เชียงใหม่วัดร้างอื้อขาด"พระ"จำพรรษา

เชียงใหม่วัดร้างอื้อ ชาว พุทธตกใจ ไปทำบุญวัน อาสาฬหบูชาวันเข้าพรรษา บางวัดไม่เห็นพระ-เณรแม้แต่รูปเดียว โดยเฉพาะตามอำเภอรอบนอกเมือง ผอ.สำนักฯพระพุทธศาสนาเชียงใหม่ยอมรับหลายวัดไม่มีพระ-เณรจำพรรษาจริง จากการสำรวจพบว่า 32 วัดไม่มีพระ-เณร 336 วัดมีพระเพียง 1 รูป 226 วัด มีพระ-เณรแค่ 2 รูป บางวัดต้องให้ชาวบ้านดูแล

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 10 ก.ค. หลังวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา ประจำปี 2552 ผ่านมาได้เพียงวันเดียว มีข้อสังเกตจากพุทธศาสนิกชนชาวเชียงใหม่ที่ไปตระเวนทำบุญถวายเทียนพรรษา และผ้าอาบน้ำฝนตามวัดอำเภอรอบนอก แจ้งผู้สื่อข่าวว่า จากการพาครอบครัวไปทำบุญตามวัดต่างๆ และสำนักสงฆ์อำเภอรอบนอกของจ.เชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 7-8 ก.ค.ผ่านมา พบว่าบางวัดปิดเงียบไม่มีพระหรือเณรจำพรรษาแม้แต่รูปเดียว จึงเข้าใจว่าจะจำวัดหรือมีกิจนิมนต์ บางวัดสอบถามชาวบ้านทราบว่า ไม่มีพระอยู่หลายเดือนแล้ว กลายเป็นวัดร้างไป และคณะสงฆ์สังฆาธิการก็ไม่ได้จัดส่งพระมาจำพรรษา เป็นที่พึ่งพิงให้ชาวบ้านได้ทำบุญและปฏิบัติธรรมในระหว่างพรรษา

นายจำลอง กิติศรี ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.เชียงใหม่ กล่าวถึงกรณีพุทธศาสนิกชนตั้งข้อสังเกตว่า วัดและสำนักสงฆ์ในพื้นที่อำเภอรอบนอกของจ.เชียงใหม่หลายแห่งไม่มีพระจำพรรษา ว่า เป็นความจริง บางวัดไม่มีพระอยู่จำพรรษาในปีนี้ เพราะจำนวนพระภิกษุสามเณรลดลง ซึ่งมีแนวโน้มลดลงติดต่อกันหลายปีแล้ว เนื่องจากผู้บวชใหม่ลดลงมาก เยาวชนที่จะเข้าบวชลดลงแม้จะมีการรณรงค์อย่างเต็มที่แล้วก็ตาม

"จากการสำรวจของสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.เชียงใหม่ ไม่มีพระจำวัดอยู่เลยถึง 32 วัด และมีพระดูแลอยู่เพียง 1 รูป จำนวน 336 วัด มีพระและเณรอยู่ 2 รูป และจำนวน 226 วัดมีพระและเณรอยู่แค่ 2 รูป ขณะนี้หลายๆ วัดต้องให้ชาวบ้านดูแลแทน เนื่องจากไม่มีพระ" นายจำลอง กล่าว

ด้านพระพุทธสารโสภณ เจ้าอาวาสวัดล้านนาญาณสังวราราม อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ และเจ้าคณะจ.เชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน (ธรรมยุต) กล่าวว่า จำนวนพระภิกษุสามเณรในปกครองทั้ง 3 จังหวัดลดลงจริง บางวัดมีพระอยู่รูปเดียว บางวัดไม่มีพระอยู่เลย ทั้งนี้ในปี 2552 สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.เชียงใหม่ ระบุว่า มีวัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา 738 วัด มีสำนักสงฆ์ 521 แห่ง รวม 1,259 แห่ง และยังมีที่พักสงฆ์ ตามหมู่บ้านในชนบทห่างไกลอีก 469 แห่ง ทั้งหมดเป็นวัดและสำนักสงฆ์คณะมหานิกาย 1,222 แห่ง ธรรมยุต 37 แห่ง ที่พักสงฆ์ของมหานิกาย 374 แห่ง และธรรมยุต 95 แห่ง ส่วนใหญ่พบว่าที่ร้างมากที่สุดเป็นที่พักสงฆ์

˹ѧ

 

อนุโมทนาสาธุกับผู้แจ้งข่าวให้ทราบครับ แล้วทุกท่านมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างครับ ช่วยกันระดมความคิดเห็นด้วยครับ.

 

ดูหัวข้อแล้วก็เกิดธัมมะสังเวชใจในวัดร้างมากๆ

ดูหัวข้อแล้วก็เกิดธัมมะสังเวชใจในวัดร้างมากๆ

แต่ก็มีข้อสังเกตุหลายอย่างพอที่จะนำมาทบทวนแก้ไขบ้างอาจจะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ครับ
ตามที่อยู่ในแนวหน้าในการเผยแผ่พระพุทธศาสนานั้นทำไมวัดจึงลดคนมาบวชเรียนกันมาก

1.สังคมหันหลังให้วัดแล้ว

2.กฎหมายกีดกันเด็กให้หันหลังเข้าวัด (ทุกคนมีสิทธิ์ เรียนฟรี 12 หรือ 15 ปี เด็กมันก็โตแล้วล่ะ ถ้าใครออกโรงเรียนก่อน ก็ผิดกฎหมาย มีเรื่องเล่าวว่าเขามาจับเณรสึกเพราะออกก่อนกำหนดกฎหมายมาบวช เช่นออก ป.6...พ่อแม่จะกล้าให้ลูกตัวเองมารึ นี้คือความบกพร่องของกฎหมาย ออกมาแบบไม่ดูโบราณบัณฑิต พาทำ นี้คือส่วนหนึ่งที่เด็กเข้ามาบวชเรียนได้ แต่โดนตัดตอน ไปเรียบร้อย) เด็กเข้าวัด พ่อแม่ก็ตามมาครอบครัวก็มาจึงทำให้คนนิยมวัด

3.วัดมิใช่ศูนย์กลางชุมชน เช่นเดิมดังอดีต แล้ว

4.การให้ความนิยมและคุณค่า สำหรับผู้ที่จะบวช เช่นสมัยโบราณ ใครที่เป็นทาส ถ้าได้บวชเรียน จะให้เลิกทาสเลย เช่นนี้ ปัจจุบันไม่มีสิ่งดึงจิตใจคนจะบวชจึงไม่สนใจ ขนาดพระเณร สอบนักธรรมเอก ได้ก็ไม่ยอมเทียบเท่าให้ เรียนและสอบพอเป็นพิธี จึงไม่มีใครสนใจบวชเรียน เรื่องค่านิยมนี้ สำคัญมาก...ดังเช่นการเรียนหมอเรียนแพทย์ มีค่านิยมมาก แม้จะใช้เงินเยอะ หรือต้องเรียน แต่ถ้าเรียนจบล่ะ งานวิ่งชนเลย เปิดคลีนิค ตัวเองก็ได้ สังคมก็นิยม อย่างนี้เป็นต้น ลองดูไหม ถ้าใครบวชเรียนได้นักธรรมเอก สามารถสอบเป็นครู ได้ สอบตำรวจได้ สอบอะไรๆก็ได้ คนก็แห่บวชกันเต็มวัดเลยล่ะ นี้ก็อีกอย่างเรายังขาดเชิงรุกในการให้ค่านิยมในพระพุทธศาสนา ครับ

5.ตามชุมชนเขามีความรู้แค่ว่า มีพระไว้ใช้ในเวลามีงานศพ หรืองานผ้าป่า ไม่ชอบมีงานบวช ชอบงานที่กินเหล้าเมายา และผู้นำก็หาผ้าป่ามาเอง นิมนต์ พระมารับแล้วใส่ซอง ส่วนที่เหลือ หอบเข้าบ้านหมด พระไม่มีสิทธิ์ ดูแล ถ้าไปยุ่งเขาก็นิมนต์ ออกวัด...

6.วัดที่ร้างเพราะแก้ไขไม่ได้แล้ว เพราะผู้นำหมู่บ้านเป็นเจ้าอาวาสเอง พระที่ท่านจะเข้ามาดูแล ก็ ออกจากวัดสร้างวัดใหม่ดีกว่า มีอย่างนี้มาก ครับทางอีสาณ
7.สังคมไทยเห่อสังคมต่างประเทศมาก เลยลืมวัฒนธรรมตัวเองที่บรรพบุรุษ รักษาไว้ด้วยเลือดเนื้อ ชีวิต เป็นมรดกที่ ต้องการให้ลูกหลานสืบสานต่อจากบรรพชน แต่ลูกหลานกลับเมินเฉย ถือว่า โบราณคร่ำครึ แต่หารู้ไม่ว่า ฝีมือบรรพบุรุษทั้งนั้นทำให้ไทย ไม่เป็นทาสในสมัยก่อนและสมัยนี้

8.สังคมดิ้นรน เป็นหนี้เยอะมากไม่มีเวลามาเข้าวัดฟังธรรม ลูกจะมาวัดก็ไม่ได้ เพราะต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน

9.โรงเรียนแย่งผ้าป่าวัด หลังจากเพลงของไมค์ ภิรมพร ดังเพลงปึกแป้นปีก แม้เรียนไม่เก่งแต่ทำผ้าป่ามาโรงเรียนได้ หลังจากนั้นไม่นาน ผ้าป่าไปโรงเรียนแทบทุกปี หรือแทบจะทุกจังหวัดในภาคอีสาณ ไม่ใช่ว่าอิจฉาโรงเรียนแต่ วัดขาดสื่อที่จะดึงคนเข้าวัด แต่โรงเรียน มีทั้ง งบประมาณ ครูก็เงินเดือนเป็นหมื่น มีรถ มีบ้านมีทุกอย่างที่สังคมมี แต่ยังรอรับบริจาคผ้าป่า แย่งวัดชัดเจน ถ้าเปรียบเทียบกับวัดที่ยังไม่ถูกต้อง จะพัฒนาวัด ต้องรอผ้าป่า มาเป็นปี แต่บางปีไปโรงเรียน หรือบางปีวัดไม่มีผ้าป่าเลย แต่โรงเรียนมี แล้ววัดก็เศร้าหมองวัดไม่มีผ้าป่ามางบประมาณทางรัฐก็ไม่มี สุดท้ายพระก็หนีจากวัด

10. ข้อนี้จะเป็นการแก้ไขที่ถูกต้องที่สุดที่คิดว่าดีนะ ควรจะช่วยกันตรงนี้ให้มาก

ปุตตา วัตถุ มนุสสานัง บุตรหลาน คือเชื้อของมนุษย์ ทั้งมวล

การแก้ปัญหาที่ถูกจุด ต้องให้เด็กเป็นสื่อกลางนี้เป็นสิ่งสำคัญทำยังไงจึงจะดึงเด็กเข้าวัดได้ และบวชเรียนได้ เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ ในวันหน้า ....ขอให้พิจารณาช่วยกันครับ

ขอฝากห้องสนทนา ที่บัณฑิตทั้งหลายแวะมาเยี่ยมเยียนกัน ครับ...

ห้องแซท ลานธรรม ห้องสนทนาธรรม กัลยาณธร&#

 

ต้องแก้ไขเสียใหม่

 

สาธุ นมัสการ กับพระคุณเจ้า พระบัณฑิต ธัมโม
วิเคราะห์ได้ถูกใจโยม

ต้องคนแวดวงใน ถึงจะเข้าใจได้ขนาดนี้

 

.....สัพเพธรรมาอนิจจา สัพเพธรรมาอนัตตา