คุณมีจิตสัมผัส-ความผูกพัน-สื่อพลังพุทธะ พลังเทพหรือไม่

ปล.2 สำหรับนักปฏิบัติที่อาจจะมีเป้าหมายเพียงแค่ความสุขในปัจจุบันหรือการนำหลักการปฏิบัติธรรมไปใช้ในชีวิตประจำวันเท่านั้น ผมก็ขอแนะนำให้ใช้วิธีการมีสติรู้ตัวทั่วพร้อม มีสติระลึกไปทั่วร่างกายแทน เพราะจะสบายและเป็นธรรมชาติกว่า อีกทั้งยังสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ดีและมีประสิทธิภาพมากกว่าการกำหนดเป็นจุด

ส่วนผู้ที่เอาจริงเอาจังในการปฏิบัติธรรมและมีพื้นฐานทางธรรมะดีพอสมควร เป็นคนดีมีคุณธรรมและปล่อยวางอะไรได้ง่ายๆอยู่แล้ว ก็อาจจะฝึกกำหนดจิตเป็นจุดที่กลางทรวงอกได้ เพราะการกำหนดจิตเป็นจุดนั้นจะเป็นการรวมกระแสการรับรู้ที่ตามปกติจะกระจายอยู่ทั่วร่างกายให้มารวมกันอยู่ที่จุดจุดเดียว เป็นการบังคับจิตให้เป็นไปตามความต้องการของเรา ซึ่งเมื่อปฏิบัติต่อเนื่องสักพักหนึ่งก็จะมีสภาวะต่างๆเกิดขึ้นซึ่งบางสภาวะก็จะค่อนข้างรุนแรงและหวือหวาพอสมควร เพราะเราบีบอัดกระแสจิตให้เป็นจุดเล็กๆจุดเดียว ถ้าสติไม่แก่กล้าหรือพื้นฐานทางธรรมและการปล่อยวางไม่ดีพอ ก็อาจจะทำให้เกิดการฟุ้งซ่านได้ง่ายๆเลยล่ะครับ แต่ถ้าสติเราแก่กล้าพอและเราทนสภาวะต่างๆที่เกิดขึ้นมาได้ ก็จะเกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็วพอสมควรเลยล่ะครับ

 

...
หากยกเว้นซึ่งพรหมสุทธาวาส และ พระนิพพานแล้ว

ภพทั้งหลาย ถูกทำลาย เคลื่อนไป ตามกงล้อกาลเวลา

" โอม " ปรากฎ เมื่อ ปรมาตมัน แปรจากอรูป สู่ รูป

จักรวาล ก่อเกิด

ภพแห่งอรูปย่อย และรูปก่อเกิด อีกครั้ง

สภาวะแห่งพระเป็นเจ้า หรือปชาบดีแห่งจักรวาล แบ่งสภาวะลงทำงานตามธรรมชาติ ( เป็นเทพเจ้านามต่างๆตามที่ใจมนุษย์สัมผัสถึงแล้วบัญญัติชื่อ )

เสียงแรกแห่งจักรวาล เป็นบ่อเกิดของชีวิตทั้งมวล

 

...

 

.
ช่วงเวลาปัจจุบัน


โลกอยู่ในช่วงกลียุค บทบาทธรรมชาติแห่งปชาบดี หน้าที่ใหญ่เป็นของ


ธรรมชาติแห่งการอนุรักษ์สิ่งดี ที่กำลังดำเนินตามกฎธรรมชาติ

ให้ดำเนินไปตามกฎแห่งกรรม ( อิทัปปัจจัยตา / ปฏิจจสมุปบาท )

โดยควบคุม ให้ชดใช้ตามกฎเกณฑ์แห่งจักรวาล และทำลายล้างพลังแห่งอธรรมที่รบกวนกลไกจักรวาลลง

ปรากฎเป็น รูปแห่งมหาเทพนารายณ์ และ พระศิวะ

ทำหน้าที่ควบคุมกลไก ในยุคปลาย(กลียุคนี้ )


ชีวิตใดที่พัฒนา วิวัฒนาการ จนถึงขั้น ก็จะเข้าสู่กระแสความเหนือวัฏฏะ ด้วยธรรมแห่งพระสัมมาสัมพุทธะแห่งยุคปัจจุบัน

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโคตม เจ้าของวงล้อธรรมจักรในยุคนี้

 

OO ศิวะนาฏราช OO จังหวะขับเคลื่อน แห่งจักรวาล

...

 

พระวิสุทธิเทพ

 

(f)

 

ช่วงนี้นึกถึงพระแม่โพสพบ่อยๆ สงสัยเพราะที่พี่เม้าเคยบอกว่าเวลากรวดน้ำให้นึกถึงพระแม่ธรณีให้เป็นพยาน แอนเลยพ่วงพระแม่โพสพเข้าไปด้วย

 

ภาพนี้มีความรู้สึกเหมือนโดนจ้องตลอดเวลาเลยค่ะ เห็นตอนแรกแอบตกใจไปแวบนึง

 

.............

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff>เสน่หา: ตรีมูรติ..สำหรับคนที่อยากพบเนื้อคู่ถูกใจ
Contributed by siamee ตั้งแต่ วันศุกร์, 24 พฤษภาคม 2002 @ 00:05:08 ICT</TD></TR><TR><TD bgColor=#ffffff>

ได้ fw. มาจ้ะ เป็นความเชื่อส่วนบุคคล กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน

ครั้งหนึ่งนานมาแล้วได้ยินเพื่อนที่เป็นตำรวจพูดถึงเรื่องของเพื่อนสนิทของเค้าที่กำลังจะแต่งงานว่า
คู่รักคู่นี้รู้จักกันแบบพรหมลิขิตและกำลังจะแต่งงานกัน ฟังดูออกจะเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ทำให้เรื่องนี้ไม่ธรรมดานั้นเกิดมาจาก เพื่อนของตำรวจคนนี้(คู่ที่กำลังจะแต่งงาน)ได้รับคำแนะนำจากคู่แต่งงานคู่หนึ่งให้ไปขอพรจาก​

 

<TABLE height=580 cellSpacing=3 cellPadding=2 width=431 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center width=428 height=26>

ตำนาน "ตรีมูรติ"​

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=428 height=16>

​

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=428 height=95>

ศาสตราจารย์หม่อมเจ้า สุภัทรดิศ ดิศกุล หนึ่งในนักโบราณคดีชื่อดังของไทย อธิบายไว้ว่า
"ตรีมูรติ" แปลว่า รูปสาม หมายถึง รูปสามองค์ของเทวะ หรือธรรมชาติที่ทรงอำนาจ คือ
อัคนี (ไฟ) วายุ (ลม) และสุริยะ (ดวงอาทิตย์)

<TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="44%" align=center border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>
ตามความเชื่อ โลกต้องมีความร้อน เพื่อเผาไหม้สิ่งปฏิกูล ต้องมีลมหายใจและแสงสว่าง
เพื่อดำเนินชีวิต หรือพูดอีกอย่าง "ตรีมูรติ" ก็คือ พระเป็นเจ้า 3 พระองค์รวมกันเป็นหนึ่ง
ได้แก่ พระพรหม พระศิวะ และพระนารายณ์ กลายเป็นพระเป็นเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์
เดียว

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="65%" align=center border=0><TBODY><TR><TD width="42%">

​

</TD><TD width="58%">

​

</TD></TR><TR><TD width="42%">

พระพรหม​

</TD><TD width="58%">

พระศิวะ​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ตำนาน "ตรีมูรติ" เกิดขึ้นในประเทศอินเดีย ตามความเชื่อที่ว่า การเวียนว่ายตายเกิดมีจริง
สมัยที่ชนชาวอารยันบุกเข้าไปในอินเดีย พร้อมกับนำ "ศาสนาพระเวท" เข้าไปเผยแผ่ผสม
กับคติความเชื่อพื้นเมือง เพื่อใช้ในการครอบครองอินเดีย แม้ว่าศาสนาพระเวท ไม่เชื่อใน
เรื่องเวียนว่ายตายเกิด เชื่อเพียงว่ามีเทวดาหลายองค์ เชื่อว่าผู้ที่ตายแล้วจะไปรวมกันใน
สถานที่มีพระยมเป็นเทพเจ้าแห่งความตาย ต่อมาเมื่อความเชื่อผสมปนเป จึงเกิดเป็น
"ศาสนาพราหมณ์"

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="65%" align=center border=0><TBODY><TR><TD width="42%">

​

</TD><TD width="58%">

​

</TD></TR><TR><TD width="42%">

พระนารายณ์​

</TD><TD width="58%">

พระตรีมูรติ​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

ม.จ.สุภัทรดิศ อธิบายว่า เดิมศาสนาพราหมณ์มีเทวดาองค์เดียว ไม่ได้เป็นพระพรหม แต่
่เรียกว่า "พรหมมัน" หรือประชาบดี คล้ายกับเป็นเทวะผู้สร้างโลก สร้างมนุษย์ ในยุคที่
ศาสนาพราหมณ์รุ่งเรือง เชื่อกันว่า สิ่งที่มนุษย์ปรารถนา คือ ความต้องการของพระผู้เป็น
เจ้า ศาสนาพราหมณ์จึงพัฒนาขึ้นใหม่กลายเป็น "พราหมณ์ยุคใหม่" หรือศาสนาฮินดูเกิดมี
เทวดาที่สำคัญขึ้น 3 พระองค์ คือ พระพรหม พระอิศวร และพระนารายณ์
พระพรหม คือ ผู้สร้างโลก พระวิษณุหรือนารายณ์ คือผู้บำรุงรักษาโลก และ พระศิวะหรือ
อิศวร คือผู้ทำลาย หมายถึง การทำลายแล้วสร้างขึ้นมาใหม่พร้อมกัน เมื่อนำคติความเชื่อ
เหล่านี้รวมกัน จึงกลายเป็น "ตรีมูรติ"
ถ้าจะพูดถึงที่มาของการกำเนิด “พระตรีมูรติ” อาจกล่าวได้ว่ามีด้วยกันหลายตำนาน
กำเนิดของ“พระตรีมูรติ” มีแหล่งที่มาที่แตกต่างกันในรายละเอียด ในความแตกต่างกันนั้น
แสดงถึงวันเวลาที่จารึกตำนานที่มีความเชื่อกันในแต่ละยุค ไม่เหมือนกันโดยเฉพาะที่
ี่เกี่ยวข้องกับลัทธิที่นับถือ “พระทัตตาเตรยะ” (ตรีมูรติ) มีการบูชา “พระตรีมูรติ” โดยทั่วไป
นิยมสร้างรูปปั้นหรือรูปหล่อ เป็นการแสดงออกทางรูปธรรมที่ประชาชนทั่วไปมีต่อสิ่งสูงสุด ทั้งนี้คนส่วนใหญ่เชื่อกันว่าหากบูชา “พระตรีมูรติ” จะมีความหมายที่แสดงถึง ความอุดมสม
บูรณ์ทั้งในชีวิต ความรัก และการงาน เทพทัตตาเตรยะเป็นอวตารของมหาวิษณุ (พระนา
รายณ์) มีฤาษีอัตริเป็นบิดาและนางอนุสูยาเป็นมารดา เรื่องที่กล่าวไว้ในพฺรหมณฺฑปุราณ
อัธยายที่ ๑๙ ถึง ๔๐ มีดังนี้...
​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="65%" align=center border=0><TBODY><TR><TD width="42%">

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

มีฤาษีตนหนึ่งชื่อ อณิมาณฺฑวฺย (อะ-นิ-มาน-ดับ-วยะ) ขณะที่ฤาษีตนนี้นั่งสมาธิอยู่ โจรกลุ่มหนึ่ง
ได้หนีเจ้าหน้าที่ผ่านมาทางนั้น ตำรวจหลวงที่ติดตามโจรได้สอบถามถึงโจรกับฤาษี ฤาษีอยู่ใน
สมาธิจึงไม่ยอมปริปากใด ๆ ตำรวจหลวงเข้าใจว่าฤาษีนั่นเองเป็นโจร จึงจับมัดมือมัดเท้านำไป
เฝ้าพระราชา พระราชาทรงตัดสินประหารชีวิตฤาษีโดยใช้วิธีเสียบด้วยตรีศูล เจ้าหน้าที่ได้ทำ
ตามนั้น และนำฤาษีที่ถูกเสียบแต่ยังไม่ตายไปปักไว้บนยอดเขา

ในระหว่างนั้น นางศีลวตีซึ่งเป็นภรรยาที่ซื่อสัตย์ต่อสามีอย่างยิ่ง เดินทางผ่านมาทางนั้น โดย
ให้สามีชื่อ อุครศรวัส (อุค-คระ-คระ-วัส) ขี่คอ เพื่อไปยังบ้านของหญิงแพศยา ขณะที่ฝนตกทำ
ให้ทางเดินลำบากอุครศรวัสได้ด่าทอฤาษีหาว่าเป็นตัวการทำให้ฝนตก ฤาษีโกระจึงสาปให้
ศีรษะของอุครศรวัสแตกเป็นเจ็ดเสี่ยงเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น ศีลวตีได้ยินคำสาป นางมีความซื่อ
สัตย์ต่อสามีมาก จึงตั้งจิตอธิษฐานไม่ให้พระอาทิตย์ขึ้น ซึ่งคำอธิษฐานก็ได้ผล

เมื่อพระอาทิตย์ไม่ขึ้น ทำให้เดือดร้อนไปทั่วจักรวาลรวมถึงเทวดา เทวดาพากันไปเฝ้า พระ
พรหมพระพรหมช่วยอะไรไม่ได้ จึงพากันไปเฝ้าพระศิวะ พระศิวะก็ช่วยอะไรไม่ได้จึงพากัน
ไปเฝ้าพระมหาวิษณุ พระตรีมูรติ (พระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุ) จึงพากันไป หานาง
อนุสูยาเพื่อให้นางขอร้องศีลวตี ถอนคำอธิษฐาน นางอนุสูยา และเทพตรีมุรติ จึงไปพบนาง
ศีลวตี และขอร้องให้นางถอนคำอธิษฐาน นางก็ยอมตามที่ขอ และเทพตรีมูรติได้ให้คำมั่นสัญ
ญาว่า อุครศรวัส จะไม่ตาย เทพตรีมูรติยินดีในความสำเร็จจึงให้นางอนุสูยาขอพร นางจึงขอ
ขอพรให้เทพทั้งสามมาเกิดเป็นลูกของนาง เทพตรีมูรติ จึงให้พรตามที่ขอ พระวิษณุจึงเกิด
จากนางเป็น พระทัตตาเตรยะ พระศิวะเป็น ทุรวาสัส และพระพรหมเป็นพระจันทร์ พระทัตตา
เตรยะ บำเพ็ญตบะตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และได้เป็นฤาษีทัตตาเตรยะ
หากมองตามความหมายทางธรรม ความเชื่อในศาสนาฮินดูแล้ว การบูชา “พระตรีมูรติ”
คือ การที่บุคคลนั้นกำลังบูชาเพื่อรับรู้ และเข้าถึงสภาวธรรมทั้งสามอันได้แก่ การสร้าง การ
ดำรงอยู่ และแตกสลายไปของสิ่งทั้งปวง (ไตรลักษณ์ : ทุกขํ อนิจฺจํ อนตฺตา) แต่เดิม ความเชื่อ
ในยุคต้นของพระตรีมูรติแบ่งได้มาตั้งแต่ยุคพระเวทตอนต้น ยุคพระเวทตอนปลายและตรี
มูรติ ในศาสนาฮินดูยุคใหม่ ซึ่งความเชื่อที่ส่งผ่านมาในแต่ละยุคแต่ละสมัยนั้นมีการเปลี่ยน
แปลง และพัฒนากันต่อเนื่องตามลำดับ

ความศรัทธาใน "ตรีมูรติ" ได้สืบทอดผ่านยุคผ่านสมัย ทั้งในอินเดีย เขมร พม่า ลาว
และไทย เทพตรีมูรติ มีเศียรกลางเป็นพรหม เศียรขวาและองค์เป็นวิษณุ เศียรซ้ายและ
ยอดเป็นศิวะ ได้รับการเทิดทูนจนกลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ ของการประทานความรัก และ
ความสมหวังให้มวลมนุษย์ผู้โหยหาความรักไปแล้วในปัจจุบัน
​

</TD></TR><TR><TD vAlign=top width=428 height=95>

บทสรรเสริญพระตรีมูรติ

พาลารกปรภมินทรนีลชฎิล ภสมางคราโคชวลศานต นทวิลีนจิตตปวน ศารทูลจรมามพรม พรหมชไชญะ สนกาทิภิะ ปริวฤต สิทไธะ สมาราธิตม อาเตรย สมุปาสมเห หฤทิมุท เธยย
สทา โยคิภิะ


บทสวดขอพรพระตรีมูรติ

สาธุ สาธุ สาธุ อุกาสะ ข้าแต่องค์พระตรีมูรติที่ยิ่งใหญ่ข้าพเจ้า

นาย,นาง............................( บอกชื่อ นามสกุล และที่อยู่ )

กราบเบื้องบาทแด่องค์ท่านแล้ว พระองค์เคยประทานพรแด่ทวยเทพทั้งหลาย
ผู้ปฎิบัติดี ผู้ปฎิบัติชอบทั้งหลาย บัดนี้ข้าพเจ้ามากราบเบื้องบาทแด่พระองค์ท่านแล้ว
จึงขอพรจากพระองค์ซึ่งประทานไว้ ณ บัดนี้ ( .....ขอพร..... )

เตสัง อัมหากัง พรใดอันประเสริฐจงมาบังเกิดแด่ข้าพเจ้า
ตุมหากัง และจงบังเกิดแด่ผู้คุ้มครองข้าพเจ้า
ฑีฆายุกา มหาเดชา มหาปัญญา มหาโภคา มหายะสา มหาลาภา ปัญจวีสติ
ภยันจะ ทวัตติงสะ ฉันนะวุฒิติโรคัญจะ โสระสะ อุบัติอันตรายยัญจะ อัยยัญติกะ
อันตรายยัญจะ พาหิระ อันตรายยัญจะ วิระหิตะวา โหตุ ยาวะชีวัง พระวิสตีติ
( พระตรีมูรติ )
วิธีการบูชา

ธูปแดง ๙ ดอก, เทียนแดง, ดอกกุหลาบแดง และ ผลไม้

ขอให้ท่านตั้งจิตเป็นกุศล และขอพรจากองค์พระตรีมูรติในเรื่องที่ดีงาม ถูกต้องตามทำนอง
ครองธรรม พรนั้นก็จะสัมฤทธิ์ผลตามต้องการ

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เคยมีปัญหาเรื่องความรักแล้ว ขอพระตรีมูรติดูมหัสจรรย์มากๆเลย
ไม่น่าเชื่อว่าจะพบรักใหม่ ตามที่ขอทุกอย่าง
ทำให้ ตอนนี้ตัดใจ จากคนเก่าได้แล้ว
หัวใจเป็นไท แล้ว ไม่ต้องมา กินน้ำตาแบบเก่าแล้วคะ

 

<CENTER>[SIZE=+0]เทวตรีปกรณ์- พระสุรัสวดี พระลักษมี พระพิคเณศเมื่อเทพทั้ง3ปรากฏองค์พร้อมกันจะให้พร 3อย่าง[/SIZE]</CENTER>

<TABLE style="WIDTH: 621px; HEIGHT: 608px" borderColor=#ffc0cb cellSpacing=2 cellPadding=2 width=621 align=center bgColor=#ffc0cb border=3><TBODY><TR><TD bgColor=#ffff00>

​

เทวตรีปกรณ์ เป็นภาษา ฮินดี โบราณ ไม่ว่าจะ เอาตัวไหน ขึ้นหน้าก็จะมีความ
หมายเมือนเดิมไม่ต่างกัน เช่น ตรีปรณ์เทว หรือ ปรณ์เทวตรี ก็ มีความมหายเหมือนเดิม ต่างจาก ภาษาอื่น ทั่วโลก ที่แค่ สับตำแหน่งความหมายก็ผิดเพี้ยน แล้ว --- ตรีเทวปกรณ์ กล่าว ถึง 3 เทพผู้ยิ่งใหญ่ ที่เหล่าพ่อค้าแม่ ขาย ให้ความนิยม บูชา กราบไหว้ ยิ่งนัก เพระมีความเชื่อว่าจะ นำมา สู่ ความเจริญ รุ่งเรือง ความ่ำรวย ความสำเร็จ ชื่อเสียง และ สติปัญญา ที่โดดเด่นเข้มแข็ง กว่า ใคร
พลังสิตปัญญา ความเข้มแข็ง เหนือว่า คู่แข่ทางการค้าทุกคนไม่ว่าจะ ลงแข่งสนามไหม สอบผ่าน ฉลุย ไม่ว่าจะ สนาม การเรียน สนามสงครามการค้า สงครามรัก
ไร้อุปสรรค แล้ว ก็ ไร้กังวล หายห่วง สะดวก สโมสร ใครมั่น บูชา เทพ ทั้ง 3 นี้ อย่างบริสุทธิ์ใจ แล้ว ตั้งมั่นในศีล ธรรมจะนำมา ซึ่งความร่ำรวยแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้อง การ เพระ ตำนาน เขาเล่าไว้เช่นนั้น สมัยก่อน มนุษย์ ใกล้ชิดกับ เทพเจ้า
ติดต่อกันง่าย หาก ผุ้ใ ดได้ พบ เทพ ทั้งสาม ปรากฏ พร้อม กัน แปลว่าผุ้นั่นมี บุญ วาสนา สูงจะ นำมาซึ่ง เกรียติ แล้ว ชื่อเสียงเป็นแน่แท้ เงินทองไหล มาเทมา
มันสมองฉลาดเป็นเลิศ จะทำการค้าใด ทำธุรกิจ ใด ก็ประสบผล สำเร็จ เสมอ

พระสุรัสวดี- ให้พรทางปัญญา ความฉลาด ศิลปวิทยาการต่างๆ การดนตรี การเรียน การพูดจา ภาษาการคิดอ่าน วางแผนเชิงกลุยุทธิ์ ทางธุรกิจจะเป็นเลิศกว่าใคร
พระลักษมี -ให้พรทางความร่ำรวย เงินทอง หามาโดยง่ายดาย ใครบุชาจะร่ำรวย ความรัก
พระพิคเณศ-ความสำเร็จ ความเจริญ ชื่อเสียง ความรู้ด้านต่างๆ ..อยากอ่านต่อคลิ๊กเลย
http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=polary&id=563
พระคเณศ ทรงเป็นเทพเจ้าผู้บันดาลให้เกิดอุปสรรคความขัดข้องทั้งมวล หรือจะนำพาให้ข้ามพ้นอุปสรรคเหล่านั้นก็ได้ จึงได้รับการนับถือว่าเป็นเทพเจ้าผู้ทรงบันดาลความสำเร็จทั้งมวล และเป็นเทพชั้นผู้ใหญ่ที่ทรงมหิทธานุภาพ แต่ก็มีคุณธรรมปกป้องผู้กระทำดี ปราบปรามสิ่งเลวร้าย

พระลักษมี เทพนารีพระองค์นี้ เป็นสัญลักษณ์แห่งความงามอันเจริญตาเจริญใจ เป็นเทพที่น้ำพระทัยดี อ่อนหวาน นิ่มนวล มีพระสุรเสียงอันไพเราะ ตรัสด้วยวาจาอ่อนหวานไพเราะ เป็นตัวอย่างของความงามอันพร้อมสรรพเท่าที่สตรีจะพึงมีในโลกนี้

พระสรัสวดี เทวีแห่งศิลปวิทยาการ โดยเฉพาะผู้ใฝ่ใจในทางอักษรศาสตร์ ซึ่งปรากฏคำบูชาพระนางเธอตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในหนังสือจินดามณีแต่คนไทยเรามักออกพระนามว่า พระสุรัสวดี

พบเรื่องราวของสามพระองค์ท่านได้จากหนังสือเล่มนี้
http://bookstore.manager.co.th/BookView.asp?ID=4557
​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<CENTER>[SIZE=+0]เทวตรีปกรณ์- พระสุรัสวดี พระลักษมี พระพิคเณศเมื่อเทพทั้ง3ปรากฏองค์พร้อมกันจะให้พร 3อย่าง[/SIZE]</CENTER>

<TABLE style="WIDTH: 621px; HEIGHT: 608px" borderColor=#ffc0cb cellSpacing=2 cellPadding=2 width=621 align=center bgColor=#ffc0cb border=3><TBODY><TR><TD bgColor=#ffff00>

​

เทวตรีปกรณ์ เป็นภาษา ฮินดี โบราณ ไม่ว่าจะ เอาตัวไหน ขึ้นหน้าก็จะมีความ
หมายเมือนเดิมไม่ต่างกัน เช่น ตรีปรณ์เทว หรือ ปรณ์เทวตรี ก็ มีความมหายเหมือนเดิม ต่างจาก ภาษาอื่น ทั่วโลก ที่แค่ สับตำแหน่งความหมายก็ผิดเพี้ยน แล้ว --- ตรีเทวปกรณ์ กล่าว ถึง 3 เทพผู้ยิ่งใหญ่ ที่เหล่าพ่อค้าแม่ ขาย ให้ความนิยม บูชา กราบไหว้ ยิ่งนัก เพระมีความเชื่อว่าจะ นำมา สู่ ความเจริญ รุ่งเรือง ความ่ำรวย ความสำเร็จ ชื่อเสียง และ สติปัญญา ที่โดดเด่นเข้มแข็ง กว่า ใคร
พลังสิตปัญญา ความเข้มแข็ง เหนือว่า คู่แข่ทางการค้าทุกคนไม่ว่าจะ ลงแข่งสนามไหม สอบผ่าน ฉลุย ไม่ว่าจะ สนาม การเรียน สนามสงครามการค้า สงครามรัก
ไร้อุปสรรค แล้ว ก็ ไร้กังวล หายห่วง สะดวก สโมสร ใครมั่น บูชา เทพ ทั้ง 3 นี้ อย่างบริสุทธิ์ใจ แล้ว ตั้งมั่นในศีล ธรรมจะนำมา ซึ่งความร่ำรวยแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้อง การ เพระ ตำนาน เขาเล่าไว้เช่นนั้น สมัยก่อน มนุษย์ ใกล้ชิดกับ เทพเจ้า
ติดต่อกันง่าย หาก ผุ้ใ ดได้ พบ เทพ ทั้งสาม ปรากฏ พร้อม กัน แปลว่าผุ้นั่นมี บุญ วาสนา สูงจะ นำมาซึ่ง เกรียติ แล้ว ชื่อเสียงเป็นแน่แท้ เงินทองไหล มาเทมา
มันสมองฉลาดเป็นเลิศ จะทำการค้าใด ทำธุรกิจ ใด ก็ประสบผล สำเร็จ เสมอ

พระสุรัสวดี- ให้พรทางปัญญา ความฉลาด ศิลปวิทยาการต่างๆ การดนตรี การเรียน การพูดจา ภาษาการคิดอ่าน วางแผนเชิงกลุยุทธิ์ ทางธุรกิจจะเป็นเลิศกว่าใคร
พระลักษมี -ให้พรทางความร่ำรวย เงินทอง หามาโดยง่ายดาย ใครบุชาจะร่ำรวย ความรัก
พระพิคเณศ-ความสำเร็จ ความเจริญ ชื่อเสียง ความรู้ด้านต่างๆ ..อยากอ่านต่อคลิ๊กเลย
http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=polary&id=563
พระคเณศ ทรงเป็นเทพเจ้าผู้บันดาลให้เกิดอุปสรรคความขัดข้องทั้งมวล หรือจะนำพาให้ข้ามพ้นอุปสรรคเหล่านั้นก็ได้ จึงได้รับการนับถือว่าเป็นเทพเจ้าผู้ทรงบันดาลความสำเร็จทั้งมวล และเป็นเทพชั้นผู้ใหญ่ที่ทรงมหิทธานุภาพ แต่ก็มีคุณธรรมปกป้องผู้กระทำดี ปราบปรามสิ่งเลวร้าย

พระลักษมี เทพนารีพระองค์นี้ เป็นสัญลักษณ์แห่งความงามอันเจริญตาเจริญใจ เป็นเทพที่น้ำพระทัยดี อ่อนหวาน นิ่มนวล มีพระสุรเสียงอันไพเราะ ตรัสด้วยวาจาอ่อนหวานไพเราะ เป็นตัวอย่างของความงามอันพร้อมสรรพเท่าที่สตรีจะพึงมีในโลกนี้

พระสรัสวดี เทวีแห่งศิลปวิทยาการ โดยเฉพาะผู้ใฝ่ใจในทางอักษรศาสตร์ ซึ่งปรากฏคำบูชาพระนางเธอตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในหนังสือจินดามณีแต่คนไทยเรามักออกพระนามว่า พระสุรัสวดี

พบเรื่องราวของสามพระองค์ท่านได้จากหนังสือเล่มนี้
http://bookstore.manager.co.th/BookView.asp?ID=4557
​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ความรู้สึกของคุณที่เห็นภาพนี้ คล้ายๆ ดิฉันเลยค่ะ

คุณ Matakalee เห็นภาพรูปฤาษีที่อยู่ข้างหลังรูปปั้นฤาษีอีกทีแล้วรู้สึกอบอุ่น ส่วนดิฉันเห็นภาพนี้ครั้งแรก ตั้งแต่ยังไม่เลื่อนภาพมาขึ้นเต็มจอ ก็รู้สึกว่าภาพนี้แรงแล้วค่ะ

พระฤาษีที่เป็นรูปปั้นนี้แรงมากๆ และยิ่งเป็นภาพที่แรงมากขึ้น เมื่อมีรูปพระฤาษีและพระอีกท่านหนึ่งยืนอยู่หลังภาพด้วย

บอกตรงๆ ว่ารู้สึกเหมือนมีเทวดาอยู่ในภาพด้านหลังทั้งสองนั้นค่ะ

 

คุณ atidtarn ครับ ผมอ่านข้อความของคุณข้างบนเสร็จ ขนแขน ขนหัว ของผมมันลุกซู่อย่างแรงเลยครับ ทุกอย่างในภาพนี้ มีที่มาที่ลึกลับ มีพลังมากจริงตามที่คุณ atidtarn และคุณ Matakalee ว่าไว้
สงสัยว่าคุณทั้งสองคงเคยมีบุพกรรมร่วมกันมากับท่านฤาษีในภาพนี้ เสียดายองค์ฤาษีที่นั่ง ผมยกให้ป้าคนหนึ่งไปแล้ว แกเป็นนักปฏิบัติสายบุญ ไปวัดทำบุญอยู่บ่อยๆครับ แล้วแกก็มีจิตสัมผัสองค์เทพ ได้ด้วย เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เจอป้าแก แล้ว

 

คุณ MOUNTAINและคุณ atidtarnคะ ดิฉันกำลังอ่านกระทู้ของหนูมาลีอยู่ยังไม่จบ อยู่ๆภาพของท่านฤาษีที่คุณ MOUNTAIN โพสไว้ก็เลื่อนมาอยู่ตรงดิฉันทั้ง ๆ ที่ดิฉันยังไม่เลื่อนคลิกเม้าส์ ทำเอาดิฉันขนหัวลุก กระพริบตาทีหนึ่ง กระทู้ของคุณ atidtarn ที่เขียนไว้ก็เลื่อนมาเอง และข้อความต่อมาก็เป็นของคุณ ฤาจะเป็นกระแสอะไรบางอย่าง คุณว่ามั๊ย คงต้องตามต่อไปว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก ทุกวันนี้ภาพของท่านดูจะชัดเจนมากในหัวของดิฉัน ไม่ว่าจะนั่ง เดิน ยืน หรือทำอะไร