็มีความหมายสอดคล้องกัน


ใน ทางคัมภีร์แล้ว ทิเบตถือว่าทุกชีวิตก็คือมันดาลา มากกว่าจะเป็นเพียงแค่จุดของการตระหนักรู้ เพราะเราก็คือสิ่งแวดล้อมของเราเอง อาจกล่าวได้ว่า มันดาลาก็เปรียบเหมือน

กับ พิมพ์เขียวสำหรับการบรรลุธรรมที่ไม่ใช่เพียงแต่เป็นการปลดปล่อยตนเองสู่ อิสรภาพที่แท้จริงเท่านั้น แต่ยังเป็นการหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสภาวะแวด
ล้อม



โดยทั่วไปมันดาลามักจะสร้างเป็นวิหารที่มีประตู 4 ทิศ ซึ่งแต่ละทิศจะแสดงถึงพรหมวิหารทั้ง 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา

และก่อนที่ผู้ปฏิบัติธรรมจะเดินเข้าประตูได้นั้น จะต้องผ่านด่านทดสอบคือกำแพง 4 ชั้น ซึ่งประกอบไปดัวย


1.กำแพงไฟแห่งความรู้อันบริสุทธิ์

2.กำแพงเพชรแสดงความแข็งแกร่งและกล้าหาญ

3.กำแพงหลุมศพแห่งการมีสติรู้

4.กำแพงดอกบัวแสดงถึงการยอมอุทิศตนต่อพุทธะ



มันดาลาสามารถสร้าง ได้จากกระดาษ ผ้า หรือทรายก็ได้ โดยมักเริ่มจากโครงประกอบด้วยรูปทรงเรขาคณิตแบบง่ายๆ และค่อยๆเพิ่มรายละเอียดภายใน ตามแต่จินตนาการ

หรือภาพนิมิตที่เห็น ดังนั้นการสร้างแต่ละครั้งสิ่งที่สำคัญคือ จิตใจที่มีสมาธิจดจ่อในสิ่งที่กำลังสร้าง



พระ ลามะส่วนใหญ่รู้วิธีการสร้างมันดาลา เพื่อใช้ในการประกอบพีธีต่างๆ บางรูปใช้เวลาสร้างเป็นเดือน ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว การสร้างมันดาลาเป็นการฝึกฝนจิตอย่างหนึ่ง

มโนจิตและสมาธิต้อง ดำเนินไปด้วยกัน การ สร้างมันดาลาไม่มีการร่างโครงร่างก่อน ไม่ว่ารูปมันดาลานั้นจะใหญ่หรือเล็กขนาดใด ดังนั้นมโนจิตในมันดาลานั้นต้องเที่ยงตรง

สมาธิต้องมั่นคง บางครั้งพระบางรูปจะท่องมนตราและแผ่เมตตาในขณะที่สร้างด้วย ถือเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ นานๆ จึงจะ จัดทีหนึ่ง ขณะทำพระลามะจะสวดมนต์

เพ่งกระแสจิตตลอด มีความพยายาม แนวแน่ อดทนสูง กว่าจะได้เป็นภาพแต่ละส่วน

ปริศนาธรรมที่แฝงมาใน มันดาลานั้นก็คือ ไม่ว่าจะสมบูรณ์สวยงามหรือมั่นคงเพียงใด สุดท้ายก็ต้องสูญสลายไปตามธรรมชาติ และก็เช่นกันเมื่อสูญสลายไปแล้ว

ก็จะต้องถูกสร้างขึ้นมาอีก เพราะความมีอยู่ทำให้เกิดความว่าง และความว่างก็เป็นบ่อเกิดของความมีอยู่


นอก จากนี้ชาวทิเบตเองยังมีความเชื่อว่า มันดาลาสร้างโดยพระผู้มีปัญญาอันบริสุทธิ์ เนื่องจากในขณะที่สร้าง พระสงฆ์ได้อัญเชิญพลังศักดิ์สิทธิ์มาสถิตในมันดาลา

ซึ่งจะเป็นสิริมงคลให้กับผู้ที่ได้มาเยี่ยมชมมันดาลา อีกทั้งยังช่วยคุ้มครองปกป้องสถานที่ซึ่งมันดาลานั้นตั้งอยู่อีกด้วย



ปัจจุบัน ได้มีการประยุกต์เรื่องมันดาลามาใช้ในการบำบัดรักษาโรคทางจิต โดยให้ผู้รับการบำบัดวาดภาพมันดาลา

ซึ่งเป็นการแสดงออกทางอารมณ์และจิตใต้สำนึกของตัวตนภายใน ทำให้นักจิตแพทย์สามารถเข้าใจถึงปมปัญหาของคนไข้ได้มากขึ้น

มันดาลาในยุคปัจจุบันจึงมีรูปร่างและสีสันที่แตกต่างกันออกไป ตามแต่ละบุคคลจะสร้างออกมา


อย่างไรก็ดีภาพมันดาลาเป็นเรื่องที่ลึกซึ้ง บางท่านอาจสนใจเพียงความสวยงามและความสงบสุขเมื่อได้พบเห็น

แต่แท้จริงแล้วมันดาลาเป็นสัญลักษณ์ที่ถ่ายทอดสิ่งที่เป็นนามธรรมของพระพุทธศาสนาออกมาเป็นรูปธรรมที่จับต้องได้

ความหมายที่แท้จริงซึ่งแฝงคำสอนในมันดาลาไม่ควรจะถูกมองข้ามไป

และ ผู้ที่จะนำมันดาลาไปประยุกต์ใช้ในสาขาต่างๆควรมีความเข้าใจในหลักการพื้นฐาน ทางพุทธศาสตร์โดยเฉพาะในเรื่องสูญญตา และหลักธรรมต่างๆเป็นอย่างดีเสียก่อน

และควรตระหนักอยู่เสมอถึงสาระของมันดาลา และประโยชน์ที่ได้รับต่อการปฏิบัติและการฝึกจิตในการพิจารณา



“ มันดาลา ” ทางบ้านเราเรียกว่า กงล้อ " ธรรมจักร " ธรรมจักร หมายถึงเครื่องหมายทางพระพุทธศาสนา เป็นรูปวงล้อมี 8 ซี่บ้าง 12 ซี่บ้าง

ถือเป็นสัญลักษณ์เริ่มแรกของพระพุทธศาสนา


พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนาครั้งแรกด้วยการแสดงพระธรรมเทศนาชื่อ " ธรรมจักรกัปวัตนสูตร " โปรดพระปัญจวัคคีย์

นัก ปราชญ์ทางศาสนาจึงกำหนดธรรมจักรเป็นสัญลักษณ์ของวงล้อ ธรรมะอันจะหมุนเคลื่อนตัวไปรอบแล้วรอบเล่า เพื่อจะให้เข้าถึงประชาหมู่สัตว์ทั่วๆไป

ดุจวงล้อของราชรถที่พระราชาประทับเคลื่อนไป


ตราธรรมจักรถ้ามี 4 กง อาจหมายถึง หลักอริยสัจ 4

ตราธรรมจักรถ้ามี 8 กง อาจหมายถึง มรรคมีองค์ประกอบ 8 ประการ

ตราธรรมจักรถ้ามี 16 กง อาจหมายถึง ญาณ 16 ในวิปัสสนากรรมฐาน


กงในตราธรรมจักรอาจมีหลายกง สุดแต่จะกำหนดความหมายตามหลักธรรมที่ผู้สร้างเลื่อมใส หรือปฏิบัตินำมาย่อเข้าไว้



..................................................................................

พอดีเห็นแผ่นภาพที่คุณศิริพัฒน์ให้มาชื่อว่า มันดาลา (mandala)

เลย search หาดูใน google นะครับ

รอเรียน และรอฟังข่าว...ครับ..

อ่อเจอเวปนี้ด้วย

http://mandala-center.com/

แต่เป็นภาษาอังกฤษ

เป็น flash

พอดีตอนนี้เล่นเน็ตผ่านมือถือ เลยช้ากว่าจะโหลดเสร็จ -*-"

เลยไว้วันหลังค่อยดูครับ..

 

แง่ ๆ ๆ คุณศิริพัฒน์ นำความมาฟ้อง เราซุกซน จนเราถูกเอ็ดเลย แง่ ๆๆ


พร้อมนี้ ขอบพระคุณ คุณ RO5 ค่ะ กำลังอยากรู้เรื่อง "จักรา" อยู่พอดี
อยู่ตรงนี้ ได้ความรู้มากมายดีจัง

อยากรู้เรื่อง "การสื่อสารของน้ำ - H2O" อีกด้วยแล้ว
(ตามประสาซน - ของคนใฝ่รู้ใฝ่เรียน)

 

รบกวนด้วยครับ wishblade@gmail.com
เรื่องของการปรับปรุงพลังงานน่าสนใจค่ะ

 

รบกวนด้วยค่ะ wishblade@gmail.com
เรื่องของการปรับปรุงพลังงานน่าสนใจค่ะ

 

ขอรับ file mp3 ด้วยครับ ขอบคุณมากครับ
mercuries_69hotmail.com

 

อยู่หน้า 5 ของกระทู้นี้ค่ะ คุณ mercuries 69
ไปดาวน์โหลดได้เลย ทั้งสองไฟล์
ส่งไฟล์แรกให้คุณทางอีเมล์แล้วด้วย
ไฟล์สอง เป็นไฟล์ใหญ่ค่ะ ส่งไม่ไหว

 

ย่อขนาดไฟล์ไว้แล้ว สามารถคลิ้กโหลดฟังได้เลย ค่ะ
แถม มหาพลานุภาพแห่งนโมตัสสะ เพื่อมหานมัสการน้อมรำลึกพระพุทธคุณ กันนะคะ

;aa34
คุณ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->threeam มาแล้ว (deejai)

 

คุณศิริพัฒน์ติดภารกิจอยู่ เลยคัดบทความมาให้อ่านพลางๆ กันไปก่อน เห็นว่าเกี่ยวข้องกันอยู่ น่าสนใจค่ะ

 

อ่านดูแล้วผมสนใจมากผมสามารถฝึกได้หรือไม่และจะเริ่มต้นอย่างไร ทำอะไรบ้าง

 

ตอบคุณAugeas ครับ ไม่เชิงเป็นการฝึกพลังอะไรหรอกครับ เราเป็นเพียงผู้ที่นำมาใช้เท่านั้นเอง ตอนนี้ผมก็กำลังรอความชัดเจนเพิ่มขึ้นว่าจะมีการปรับปรุงอะไรออกไปอีกบ้าง เพราะความจริงช่วงนี้ผมเริ่มมีเวลาแล้ว แต่มาติดตรงเรื่องการปรับปรุงแผ่นภาพข่าวสาร เลยต้องรอดูว่าสุดท้ายแล้วจะสรุปอย่างไร หวังว่าเพื่อนๆคงจะรอกันได้นะครับ ^_^

ขอบคุณ คุณthreeamจริงๆครับที่หาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาเพิ่มเติมให้ระหว่างที่ผมไม่ว่าง ผมอ่านแล้วยังสนใจเลยต้องขอเอาไปอ่านตอนที่ว่างๆสงบๆอีกที แล้วคงได้คุยแลกเปลี่ยนกันอีกครับ ^_^

 

​

ขั้นตอนที่ ๒ ส่งผ่านเชื่อมสู่ภายนอก
<o></o>
๑) จากขั้นตอนเพื่อตัวตนนั้น (ปรับสภาพร่างกาย) เมื่ออารมณ์ใจ สงบ เบา นิ่งแล้วนั้น ให้สังเกตจับความรู้สึกอยู่ภายในร่างกายตน (มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง – มาเล่าสู่กันฟังนะคะ)
<o></o>
๒) จากนั้น ในขณะเดียวกัน ให้จับอารมณ์ใจส่งออกนอกร่างกาย เชื่อมส่งไปให้ไกลสุดโพ้นทาง ทิศเหนือ (นึกในใจให้ไกลไปถึงกาแลกซีทางช้างเผือก) เหตุผล เพื่อปรับสภาพคลื่นพลังงานแม่เหล็กในตัวเอง ให้เชื่อมระบบเข้ากับพลังงานคลื่นแม่เหล็กธรรมชาติ นั่นเอง
<o></o>
๓) ถึงตรงนี้ จะรู้สึกสภาพร่างกายโล่ง โปร่ง สบาย ให้รักษาอารมณ์ใจเป็นกุศลนี้ไว้ แล้วส่งแผ่ความรู้สึกดีงาม เป็น พลังเมตตาธรรม รูปแบบองค์รวม (holistic) ออกจากตัวตนเราเอง (ระดับปัจเจก – individual) ขยายความรู้สึกไปสู่คนใกล้เคียง ครอบครัว เครือญาติ ชุมชน สังคม ประเทศชาติ เรื่อยไปสู่จักรวาล สากลจักรวาล จนไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ
<o></o>
กลับไปศึกษาอ่านสาระ “ กฎแห่งกรรม กับ คลื่นแม่เหล็กธรรมชาติ ” ของ ศ. นพ. ประสาน ต่างใจ
<o></o>
“ ..เพราะฉะนั้นที่เราเรียกว่าเหตุผลคือเป็นความจริงตามที่ตาของมนุษย์เห็นหรือไม่เราก็เชื่อนักวิจัยวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่มากๆว่ามันเป็นความจริงเช่นที่ตาเห็นในความเห็นของผู้เขียนความจริงจึงเท่ากับเหตุผลหรือเท่ากับตาของมนุษย์เห็น-จบดังนั้นเรื่องที่พลังงานแม่เหล็กของดวงอาทิตย์กับพลังงานแม่เหล็กโลกและการเชื่อมโยงเข้าหากับช่องทางปิด-เปิดที่เปิดทุก๘นาทีและข้อมูลทางตันตระพุทธศาสนาว่าด้วยพลังงานแม่เหล็กที่มาจากศูนย์กลางพลังงานแม่เหล็กร่วม(central reservoir) ของดวงอาทิตย์จะมองเป็นอย่างอื่นได้ยากนอกจากคิดเช่นที่ผู้เขียนเชื่อว่าศูนย์ดังกล่าวเป็นศูนย์รวมของพลังงานแม่เหล็กโลกที่นำกรรมของปัจเจกบุคคลจากโลกเพื่อไปแลกเปลี่ยนกับพลังงานแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ซึ่งนำกรรมแห่งปัจเจกบุคคลอันเป็นกรรมใหม่ไปยังเอ็มบริโอผ่านมณฑลที่กล่าวไปแล้วเพื่อที่จะให้มนุษย์ที่เติบใหญ่จากตัวอ่อนนั้นได้รับกรรมที่ตัวเองได้กระทำไปแล้วในอดีตอย่างยุติธรรม..”

<o></o>
สรุปเน้น อย่างที่คุณศิริพัฒน์กล่าว นี่ไม่ใช่การฝึกพลัง แต่เป็นการปรับสภาพสภาวะ ผ่านเครื่องมือ ใช่หรือไม่ค่ะ (หลักการเดียวกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงชี้แนะไว้ใน พระสูตร ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร) <o></o>
<o>
สาระเกี่ยวกับ เครื่องมือแรกคือ บทสวดมนต์ สาระต่อไปคือ เรื่องน้ำ และ ภาพสารจักรา ขอท่านผู้อื่นสื่อความนะคะ รอทราบเช่นกันค่ะ<o></o>

[music]http://palungjit.org/attachments/a.569667/[/music]​

</o>